เพรงลับแล ตอนที่ 5 | กู...เจ้าแม่เนตรตาทิพย์
บทประพันธ์และบทโทรทัศน์โดย | อาณาจินต์
เนตรมายานำชาวบ้านบุกเข้ามาในบ้านปรางทิพย์ บัวคำรีบเข้ามาขวางด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“หยุดนะ พวกคุณจะทำอะไรน่ะ”
ทศนนท์พยายามขอร้องชาวบ้านดีๆ “หยุดเถอะครับ ทำแบบนี้เข้าข่ายบุกรุกนะครับ”
เนตรมายากลับแย้งว่า “มันไม่ใช่การบุกรุกค่ะคุณทศ ถ้าเกิดยังมีใครหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้าน พวกเราทุกคนอาจต้องเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ได้นะคะ”
พวกชาวบ้านต่างเห็นด้วยกับคำพูดของแม่หมอเนตรมายา
“นี่เป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านเรา จะลบหลู่ไม่ได้” มินตาว่า
“แต่ทำแบบนี้ มันดูคุกคามกันเกินไปหน่อยนะคะ”
นิรชาไม่พอใจและไม่เห็นด้วย กฤตณีต้องรีบดึงแขนเพื่อนปรามไว้
“เนียร์ แกอย่ายุ่งเลย เรื่องนี้มันสำคัญกับคนในหมู่บ้านเรามากนะ”
นิรชาฮึดฮัดไม่พอใจชัดแจ้ง แต่ก็จำต้องนิ่งเงียบตามคำแนะนำของเพื่อน
ผู้ใหญ่จรัลพยายามไกล่เกลี่ย
“เอาล่ะๆ บัวคำ ถ้าในบ้านไม่มีใครอยู่ก็ยอมให้พวกชาวบ้านเข้าไปดูให้แน่ใจก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ๆๆๆ”
ชาวบ้านโดยการนำของเนตรมายาจะเดินขึ้นไปค้นบ้าน บัวคำร้องห้าม
“อย่านะ ในบ้านไม่มีใครอยู่จริงๆ อย่าค้นนะ อย่านะ”
ทว่า ชาวบ้านหญิง 2 คน เข้ามาจับบัวคำให้หลบออกไป
“พวกคุณจะบุกรุกบ้านคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ”
ทศนนท์ตกใจร้องห้าม แต่ชาวบ้านไม่มีใครฟัง
เนตรมายาและเหล่าชาวบ้านบุกเข้ามาที่โถงกลางบ้าน เธอมองหาจนทั่วไม่เห็นอะไร
“ฉันเห็นมีคนอยู่บนนี้นี่ หายไปไหนแล้ว”
ทศนนท์ตามเข้ามา
“เห็นไหม ไม่มีใครจริงๆ ด้วย คราวนี้พวกคุณจะออกไปจากบ้านคุณปรางได้หรือยัง”
“ถ้าบุกรุกบ้านคนอื่นเขาไปมากกว่านี้ เกิดข้าวของเขาเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” นิรชาบอกเสียงขุ่น
กฤตณีสบช่องรีบชวนทุกคนกลับ “เจ้าแม่คงตาฝาดไปแน่ๆ ไปเถอะ กลับกันเถอะทุกคน”
“แต่ฉันแน่ใจ” เนตรมายาเสียงแข็ง หันมาสั่งชาวบ้าน “แยกย้ายกันไปค้นทุกห้อง ให้ทั่วทุกซอก ทุกมุม จะต้องมีคนหลบอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน”
“ไปพวกเรา เราต้องทำเพื่อความปลอดภัยของคนในหมู่บ้าน” มินตาว่า
ทุกคนเห็นด้วย เหล่าชาวบ้านชายหญิงแยกย้ายกันไปค้นทุกห้อง
กลุ่มนิรชา กฤตณี ทศนนท์ และ พีรพร ได้แต่คอยดูสถานการณ์เพราะทำอะไรไม่ได้
บัวคำหน้าตาตื่น ตัดพ้อผู้ใหญ่จรัลเชิงต้องการให้ช่วย
“ผู้ใหญ่ไม่ไว้ใจพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน เอาน่าบัวคำ ถ้าไม่มีอะไร พวกเขาก็คงถอยกันไปเอง เดี๋ยวฉันจะไปคอยดูพวกเขาไม่ให้แตะต้องข้าวของในบ้าน”
จรัลปลอบ แล้วรีบตามชาวบ้านไป
บัวคำมองดูพวกความวุ่นวายที่ชาวบ้านแยกย้ายกันไปค้นตามห้องต่างๆ อย่างเป็นกังวล รีบตามไปด้วย
ที่ห้องเก็บของในบ้าน กลุ่มถนอม เสถียร และชาวบ้านชาย เข้าไปค้นดูในห้องเก็บของ ทุกคนตื่นตากับข้าวของที่วางอยู่ในตู้ ซึ่งล้วนเป็นถ้วยโถโอชา เครื่องเคลือบ ภาชนะโบราณที่ดูสวยงาม แปลกตา โดยเฉพาะเสถียรจอมเก๊กแมน
“โห บ้านคุณปรางนี่รวยจริง อะไรจริง เลยนะพี่”
“เออสิวะ ไปๆ รีบหาคน อย่ามัวแต่สนใจข้าวของ” ถนอมเร่ง
ทุกคนต่างแยกย้ายกันค้นตามซอกมุมต่างๆ ของห้อง จนกระทั่งถนอมกะเสถียรเห็นความผิดปกติว่าตู้เก็บของที่มุมห้องขยับ
“พี่หนอม”
“เออ...กูเห็นแล้ว”
ทั้ง2 ค่อยๆ ย่องไปที่ตู้ทึบใบนั้น แล้วเปิดมันออก
จิ้งจกกระโดดเข้าใส่เสถียรโดยไม่คาดคิด เสถียรสาวแตกร้องกรี๊ดเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น
“แอร๊ย...”
