เพรงลับแล ตอนที่26 | ความจริงอันเจ็บปวด
บทประพันธ์และบทโทรทัศน์โดย | อาณาจินต์
บัวคำนั่งหลบมุมพนมมือทำปากขมุบขมิบอยู่หลังต้นไม้ในสำนักด้วยสีหน้าจริงจัง มีลูกเทพยืนเท้าสะเอวจ้องมองอย่างไม่พอใจ
“หยุดนะ! ยัยป้าใจร้าย ถึงจะสวดยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะแม่จ๋าได้หรอก”
บัวคำสวดต่อเหมือนไม่สนใจ จนลูกเทพเข้ามาทำลายสมาธิหัวเราะคิกคักวิ่งวนรอบๆ ตัว
“ลืมตาซะทีสิ ลืมตาเดี๋ยวนี้ๆๆ”
บัวคำหรี่ตามอง เห็นลูกเทพหัวเราะคิกคักตั้งใจทำลายสมาธิให้ได้ เลยหมั่นไส้ แกล้งยื่นขาออกไปขวาง ลูกเทพสะดุดขาล้มหัวคะมำ แต่บัวคำรีบเอามือไปรองรับหัวผีเด็กไว้ไม่ให้กระแทกพื้น ลูกเทพตกใจร้องไห้เสียงดัง
“ฮือๆๆ โอย...เล่นเอามึนเลย” ลูกเทพตะโกนเรียกเจ้าแม่ “แม่จ๋าช่วยหนูด้วย ป้าใจร้ายแกล้งหนู”
บัวคำยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ
เนตรมายายิ้มสะใจอยู่ที่หน้าห้องขังพิณทิพย์บนเรือน ก่อนจะหันไปสั่งการเชื่อม
“มันจะได้รู้รสว่าเจ็บปวดแทบสิ้นใจเป็นยังไง เอาสายสิญจน์เลือดหมาดำไปพันไว้ที่หน้าประตูด้วย”
เชื่อมจัดการพันสายสิญจน์ที่หน้าประตู แล้วเอาก้อนสายสิญจน์ส่งให้เนตรมายา
เนตรมายายกสายสิญจน์ขึ้นพนมมือสวดมนต์
ภายในห้องที่ถูกปิดทึบ พิณทิพย์นอนคุดคู้ตัวงอด้วยความเจ็บปวด รอบตัวเกิดเป็นควันสีแดงลอยคลุ้งเหมือนกำลังไหม้
ส่วนเนตรมายายิ้มสะใจสมใจ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุรนทรายด้วยความเจ็บปวดของพิณทิพย์
ขจรกะศรชัยได้ยินเสียงร้อง พากันวิ่งตามเข้ามาดู ในสภาพยังอมข้าวคาปาก กินข้าวค้างอยู่ เมื่อเห็นเนตรมายายิ้มสะใจ ขจรถึงกับสยองขวัญแอบกระซิบกับศรชัยเบาๆ
“ทำไมคนสวยถึงได้โหดร้ายนักวะ”
ศรชัยเห็นด้วย “นั่นสิ”
ขจรกับศรชัยมองเจ้าแม่อย่างกลัวๆ เสียงลูกเทพดังเข้ามา
“ฮือๆๆ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย ป้าใจร้ายแกล้งหนู”
เนตรมายาได้ยินคนเดียว ตกใจมากหันไปมองตามสียง
“ลูกแม่”
ขจรสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ้าแม่”
เนตรมายาไม่สนใจตอบคำถาม รีบวิ่งลงบันไดไป เชื่อม ขจร ศรชัย มองหน้ากันงงๆ แล้ววิ่งตามกันไป
บัวคำปลอบลูกเทพสีหน้านิ่งๆ
“จะร้องทำไม ก็ไม่ได้เจ็บอะไรนักหนานี่”
ลูกเทพปาดน้ำตาป้อยๆ “ก็ป้าแกล้งหนู หนูเจ็บใจ หนูเป็นผีนะ กลัวหนูบ้างสิ”
“ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ”
เนตรมายาปรี่เข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง เชื่อม ขจร ศรชัย วิ่งตามมาติดๆ ทั้งสามเห็นแต่บัวคำ ไม่เห็นลูกเทพ
“แกถือดียังไงเข้ามาแกล้งลูกฉันถึงในนี้”
“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย ป้าใจร้ายทำหนูเจ็บ”
ลูกเทพจะวิ่งเข้าไปหาเนตรมายา แต่บัวคำไม่ยอม แววตาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น จิกกบาลผีเด็กตรึงไว้ไม่ให้วิ่งไปหาเจ้าแม่ได้ เนตรมายาโกรธ หันไปสั่ง เชื่อม ขจร และศรชัย
“ไปจับนังบัวคำไว้
สามคนจะวิ่งเข้าไปจับตามสั่ง บัวคำหลับตาทำปากขมุบขมิบเหมือนเป่ามนต์ใส่ทั้งสี่คน
เชื่อม ขจร ศรชัย นั้นนิ่งคาที่โดนสะกดขยับไม่ได้ แต่เนตรมายาไม่เป็นอะไรอะไร
“มนต์อนุบาลแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก
บัวคำยิ้มเยาะ “ทำแกไม่ได้ แต่ทำลูกแกได้”
บัวคำปล่อยมือจากหัวมากระชากแขนลูกเทพหายวับไป
เนตรมายาหลงกล และโกรธจัดรีบวิ่งตามบัวคำไป
เวลาเดียวกัน ที่โต๊ะอาหารบ้านทรงกลด บุษบาลาวัณย์กำลังตักเอาใจทรงกลดคอยอาหารให้
“กินเยอะๆ นะคะ”
ทรงกลดตักชิมแล้วเยินยอชมเอาใจ “อร่อยมาก ผมไม่เคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย”
“จะเคยกินได้ยังไงล่ะคะ นี่ฝีมือคุณบุษบาเธอลงมาทำเองตั้งแต่เช้าแล้ว” แม่บ้านว่า
“มิน่าตื่นมาไม่เจอคุณ” ทรงกลดยิ้มชื่น ตักกินอย่างอร่อยชมไม่ขาดปาก “ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณมีฝีมือขนาดนี้”
“เป็นสูตรของแม่ฉันเองค่ะ” สาวลับแลหน้าเศร้าลงนึกถึงแม่
ทรงกลดสังเกตเห็นท่าที “ถ้าคุณคิดถึงบ้าน ผมพากลับก็ได้นะ เผื่อกลับไปเห็นบรรยากาศเก่าๆจะได้รู้สึกดีขึ้น”
ทรงกลดแสร้งทำทีเป็นห่วง แท้จริงแล้วหวังหลอกล่อเข้าเมืองไปเอาสมบัติ บุษบาลาวัณย์สลัดตัวเองออกจากความคิดถวิลครวญนั้น
“ค่ะ เอาไว้ทุกอย่างลงตัว ฉันจะพาคุณไป”
ทรงกลดยิ้มกริ่ม “จะไปเมื่อไหร่ก็บอกนะครับไม่ต้องเกรงใจ สำหรับคุณแล้วผมว่างเสมอ”
“ค่ะ” บุษบาลาวัณย์ยิ้มหวาน รีบเปลี่ยนเรื่อง อยากให้ทรงกลดรีบเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อดูพิณทิพย์กลายร่างเป็นปรางทิพย์ “แล้ววันนี้คุณไม่ไปหมู่บ้านเหรอคะ”
ทรงกลดแปลกใจ “ทำไมเหรอครับ คุณจะเข้าไปด้วยหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ทานข้าวเถอะ”
ทรงกลดลอบสังเกตท่าที “ถ้าคุณไม่สบายใจที่ผมเข้าไปหมู่บ้านบ่อยๆ คุณจะเข้าไปด้วยก็ได้นะครับ”
บุษบาลาวัณย์ยิ้มให้ “ไม่หรอกค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ และวันนี้ฉันก็ว่าจะไปทำธุระในเมือง”
ทรงกลดเป่าปากโล่งอก ยิ้มในสีหน้า
อีกฟาก ที่โรงพักท้องที่ ตำรวจกำลังสอบปากคำนิรชา ลงบันทึกประจำวัน มีหมอปรัช กะ จ๋า มาเป็นเพื่อน ตำรวจ1 เอาเอกสารให้นิรชาดู
“นี่คือภาพที่อยู่ในกล้องหน้ารถของคุณทศนนท์ที่คุณให้ไว้ครั้งก่อน เราตรวจสอบแล้วว่ารถที่ใช้ก่อเหตุเป็นทะเบียนปลอม แต่คุณอย่าเพิ่งถอดใจนะครับ พวกเราจะช่วยหาตัวคนร้ายอย่างเต็มที่”
ปรัชญาตั้งประเด็นด้วยความสงสัย “แล้วที่เพื่อนผมถูกไล่ยิงครั้งที่สอง เป็นไปได้ไหมครับว่าคนบงการเป็นคนคนเดียวกัน”
“เป็นไปได้ครับ ตอนนี้เรากำลังเร่งหาตัวผู้บงการให้เร็วที่สุด” ตำรวจ1บอก
“แล้วคุณตำรวจไม่ทราบเลยเหรอคะว่านายสิงห์เป็นลูกน้องใคร ทำไมต้องอยากทำร้ายครูเนียร์”
ตำรวจ1อึกอัก “ผมกำลังเร่งติดตามอยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
จาริณีเหน็บแนมแดกดัน “ไม่รู้จริงๆ เหรอคะ”
“ครับ” ตำรวจ1 ถามนิรชาอีกว่า “แล้วคุณสงสัยใครหรือเปล่าครับ”
นิรชาครุ่นคิด “ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ที่มีก็น่าจะเป็นคุณทรงกลด”
ตำรวจ2 โต๊ะใกล้กันรีบแทรกขึ้นทันทีที่มีการพาดพิงทรงกลด
“คุณทรงกลดลูกชายคุณคมสันเหรอครับ จะเป็นไปได้ยังไง ปกติพวกเขาใจดีช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด”
ตำรวจ1 เองก็ดูจะปกป้องทรงกลดเช่นกัน “นั่นสิ คุณทรงกลดไม่น่าทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ ผมว่าคุณลองนึกดูดีๆ ว่าไปมีเรื่องกับใครมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า”
“เท่าที่จำได้ก็มีแต่เรื่องดุเด็กนักเรียนที่ส่งการบ้านไม่ทัน คงไม่ถึงขนาดจะหาคนมายิงฉันมั้งค่ะ หรือว่านายสิงห์จะเป็นผู้ปกครองที่โกรธแทนลูกเลยตามมาทำร้ายฉัน”
ตำรวจ1เริ่มเสียหน้ารู้ความหมายว่านิรชาจงใจกระทบกระเทียบ “งั้นผมจะลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนนะครับ ได้เรื่องยังไงผมจะรีบติดต่อไป
ปรัชญาตัดบทขึ้น เชิงมัดมือชก2ตำรวจ “ขอบคุณแทนเพื่อนผมด้วยนะครับที่ผู้หมวดจะกระตือรือร้นตามตัวคนบงการมารับโทษให้ได้ หวังว่าคงได้ยินข่าวดีในไม่นานนี้นะครับ ไม่งั้นเราคงต้องส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน”
ตำรวจ1ตำรวจ2 อึกอักพูดไม่ออก พยักหน้ารับเพราะกลัวมีปัญหา
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวนะคะ”
“ครับ เชิญเลยครับ”
สามคนยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกไป
ตำรวจ1กะตำรวจ2 หันมองหน้ากันเครียดๆ เพราะสนิทกับทรงกลดกันทั้งโรงพัก
ขณะเดินออกมาที่หน้าสถานีตำรวจ
ปรัชญาประเมินท่าทีตำรวจ เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล “ดูๆแล้วคดีน่าจะไม่คืบหน้าแน่ๆ”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนตำรวจไม่อยากทำคดีนี้” นิรชาเห็นด้วย
จาริณีก็คิดเช่นเดียวกัน ถอนใจเมื่อนึกถึงพ่อ “ตระกูลนายทรงกลดมีอิทธิพลมากที่นี่ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายขนาดนี้ ห่วงแต่พ่อที่มองนายทรงกลดว่าเป็นคนดี กลัวจริงๆว่าสักวันพ่อจะต้องเสียใจที่เชื่อคนผิด”
ปรัชญาปลอบใจ “อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ สักวันเรื่องไม่ดีมันก็คงปิดไม่มิด แล้ววันนั้นทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้ของคนเลวอย่างนายทรงกลด”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เราต้องรีบหาวิธีเปิดโปงนายทรงกลดให้เร็วที่สุด ชาวบ้านจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป”
จาริณีเป็นห่วง “แล้วครูเนียร์ไม่กลัวเหรอคะ นี่ก็โดนลอบทำร้ายมาตั้งสองรอบแล้ว”
นิรชาบอกด้วยแววตามุ่งมั่น “จะว่าไม่กลัวเลยก็คงไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ฉันจะสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรม”
จาริณียิ้มชื่นชม “จ๋าขอบคุณแทนชาวบ้านด้วยนะคะ ที่มีคนอย่างครูเนียร์เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา”
ปรัชญาแกล้งแซว “แล้วผมล่ะครับ”
จาริณียิ้มขัน “ขอบคุณค่ะหมอที่ยอมลำบากมาทำงานในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้”
