รออีก 18 ปี "ทรัพย์ - กาสะลอง" ถึงเจอกัน !
นิยายละคร : กลิ่นกาสะลอง
ผู้เขียน : เนียรปาตี
สำนักพิมพ์ : แสงดาว
ราคาปก : 470 บาท
อีก 18 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2580) "ทรัพย์ - กาสะลอง" จึงจะได้ครองคู่กันอีกครั้ง ! ซึ่งเป็นการคอยรักถึง 113 ปี !
กลิ่นกาสะลอง ละครโทรทัศน์ของค่าย ฟีลกู๊ด เอนเตอร์เทนเมนต์ ของ "แหม่ม" ธิติมา สังขพิทักษ์ ซึ่งนำเอา "เจมส์ มาร์" ประกบคู่ "ญาญ่า อุรัสยา" เป็นครั้งแรก ! ยิ่งกว่านั้น ทั้งคู่ยังต้องรับบทบาทถึง 3 ชาติ 3 ภพ ด้วยเรื่องราวการติดตามหารักแท้ของชายหนุ่ม - หญิงสาว ที่มีเพียงกลิ่นกาสะลองเป็นสัญญารัก !
รักแท้นั้นภพชาติไม่อาจกั้น แม้ได้พานพบเพียงกลิ่น ทินกฤต ก็ยินดีจะแสวงหา เฝ้ารอ และฝ่าฟัน เพื่อให้กาสะลองนั้นแย้มกลีบมาเคียงข้าง
เมื่อสายใยความผูกพันในอดีตชาติ ได้ชักนำให้มาเจอกันอีกครา เป็นโอกาสที่ต้องเลือกว่า จะคว้าแล้วแก้ไข หรือปล่อยให้ลงเอยอย่างเมื่อครั้งเก่า
สมดังคำอธิษฐานสุดท้าย ว่ารักรักมั่นนิรันดร แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านนานสักเท่าใด
"ข้าเจ้าขอไหว้สา ปูจาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข้าเจ้าขอน้อมจิต ขอหื้อบุญกุศล ที่ข้าเจ้าเกยยะ ช่วยหื้อจิตของข้าเจ้าสงบ ขอหื้อคนตี้ข้าเจ้าฮัก ปิ้กคืนมา ขอหื้อเปิ้นยะตามสัญญา และอยู่โตยข้าเจ้าตลอดไป"
คนเมืองเหนือ หรือล้านนา เรียก "ดอกปีบ" ว่า "กาสะลอง" เป็นดอกไม้ที่นิยมในนวนิยายของนักเขียนหลายคน - หลายเรื่อง
เรื่องราวของ "กลิ่นกาสะลอง" ปรากฏอยู่ในสมุดเลกเชอร์ เมื่อ 17 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2545) เป็นการเขียนนิยายครั้งแรกของเนียรปาตี ครั้งนั้น ... นิยายกลิ่นกาสะลอง เขียนได้เพียง 15 หน้าเท่านั้น
ตอนที่เขียนครั้งแรกนั้น ยังไม่มีนามปากกา !