ทุกคนมองงงๆ เสถียรรีบแอ๊บปรับเสียงให้เข้มเหมือนเดิม
“ก็แค่จิ้งจก ไปต่อห้องอื่นกันเถอะครับ”
เสถียรรีบเดินนำออกไป
ฝ่ายมินตาและชาวบ้านหญิงอีกกลุ่มเปิดเข้ามาดูในห้องนอนปรางทิพย์ ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจกับห้องนอนที่ดูหรูหราดั่งผู้ดี
“นี่มันเตียงไม้สักทั้งหลังเลยนะ” หญิง1 ตื่นตา
“โต๊ะเครื่องแป้งนี่ก็อีก ฉลุลายแบบโบราณเลย สวยสุดๆ” หญิง2 ว่า
มินตาริษยา “รวยจริงเลยนะ ยัยปรางทิพย์นี่ รีบๆ หาคนเข้าเถอะพวกเรา”
ทุกคนละความสนใจจากข้าวของแล้วเดินหาคนตามตู้และซอกมุมต่างๆ ของห้อง แต่หาไม่เจอ
มินตาถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของปรางทิพย์ออก เห็นเสื้อผ้าแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบสวยงาม มองจ้องอย่างถูกตาต้องใจ จนเผลอใช้มือลูบมันอย่างหลงใหล
เสียงหน้าต่างที่เปิดอยู่กระแทกเสียงดังปัง ทุกคนร้องกรี๊ด
“ว้าย!!!”
มินตาและทุกคนตกใจสะดุ้ง หันมอง เห็นบานหน้าต่างพัดกระทบขอบหน้าต่างตามแรงลม
“ตกใจหมด เป็นไงหาเจอไหม” มินตาถาม
ชาวบ้านหญิงบอก “ไม่เจอ” พร้อมกัน
“ถ้าไม่เจอก็ออกไปเถอะพวกเรา”
มินตารีบปิดตู้แล้วพาทุกคนออกไปจากห้อง แต่ไม่วายมองสมบัติในห้องด้วยตาเป็นประกายวาววับ
กลุ่มชาวบ้านที่ค้นห้องชั้นบนเดินออกมาสมทบเนตรมายาที่โถงชั้นล่าง
“เป็นไง เจอไหม” เจ้าแม่ถาม
“ไม่เจอเลยเจ้าแม่” เสถียรบอก
“พวกฉันก็ไม่เห็นใครเหมือนกัน” มินตาว่า
เนตรมายานิ่งคิด “ไม่เห็น มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ถ้าค้นจนทั่วแล้วไม่เจอก็ควรออกไปจากบ้านเขาได้แล้วนะคะ” นิรชาบอก
“หรือต้องรอให้คุณปรางกลับมาแจ้งความจับทุกคนข้อหาบุกรุก” ทศนนท์ว่า
“เอาละๆ ทุกคน ในเมื่อเราเข้ามาค้นแล้วไม่เจอใคร พวกเราก็กลับกันได้แล้ว” จรัลตัดบท ยิ้มปูเลี่ยนๆ กับบัวคำ “ขอโทษทีนะบัวคำที่ทำให้วุ่นวาย”
บัวคำได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างโล่งอก
“ไปๆ กลับกันได้แล้ว”
ผู้ใหญ่จรัลก็เดินนำทุกคนลงเรือนไป เนตรมายาเดินตามไปด้วย แต่สายตาของเธอยังคงมองไปรอบๆ อย่างค้างคาใจ จนป้าเชื่อมแปลกใจ
“มีอะไรเหรอเจ้าแม่”
“ฉันว่ามันแปลกๆ”
เนตรมายาหันหลังกลับเดินเข้าบ้านอีกตรงไปยังห้องหนึ่ง เชื่อมรีบตามไป
เนตรมายาเดินมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่เหมือนถูกปิดตาย เธอเพ่งมองเหมือนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้น
“มันต้องเป็นมนต์บังตาแน่”
เนตรมายายกมือขึ้นนาบกับบานประตู แล้วหลับตาลงบริกรรมคาถาเพื่อคลายมนต์บังตา
ที่ด้านในห้อง ยายแก่พิณทิพย์ นั่งหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องในความมืด เอาเล็บจิกพื้น มองตรงประตูเตรียมจะแยกเขี้ยว
มนต์ม่านบังตาที่กั้นเธอไว้กับโลกภายนอก เริ่มจะสลายไป เหมือนม่านน้ำที่กำลังจะสลายลงพิณทิพย์เริ่มสับสนว่าจะทำอย่างไรดี
ที่หน้าประตู เนตรมายาละมือจากบานประตู แล้วลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ามนต์บังตาได้จางหายไปแล้ว
“คิดว่าจะหลอกคนอย่างฉันได้เหรอ ไม่มีวัน”
เนตรมายายิ้มเจ้าเล่ห์ กำลังจะผลักประตูห้องให้เปิดออก แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อบานประตูนั้นถูกเปิดออกโดยบุคคลที่อยู่ด้านใน
ยายพิณทิพย์เปิดประตูก้าวออกมา สวมชุดแขนยาวสีดำมีผ้าคลุมหัวสีดำ เพื่อปิดบังสิ่งผิดปกติในร่างกาย และก้มหน้านิ่งอยู่ ก่อนที่ประตูจะถูกปิดลง
“เจอแล้ว! เจอคนที่ซ่อนอยู่แล้ว!”
เนตรมายาจ้องมองพิณทิพย์อย่างจับผิด แม่ยังไม่หน้าชัดๆ
ชาวบ้านเดินออกมาจากตัวบ้านปรางทิพย์ พลันเสียงตะโกนดังจากในบ้านก็ดังขึ้น
“เจอแล้ว! เจอคนที่ซ่อนอยู่แล้ว!”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง บัวคำมีสีหน้าตกใจถึงขีดสุด
ชาวบ้านเดินขึ้นมาสมทบกับเนตรมายาและเชื่อม เมื่อทุกคนมาถึงก็ร้องขึ้นอย่างตกใจกลัวเมื่อเห็นพิณทิพย์เดินออกมาหน้าประตูห้องที่ปิดลง ขณะที่พิณทิพย์ก้มหน้าไม่สบตากับใคร และไม่อยากให้ใครเข้าไปเห็นภายในห้อง
“นี่มันคน หรือว่าปีศาจเนี่ย” มินตาตกใจกลัว
“ยายแก่คนนี้จะทำให้คนในหมู่บ้านเราเดือดร้อน” แม่หมอประกาศ
มินตารับลูกทันที “พวกเรา ช่วยกันจับมันเอาไว้”
บัวคำตกใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เหล่าชาวบ้านชายเข้ามาจับตัวพิณทิพย์เอาไว้
นิรชารีบเข้าไปขวาง
“หยุดนะ ทำไมต้องทำรุนแรงกันอย่างนี้ด้วย”
ทศนนท์ไม่พอใจพวกชาวบ้าน “คุณยายทำอะไรผิด พวกคุณถึงต้องทำขนาดนี้”
“อย่าทำร้ายคนแก่เลยนะครับ” พีรพรขอร้อง
พวกเหล่าชาวบ้านชายรีบปล่อยพิณทิพย์ แล้วเดินออกมา
พิณทิพย์จะทรุดล้มลง นิรชาและปรัชญารีบเข้ามาประคอง
“เป็นไงบ้างคะคุณยาย” นิรชาตำหนิชาวบ้าน “ทำไมต้องใช้กฎหมู่ด้วยคะ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันไม่ได้หรือยังไง”
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเลยนะครูเนียร์ ดูสิยายเขาไม่ได้เป็นอะไรสักนิด” จรัลบอก
พิณทิพย์เงยหน้าขึ้นมามองนิรชา เพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร
ทศนนท์เห็นหน้าพิณทิพย์ก็ตกใจ จำได้ทันที ว่าเป็นยายแก่ที่ยื่นแง่งขมิ้นให้ตน
ทุกคนรวมตัวอยู่ในห้องโถงรับแขกบ้านปรางทิพย์พร้อมหน้า ชาวบ้านล้อมวง รุมฟังจรัลซักถามพิณทิพย์และบัวคำ
“ไหนบอกว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านไงบัวคำ แล้วนี่อะไร รู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับหมู่บ้านเราแค่ไหน”
“ฉันรู้ค่ะผู้ใหญ่ แต่ก่อนออกไปในบ้านเราไม่มีใครอยู่จริงๆ” บัวคำยืนยัน
“แล้วยายเข้ามาได้ยังไง”
บัวคำอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ผู้ใหญ่ยื่นคำขาด
“ถ้าอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันคงต้องทำตามกฎของหมู่บ้านเรา ขอให้พวกเธอย้ายออกไปจากที่นี่”
นิรชากับคิตตี้คอยอยู่ข้างพิณทิพย์ ทศนนท์ และพีรพร ตกใจ
“ค่อยพูดค่อยจากันก่อนเถอะนะคะผู้ใหญ่” นิรชาถามพิณทิพย์ “ยาย...ยายเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านคุณปรางได้คะ”
บัวคำชิงตอบแทนว่า
“คุณยายไม่ใช่คนที่นี่ คงจะผ่านมาเยี่ยมคุณปรางก็เท่านั้น”
“ยายเข้ามาทางไหน ถ้ารถวิ่งเข้ามาก็ต้องผ่านตรงที่พวกเรานั่งรวมกันอยู่นอกหมู่บ้าน” แม่หมอถาม
บัวคำอ้ำอึ้งๆ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เนตรมายาคาดคั้น
“ว่ายังไงล่ะ”
“หลานยายขับรถเข้ามาส่งทางเส้นหลังหมู่บ้าน” พิณทิพย์บอกทุกคน
“นั่นมันถนนเส้นเก่า ทางชำรุดด้วย ไม่มีใครใช้กันแล้วไม่ใช่เหรอ” เนตรมายาท้วง
“ถึงว่า...มันถึงได้มาลำบากนัก พอยายมาถึงไม่มีใครอยู่ ยายก็เลยเข้ามารอในบ้านนี่ล่ะ”
“งั้นก็ไม่เป็นไร แสดงว่ายายเข้ามาหลังจากที่พวกเราออกไปกันหมดแล้ว ก็ถือว่าไม่ผิด”
เหล่าชาวบ้านพยักหน้าเริ่มเข้าใจ
เนตรมายาท้วง “แต่ว่าผู้ใหญ่...”
จรัลยกมือห้าม
“แล้วก็แล้วกันไปเถอะเจ้าแม่ อย่าให้คนในหมู่บ้านต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะเรื่องนี้เลย”
เนตรมายาจึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่จ้องมองพิณทิพย์อย่างจับผิด
“เอาละทุกคน หมดเรื่องแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านได้”
เหล่าชาวบ้านต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะที่บัวคำและพิณทิพย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เนตรมายาเดินตามทุกคนออกไป แล้วหยุดกึก หันกลับมาจ้องพิณทิพย์อย่างระแวงสงสัย
ทศนนท์นั่งอยู่ที่หน้าทีวี แต่เขากลับไม่ได้สนใจดูมันเลย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บ่นพึมพำ
“คุณปรางไปไหนนะ กลับมาบ้านหรือยัง ไม่มีเบอร์โทรคุณปรางด้วยสิ”
พีรพรเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากด้านใน
“เป็นอะไรพี่ นั่งบ่นอยู่คนเดียว คิดถึงคุณปรางทิพย์คนสวยล่ะสิท่า”
“เป็นห่วงน่ะ ได้ยินว่าเข้าเมืองไปตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าป่านนี้กลับมาหรือยัง แล้วรู้หรือยังว่าวันนี้ที่บ้านเกือบมีเรื่อง”
“โอ๊ย ป่านนี้น่าจะกลับมาแล้วล่ะพี่ เออ...ว่าแล้วก็นึกถึงครูเนียร์”
