กรงกรรม ตอนที่ 18 - 19 อวสาน
กรงกรรม ตอนที่ 18 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2562 เวลา 20.20 น. ทางช่อง33
ทางด้านติ๋มแค้นที่ถูกไอ้เชิดทำร้ายปางตาย จึงไปขอให้หมอบางช่วย แต่หมอบางปฏิเสธเรื่องการทำไสยดำจนถึงแก่ความตาย ติ๋มจึงวานต๋อมพี่ชายไปหาหมอเบี้ยว
เมื่อทำคุณไสยเสร็จ พิไลก็ทุรนทุราย เพ้อว่าจะมีคนมาฆ่าตลอดเวลา จนมีข่าวลือทั่วชุมแสงว่าพิไลอาการเหมือนผีเข้า และว่าเรณูเป็นคนทำเพื่อชำระแค้น
ติ๋มกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปถึงเรณู จึงออกไปประกาศหน้าบ้านย้อยว่าเป็นฝีมือตน ถ้าพิไลอยากหายดีก็ต้องให้พิไลมาคุยกันหน้าบ้าน ไม่เช่นนั้นอาตงจะโดนไปด้วย
ย้อยกลัวว่าอาตงจะเดือดร้อนจึงเรียกพิไลออกมา และต้องป่าวประกาศเรื่องร้ายๆ ที่ตนทำไว้ให้คนทั้งชุมแสงฟัง หมอสมดีขอให้พิไลคลายความเคียดแค้นและความละโมบในใจ พร้อมกับนึกถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อยู่พักใหญ่จึงหายดี เมื่อพิไลได้สติก็ขอกลับไปอยู่ที่ทับกฤชเพราะอับอายชาวชุมแสง โดยอ้างว่าจะขอกลับไปบวชชี
เมื่อย้ายมาอยู่พยุหะคีรีเรณูก็ตัดสินใจเปิดร้านขายข้าวเกรียบปากหม้อเพื่อหารายได้ ฝ่ายปฐมปลดทหารก็กลับมาอยู่ชุมแสงพร้อมกับอรพรรณี โดยตั้งใจจะมาตกลงกับเรณูเรื่องลูกและเมียใหม่ของเขา แต่เรณูย้ายไปแล้วจึงไม่ได้เจอกัน ปฐมกราบลาย้อยขอไปใช้ชีวิตอยู่กับอรพรรณี ปฐมออกจากบ้านแบ้ไปแล้วจริงๆ
อาซาพาจันตากลับมาเยี่ยมย้อยในเวลาต่อมา กมลกับจันตาค้าขายจนตั้งตัวได้ และมีความสุขมาก ย้อยจึงยกตึกแถวของตนที่ปากน้ำโพให้ทั้งสอง และตั้งใจว่าตนจะย้ายไปอยู่ด้วยเพราะใกล้โรงพยาบาลมากกว่าที่ชุมแสง ส่วนประสงค์นั้นให้ดูแลกิจการทั้งหมดที่มีในชุมแสงต่อไป
กรงกรรม ตอนที่ 19 อวสาน ออกอากาศวันอังคารที่ 30 เมษายน 2562 เวลา 20.20 น. ทางช่อง33
3 ปีต่อมา ย้อยเหมือนมีลูกเล็กอีกคน เพราะมาลาคลอดลูกแล้วมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง ส่วนมาลากลับไปแต่งงานที่เขากะลา ประสงค์แต่งงานกับบุญปลูก วรรณาได้แต่งงานกับปลัดจินกร อาซา มีลูกสาวกับจันตา เรณูรับป๊อกมาอยู่ด้วยกันที่พยุหะคีรี พร้อมกับเลี้ยงดูลูกชายที่เกิดจากอาใช้อย่างดี แถมกิจการขายขนมไทย ข้าวเกรียบปากหม้อ และสาคูไส้หมู ก็ขายดิบขายดี จากการพูดบอกปากต่อปากของลูกค้า
ผิดกับทางฝั่งอาใช้ แม้จะเรียนสูงและได้ไปทำงานในบริษัทของพ่ออรพรรณี จนมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่เขากลับไม่มีความสุขเลย อรพรรณีออกเที่ยวเตร่เริงราตรีทุกคืน จนวันหนึ่งอาใช้เดินทางกลับมาเยี่ยมย้อยที่บ้าน และบังเอิญได้พบกับเรณูที่มาเยี่ยมย้อยเช่นกัน ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน
ในช่วงบั้นปลายชีวิต โรคเบาหวานของย้อยกำเริบหนักจนต้องตัดขาทิ้ง ระหว่างพักฟื้น อาใช้ตั้งใจขับรถกลับมาเยี่ยมแม่ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชนจนบาดเจ็บสาหัส ย้อยได้ยินข่าวก็ช็อกตาตั้งขาดใจตายในวัย 51 ปี อรพรรณีได้ยินข่าวอุบัติของผัวก็ไม่แยแส ดูแล้วว่ารักษาไปก็ไม่หายเป็นปกติแน่ จึงปฏิเสธเรื่องความช่วยเหลือทางการเงิน และสุดท้าหย่าขาดกัน
อาตง และ อาซา ตัดสินใจจำนองที่ดินมรดกที่ย้อยแบ่งให้ทั้งหมด เพื่อนำมาเป็นค่ารักษาพี่ชาย
อาใช้รักษาตัวอยู่นานถึง 3 ปี ก็กลับมาเป็นปกติ โดยมีเรณูคอยดูแลเป็นอย่างดี ทั้งสองคนช่วยกันค้าขาย จนขยายกิจการร้านขนมเปิดเป็นโรงงานขนมได้ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
สมาชิกบ้านแบ้ที่เหลือ ยึดหลักคำสอนของหลักเซ้งและย้อย ต่างพากันสร้างครอบครัวของตน และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข