รสรินล่าแวมไพร์ ตอนที่ 8 : ทำไม? “รติรมณ์” ต้องแทง “นพ”
ภายในห้องน้ำของห้องสูทในโรงแรม หัวหน้าชานนท์นั่งก้มหน้านิ่ง นั่งอยู่บนชักโครก สงบ
"ชั้นไม่จำเป็นต้องบอกนาย"
หัวหน้ากัดฟันอึดอัดเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด
"ผมว่าฆ่าแล้วให้ผมชิมเลือดก็จบ" นพว่า
รสรินมาห้าม ....
รสรินห้าม "ใจเย็นก่อน"
"ใจเย็นก่อนนะนพ" กุ๊บกิ๊บว่า
" ชั้นว่าเราเสียเวลามากไปแล้ว ตอนนี้แผนพวกมหาสมุทรมันเดินหน้าไปถึงไหนแล้วเราก็ไม่รู้" รสรินบอก
อยู่ๆ รติรมณ์พูด
"ชั้นมีวิธีนึง"
ทุกคนมองรติรมณ์ รติรมณ์หยิบเข็มมาเล่มนึง แล้วทิ่มไปที่อกของหัวหน้าชานนท์ หัวหน้า หายใจโฮก แล้วแววตาก็เปลี่ยนเป็นคน เขาพูดลิ้นพันปนกลัว
"ทุกอย่างอยู่ในนี้ ในนี้ ในความทรงจำชั้น" หัวหน้าบอก
ทุกคนแปลกใจ
"หัวหน้าบอกผมได้แล้วใช่มั้ย" ชานนท์ถาม
"เราต้องรีบหยุดมัน ไม่งั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่"
ทุกคนแปลกใจ และเป็นกังวล
มหาสมุทรกำลังมองจากตึกสูง เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ ถนนหนทางที่มีรถราวิ่งกันขวักไขว่
นพบรรยาย
"ว่ากันว่าทุกการเริ่มต้น มักมีจุดจบรออยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่มีวันรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบไหน หายนะ...ผมสามารถเรียกมันว่าแบบนั้นได้ พวกเรารู้ว่ากำลังทำอะไร นี่อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย"
รสรินเช็คอาวุธปืนสั้นสองกระบอก ชานนท์และมู่ก็เช่นกัน นพมองทุกคนอาการหวั่นกังวล " และที่สำคัญ ...เรากำลังเดินทางไปหาหายนะนั่น"
ดาดฟ้าตึกสูง ภาพค่อยๆเคลื่อนเลียดพื้นไป
" หลังจากหัวหน้ากลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง เธอเล่าถึงแผนการทุกอย่างของมหาสมุทรให้เราฟัง"
ถังชีวะถูกเข็นเข้ามาโดยลูกน้องแวมไพร์ มันถูกติดตั้งอยู่บนระเบิดซึ่งทำเป็นฐานที่รออยู่แล้ว สายไฟระโยงระยางเชื่อมระเบิดกับถังเข้าด้วยกันวางไว้ใกล้ขอบตึก
"ผงหมอกเลือดถูกบรรจุ และติดตั้งบนตึกสูงกว่าสี่สิบแห่งทั่วเมือง"
ตึกสูงอีกที่หนึ่ง ถังชีวะถูกติดตั้งในลักษณะเดียวกัน
"โดยเหล่าคนระดับสูงที่กลายเป็นแวมไพร์ รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยแต่ละจุดด้วยตัวเอง"
พวกเขาดูแลการติดตั้ง ตัดไปอีกตึก นักการเมืองก็เป็นคนดูแล
ภาพโดรนกำลังบินขึ้น
เสียงนพยังคงบรรยายต่อไป
"ทั้งหมดจะระเบิดพร้อมกัน หกโมงเย็นของวันนี้"
เสียงระเบิดบนดาดฟ้าดังสนั่น หลายแห่งทั่วเมือง
คนในตึกต่างๆวิ่งกรูออกมาดู คนที่อยู่ในชายคาใดๆก็วิ่งออกมาดูเช่นกัน
"แต่นั่นก็เป็นแค่ระเบิดเรียกแขก"
ควันสีชมพูค่อยๆลอยจางๆ
"เพราะหายนะที่แท้จริง มันอยู่ที่นี่ต่างหาก"
ณ มุมกว้าง ตึกร้างแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
"ตึกดำ... ตึกร้างใจกลางเมือง ทำเลดีที่สุด สถานที่ปล่อยขีปนาวุธพิสัยใกล้"
ที่ชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้ มีฐานยิงขีปนาวุธตั้งอยู่ ไม่นานขีปนาวุธ ถูกนำมาติดตั้ง
"ในระเบิดลูกนี้มีหมอกเลือดระดับเข้มข้น มันจะทำปฏิกิริยากับหมอกพิษ ก่อนหน้าที่ระเบิดออกมา ผสมกันจนกลายเป็นอาวุธทำลายล้างที่ร้ายแรงที่สุด"
มหาสมุทรยืนมองเมืองทั้งเมือง
มีสวิตช์สำหรับกดยิง
"แค่มันกดสวิตเดียว คนทั้งเมืองจะกลายเป็นแวมไพร์ในทันที"
แววตาชั่วร้ายของมหาสมุทรฉายประกาย
"ซึ่งทั้งหมดที่พูดมา พวกผมจะหยุดมัน"
รสริน นพ ชานน์มู่ รติรมณ์ วิ่งมาหลบมุมที่ผนังตึกๆ ทุกคนไม่มีอะไรติดตัวมาก นอกจากปืน และมีด มีแต่ชานนท์คนเดียวที่สะพายกระเป๋า
กุ๊บกิ๊บบอก"ชั้นคงมาส่งพวกนายได้แค่นี้ที่เหลือพวกนายไปต่อเองนะ"
ทุกคนเหล่มองกุ๊บกิ๊บว่าเหมือนเธอทำเนียนปกติเธอทำหน้าที่เฝ้ารถไม่เคยไปลุยด้วยอยู่แล้ว
มู่ประชดบอก "เสียดายจัง"
ชานนท์กระแทกไหล่ปรามมู่
รสรินหันไปถามกุ๊บกิ๊บ
"มีอะไรที่เธอยังบอกไม่หมดอีกมั้ย"
"มี"
"พูดมาเลยหัวหน้า"นพว่า
"ตึกนี้มี 30 ชั้น และมีมือดีคุ้มกันอยู่ ชั้นไม่รู้ว่ามันเป็นใครแต่ตามแผนที่ที่ชั้นเคยเห็นที่บ้าน Dr. พิเชษฐ มันแบ่งการคุ้มกันตามโซน A B และ C ไล่จากโซนชั้นล่างไปชั้นบน ซึ่งชั้นบนสุด
เป็นที่ติดตั้งจรวดนั่น"
"เธอช่วยพวกเราได้เยอะเลย ที่เหลือเราจัดการต่อเอง" รติรมณ์ว่า
"ระวังนะทุกคน โดยเฉพาะคุณ" กุ๊บกิ๊บพูดพลางมองชานนท์ด้วยความห่วง
มู่เบะปากก่อนมองเวลา
"ไปเหอะ นี่พวกเธอเหลือเวลาแค่ 3 ชั่วโมง"
แล้วทุกคนก็วิ่งเข้าอาคารร้างไป
กุ๊บกิ๊บแยกตัวหลบฉากไป
มหาสมุทรอยู่ที่ชั้นบนสุดใกล้จุดปล่อย ที่ตัวฐานมีเลขนับถอยหลังการปล่อยเดินอยู่ตลอด
เขากำลังคุยกับDr.พิเชษฐ
"ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วนะ เหลือแต่รอเวลา"
"ดีมาก รู้ไหมผมรอคอยวันนี้มานานแค่ไหน"
"ผมรู้ ว่าแต่ คุณคิดว่าพวกรสรินจะมาที่นี่ไหม"
"หึ รสรินกับรติรมณ์หรอ ...ถ้านังพวกนี้มันมาจริงก็ถือว่ารนหาที่ตาย ผมเตรียมรับมือพวกมันไว้แล้วล่ะ"
มหาสมุทรยิ้ม
พิเชษฐพยักหน้าแล้วขอตัวเดินออกไป
มหาสมุทรมองจรวดก่อนเดินไปตบเบาๆสามที แล้วเขาก็เดินไปมองเมืองทั้งเมือง เขายิ้มขำในลำคอเบาๆ
ทั้งหมดเดินขึ้นบันไดตึกดำมาอย่างระวัง
"ชั้นเริ่มตื่นเต้นแล้วรุ่นพี่ ช่วยยืนยันทีสิว่าพวกเราคิดถูก"
"ก็ต้องถูกแล้วสิ หรือเธอจะไปกู้ระเบิดอีก 40 ลูกรอบเมือง เราบุกตึกนี้ตึกเดียว
ถูกแล้ว" ชานนท์ว่า
รสรินย้ำต่อ"และเป็นตึกที่อันตรายที่สุดในเมืองตอนนี้"
มู่เซ็ง "ขอบคุณนะรสริน ใจชื้นขึ้นเยอะเลย"
ชานนท์ขำเบาๆ
"ชั้นอยู่ทั้งคน ไม่เป็นไรน่า"
มู่ยิ้มขึ้นมานิด
ทั้งหมดเดินจนมาที่ชั้นหนึ่ง ทว่าบันไดก็ขาดยาว
"ไม่มีทางเดินต่อแล้ว" นพบอก
อยู่ๆได้ยินเสียงติ๊ง! ทั้งหมดมองไปเป็นมีลิฟท์กำลังเปิด ทุกคนหลบ
ลูกน้องแวมไพร์ สองสามคนเดินออกจากลิฟท์ พอทุกคนเห็นว่าปลอดภัยจึงออกมา
"โชคดีเจอลิฟท์ นึกว่าจะต้องเดินถึงชั้น 30 ซะแล้ว"
"ไปต่อ"
ทุกคนเดินเข้าลิฟท์ไป
ทั้งหมดเดินเข้ามาในลิฟท์
ปุ่มเลื่อน เห็นเลขสูงสุดคือ “10”
"มีถึงแค่ชั้น 10" นพว่า
ทุกคนมองหน้ากัน
รสรินไม่พูดอะไรแค่พยักหน้า
นพกดเลข 10 ลิฟท์ค่อยๆปิด
"ระวังตัวกันด้วยทุกคน" รสรินบอก
ทุกคนเตรียมอาวุธ พร้อมลิฟท์ที่ปิดลง
บริเวณหน้าลิฟท์ มีลูกน้องแวมไพร์หลายคน เล็งปืนไปทางเดียวกันคือที่ลิฟท์
เสียงตริ๊ง เปิดออก ทันทีที่มันเปิด กระสุนนัดแรกก็ถูกยิงออกมา ร่างลูกน้องแวมไพร์คนหนึ่งสลายทันที
ลูกน้องแวมไพร์1 "เฮ้ย!"