"เนียรปาตี" เป็นนามปากกาของ "พิสิทธิ์ ศรีประเสริฐ" ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษา และหัวหน้าแขนงวิชาการหนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์
ก่อนหน้านี้ เขาจบศิลปศาสตรบัณฑิต (การสื่อสารมวลชน) และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การสื่อสารศึกษา) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังศึกษาหลักสูตรปริญญาเอกที่ Sungkyunkwan University
ผลงานด้านนวนิยาย "แป้งร่ำสารภี" ได้รับรางวัลรองชนะเลิศการประกวดนวนิยาย รางวัลทมยันตีอะวอร์ด ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2549 เรื่องอื่นๆ อาทิ หมอกพรางดาว และผลงานรวมเล่มอันดับ 3 (พ.ศ. 2551) คือ กลิ่นกาสะลอง ตามด้วย ฝากรักไว้ที่ปรายฝน , เวิ้งราตรี และ เรือนไม้หอม
รวมเล่มนวนิยาย "กลิ่นกาสะลอง" 3 ครั้งแรก โดย สำนักพิมพ์บ้านวรรณกรรม และครั้งล่าสุด โดยสำนักพิมพ์แสงดาว
หลังตีพิมพ์ครั้งแรก เห็นความไม่สมบูรณ์ของเนื้อหาที่ค่อนข้างรวบรัดเกินไป จึงได้เพิ่มเติม ท้ายบทเป็นตอนพิเศษ เรื่อง "ทรัพย์ - กาสะลอง" โดยไม่แทรกอยู่ในเนื้อหาเดิม และทำให้เรื่องราวทั้งหมด ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังที่ตั้งใจไว้ หาอ่านได้ใน "กลิ่นกาสะลอง (พิมพ์ครั้งที่ 4 โดยสำนักพิมพ์แสงดาว 2561) ท้ายตอนพิเศษ นวนิยายปิดท้ายไว้ว่า
ทรัพย์วางพิณเปี๊ยะลงข้างกายเมื่อเล่นจบ ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักกาสะลองมองหน้าอันเป็นที่รัก น้ำใสเอ่อปริ่มขอบตาเรียวงามของกาสะลอง แต่มิได้หยดย้อยร่วงลงมา แต่เขาก็เห็นว่า เป็นหยาดน้ำที่หล่อเลี้ยงแววตาเปี่ยมสุข กาสะลองบอกเพียง
"ขอบใจ๋ อ้ายทรัพย์ ข้าเจ้าจะจดจำเพลงนี้ไปจนวันต๋าย"
"อ้ายก็จะบ่เล่นเพลงนี้หื้อไผฟัง นอกจากน้องคนเดียว กาสะลองของอ้าย"
คืนนั้น กาสะลองหลับไปในอ้อมแขนของหมอทรัพย์อย่างหมดความเคลือบแคลงใดๆ ความรู้สึกต่อคำหอมที่เหมือนเสี้ยนเล็กๆ ทำให้แปลบระคายผิวมลายเหมือนหมอกควันสลายไปในอากาศ เงาร้ายของบิดาและน้องสาวที่เคยปรากฏขึ้นมาแผ่คลุมให้ผวาเป็นระยะรางเลือนไป กว่าครึ่งปีแล้วที่ไม่มีภัยจากนายแคว้นมาแผ้วพานจิตใจ กาสะลองเบิกบานแจ่มใสเหมือนนกไพรตัวน้อยร้องเสียงใสเต้นไปมาอยู่แนวป่าที่อุดมด้วยพฤกษาและมาลีนานาพันธุ์
กาสะลองเชื่อมั่นว่า ชีวิตต่อจากนี้ที่มีอ้ายทรัพย์อยู่เคียงข้างจะต้องเป็นเส้นทางที่ราบรื่นเหมือนเดินเหินลอยอยู่ในอากาศ ตลอดสองข้างทางอบอวลด้วยมวลกลิ่นไม้หอม ยาวนานตราบจนลมสุดท้ายของชีวิต
ละครโทรทัศน์เรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นพีเรียด - ดรามา ที่มีความลึกลับซุกซ่อนอยู่ ! แต่ต่างจากละครที่เป็นภูติผี สยองขวัญโดยทั่วไป แม้ว่าจะมีวิญญาณของกาสะลองปรากฏเป็นระยะๆก็ตาม เป้าหมายของเธอต้องการแค่การทวงคืนสัญญารักในอดีตเท่านั้น
เรื่องนี้ "ญาญ่า" อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบทบาทหลายคาแร็กเตอร์มาก ! พระ - นาง ต้องผ่านชีวิตการตามหากันและกันอยู่ 3 ชาติ จึงสมปรารถนา !
