เทพธิดาขนนก ตอนที่5 คุณช่วยฉันไว้อีกแล้ว
บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข
ปอแก้วยังคงอึ้งๆ อยู่ในอ้อมกอดศุภกฤต เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปทางอภิวัชมีมองจ้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คุณวัช”
อภิวัชบอกเสียงห้วน “ปล่อยมือจากแฟนผมได้แล้ว”
ศุภกฤตเพิ่งรู้สึกตัว รีบปล่อยให้ปอแก้วยืนเองตามปกติ อภิวัชรีบเข้ามาดู
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณนักข่าวช่วยฉันไว้” เธอยิ้มขอบคุณศุภกฤต “ขอบคุณนะคะ”
ศุภกฤตยิ้มตอบ แต่อภิวัชหันมามอง สายตาไม่ค่อยพอใจ พวกทีมงานรีบเข้ามาขอโทษขอโพย
“พวกผมขอโทษนะครับคุณปอแก้ว”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ดูแลอุปกรณ์ให้เรียบร้อยแล้วกัน ถ้าเสียหายก็รีบซ่อมซะ”
ทีมงานรีบเข้าไปเก็บกล่อง ข้าวของที่หล่นอยู่ตามพื้น อภิวัชดึงมือปอแก้วเลี่ยงออกมา มีศุภกฤตตามมาด้วย
“ผมไปหาคุณที่ออฟฟิศ แต่รปภ.บอกว่าคุณมาอยู่ที่นี่ ไม่นึกว่ามืดค่ำแล้วยังต้องเทคแคร์นักข่าวอยู่อีก”
ศุภกฤตอ่านออกว่าอภิวัชหึง รีบเคลียร์ตัวเอง แต่เหมือนจงใจชักใบให้เรือเสีย
“โอ๊ะๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้นัดกับแฟนคุณ เรามาเจอกันโดยบังเอิญ แล้วเมื่อกี้เราก็ไม่ได้ตั้งใจยืนกอดกัน คงเห็นแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“คุณ พูดอะไรเนี่ย”
“ก็แฟนคุณตั้งท่าจะหึงผม ผมก็ต้องเคลียร์ตัวเองสิ”
“ผมไม่ได้หึง แต่ไม่ชอบที่ปอแก้วต้องทำงานจนถึงมืดค่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเป็นต้นเหตุก็แล้วไป” อภิวัชตัดบท “กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ปอแก้วพยักหน้า แต่ไม่ลืมหันไปบอกลาศุภกฤต “คุณก็กลับบ้านเถอะ เดินอยู่คนเดียวเดี๋ยวอะไรตกใส่หัว จะเดือดร้อนบริษัทฉันอีก”
อภิวัชแอบทำหน้าไม่พอใจ รู้สึกว่าปอแก้วเหมือนจะห่วงศุภกฤต รีบดึงปอแก้วออกไปเลย
อภิวัชขับรถมาส่งปอแก้วที่หน้าบ้าน ปอแก้วหันไปมองคนรักยังเห็นว่าเขาทำหน้าบึ้งตึงงอนๆ ก็ยิ้มขำ
“สรุปนี่คุณหึงฉันกับคุณนักข่าวนั่นจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ได้หึง แต่ผมไม่ชอบให้เขามายุ่งกับคุณ ท่าทางว่าเขาจะตอแยคุณเรื่อยๆ ตั้งแต่รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
“นั่นแหละ เขาเรียกว่าหึง ปากแข็งจริงๆ”
ปอแก้วแกล้งบีบปากอภิวัชเล่นให้ยิ้ม อภิวัชอารมณ์ดีขึ้น
“ถ้าไม่อยากให้ผมหึง ก็พาผมไปเปิดตัวกับพ่อคุณซักทีสิ วันนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมลงไปด้วยเลย”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ทำไมใจร้อนจัง”
อภิวัชงอน “แล้วผมต้องรอถึงเมื่อไร”
“ให้ฉันทำคอนเสิร์ตนี้ให้เสร็จก่อน ถ้าผลงานมันออกมาปัง คุณพ่อจะได้เห็นว่าฉันเป็นผู้ใหญ่พอที่จะตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแล้วจริงๆ”
อภิวัชไม่พอใจ แต่ก็ไม่งอแงอีก
“สัญญาแล้วนะครับ”
“สัญญาค่า”
“งั้นเซ็นสัญญาให้ผมหน่อย” เขาเอียงแก้มให้เชิงบอกให้หอม “ตรงนี้”
ปอแก้วหัวเราะคิก เอามือตีอภิวัช หันมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก็ยื่นหน้าหอมแก้มอภิวัชหนึ่งฟอด ก่อนจะลงจากรถไป
อภิวัชมองตามปอแก้ว แล้วขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดีมากขึ้น หายงอนเป็นปลิดทิ้ง
ปอแก้วเดินยิ้มระรื่นเข้ามาในบ้าน เห็นพรทิพย์นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาในห้องโถง
“กลับมาแล้วหรือลูก แม่ไม่ได้ยินเสียงรถเลย”
“แก้วทิ้งไว้ที่บริษัทน่ะค่ะ พอดีเพื่อนมาส่ง”
พรทิพย์มองเหล่ “เพื่อนที่ไหนจ๊ะ แล้วทำไมชวนเขาเข้าบ้านก่อน”
“เขายังไม่สะดวกน่ะค่ะ”
ปอแก้วยิ้มเขินๆ แล้วเดินเข้ามานอนหนุนตักแม่ พรทิพย์มองอาการปอแก้วอย่างรู้ทัน
“เพื่อนผู้ชายหรือเปล่า ถึงไม่กล้าเข้าบ้านเรา” พรทิพย์กระซิบบอก “วันหลังพามาให้แม่รู้จักบ้าง แอบๆ คุณพ่อก็ได้”
แต่เสียงดังพอที่บูรพาซึ่งเดินมามาจะได้ยิน “คุณนี่แนะนำอะไรให้ลูกเสียเด็กนะ”
ปอแก้วสะดุ้งหันไป เห็นบูรพาเดินเข้ามา ทำหน้าดุๆ ใส่
“ยายแก้วไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ แกโตแล้วจะมีแฟนก็ไม่แปลก”
“ลูกไปอยู่เมืองนอกมาเป็นสิบปี เพิ่งกลับมาไม่ทันไร จะรีบให้มีแฟนไปไหน อยู่กับพ่อแม่ให้ชื่นอกชื่นใจก่อนสิ”
“แหม ฉันก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งให้ลูกแต่งงานออกเรือนซะหน่อย แค่มีแฟน”
บูรพาหันไปถามปอแก้วทันที “แก้วมีแฟนแล้วเหรอลูก”
ปอแก้วอึกอัก เห็นท่าทางบูรพาเคร่งเครียดก็กลัว
“เอ่อ ยังไม่มีค่ะ ก็อย่างที่คุณพ่อบอก แก้วเพิ่งกลับมาไทย ยังไม่ค่อยรู้จักใครเลย” ปอแก้วหันมาแก้ตัวกับพรทิพย์ “อย่างวันนี้เพื่อนที่มาส่งแก้วก็เป็นผู้หญิงค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
ปอแก้วลอบมองหน้าบูรพา เหงื่อตก
พรทิพย์กับบูรพาขึ้นห้อง เตรียมเข้านอน
“ฉันว่าคุณหวงลูกเกินไปนะคะ วัยอย่างยายแก้วถ้าแกจะกุ๊กกิ๊กกับใครบ้าง ก็ควรจะให้อิสระ อย่าเพิ่งไปคาดคั้นกับแกมากเลย”
“ผมก็ไม่ได้ว่าถ้าจะมีแฟน แต่ต้องเลือกให้ดี ผมอุตส่าห์เลี้ยงลูกประคบประหงมมาอย่างดี แกก็ควรจะได้คนที่ผมเห็นว่าเหมาะสม ไม่ใช่ไปคว้าใครก็ไม่รู้มาปอกลอกลูกเรา”
“คุณก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไป ยายแก้วแกเรียนสูงขนาดนี้ คงไม่โง่ให้ใครหลอกได้”
“มันก็ไม่แน่หรอกคุณ ความรักมันทำให้คนตาบอดมานักต่อนัก ผมจะไม่ยอมให้ลูกผมตกเป็นเหยื่อผู้ชายคนไหนทั้งนั้น”
บูรพาพูดแล้วล้มตัวลงนอน พรทิพย์เหลือบมองค้อนอย่างหมั่นไส้
“ที่เขาว่าผู้ชายเจ้าชู้มักจะหวงลูกสาว ฉันเชื่อแล้วว่าจริง”
บูรพาทำหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ นอนตะแคงหันหลังให้เมียอย่างขุ่นมัว
ด้านปลายอ้อเปิดเพลงซ้อมเต้นอยู่คนเดียวจนจบเพลงก็ทิ้งตัวลงนั่งหมดแรง สายตาเหลือบไปที่นาฬิกา
“ฮะ สี่ทุ่มแล้วเหรอ”
ปลายอ้อเดินโสลเสลออกมาจากห้องซ้อม ได้ยินเสียงอินโทรเพลง "จันทร์" ดังแว่วออกมาจากด้านหลังห้องซ้อม ปลายอ้อฟังเพลินๆ ฮัมทำนองจะร้องตาม แต่พอถึงท่อนร้องก็มีเสียงหวานๆ ดังแทรกขึ้นมาตัดหน้า
“จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า
จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม
ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล
ไม่รู้วันไหนหัวใจถึงจะเต็มดวง
คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ
แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน
ไม่มีวันนั้นวันที่ใจเต็มดวง
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน
ไม่มีวันนั้นวันที่ใจเต็มดวง”
ปลายอ้อแปลกใจ หยุดฟังมองหาต้นเสียง
เพ็ญกำลังเก็บล้างตู้ส้มตำหน้าร้าน เปิดฟังเพลงตัวเองแล้วร้องไปเพลินๆ ไม่ได้สนใจใคร จนจบเพลงก็ได้ยินเสียงตบมือแปะๆๆๆ
“เสียงเพราะจังเลยจ้ะป้า”
เพ็ญสะดุ้งหันไปเห็นปลายอ้อเดินเข้ามา
“ร้านปิดแล้ว”
“ฉันรู้ แต่พอดีได้ยินเสียงเพลงเลยอยากมาดูว่าใครร้อง เสียงป้าใสอย่างกับนักร้องอาชีพแน่ะ”
ปลายอ้อเข้ามามองใกล้ๆ อย่างพินิจพิเคราะห์
“เอ๊ะ จะว่าไป หน้าป้าก็คุ้นๆ ด้วย”
เพ็ญหลบตาวูบ กลัวปลายอ้อจำได้ว่าเป็นใคร ปฏิเสธเสียงขุ่น
“คุ้นเคิ้นอะไร ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
“ป้าเป็นนักร้องเก่าหรือเปล่าเนี่ย”
เพ็ญร้อนตัวโวยวาย “ใช่ที่ไหนกัน ไปไป๊ จะปิดร้านแล้ว อย่ามาเกะกะ”
เพ็ญทำเป็นเก็บข้าวของหนีเข้าร้านปิดประตูทันที ทั้งให้ปลายอ้อยืนงง ยังข้องใจไม่หาย
เช้าวันใหม่ ปอแก้วออกไปวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน เห็นหนุ่มๆ ในหมู่บ้านขี่จักรยานสวนมา เหลือบมอง
ปอแก้วไม่สนใจใคร วิ่งต่อไป หนุ่มหล่ออีกคนวิ่งขึ้นมาตีเสมอ ส่งยิ้มให้
“สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเลย”
“เอ่อ ค่ะ” ปอแก้วไม่ค่อยอยากคุยด้วย
“ดีเลยครับ ต่อไปนี้ผมจะได้มีเพื่อนวิ่ง”
หนุ่มหล่อพยายามตีสนิท แต่จู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นด้านหลัง หนุ่มหล่อหันไปมอง เห็นบูรพาขับรถมาจ่อตูด ทำท่าจะชนอีกด้วย
หนุ่มหล่อร้อง “เฮ้ย” รีบกระโดดหนี
“มาก้อร่อก้อติกอะไรลูกฉัน ไปให้พ้น”
บูรพาเปิดกระจก บีบแตรไล่ หนุ่มหล่อกลัวๆ รีบเผ่นขึ้นหน้าไป ปอแก้วขายหน้า
“คุณพ่อ”
“ขึ้นรถลูก”
ปอแก้วอายขายขี้หน้า รีบก้าวขึ้นรถ ปิดประตูทันที
“ทีหลังอยากออกกำลังไปสมัครฟิตเนส อย่ามาวิ่งแถวนี้ พ่ออยู่ในบ้านเห็นมันเล็งแก้วตั้งแต่วิ่งผ่านหน้าบ้านเราแล้ว”
“โธ่คุณพ่อ เรื่องแค่นี้เอง”
“พวกผู้ชายที่มันทำเจ้าชู้ประตูดินกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอ ร้อยทั้งร้อยมันไม่ใช่คนดีหรอก แก้วต้องระวังตัว”
ปอแก้วฮึดฮัด รู้สึกว่าพ่อคิดมากไปเอง บูรพาเปลี่ยนเรื่อง
“เข้าบ้านไปอาบน้ำเถอะลูก วันนี้พ่อจะพาแก้วไปคุยงานที่ช่องแปด”
สายวันนั้น ปอแก้วนั่งอยู่ในห้องประชุมช่อง8กับบูรพา ตรงหน้าเป็นผู้บริหารหนุ่มหล่อ คุณอริน
“คุณอริน นี่ลูกสาวผมครับ ชื่อปอแก้ว ที่ว่าจะเข้ามาดูแลธุรกิจบูรพาซาวด์ต่อจากผม”
“ผมทราบจากคุณพ่อว่าคุณปอแก้วเรียนที่นิวยอร์คหรือครับ”
“ค่ะ แก้วเรียนตรีกับโทที่นั่น”
“ผมก็เป็นเด็กนิวยอร์คเก่า เสียดายที่เราไม่เคยเจอกันเลย”
อรินส่งสายตาเจ้าชู้ บูรพาเหล่มอง รีบชงต่อ
“ดีเลยครับ นิวยอร์กเกอร์เหมือนกันจะได้คุยกันได้ถูกคอ” เสี่ยหัวเราะเอาใจ “แก้วเล่าเรื่องคอนเสิร์ตเปิดค่ายให้คุณอรินฟังสิลูก ทางช่องแปดสนใจจะถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตให้เราอยู่นะ”
ปอแก้วงงๆ ไม่รู้มาก่อน “อ๋อ คืออย่างนี้ค่ะ...”
อรินกลับขัดว่า “ผมว่าเราทานกลางวันกันคุยกันไปดีกว่าครับ จะได้ไม่เคร่งเครียดมาก ไม่ทราบว่าคุณปอแก้วสะดวกไหมครับ เที่ยงนี้”
บูรพาสมยอมทันควัน “ผมอาจจะไม่สะดวกเพราะต้องกลับไปประชุมที่ค่าย คงต้องฝากยายแก้วเป็นตัวแทนนะคัรบ”
ปอแก้วเลิ่กลั่กที่ถูกพ่อมัดมือชก บูรพาเห็นสายตายิ้มๆ ของอรินที่มองลูกสาวก็พอใจ
ปอแก้วเดินอึดอัดออกมากับอรินที่หน้าตึกช่อง8 มีบูรพาตามมาห่างๆ กำลังจะก้าวขึ้นรถ ก็เห็นอภิวัชขับรถมาจอดเทียบ
อภิวัชเปิดประตูลงรถมามองปอแก้วอย่างแปลกใจ ปอแก้วทำหน้าบอกไม่ถูก อยากอธิบายหลายอย่างแต่ไม่มีจังหวะ เพราะบูรพายืนอยู่ด้วย
อรินเปิดประตูให้ “เชิญครับ”
ปอแก้วจำต้องขึ้นรถอริน ออกไปอย่างไม่สบายใจ อภิวัชงงๆ อึ้งๆ พอหันไปเห็นบูรพาก็จำใจต้องเอ่ยทัก เลียบๆ เคียงๆ ถาม
“สวัสดีครับ เอ่อ เสี่ยมาทำธุระกับคุณปอแก้วเหรอครับ”
“ใช่” บูรพาบลัฟใส่ทันที “ลูกสาวผมแกสนิทกับคุณอริน ก็เลยถูกเรียกมาคุยเรื่องโปรเจ็กต์รายการเพลงน่ะ แล้วนี่คุณมาส่งเทปเหรอ”
อภิวัชรู้ว่าบูรพาแกล้งเยาะใส่ แต่ก็พยายามฝืนยิ้มตอบ
“ผมมาประชุมเรื่องรายการซีซั่นสองน่ะครับ”
บูรพาแกล้งทำเป็นแปลกใจ “อ้าว แต่คุณอรินออกไปทานข้าวกับยายแก้วแล้วไม่ได้นัดกันไว้ก่อนล่ะสิ”
อภิวัชส่ายหน้ายิ้มๆ “ผมมีนัดคุยกับคุณพ่อคุณอรินน่ะครับ”
บูรพาหน้าม้านไปเลย แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามข่มกลับอีก
“แสดงว่ารายการเรตติ้งดีมาก คุณคิดถูกแล้วที่ดึงเพลงลูกทุ่งเข้าไปช่วยเรียกคนดู แต่อีกหน่อยเราคงต้องเป็นคู่แข่งกันนะ เพราะบูรพาซาวด์ก็กำลังจะทำรายการทีวีเหมือนกัน”
“อย่าเรียกว่าเป็นคู่แข่งกันเลยครับ เราคนแวดวงเดียวกัน ถือว่ามาช่วยๆ กันกอบกู้วงการเพลงให้ฟื้นตัวดีกว่า มีหลายๆ รายการยิ่งดี”
บูรพาหัวเราะเยาะ “ก็ถูกของคุณ แต่หวังว่าคุณยังจะคิดแบบนี้ ถึงแม้รายการจะเราบังเอิญแย่งเวลาของคุณไปฉายนะคุณอภิวัช”
บูรพาตบไหล่อภิวัชเย้ยหยันในที แล้วเดินไปที่รถตัวเอง
อภิวัชหน้าเจื่อน มองตาม เซ็งที่บูรพาเหมือนเห็นตัวเองเป็นศัตรูอยู่ตลอดเวลา
เกวลีง่วนกับการทำแหนมอยู่ในครัวที่บ้านพักศิลปิน ร้องเพลงหงุงหงิงๆ ไปด้วย จนหันมาเห็นบุญทิ้งยืนจ้องอยู่ ถึงกับสะดุ้ง
“บุญทิ้ง มาทำอะไร”
“แอบมาฟังศิลปินฝึกหัดร้องเพลง” บุญทิ้งเดินเข้ามาดู “ต้องร้องให้แหนมฟังด้วยใช่ไหม ถึงจะได้อร่อยๆ”
เกวลียิ้มเขิน ไม่ตอบอะไร บุญทิ้งมองหา
“ไอ้อ้อไปไหน”
“มีนัดซ้อมคอนเสิร์ตกับพี่เจนนี่”
“แล้วเธอไม่ต้องซ้อมเหรอ”
“ฉันโดดมาก่อน เพราะจะกลับมาทำแหนม เดี๋ยวไม่มีส่งขาย”
“เฮ้อ แทนที่จะเอางานร้องเพลงเป็นงานหลัก แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้ทำเทปกับเขาล่ะเจ๊”
เกวลีชะงักมือ สีหน้าเศร้าลง สบตากับบุญทิ้ง
“ก็เพราะฉันไม่รู้ไงว่าเมื่อไรจะได้ทำเพลง เงินเดือนศิลปินฝึกหัดอย่างเดียวไม่พอเลี้ยงตัวเองกับที่บ้าน ถึงต้องมาขยำแหนมขายอยู่นี่ไง”
บุญทิ้งอึ้งไป เริ่มเข้าใจ “อ้าวเหรอ”
“ถ้าได้เป็นนักร้องอย่างเดียวเหมือนคุณเพียงฟ้า ฉันก็คงสบายไปแล้วล่ะแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ ก็ต้องดิ้นรนกันไป”