นิรชามองเหล่หมอ “สบายใจหรือยังคะหมอปรัช เดี๋ยวก็เข้าไปประชุมไม่ทันหรอก”
ปรัชญาดูนาฬิกา “คร้าบบบ…เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”
“ก็ดีนะคะ เดี๋ยวฉันจะพาไปร้านอร่อยๆ แถวนี้”
ทุกคนยิ้มให้กันแล้วพากันเดินออกไปที่ถนนหน้าโรงพัก
บัวคำจับลูกเทพหนีมาจนถึงถนนในหมู่บ้าน คอยเหลียวหลังมองเนตรมายาตลอดเวลา จนมั่นใจว่าออกมาไกลพอควรแล้ว บัวคำจึงปล่อยมือลูกเทพแล้วหายวับไป ลูกเทพรีบวิ่งเข้ามากอดเนตรมายา
“แม่จ๋า”
“ลูกแม่ มันทำอะไรลูกหรือเปล่า”
“ไม่ได้ทำอะไร อยู่ๆ ป้าใจร้ายก็ปล่อยหนู”
เนตรมายาสะดุดหู รีบหันกลับไปมองที่สำนักเบิกตาโต รู้ว่าหลงกลบัวคำเข้าให้แล้ว
เนตรมายาเปิดประตูผางเข้ามา ด้วยสีหน้าโกรธแค้น โดยมีเชื่อม ขจร ศรชัย และลูกเทพวิ่งตามหลังมา ทุกคนมองตกใจ เมื่อเห็นห้องว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของพิณทิพย์อยู่ในห้อง เนตรมายาเจ็บใจ
“ฉันไม่น่าหลงกลมันเลย”
เชื่อมสงสัย “มันหายไปได้ยังไงเจ้าแม่”
เนตรมายาคุมแค้น “มันให้นังบัวคำมาหลอกฉันออกไป แล้วมันคงให้ใครเข้ามาช่วยยัยแก่ไป”
ขจรสงสัย “แล้วเมื่อตะกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆพวกผมก็ขยับไม่ได้”
“พวกแกโดนมันสะกดไว้”
ขจรกะศรชัย มองหน้ากันขนลุกเกรียว
เนตรมายาสั่งการเชื่อม “ป้ารีบไปเอาสายสิญจน์แล้วตามฉันไปที่บ้านนังปราง”
“จ้า” เชื่อมวิ่งแจ้นไปจัดการ
เนตรมายาบอกกับลูกเทพว่า “หนูรอแม่อยู่ที่นี่”
ขจรกะศรชัย มองหน้ากันผวากลัว เพราะมองไม่เห็นลูกเทพ
“ส่วนพวกแกตามฉันมา”
เนตรมายารีบร้อนออกไป ขจรกะศรชัย ตามไปด้วยท่าทีหวาดกลัว
บริเวณกลางป่าทางไปน้ำตก บัวคำยืนชะเง้อมองหาใครบางคนอย่างกระวนกระวายใจ สักครู่หนึ่งก็ยิ้มออกเมื่อเห็นทศนนท์อุ้มพิณทิพย์เข้ามา
ทศนนท์มองอย่างห่วงใยพิณทิพย์ “จะช่วยคุณยายยังไงเหรอบัวคำ”
“เดี๋ยวฉันจะพายายไปหลบก่อน คุณก็รีบกลับไปรับหน้าชาวบ้านในหมู่บ้านก่อนเถอะค่ะ”
ทศนนท์อยากรู้เรื่องการตายของอนุชิต “ผมมีอะไรอยากถามคุณยาย”
“ตอนนี้คงไม่ได้ เพราะถ้าไม่รีบพายายเข้าไป ยายอาจจะถูกพวกนั้นตามมาทำร้ายเอาได้ คุณกลับไปเถอะนะคะ อีกไม่นานคุณจะได้รู้ทุกอย่างเอง”
ทศนนท์พยักหน้ารับอย่างครุ่นคิด บัวคำรีบพยุงพิณทิพย์ออกไป
ทศนนท์มองตามอย่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี
ฝั่งเนตรมายาและพวกพากันหยุดยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นบ้านปรางทิพย์ เนตรมายาสั่งขจรและศรชัยเสียงกร้าว
“รีบหาอะไรมาพังประตูเข้าไปสิ”
ขจรกลัวโดนจับ “จะดีเหรอครับเจ้าแม่ เดี๋ยวจะโดนข้อหาบุกรุกเอาได้นะ”
“เจ้าแม่สั่งอะไรก็ทำๆไปเถอะน่ะ” เชื่อมสำทับ
ศรชัยเดินไปหยิบชะแลงในรถกลับมา
“ทุกคนถอยออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ทุกคนถอยให้ ศรชัยเอาชะแลงทุบกุญแจ
มีเสียงร้องห้ามของสุดสวยดังขัดขั้น “นี่จะทำอะไร หยุดนะ”
สุดสวยกับชายเดินเข้ามาสมทบ ชายมองศรชัยอย่างไม่พอใจ
“เจ้าของเขาไม่อยู่ จะมาทำลายข้าวของเขาไม่ได้นะคุณ”
เนตรมายาไม่สนสั่งเสียงกร้าว “ไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกา รีบทำต่อเลย”
ศรชัยทุบกุญแจต่อจนหลุด สุดสวยตกใจ ตะโกนร้องโวยวายดังลั่นไปทางถนน
“ใครก็ได้มาช่วยห้ามที อยู่ๆเจ้าแม่ก็พาคนมาบุกรุกบ้านคุณปราง”
เชื่อมหันมาด่า “ไม่รู้อะไรก็หุบปากแกไปเลยนะนังสวย เดี๋ยวก็ไม่สวยเหมือนชื่อหรอก”
“คนอย่างฉันจะหุบปากแหกปากฉันก็สวยเหมือนเดิมแหละป้า ป้าน่ะแหละเดี๋ยวก็จบไม่สวย ติดคุกตอนแก่ไม่สนุกนะจะบอกให้”
“ไม่ต้องไปสนใจให้เสียเวลา รีบเข้าไปกับฉันเลยป้า”
เนตรมายา เชื่อม ขจร ศรชัย รีบพากันวิ่งเข้าไปด้านใน
สุดสวย กะชายหันมองหน้ากันงงๆ ว่าจะทำยังไงดี
“จะเอาไงดีน้องสวย ไปแจ้งผู้ใหญ่ดีไหม”
“แจ้งทำไมพี่ชาย เรียกให้คนมาช่วยสิ เราจะได้เข้าไปดูข้างในด้วยไงล่ะว่าเขาเข้าไปทำอะไรกันแน่”
“แต่เรามาห้ามเขาไม่ใช่เหรอน้องสวย จะเข้าไปทำไม”
“เราเข้าไปเพราะเจตนาดี ไม่เป็นไรหรอกพี่ชาย” สุดสวยหันไปตะโกนเรียกชาวบ้านทางถนน “มีคนบุกรุกบ้านคุณปรางจ้าช่วยด้วยจ้าช่วยด้วย”
สุดสวยกับชายร้องเดินออกไปตะโกนตามถนน
นิรชา ปรัชญา จาริณี ลงรถเดินเข้าร้านมา แต่ต้องชะงักหันไปมอง เมื่อได้ยินเสียงสุดสวยกับชายตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังลั่นมาถนนทางบ้านปรางทิพย์
“มีคนบุกรุกบ้านคุณปรางจ้า ช่วยด้วยจ้าช่วยด้วย”
นิรชา ปรัชญา จาริณี เห็นสุดสวยกับชายกำลังโวยวายอยู่
กฤตณี ศักดิ์ ตาล วิ่งออกมาสมทบหน้าร้านกาแฟ
“นั่นนังสวยนี่ โวยวายอะไรน่ะ” ศักดิ์เพ่งมองชัดๆ จำได้
“นั่นสิ” ตาลตะโกนถาม “แกเป็นอะไรนังสวย”