พวกรสรินใช้จังหวะนั้นโดดออกมา รสรินเปิดฉากยิงใส่ก่อน และตามมาด้วยนพที่กระโดดไปเหยียบอกแวมไพร์พร้อมยิงระยะเผาขน รติรมณ์ยิงหนึ่งนัดก่อนจะเตะมันตัวหนึ่งกระเด็นไป ชานนท์กับมู่จับคู่ช่วยกันสู้
เกิดการยิงสลับกับการต่อสู้ระยะใกล้อย่างดุเดือด และรวดเร็ว
ศพสุดท้ายเป็นของชานนท์ เขายิงใส่แวมไพร์ตนนั้นไม่ยั้ง ก่อนจะใช้มีดแทงอกจนร่างสลาย
ทุกคนมองหน้ากัน ชานนท์เป่าปาก
"อุ่นเครื่องได้ดี"
ปัง!
เสียงปืนลูกซองถูกยิงดัง ทันใดนั้นร่างชานนท์ก็กระเด็นไปติดผนัง!
"รุ่นพี่!"
มู่ วิ่งไปดู
รองเท้าหนังเท่ห์ๆเดินออกมาจากมุมฉาก ตามด้วยปืนลูกซองโบราณพร้อมการใส่กระสุน
, สร้อยพระเลี่ยมทองและสุดท้าย ปากเคี้ยวหมากแดง หนวดโง้ง เรียวงามที่รับใบหน้าที่มีแต่ริ้วรอยการใช้ชีวิต
แวมไพร์มือปราบอายุประมาณยุคโบราณเดินออกมา อายุที่เห็นคือ 60 เขาถุยหมากลงพื้น
"พวกมึงมันเด็กรนหาที่ตาย อยู่เฉยๆก็ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรแล้ว" แวมไพร์มือปราบว่ามู่ดูห่วงชานนท์
"รุ่นพี่! อย่าเป็นอะไรนะ"
ชานนท์แกะเสื้อออก
"ยังอีกไกล กว่าจะถึงหัวใจ"
ปรากฏเป็นเสื้อกันกระสุนที่รับกระสุนแทนเขา
รสรินพูดกับแวมไพร์มือปราบ
"หลบไปซะ ชั้นไม่ได้มีปัญหากับแกชั้นจะฆ่าคนแค่คนเดียว"
"แต่คนที่แกจะฆ่า เขาจ้างชั้นให้มาฆ่าคนอย่างพวกแกนี่ล่ะรสริน วันนี้ได้เจอตัวจริงซะทีนะ"
ชานนท์ชันตัวลุก
"อย่างมึงไม่ต้องถึงมือใครหรอก!มึงตายด้วยมือกูนี่ล่ะ!"
ปัง! ชานนท์ควักปืนยิงแวมไพร์มือปราบ
การดวลปืนดังสนั่น ระหว่างชานนท์กับแวมไพร์มือปราบ ทั้งคู่ยิงสวนกันไปมาหลายนัดไม่มีจังหวะให้พัก!
นพรสริน รติรมณ์ยิงสวนไปผสมด้วย แต่แวมไพร์มือปราบก็หลบได้
"แม่งเอ๊ย! มันหลบได้หมดเลย"
อยู่ๆชานนท์ตะโกนหารสรินกับนพ
"พวกคุณไปกันก่อนเถอะเวลามีน้อย เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง"
ชานนท์ยิงสวนมันไปขณะพูด
"แน่ใจนะ"
"แน่ คุณรีบไป! เหลือเวลาไม่เยอะแล้วอย่าทำให้ผิดหวังล่ะ"
รสรินนพรติรมณ์มองกันก็พยักหน้า ทั้งคู่ยิงไปหนึ่งชุดก่อนหลบฉากเข้าลิฟท์อีกตัวไป!
ชานนท์กับแวมไพร์มือปราบยังยิงกันอยู่
แต่แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียง แช๊ะ! สองคนกระสุนหมดพร้อมกัน
ไม่รอช้า ทั้งสองกระโจนเข้าหากัน! แวมไพร์มือปราบควักมีดเล่มหนึ่งออกมา ง้างจะแทงที่ชานนท์! แต่เขาเอามือรับไว้
มู่ยิงสวนมันไป แต่มันหลบได้หมดทุกนัด มีดกำลังจะแทงชานนท์ มู่เลยวิ่งไปเตะมีดจนกระเด็น
แวมไพร์มือปราบใช้จังหวะนั้นสวนกลับด้วยการเตะมู่ไปติดกำแพง! กร๊อบ! เสียงกระดูกหัก พร้อมกำแพงที่ร้าว ร่างเธอทรุดสลบไป! เลือดหยดออกจมูก
"มู่!"