เกวลีฝืนยิ้ม แล้วนวดคั้นแหนมต่อ บุญทิ้งมองสงสาร
“งั้นฉันช่วยนะ”
“ทำเป็นเหรอ”
“ก็สอนสิ ไม่ขออะไรมาก เอาแหนมสดพวงนึงพอ”
เกวลียิ้มหวาน หยิบถุงมือพลาสติกมาให้บุญทิ้งใส่ แล้วนวดคั้นเนื้อหมูในกาละมังให้ดู
บุญทิ้งทำตาม ยื่นมือลงไปช่วยนวด มือบุญทิ้งเผลอจับมือเกวลี ทั้งสองยิ้มเขินๆ มองหน้ากันมุ้งมิ้งไปมา
ส่วนปลายอ้อนั่งจับเจ่ากองอยู่กับพวกแดนเซอร์ แววเดือนเพิ่งซ้อมเพลงตัวเองจบ
“นี่ อะไรกัน จนป่านนี้นังเพียงฟ้าเพียงดินนั่นยังไม่โผล่หัวอีกเหรอ แกโทร.หามันอีกรอบซิ”
“โทร.แล้ว ปิดเครื่องทั้งนังฟ้านังลั้นลานั่นแหละ สงสัยเมื่อคืนจะหนัก” เจนนี่บอก
แดนเซอร์1 บ่น “แล้วเราจะรอกันไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอพี่เจนนี่ ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี”
“ก็มันต้องซ้อมพร้อมนักร้องนี่หว่า ไม่งั้นเดี๋ยวก็เต้นทับลายกันเละเทะไปหมด” เจนนี่หันมาทางแววเดือน “เจ๊มาเต้นแทนเพียงฟ้าหน่อยได้ไหม”
“โอ๊ย แค่เพลงตัวเองก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
แววเดือนทิ้งตัวลงนอนแผ่กับพื้น ปลายอ้อคิดๆ รีบลุกขึ้น
“เดี๋ยวอ้อเต้นแทนให้ก็ได้จ้ะพี่เจนนี่ อ้อจำท่าของคุณเพียงฟ้าได้”
“แกเองก็ยังจะไม่รอดเลยนะอ้อ” เจนนี่ทักท้วง
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวอ้อซ้อมเอาทีหลัง เมื่อคืนอ้อก็ซ้อมคนเดียวจนดึก เริ่มทำได้แล้ว”
“แหม ฟิตนะยะ งั้นก็เอา ลุกขึ้นๆ” เจนนี่ลุกขึ้น ตบมือเรียกทีมแดนเซอร์ “ไม่ต้องรอนังเพียงฟ้าแล้ว ดีเหมือนกัน ขอให้มันหายสาบสูญไปเลยยิ่งดี”
ปลายอ้อรับไมค์จากแววเดือนมาถือ เข้าประจำที่ เริ่มตื่นเต้นที่จะได้ร้องเพลง
เจนนี่เปิดแบ็กกิ้งแทร็คเพลงเพียงฟ้า ปลายอ้อเริ่มร้องโชว์ลวดลายทันที ดูคล่องแคล่ว
บูรพาเดินมาทางหน้าห้องซ้อม ได้ยินเสียงปลายอ้อดังแว่วๆ ก็เดินตามเสียงมา มองดูจากด้านนอก
ในห้อง เห็นปลายอ้อเริ่มองค์ลง ทั้งร้องทั้งเต้นคล่องแคล่วไปหมด ราวกับมืออาชีพ แววเดือนอ้าปากค้าง
“อุแม่เจ้า ไอ้อ้อมันคล่องขนาดนี้เชียวเหรอวะเจนนี่”
เจนนี่ทึ่งสุดๆ “ร้องสดด้วยนะเนี่ย เสียงไม่ตกเลย คุณปอแก้วนึกยังไงเอามันมาเป็นแค่แดนเซอร์วะเจ๊”
แววเดือนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย แล้วเหลือบมองไปเห็นบูรพาเปิดประตูเข้ามา
“เสี่ย...”
ปลายอ้อกับแดนเซอร์ชะงัก แต่บูรพาโบกมือให้ซ้อมต่อ แล้วหาที่นั่งดู
ปลายอ้อลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ถือโอกาสโชว์ของวาดลวดลายเต็มที่ ทำเป็นเข้ามาหยอกล้อกับบูรพาเหมือนเป็นคนดู
แววเดือนทึ่งมาก “อุ๊ยตาย เป็นงานนะยะ”
ปลายอ้อชะม้อยชม้ายชายตา โชว์เสน่ห์เต็มที่จนบูรพาเคลิบเคลิ้ม
“ปลายอ้อร้องเพลงเพราะกว่าต้นฉบับอีกนะคะเสี่ย”
บูรพาพยักหน้า ปลื้มๆ ปลายอ้อเช่นกัน แต่แล้วแสงโสมก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“หยุด หยุดก่อน”
ทุกคนในห้องซ้อมหยุดกึกไปตามๆ กัน เจนนี่รีบปิดเพลง แสงโสมแหวใส่
“ว่างนักหรือไง ถึงได้มาทำเป็นเล่นกัน”
บูรพาหงุดหงิด “อะไรของเธอ แสงโสม”
“ก็แม่แดนเซอร์ใหม่ของเสี่ย นึกยังไงถึงเปิดห้อมซ้อมเล่นมินิคอนเสิร์ตซะเอง แทนที่จะซ้อมเต้นให้คล่องๆ”
“ก็กำลังซ้อมกันอยู่นี่แหละค่ะคุณโสม แต่แม่นักร้องตัวจริงยังไม่มา ปลายอ้อก็เลยต้องมาแทนไปก่อน” เจนนี่ว่า
แสงโสมหมั่นไส้ “คิดจะแทนคนอื่น งานของตัวเองดีแล้วเหรอ ฉันจ้างเธอมาเป็นแดนเซอร์นะ อย่าทำเกินหน้าที่”
บูรพาไม่เห็นด้วย “เหลวไหลน่าแสงโสม ฉันนั่งดูอยู่ ก็คนซ้อมยังมาไม่ครบ ปลายอ้อก็ซ้อมแทน ไม่เห็นจะผิดตรงไหน”
แสงโสมหันมาพาลใส่บูรพา “คุณพี่ก็เหมือนกัน มีหน้าที่อะไรมานั่งเฝ้าแดนเซอร์คะ”
บูรพาเริ่มไม่พอใจมากขึ้น เสียงแข็งใส่ “ฉันเป็นเจ้าของบริษัท ฉันจะทำอะไรที่ไหนก็ได้ในบริษัทนี้ อย่าลืม ส่วนเธอ หน้าที่คือดูแลศิลปิน โทร.ตามเพียงฟ้าได้หรือยังว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่มาซ้อม”
แสงโสมเสียหน้า มองค้อนบูรพา แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดอย่างกระแทกกระทั้น
ปลายอ้อออกมาพักเหนื่อยหน้าห้องซ้อม บูรพารีบตามออกมา
“ปลายอ้อ”
ปลายอ้อชะงัก หันหลังอยู่ รีบทำตาแดงๆ หันหาไปบูรพา
“เสี่ยมีอะไรเหรอคะ”
บูรพาเสียงอ่อนโยน “ฉันเป็นห่วง ก็เลยออกมาดูว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปลายอ้อแสร้งบีบน้ำตา “คุณแสงโสมพูดถูกแล้ว อ้อควรจะรับผิดชอบงานของตัวเองให้ดีซะก่อน แต่อ้อก็ห้ามตัวเองไม่ได้ทุกทีที่มีโอกาสได้ร้องเพลง เสี่ยคงเข้าใจอ้อนะคะ”
“ฉันเข้าใจ แต่ยังไงเธอก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ ฉันจะหาโอกาส...”
เสียงมารความสุขดังขัดขึ้น “คุณพี่คะ”
บูรพาชักสีหน้าเซ็ง หันไป เห็นแสงโสมเดินวางท่าฮึดฮัดเข้ามาหา
“น้องโทร.หาเพียงฟ้าติดแล้ว อีกสิบนาทีจะถึง คุณพี่สบายใจแล้วก็กลับไปทำงานเถอะค่ะ น้องมีรายงานงบคอนเสิร์ตอยากให้ช่วยดูหน่อย”
แสงโสมพูดกึ่งบังคับในที จนบูรพาจำต้องผละจากปลายอ้อไปด้วยสีหน้าเสียดาย
ปลายอ้อมองตามบูรพาไปแววตาเศร้าๆ เมื่อครู่ กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันควัน
“คิดให้ดีๆ นะถ้าจะเล่นกับไฟ”
เสียงนั้นของเพ็ญทำเอาปลายอ้อสะดุ้ง หันไปมองเห็นเพ็ญยืนจ้องอยู่ ในมือถือถาดเปล่าที่ใส่อาหารเอามาส่งทีมงาน
“ป้าพูดกับฉันเหรอจ๊ะ”
เพ็ญมองรู้ทัน “เสี่ยบูรพาก็แทะโลมไปเรื่อย เหมือนเด็กเห่อของเล่นชิ้นใหม่ๆ แต่ถ้าเธอยอมให้เขาเล่น วันนึงเขาก็จะโยนทิ้งเพราะความเบื่อ แล้วก็หันไปหาชิ้นอื่นต่อไป เธอจะไม่มีวันได้อะไรจากเขาอย่างที่เธอคิดหรอก”
ปลายอ้อนิ่วหน้าสงสัย แต่ยังไม่ทันถามอะไรต่อ เพ็ญก็เดินหนีกลับร้านไปเลย
ยุพายืนคุยกับเกวลีอยู่หน้ารั้วบ้าน มองดูแหนมหมูในถุง ท่าทางงงๆ
“แน่ใจเหรอน้อง พี่ไม่ได้เป็นคนสั่งแหนมหมูนะ”
“แต่ในไลน์ที่ส่งมา บอกว่าที่อยู่ตามบ้านหลังนี้นี่คะ พี่ชื่อยุพาหรือเปล่า”
เกวลีส่งโทรศัพท์ให้ดู ยุพาพยักหน้า
“ก็ใช่ แต่พี่ไม่ได้สั่ง”
“ยังไงก็ไม่น่าจะผิดบ้านนะคะ เขาจ่ายเงินมาแล้วด้วย”
“อ้าวเหรอ หรือว่าพี่สาวพี่สั่งก็ไม่รู้นะ งั้นก็เอามาเถอะ”
“ทานให้อร่อยนะคะ แล้วก็ถ้าถูกใจ รบกวนช่วยบอกต่อด้วยนะคะพี่”
ยุพารับเอาคำแล้วถือถุงเข้าบ้านไป เกวลีมองตามยิ้มมีความหวัง แล้วรีบเดินออกไป
