xs
xsm
sm
md
lg

พยัคฆ์ร้ายสาย(ส)ลับ ตอนที่ 4 : “ธงรบ” ลั่น ผมต้องการยูซ่าเท่านั้น!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พยัคฆ์ร้ายสาย(ส)ลับ ตอนที่ 4 : “ธงรบ” ลั่น ผมต้องการยูซ่าเท่านั้น!

บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : จรูญพร ปรปักษ์ประลัย

เคนมองพิงก์อย่างพร้อมพูดความจริงทุกอย่าง

"ใช่ ! ผมคือยูซ่า"
พิงก์มองจ้องเคนอย่างพูดไม่ออก ไม่แต่พิงก์เท่านั้น คนในออฟฟิศต่างมองมาที่เขา และซุบซิบกันทันควัน
"แต่... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่ามันเป็นไปได้ยังไง ตอนที่เป็นยูซ่า ผมไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ"
"เคน พิงก์ว่า... ถ้าเคนยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ ระหว่างเรา ... คงไปกันต่อไม่ได้แล้วล่ะ"
พิงก์พูดแล้วก็เดินไป ทันทีที่ผ่านเคนไป น้ำตาเจ้ากรรมก็เริ่มไหลออกมา เคนได้แต่มองตาม
"พิงก์ พิงก์"
ซูซี่ยังยืนมองอยู่ที่เดิม เธอยิ้มอย่างสะใจยิ่งกว่าเดิม
เคนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง
พุฒิเดินไปยืนข้างซูซี่ และมองหน้าอย่างรู้ทัน
"รู้ไหมครับ มีแต่พวกนางร้ายในละครเท่านั้นแหละ ที่จะยิ้มชอบใจ เวลาที่เห็นคนเขาทะเลาะกัน"
"เหรอคะ แล้วคุณชอบอย่างไหนมากกว่ากันล่ะ ระหว่างนางเอก กับนางร้าย"
พุฒิยิ้มเหมือนเป็นคำตอบนัย ๆ ว่า ชอบนางร้ายอย่างเธอ ซูซี่ปรายตามองพุฒิ
"อย่าลืมนัดของเราเย็นนี้นะคะ"
แล้วเธอกเดินจากไป พุฒิมองตาม แล้วตอบโดยเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า
"ไม่ลืมอยู่แล้ว"

ภายในห้องน้ำชายในบริษัท เคนมองหน้าตัวเองในกระจก ถามตัวเองอย่างหงุดหงิด
"ไอ้เคน คิดให้ออกสิวะว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะชีวิตเอ็งจะพังยิ่งไปกว่านี้"
ประตูห้องน้ำเปิด พนักงานชายคนหนึ่งเดินโทรศัพท์เข้ามา
"จริง ได้ยินกันทั้งออฟฟิศเลยล่ะ ว่า เคน อโณทัย ไปแอบรับจ็อบเป็นนางโชว์"
เคนหันขวับไปมอง สีหน้าโกรธโหดสุด ๆ พนักงานคนนั้นเห็นหน้าเคน หยุดกึก พูดเสียงเบาลง
"เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะ"
พนักงานคนนั้นหันหลังไปเดินกลับไป เคนขยับมองตาม
"เดี๋ยว"
พนักงานคนนั้นหยุดทันที เคนเดินไปหา ยื่อมือคว้าหมับเข้าที่ไหล่เขา
"จะรีบไปไหน เดี๋ยวก็ฉี่ราดรดกางเกงหรอก ไปสิ"
"คร้าบ"
พนักงานคนนั้นหันกลับไปที่โถปัสสาวะ แต่ก็อดชำเลืองมองเคนไม่ได้
"เร็ว มองอะไร"
"คร้าบ ๆ"
เขารูดซิบกางเกง แล้วเริ่มฉี่ หน้าเจื่อน ๆ
พุฒิเปิดประตูเข้ามาพอดี
"ไอ้เคน"
เคนหันไปจ้องหน้าพุฒิ แล้วโผเข้าไปกระชากคอเสื้อ
"พุฒิ แกใช่ไหม ที่เป็นคนบอกพิงก์"
พนักงานที่ฉี่อยู่ สะดุ้งเฮือก
"ชะอึ๊ย !"
"ฉันเปล่า" พุฒิปฏิเสธ
"แต่มีแกเท่านั้นที่รู้"
"ก็บอกแล้วไงว่าฉันเปล่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพิงก์รู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่แทนที่จะมาโทษกันเอง เรามาช่วยกันคิดไม่ดีกว่าเหรอ ว่าจะเอายังไงต่อ"
เคนเริ่มได้สติ ปล่อยคอเสื้อพุฒิ
"ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยว่ะ"
พุฒิมองเคนอย่างเห็นใจ เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเคน
พนักงานชายคนนั้นรูดซิบกลับ แล้วยกมือขอพูด
"เอ้อ พี่ ๆ ครับ"
เคนกับพุฒิหันหน้าไปพร้อมกัน สีหน้าดุดันด้วยกันทั้งคู่
"ธุระผมเสร็จเรียบร้อยด้วยดีทุกประการแล้วครับ ขออนุญาตออกไปก่อนนะครับ" พนักงานบอก
เคนตะคอก "เชิญ"
"ขอบคุณคร้าบ"
พนักงานคนนั้น ค่อย ๆ เดินผ่านเคนกับพุฒิไป
พนักงานบ่นงึมงำออกจากห้องน้ำ "ซวยจริง ๆ เลยกู"
พุฒิตะคอกถาม "พูดอะไร"
"เปล่า เปล่าคร้าบ"
เขารีบแจ้นออกจากห้องน้ำไปทันที
พุฒิกับเคนหันกลับมามองหน้ากัน
"ฉันว่า เราต้องย้อนกลับไปดูทุกอย่างที่แกเคยทำมาในอดีต ดูกันว่า มีอะไรบ้างที่แกหลงลืมไปบ้าง อดีตอาจเป็นจิกซอว์ ที่ทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของแก"
เคนพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเห็นด้วย
"เอาสิวะ วิธีไหนก็ได้ ที่ทำให้ฉันไม่ต้องติดอยู่กับเรื่องบ้า ๆ นี่ตลอดไป"
ประตูห้องน้ำเปิด พนักงานชายอีกคนเดินโทรศัพท์เข้ามา
"นั่นน่ะสิ ใครจะไปเชื่อ ว่า เคน อโณทัย เป็นยูซ่า" พนักงาน 2 ว่า
เคนกับพุฒิหันไปมอง พนักงานคนนั้นสะดุ้ง
"อุ๊ย เจอเต็ม ๆ เลย"
พนักงานคนนั้นหันหลังไป แต่ขยับไปก้าวเดียว พุฒิกับเคนก็เข้าประกบซ้ายขวา
"จะรีบไปไหน ปวดฉี่ก็ไปฉี่สิ ไป พวกพี่ไปส่ง" พุฒิบอก
"คร้าบ"

พนักงานคนนั้นเดินตามพุฒิกับเคนที่ประกบซ้ายขวาไป

ต่อมา... พุฒิกับซูซี่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแห่งหนึ่ง