ชานนท์เห็นมู่กระเด็นก็แค้น ลุกขึ้นมาซัดไปที่แวมไพร์มือปราบหลายหมัด แต่ไม่สะเทือน เขายิ้ม
" อีนั่นยังเตะแรงกว่ามึงอีก"
ว่าแล้วเขาก็จะต่อยชานนท์ แต่ชานนท์ควักมีดมารับหมัดนั้น มือของมันถูกกรีดเป็นทางยาว ไล่ตั้งแต่หมัดเลาะมาตามแขน
แวมไพร์มือปราบมองแขนที่เสียเลือด
"กูชักจะหงุดหงิดกับมึงแล้วนะ!"
รสริน นพ รติรมณ์ ใช้จังหวะนั้นโดดไปร่วมวงช่วย ทั้งสามรุมแวมไพร์มือปราบ การต่อสู้ดำเนินไปประมาณสองกระบวนท่า จนแวมไพร์มือปราบรู้สึกว่าตนกำลังเสียเปรียบ
แวมไพร์มือปราบฉวยจังหวะ หลบฉากพลิกตัวไปหลังกำแพง แต่พอพลิกตัวกลับออกมา มันหยิบบางอย่างออกมาด้วย
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! คราวนี้มันถือลูกโม่สองกระบอก ยิงไม่ยั้ง ทุกคนกระโดดหลบกันจ้าละหวั่น ทุกคนแอบอยู่ไม่กล้าออก
ไม่นาน เสียงปืนสงบลง ชานนท์มองมู่ที่สลบอยู่ ในมือเธอถือปืนอยู่ที่ตัก
"แกเหลือกระสุนหนึ่งนัด" ชานนท์ว่า
"ส่วนพวกแกไม่มีกระสุน"
ชานนท์มองไปที่ตักมู่
"ใครบอกล่ะไอ้โง่!"
ชานนท์กลั้นใจ วิ่งไปที่มู่
แวมไพร์ตัวนั้นเล็งปืนตามชานนท์
ชานนท์กระโดดคว้าปืนมาได้ ในชั่ววินาที แล้วทั้งสองก็เล็งปืนหากัน!
ปัง! เสียงปืนสองนัดจากสองคนดังพร้อมกัน ชานนท์ลงถึงพื้นพอดี...
สถานการณ์นิ่ง...
ชานนท์ เลือดค่อยๆไหลที่แก้ม เป็นรอยเฉียด
ส่วนแวมไพร์มือปราบ เสียงซ่าค่อยๆดัง พร้อมร่องร่อยสลายที่เริ่มจากหัวใจใบหน้าเขาแปลกใจ แต่เขาก็ยิ้ม
"หึ..แกมันพวกอวดเก่ง"
พอพูดจบร่างเขาก็สลายไป
ชานนท์รีบวิ่งไปหามู่
"มู่ฟื้นสิ!"
มู่ไม่ขยับ
"ชั้นพาเธอไปโรงพยาบาลเอง"
ชานนท์จับหูพูดกับไมค์
"รสริน ชั้นต้องพามู่ไปโรงพยาบาล"
ทางรสริน นพ รติรมณ์ยังอยู่นลิฟท์
"ได้ ชั้นจัดการต่อเอง" รสรินว่า
"ระวังตัวนะทุกคน" ชานนท์บอก
ชานนท์เป็นห่วงมู่ อุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินออกไป
รสริน นพ รติรมณ์ อยู่ในลิฟท์อีกตัว
"เหลือแค่พวกเราแล้ว"
นพ รติรมณ์พยักหน้า
เลขมันสุดแค่เลข “20”
"คราวนี้ถึงแค่ชั้น 20" รติรมณ์ว่า
"คงมีพวกมันรออยู่เหมือนเดิม" นพว่า
"เราคงไม่ต้องเสียเวลากับพวกมันแล้วล่ะ" รสรินว่า
นพรติรมณ์งง ก่อนรสรินจะเปิดกระเป๋าให้ดูมีระเบิดเต็มกระเป๋า
นพ รติรมณ์ตาโต รสรินยื่นมือไปกดชั้น 20
ลิฟท์ปิดลง
จู่ๆ เสียง คลืน!ดังสนั่น
มหาสมุทรตกใจเมื่อได้ยินเสียงระเบิด เครื่องดื่มในแก้วสะเทือน
มหาสมุทรจับแก้วไม่ให้หก เขาหลับตาคิดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยิ้มส่ายหัว
"ไอ้พวกโง่เอ๊ย"
ลูกน้องแวมไพร์ 10 คน
เมื่อสิ้นเสียงระเบิดเหลือแต่ควันและมีบางตัวที่ยังไม่ตาย
รสริน นพ และรติรมณ์ออกมาจากลิฟท์ เธอยิงและแทงอกตัวที่เหลือจนสิ้นซาก ร่างสลายไป
"ชั้นว่าวิธีเธอมันโหดไปมั้ย?" นพถาม
“เวลาเรามีน้อย ชั้นไม่มีเวลามาเล่นเกมส์ผ่านด่าน” รสรินว่า
รสรินเดินไปที่ลิฟท์ ระหว่างทางเห็นแวมไพร์ตัวหนึ่งทุรนทุราย เธอยิงปังเข้าหัวใจ! นพสะดุ้ง ร่างมันสลาย
จังหวะหนึ่งเธอไปป๊ะกับพิเชษฐ เขามองรสริน รสรินรีบเล็งปืน
“อย่าขยับ”
พิเชษฐนิ่งสักพักก็ตัดสินใจออกวิ่งหนี ปัง! รสรินยิงออกไป แต่ถูกเสาเพราะพิเชษฐวิ่งสลับเสาไปมาทำให้ยิงยาก
รสรินเล็งยิงไม่ได้เสียที นพควักปืนมา เล็งอย่างสุขุมก่อนยิง ปัง!