อีกมุมหนึ่งในซอย เห็นบุญทิ้งแอบโผล่มาจากหลังเสาไฟฟ้า มองตามเกวลีไปยิ้มๆ เพราะจริงๆ เขาเป็นคนสั่งแหนมมาส่งยุพา อยากช่วยให้เกวลีมีกำลังใจขายแหนมต่อ
โดยก่อนหน้านี้ เกวลีเอาเนื้อหมูที่บดเข้ากับส่วนผสมเป็นแหนม บรรจุใส่ห่อเล็กๆ ท่าทางตั้งอกตั้งใจ สลับกับหยิบโทรศัพท์มาดู
“เป็นไง มีคนสั่งมากี่เจ้าแล้ว”
“ยังไม่มีเลย มีแต่ไลน์สวัสดีวันจันทร์ เฮ้อ” เกวลีหันไปมองแหนมที่ทำเสร็จแล้ววางเต็มตะกร้ามุมห้อง “จะขายหมดไหมเนี่ย”
เกวลีถอนใจเหนื่อย แต่ก็ยังตักแหนมใส่ใบตองห่อต่อไป บุญทิ้งมองคิดๆ แล้วลุกขึ้น
“อ้าว จะไปแล้วเหรอบุญทิ้ง”
“เอ่อ ฉันต้องไปซ้อมดนตรีแล้ว เดี๋ยวจะมาช่วยใหม่”
“ขอบใจน้ะ” เกวลีหยิบถุงแหนมส่งให้พวงนึง “นี่ ตามสัญญา”
“ฉันซื้อดีกว่า ถือว่าประเดิม”
บุญทิ้งควักเงินออกมา แล้วตบๆ ใส่แหนม เป่าเพี้ยง
“แล้วเจอกันยายแหนมหมู”
เกวลีมองตามบุญทิ้งยิ้มๆ แล้วกรอกแหนมต่อไป
บุญทิ้งรีบวิ่งกลับมาที่ห้องซ้อมดนตรี เห็นพวกนักดนตรีกำลังซ้อมเพลงกันอยู่เบาๆ
“ไปไหนมาวะบุญทิ้ง”
“แวะไปหาน้องสาวมาจ้ะ เอ่อ พี่ ผมขอยืมโทรศัพท์แป๊บได้ไหม ของผมเน็ตหมด”
นักดนตรีส่งโทรศัพท์ให้ บุญทิ้งรีบรับมา แล้วกดเข้าไลน์
เกวลีเอาเงินบุญทิ้งมาตบๆ กองแหนมในตะกร้าเป็นการเอาเคล็ด เสียงไลน์ในโทรศัพท์ดังขึ้น รีบหยิบมาอ่าน
“สวัสดีครับ สั่งแหนมครับ”
เกวลีตื่นเต้น รีบพิมพ์ตอบไปหา
“ได้ค่ะลูกค้า รับเท่าไรดีคะ แล้วจะให้ส่งที่ไหน”
บุญทิ้งพิมพ์ไลน์ตอบไปมากับเกวลี เห็นสีหน้าเกวลีตื่นเต้นดีใจเอามากๆ
ฟากอภิวัชกำลังคุมนักร้องร้องเพลงอยู่ในห้องอัด หน้าบูดบึ้ง ท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก
“ร้องให้ชัดกว่านี้ อย่าร้องเพลงไทยสำเนียงฝรั่ง มันเชยแล้ว ขอชัดๆ เคลียร์ เน้นที่อินเนอร์”
โปรดิวเซอร์รับ “ครับ”
มือถืออภิวัชดังขึ้น เขามองเห็นชื่อปอแก้วโทร.มา จึงกดรับสายเสียงห้วนๆ
“ครับ”
“ทำอะไรอยู่คะ”
“ทำงานสิครับ”
เสียงปอแก้วดังอ้อนๆ ออกมา “เสียงเครียดจังเลย งานหนักเหรอคะ ลงมากินกาแฟแก้เครียดกันไหม”
อภิวัชแปลกใจ “คุณอยู่ไหน”
ไม่นานต่อมา อภิวัชเดินหน้าตึงมานั่งที่โต๊ะในร้านกาแฟข้างบริษัทที่ปอแก้วมานั่งรออยู่แล้ว
“เชื่อแล้วค่าว่างานยุ่ง หน้างอมาแต่ไกลเชียว”
อภิวัชประชด “คุณกินข้าวกลางวันไม่อิ่มเหรอ ถึงต้องมากินกาแฟเพิ่ม”
“ไม่อิ่มค่ะ ต้องทนฟังคนนั่งโม้น้ำลายแตกฟอง กินอะไรแทบไม่ลง”
“คุณอรินน่ะเหรอ”
ปอแก้วพยักหน้า เบ้ปาก
“สองชั่วโมง เขายอมให้ฉันพูดเรื่องงานสิบนาทีได้มั้ง นอกนั้นก็โม้เรื่องชีวิตที่นิวยอร์ก ฮึ ถ้าชอบนิวยอร์กขนาดนั้น ก็ย้ายกลับไปอยู่โน่นให้รู้แล้วรู้รอด มาอยู่ไทยทำไม”
“อ้าว ผมนึกว่าคุณสนิทกับเขา”
“เอาที่ไหนมาสนิทคะ เพิ่งเจอกันวันแรก”
“ก็พ่อคุณบอกว่า...” อภิรัชเริ่มเก็ต หัวเราะออกมา “ผมรู้แล้ว พ่อคุณพยายามทำตัวเป็นพ่อสื่อนี่เอง”
ปอแก้วแปลกใจ “คุณพ่อบอกอะไรคุณ”
“ท่านบอกว่าคุณสนิทกับลูกชายเจ้าของช่องคนนี้ แล้วก็เตรียมตัวจะมาทำรายการทีวีแข่งกับ The Artist อาจจะแย่งเวลาผมไปก็ได้”
ปอแก้วกลอกตามองบนหน่ายๆ “ความจริงมีอยู่นิดเดียวคือ ช่องแปดจะถ่ายทอดคอนเสิร์ตเปิดค่ายบูรพาซาวด์นั้นแหละค่ะ”
อภิวัชหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ ปอแก้วเหล่มอง พูดดักคอ
“เรื่องนี้ใช่ไหม ที่ทำให้คุณหน้างอ”
“ก็...” อภิวัชไม่กล้ายอมรับ รู้สึกผิด
“เชื่อใจฉันเถอะค่ะวัช ไม่ว่าคุณพ่อจะพยายามยัดเยียดใครให้ เขาก็แทรกเข้ามาไม่ได้ถ้าความรักของเรายังแข็งแรง”
อภิวัชพยักหน้ารับ โล่งอกสบายใจขึ้น
เย็นวันเดียวกันปลายอ้อกับบุญทิ้งเดินเข้ามาในโถงบ้าน เห็นเกวลีกำลังนั่งนับเงินอยู่ มีแววเดือนกับเจนนี่นั่งอยู่ด้วยกัน เจนนี่มองหมั่นไส้พูดแซวขำๆ
“อะไรจะรวยขนาดนี้จ๊ะแม่คุ๊ณ ขายดิบขายดี เดี๋ยวก็ปล้นซะเลย”
เกวลียิ้มแก้มปริ เก็บเงินใส่กระเป๋า ปลายอ้อเดินมาหา
“วันนี้ขายแหนมได้เยอะขนาดนี้เชียวเหรอลี”
“ใช่ วิ่งส่งแหนมจนปวดขาไปหมด ต้องขอบคุณบุญทิ้งนั่นแหละ ที่มาช่วยเตรียมแหนม แล้วยังซื้อประเดิมให้อีก หลังจากนั้นออเดอร์เข้ามาเต็มไปหมด”
บุญทิ้งยิ้มเขินๆ ปลายอ้อหันไปมองแปลกใจ
“พี่บุญทิ้งแอบมาที่นี่ตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้”
“มาหาแกนั่นแหละ แต่เจอยายนี่นวดแหนมหมูอยู่คนเดียวก็เลยมาช่วย”
“แหม เจ้าบุญทิ้ง อย่างนี้ก็ต้องเรียกแกว่าเป็นตัวเงินตัวทองถูกมะ” แววเดือนมองเหล่
บุญทิ้งสะดุ้ง “อุ้ย ตกคำว่าทำหรือเปล่าจ๊ะ ตัวทำเงินทำทองต่างหาก”
แววเดือนกับเจนนี่หัวเราะคิกคัก เกวลีพลอยขำไปด้วย
“เดี๋ยวลีจะไปโอนเงินให้พ่อ เสร็จแล้วเราไปฉลองกันดีกว่า ลีเป็นเจ้าภาพเอง เลือกร้านเลยว่าอยากไปไหน”
“ลาภปากโว้ยเฮ้ย ไปซี้ แบบนี้ไม่มีพลาด” เจนนี่หันไปหารือแววเดือน “เอาไงดีเจ๊”
แววเดือนทำท่าใช้ความคิด พลางเหลือบมองปลายอ้อกับทิ้ง
“งั้นก็เลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ซะเลยดีไหม ฉันว่า ฉันรู้ว่าปลายอ้อมันอยากไปร้านไหน”
แววเดือนยิ้มเจ้าเล่ห์
ที่ร้านเหล้า บรรยากาศผับกึ่งคาราโอเกะ ดนตรีคึกคื้น เห็นขาแดนซ์เต้นกันเมามันในโซนผับ แววเดือนพาทุกคนเดินเข้ามา ปลายอ้อ บุญทิ้งมองรอบๆ อย่างตื่นตา
“เคยมากันหรือยัง” แววเดือนถาม
ปลายอ้อบอกทันที “ไม่เคยเลยจ้ะ ได้ยินว่าร้านแบบนี้มันแพง”
“ไม่ต้องคิดมาก ก็พวกฉันสามคนบอกแล้วว่าจะเป็นเจ้ามือ” เจนนี่ว่า
“ตกลงเราจะมาเต้นกันเหรอจ๊ะ ฉันเต้นไม่เป็นนะพี่เจนนี่”
“เปล่าโว้ย พาปลายอ้อมาปลดปล่อยตะหาก” แววเดือนสรุป
แววเดือนเปิดห้องคาราโอกะส่วนตัว แล้วยื่นไมค์ให้ปลายอ้อ
“เอาเลยอ้อ ฉันรู้ว่าแกอัดอั้น อยากร้องอะไรก็จัดเลย”
ปลายอ้อยิ้มซาบซึ้ง “ขอบคุณนะจ๊ะพี่แวว”
“มัวแต่ซาบซึ้งอยู่นั่นแหละไอ้อ้อ แกไม่จัดฉันจัดก่อนนะ อัดอั้นโว้ย”
พร้อมกับว่า บุญทิ้งรีบกดเลือกเพลงทันที แล้วแย่งไมค์ปลายอ้อมาร้องตะเบ็งเสียง สาวรีบเอามืออุดหู บุญทิ้งไม่สนใจ ร้องเพลงแหกปากตะเบ็งกวนโมโห ปลายอ้อทนไม่ไหว เข้ามาแย่งร้องบ้าง
เวลาผ่านปลายอ้อเริ่มสนุก ควงไมค์เดี่ยว ทั้งร้องทั้งเต้น จนคนอื่นนึกสนุกลุกขึ้นเต้นตาม
ถึงคิวเกวลีร้อง เธอเลือกเพลงหวานเศร้าซึ้ง สไตล์ตัวเอง มีบุญทิ้งมาแจม ทำตาหวานใส่กัน
แววเดือนลุกขึ้นร้องเพลงเต้นๆ เซิ้งๆ ปลายอ้อกับบุญทิ้งจับเกวลีออกสเต็ปรั่วๆ ฮาๆ
ปลายอ้อกับทุกคนเต้นกันจนหมดแรง เริ่มนั่งกินอาหารที่สั่งมา
“อ้อไปห้องน้ำก่อนนะ มีใครจะไปไหม”
เจนนี่โบกมือ “ไม่ไหวว่ะ ฝากฉี่ด้วย”
“ฉันอยากจะฝากแกเหมือนกันว่ะ แต่กลัวแกใช้ไม่เป็น ไปด้วยดีกว่า”
บุญทิ้งลุกเดินโอบปลายอ้อออกไปจากห้องคาราโอเกะ
ส่วนที่โซนผับ เห็นศุภกฤตเดินฝ่ากลุ่มนักเที่ยวออกมาคุยโทรศัพท์เสียงกระซิบกระซาบ
“ผมอยู่ที่ผับแล้วพี่ แต่ไม่เห็นพี่ตำรวจเลย แน่ใจเหรอว่าจะลงตรวจวันนี้ โอเคๆๆ งั้นผมรอ ไม่เมาหรอกน่า”
ศุภกฤตวางสาย แล้วมองไปทางห้องน้ำ เหมือนเห็นใครแว้บๆ
ทันใดเอง กำลังตำรวจก็กรูกันเข้ามาในร้าน นักท่องเที่ยวเริ่มแตกตื่น
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบก่อนนะครับ”
ทุกคนตกใจเลิ่กลั่ก บางคนเริ่มมีพิรุธแตกฮือวิ่งหนี ตำรวจวิ่งไล่จับวุ่นวาย นักข่าวกลุ่มใหญ่ที่ตามตำรวจเข้ามาระดมถ่ายรูป ยิ่งทำให้บรรยากาศวุ่นวายอลหม่านยกใหญ่
บุญทิ้งอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงโผล่หน้าออกมาดู โดนกลุ่มนักเที่ยวที่วิ่งหนีตำรวจเบียดชนกระเด็น
“เฮ้ย อะไรวะ”
ปลายอ้อออกมาจากห้องน้ำหญิงเห็นคนวิ่งกรูกันมาก็ตกใจ พยายามเบียดออกไป
“เดี๋ยว เกิดอะไรขึ้น”
ปลายอ้องงจะตามไปดู แต่ถูกใครบางคนฉุดเข้ามุมลับตา
“ว้าย”
ปลายอ้อดิ้นๆ จนมองเห็นถนัดตาว่าคนที่ฉุดเธอไว้คือศุภกฤต
“อยู่เงียบๆ ก่อนปลายอ้อ”
แววเดือน เจนนี่ เกวลีถูกตำรวจคุมตัวออกมาจากห้องคาราโอเกะ บุญทิ้งวิ่งมาจากอีกทาง
“อะไรเนี่ย จับพวกเราทำไม พวกเราไม่ได้เสพยานะ” แววเดือนโวยวายลั่น
“ถ้าไม่ได้เสพก็ไม่ต้องกลัวครับ เดี๋ยวผลตรวจก็ยืนยันความบริสุทธิ์” ตำรวจบอก
แววเดือน เจนนี่ ฮึดฮัด เกวลีหันไปเห็นบุญทิ้งถูกตำรวจคุมตัวมาจากอีกทาง
“บุญทิ้ง”
บุญทิ้งมองหาปลายอ้อ “ยายแหนมหมู เธอเห็นปลายอ้อไหม”
เกวลีส่ายหน้า
บุญทิ้งร้อนรนใจ กระสับกระส่ายเป็นห่วงปลายอ้อ ขณะที่ถูกพาตัวไปรวมกับคนอื่นๆ นักข่าวเห็นแววเดือนจำได้
“นั่นมันแววเดือน นักร้องลูกทุ่งนี่”
พวกนักข่าวซุบซิบแล้วรีบเข้ามาถ่ายรูป แววเดือนตกใจ เอามือปัดป้อง
“ไม่เอ๊า อย่ามาถ่ายรูปฉัน ออกไป๊”
แววเดือนโวยวายหันหน้าหลบ เกวลีกะเจนนี่รีบเอามือบังหน้าตัวเองไปด้วย
ศุภกฤตเปิดประตูห้อง พาปลายอ้อเข้ามาในห้องที่คอนโดของเขา
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันจะไปหาเพื่อนฉัน”
“ถ้าคุณกลับไปตอนนี้ก็ต้องโดนตรวจฉี่ไปด้วยแน่ๆ”
“ก็ช่างสิ ฉันไม่ได้เสพยานี่”
“แต่ตอนนี้นักข่าวอยู่ที่นั่นเต็มไปหมด เขาไม่สนใจหรอกว่าคุณเสพยาหรือเปล่า แค่รู้ว่าคุณมาเที่ยวกับแก๊งนักร้องของบูรพาซาวด์ แค่นี้ก็เอาไปตีข่าวฉาวๆ ได้สบายแล้ว”
“เพื่อนฉันก็ไม่ได้เล่นยา”
“นักข่าวไม่สนหรอกว่าเล่นหรือไม่เล่น แค่รู้ว่ามีคนในวงการอยู่ในผับที่ถูกจับตรวจฉี่ ก็ขายข่าวได้แล้ว ทีนี้ล่ะขุดคุยกันสนุกแน่”
ศุภกฤตเปิดดูมือถือ เห็นข่าวในทวิต ส่งให้ดู
“นี่ไง” เขาอ่านพาดหัวข่าว “ทลายผับดัง พบฉี่ม่วงอื้อ แววเดือน วงศ์ไพรวัลย์ติดร่างแหด้วย”
ปลายอ้อตกใจ รีบรับมือถือมากดดูข่าว แล้วเปิดคลิป เห็นคลิปนักข่าวถ่ายแววเดือนกำลังโวยวายไม่ให้คนถ่าย มีเจนนี่ เกวลี บุญทิ้งอยู่ในคลิปด้วย
“แล้วคุณจะให้ฉันอยู่เฉยๆ อย่างนี้เหรอ ขณะที่เพื่อนๆ ฉันกำลังเดือดร้อน”
“คุณไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากเอาตัวไปบวกในข่าวด้วย ถ้าเพื่อนๆ คุณไม่มีสารเสพติด เขาก็อธิบายสังคมได้อยู่แล้ว”
ปลายอ้อคิดตาม ท่าทีสงบลง ทิ้งตัวลงนั่ง
“แล้วจะให้ฉันอยู่ที่นี่ทั้งคืนเหรอ ฉันว่าฉันน่าจะกลับไปรอเขาที่ค่ายได้”
“ป่านนี้นักข่าวคงไปดักรอที่หน้าค่ายแล้ว เชื่อผมสิ ผมเป็นนักข่าว”
ปอแก้วหลับไปสักระยะแล้ว จู่ๆ ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นควานหามือถืองัวเงียรับสาย
“ฮัลโหล”
เป็นสายจากแสงโสม “หนูปอแก้ว นอนหรือยังคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ปอแก้วรำคาญ “นี่มันดึกแล้วนะคะน้าโสม”
ปอแก้วฟังน้าสาวรายงาน แล้วดีดตัวลุกพรวดขึ้น หน้าตาตื่นตกใจ
ปลายอ้อนั่งดูข่าวในทีวีอย่างกังวล เห็นภาพข่าวรายงานเรื่อง บุกตรวจฉี่นักเที่ยว หนึ่งในนั้นมีแววเดือนด้วย ศุภกฤตอุ้มหมอนกับผ้าห่มออกมาจากห้อง
“คุณนอนที่นี่ไปก่อน ผมยกห้องนอนให้คุณเลย” เขายื่นกุญแจให้ “อ้ะ นี่ กุญแจห้องผม เข้าไปแล้วก็ล็อกเลย จะได้มั่นใจว่าปลอดภัย”
“ยังไงฉันก็คิดว่าฉันควรจะกลับไปอยู่กับพี่แววและคนอื่นๆ”
“เชื่อผมเถอะปลายอ้อ คุณหลุดออกมาได้ก็ดีแล้ว ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงคุณกลายเป็นนักร้องขึ้นมาอย่างแววเดือน แล้วมีคนขุดคุ้ย ป้ายสีเสียๆ หายๆ ให้คุณเพราะข่าวนี้ เส้นทางของคุณอาจจะสะดุดได้นะ”
ปลายอ้อคิดตาม เริ่มนึกถึงความหวังที่ต้องทำเพื่อแม่ ลังเลขึ้นมา
“ที่ผมพูดก็เพราะหวังดีกับคุณนะ ผมช่วยคุณออกมา พรุ่งนี้ก็คงโดนเจ้านายด่าเพราะไม่ได้ไปทำข่าว อย่าทำให้ผมโดนด่าฟรีเลยน่า”
ปลายอ้อถอนใจ ยอมจำนนกับเหตุผลของเขา แต่จู่ๆ เสียงท้องร้องขึ้นมา
ศุภกฤตรู้ทัน “หิวเหรอ”
ปลายอ้อยิ้มอายๆ เอามือลูบท้องตัวเอง
“นิดหน่อย มัวแต่ร้องเกะเลยไม่ค่อยได้กิน”
“เดี๋ยวผมไปต้มมาม่าให้ รอเดี๋ยวนะ”
ศุภกฤตลุกออกไปทางโซนครัวเล็กๆ ในห้องปลายอ้อ นั่งรออยู่ที่โซฟา แล้วสายตาเหลือบไปเห็นโปสเตอร์เก่าๆ วางซ้อนอยู่กับหนังสือหลายเล่ม มีหน้าปกเป็นเผ่าพงศ์ มนต์รัช บูรพา เลยหยิบมาดู
ศุภกฤตยกหม้อต้มบะหมี่เล็กๆมาเผื่อปลายอ้อ แล้วนั่งลงเห็นปลายอ้อกำลังดูหนังสือเก่าๆ เกี่ยวกับเผ่าพงศ์
“คุณมีรูปพวกนี้ได้ยังไง”
“รูปอะไร” เขาเหลือบมอง “อ๋อ ผมทำสกู๊ปเกี่ยวกับวงการลูกทุ่งในอดีตอยู่ ก็เลยพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกสามเทพขนนก”
ศุภกฤตเล่าไปเรื่อยๆ ขณะตักบะหมี่ลงชาม 2 ใบ
ปลายอ้อหลอกถาม “คุณได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง”
“ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับประวัติก่อตั้งบูรพาซาวด์น่ะ เพราะว่าจากสามเทพก็เหลือเทพเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่คือเสี่ยบูรพา”
“ครูมนต์รัชตายแล้วเหรอ”
“คุณรู้จักครูมนต์รัชด้วยเหรอ”
ศุภกฤตถือถ้วยบะหมี่เดินมานั่งด้วยยื่นให้ปลายอ้อชามนึง เขาทำหน้าแปลกใจที่ได้ยินชื่อมนต์รัชจากปลายอ้อ
ปลายอ้อรีบตีหน้าตายกลบเกลื่อน “แหม ฉันก็เคยได้ยินเรื่องของสามคนนี้มาบ้าง”
ศุภกฤตพยักหน้าเข้าใจ “ไม่รู้ว่าตายหรือยัง แต่แกหายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปีพอๆ กับที่เผ่าพงศ์ จงขจรตาย บางคนก็บอกว่าแกอาจจะอยู่เบื้องหลังการตายของเผ่าพงศ์ เลยหนีไป...”
ปลายอ้อหลุดปาก บอกเสียงแข็ง “ครูมนต์รัชไม่เกี่ยว”
“ผมก็ว่างั้นแหละ แต่แกถ้าแกยังอยู่ก็น่าจะออกมาให้ข้อมูลได้ว่า เผ่าพงศ์ เป็นชู้กับเมียใครถึงได้ถูกฆ่าตาย จะได้จับคนร้ายได้ซักที”
ปลายอ้อโมโห อารมณ์กรุ่นๆ แล้ว “นั่นยิ่งไม่จริง เผ่าพงศ์ไม่เคยเป็นชู้กับเมียใคร”
ศุภกฤตชักเอะใจกับท่าทีและน้ำเสียงของปลายอ้อ จ้องหน้า
“คุณรู้ได้ยังไง”
ปลายอ้อรู้ตัวว่าเผลออินเกินเบอร์ หลบตาวูบ พูบ่ายเบี่ยง
“แม่ฉันบอก คือ...แม่ฉันเคยรู้จักเผ่าพงศ์สมัยยังไม่เข้าวงการน่ะ แกบอกว่าเผ่าพงศ์เป็นคนดี แล้วก็รักลูกรักเมีย ไม่มีทางที่จะแอบเป็นชู้กับเมียใครได้”
ศุภกฤตทึ่งมาก “แม่คุณท่าทางรู้ขนาดนั้นเชียวเหรอ นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าเผ่าพงศ์มีลูกเมีย ท่าทางผมคงต้องขอสัมภาษณ์หน่อยละ”
ปลายอ้อหลุกหลิก เมื่อเรื่องเข้าตัวหนักขึ้น
“เอ่อ ฉันว่าคุณขอสัมภาษณ์เสี่ยบูรพาก่อนดีกว่า อาจจะได้ข้อมูลลึกที่สุด แม่ฉันขี้อาย คงไม่ยอมคุยกับคุณหรอก”
ปลายอ้อตัดบทสนทนาดื้อๆ ด้วยการรีบกินบะหมี่ ไม่ชวนคุยเรื่องเผ่าพงศ์อีก
ด้าน แววเดือน เจนนี่ เกวลี และบุญทิ้ง ถูกตำรวจปล่อยตัวออกมา
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เสพยา ทำไมไม่เชื่อ เสียเวลาจริงๆ เลย”
“อย่าโวยวายน่าพี่แวว เดี๋ยวก็เป็นข่าวมากกว่านี้หรอก” เกวลีเตือน
แววเดือนหันไปเห็นนักข่าวยังพยายามถ่ายรูปก็วีนแตก
“นี่ จะถ่ายอะไรนักหนายะ พวกฉันไม่ได้ฉี่ม่วง รู้ไว้ด้วย อยากถ่ายก็ไปถ่ายอีพวกโน้น”
นักข่าวยิ่งระดมยิงแฟลชใส่แววเดือนรัวๆ แววเดือนอยากจะกรี๊ดใส่ เจนนี่จะดึงหนีไป แต่เห็นปอแก้วกับแสงโสมเดินตรงเข้ามาทางนี้พอดี
“คุณปอแก้ว คุณโสม”
ปอแก้วสีหน้าเครียดมองทั้งสี่
แววเดือน เจนนี่ เกวลี บุญทิ้งลงจากรถตู้ที่หน้าบ้านพัก แต่ละคนท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม ปอแก้วกับแสงโสมตามเข้ามา
“งามหน้านัก คุณปอแก้วกำลังเตรียมจะจัดงานแจ้งเกิดพวกเธอ แต่ก็ดันวิ่งโร่ออกไปทำเรื่องฉาวโฉ่แจ้งดับให้ตัวเองซะก่อน
“พวกเราขอโทษค่ะ แต่เราไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายเลยนะคะ”
“ใช่ค่ะ ผลตรวจก็ออกมาแล้วว่าเราไม่ได้เสพยา” เจนนี่ว่า
“แต่ข่าวมันก็ออกไปแล้วว่าโดนจับตรวจฉี่ แค่คนอ่านพาดหัวก็คงตัดสินว่าบูรพาซาวด์มีนักร้องพัวพันกับยาเสพติด” ปอแก้วตำหนิเสียงขุ่น
“เจนนี่กับนายบุญทิ้งน่ะไม่เท่าไรหรอก เพราะไม่ได้อยู่ในจุดสนใจ แต่เธอ 2 คนนะ” แสงโสมชี้เกวลีกับแววเดือน “งานก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว ยังทำชื่อเสีย มันน่าผลักดันไหมเนี่ย”
เกวลีตกใจ ยกมือไหว้ปลกๆ น้ำตาคลอเต็มตา
“ลีขอโทษจริงๆ ค่ะคุณโสม ลีไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย ให้โอกาสลีกับพี่แววเถอะนะคะ ลีสัญญาว่ะจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
เกวลีเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ ยกมือไหว้ปอแก้วปลกๆ อีกคน
“คนที่จะให้โอกาสพวกคุณสองคนได้ก็คือสาธารณชนเท่านั้น พรุ่งนี้เตรียมตัวพูดให้ดีตอนแถลงข่าวก็แล้วกัน”
ปอแก้วเสียงเครียดเข้มเดินออกไปเลย แสงโสมจะเดินตาม แล้วเอะใจนึกขึ้นได้ หันมา
“เอ๊ะ เดี๋ยว ทำไมมีกันอยู่แค่นี้ แล้วแม่ปลายอ้อหายไปไหน”
บุญทิ้งอึ้งไป เหลือบมองเห็นแววเดือนกับเจนนี่กำลังจะฟ้อง เลยรีบตัดบท
“เอ่อ คืออ้อมันกลับก่อนพวกเราครับ บอกว่าจะไปเยี่ยมแม่”
“ฮะ” แววเดือนงง จะแย้ง
บุญทิ้งแย่งพูดต่อ “พอดีมันบอกผมตอนออกมาเข้าห้องน้ำด้วยกัน แล้วก็รีบไปเลย ไม่ทันได้ลาใคร”
บุญทิ้งยิ้มกลบเกลื่อน แสงโสมไม่เชื่อนัก สงสัยบางอย่าง แต่ไม่อยากเซ้าซี้เดินออกไป
แววเดือนลากคอเสื้อบุญทิ้งเข้ามาในบ้าน โวยวายใส่
“บุญทิ้ง ทำไมแกโกหกว่าปลายอ้อมันหนีกลับบ้าน ก็มือถือกับกระเป๋าตังค์มันก็อยู่ที่พวกฉัน”
“ใช่ น้องแกมันหนีเอาตัวรอดชัดๆ เจ็บใจนัก พวกฉันหลงเอ็นดู ไม่นึกว่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้” เจนนี่โมโห
“ปอแก้วไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกพี่”
“แล้วมันหายหัวไปไหนล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่ก็เป็นห่วงมันอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า”
“จะเกิดอะไร นอกจากเห็นท่าไม่ดีก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ฮึ นังเด็กอกตัญญู”
แววเดือนกับเจนนี่ปึงปังขึ้นห้องไป บุญทิ้งยืนเศร้า หันไปหาเกวลี
บุญทิ้งเสียงอ่อย “ไอ้อ้อมันคงตกใจ ไม่เคยเจอตำรวจ มันก็เลยหนีไป แต่มันไม่มีเจตนาจะทิ้งพวกเราหรอก”
“ฉันเข้าใจ เป็นใครก็อาจจะต้องทำแบบนั้น แต่ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ ทีแรกนึกว่าจะกลับมารอที่บ้านก็ไม่เห็นกลับมา”
“นั่นน่ะสิ หวังว่ามันคงแค่กลับไปตั้งหลักที่บ้าน อย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับไอ้อ้อเล้ย สาธุ”
บุญทิ้งยกมือไหว้พระเจ้าตามเรื่อง นึกเป็นห่วงน้องจับใจ
รุ่งเช้า ศุภกฤตนอนหลับอยู่ที่โซฟา ค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้น เหลือบตาดูนาฬิกา
“ปลายอ้อ”
ศุภกฤตลุกขึ้นเดินงัวเงียไปที่ห้อง เคาะประตูเรียก
“ตื่นหรือยังคุณ หิวไหม”
ศุภกฤตไม่ได้ยินเสียงตอบลองเปิดประตู ปรากฏว่าปลายอ้อไม่ได้ล็อก เลยชะโงกหน้าเข้าไป
ภายในห้องว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนคลุมเรียบร้อย ศุภกฤตแปลกใจหันกลับมาดู เห็นว่ามีปลายอ้อเขียนโน้ตวางไว้บนโต๊ะแล้วเอาอะไรทับไว้
“ขอบคุณมากนะคะคุณศุภกฤต แต่ฉันต้องรีบไปแล้ว อ้อ ฉันขอยืมเศษตังค์ในกระเป๋าคุณไปด้วย ถ้าเจอกันจะใช้ให้นะ ปลายอ้อ”
ศุภกฤตอ่านโน้ตแล้วถอนใจที่ปลายอ้อรีบไปโดยไม่ลา
ค่ายบูรพาซาวด์เปิดแถลงข่าวในตอนเช้า แววเดือน เกวลี เจนนี่ บุญทิ้งนั่งแถลงข่าวอยู่ข้างๆ ปอแก้วและแสงโสม นักข่าวสายบันเทิงลูกทุ่งมากันทุกสื่อดัง
“จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ทางบูรพาซาวด์ขอยืนยันว่าผลการตรวจปัสสาวะ ผลออกมาชัดเจนว่าศิลปินและทีมงานของเราที่ถูกทำตำรวจควบคุมตัวได้ ทไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ไม่มีฉี่ม่วงนะคะ คุณเกวลีกับคุณแววเดือนจะอธิบายกับพี่ๆ สื่อมวลชนในเรื่องนี้ค่ะ”
ลั้นลานั่งกินกาแฟอยู่ในคอนโด เห็นงานแถลงข่าวในทีวีก็ตาลุก
“ตายแล้ว เพียงฟ้า แกมาดูนี่เร็ว”
“อะไรเจ๊”
“ก็พวกนังแววเดือนมันโดนตรวจฉี่น่ะซี้ สงสัยเมื่อคืนจะซ่ามาก”
เพียงฟ้าสนใจ รีบนั่งลงดูทีวี
ในจอทีวีปอแก้วเลื่อนไมค์ให้เกวลีกับแววเดือนทีตีหน้าเศร้า
“ค่ะ ก่อนอื่นลีต้องกราบขออภัยแฟนเพลงทุกท่าน หากว่าทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่เราสองคนขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอน”
“เราสองคนและเพื่อนๆ แค่ชวนกันไปกินข้าวสังสรรค์ ไม่ทราบมาก่อนด้วยซ้ำค่ะ ว่าที่นั่นเป็นแหล่งซื้อขายยา”
“แล้วจากคลิปที่คุณแววเดือนอาละวาดนักข่าวนี่ไม่ใช่เพราะเมายานะคะ” นักข่าวซัก
“ไม่ค่ะ ถ้าแววเสพยา ผลตรวจก็คงออกมาแล้ว แต่แววยอมรับว่าเมื่อคืนแววดื่มไปพอสมควร” แววเดือนยกมือไหว้ “ต้องขอโทษพี่นักข่าวด้วยนะคะ ที่อาจจะแสดงกริยาไม่ดีออกไป ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้เราสองคนระมัดระวังตัวมากขึ้นค่ะ”
เพียงฟ้าเห็นแววเดือนกับเกวลียกมือไหว้นักข่าวอีกรอบด้วยท่าทางสลด ก็ยิ่งสะใจ
“ดีจริงๆ เราไม่ต้องทำอะไร พวกมันก็หาเรื่องทำลายตัวเอง”
“มันจะโดนไล่ออกกันไหมเนี่ย”
“เจ๊ห่วงมันเหรอ”
“เปล๊า แต่ในข่าวบอกว่ามันไม่ได้เสพยานี่”
“แต่ก็ทำความเสียหายให้บริษัท ฉันว่ายังไงมันก็ต้องโดนลงโทษแหละ นังคุณปอแก้วเนี่ย เห็นวางก้ามกับฉันเหลือเกิน แต่ปล่อยให้นังแววเดือนรอดตัวไปได้ล่ะก็ ฉันจะอาละวาดให้เละเลยคอยดู”
งานแถลงข่าวจบลง นักข่าวทยอยออกไปจากห้อง เกวลีกับแววเดือนทำท่าจะลุกตาม แสงโสมเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน เธอสองคนอย่าเพิ่งไป ขอโทษออกสื่อแล้วก็ใช่ว่าจะจบนะ”
“คุณโสมจะให้พวกเราทำยังไงอีกล่ะคะ ต้องไปบวชเลยไหม” แววเดือนประชด
“อย่าทำปากดีนะยะ พวกเธออาจจะมีเวลาว่างมากพอที่จะต้องไปบวชจริงๆ ก็ได้”
เกวลีหน้าเสียใจคอไม่ดี หันไปมองปอแก้วอย่างขอความเห็นใจ เจนนี่กับบุญทิ้งเจื่อนไปด้วย
“ยังไงการกระทำของพวกคุณก็ต้องมีบทลงโทษ เพราะถือว่าทำความเสียหายให้บูรพาซาวด์” ปอแก้วบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “คอนเสิร์ตเปิดค่ายที่จะถึงนี้ พวกคุณจะไม่ได้มีส่วนร่วมขึ้นแสดง”
เกวลีเสียงเครือ “คุณปอแก้ว...”
“ถือว่าเป็นการแบนจากทางค่ายชั่วคราว จะได้ไม่มีข้อครหาว่าบูรพาซาวด์ปล่อยปละละเลยให้ศิลปินทำอะไรตามใจชอบ”
“แต่พวกเรารอคอยที่จะได้ขึ้นคอนเสิร์ตมานานแล้วนะคะ”
“ก็ช่วยไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่างานใหญ่รออยู่ อยากไม่รักษาเนื้อรักษาตัว สร้างความเสียหายก็ต้องโดนลงโทษเป็นธรรมดาสิยะ”
เสียงปลายอ้อดังขึ้น “ถ้าจะลงโทษใคร ก็ขอให้เป็นฉันคนเดียวเถอะค่ะ”
ทุกคนหันไปมองเห็นปลายอ้อ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องแถลงข่าว
เกวลีกับบุญทิ้งดีใจ “ปลายอ้อ”
ปลายอ้อเดินเข้ามาในห้อง ไล่สายตามองทุกคนอย่างสำนึกผิด
“เพราะฉันเป็นคนออกความคิดชวนทุกคนไปเที่ยวคาราโอเกะ ถึงได้เกิดเรื่องขึ้น แล้วพอเกิดเหตุวุ่นวาย ฉันก็หนีเอาตัวรอด ขอโทษ พี่แวว พี่เจนนี่ พี่บุญทิ้งแล้วก็ลีด้วย ที่อยู่ๆ ก็หายตัวไป”
“นี่แสดงว่าเธอไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านอย่างที่นายบุญทิ้งโกหก” แสงโสมโกรธดุใส่ “สองกระทงแล้วนะยะ”
บุญทิ้งคอย่น กลัวความผิด
“ฉันขอรับความผิดทุกอย่างไว้คนเดียวเถอะค่ะ ถ้าฉันไม่เสนอความคิดออกไปเที่ยวกลางคืน ทุกคนก็คงไม่เดือดร้อน” ปลายอ้อหันไปหาปอแก้ว “ให้พวกเขาได้ขึ้นคอนเสิร์ตตามปกติเถอะนะคะ ฉันขอเป็นคนถูกแบนเอง”
บุญทิ้งตกใจ “ไอ้อ้อ พูดอะไรของแกวะ”
แววเดือน เจนนี่เลิ่กลั่ก เพราะรู้ว่าปลายอ้อไม่ได้เป็นคนต้นคิด
“เธอนี่เองเป็นหัวโจก แล้วยังหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว แค่แบนมันคงจะไม่พอหรอกนะ” แสงโสมหมั่นไส้
“จะไล่ฉันออกหรืออะไรก็ได้ค่ะ ขออย่างเดียว อย่าลงโทษเพื่อนๆ ของฉัน”
“ปลายอ้อ” เกวลีกระตุกแขน ลดเสียงเบาลง “ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ในค่ายเรานะ”
“ท่าทางเธอจะไม่ได้มีใจอยู่กับเราตั้งแต่แรก ถึงได้นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ได้ ในเมื่อเธออยากรับผิดไว้เอง ฉันก็ยืนยันตามนั้น ต่อไปนี้เธอไม่มีหน้าที่ในบูรพาซาวด์อีกแล้ว”
ปอแก้วพูดดุดันพลางจ้องหน้าปลายอ้อด้วยแววตาแข็งกร้าว
ปลายอ้อเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ทุกคนรีบตามมาห้าม
“ปลายอ้อ เธอไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันยินดี ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่หนีเอาตัวรอดไปทั้งที่เกิดเรื่องกับทุกคน”
บุญทิ้งคาใจไม่หาย “แล้วแกหายไปไหนมา”
ปลายอ้อหลบสายตาบุญทิ้งยกมือไหว้กราด “หนีกลับไปนอนบ้านน่ะ ฉันกลัว ขอโทษพี่แววกับทุกคนอีกครั้งนะ”
แววเดือนใจอ่อน “แต่แกก็ไม่เห็นต้องเอาตัวเข้าแลกให้โดนไล่ออกเลย แกไม่ใช่คนออกไอเดียไปร้องคาราโอเกะ แต่ฉันต่างหากที่หาเรื่อง”
“ฉันอยากให้พี่แวว ลีแล้วก็ทุกคนได้ขึ้นคอนเสิร์ตน่ะ งานนี้มันสำคัญสำหรับพวกพี่มากกว่าฉัน” ปลายอ้อหันไปหาบุญทิ้ง “พี่ทิ้งก็เหมือนกัน พี่ต้องได้โชว์ฝีมือในงานนี้ อย่าให้โอกาสหลุดลอยไป”
ปลายอ้อรูดซิบกระเป๋าจะเดินออกห้องไป เจนนี่เข้าไปดึงไว้
“ฉันว่าแกใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าอ้อ เดี๋ยวฉันกับพี่แววจะไปกล่อมเสี่ยให้ช่วยพูดกับคุณปอแก้วให้ แกอาจจะไม่ต้องออกก็ได้”
“ไม่ต้องเดือดร้อนถึงเสี่ยหรอกจ้ะ ฉันอยู่ที่นี่ก็เป็นได้แค่แดนเซอร์อยู่ดี แต่ความฝันของฉันคือการร้องเพลง ฉันต้องหาลู่ทางอื่น”
“แล้วระหว่างนี้แกจะไปอยู่ที่ไหนวะ อย่าบอกนะว่าจะกลับบ้านไปหาน้าสร”
ปลายอ้อนิ่งงันไป เพราะจริงๆ ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปอยู่ไหน แต่ยังไงก็หันหลังกลับบ้านไม่ได้แน่
ไม่นานต่อมา เพ็ญเดินหนีรำคาญแววเดือนกับเจนนี่ที่พยายามตามตื๊อ
“นะเจ๊เพ็ญ เด็กมันเดือดร้อนมา เอ็นดูมันหน่อย ถือว่าเลี้ยงลูกนกลูกกา”
เพ็ญมองไปทางปลายอ้อที่นั่งจ๋อยอยู่กับเกวลี บุญทิ้ง
“ลูกนกลูกกาก็ไม่เลี้ยงโว้ย ลำพังฉันตัวคนเดียวก็ยังจะเอาไม่รอด”
“มันไม่ได้จะมารบกวนอะไรเจ๊เพ็ญหรอก มันก็แค่ขอมาช่วยงานที่ร้านแลกกับที่ซุกหัวนอน” เจนนี่ขอร้อง
“ให้ฉันนอนตรงไหนก็ได้จ้ะป้าเพ็ญ ฉันไม่เกี่ยง”
เพ็ญมองหน้าปลายอ้อ ใจอ่อนยวบ “แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”
“ก็ ปัดกวาดเช็ดล้าง ทำได้หมดแหละจ้ะ หรือป้าจะให้ฉันช่วยตำส้มตำ ลาบน้ำตก ฉันก็พอทำได้”
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวรสมือไม่เหมือนกัน ลูกค้าด่าตาย”
“แสดงว่าป้าเพ็ญ ยอมให้ปลายอ้อมาอาศัยอยู่ด้วยแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เกวลีดีใจ
“แหม รีบมัดมือชกเชียวนะ แต่ละคนๆ”
เพ็ญค้อนขวับ แล้วเดินหนี บุญทิ้งตามไปอ้อนอีกแรง
“ป้า นึกว่าเมตตาไอ้อ้อเถอะนะ น้องผมมันกลับไปบ้านตอนนี้ไม่ได้จริงๆ มีหวังจะโดนแม่มันแพ่นกบาลแยก ออกมาทำงานได้ไม่กี่วันก็โดนไล่ออก”
“ก็พวกแกมันแกว่งเท้าหาเสี้ยนกันนี่แหว่า” เพ็ยเหล่มองๆ ปลายอ้ออีกที นึกๆ ก็ถูกชะตาอยู่เหมือนกัน “เอ้าๆ จะอยู่ก็ได้ แต่อย่าทำตัวมีปัญหานะโว้ย ไม่งั้นฉันจะเฉดหัวให้เก็บกระเป๋าไม่ทันเชียว”
ทุกคนดี๊ด๊า ปลายอ้อยิ้มกว้าง “ขอบคุณมากจ้ะป้า”
ปลายอ้อยกมือไหว้เพ็ญปลกๆ ด้วยความดีใจ เพ็ญรับไหว้ ค้อนขวับๆ ตามประสาปากร้ายใจดี
เจนนี่ แววเดือน เกวลีกลับมาที่บ้านพัก เจอเพียงฟ้ากับลั้นลาเดินนวยนาดมาเยาะเย้ยหาเรื่อง
“ว่าไงจ๊ะ เก็บข้าวของเก็บเสร็จหรือยัง ถ้ายังฉันจะได้ช่วย”
“หรือว่าจะให้ช่วยเรียกแท็กซี่ก็บอกนะ ฉันมีโค้ดส่วนลด”
ลั้นลากับเพียงฟ้าหัวเราะแข่งกัน
“โถ ไม่น่าเลยนะแววเดือน กำลังจะได้ลืมตาอ้าปากแท้ๆ เชียว ที่ไหนได้ กลายเป็นแววดับซะแล้ว” เพียงฟ้าหัวเราะเยาะ
แววเดือนฉุน “พูดเพ้อเจ้ออะไรของพวกแก”
“ก็ข่าวฉี่ม่วงของพวกแกน่ะสิ มันฉาวโฉ่ไปทุกเว็บแล้วตอนนี้ คุณปอแก้วคงไล่ตะเพิดแกออกจากค่ายแล้วถูกมะ”
เพียงฟ้าไล่ส่ง “รีบๆ ไปเถอะนะ บูรพาซาวด์จะได้สูงขึ้นหลังจากที่ตกต่ำมานาน”
เจนนี่ด่ากลับ “ที่ต่ำน่ะ ฉันว่าเพราะคนหนักแผ่นดินอย่างพวกแกยังอยู่ต่างหาก พวกฉันยังไม่ไปไหนง่ายๆ หรอก เสียใจด้วยนะ”
เพียงฟ้าผิดหวัง “อะไรนะ นี่คุณปอแก้วไม่ได้ไล่พวกแกออกเหรอ”
“จะออกง่ายได้ยังไง ฉันกับเกวลี เจนนี่ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ต้องแสดง”
ลั้นลาแปลกใจ “พวกแกไม่ถูกคุณปอแก้วลงโทษได้ยังไง ทำเรื่องเสื่อมเสียซะขนาดนี้”
“โฮ้ย ก็ขนาดคนที่มันทำเรื่องเสื่อมทรามกว่าพวกฉันตั้งเยอะ ยังอยู่ได้เลย” เจนนี่ย้อน
แววเดือนเสริมว่า “ใช่มะ คนประเภทที่มันกินบนเรือนขี้รดหลังคา ทำตัววีนเหวี่ยงเอาแต่ใจเพราะคิดว่าเป็นเมียเจ้าของค่าย แต่จริงๆ ตัวเองก็เป็นได้แค่เมียน้อย คนแบบนี้ต่างหากที่คุณปอแก้วหาจังวะเขี่ยทิ้งอยู่ ไม่นะ หลังคอนเสิร์ตใหญ่ ถ้ามีดาวรุ่งเกิดขึ้น แจ็คพ็อตอาจจะแตกที่ใครบางคนก็ได้”
“ใครมันจะมาเขี่ยฉันทิ้ง นังเกวลีเนี่ยเหรอ” เพียงฟ้าหัวเราะเยาะ “เอาแค่ขึ้นเวทีเจอคนเยอะๆ แล้วไม่ฉี่ราดให้ได้ก่อน ฉันก็ว่าเก่งแล้ว”
เกวลีหน้าเจือนด้วยความอาย เพราะตัวเองก็ยังไม่เคยขึ้นเวทีมาก่อน
“เอาเถอะ พวกแกยังอยู่ได้ก็อยู่ไป แล้วมาดูกันว่าแต้มบุญใครมันจะหมก่อนกัน”
เพียงฟ้าสะบัดหน้าเดินออกไป
ที่ห้องทำงานเสี่ยบูรพาในเวลาต่อมา เสี่ยลุกขึ้นโวยวายเมื่อรู้เรื่องของปลายอ้อจากปากลูกสาว ที่เข้ามาหาพร้อมกับพรทิพย์ และ แสงโสม
“อะไรนะ นี่แก้วไล่ปลายอ้อออกเหรอ”
แสงโสมอธิบายแทน “คุณพี่ จะเรียกว่าไล่ออกไม่ได้นะคะ แม่คนนั้นเขาเสนอตัวลาออกเอง เผื่อแสดงความรับผิดชอบที่พาคนของเราไปทำเรื่องเสียหาย”
“แล้วมันเสียหายอะไรนักหนา ก็เคลียร์กับตำรวจเรียบร้อยแล้วนี่ ทำไมถึงกับต้องให้ออกด้วย”
“ดูคุณจะเดือดเนื้อร้อนใจมากเลยนะคะ กับการโดนไล่ออกของแดนเซอร์ในบริษัท” พรทิพย์จ้องหน้าสามีอย่างรู้ทัน
บูรพาเสียงแข็ง “ก็มั่นไม่ยุติธรรมกับเด็ก”
“จริงๆ แก้วก็ไม่ได้อยากจะไล่เขาออกนะคะคุณพ่อ แต่ปลายอ้อเองต่างหากที่ดูเหมือนจะไม่ได้รักงานที่ตัวเองทำเท่าไร น้าโสมรายงานว่าเวลาซ้อมเต้น ก็เอาไปซ้อมร้อง แบบนี้เราจะเลี้ยงไว้ทำไม”
“ก็แก้วเองไม่ใช่เหรอ ที่ยัดเยียดให้เขาไปเป็นแดนเซอร์ทั้งที่พ่อบอกแล้วว่าเด็กคนนี้ฝึกได้” บูรพายิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “แกน่ะมีอคติส่วนตัวกับเขาปลายอ้อ พ่อจะบอกให้นะ ถ้ารักจะทำงานอย่างมืออาชีพ เราต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออกให้ได้ ไม่งั้นผลเสียมันจะเกิดขึ้นกับงาน”
บูรพาพูดอย่างหัวเสีย แล้วผลุนผลันออกไป พรทิพย์มองตามอย่างแปลกใจ
“พิลึกจริงๆ ทำไมต้องโมโหโทโสขนาดนี้”
“ก็ของเล่นใหม่นี่คะคุณพี่ อุตส่าห์ซื้อมา ยังไม่ทันได้เล่น ก็ทำหายซะแล้ว ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ลืม”
แสงโสมหัวเราะคิกคัก เดินลั้นลาออกไป สบายใจแล้วที่กำจัดปลายอ้อออกไปได้
“เด็กที่ชื่อปลายอ้อนี่สวยมากนักเหรอ คุณพ่อเขาถึงได้เดือดร้อนใจนัก”
“ก็สวยน่ะค่ะ เรียกว่ามีเซ็กส์แอพพีลดีกว่า”
พรทิพย์ชักสนใจ “หน้าตาเป็นยังไง หนูมีรูปให้แม่ดูไหม”
“เดี๋ยวนะคะ”
ปอแก้วเปิดคอมเข้าฐานข้อมูลของบริษัท แล้วหันจอคอมให้แม่ดูภาพปอแก้วในใบสมัคร
พรทิพย์มองหน้าปอแก้ว แล้วรู้สึกสะดุดตาแปลกๆ เพราะเห็นเงาของอัปสรอยู่ในตัว
“แม่ว่าแม่ไม่เคยเจอเด็กคนนี้ที่ไหน แต่ทำไมรู้สึกคุ้นๆ ก็ไม่รู้”
อ่านต่อตอนที่ 6