ทศนนท์สงสัย “ทำไม”
“ก็วันนี้ ครูเนียร์เหมือนเป็นฮีโร่เลยนะพี่ เมื่อก่อนนึกว่าจะเป็นคนขวานผ่าซาก ที่ไหนได้ ทั้งเก่งทั้งฉลาดกว่าที่คิด”
“เมื่อก่อนเราอาจจะมองเขาผิดไปก็ได้”
“พี่ว่าเขามีแฟนหรือยัง แต่เขาสนิทกับหมอปรัชนี่ พี่ว่าเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า แต่ผมว่าน่าจะไม่นะ เขาคงเป็นแค่เพื่อนกัน งั้นผมอาจจะมีสิทธิ์”
พีรพรถามเองตอบเองจนทศนนท์มองแบบงงๆ
“ฉันว่าแกท่าจะเพ้อแล้วละ”
ทศนนท์ส่ายหน้าขำๆ กับท่าทางจริงจังของพีรพร
ขณะที่ทศนนท์กำลังจะล้มตัวลงนอน พลันเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเปิดไฟที่หัวเตียงพร้อมกับเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมา ทศนนท์หยิบใบไม้ทองคำออกมาดู
เทศยื่นใบไม้ทองคำคืนให้ปรางทิพย์
อีกฟาก บัวคำพยุงปรางทิพย์ในร่างยายพิณทิพย์มานั่งที่เตียง บัวคำนิ่งมองพิณทิพย์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“แม่หญิงเจ้าคะ เรากลับบ้านเรากันเถอะเจ้าค่ะ ที่นี่มันอันตรายเกินไป”
“ข้ายังกลับไม่ได้หรอกพี่บัวคำ พี่เทศกลับมาหาข้าแล้ว ถ้าข้าพลาดโอกาสครั้งนี้ ข้าอาจจะไม่ได้พบเขาอีก”
“แต่วันนี้บัวคำเพิ่งจะมุสา บัวคำต้องไปชำระบาป”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่บัวคำ ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวได้ พี่มีอะไรต้องทำก็ไปทำเถิด”
“แม่หญิงกลับไปอยู่ที่บ้านพร้อมบัวคำก่อน ไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
พิณทิพย์ส่ายหน้า “ข้าจะต้องทำให้พี่เทศจำเรื่องราวที่ผ่านมาให้ได้ วันที่ข้ากลับไป ข้าจะต้องมีพี่เทศกลับไปด้วย”
สีหน้าของปรางทิพย์ในคราบยายพิณทิพย์เคร่งขรึมจริงจังเอามากๆ
ในเวลาต่อมา บัวคำเดินถือตะเกียงเจ้าพายุเข้ามาในโถงถ้ำเมืองลับแล วางตะเกียงลง หันหลังให้โถงถ้ำ ก่อนจะคุกเข่าลง พนมมือแล้วหลับตา
“ข้าได้ทำผิดศีลข้อมุสา ขอขมาแก่ท่านด้วย”
เสียงกระพือปีกดังขึ้น บัวคำเม้มปากแน่นอย่างรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ไหล่ด้านหลังของบัวคำ มีกรงเล็บของสุบรรณเหรากรีดลงมาดังแควก
บัวคำสะดุ้งเฮือกเจ็บเจียนตาย แต่ก็ต้องทนเจ็บ และก้มหน้าลงกราบแทบพื้น
รุ่งเช้า นิรชาปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้านปรางทิพย์ เธอหยุดยืนอยู่ที่ริมรั้วพร้อมมองหาใครบางคน
“ไปไหนกันหมดนะ ทำไมบ้านดูเงียบขนาดนี้”
บัวคำเดินออกมาจากในบ้าน นิรชามองเห็นรีบเรียกไว้
“พี่บัวคำคะ พี่บัวคำ...”
บัวคำซึ่งมีผ้าคลุมไหล่เดินตรงมาที่ประตูรั้ว แต่ยังไม่กล้าเปิดให้ นิรชายกมือไหว้
“มาหาใครหรือคะ”
“เนียร์มาหาคุณยายน่ะค่ะ คุณยายเป็นยังไงบ้าง”
“คุณยายไม่อยู่แล้วค่ะ” บัวคำบอก
นิรชาเป็นห่วง “กลับไปแล้วเหรอคะ คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงรีบกลับ หรือว่าตกใจเรื่องเมื่อวาน”
“คุณยายฝากขอบคุณครูเนียร์ด้วยที่ช่วยเรื่องเมื่อวาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณยายเจอคุณปรางแล้วหรือคะถึงได้กลับ นึกว่าจะอยู่ค้างที่นี่หลายวัน”
บัวคำไม่ตอบได้แต่ยิ้มแล้วพูดขึ้น หาทางเลี่ยงเพื่อไม่ให้ถูกซักมาก
“คุณยายต้องรีบกลับค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ”
นิรชาหน้าเหวอไม่คิดว่าไมตรีของเธอจะได้รับการตอบรับเช่นนี้
“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
นิรชาเดินกลับมาที่จักรยาน และกำลังจะปั่นออกไป
แต่เห็นรถยนต์ของทศนนท์วิ่งเข้ามาจอด และ
บัวคำรีบเปิดประตูให้รถของทศนนท์วิ่งเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นบัวคำก็รีบปิดประตูรั้วทันที
นิรชานิ่งมองอย่างนึกหมั่นไส้แกมสงสัย
“ทำไมอีตาทศนนท์เข้านอกออกในคล่องเชียว”
พลันสายตาของนิรชาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่หน้าต่างชั้นบน
เป็นปรางทิพย์ที่มองทศนนท์จากบนนั้น
นิรชาเขม้นมองด้วยสีหน้าสงสัย
ครู่ต่อมา บัวคำเดินนำทศนนท์เข้ามาในห้องรับแขก
“นั่งนี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ผมเห็นครูเนียร์อยู่ข้างนอก”
“ครูเขามาหาคุณยายน่ะค่ะ แต่ว่าคุณยายไม่อยู่แล้ว”
ทศนนท์แปลกใจ “อ้าว คุณยายกลับไปแล้วเหรอครับ”
บัวคำยิ้มแทนคำตอบ ก่อนจะเดินออกไป
“คุณทศมาแล้วเหรอคะ”
ทศนนท์มองตามเสียง เขาถึงกับตะลึง เห็นปรางทิพย์เดินลงมาจากชั้นบนด้วยชุดผ้าซิ่นที่ดูสวยงามราวเทพธิดา ปรางทิพย์เดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ทศนนท์มองตามไม่วางตา กระทั่งปรางทิพย์เรียก
“คุณทศคะ...”