สองผัวเมียรีบวิ่งเข้ามา หยุดหอบหายใจ
“ตอนนี้เจ้าแม่เนตรพาคนบุกเข้าไปในบ้านคุณปรางแล้วจ้า”
“ใช่ๆ พวกเราห้ามก็ไม่ยอมฟัง ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
ปรัชญาเห็นท่าไม่ดี “งั้นผมว่าเรารีบเข้าไปดูกันเถอะครับ”
ศักดิ์กะตาลจะวิ่งไปด้วย นิรชาห้ามไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนียร์กับคิตตี้ไปดูเอง
นิรชา ปรัชญา จาริณี สุดสวย ชาย กฤตณี รีบวิ่งออกไป
ศักดิ์กะตาลได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
ขจร ศรชัย เชื่อม ช่วยกันเปิดประตูค้นหาพิณทิพย์ตามห้องต่างๆ แต่ไม่เจอใคร เนตรมายาเปิดประตูดูที่ห้องนอนปรางทิพย์แต่ไม่เจอใคร ขจร เชื่อม ศรชัย เดินเข้ามาสมทบกับเนตรมายาสีหน้าผิดหวัง
“ไม่เห็นนังปีศาจนั่นเลยเจ้าแม่” เชื่อมบอก
“ผมดูทุกห้องแล้วก็ไม่เจอ” ขจรว่า
ศรชัยตั้งประเด็นว่า “หรือว่ามันจะไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆครับเจ้าแม่”
เนตรมายามองไปรอบๆอย่างโกรธแค้น จนจมูกเริ่มได้กลิ่นสาบบางอย่าง เจ้าแม่สูดดมหาที่มาของกลิ่น
“นี่มันกลิ่นอะไรกันแน่”
เชื่อม ขจร ศรชัย พยายามสูดหากลิ่นแต่ไม่ได้กลิ่นอะไร
“ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยนี่เจ้าแม่”
“กลิ่นมันอยู่ตรงนั้น”
เนตรมายามองไปทางด้านบน ที่มีห้องลับ
เชื่อม ขจร ศรชัย มองรอบๆ อย่างหลอนๆ แล้วรีบเดินตามหลังเนตรมายาไป
กลุ่มของ นิรชา ปรัชญา จาริณี สุดสวย ชาย กฤตณี เดินเข้ามาในบ้านปรางทิพย์มองหากลุ่มเจ้าแม่
“นั่นไง อยู่ตรงโน้น” หมอชี้บอก
ทุกคนรีบเดินตรงเข้าไปหา เนตรมายามองมาที่กลุ่มนิรชายิ้มเยาะ
“จะตามมาดูให้เห็นกับตาเหรอว่านังปรางมันเป็นผีแม่ม่าย”
“คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในบ้านคุณปรางแบบนี้นะคะ”
“ฉันเป็นหมอผี มาปราบผีต้องขออนุญาตผีด้วยเหรอ” เจ้าแม่แหวใส่
“ฉันนี่เห็นมากับตาว่านังปรางมันกลายร่างเป็นคนแก่น่ากลัวขนาดไหน” เชื่อมคุยโต หันมาพยักพเยิดกับขจร และศรชัย “พวกแกก็เห็นนี่ใช่ไหม”
ขจร กะศรชัย พยักหน้ารับหงึกๆ
“ยายแก่ที่ทุกคนเห็นกัน คือตัวนังปรางทิพย์เอง ไม่ใช่ยายของมัน ตอนนี้เจ้าแม่ใช้สายสิญจน์เลือดหมาดำขังมันไว้แล้ว พวกแกถ่ายรูปมันไว้ด้วยใช่ไหม”
ขจร ศรชัย พยักหน้ารับอีก
“พวกคุณมีสิทธิ์อะไรถึงได้จับคุณยายไปทรมาน” นิรชากระชากมือถือจากมือขจรแล้วเดินออกไป “ “ฉันจะเอาหลักฐานนี้ไปแจ้งตำรวจ
เนตรมายาเข้าไปแย่งมือถือคืน “เอามานี่! เธอไม่รู้อะไรก็อย่าเข้ามาแส่เรื่องนี้ดีกว่า”
กฤตณีเข้าช่วยนิรชา “ปล่อยเพื่อนฉันนะ”
ระหว่างที่ยื้อแย่งกันอยู่นั้น จู่ๆ เนตรมายาก็ชะงักหยุดนิ่งไปเฉยๆ ก่อนจะหันไปมองทางห้องลับด้านบน
ทุกคนมองตามด้วยสีหน้าสงสัยว่ามีอะไรอยู่บนนั้น เนตรมายาเดินนำขึ้นไป เชื่อม ทรงกลดและสองลูกน้องตามติด
อีกฟากหนึ่ง บัวคำเดินน้ำตาคลอๆ พยุงพิณทิพย์ที่หลับตาหนาวสั่นเจ็บปวดทั่วกายา เดินไปทางน้ำตก
“แม่หญิงยังไม่ต้องกลายร่าง แล้วกลับเข้าไปในเมืองเพื่อรักษาตัวที่บ่อน้ำอมฤต ให้คลายความเจ็บปวดก่อนดีไหมเจ้าคะ”
พิณทิพย์พยายามฝืนตอบด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างสาหัส
พิณทิพย์อ่อนแรงลงทุกขณะ “ข้า…ไม่อยากให้ใครเห็นข้าในสภาพนี้ ถ้าท่านแม่เห็นข้า คงแทบสิ้นใจเป็นแน่”
บัวคำสงสารจับใจ “แม่หญิง…เช่นนั้นก็อดทนหน่อยนะเจ้าคะ อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว”
พิณทิพย์พยักหน้ารับ หลับตาข่มความเจ็บปวด ให้บัวคำพยุงเดินต่อไป
ในห้องอันมืดสนิท พลันสว่างจ้าขึ้นจากไฟฉายมือถือเนตรมายาที่ส่องไปตามกำแพงหาสวิตช์ไฟ
เนตรมายาไล่สายตามองตามแสงไฟฉาย เห็นร่องรอยขีดข่วนผนังเป็นรอยลึกเหมือนรอยลับคมเล็บจากสัตว์ร้าย จนเจอสวิตช์ไฟ จึงรีบกดเปิด โคมไฟโบราณในห้องติดขึ้น
ทุกคนพากันเอามือปิดปากปิดจมูก แล้วโผล่หน้าเข้ามาในห้อง ท่าทางกล้าๆกลัวๆ
ทุกสายตามองไปรอบๆ ห้อง เห็นรอยขีดข่วนและคราบเลือดที่แห้งแล้วตามผนังและพื้น
สุดสวยกลัวเสียงสั่น “พี่ชายเรากลับกันเถอะ ฉันว่างานนี้ไม่ผีก็โรคจิตแล้วล่ะ ถึงได้มีห้องแบบนี้ในบ้าน”
“ที่นี้เชื่อเจ้าแม่ได้หรือยัง ว่านังปรางนั่นเป็นผีแม่ม่าย และห้องนี้คงเป็นห้องเชือดเหยื่อแน่ๆ” เชื่อมว่า
“จะห้องอะไรก็ไม่ควรเข้ามาบุกรุกที่นี่นะคะ” นิรชายังคงทัดทานไม่เลิก
เนตรมายายัวะจัด “เห็นขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่ออีกเหรอ เธอลองแหกตาดูสิว่าคนที่ไหนจะอยู่ในห้องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ปีศาจ”
เนตรมายาเดินออกมาหน้าห้องพร้อมทุกคน