"ตกลงคุณเคนเขาเป็นจริง ๆ เหรอคะ" ซูซี่ถาม
"เป็นอะไรล่ะครับ"
"ก็เป็นอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน ผู้ชายประเภท ‘กลางวันครับ กลางคืนค่ะ’ น่ะ"
"คุณคงผิดหวังสินะ ถ้าไอ้เคนเป็นอย่างนั้นจริง ๆ"
"เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงได้อยากรู้จากปากคนที่เป็นเพื่อนสนิท"
"ถามมาตรง ๆ แบบนี้ ผมก็ขอตอบตรง ๆ เหมือนกัน ว่าไม่รู้ครับ"
"ไม่รู้ หรือไม่พูดกันแน่คะ ถ้างั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ คุณสองคนรู้จักกันนานแล้วเหรอคะ"
"ก็มารู้จักกันที่บริษัทนี่แหละครับ ทำงานกินนอนอยู่ด้วยกันนานเข้า ก็เลยกลายเป็นซี้กัน"
ซูซี่มองพุฒิแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
"แปลก ที่ซี้กันขนาดนี้ กลับไม่รู้เรื่องที่คุณเคนไปเป็นนางโชว์"
"คนเราสนิทกัน ก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องของอีกคนไปซะทุกเรื่องนี่ครับ ขนาดเรื่องของเราเอง หลาย ๆ เรื่องเรายังไม่รู้เลย จริงไหมครับ"
"ก็จริงนะคะ ... เอ้อ ซูซี่ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ มึน ๆ ยังไงก็ไม่รู้"
"ครับ"
ซูซี่ลุกขึ้น แกล้งถึงผ้าปูโต๊ะ ทำเอาของต่าง ๆ ที่อยู่บนโต๊ะร่วงตก
พุฒิร้องตกใจ "เฮ้ย !"
พุฒิเข้ารับของต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว โดยใช้สองมือและปลายเท้ารับของทั้งหมดไว้
คนทั้งร้านหันมามองพุฒิอย่างทึ่งในความสามารถของเขา
ซูซี่มองอย่างได้คำตอบ ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนทำงานโฆษณาธรรมดา ๆ แน่ แต่ก็แกล้งแสร้งทำเป็นตกใจ
"อุ๊ย ขอโทษด้วยค่ะ ซูซี่นี่ซุ่มซ่ามชะมัดเลย"
คนทั้งร้านปรบมือให้พุฒิ
พุฒิเอาของต่าง ๆ วางบนโต๊ะ โค้งรับการปรบมือ แล้วโปรยยิ้มให้ทุกคน

ณ ที่แห่งหนึ่ง พุฒิกับซูซี่ยืนอยู่ข้างรถ มองท้องฟ้าอย่างรู้สึกสบาย
"คุณนี่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์อยู่เรื่อย ๆ เลยนะคะ ทั้งเรื่องการต่อสู้ แล้วก็เรื่องที่ร้านเมื่อกี้ ไปฝึกมาจากไหนเหรอคะ"
"เรื่องต่อสู้ ผมเคยเป็นนักมวยมหา’ลัยมาก่อนครับ ส่วนเรื่องเมื่อกี้ ผมฝึกเล่น ๆ ตามยูทูปน่ะครับ เอาไว้อวดสาว"
"แล้วก็ใช้ได้ผลซะด้วย"
"แสดงว่าคุณเริ่มชอบผมแล้วสิ"
"เอาเป็นว่า เราเป็นเพื่อนกันดีกว่าค่ะ"
"ผมไม่ได้อยากมีเพื่อน เพื่อนผมมีเยอะแล้ว"
"อย่าดื้อสิคะ บอกให้เป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน"
"ครับ แต่ตอนนี้เท่านั้นนะ สักวันคุณจะต้องเรียกผมว่าที่รัก"
"ค่ะ สักวัน ... ไม่วันนี้ก็วันหน้า ชาตินี้หรือไม่ก็ชาติหน้า"

ในห้องทำงานของเจน วัลลภา ชาคริตมองเจนอย่างแอบซ่อนความไม่พอใจ
"พี่เจนแน่ใจเหรอครับ ว่างานนี้เจ้านั่นจะเอาอยู่"
"เถอะน่า รอดูไปก่อน"
ชาคริตเข้าไปหาเจน พูดคุยแบบแทบจะหน้าชนหน้า
"พี่ก็รู้ว่างานนี้มันสำคัญกับเราทุกคน ถ้าไม่ได้เรื่องยังไง ขอให้ผมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้เองนะครับ"
"คริตคิดว่า จะทำได้ดีกว่าคนที่เขาทำอยู่จริงเหรอ"
"แน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ว่าเรื่องไหน ผมก็เก่งกว่ามันทั้งนั้น"
เจนยิ้มขำ ๆ "ฮึ พวกหนุ่ม ๆ ก็ชอบพูดอย่างนี้กันทุกคนนั่นแหละ ไป ไปได้แล้ว"
"แล้วพี่เจนล่ะครับ"
"พี่ยังมีงานที่ต้องเคลียร์อีกหน่อย"
"ผมจะรอ"
"ไม่ต้อง"
ชาคริตยังยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน
"ถ้ามีอะไรให้ช่วย พี่จะโทรไปหา"
"ครับพี่"
เจอไม้นี้ ชาคริตจึงยอมเดินออกไปโดยดี เจนมองตามสีหน้าครุ่นคิดอย่างคนที่มีแผนในใจตลอดเวลา

คอนโดของเคน ตอนกลางคืน มีแก้วกาแฟทั้งร้อนและเย็นนับสิบแก้ววางเรียงอยู่บนโต๊ะ เคนหยิบแก้วกาแฟขึ้นดูด พลางวาดไอเดียโฆษณาลงบนกระดาษ และพูดเตือนสติตัวเอง
"ง่าย ๆ แค่ไม่หลับอย่างเดียว ปัญหาทุกอย่างก็จบ"
เขากระแทกแก้วกาแฟกลับลงไปบนโต๊ะอย่างมาดมั่น แล้วมุ่งหน้าทำงานต่อ แต่ไม่ทันไร ... ความง่วงก็จู่โจมเข้ามา เขาหาว ตาค่อย ๆ ปรือ สุดท้ายก็วูบหลับไป แต่พอสัปหงกไปหนึ่งที เคนก็รู้ตัวตื่นขึ้นมา เขารีบย้ำกับตัวเอง
"ไม่ได้ เราจะหลับไม่ได้"
แต่ความง่วงไม่เคยปราณีใคร
"เราจะ... หลับ ไม่ ด้ายยยยยย..."
สุดท้ายเคนก็ฟุบหลับไป

ในห้องพักพิงก์คืนเดียวกัน
พิงก์ยืนครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
เจ๊สาเข้ามายืนข้าง ๆ มองพิงก์ แล้วหาวแบบไม่มีเม้ม
"พิงก์ ดึกแล้ว ไปนอนกันเหอะ"
"เจ๊ง่วงก็นอนไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป"
"พิงก์ ! พิงก์จะไปคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา ยังไงเราก็เปลี่ยนเคนไม่ได้ เขาอาจจะรักจะชอบทางนั้นมาตั้งนานแล้ว"
"ทางนั้น ? ทางไหนเหรอเจ๊ ?"
"ก็แบบ...พวกงานโชว์อะไรพวกเนี้ย"
เจ๊สาทำท่าแบบที่เห็นยูซ่าทำ
"แต่เคนเขาบอก ว่าเขาไม่รู้ตัวเลยนะ ตอนที่เขาเป็นยูซ่า"
"โหย คนเราจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ" เจ๊สามองพิงก์อย่างหยั่งท่าที "อย่าบอกนะว่าเชื่อเขาน่ะ"
"พิงก์เชื่อ"
พิงก์พูดแล้วก็หันเดินไปที่โต๊ะ หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา
"เดี๋ยว ๆ นี่จะไปไหนเนี่ย"
"ไปหาความจริง"
พิงก์เดินออกจากห้องนั้นไป เจ๊สามองตามแล้วเกาหัวแกรก ๆ

"อะไรกันวะ อุตส่าห์หอบเสื้อผ้ามานอนเป็นเพื่อน สรุปต้องนอนคนเดียวเหรอเนี่ย โห...เซ็งเป็ดเลย"

ที่มุมหนึ่งของเวทีในบาร์ยูโทเปีย เจ๊หว่างยืนเชิ่ดเฉิดฉายอยู่

"คุณสุภาพบุรุษ คุณสุภาพสตรี และคุณ ๆ ไม่ว่าจะเพศไหน ขอเสียงปรบมือต้อนรับดวงดาวที่เจิดจ้าจรัสแสงที่สุดแห่งยูโทเปีย ยูซ่า !"
ไฟเวทีดับลง คนดูทุกคนนิ่งเฝ้ามองอย่างตื่นเต้น
ที่ด้านหลังคนดูส่วนใหญ่ ชิปปี้กับแม้กกี้ยืนมองดูอยู่ ชิปปี้หันไปบอกแม้กกี้
"มันมาแล้ว ไปบอกไอ้พวกนั้นให้เตรียมตัวไว้ ทันทีที่โชว์จบ เราจะเอาตัวมันไป"
"ครับพี่ชิป"
ร่างของยูซ่าปรากฏบนเวที นี่เป็นอีกโชว์ที่แตกต่างจากโชว์ก่อน ๆ แต่ละครั้งที่ขึ้นเวที ยูซ่ามากับความแปลกใหม่ เกินกว่าที่ผู้ชมจะคาดถึงเสมอ
แม๊กกี้ตะลึงมอง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ จนชิปปี้ต้องหันไปมองหน้า
"ไปซี่"
"ขอดูอีกหน่อยไม่ได้เหรอพี่"
ชิปปี้เสียงแข็งกว่าเดิม "ไป !"
"คร้าบ"
แม๊กกี้หันเดินออกไป ชิปปี้มองตาม ก่อนหันไปมองบนเวทีอย่างไม่ละสายตา
โชว์ของยูซ่าเด็ดขาดสมคำล่ำลือ
ชิปปี้มองแล้วถึงกับเอ่ยปากออกมา
"ยอมรับเลยเคน ว่าแกเก่งจริง ๆ" ชิปปี้บอก
โชว์จบลงอย่างสวยงาม ชิปปี้ยกโทรศัพท์ขึ้นกดออก
"โชว์จบแล้ว ลงมือตามแผน"

ยูซ่ากับเจ๊หว่างที่เดินคู่กันมาเพื่อไปห้องแต่งตัว
"ขอบอกเลยนะลูกสาวแม่ ว่าโชว์เมื่อกี้น่ะ โหย เลอเลิศสุด ๆ อ่ะ นี่ ๆ คุณแม่ขออะไรอย่างได้ไหม"
"อะไรเหรอคะคุณแม่"
"คือคุณแม่อยากให้หนูช่วย หนูก็รู้ ว่าเศรษฐกิจยุคนี้มันแย่ แถมยังมีคนมาเปิดบาร์แบบนี้แข่งกับเราอีก คนดูก็เลยร่อยหรอ แต่ถ้าหนูรับปากว่าจะขึ้นโชว์เป็นประจำ ไม่ต้องทุกวันหรอก ขอแค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เท่านี้แหละรับรองคนดูต้องแห่กันมาแน่นบาร์"
"ยูซ่าไม่กล้ารับปากหรอกค่ะ"
"อ้าว ทำไมล่ะ แค่นี้ช่วยกันหน่อยไม่ได้เหรอ"
"ยูซ่าก็อยากจะช่วยนะคะ แต่..."
"เอาล่ะ คุณแม่ก็ไม่อยากจะบีบบังคับหรอก แต่ถ้าหนูไม่ช่วย อีกไม่นานที่นี่คงต้องปิดตัวลง"
"ทำไมล่ะคะ"
"ช่วงที่หนูไม่อยู่ คนดูลดลงไปมาก จนคุณแม่ต้องตัดสินใจกู้เงินเขามาปรับปรุงบาร์ให้ใหม่เอี่ยมอ่อง คิดว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น แต่ที่ไหนได้ คนดูร้องหาแต่ยูซ่ายูซ่า พอไม่มียูซ่า เขาก็ไม่มากันอยู่ดี"
ยูซ่ามองเจ๊หว่างอย่างเข้าใจ เห็นใจ สะเทือนใจจนน้ำตาปริ่มออกมา
"โถ...คุณแม่ขา..."

ยูซ่ากับเจ๊หว่างเดินตามกันเข้ามาในห้องแต่งหน้า
"ยูซ่าสัญญาว่าจะหาทางช่วยคุณแม่ และรักษายูโทเปียไว้ให้ได้ค่ะ"
เจ๊หว่างยิ้ม "จ๊ะ ลูกสาวแม่ ได้ฟังแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว"
เจ๊หว่างดึงยูซ่าเข้าไปกอดกันไว้แน่น
จังหวะนั้นเองแม้กกี้และพรรคพวกที่รออยู่ในห้องก็ก้าวออกมา
"โอ้โห ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าจะได้เห็นภาพที่น่าประทับใจแบบนี้" แม้กกี้ว่า
เจ๊หว่างกับยูซ่าผละแยกออกจากกัน แล้วหันไปมองชายฉกรรจ์ที่ล้วนแต่เข้มล่ำสัน
"พวกแกเป็นใคร เข้ามาทำไม อย่าบอกนะว่ามา... มารอดักข่มขืนพวกฉันน่ะ"
แม้กกี้กับพวกยิ้มขำ
"ถ้าพวกแกคิดจะข่มขืน ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยยูซ่าไป แล้วมาลงที่ฉัน"
ยูซ่าหันมองเจ๊หว่างแบบรู้สึกซาบซึ้งใจ
"ฉันยอมเสียสละ ไม่ว่าพวกแกอยากทำอะไรแค่ไหน เต็มที่เลย ฉันพร้อม ยอมทุกอย่าง"
"เจ๊ เจ๊เข้าใจผิดแล้วล่ะ เราไม่ได้มาเพื่อการอย่างว่าหรอก เรามาเพราะอยากได้ตัวยูซ่า"
"ไม่ !"
เจ๊หว่างเข้าขวางยูซ่าไว้
"ถ้าพวกแกจะเอาตัวยูซ่าไป ต้องผ่านร่างสวย ๆ ของฉันไปก่อน"
"ได้"
แม้กกี้เดินเข้าไป ยูซ่ามองอย่างตื่นกลัว
"คุณแม่ หลบไปเถอะค่ะ ท่าทางมันจะเอาจริง"
"ไม่ค่ะ คุณแม่ไม่หลบ"
เจ๊หว่างยกสองมือตั้งการ์ดขึ้นมา
"เราต้องทำให้โลกรู้ ก็เราก็สู้คน"
"เหรอ"
แม้กกี้ฟาดหลังมือเข้าที่หน้าเจ๊หว่าง เจ๊หว่างปลิดกระเด็นไปตามแรงมือ หัวกระแทกเข้ากับโต๊ะแต่งหน้า สลบไป
ยูซ่าตกใจมาก "คุณแม่ !"
ยูซ่ารีบวิ่งออกไปที่ประตู แต่เธอก็ต้องชะงัก เมื่อพบชิปปี้ที่เข้ามาขวางไว้
"จะรีบไปไหนเหรอคนสวย"
ยูซ่ามองหาทางหนี ขยับซ้ายขวาจะผ่านชิปปี้ไป แต่ชิปปี้ก็ขยับตาม ขณะเดียวกัน ด้านหลังและด้านข้าง แม้กกี้กับพวกก็เข้าล้อมยูซ่าไว้ ยูซ่ามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดกลัว
"ไม่ต้องกลัว แค่อยากพาไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันหน่อย แล้วหลังจากนั้น จะทำอะไรกันต่อ ค่อยว่ากันอีกที"
"ไม่ ฉันไม่ไป"