ทศนนท์สะดุ้ง “ครับ เอ่อ...คุณปรางกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ปรางทิพย์ยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไร
บัวคำเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทศนนท์ เธอยกน้ำออกจากถาดวางที่โต๊ะด้วยมืออันสั่นเทา ทศนนท์เห็นท่าทีนั้นมองบัวคำอย่างแปลกใจ ปรางทิพย์รีบเอ่ยขึ้น
“พี่บัวคำไปพักผ่อนเถอะจ้ะ”
บัวคำเดินออกไป มีอาการซวนเซเล็กน้อย จนผ้าคลุมไหล่หลุดรุ่ยออก เผยให้เห็นรอยแผลกรีดเป็นเส้นที่โผล่พ้นผ้าแถบขึ้นมา ทศนนท์มองตกใจ
“พี่บัวคำ ไปโดนอะไรมาครับ”
บัวคำรีบตลบผ้าขึ้นคลุมไหล่ด้วยความตกใจ
“แผลเล็กน้อยค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก”
“ไม่เล็กนะครับ แผลลึกขนาดนั้นต้องไปหาหมอ”
“พี่บัวคำไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ฉันใส่ยาสมุนไพรให้แล้ว”
บัวคำรีบเดินออกไป
ทศนนท์มองตาม ก่อนจะหันมาพูดกับปรางทิพย์
“แต่ผมว่า...”
“ไม่กี่วันก็หายค่ะ คุณทศไม่ต้องห่วงนะคะ”
ปรางทิพย์นิ่งมองทศนนท์
ที่โรงเรียนนางลับแลเช้าวันเดียวกัน
กฤตณีที่กำลังนั่งเตรียมการสอนอยู่ที่โต๊ะทำงานห้องพักครู ขณะที่นิรชาเดินเข้าประตูห้องมา
“เป็นไง คุณยายเป็นไงบ้าง”
“ไม่รู้สิ เห็นพี่บัวคำบอกว่าคุณยายไปแล้ว”
กฤตณีงง “ไปแล้ว? หมายความว่าออกไปจากหมู่บ้านแล้วเหรอ”
นิรชาพยักหน้า “ใช่ เพิ่งมาถึงแท้ๆ แต่ทำไมถึงกลับไปแล้ว ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แปลกจัง”
“เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ย้ายมาอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเขาเป็นคนดีนะแก เวลาพวกชาวบ้านเดือดร้อนอะไรคุณปรางก็จะฝากพี่บัวคำมาช่วยเหลือ โดยไม่รับค่าตอบแทนอะไรเลย”
นิรชาคิดตาม “งั้นเหรอ...ขนาดเห็นไกลๆยังรู้สึกเลยว่า ลักษณะเขาดูไม่เหมือนชาวบ้านเลย”
“ในหมู่บ้านนี้คนที่เคยเห็นคุณปรางใกล้ๆ นี่แทบนับคนได้ ยิ่งคนที่เคยคุยด้วยยิ่งน้อยไปใหญ่ แต่ใครที่เคยเจอจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางสวยแพง สวยเลอค่า แต่งตัวชุดผ้าไทยเกร๋ๆเหมือนนางในวรรณคดีเลย ฉันล่ะอยากเห็นตัวเป็นๆ สักครั้ง”
“แสดงว่าคุณทศนี่โชคดีชะมัด ได้เข้านอกออกในบ้านนั้นเป็นว่าเล่น”
“ก็คุณทศหล่อเท่ขนาดนั้น เป็นฉันก็เปิดบ้านต้อนรับตลอดเวล่ะแก แต่ฉันว่าคุณปรางก็วางตัวดี เป็นกุลสตรีงามอย่างไทยแท้ ไม่เคยทำตัวเสียหาย ไอดอลฉันเลยนะเนี่ย อยากเป็นนางในวรรณคดีอย่างนางบ้าง”
กฤตณีทำหน้าฟิน ฝันเพ้อ
นิรชามองขำๆ แต่พอกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิดกังวล
ทศนนท์และปรางทิพย์นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะรับแขก
“ทำไมคุณยายกลับเร็วจังครับ กลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณยายไม่อยู่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“พอดีผมมีเรื่องอยากจะถามคุณยายน่ะครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
ทศนนท์อึกอัก “ถ้าผมเล่าให้คุณฟัง คุณอาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อ”
“ลองเล่ามาก่อนได้ไหมคะ”
“ผมเคยฝันเห็นคุณยายมาก่อนครับ”
ทศนนท์นิ่งมองปฏิกิริยาของปรางทิพย์ ว่าจะหาว่าเขาเพ้อเจ้อหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นกลับมีแต่ความว่างเปล่า เขาจึงเล่าต่อ
“และผมก็เคยฝันเห็นคุณกับใบไม้ทองคำ พอผมตื่นขึ้นมาใบไม้นั่นก็อยู่ในมือผมจริงๆ”
“ใบไม้นั่นเป็นยังไงเหรอคะ”
ทศนนท์หยิบใบไม้ทองคำจากกระเป๋าออกมาให้ปรางทิพย์ดู
ปรางทิพย์ค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบใบไม้ทองคำที่มือทศนนท์ ทันทีที่มือปรางทิพย์แตะกับใบไม้ทองคำ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น
เห็นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีต
บรรยากาศกลางป่าในเวลากลางคืนแสนวังเวง กระท่อมหลังเล็กที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวล้อมไปด้วยเสียงสัตว์กลางคืนร้องดังระงม
ด้านในกระท่อมยินเสียงครางอย่างทรมาน ของคนที่กำลังเป็นไข้ดังคลอกับเสียงหริ่งหรีดเรไร เป็นเทศนั่นเอง นอนสั่นอยู่บนที่นอนด้วยพิษไข้
มีเสียงกุกกักดังมาจากด้านนอกกระท่อม เทศได้ยิน เขาพยายามลืมตาขึ้น แล้วฟังเสียงจนแน่ใจว่ามีใครทำอะไรอยู่ด้านนอกกระท่อมของเขา ชายหนุ่มพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วเอื้อมมือไปหยิบมีดสั้นที่ข้างหมอน ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
เทศเดินโซเซออกมาจากกระท่อม กระทั่งเห็นต้นตอของเสียง เทศรู้สึกกลัวอย่างเห็นได้ชัด เป็นปรางทิพย์กำลังนั่งพัดเตาไฟที่มีหม้อต้มยาวางอยู่บนนั้น เธอผินหน้ามามอง เทศกำมีดสั้นในมือแน่น ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ปรางทิพย์ไม่ตอบกลับหันไปสนใจหม้อยา เธอยกมันออกจากเตาแล้วรินยาใส่ในชาม แล้วยกชามลุกเดินมาส่งให้เทศ
เทศถอยหลังกรูดอย่างระวังตัว
“นี่อะไร”
“เจ้าไม่สบาย ต้องกินยา”
เทศหวาดระแวง
“ไม่...ข้าไม่กิน”
ปรางทิพย์นิ่งมองเทศอย่างเข้าใจ เธอวางชามยาลงที่พื้น พร้อมกับหยิบใบไม้ทองคำออกมาวางข้างๆ แล้วพูดขึ้น
“เจ้าอยากเข้าไปในเมืองของข้าไม่ใช่รึ ถ้ายังป่วยอยู่เช่นนี้จะเข้าไปได้อย่างไร”
ปรางทิพย์ลุกเดินออกไป
เทศมองตาม ดวงตาไหวระริก ก่อนจะหันมองที่ชามยาและใบไม้ทองคำ
วันใหม่ เทศยืนมองใบไม้ทองคำในมืออยู่ที่หลังต้นไม้ใหญ่อย่างรู้สึกลังเล กระทั่งปรางทิพย์เดินเข้ามา
เทศหันมองปรางทิพย์อย่างไม่แน่ใจ ทั้งคู่สบตากัน
ปรางทิพย์มองเทศเหมือนต้องการบอกว่า “ให้เดินตามเธอมา”
เทศมองตามเหมือนตัดสินใจได้แล้ว
ปรางทิพย์กลับหลังหันเดินตรงไปที่น้ำตก
ที่บริเวณหน้าม่านน้ำตก ซึ่งไหลลงมาอย่างรุนแรงไม่ขาดสาย
ปรางทิพย์เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าม่านน้ำตกนั้น โดยมีเทศตามเข้ามายืนข้างๆ ปรางทิพย์หยิบใบไม้ทองคำออกมาชูไว้ด้านหน้า เทศทำตาม พร้อมกับว่าคาถาตาม
“ปะฐะวีคงคา พระภุมมะ เทวาขะมามิ”
“ปะฐะวีคงคา พระภุมมะ เทวาขะมามิ”
ปรางทิพย์ใช้มือที่จับใบไม้ วาดมือออกไปด้านข้างเป็นครึ่งวงกลม ปรากฏมีแสงสีรุ้งเป็นครึ่งวงกลมขึ้นมาตามที่มือวาดออกไป เทศทำตาม
พลันก้อนหินที่ปิดปากถ้ำเคลื่อนออกจากกัน เปิดเป็นทางให้ทั้งคู่เดินเข้าไป
ภายในถ้ำอันมืดมิด เทศเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ไม่น่าเชื่อเลย นี่มันอภินิหารรึ พวกเจ้าเป็นใครกันแน่”
เทศหันกลับมาจะถามปรางทิพย์ แต่ปรางทิพย์ไม่อยู่แล้ว
“หายไปไหนแล้ว”
เทศมองฝ่าความมืดออกไป เห็นแสงสว่างรำไรมาจากทางด้านหนึ่ง เขาจึงเดินตามแสงนั้นไป จนถึงทางแยก เห็นด้านซ้ายมีแสงสว่างทางปากถ้ำเหมือนเป็นทางออก แต่เส้นทางขรุขระเดินไปลำบากและต้องปีนป่ายบ้าง ส่วนด้านขวาพื้นถ้ำค่อนข้างราบเรียบและส่องประกายระยิบระยับ เทศเริ่มสับสนว่าจะเดินไปทางไหนดี
เทศลองเดินไปด้านขวาเพราะอยากดูว่าทำไมพื้นถ้ำจึงมีประกาย พอเดินมาถึงจึงก้มลงมองอย่างประหลาดใจว่าเหตุใดก้อนกรวดบนพื้นถึงส่องแสงได้ เขาเก็บก้อนกรวดที่พื้นขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจ
“นี่มันเพชรนิลจินดา ของมีค่าทั้งนั้น ทำไมถึงได้มากมายปานนี้”
เทศหันมองไปตามทางที่โรยด้วยเพชรนิลจินดาด้วยความตื่นเต้น มันทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา แต่ปลายทางมีแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นทางออก เขาลังเลว่าจะไปต่อดีหรือไม่
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงปรางทิพย์ร้องขึ้นมา
“โอ๊ย! ช่วยด้วย”
“แม่หญิง” เทศจำเสียงได้
“ช่วยข้าด้วย!”