หมอปรัชญาตำหนิเจ้าแม่เสียงขุ่น “คุณไม่ควรไปตัดสินคนอื่นนะครับ ผมว่ารอให้คุณปรางมาอธิบายดีกว่าว่านี่ห้องอะไร”
มีน้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้น “พวกคุณเข้ามาทำอะไรที่บ้านคุณปราง”
ทุกคนหันไปมองเห็นทรงกลดเดินเข้ามาสมทบด้วยสีหน้าสงสัย แล้วต้องรีบเอามือปิดปากปิดจมูกแทบไม่ทัน
“นี่มันห้องอะไร ทำไมเหม็นสาบแบบนี้” เมื่อไม่มีใครตอบจึงหันไปทางสมุน “ว่าไงพวกแกเข้ามาทำอะไร”
“เจ้าแม่ให้มาตามหานังปีศาจครับ” ขจรบอก
ทรงกลดแกล้งทำเป็นคนดี ต่อว่าสมุน “พวกแกรีบออกไปเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่คุณปรางจะมาเห็นเข้า”
“ครับ” / “ครับ” สองคนอ้อมแอ้มๆรับคำ
เนตรมายายิ้มเยาะ “มันคงกลับมาหรอกนะ ป่านนี้มันกระอักเลือดตายไปแล้ว”
นิรชายกมือถือขึ้นถ่ายคลิปเนตรมายาและบังเอิญถ่ายติดห้องลับด้านหลังแม่หมอมาด้วยโดยไม่รู้ตัว
“คุณพูดเหมือนคุณรู้ว่าคุณปรางอยู่ที่ไหน หรือว่าคุณจับเขาไปทรมานพร้อมกับยายของเขา แล้วแกล้งเข้ามาหาเรื่องใส่ร้ายเขากันแน่”
เนตรมายาเข้ามาแย่งมือถือแต่นิรชาไม่ให้ แม่หมอไม่พอใจ
“เธอนี่มันหาเรื่องแส่ได้ไม่เว้นแต่ละวันเลยนะ”
“ถ้าพวกคุณไม่รีบออกไป ฉันคงต้องส่งคลิปนี้ให้ตำรวจ”
“ผมว่าเรารีบออกไปกันเถอะนะครับ ไปคุณเนตร”
ทรงกลดกลัวมีเรื่องส่งสายตามองแม่หมอเชิงห้าม เนตรมายาสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
เนตรมายาลงรถทรงกลด เดินหัวเสียมาที่บันไดสำนัก ทรงกลดตามมาต่อว่า
“ทำอะไรไม่รู้จักคิด อยู่ๆไปบุกรุกบ้านคุณปรางแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวก็ได้นอนคุกกันหมดหรอก” สองลูกน้องโดนเฉ่งด้วย “พวกแกก็บ้าไปด้วย ทำแบบนี้ฉันจะคุยกับคุณปรางยังไง แค่เรื่องยายคุณปรางฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ยังจะไปบุกรุกบ้านเขาอีก”
ขจร กะ ศรชัย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าเถียง
ทรงกลดโมโหไม่หาย “ทำไมกูมีแต่ลูกน้องโง่ๆ วะ”
“คุณก็เห็นห้องนั้นมากับตาแล้วนี่ น่าจะดูออกนะว่าพวกนั้นมันไม่ใช่คน”
เนตรมายาชะงัก เมื่อเหลือบมองไปเห็นบุษบาลาวัณย์ในชุดสาวลับแล มองมายังตนทีท่าร้อนรนใจ เหมือนอยากคุยด้วย เนตรมายาจึงตัดบทประชดทรงกลดในที
“ฉันขอตัวขึ้นไปเตรียมของทำพิธีก่อนนะคะ มัวมายืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวงานจะไม่เดิน”
เนตรมายารีบเดินขึ้นสำนักมา เชื่อมตะโกนตามหลังไป
“เจ้าแม่รอป้าด้วย”
เชื่อมรีบวิ่งตามไป ทรงกลดมองตามเนตรมายาแล้วถอนหายใจเซ็งๆ
เนตรมายาเดินหุนหันขึ้นสำนักมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เชื่อมตามมาติดๆ แล้วต้องชะงักตาแตกตื่นเหมือนเห็นผี
บุษบาลาวัณย์ปรากฏตัวขึ้นกลางชานเรือนสำนัก ต่อว่าเนตรมายาอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่น่าไว้ใจให้คนอย่างเธอช่วยเลย เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้”
เนตรมายาฉุนกึก “อะไรกันนักหนาอีกล่ะ จะพูดอะไรก็พูดมา อ้อมไปทำไมให้เสียเวลาอยู่ได้”
บุษบาลาวัณย์มองปรามาส “ตอนนี้นังปรางทิพย์มณฑาทองมันอยู่หน้าน้ำตกโน่น รีบพาชาวบ้านไปจับตัวมันก่อนที่มันจะกลายร่างได้แล้ว”
เนตรมายาโมโห ประชดส่ง “ถ้าเก่งจริงไม่ไปจับมันเองเลยล่ะ ให้ฉันช่วยทำไม”
“งั้นแล้วแต่เธอก็แล้วกัน ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”
ร่างบุษบาลาวัณย์หายวับไป เชื่อมมองหา ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มันไปหรือยังเจ้าแม่”
เนตรมายาพยักหน้าบอก
“เราจะไปที่หน้าน้ำตกกันไหมเจ้าแม่”
เนตรมายาครุ่นคิดชั่งใจ อารมณ์เสียสุดจะประมาณ
บริเวณชายป่าบรรยากาศโพล้เพล้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า บุษบาลาวัณย์หายตัวมาโผล่ที่กลางป่าแห่งนี้ สอดตามองหาจนเห็นทศนนท์กำลังเดินตรงเข้ามาไกลๆ จึงรีบเดินเข้าไปหา ทศนนท์ชะงักเพ่งมองอย่างประหลาดใจ
“คุณ” ทศนนท์พยายามนึก จนจำได้ “บุษบาลาวัณย์”
บุษบาลาวัณย์ยิ้มร้าย “ก็ดี จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยุ่งยาก”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำร้ายแม่หญิงปรางทิพย์มณฑาทองเสียที เธอไม่เคยคิดร้ายกับคุณเลยนะ”
บุษบาลาวัณย์ยิ้มเยาะ “มันคงเล่าแต่เรื่องดีๆ ของมันให้คุณฟังสินะ”
ทศนนท์ไม่อยากสนใจจะเดินออกไป บุษบาลาวัณย์เข้าขวางไว้
“จะรีบไปไหน ไม่รอดูความจริงให้เห็นกับตาหน่อยเหรอว่านังปรางทิพย์มณฑาทองของเจ้า ที่แท้เป็นคนเช่นไรกันแน่”
ทศนนท์ชะงัก ลึกๆ สงสัยและอยากรู้ความจริง “คุณพูดเรื่องอะไร”