นัดเดียว ร่างพิเชษฐสลายไปต่อหน้าต่อตา รสรินมองนพอย่างแปลกใจ
“ฝีมือดีขึ้นนี่” รสรินว่า
“เธอฝึกมาดี”
นพยิ้ม สองคนเดินต่อไป
ร่างพิเชษฐสลายกลายเป็นผุยผง
ทั้งสามคนเริ่มเครียด นพมองเวลา
“เหลือเวลา 20 นาที เธอคิดว่าทันมั้ย”
“ต้องทัน”นพว่า
รติรมณ์มองทั้งสอง เครียด
บนตึกดำ มหาสมุทรนั่งเก้าอี้มองเมืองทั้งเมือง ข้างๆเขามีสวิตช์ปล่อยจรวด
ตริ๊ง... ไม่นานนักเสียงลิฟท์ก็เปิดออก รสริน นพ และรติรมณ์เดินออกมา พวกเขาตั้งท่าพร้อมสู้
มหาสมุทรยังนั่งอย่างใจเย็น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ รติรมณ์”
นพ รสรินมองรติรมณ์ เธอดูกลัวมหาสมุทร
“อ้อ ชั้นนี่เสียมารยาทจัง สวัสดีรสรินรู้มั้ยว่าชั้นอยากเจอเธอมากแค่ไหน ได้ยินผ่านคนนั้นที..คนนี้ที โดยเฉพาะจากปากน้องสาวเธอ... ในที่สุดวันนี้เราก็ได้คุยกันซักที”
“หุบปากแล้วหยุดสิ่งที่แกทำอยู่ซะ!”
ทั้งสามเดินมาใกล้มหาสมุทร เขาเริ่มลุกเดินบ้าง โดยถอดสวิตช์ และหยิบติดตัวใส่กระเป๋าเสื้อมาด้วย
นพมองสวิตช์อย่างระแวดระวัง พร้อมมองเวลานับถอยหลังที่ฐาน มันเหลือ 16 นาที
“พวกแกรู้มั้ย.... ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกแกจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับเรื่อง
นี้ จะทำตัวเป็นฮีโร่หรอ ก็ไม่น่าใช่”
“ชั้นมาเพื่อฆ่าแก” รติรมณ์บอก
“แหมๆๆ อยู่กับพี่เข้าหน่อยแล้วปากเก่งเชียวนะ ทีตอนอยู่กับชั้น” มหาสมุทรเปลี่ยนเสียงดุดัน “แกเองไม่ใช่หรอที่ขอให้ชั้นฆ่าแก!”
อยู่ๆเขากระโจนไปบีบคอรติรมณ์อย่างไว ทุกคนไม่ทันตั้งตัว เขาดันเธอชิดกำแพง กำแพงร้าว
รสรินนพจะช่วยรติรมณ์
“ถ้าใครขยับ ชั้นรับรองอีนี่จะตายทันที”
มหาสมุทรกำหมัดแน่น จ่อไปที่หัวใจของรติรมณ์ทุกคนหยุดกึก
“แกรู้มั้ยการที่แกมาวันนี้มันดียังไง”
มหาสมุทรค่อยๆบีบคอรติรมณ์ รติรมณ์ค่อยๆเอื้อมมือไปด้านหลัง มีดสั้นที่เธอเหน็บอยู่
“ชั้นจะได้ฆ่าพวกแก พร้อมกับฉลองให้เมืองนี้ไปพร้อมกันไงล่ะ”
“วันนี้แกจะไม่ได้อะไรซักอย่าง!” รสรินบอก
มหาสมุทรง้างหมัดจะต่อยหัวใจรติรมณ์
ทันใดนั้น รติรมณ์ก็ควักมีดออกมา จะแทงเข้าที่อกของมหาสมุทร เขาปล่อยเธอทันที เอี้ยวหลบได้ทัน มันเฉี่ยวเขาไปนิดหน่อย มหาสมุทรจะต่อยเธออีกครั้ง แต่รติรมณ์ก้มหลบแล้วโดดมาหารสริน กลายเป็นเขาต่อยกำแพงแตก
มหาสมุทรหันตามไปอย่างหงุดหงิด
“ได้ ถ้าแกจะเอาแบบนี้ก็ได้”
มหาสมุทรแยกเขี้ยว ควักมีด แล้วการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น!
รสรินถือมีดคู่ หมายจะฆ่ามหาสมุทร แต่เขาก็หลบได้ทุกกระบวนท่า การต่อสู้นี้ดูยังไงรสรินก็ฝีมืออ่อนกว่ามหาสมุทร
เมื่อหมดหนึ่งยก นพก็เข้าไปเสริม นพพยายามแย่งสวิตช์จากมหาสมุทร แต่ก็ไม่ได้ เขาเกือบถูกแทง มีดเฉี่ยวตาขวาไปนิดเดียว!
และเมื่อหมดอีกหนึ่งยก รติรมณ์ก็กระโจนเข้าไปสู้
ทั้งสามสู้วนไปอย่างนั้น จนกระทั่ง...
จังหวะหนึ่งรติรมณ์พลาดท่า มหาสมุทรใช้มีดทิ่มไปที่ท้องของรติรมณ์จนมิด เธอตาโต
รสรินร้อง “ติ!”
มหาสมุทรมองรสริน ก่อนจะมองรติรมณ์ แล้วเขาก็ยิ้ม
“ชั้นรู้แกมันตายยาก วันนี้ชั้นจะทำตามที่แกเคยขอแล้วกัน”
มหาสมุทรดึงมีดออกมาแล้ว ทิ่มซ้ำไปสามสี่รอบอย่างเร็ว แลดูโรคจิต และครั้งสุดท้ายเขากำลังจะทิ่มหัวใจรติรมณ์
รสรินรีบขว้างมีดใส่มหาสมุทร เขาหลบทัน ก่อนจะถีบรติรมณ์กระเด็นไปใกล้จรวด
รสรินหันมองรติรมณ์ เธอกัดฟันโกรธ
“ติ ทนหน่อยนะ! พี่จะฆ่ามันเอง!”
แล้วทั้งรสรินและนพก็กระโจนไปสู้กับมหาสมุทรอีกรอบ!
รติรมณ์มองที่รอยเปิดของจรวดเครื่องนั้น มือรติรมณ์กุมท้องที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด มือเธอเปื้อนเลือดแดงเต็มไปหมด
การต่อสู้ระหว่างรสรินกับนพ ทั้งสองรุมมหาสมุทรพร้อมกันฝีมือจึงสูสี
“เหลืออีก 4 นาที” นพบอก
“เอามาให้ได้”
นพมองสวิตช์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ เขาจะคว้าแต่มหาสมุทรแทงมีดที่ฝ่ามือของนพ แล้วกรากจนฉีก
ทั้งสองถอยมาตั้งหลัก ก่อนจะกระโจนไปอีกครั้ง พวกขาต่อสู้กันอีกยก
การต่อสู้ดำเนินไป รสรินถูกแทงทีขา เธอทรุดลงไป
เหลือนพสู้เพียงคนเดียว
“พวกแกมันโง่ สิ่งที่ชั้นทำมันช่วยคนได้อีกมาก คนข้างล่างนั่นกำลังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น!”
“แกไม่มีสิทธิตัดสินชีวิตคนอื่น!” นพบอก
นพถูกฟันไปอีกแผล
“เพราะโลกมันเป็นอย่างนี้ไงล่ะ เผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่า จึงต้อง คอยคิดแทนเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า”
มหาสมุทรถีบนพกระเด็นไปข้างรสริน ทั้งคู่เจ็บหนัก เลือดเต็มตัว
อยู่ๆเราได้ยินเสียงระเบิดจากระยะไกลหลายจุด
แสงวูบวาบปรากฏที่ยอดตึกทั่วเมือง รสริน นพ และรติรมณ์มองก็ตกใจ
มหาสมุทรยิ้ม ภาพการระเบิดบนยอดตึกหลายแห่งทั่วเมืองเป็นฉากหลัง
มหาสมุทรหันไปมอง หมอกสีชมพูค่อยๆปกคลุม เขายิ้ม
“ระเบิดชุดแรกทำงานแล้ว เหลือจรวดที่นี่เป็นลูกสุดท้าย ปฏิกิริยาก็จะทำงานอย่างสมบูรณ์”
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงนพระยะใกล้
“ไม่มีทาง”
มหาสมุทรหันมา เห็นนพมายืนระยะใกล้ เขาตกใจ นพต่อยมหาสมุทรอย่างแรง พร้อมกระชากสวิตช์ออกมาจนเสื้อขาด
รสรินยิ้ม
“ชั้นบอกแล้ว ว่าวันนี้แกจะไม่ได้อะไรซักอย่าง”
นพรีบกด Stop แต่มันไม่หยุด เขากดอีกรอบก็ไม่หยุด มหาสมุทรเริ่มยิ้ม และขำออกมา
“ฮ่าๆๆๆ เสียใจด้วยนะ มันก็แค่ของเล่นแกคิดจริงๆเหรอว่าชั้นจะไม่รู้ว่า การที่แกบุกมา ชั้นจะไม่ยอมเปลี่ยนแผนอะไรเลย ...รีโมทนั่น มันเคยทำงานได้...แต่ตอนนี้ ...ไม่แล้ว”
นพอึ้ง
“ได้เวลาพอดีแกดูสิ”
เวลาถอยลงไปที่ 00 จรวดทั้งอันถูกยิงออกไป
ในชั่วขณะแสงวาบของจรวดนั้น รสรินฉวยจังหวะ คว้ามีด แล้ววิ่งไปที่มหาสมุทร เธอแทงที่หน้าอกเขา มหาสมุทรหลบไม่ทัน มีดจึงถูกแทงที่ลงหน้าอกพอดี
มหาสมุทรทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น แต่น่าแปลกว่าเขายังยิ้มอยู่
“แกยิ้มอะไร”
นพก็งงในอาการนั้นของมหาสมุทร
มหาสมุทรเงียบครู่นึงก่อนตอบ
“แกไม่เข้าใจหรอก ถึงร่างกายชั้นจะตาย แต่เลือดของชั้นจะอยู่ทุกที่”
“แกแน่ใจหรอ ว่าเลือดแกจะอยู่ทุกที่” รติรมณ์ถาม
ทุกคนหันมอง เห็นรติรมณ์อาการร่อแร่ เลือดไหลที่ท้องไม่ยอมหยุด มองมาที่มหาสมุทรอย่างสาสม
เธอโยนฝาปิดจรวดชิ้นนั้นไปที่เท้ามหาสมุทร ฝานั้นมีรอยน๊อตเปิด และมีรอยมือเปื้อนเลือดของรติรมณ์ติดอยู่
“ตอนนี้ ในนั้นไม่ได้มีแค่เลือดแกแล้ว มันมีเลือดชั้นด้วย”
มหาสมุทรตกใจ ร้องดัง
“ไม่…”
“เลือดที่แลกมาด้วยความทรมาน”
“ไม่..”
“เลือดที่แกบอกว่ามันคือความผิดพลาด”
“ไม่”
“เลือด....ที่จะเปลี่ยนแวมไพร์ให้กลายเป็นคน”
“ไม่!” มหาสมุทรลากเสียงยาวก้อง
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดตูม! บนท้องฟ้า
ผงบางๆก็ร่วงลงมาจากฟ้าผสมกับหมอกที่ระเบิดในตอนแรก
ผู้คนหลายแห่ง หลายพื้นที่แปลกใจในหมอก ไม่มีใครเป็นอะไร
แวมไพร์บางตัว เริ่มแปลกใจ และเมื่อสูดหมอกก็มีหลายเอฟเฟค
แวมไพร์บางตัวร่างสลายไปในทันที
แวมไพร์บางตัวน้ำตาไหล ได้กลับมาเป็นคน กอดคนข้างๆอย่างแปลกใจ
บนตึก มหาสมุทรกำมีดของรสรินแน่น เขาน้ำตาไหลมือสั่น
“แก...”
ก่อนดึงมันออกมา! แววตาเขาโกรธแค้น แล้วทันใดนั้นร่างของเขาก็สลายไปในพริบตา
ผงชีวิตปลิวไปพร้อมลม
รติรมณ์ทรุดลง นพ รสริน วิ่งเข้าไปช่วยดู
สองพี่น้องกอดกัน รสริน นพ ช่วยพยุงรติรมณ์ออกจากที่เกิดเหตุ
ผู้คนบนเหตุการณ์นั้นต่างกริยากันไป
หลายเดือนต่อมา หน้าร้านถ่ายภาพ ป้ายหน้าร้านชื่อ “ไพบูลย์จิตรกร”รับอุปกรณ์กล้อง ภาพถ่าย บรรยากาศภายในร้าน
“ว่ากันว่าทุกการเริ่มต้น มักมีจุดจบรออยู่แล้วเพียงแต่เราไม่มีวันรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบไหนกันแน่” เสียงนพบรรยาย บอกเล่า
รสรินกับนพกำลังถ่ายภาพ ช่างภาพถ่ายด้วยกล้อง Large Format ชุดของทั้งคู่เป็นชุดแต่งงาน
“พวกเราตกลงว่าจะแต่งงานกัน พิธีจะถูกจัดในอีกสองวันข้างหน้า ผมไม่เคยเห็นรสรินเป็นแบบนี้”
ช่างภาพบอกกำกับ“ยิ้มหน่อยครับเจ้าสาว”
รสรินฝืนยิ้มตลกๆ
นพขำ
“เธอยิ้มไม่เก่งครับ ไม่ต้องยิ้มก็ได้”
รติรมณ์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล มองนพรสรินก็อดยิ้มไม่ได้
“พี่ริน วันนี้พี่สวยจัง”
รสรินยิ้มออกมานิดนึง
แชะ! ช่างภาพกดถ่ายตอนเผลอ
“ผมไปเอาฟิล์มเพิ่มก่อนนะ”
ช่างภาพเดินหายไป
รสรินนพมองหน้ากัน หวานๆ อายๆ