ชิปปี้ยิ้มขำคำพูดของยูซ่า แม้กกี้และคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ชิปปี้กับแม้กกี้กระชากยูซ่าไปที่ลานจอดรถ แต่ยูซ่าแรงเยอะ ขืนร่างเอาไว้

"ปล่อยนะ ปล่อย"
"โหย ทำไมแรงเยอะแบบนี้เนี่ย" แม้กกี้ว่า
ชิปปี้บอก "ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย ลืมไปแล้วเหรอว่านังนี้มันเป็นใคร"
"พูดอะไรเนี่ย ยูซ่าจะเป็นใครไปได้ ยูซ่าก็คือยูซ่า นางโชว์ใส ๆ แบ๊ว ๆ คนเดิมน่ะสิ"
ชิปปี้ชักจะทนไม่ไหว
"ไม่ไหวแล้วเว้ย พวกแกช่วยจับมันนิ่ง ๆ สิ"
สมุนคนหนึ่งเข้ามาจับยูซ่าแทนชิปปี้ ส่วนอีกข้างแม้กกี้ยังจับอยู่เหมือนเดิม ชิปปี้กำหมัดขึ้นมา
"ในเมื่อพูดกันดี ๆ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องใช้กำลังกันหละ รับรองหมัดเดียวอยู่"
"อย่านะ อย่าทำอะไรชั้น"
ชิปปี้ต่อยตรงเข้าไปยังหน้าของยูซ่า
ยูซ่ากลับก้มหัวหลบอย่างว่องไว หมัดจึงวืดผ่านไปโดนหน้าลูกน้องที่อยู่ด้านหลังยูซ่าแทน
ลูกน้อง 1 ร้อง"โอ๊ย พี่ชิป ต่อยผมทำไมเนี่ย"
"ไม่ได้ตั้งใจเว้ย เอาใหม่"
ชิปปี้ต่อยไปที่หน้ายูซ่าอีก
ยูซ่ากลับหมุนตัว เอาลูกน้องชิปปี้ที่จับแขนยูซ่าอยู่ไปรับหมัดแทน
ลูกน้อง 2 ร้อง "โอ๊ย"
ชิปปี้ชักหงุดหงิด
"อะไรกันเว้ย จับดี ๆ หน่อยสิ"
"โอเคพี่"
แม้กกี้เปลี่ยนเป็นไปล็อกยูซ่าด้านหลังแทน
"โอ๊ย แกเอาอะไรมาแทงชั้นเนี่ย ปล่อยนะ"
"ซัดให้เต็มที่เลยพี่ชิป"
"ได้เลย"
ชิปปี้ตรงเข้าไปหายูซ่าอีกครั้ง คราวนี้กะปล่อยหมัดแบบสุดกำลัง แต่แล้ว...
เมื่อชิปปี้หมัดปล่อยออกไป ยูซ่ากลับดีดตัวขึ้นจากพื้น ตีลังกาม้วนตัวไปด้านหลังแม้กกี้ หมัดอัดเข้าเบ้าตาแม้กกี้อย่างจัง ถึงขั้นต้องร้องเสียงหลง มือกุมเบ้าตาเอาไว้
"โอ๊ย !"
ชิปปี้ยืนเหวอ
"เฮ้ย ! ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้วะ"
ยูซ่ามองชิปปี้ และยิ้มอย่างสะใจ
"เป็นไง ยังอยากจะต่อยคนสวยอยู่อีกไหมคะ"
ชิปปี้มองยูซ่าอย่างแค้น ๆ โกรธที่โดนเยาะเย้ย
"นังนี่ ฤทธิ์มากนักนะ"
"อุ๊ย เพิ่งรู้นะเนี่ย ปกติอ่อนหวานจะตาย"
ชิปปี้เดินเข้าไปหายูซ่า ยูซ่าก็ไม่ถอยหนี จังหวะนั้นเอง มอเตอร์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดเอี๊ยดระหว่างทั้งสองคน
"ขึ้นมา" พุฒิเรียก
"ไม่อ่ะ ยังสนุกอยู่เลย"
"เร็ว"
ยูซ่าก้าวขึ้นซ่อนมอเตอร์ไซค์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก มอเตอร์ไซค์พุ่งออกไป ชิปปี้มองตาม เช่นเดียวกับพวกลูกสมุน มีเพียงแม้กกี้ที่ยังกุมตาร้องโอดโอย
"โอ๊ย พี่ชิป ตาผมจะบอดไหมเนี่ย"

พิงก์ยืนอยู่ที่กลางห้องในคอนโดของเคน พูดโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่
"หาทั่วห้องแล้วค่ะ ยังไม่พบอะไรเลย ... ค่ะ เดี๋ยวจะลองหาดูอีกที บางทีอาจมีห้องลับ หรือผนังสองชั้น ซ่อนอยู่ตรงไหนก็ได้"
พิงก์กดวางสาย แล้วใช้เครื่องสแกน ลักษณะเป็นแท่งพลาสติกผสมโลหะสีเข้ม มีดวงไฟสีแดงอยู่ที่ปลายแท่ง ... แล้วไล่หาไปตามผนัง เครื่องใช้ไฟฟ้า ช่องปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ และอื่น ๆ
ระหว่างนั้นเอง มีเสียงล็อกประตูเปิดออก พิงก์หันไปมอง
"เคนกลับมาค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ"
พิงก์รีบวางสาย ปิดสวิตช์ไฟ แล้วหลบด้านหลังโต๊ะในห้องหนึ่ง
ประตูเปิด ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาช้า ๆ อย่างระวังตัว
พิงก์มองตรงไป แสงที่ลอดเข้ามาจากด้านนอก พอทำให้เห็นอะไรได้บ้าง
ชัดเจนว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่เคน สรีระบ่งบอกว่าเป็นหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่ ที่ตาของเธอมีหน้ากากสีดำคาดปิดบัง เธอยกโทรศัพท์ขึ้นรายงานบางคน
"สถานการณ์ปลอดโปร่ง เคนไม่อยู่ในห้องจริง ๆ ค่ะ"

มุมหนึ่งในบ้าน ธงรบพูดโทรศัพท์อย่างเชื่อมั่นในตัวซูซี่
"หาดูให้ทั่ว ของที่เราตามหาอาจไม่อยู่ในห้องนั้น แต่น่าจะมีอะไรสักอย่าง ที่จะนำทางเราไป จนเจอที่ที่มันซ่อนของเอาไว้"

ซูซี่ตอบรับอย่างเชื่อมั่นเช่นกัน
"ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ เราคงมีเวลาไม่มาก ก่อนที่เคนจะกลับมา"
ซูซี่กดวางสาย แล้วมองไปรอบ ๆ
"เริ่มตรงไหนก่อนดีน้า"
พิงก์นิ่งไม่เคลื่อนไหว
"ไล่จากทางนั้นไปก็แล้วกัน"
ซูซี่ตรงไปทางที่พิงก์ยืนอยู่ อยู่ ๆ ซูซี่ก็หยุดเดิน และพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
"เฮ้ย ! ลืมเครื่องสแกนได้ไงเนี่ย"
ทันใดนั้น พิงก์ที่ใส่หน้ากากสีขาวคาดตาก็ชูเครื่องสแกนขึ้นมา ยืนขึ้นพูดกับซูซี่
"ฉันให้ยืมของฉันเอาไหมล่ะ"
ซูซี่ชะงักนิดนึง ก่อนที่จะตอบไปอย่างไม่เกรงกลัว
"ใจดีจริง ๆ นะ แต่ดู ๆ ไปก็น่าสงสัย ว่าเธอเอาเครื่องสแกนมาทำอะไรในห้องนี้"
"ก็คงเหมือนเธอแหละมั้ง"
"ถ้างั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ"
"ได้ เข้ามาเอาสิ"
พิงก์ยื่นเครื่องสแกนให้ซูซี่ ซูซี่เข้าไปเหมือนจะเอาเครื่องสแกนจากพิงก์จริง ๆ แต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็หยุด
"เดี๋ยว พอดีฉันเป็นคนมีมารยาทซะด้วย ก่อนใช้ของ ๆ ใคร ก็ควรจะรู้ก่อน ว่าเธอเป็นใคร ทำงานให้กับใครที่ไหน จะได้ส่งจดหมายขอบคุณไปถูก"
"จริงด้วย เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย เริ่มที่เธอก่อนดีไหม"
"เธอก่อนก็แล้วกัน"
"แหม เธอนี่ให้เกียรติคนจังเลยนะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
ทั้งคู่หยุดบทสนทนาแค่นั้น แต่ยังคงมองกันและกันอย่างไม่ละสายตา แม้ทั้งคู่จะยิ้ม แต่ต่างรู้ดีว่า เผลอเพียงนิดเดียวก็อาจหมายถึงความตาย ในที่สุดซูซี่ก็เป็นฝ่ายพูดก่อน
"ถ้างั้นฉันก็คงต้องทำตามกฎ ไม่ใช่ของของคนที่เราไม่รู้จักชื่อ ลาก่อน"
ซูซี่หันเหมือนจะเดินกลับออกไปเฉย ๆ
"เดี๋ยวซี่ ทำไมถอดใจง่ายจัง"
ซูซี่หยุดเดิน เหลือบมองทางปลายตา น้ำเสียงของพิงก์เปลี่ยนเป็นจริงจังและดุดัน
"บอกมาว่าเธอเป็นใคร"
ซูซี่หันหน้ากลับมา
"เอาไว้สักวันแล้วจะบอก"
แล้วซูซี่ก็เดินไปเหมือนไม่แยแส พิงก์ตามไปฉุดซูซี่ไว้ แต่มือพิงก์ยังไม่ทันถึง ซูซี่ก็ปัดออก ตามด้วยกระแทกฝ่ามือเข้าใส่ จนพิงก์กระเด็นไป พิงก์รีบตั้งหลัก มองจ้องอย่างโกรธแค้น
"พูดกันดี ๆ ไม่ชอบ ชอบแบบนี้ใช่ไหม" ซูซี่ว่า
"เมื่อกี้เขาเรียกว่าเล่นทีเผลอ แต่ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว"
พิงก์พูดแล้วก็กระโดดถีบเข้าใส่ซูซี่

"ย้ากก... "

ซูซี่ถูกถีบออกมานอกห้อง แต่ก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ด้วยฝีมือและชั้นเชิงที่เหนือกว่าของพิงก์ ซูซี่จึงโดนทั้งหมัด เข่า เท้า ศอกของพิงก์ไปหลายดอก
 
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้ ซูซี่จึงหาทางหนี แต่พิงก์ก็ยังตามไปขวางไว้

ซูซี่กับพิงก์วิ่งตามกันมาบนดาดฟ้า ซูซี่ถอยไปจนสุดขอบดาดฟ้า
"เอาล่ะ คราวนี้จะบอกได้หรือยัง ว่าเธอเป็นใคร"
"โอเค งั้นเรามาแลกนามบัตรกัน"
ซูซี่ล้วงเข้าไปในเสื้อ พิงก์คิดว่าซูซี่คงจะหยิบอาวุธแน่ พิงก์ชักปืนออกมาขู่
"เธอจะทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
ซูซี่หยิบการ์ดขนาดเท่านามบัตรออกมาจริง ๆ เธอยิ้มขำ
"ก็แค่นามบัตร"
ทันใดนั้น เธอก็ปล่อยนามบัตรลงกับพื้น ทันทีที่แตะพื้น มันก็กลายสภาพเป็นระเบิดควัน ตูมขึ้นมา
พิงก์ผงะถอยหนี
"หะ !"
ควันตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
พิงก์ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ควัน แต่เมื่อควันจางลง ซูซี่ก็หายตัวไปแล้ว
พิงก์มองอย่างหงุดหงิด
"โธ่เอ้ย !"
พิงก์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารายงาน
"หัวหน้าคะ เมื่อกี้ไม่ใช่เคนค่ะ เป็นสายลับไม่ทราบสังกัด แต่ตอนนี้มันหนีรอดไปได้แล้ว ค่ะ ต้องมีคนรู้ความลับของเคนแน่ เราต้องเร่งมือ ก่อนที่พวกนั้นจะชิงได้ข้อมูลไป"

มอเตอร์ไซค์ของพุฒิจอดอยู่ ยูซ่ามองหน้าพุฒิ
"นี่คุณขา พายูซ่ามาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย แต่จะว่าไป คุณก็หล่อดีนะคะ ถามจริง คิดอะไรกับยูซ่าหรือเปล่า"
พุฒิผงะถอยหนียูซ่า
"อู๊ย จะไปคิดอะไรเล่า ก็แค่ช่วยคุณออกจากคนพวกนั้น"
"ก็ช่วยเสร็จแล้วนี่คะ ทีนี้เราจะทำอะไรกันต่อดีล่ะ"
พุฒิหันหน้าหนี พลางพูดกับตัวเอง
"ไอ้เคนนะไอ้เคน จำเพื่อนไม่ได้เลยเหรอวะ"
"อะไรนะคะ"
"เปล่า เปล่าครับ คือ...ผมมีเรื่องนึงอยากจะถามคุณ"
"เรื่องอะไรคะ"
"คุณจำคนอเมริกันที่ชื่อจอร์ชได้ไหม"
"จอร์ช"
"ใช่ครับ"
ภาพความทรงจำเกี่ยวกับจอร์ชกลับคืนมาอีกครั้ง