“อยากรู้ก็รีบไปที่หน้าน้ำตกเลยสิ คุณจะได้รู้ความจริงสักที แต่ถ้าไม่อยากรู้ความจริงก็เชิญกลับไปเถอะ”
ทศนนท์มองอย่างชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อดี บุษบาลาวัณย์ยิ้มร้าย
ฝ่ายนิรชา กฤตณี ปรัชญา จาริณี สุดสวย ชาย จับกลุ่มหารือกันอยู่ นิรชาปรารภขึ้นว่า
“จะทำยังไงดีคะ ฉันเป็นห่วงคุณยายของคุณปราง กลัวจะเกิดอันตรายขึ้น”
กฤตณีหน้าเครียด “อยู่ดีๆ คุณปรางกับพี่บัวคำก็หายไป ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
ชายครุ่นคิด “หรือว่าที่เจ้าแม่บอกจะเปิดโปงตัวผีแม่ม่าย ก็คือยายคุณปราง”
มีเสียงดังขึ้น “เข้าใจผิดแล้ว เพราะนังปรางกับยายแก่มันเป็นคนๆเดียวกัน”
ทุกคนมองตามเสียง เห็นเนตรมายา เชื่อม ทรงกลด ขจร ศรชัย มินตา เดินเข้ามา
“พวกคุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า ถึงได้จับคุณยายไปทรมาน แถมยังใส่ร้ายว่าเขาเป็นผีแม่ม่ายอีก” นิรชาไม่พอใจ
ปรัชญาเสริมว่า “แบบนี้คงโดนหลายข้อหาเลยล่ะ”
เนตรมายามองท้าทาย “งั้นก็รีบตามฉันไปให้เห็นกับตาเลย จะได้เลิกโลกสวยกันสักที”
“จะให้พวกเราตามไปไหนเหรอเจ้าแม่” ชายถาม
“ป่าหน้าน้ำตก”
สุดสวยงง “อ้าว! ไหนบอกจะเปิดโปงนังผีแม่ม่ายที่สำนักไงเจ้าแม่”
“ก็นังผีนั่นมันหนีไปแล้วน่ะสิ” เชื่อมว่า
มินตาร้อนใจ ฎ”จะมัวคุยกันอีกนานไหมเนี่ย รีบไปจับมันตอนนี้เลยสิ เดี๋ยวมันก็หนีไปอีกหรอก ฉันจะไปด้วย ฉันอยากไปให้เห็นกับตาว่ามันถูกจับแล้วจะเป็นยังไง”
กฤตณีมองจับผิด “ไปโกรธแค้นอะไรผีมันนักหนา ทำอย่างกับมันเคยไปฆ่าผัวเธอตาย”
มินตาสะอึก อึ้งไปนิดๆ “ไม่ให้โกรธได้ไง คุณนุเขามีบุญคุณกับฉันที่ช่วยพี่ถนอมไว้ครั้งนั้น ไม่งั้นผัวฉันตายไปแล้ว”
สุดสวยรีบหันไปทางชาย
“พี่ชายเรารีบกลับกันเถอะ เรื่องนี้สวยไม่อยากยุ่ง”
“จะไปกลัวทำไม เจ้าแม่ก็อยู่” เชื่อมว่า
สุดสวยแดกดันเอาว่า “เจ้าแม่อยู่มาตั้งชาตินึงแล้ว ฉันก็ยังเห็นคนตายในหมู่บ้านเราอยู่ดี ไม่เห็นจะช่วยได้จริงสักหน่อย ฉันไม่ให้พี่ชายไปเสี่ยงด้วยหรอก”
“แต่พี่ต้องไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายใจเกินร้อยนะน้องสวย”
“หน้าที่พี่คือเป็นผัวที่ดีแล้วไปกวาดโรงเรียนโน่น เรื่องนี้ไม่ต้องยุ่ง” สุดสวยดึงตัวชายออกไป
เนตรมายาเริ่มรำคาญ “จะไปกันไหม ถ้าจะไปก็รีบตามฉันมา”
เนตรมายาเดินออกไปอย่างรีบร้อน
ทุกคนรีบตามไปยกเว้น กลุ่ม นิรชา ปรัชญา จาริณี กฤตณี
นิรชามองหน้าหมอปรัชญาเชิงหารือ
ท้องฟ้าเหนือน้ำตกมืดมิด ทศนนท์แอบซุ่มดูอยู่ไกลๆ เห็นพิณทิพย์ยืนอยู่ในน้ำพยายามฝืนชูมือรับพร แต่ไม่มีแรงพอซวนเซไปมา ต้องยืนกายให้มั่นใหม่ ทศนนท์ตกใจ ลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“แม่หญิง! อดทนอีกนิดนะเจ้าคะ”
บัวคำเองก็ใจหายใจคว่ำ อยากจะเข้าไปช่วย แต่ต้องรีบดึงสติไม่เข้าไปช่วย เพราะเดี๋ยวพิณทิพย์จะกลายร่างไม่ได้ บัวคำฝืนใจยืนลุ้นเอาใจช่วยพิณทิพย์อย่างร้อนใจ
พิณทิพย์พยายามฝืนความเจ็บปวดยื่นแขนชูขึ้นรับพรจากดวงดาวอีกครั้ง
หมู่เมฆสีดำบนท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออก เห็นดวงดาวระยิบระยับส่องประกายลงมาทีละนิดๆ จน ร่วงพรูลงมาประหนึ่งเม็ดฝนพร่างพรมอาบลงบนร่างพิกาลของพิณทิพย์
จากร่างอัปลักษณ์อ่อนแรงค่อยๆ กลายร่างยืดตัวกลับมาเป็นปรางทิพย์
ทศนนท์เห็นทุกอย่างชัดๆ ด้วยตาตัวเอง
ปรางทิพย์ประคองสังขารยืนมั่น บัวคำต้องรีบเข้ามาพยุงช่วย คอยเหลียวมองรอบๆ กลัวมีใครมาเห็น
“แม่หญิงต้องรีบกลับเข้าไปรักษาตัวในเมืองเราก่อนนะเจ้าคะ หายดีแล้วค่อยออกมาอธิบายให้คุณทศเข้าใจ”
บัวคำรีบพาปรางทิพย์ออกไปทางม่านน้ำตก
ทศนนท์นิ่ง อึ้ง ช็อกกับภาพที่ได้เห็น
บุษบาลาวัณย์ปรายตามองตามปรางทิพย์ แล้วเหลือบมองทศนนท์อย่างสะใจ
ทศนนท์ยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก บุษบาลาวัณย์เดินเข้ามาด้านหลังหัวเราะเยาะ
“ทีนี้เห็นแล้วใช่ไหมว่าปรางทิพย์มณฑาทองร้ายกาจขนาดไหน นางหาผู้ชายในหมู่บ้านมาสังเวยเพียงเพื่อให้นางได้มีชีวิตที่เป็นอมตะ”
ทศนนท์อึ้ง สับสน เสียใจ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
เสียงทุกคนคุยกันดังขึ้น แสงไฟจากไฟฉายส่องมาที่ทศนนท์เป็นจุดเดียว
บุษบาลาวัณย์หายวับไป ทุกคนรีบเข้ามาหาทศนนท์ที่ยืนอึ้งอยู่
“คุณทศ…คุณทศคะ”
ทศนนท์ได้สติ ย้อนถามด้วยสีหน้านิ่งน้ำเสียงจริงจัง “ครับ พวกคุณเข้ามาทำอะไรกันเหรอครับ”
“ฉันจะเข้ามาจับนางปีศาจ” เนตรมายามองสงสัยทศนนท์ “แล้วคุณเข้ามาทำอะไรที่นี่
ทศนนท์แก้ตัวว่าเดินละเมอ “อยู่ๆผมก็เดินเข้ามาที่นี่ สงสัยผมคงละเมอ แต่ผมก็ไม่เห็นใครมาที่นี่นะครับ เพิ่งจะเห็นพวกคุณนี่แหละ”