บรรยากาศซอยในสลัมแห่งหนึ่ง ณ ซอยโสโครกนั้น ปรากฏศพของชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่งนอนจมกองขยะ ตำรจสองสามนายล้อมที่เกิดเหตุไว้ด้วยแผงกัน
ไม่นานนัก มู่และชานนท์เดินมาที่แผงกั้น ชานนท์ยัดเงินให้ตำรวจนายหนึ่งที่เฝ้าที่เกิดเหตุ ตำรวจเปิดให้ทั้งสองเข้าไป
“ส่วนชานนท์กับมู่ออกจากตำรวจ และเริ่มเป็นนักสืบเอกชน”
เมื่อลองดูศพดีๆ ทั้งสองมองหน้ากัน
บริเวณคอของเขามีรอยกัดเละเทะ
ชานนท์ดึงบางอย่างออกมาจากรอยกัด เป็นรอยเขี้ยวหัก
“โดยเขาสืบเฉพาะคดีแปลกๆวงเล็บว่า.. ที่มาจากแวมไพร์” นพบรรยาย
เขาทั้งคู่แอบเก็บหลักฐาน และตรวจพื้นที่เกิดเหตุต่อไป
บนถนนกลางเมือง รถคันหนึ่งติดไฟแดงอยู่ ไม่นานนักเราเห็นว่าคนขับคือกุ๊บกิ๊บ เธอสีหน้าเบื่อหน่าย
“ส่วนหัวหน้า...หลังจากพวกผมแยกย้ายกันไปหมดเธอก็ยังทำงานบริษัทอันแสนน่าเบื่อเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ...นอกเหนือจากเวลางาน เธอยังแสวงหาความตื่นเต้น
ในรูปแบบใหม่ๆอยู่เสมอ”
กุ๊บกิ๊บเธอมองไฟแดงเริ่มนับถอยหลังเธอเริ่มยิ้ม เธอใส่เสื้อ UBER TEAMและเมื่อไฟเขียว เธอออกตัวล้อฟรี ขับเร็วแรงจนเด็กพวงมาลัยยังโดดหลบ
ลูกค้าที่นั่งหลังเบาะเธอ ขวัญผวา
ร้านถ่ายภาพไพบูลย์จิตรกร ช่างยังไม่กลับมา นพ รสรินยังนั่งอยู่
“เดี๋ยวมานะ ชั้นไปจัดชุดก่อน มันแน่นไป”
นพยิ้มพยักหน้า
“อื้ม”
นพมองเธอเดินไป เขายิ้ม รักเธอ
“แต่ถ้าถามผม ... ผมคงไม่ต้องการเรื่องตื่นเต้นอะไรอีกแล้วเพราะการมีรสรินอยู่ข้างๆ คือเรื่องที่ดีที่สุด ...ที่เคยเกิดขึ้นกับผม”
รติรมณ์ ยิ้ม มองดูสองคน
“พี่นพ มากับชั้นหน่อยสิ”
“อ่ออื่มๆ”
นพมองทางที่รสรินไป แล้วก็เดินตามรติรมณ์ออกไป
รติรมณ์เดินมา เป็นตรอกเล็กๆ ข้างร้าน ปลายทางด้านหนึ่งเป็นจุดที่คนเดินพลุกพล่าน นพค่อยตามมา
“มีอะไรหรอ”
“นายรักพี่ชั้นมั้ย”
นพยิ้มแปลกใจ
“รักดิ ไม่งั้นจะมีวันนี้หรอ”
รติรมณ์ยิ้ม
นพยิ้ม มองรติรมณ์แปลกไป
“มีอะไรรึเปล่าติ?”
รติรมณ์มองนพ เธอยิ้มอย่างปริศนา
“รู้มั้ย พี่ชั้นน่ะ เป็นคนดีนะ”
นพยิ้ม “อื้ม”
และทันใด อยู่ๆรติรมณ์ก็ควักมีดออกมา แทงนพอย่างแรงที่หน้าอก! จนมิดด้าม
นพตาเบิกโพลง เหวอ!
“แต่พี่ชั้นไม่ใช่คนฉลาด”
“เธอ...ทำแบบนี้ทำไม”
ผิวบริเวณหัวใจนพเลือดค่อย ๆ ซึมออกมา
รติรมณ์ยิ้ม
“ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยให้ชั้นจัดการมหาสมุทรได้ง่ายขึ้น”
เธอหันหลังค่อยๆเดินไปทางฝูงชน พร้อมร่างนพที่ค่อยๆทรุดลงกับพื้น สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“อย่างที่ผมบอก เราไม่มีวันรู้เลย ว่าจุดจบแบบไหนที่รอเราอยู่”
รติรมณ์ เดินหายไปในฝูงชน
เสียเพลงดังคลอเข้ามา
รสรินเดินกลับมา นั่ง ไม่เจอใคร เธอมองๆก็ไม่มีวี่แววใครมา เธอมองที่นั่งนพ
รสรินยิ้มมีความสุข มันเป็นรอยยิ้มเหมือนเด็กสาวที่ตื่นเต้น
เธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอคอยจนกว่านพจะกลับมา....
ติดตาม "รสรินล่าแวมไพร์" ซีซั่น 2