เทศมองหาต้นเสียงจนพบว่ามาจากด้านที่ขรุขระ แต่มีแสงสว่าง
ด้วยความเป็นห่วงปรางทิพย์ เทศทิ้งเพชรในมือ แล้วปีนป่ายฝ่าเส้นทางที่ขรุขระเพื่อไปช่วยเธอ
พีรพรเปิดประตูเข้าบ้านพักมา ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในนั้น
เป็นอนุชิตกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ อนุชิตเงยหน้าขึ้นมาเห็นพีรพรจึงยิ้มให้
“พีนุ มาได้ยังไง ออกจากหมู่บ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอพี่”
“กลับไปถึงบ้านมาแล้ว และก็เพิ่งจะกลับมาเนี่ย”
พีรพรมีสีหน้าแปลกใจ
“แล้วพี่นุกลับมานี่ ลืมอะไรไว้เหรอ”
“เปล่า พี่จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม”
“ไหนพี่บอกว่ายังไงก็ไม่ทำต่อแล้ว”
อนุชิตอึกอักอยู่เล็กน้อย ไม่กล้าเล่าความจริงว่าเป็นเพราะทรงกลดติดสินบนก้อนโตให้กลับมา
“พี่กลับไปเล่าเหตุผลที่ขอย้ายให้เมียพี่ฟัง เมียพี่เตือนสติพี่ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก การที่พี่ทิ้งงานไปกลางคันมันคือความไม่รับผิดชอบ”
พีรพรดีใจ “โห เมียพี่นี่ประเสริฐแท้ ถ้าพี่ทศรู้ว่าพี่กลับมา คงดีใจมากเลย”
“แล้วนี่หัวหน้าไปไหนแล้วล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ”
“เห็นพี่ทศว่าจะแวะไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านคุณปราง”
พีรพรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู สีหน้าแปลกใจ
“แต่ทำไมป่านนี้ยังไม่เข้ามา เดี๋ยวผมโทร.ตามดีกว่า”
พีรพรหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาทศนนท์ เสียงสัญญาณโทรศัพท์ว่างแต่ไม่มีคนรับสาย
“ไม่มีคนรับ”
พีรพรและอนุชิตมองหน้ากันอย่างสงสัย
เทศวิ่งมาถึงหน้าปากถ้ำด้านที่ได้ยินเสียงปรางทิพย์เรียก แต่หมอกขาวปกคลุมไปทั่ว จนเขามองไม่เห็นอะไรเลย มันคือมนต์หมอกมุงเมืองที่บดบังไม่ให้ใครเห็นเมืองลับแลได้ง่ายนั่นเอง
“แม่หญิง... แม่หญิงอยู่ไหน แม่หญิงเป็นอะไรหรือไม่”
เทศใช้สองมือปัดและพยายามเดินฝ่าม่านหมอกออกไป พลันแสงสว่างจากภายนอกก็สว่างจ้าเข้าตา จนเขาต้องยกมือขึ้นบังแล้วหลับตา
สายลมเย็นชื่นใจพัดโชยเข้าปะทะใบหน้า เทศสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ ด้วยความรู้สึกสดชื่น ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจวาบขึ้นในดวงตาของเขา
เบื้องหน้าของเทศยามนี้เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แซมด้วยแมกไม้เขียวขจี ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและเมฆหมอก ดูแล้วเหมือนเป็นเมืองในหุบเขา
ปรางทิพย์เดินเข้ามายืนข้างๆ เทศ สายลมเย็นโบกพลิ้วจนผมปรางทิพย์ปลิวสยาย
“แม่หญิงเป็นนางฟ้าหรือ”
ปรางทิพย์ยิ้มแทนคำตอบ ก่อนที่เทศจะถามอะไรอีก เสียงกระพือปีกของสัตว์ขนาดใหญ่ก็ดังขึ้น
ปรางทิพย์ได้ยิน เธอตกใจรีบดึงปลายผ้าคลุมไหล่ของเธอคลุมไปที่เทศ
ผ้าคลุมไหล่ลอยปลิวไปตามแรงลม แล้วกางออกเป็นผืน บังอยู่เหนือหัวเทศจนมิดพอดี
สุบรรณเหราบินมา แล้วโฉบผ่านเทศไป
เทศยกมือขึ้นจับผ้าคลุมไหล่นั้นเอาไว้ ผืนผ้าค่อยๆ ปลิวลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงโลก
เทศมองตามสุบรรณเหราที่บินอยู่ไกลๆ อย่างตื่นตะลึง นิ่งอึ้งไป
บ้านปรางทิพย์ทั้งหลัง เงียบสงัดเหมือนไม่มีใครอยู่เลย และไม่เห็นมีรถของทศนนท์จอดอยู่ด้วย พีรพรและอนุชิต ชะเง้อคอมองตะโกนเรียกหา ข้างๆ รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่นอกรั้ว
“มีใครอยู่ไหมครับ พี่ทศ คุณปรางครับ!” พีรพรตะโกน
“คงไม่มีใครอยู่หรอกมั้งพี ตะโกนเรียกจนคอจะแตกแล้ว ยังไม่เห็นมีใครออกมาเลย”
“แต่พี่ทศว่าจะมาบ้านคุณปรางนี่นา ถ้าไม่อยู่นี่แล้วจะอยู่ที่ไหน”
“อาจจะกลับไปแล้วหรือเปล่า”
“ไม่นะ ถ้ากลับพี่ทศก็ต้องเข้าไปที่บ้านสิ”
“แต่นี่ไม่มีใครอยู่ รถหัวหน้าก็ไม่อยู่”
“เอ...หรือว่าไปที่ร้านกาแฟ เราดูที่ร้านกาแฟกัน”
พีรพรรีบกลับขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ อนุชิตซ้อนท้าย รถขับแล่นออกไป
ยามเย็นวันนี้ที่ร้านกาแฟวุ่นวายได้ที่ นิรชาช่วยกฤตณีขายของและเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้ามือระวิง
พีรพรและอนุชิตขี่รถมอเตอร์ไซค์แล่นมาจอดที่หน้าร้าน ลงรถเข้ามาด้านใน กฤตณีเห็นจึงทักขึ้น
“อ้าวคุณพี รับอะไรดีคะ วันนี้พ่อกับแม่ไปทำธุระในเมือง เดี๋ยวคิตตี้แสดงฝีมือเอง”
“ผมมาหาที่ทศน่ะครับ”
“คุณทศไม่ได้อยู่นี่นี่ค่ะ” คิตตี้บอก
“น่าจะยังอยู่ที่บ้านคุณปรางหรือเปล่าคะ เพราะเมื่อเช้าฉันก็เห็นเขาที่นั่น” นิรชาว่า
“พวกผมไปหาที่บ้านคุณปรางมาแล้วครับ ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” อนุชิตบอก
“รถพี่ทศก็ไม่อยู่แล้ว” พีรพรหน้าเสีย