ในอดีตเมื่อ 2 ปีก่อน ตรงบริเวณช่องทางเดินในบาร์ยูโทเปีย
ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ ยูซ่าเดินเข้ามา มองตรงไปอย่างระแวดระวัง
"จอร์ช"
ชายคนนั้นหันมามอง
"ยูซ่า"

คืนนั้นต่อมา
จอร์ชต่อสู้กับธงรบท่ามกลางความมืด
แต่แล้วธงรบก็ได้จังหวะหยิบปืนบนพื้นขึ้นมา ยิงใส่จอร์ช
จอร์ชนิ่งค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะทรุดฮวบไป
ยูซ่ามองตะลึง ตาเบิ่งโตด้วยด้วยความตกใจ

ยูซ่ามองหน้าพุฒิอย่างอยากรู้ความจริงเหมือนกัน
"ฉันเห็นภาพเขา แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามาเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน" ยูซ่าบอก
"ผมคิดว่า เขาได้มอบของสำคัญอย่างหนึ่งไว้ให้กับคุณ ลองคิดดูดี ๆ ว่าคุณเก็บมันไว้ที่ไหน"
ยูซ่านิ่งคิด แต่สุดท้ายเธอก็ตอบออกมาอย่างเบื่อหน่าย
"ของอะไร ฉันคิดไม่ออกอ้ะ"
"พยายามอีกหน่อยซิครับ ของชิ้นมันสำคัญมาก มันเกี่ยวข้องกับคนหลาย ๆ คนเลย"
"ก็บอกแล้วไงว่าคิดไม่ออก โหย ทำไมต้องบีบคั้นกันด้วยล่ะ ไม่เอาแล้ว พาฉันกลับเหอะ"
"โอเค เคน"
"ว่าไงนะ คุณเรียกฉันว่าไงนะ"
"เคน คุณคือเคน"
"อะไรกัน ฉันชื่อยูซ่า ไหนลองพูดสิ ยูซ่า"
พุฒิมองหน้ายูซ่าอย่างอ่อนใจ
"ทำไมไม่พูดล่ะ ยูซ่า"
"ไป ขึ้นรถ"
พุฒิเดินไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ ยูซ่ามองงง ๆ
"อ้าว บทจะไปก็ไป จะไม่พูดชื่อฉันก่อนจริง ๆ เหรอ ยู ซ่า"
พุฒิส่ายหน้า แล้วบิดมอเตอร์ไซค์ออกไป ยูซ่ามองตาเบิ่งโตอย่างตกใจ
"เฮ้ย ๆ จะทิ้งกันเลยเหรอ"
พุฒิหยุดมอเตอร์ไซค์กึก และบอกเหมือนเป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย
"เร็ว"
ยูซ่ารีบวิ่งมา
"โหย หน้าตาหล่อ ๆ ไม่น่าใจร้าย"
ยูซ่าขึ้นมอเตอร์ไซค์ ทันทีที่ก้นแตะเบาะ พุฒิก็ตะบึงรถออกไป จนยูซ่าแทบตก

"เหยย..."

บริเวณบ้านธงรบ ชิปปี้ยื่นหน้าเข้าไปหาแม้กกี้ที่ใส่แว่นดำปิดบังดวงตาอยู่

"ไหนขอดูหน่อยสิ"
แม้กกี้มองชิปปี้แบบเคือง ๆ
"จะดูทำไมอ่ะพี่ชิป"
"เถอะน่า ขอดูหน่อย อยากรู้ว่าเป็นอะไรเยอะหรือเปล่า"
"ก็ได้"
แม้กกี้ถอดแว่นออก ปรากฏที่รอบตาข้างที่โดนต่อยเป็นวงดำปื้นชัดเจน ชิปปี้มองแล้วอดขำไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็พยายามกั้นหัวเราะไว้ ก่อนที่จะระเบิดออกมา คนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้นพากันหัวเราะ
"พี่ชิป ขำอะไรเนี่ย" แม้กกี้รีบใส่แว่นกลับคืน "ทำเค้าเป็นแบบเนี่ย แล้วยังจะมาหัวเราะอีก" ก่อนมองคนอื่น "พวกเอ็งด้วย จะฮากันไปถึงไหนวะ"
ชิปปี้พูดกลั้วหัวเราะ
"เออ ๆ ขอโทษที"
สุดท้ายชิปปี้ก็หัวเราะออกมาอีก แต่พอแม้กกี้ถลึงตาใส่ ก็เอาสองมือปิดปากตัวเองไว้
รถแล่นเข้ามาจอด ชิปปี้ แม้กกี้ และคนอื่น ๆ หันไปมอง
ซูซี่ก้าวลงมาจากรถ
"นายอยู่หรือเปล่า ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับนาย"

บริเวณบ้านของธงรบ มุมหนึ่งที่จัดไว้สำหรับฝึกต่อสู้ ธงรบกับเอมมี่กำลังสู้กัน ขณะที่คนอื่นยืนดูอยู่รอบ ๆ
ทั้งคู่ต่อสู้กับอย่างสูสี แม้จะเอาจริง แต่ทั้งธงรบและเอมมี่ต่างสีหน้าสนุก
"เอมมี่ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องออมมือ หรือว่า...เธอมีฝีมืออยู่แค่นี้"
"แล้วนายล่ะคะ ไปฝึกต่อยมาจากไหนเหรอ เจ็บจิ๊ด ๆ อย่างกะโดนมดกัดเลย เอาให้มันหนัก ๆ หน่อยสิคะ เอมมี่ชอบอะไรที่มันเจ็บ ๆ"
"ได้ เดี๋ยวได้เจ็บสมใจแน่"
ทั้งคู่เตรียมเข้าสู้กันต่อ แต่จังหวะนั้นเอง ซูซี่ก็เดินเข้ามา ชิปปี้และแม้กกี้เดินตามมาด้วย
"คุณธงรบคะ มีเรื่องด่วนที่เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้ค่ะ"
"ขอฉันเสร็จธุระกับเอมมี่ก่อนได้ไหม"
"ไม่ได้ค่ะ"
"โอเค" ธงรบหันไปหาเอมมี่ "ถ้างั้นเราค่อยมาต่อกันทีหลัง"
"ค่ะนาย"