“หรือคุณจะถูกนังผีแม่ม่ายสะกดจิตมาอีก งั้นก็มาดูให้เห็นกันเลยว่าใครเป็นปีศาจกันแน่”
มินตาโพล่งขึ้น “ไหนล่ะคะเจ้าแม่ฉันอยากเห็นแล้ว”
เนตรมายาส่องไฟฉายไปที่หน้าน้ำตก ทุกคนมองไปที่หน้าน้ำตกไม่มีใคร
“นั่นมันปีศาจหิน ปีศาจน้ำตก ปีศาจต้นไม้ใช่ไหมเจ้าแม่ มองไกลๆ เหมือนผีแม่ม่ายเลยนะคะ”
นิรชาเดินเข้ามาพร้อมกับหมอปรัชญา ทำเอาเนตรมายาอึ้งไป
เชื่อมพยายามช่วยแก้ต่าง “เรามาช้าไปหรือเปล่าจ๊ะเจ้าแม่”
“มันก็เป็นไปได้” เจ้าแม่สงสัยทศนนท์ไม่คลาย “คุณไม่เห็นอะไรจริงๆเหรอคะคุณทศ”
“คุณก็ดูสิครับมีใครที่ไหน”
ปรัชญาตัดบทขึ้น “ผมว่าตอนนี้รีบพาคุณทศไปตรวจดูอาการก่อนเถอะครับ ไม่รู้ได้รับอันตรายที่ไหนหรือเปล่า”
“งั้นรีบไปกันเถอะค่ะ” นิรชาบอก
ทุกคนเดินออกไปยกเว้นเนตรมายา ทรงกลด เชื่อม ขจร ศรชัย เนตรมายามองไปที่หน้าน้ำตกอย่างคาใจ
ทรงกลดมองเจ้าแม่ถอนหายใจเซ็งๆ ที่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ เดินหัวเสียออกไป ขจรกับศรชัยรีบตาม
ร้านกาแฟปิดแล้ว ขณะรถปรัชญาขับมาจอดหน้าร้าน ทุกคนลงจากรถ ยกเว้นปรัชญาเขาหันไปถามทศนนท์
“จะให้ผมไปส่งที่บ้านไหมครับคุณทศ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเอง”
“แล้วไม่ไปตรวจร่างกายเหรอคะคุณทศ” นิรชามองเป็นห่วง
ปรัชญาอ่านออกว่าทศนนท์โกหกเรื่องนอนละเมอ “ไม่ต้องตรวจหรอกครับ นอนพักพรุ่งนี้ก็หายแล้ว งั้นผมขอตัวนะครับ” หมอขับรถแล่นออกไป มุ่งไปทางบ้านพักอนามัย
นิรชามองทศนนท์จดๆจ้องๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร
“มีอะไรหรือเปล่าครับครูเนียร์”
“ฉันขอคุยอะไรกับคุณหน่อยสิ”
ทศนทท์มองฉงน
“คุณไม่ได้ละเมอใช่ไหม”
ทศนนท์อึ้งไป “คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็แววตาคุณขอความช่วยเหลือขนาดนั้น มีเหรอจะดูไม่ออก”
ทศนนท์เถียงไม่ออก “แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
นิรชายื่นคลิปที่ถ่ายเนตรมายาหน้าห้องลับบ้านปรางทิพย์ให้ทศนนท์ดู
“วันนี้คุณเนตรพาพวกบุกรุกบ้านคุณปรางอีกแล้วค่ะ”
“คุณเนตรทำเกินไปจริงๆ แล้วห้องนี้คืออะไร”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ในห้องกลิ่นสาบแรงมาก และมีรอยขีดข่วนกับคราบเหมือนคราบเลือดแห้งอยู่ที่พื้นและผนังเต็มไปหมด”
ทศนนท์อึ้งไป
“ที่ฉันให้คุณดูไม่ใช่ให้คุณไปจับผิดคุณปรางนะคะ ฉันแค่อยากให้คุณไปเตือนคุณปรางให้ระวังตัว เพราะเจ้าแม่นั่นคงหาเรื่องไม่เลิกแน่ๆ” นิรชานึกขึ้นได้ “อีกอย่างฉันเป็นห่วงยายคุณปรางที่ถูกเจ้าแม่นั่นจับไป เราควรไปแจ้งความดีไหมคะ”
ทศนนท์หน้าเศร้า “คงไม่ต้องแจ้งความหรอกครับ เพราะคุณยายเขาปลอดภัยแล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าคุณยายปลอดภัยแล้ว”
“ผมเห็นคุณยายกลับบ้านไปแล้ว”
นิรชาถอนหายใจโล่งอก “โล่งอกไปที ฉันก็เครียดอยู่ว่าจะช่วยคุณยายยังไง ว่าแต่คุณปรางล่ะคะหายไปไหน”
ทศนนท์ไม่อยากพูดถึงอีกฝ่าย “เดี๋ยวเขาก็คงกลับมา ดึกแล้วผมขอตัวนะครับ”
จากนั้นทศนนท์ก็เดินซึมออกไป นิรชามองตาม รับรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องคิดหนัก
ทรงกลดเดินตามเนตรมายาขึ้นมาบนสำนักเจ้าแม่เนตรตาทิพย์ เชื่อมเดินตามหลังมา
ทรงกลดตำหนิเจ้าแม่ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “เสียเวลาทั้งวัน ไม่ได้อะไรเลย เลิกหาเรื่องคุณปรางได้แล้วนะ ถ้ารู้อะไรมาแบบไม่จริง เดี๋ยวผมจะเสียหน้าไปด้วย”
“คุณดูไม่ออกเหรอว่าที่คุณทศพูดน่ะมันไม่จริง ฉันว่าเรื่องนี้คุณทศต้องรู้เห็นอะไรมาพอสมควรแน่
“แล้วมาพูดอะไรตอนนี้”
เนตรมายายิ้มร้ายมีแผน “ก็ฉันอยากจะปล่อยให้เขาตายใจไปก่อน แล้วค่อยหลอกถามความจริง”
ทรงกลดยิ้มเยาะ “ระวังจะหลอกถามก็ไม่ได้คำตอบ แถมยังจะโดนหลอกใช้อีกล่ะ”
“คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าที่บ้านนังปรางมีห้องลับ คงไม่คิดว่ามันสร้างไว้เลี้ยงไก่หรอกใช่ไหม
“จะทำอะไรให้รู้จริงแล้วค่อยทำ เดี๋ยวชาวบ้านหมดศรัทธา คุณนั่นแหละที่จะลำบาก”
เนตรมายาเจ็บใจ “ถ้าเป็นผีธรรมดาป่านนี้ลงหม้อไปแล้ว แต่นี่มันเป็นถึงธิดาแห่งเจ้าเมืองลับแล ฉันถึงกำจัดมันไม่ได้สักทีไง”
ทรงกลดอยากรู้ขึ้นมาทันที “เมืองลับแลที่เขาลือกันมานั่นเหรอ คุณปรางเนี่ยนะเป็นธิดาเจ้าเมือง”
เชื่อมแทรกขึ้นว่า “มิน่าล่ะทำบุญทีใส่ทองเป็นก้อนๆ นี่มันผีไฮโซชัดๆ”
“ฉันเคยได้ยินว่าหลังม่านน้ำตกนั่นมีเมืองลับแลซ่อนอยู่”
“เมืองหลังม่านหมอกที่ลือกันว่ามีหมอกมุงเมืองใช่ไหม”
เนตรมายาพยักหน้าให้ ทรงกลดยิ้มร้ายมีแผนการชั่ว
เสียงรถทรงกลดแล่นเข้ามาจอด บุษบาลาวัณย์ใส่ชุดนอนเซ็กซี่ยืนมองทรงกลดที่หน้าต่างในห้องนอน รีบเดินกลับมานอนรอที่เตียง โดยแกล้งหลับอยู่
สักครู่หนึ่ง มีเสียงเปิดประตู เป็นทรงกลดเดินเข้ามาล้มตัวลงกอดหอมบุษบาลาวัณย์ พูดออดอ้อนเอาใจ
“ตัวคุณหอมจังเลย คุณใช้น้ำหอมอะไร”
บุษบาลาวัณย์พลิกตัวหันกลับมายิ้มให้
“เป็นกลิ่นดอกไม้ที่บ้านฉันเองค่ะ”
ทรงกลดแกล้งตีหน้าเศร้าทำเป็นน้อยใจ “ผมจะได้ไปบ้านคุณเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือว่าแท้จริงแล้วคุณยังไม่ไว้ใจผม”
บุษบาลาวัณย์เอาใจ “รออีกไม่นานหรอกค่ะฉันจะพาคุณไปให้เห็นกับตาว่าบ้านเมืองฉันเป็นยังไง”
ทรงกลดหอมอีกฟอด “คุณพูดแล้วนะ อย่าให้ผมรอจนแก่ล่ะ เดี๋ยวไม่มีแรงเดินชิล”
บุษบาลาวัณย์พยักหน้ารับ
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวมา”
บุษบาลาวัณย์ยิ้มให้ ทรงกลดเดินออกไปแล้วด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
เช้าแล้ว ทศนนท์ยังนอนหลับไหลอยู่บนเตียง สักครู่จึง ขยับตัวตื่นลืมตาขึ้น แต่ต้องผงะตกใจ ถอยหลังไปชนหัวเตียง เมื่อเห็นปรางทิพย์นั่งอยู่ที่ปลายเตียง ส่งยิ้มมองมาอย่างเป็นห่วงและกังวลใจ
ทศนนท์ตั้งสติได้ “คุณหายดีแล้วเหรอครับ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ทศนนท์อึ้งไปใประชดเสียงขุ่น
“ก็สังเวยไปตั้งสองคนแล้วนี่”
ปรางทิพย์หน้าเสีย “คุณคิดว่าฉันเป็นคนฆ่าคุณนุเหรอคะ”
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรหรอกครับ ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว และเห็นทุกอย่างทั้งที่คุณอยากให้เห็นและไม่อยากให้เห็น ผมชักไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ผมเห็นตอนที่ผู้ชายทั้งเมืองถูกฆ่าสังเวย มันคือเรื่องจริงหรือเป็นภาพที่คุณมโนขึ้น เพียงเพื่อจะหลอกให้ผมรู้สึกผิด แล้วหลงกลไปเป็นเครื่องบูชายัญของคุณ”
ปรางทิพย์เสียใจจนน้ำตาคลอ
“ฉันไม่มีทางทำแบบนั้น เพราะคุณคือคนที่ฉันรัก”
ทศนนท์มองปรางทิพย์อึ้งๆ สับสนหนัก เห็นใจ สงสาร และ โกรธ
“คุณไม่ได้รักผมหรอก สักวันคุณก็จะฆ่าผมเหมือนกับที่ฆ่าผู้ชายพวกนั้น”
ปรางทิพย์น้ำตาคลอนิ่งงันไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะคิดกับตนแบบนี้
ที่สำนักเจ้าแม่เนตรตาทิพย์ เชื่อมทำความสะอาดอยู่ จนเสียงประตูห้องเนตรมายาเปิดออก
เชื่อมมองชะงักตาค้าง เนตรมายาเดินออกมา ใส่ชุดสวยงามเซ็กซี่มากเป็นพิเศษ อย่างผิดหูผิดตา
“อุ๊ย…เจ้าแม่ วันนี้จะไปไหนทำไม่แต่งตัวสวยจังเลย”
เนตรมายายิ้มแย้ม “ฉันจะไปหาคุณทศ”
เชื่อมเป็นห่วง “เจ้าแม่จะไปทำไม ไม่กลัวคุณทศว่าเอาเหรอ”
“ฉันมีหลักฐานที่จะทำให้คุณทศตาสว่างเสียที”
เชื่อมและเนตรมายามองหน้ากัน ยิ้มกระหยิ่มสะใจให้กัน
ปรางทิพย์มองทศนนท์อย่างเจ็บปวด รับรู้ว่ากำลังจะสูญเสียเขาไป
“คุณก็รู้ว่าพี่นุมีครอบครัว ต่อไปลูกเมียเขาจะอยู่กันยังไงถ้าไม่มีพี่นุแล้ว”
“ฉันไม่ได้ฆ่าคุณนุ และก็ไม่มีวันทำแบบนั้นกับคุณด้วย”
ทศนนท์ไม่เชื่อ “อย่าหลอกผมอีกเลย ผมรู้แล้วว่าคุณกับคุณยายคือคนคนเดียวกัน”
ปรางทิพย์น้ำตาไหลพราก ปวดใจเหลือแสน “ฉันไม่ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้กับคุณ”
“แต่คุณก็เลี่ยงที่จะบอกความจริงผม ทำไมคุณถึงเห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา เอาคนพวกนั้นไปสังเวยเพื่อแลกกับชีวิตที่เป็นอมตะของคุณ”
ปรางทิพย์กดดันหนัก “ที่ฉันเป็นแบบนี้คุณไม่คิดเลยเหรอว่า ฉันจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานแค่ไหน ฉันถูกสาปให้ร่างกายอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว เพียงแลกกับการได้ใช้ชีวิตในเมืองมนุษย์ เพื่อตามหาคนที่ฉันรัก”
ทศนนท์โต้ออกไปเสียงขุ่น “แต่คุณก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินชีวิตใคร”
“คนเหล่านั้นล้วนแต่เลือกชีวิตของเขาเองทั้งนั้น”
“จะบอกว่าคนพวกนั้นเลือกความตายให้ตัวเองงั้นเหรอ”
“ต่อให้ฉันพูดอะไรไปคุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี เพราะคุณเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนพี่เทศยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับฉัน แล้วเขาก็จากไปกับผู้หญิงคนนั้น” ปรางทิพย์สะอึกสะอื้น ตัดพ้อเขาด้วยน้ำเสียงเครือสั่น “คุณก็เหมือนกัน...ทุกอย่างมันกำลังจะซ้ำรอยอีกครั้ง”
“ผมไม่ใช่คุณเทศ ผมคือผมและต่อให้คุณพยายามสร้างภาพสวยงามขึ้นมายังไงผมก็ไม่ใช่เขาและไม่มีวันเป็นเขาได้”
ปรางทิพย์น้ำตาร่วงพรู เจ็บปวดเจียนตาย ราวกับหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
อ่านต่อตอนที่27