เนตรมายากับเชื่อมเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“สงสัยจะพากันไปเที่ยวละมั้ง คนกำลังจีบกันอยู่” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งบอก
กฤตณีเซ็ง “โอ๊ย นกอีกแล้ว”
พีรพรและอนุชิตคลายกังวลลง ก่อนจะพากันสั่งของ
“งั้นผมขอชาเย็นครับ”
“ผมโอเลี้ยงแล้วกันครับ”
พีรพรและอนุชิตเดินไปนั่งรอที่โต๊ะว่างใกล้ๆ
เนตรมายาและเชื่อมพยักหน้าให้กันแล้วเดินออกไปเงียบๆ
ไม่นานนักเนตรมายาและเชื่อมเดินมาหยุดที่หน้าบ้านปรางทิพย์ เนตรมายากวาดตามองไปทั่วลานบ้าน ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน” เชื่อมมองไปรอบๆ
“ฉันสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
เชื่อมตื่นเต้น “อะไรหรือเจ้าแม่”
เนตรมายาไม่ตอบ หลับตาลงพร้อมกับพนมมือบริกรรมคาถา
เจ้าแม่เนตรตาทิพย์เห็นภาพที่ลานจอดรถหน้าบ้านปรางทิพย์ มีคลื่นแสงสีฟ้าบางๆ ปรากฏขึ้น มันเริ่มกะพริบๆ คล้ายสัญญาณภาพจะหลุดหาย กระทั่งแสงสีฟ้านั้นจางหายไป รถของทศนนท์ก็ปรากฏขึ้น เชื่อมมองเห็น
“นั่นรถคุณทศนี่”
เนตรมายาลืมตาช้าๆ มองรถทศนนท์ด้วยสีหน้าหวั่นวิตก
“เขากำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ระหว่างนี้บัวคำเดินออกมาเห็นเนตรมายา มองเจ้าแม่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เนตรมายาและเชื่อมเดินเข้ามาที่หน้ารั้วบ้านพักทีมสำรวจของทศนนท์
“ตอนนี้คุณทศคงเป็นเป้าหมายของมัน ฉันจะต้องพาเขากลับมา”
“แล้วเจ้าแม่จะทำยังไง ท่าทางนังปีศาจนั่นจะมีอาคมแก่กล้าไม่เบา”
“ต้องลองดูกันสักตั้ง”
เนตรมายาเดินไปกดกริ่งประตูบ้าน แต่ไม่มีคนเปิด เธอกดกริ่งซ้ำรัวๆ อย่างร้อนรนใจ
“จวนจะมืดอยู่แล้ว ยังไม่มีใครกลับมากันเลยหรือไง”
พีรพรและอนุชิต ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด มองแม่หมอด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มาหาใครครับ”
เนตรมายาร้อนรนใจมาก “คุณพี คุณนุ เร็วเข้าเถอะ รีบไปหยิบเสื้อผ้าคุณทศให้ฉันที”
พีรพรกะอนุชิตงงๆ “หา...อะไรนะ”
“เจ้าแม่จะทำพิธีเรียกคุณทศกลับมาน่ะสิ เร็วหน่อย ต้องรีบทำก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน” เชื่อมอธิบาย
“เร็วๆ เดี๋ยวไม่ทันการณ์”
ทั้งพีรพรและอนุชิตเห็นท่าทางร้อนใจของเนตรมายาก็รีบเปิดประตูรั้ว พาสองคนเข้าไปในบ้าน แต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นรถของทศนนท์จอดอยู่ด้านใน
“พี่ทศกลับมาแล้วนี่”
“เป็นไปไม่ได้” แม่หมอไม่อยากเชื่อ
“งั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปดู หัวหน้าอาจจะอยู่ในบ้านก็ได้” อนุชิตว่า
ทุกคนรีบเข้าไปข้างใน
เวลาผ่านไป ทุกคนออกค้นหาทศนนท์จนทั่วบ้านแต่ไม่พบ ออกมารวมตัวกันที่ห้องโถงรับแขก
“เจอคุณทศหรือเปล่า” เจ้าแม่ถาม
“ไม่เจอเลย” พีรพรบอก
อนุชิตร้อนใจ “หาทั่วบ้านก็ไม่เจอ”
สีหน้าเนตรมายาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดปราด
“งั้นรีบไปเอาเสื้อคุณทศมาเร็วเข้า”
อนุชิตพยักหน้าให้พีรพรเชิงบอก พีรพรรีบขึ้นไปข้างบนแบบงงๆ
“ถ้าเรียกเขากลับมาไม่ทันล่ะเจ้าแม่”
“เขาอาจจะถูกมันเอาตัวไปอย่างผู้ชายคนอื่นๆ”
อนุชิตตกใจ “ใครเอาตัวหัวหน้าไป ผีแม่ม่ายเหรอ”
เนตรมายาพยักหน้ารับเอาคำ
พีรพรกลับมาพร้อมนำเสื้อทศนนท์มาให้ เนตรมายารีบรับมาอย่างร้อนรน
เทศส่งผ้าคลุมไหล่คืนให้ปรางทิพย์ เธอรับมาคลุมไหล่ดังเดิม เทศมองปรางทิพย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ที่บินผ่านไปนั่นคือ...”
ปรางทิพย์ยิ้มบอก
“ท่านเป็นผู้คุ้มกฎของที่นี่”
ทศนนท์แอบฟังอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ มีสีหน้าสงสัย
“ผู้คุมกฎ”
ทศนนท์จะเข้าไปถามใกล้ๆ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกดังแว่วมา
“คุณทศกลับมา...กลับมา...”
ทศนนท์หันมองตามเสียง
ทศนนท์ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องนอน เขาลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ ขณะที่ยังคงมีเสียงร้องเรียกเขาอยู่ตลอดเวลา
“คุณทศกลับมา....กลับมา...”
ทศนนท์นิ่งฟังก็เริ่มจับทิศทางได้ว่าเสียงเรียกนั้นดังแว่วมาจากทางหน้าบ้าน เขาลุกจากเตียงเดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วเปิดมันออก ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดู เขานิ่งมองงงๆ
ธูปหนึ่งกำมือที่ถูกจุดปักอยู่บนดิน ควันธูปลอยพวยพุ่งขึ้นไปสัมผัสกับเสื้อของทศนนท์ที่เนตรมายาถืออยู่ในมือ คลอกับเสียงเรียกทศนนท์
“คุณทศกลับมา...คุณทศกลับมา...”
เชื่อม พีรพรและอนุชิต มองดูอยู่ไม่ห่าง พีรพรกับอนุชิตหันมาสบตากันอย่างไม่เชื่อถือนัก
“คุณทศกลับมา....จงกลับมา....”
ทศนนท์เปิดประตูบ้านออกมา
“ทำอะไรกันน่ะ”
“พี่ทศ” / “หัวหน้า”
พีรพร และ อนุชิต มองจ้องทศนนท์ทั้งตกใจและดีใจ
เนตรมายามองจ้องทศนนท์ด้วยความดีใจที่พาเขากลับมาสำเร็จ
อ่านต่อตอนที่ 6