ชาติที่ 1 พ.ศ. 2467 ญาญ่ากับบทของแฝดสาว "กาสะลอง" และ "ซ้องปีบ"
"กาสะลอง"เป็นที่รักของแม่ ส่วนซ้องปีบเป็นที่รักของพ่อ ภายใต้ระบบผู้ชายเป็นใหญ่ กาสะลองกับแม่จึงมีสภาพไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้ประจำบ้าน กาสะลองมักเกล้ามวยแล้วประดับด้วยช่อดอกปีบ ส่วน "ซ้องปีบ" นิสัยตรงข้าม เอาแต่ใจ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว หว่านเสน่ห์
ส่วน "เจมส์ มาร์" รับบท "หมอทรัพย์"
หมอแผนจีนแต่เป็นแพทย์แผนปัจจุบัน เคร่งขรึม สวมแว่น แอบรักกาสะลอง โดยไม่รู้ว่า เธอมีน้องสาวฝาแฝดที่เหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยน ยกเว้นอุปนิสัย
ชาติที่ 2 พ.ศ. 2550 "ซ้องปีบ" เป็น "แพทย์หญิงพิมพ์พิศา"
แม้พิมพ์พิศาจะเป็นคู่หมั้นของนายแพทย์ทินกฤต (หมอทรัพย์ในอดีต) เขาบ่ายเบี่ยงการแต่งงานเรื่อยมา ลึกๆแล้ว เขารู้สึกว่า พิมพ์พิศา ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารอคอยจนเมื่อชายลึกลับมอบปิ่นเงินโบราณให้กับพิมพ์พิศา ทุกคนที่เกี่ยวข้องกันในอดีตชาติ ก็ฝันประหลาดไปคนละมุม แต่เป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อในเรื่องเดียวกันได้หมด
ในชาตินี้ วิญญาณของกาสะลองก็จะเข้ามามีบทบาท เช่น เข้าสิงพิมพ์พิศาให้เห็นเหตุการณ์ในอดีตอย่างคนนอกบ้าง, บางทีก็ประหนึ่งว่า ได้กระทำเหตุการณ์นั้นๆด้วยตัวเอง ฝ่ายหมอทินกฤต บางทีก็หายไปกับกาสะลองกับเรื่องราวในอดีต ที่ไม่มีใครตามตัวเจอ
"นายหมอหนุ่มขุดดินด้วยมือ วางผงเถ้าและเมล็ดแห่งกาสะลองต้นใหม่ลงไปพร้อมกัน ห่มให้นางอุ่นด้วยดินนุ่ม คลุมด้วยฟางแห้ง อบกลิ่นไอแดดหอมละมุน ซบหน้านอนกับผืนดินที่โอบกอดกาสะลองไว้... เนิ่นนาน"
หมอทินกฤตตามหาบ้านในอดีตหลังนี้จนพบ และซื้อไว้ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม โดยไม่ได้แต่งงานกับพิมพ์พิศา
ชาติที่ 3 พ.ศ. 2580
เพื่อนของทินกฤต ชื่อ นายแพทย์ภาคภูมิ แต่งงานกับโปรดิวเซอร์ รายการโทรทัศน์ ชื่อ วิจิตรา (ชาติแรกคือ มั่นฟ้า - เหมย) มีลูกชายชื่อ ปรัศวินทร์ (ทรัพย์ , ทินกฤต กลับชาติมาเกิด)
แม่ของทินกฤตยกบ้านหลังนี้ให้พิมพ์พิศา ด้วยเคยเป็นคู่หมั้นของทินกฤตมาก่อน
ฝ่าย พิมพ์พิศา แต่งงานกับ ราเมศ (นายแคว้นมั่ง พ่อของตนในอดีต) มีลูกสาวชื่อ พิมพ์มาดา เรียนจบเมืองนอก แม่ยกบ้านและที่ดินให้กับลูกสาว พิมพ์มาดาตั้งใจเปิดทำเป็นโฮมสเตย์ที่เชียงใหม่ เมื่อเจอหน้า ปรัศวินทร์ ต่างเหมือนรอคอย ผูกพันเหมือนเคยเจอกันมาก่อน
และทั้งคู่ก็ตัดสินใจระงับการทำโฮมสเตย์ เพราะต้องการบ้านเพื่อเป็นสถานที่ส่วนตัวของคนทั้งสองคน
ทั้งคู่ใช้เวลารอคอยถึง 113 ปี "ทรัพย์ - กาสะลอง" จึงสมปรารถนาในความรัก... อีก 18 ปีเจอกันนะ ที่รัก ...