ธงรบมองหน้าซูซี่อย่างหงุดหงิด รอบ ๆ เอมมี่ ชิปปี้ แม้กกี้ และคนอื่น ๆ ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ
"ตกลงมันเป็นใคร"
"ซูซี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ที่แน่ ๆ มันกำลังพยายามตามหาของนั่นเหมือนกับเรา"
"แล้วมันได้ของไปหรือเปล่า"
"ห้าสิบห้าสิบ แต่ซูซี่เชื่อว่า มันคงยังไม่ได้ไปหรอกค่ะ"
ธงรบดูเครียดยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม เอมมี่มองแล้วเสนอตัวขึ้น
"นายคะ ให้เอมมี่ทำงานนี้แทนเถอะค่ะ"
ธงรบมองหน้าเอมมี่
"ทำไม"
เอมมี่เหลือบมองซูซี่ก่อนตอบ
"ลองเปลี่ยนคนทำมั่ง อะไร ๆ มันอาจดีขึ้นก็ได้นะคะนาย"
ซูซี่หันไปจ้องหน้าเอมมี่เต็ม ๆ
"ไม่ต้อง นี่มันงานของฉัน เธอไม่ต้องมาแส่"
"ถ้างั้นก็พิสูจน์สิ ว่างานของเธอ เธอเอามันอยู่จริง ๆ"
ซูซี่ไม่อยากต่อปากต่อคำ เหมือนเอมมี่ไม่มีราคาที่จะพูดด้วย
"คุณรบธง ซูซี่ขอตัวก่อนนะคะ"
ซูซี่หันเดินไป เอมมี่มองตามอย่างสะใจ ธงรบเข้าไปพูดกับเอมมี่แบบดุแกมหมั่นเขี้ยว
"เดี๋ยวไปเจอกับฉันบนเวที จะได้รู้ว่าเจ็บของจริงเป็นยังไง"
"ค่ะนาย แทบจะรอไม่ไหวแล้ว"

ที่บริษัท Giant & Janet Agency &Production บับเบิ้ลหยิบกระดาษที่เคนเขียนอะไรเลอะ ๆ เทอะ ๆ ขึ้นมา
"โห นี่เหรอเคน งานที่เตรียมจะเอาไปพรีเซ้นต์น่ะ ทำไมมันถึงได้เละแบบนี้เนี่ย"
"โทษทีบับเบิ้ล เมื่อคืนพยายามฝืนทำแล้ว แต่มันไม่ไหวจริง ๆ ฟุบหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว แต่ที่แปลกนะ มันเหมือนมีคนเข้ามาในห้อง"
"จริงดิ" บับเบิ้ลกลัว ๆ "หรือว่าจะเป็น... ผี !"
พุฒิหันมองเคนอย่างไม่อยากจะพูด ว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น
"ไม่ใช่หรอก ไอ้เคนมันคิดไปเองมากกว่า"
"ไม่ได้คิดไปเอง ของบางอย่างที่ฉันจำได้ มันไม่ได้อยู่ที่เดิม"
จังหวะนั้นเอง ซูซี่ก็เดินเข้ามาอย่างสนใจ
"ถ้างั้นก็อาจมีบางคนแอบเข้าไปตอนที่คุณหลับ คนที่สามารถเข้าห้องคุณได้ตลอดเวลา"
"คนที่มีกุญแจห้องผม นอกจากตัวผมแล้ว ก็มีอีกคนเดียว"
พิงก์เดินเข้ามาและพูด
"ฉันเอง" พิงก์หันไปจ้องหน้าเคน "อย่าบอกนะว่าคุณสงสัยฉัน"
"เปล่านะพิงก์ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย"
เคนรีบปฏิเสธเพราะกลัวพิงก์โกรธ ขณะที่ซูซี่มองพิงก์อย่างสงสัย
"ใช่ เคนเขายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย หรือว่า...จะมีคนร้อนตัว"
พิงก์หันไปมองหน้าซูซี่อย่างไม่พอใจ แต่หน้ายังยิ้มแบบไม่อ่อนข้อให้
"ถึงฉันจะเข้าไปที่ห้องเคน ก็ไม่เห็นแปลกนี่ ถ้าเป็น ‘คนอื่น’ สิ ถึงจะน่าสงสัย"
"แล้วเป็นเธอหรือเปล่าล่ะ เคนเขาจะได้สบายใจ ว่าไม่มี ‘ผี’ แอบเข้าห้องมาตอนดึก ๆ"
ทุกคนนิ่งมองพิงก์เป็นตาเดียว
"เปล่า ถ้าไม่เชื่อ ไปเช็คกล้องวงจรปิดของคอนโดได้เลย"
"โอเค ผมคงคิดไปเองอย่างที่ไอ้พุฒิบอกจริง ๆ แหละ ไปเหอะ ป่านนี้พี่เจนไปนั่งรอเชือดอยู่ในห้องประชุมแล้ว"
เคนรวบกระดาษที่เขียนอะไรต่อมิอะไรไว้ แล้วเดินไป คนอื่น ๆ เดินตาม จนเหลือแต่พิงก์และซูซี่
ซูซี่ยิ้มกวน ๆ ก่อนเดินตามคนอื่นไป พิงก์มองตามไป

"ซูซี่ หรือว่าจะเป็นเธอ"

ในห้องประชุม เจนโยนกระดาษที่เคนเขียนไว้ลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด

"ไม่ได้เรื่องเลย ทำไมเคนถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ ให้เวลามาตั้งหลายวันแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย"
"ใจเย็น ๆ สิจ้ะเจนจ๋า เดี๋ยวเคนมันก็คิดออก มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ ไม่ถึงเดดไลน์ ไฟไม่ลนก้น สมองมันก็ไม่แล่น" ยักษ์ว่า
"ใช่ครับ ผมรับรองว่าถึงวันขายงานลูกค้า ผมมีทีเด็ดไปขายแน่นอน แล้วก็ จะต้องปัง ปัง ปัง สามปังเลยด้วย" เคนคุย
"ขอให้มันจริงเถอะ ... เอาอย่างงี้ ในเมื่อเวลาเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว พี่จะจัดห้องให้ทีมของเราทำงานที่บริษัท กินนอนอยู่ที่นี่เลย ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ชนิดพ่อป่วย แม่ตาย ยายขึ้นสวรรค์ ห้ามใครกลับบ้าน"
บับเบิ้ลมีสีหน้าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด
"โอ้โห ขนาดนั้นเลยเหรอพี่เจน"
เจนประกาศ "ใครมีปัญหา เชิญลาออกไปได้เลย"
"ไม่มีปัญหาเลยครับพี่ ไม่มีเลยสักนี้ด ผมว่าแบบนี้แหละดีสุด ๆ ทีมงานจะได้รักใคร่ กลมเกลียว สนิทสนม เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันยังไงล่ะครับ"
ซูซี่สำทับ "ใช่ค่ะ ซูซี่เห็นด้วย งานนี้คงโยนให้เป็นภาระของคุณเคนคนเดียวไม่ได้ เราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ระดมสมองคิดงานที่สุดยอดออกมาให้ได้"
ทุกคนมองซูซี่ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ซูซี่บอกกับเจน
"ซูซี่ขอยึดห้องนี้เป็นที่ทำงานของพวกเรานะคะ พี่เจน"
"ได้เลย ฝากด้วยก็แล้วกัน"
"ค่ะพี่"
ซูซี่หันไปพูดกับเคน
"พร้อมจะลุยกันหรือยังคะคุณเคน"
เคนพยักหน้า
"ผมพร้อมตลอดอยู่แล้วครับ"

ต่อมา พิงก์พิมพ์เสิร์ชหาด้วยสีหน้าจริงจัง
ที่หน้าจอ ภาพซูซี่ขึ้นมา พร้อมด้วยประวัติ
ซูซี่ มารส์ ลูกครึ่งไทย-จีน เกิดที่ประเทศฮ่องกง จบการศึกษาปริญญาโท ด้านโฆษณา จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ฯลฯ
พิงก์ดูผิดหวัง ที่ไม่พบข้อมูลซึ่งแสดงให้เห็น ว่าซูซี่ทำงานให้กับองค์กรใด
"ข้อมูลทุกอย่างตรงตามที่ซูซี่บอกไว้เป๊ะ แต่...มันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ"
จังหวะนั้นเอง บับเบิ้ลก็เดินหงุดหงิดเข้ามา
"พิงก์ ฉันว่าคราวนี้เรื่องใหญ่แล้วล่ะ"
"ใหญ่ยังไงเหรอ"
"ก็พี่เจนน่ะสิ สั่งให้ทีมโฆษณา star beauty อยู่โยงทำงานกันที่บริษัท ให้กินนอนอยู่นี่ ห้ามกลับบ้าน"
"ก็เรื่องปกตินี่ เราก็ทำงานแบบนี้กันมาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว"
"แต่คราวนี้ไม่ปกติ ให้ค้างคืนที่นี่แปลว่าอะไรรู้ไหม ก็แปลว่าเคนกับซูซี่จะได้อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงเลยน่ะสิ หรือว่าเธอไม่สน"
พิงก์ทำเป็นปากแข็ง "ไม่สน ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย"
"เหรอ ฉันนี่อยากให้เธอเห็นกะตาตัวเองจริง ๆ ว่ายัยซูซี่กระดี๊กระด๊าแค่ไหน ตอนที่พี่เจนสั่งให้อยู่ทำงานทั้งวันทั้งคืน ส่วนเคนก็พอกันเลย" บับเบิ้ลเก๊กทำเสียงหล่อ "ผมพร้อมตลอดอยู่แล้วครับ"
พิงก์นิ่งรักษาอาการ ก่อนที่จะรีบตัดบท
"โอเค ๆ ฉันสนก็ได้ บับเบิ้ล เธอต้องเก็บรายละเอียดทุกเม็ดที่เกี่ยวกับสองคนนั่น เอามารายงานให้ฉันรู้เป็นระยะ เข้าใจไหม"
"ได้เลย สายลับบับเบิ้ลพร้อมปฏิบัติการ"

ห้องประชุมถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ทุกคนง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก หรือไม่ก็สเก็ตช์ลงบนกระดาษขนาดต่าง ๆ บนผนังมีกระดาษแปะติดไว้เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นตัวอย่าง reference งานในส่วนต่าง ๆ
เฮียยักษ์ยืนพูดอยู่กับเคน
"เออ ไอเดียนี้น่าสนใจดีว่ะเคน เล่นกับคำว่า star ดวงดาว จักรวาล อวกาศอันไกลโพ้นอะไรแบบเนี่ย"
"ครับ เฮียยักษ์ แต่ผมไม่อยากให้มันหนักไปทางไซไฟมากนัก อยากให้มันดูฝัน ๆ เป็นแฟนตาซีมากกว่า ประมาณเจ้าหญิงจากดวงดาวผู้เลอโฉม อ่อนเยาว์ตลอดกาล ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์"
"น่าสนใจมากเลยค่ะคุณเคน ถ้างั้นเดี๋ยวนับดาวจะลองเลือกแคส ที่เหมาะกับบทเจ้าหญิงดูนะคะ เลือกไว้สักสามคน ให้ลูกค้าตัดสินใจ" นับดาวว่า
"ดีมาก งั้นคุณพุฒิกับคุณบับเบิ้ลรับไม้ต่อจากคุณเคน ดีไซน์ฉากกับเสื้อผ้าได้เลยนะคะ"
"ผมเริ่มทำไว้แล้วล่ะครับ นี่ไง"
พุฒิยกกระดาษที่สเก็ตช์ภาพคอนเซ็ปต์อาร์ตไว้ ให้ซูซี่ดู
"เยี่ยม ถ้างั้นลุยต่อเลยค่ะ"
"ครับผม"

ชาคริตพูดกับเจนอย่างหงุดหงิด
"ไม่อยากเชื่อเลย ว่าพี่เจนยังไว้ใจให้มันทำงานต่อ"
"พอได้แล้วชาคริต พี่จะให้ใครทำงานอะไร เธอก็ไม่สิทธิ์มายุ่งเกี่ยว"
"แต่พี่เจน..."
"ไป กลับไปทำงานของเธอได้แล้ว"
ชาคริตยังยืนนิ่งไม่ยอมไป
"ไปซี่"
ชาคริตจำใจต้องหันเดินไป จังหวะนั้นเอง เจ๊สาเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
"คุณเจนคะคุณเจน"
"อะไรอีกล่ะสา ทำไมต้องเอะอะโวยวายด้วย"
"คุณธงรบค่ะ คุณธงรบมาที่นี่"

"อะไรนะ"

ธงรบมากับเอมมี่ มาที่ Giant & Janet Agency &Production เฮียยักษ์ยืนต้อนรับอยู่

"คุณธงรบก็...จะมานี่ทำไมไม่โทร. มาบอกก่อนล่ะครับ ผมจะได้เตรียมต้อนรับ"
"ไม่จำเป็นหรอกคุณยักษ์ พอดีผมผ่านมาทางนี้ ก็เลยแวะเข้ามาดูซะหน่อย ว่างานของผมคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว"
เจน ชาคริต และเจ๊สาเดินตามกันมา
"อย่าเลยค่ะ งานยังไม่เรียบร้อย ดูไปก็จะหงุดหงิดคาใจเปล่า ๆ"
ธงรบหันมายิ้มให้กับเจน
"คุณคงเป็นเจน วัลลภา น่ะสินะ"
"ค่ะ ดิฉันเจน วัลลภา"
"ได้ยินชื่อเสียงมานาน ในที่สุดก็ได้เจอเสียที ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
ธงรบยกมือขึ้นขอเช็คแฮนด์ เจนจับมือธงรบโดยไม่อิดออด
"ยินดีเช่นกันค่ะ"
แม้การจับมือจะเป็นมารยาทตามปกติ แต่ในกรณีดูแปลก ๆ จนยักษ์รู้สึกเอะใจ ชาคริตก็เช่นกัน
"ถ้าคุณยังไม่อนุญาตให้ดูงาน ผมขอเสนออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ"
"อะไรคะ"
"คนที่เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของเรา"
"คุณมีในใจแล้วเหรอคะ"
"ใช่ครับ ผมต้องการอะไรที่แปลกใหม่ มีชื่อเสียง แต่ยังไม่เคยผ่านงานโฆษณาใด ๆ มาก่อน"
"คนแบบนั้นมีด้วยเหรอคะ"
"มีครับ"
เอมมี่ส่งแท็บเล็ตให้ธงรบ
"คน ๆ นี้ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักร้อง แต่เธอเป็นนักแสดง และคลิปการแสดงของเธอมียอดวิวมากถึงร้อยล้านวิวในเวลาเพียงไม่กี่วัน"
ธงรบยกแท็บเล็ตให้เจนดู
"เธอผู้นี้คือ ยูซ่า"
ทุกคนต่างอึ้งกับข้อเสนอของธงรบ
"ยูซ่า ?" เฮียยักษ์อุทาน...
"ใช่ ยูซ่าคือหนึ่งเดียวในใจผม ถ้าไม่ได้ยูซ่า ทุกอย่างก็เป็นอันจบ"
เฮียยักษ์หน้าเสีย คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ภาพยูซ่าบนหน้าจอแท็บเล็ต กับงานโชว์สุดร้อนแรง

อ่านต่อตอนที่ 5


กำลังโหลดความคิดเห็น