xs
xsm
sm
md
lg

รสรินล่าแวมไพร์ ตอนที่ 5 : ย้อนอดีต 2509 “รสริน” ก่อนเป็นแวมไพร์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รสรินล่าแวมไพร์ ตอนที่ 5 : ย้อนอดีต 2509 “รสริน” ก่อนเป็นแวมไพร์

ผู้คนหลากหลายอาชีพ ในท้องถนนเมืองกรุงในเมืองอันแสนวุ่นวาย

นพยังบรรยายต่อไป "ความเชื่อ...คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นเหมือนประกายไฟเล็กๆ ที่ถูกจุดอยู่ในคนทุกคน"
ภาพชาวมุสลิมทำละหมาดในตอนเช้า
"ความเชื่อนั้นมีหลายมีหลายรูปแบบ"
ภาพฝรั่งห้อยสร้อยไม้กางเขน
ภาพคนไทยไหว้พระทำบุญบิณทบาตร
"บางคนเชื่อในศาสนา"
ภาพคู่รักที่จูบลากันตอนเช้าแฟนไปทำงาน
"บางคนเชื่อในความรัก
ภาพคนซื้อหวย
"เชื่อในโชคชะตา"
ภาพเมืองกว้างนักวิ่งกำลังวิ่งอย่างตั้งใจในตอนเช้า
"เชื่อในตัวเอง"
กุ๊บกิ๊บเดินทรงตัวบนราวเหล็ก ก่อนซ้อนมอเตอร์ไซค์ยกล้อในสนามดริฟ
"หรือเชื่อ...ในความตื่นเต้น"

ที่บ้าน รสลินนอนหลับตาในท่าเดิม
นพนั่งเฝ้ามองอย่าร้อนใจ
"แต่ไม่ว่าความเชื่อของแต่ละคนจะเป็นยังไง...สุดท้าย ความเชื่อนั้น... ก็มักจะผลักดันให้เรา ทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ"
"ร่างเธอยังไม่สลายไป ผมเชื่อว่าเธอต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง"
รสลินลืมตาโพลงขึ้นมาทันที
"รสริน ในที่สุดเธอก็ฟื้น!"
นพดึงรสรินมากอดแน่น
"ไปกันเถอะนพ"
"ไปไหน"

บรรยากาศซึ่งแวดล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวมากมายคล้ายสวนปฏิบัติธรรม แมกไม้ไหวเอน
ลมเย็นปะทะใบไม้ ส่งเสียงลู่ลม
นพนั่งสมาธิอยู่กับรสรินริมบ่อน้ำ ใบหน้านพเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเปื้อนบุญ ทั้งคู่หลับตา เอ่ยพูดเบาๆ
"แปลกดีเหมือนกันนะ ที่เธอพาชั้นมานั่งสมาธิที่นี่"
"ทำไม?"
"ก็นึกว่าเธอจะฆ่าเป็นอย่างเดียวซะอีก" นพอมยิ้ม "ทำอะไรดีๆก็เป็น"
"นายเห็นว่าแค่มาที่แบบนี้ ก็คือเป็นเรื่องราวดีๆแล้วเหรอ"
นพตัดบท "พอ ชั้นไม่อยากเถียงกับเธอเรื่องนี้ยังไงก็ขอบคุณนะ ที่พามาทำอะไรที่ผ่อนคลาย
ดีเหมือนกัน พักเรื่องตามล่าสักวัน" นพพูดยิ้มๆ
"ใครว่าพักล่ะ?"
นพหุบยิ้มทันที ลืมตาผลึงขึ้นมา! มองที่รสรินกำลังลืมตามองบางคนอยู่
"ชั้นไม่เคยมีวันหยุด"
นพมองตาม เห็นรสรินกำลังมองไปที่อีกฝั่งของบ่อน้ำ
แวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระ วัชระร่างผอมในชุดขาวคนหนึ่งอยู่
"อย่าบอกนะว่าเธอ..."
"ใช่ อย่างที่นายคิดแหล่ะ"
นพทำหน้านึกออก
"มิน่า เธอไม่ปรึกษาชั้นซักคำ เรื่องเบาะแสครั้งนี้ นี่เธอรู้หรอว่าต้องมาที่นี่"
"ครั้งนี้ความทรงจำในเลือดชัดกว่าทุกที ยังไงมันก็ที่นี่แน่นอน ซึ่งถ้าไม่ผิด ก็น่าจะเป็นตัวนั้น"
รสรินมองนำไปแวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระที่อีกฝั่งของบ่อ
"วัชระ"
นพหน้าอย่างเซ็ง
"หมดกัน บ่ายวันอาทิตย์ของชั้น"

บรรยากาศในออฟฟิศ'EM' ทุกคนนั่งทำงาน นพกำลังแบกเอกสารผ่านมา ไม่ไกลจากรสรินนัก อยู่ๆกุ๊บกิ๊บก็เดินมาเรียก ด้วยมาดที่ดูเครียด
"นพ รสริน ตามมาห้องชั้นหน่อย ช่วยดูคอนเท้นเมื่อวานที่ลงเว็บ ทำไมมันรันไม่ขึ้น"
นพกับรสรินมองหน้ากัน
"ครับ/ค่ะ"

แล้วทั้งสองก็เดินไปที่ห้องกุ๊บกิ๊บ

ทันทีที่เข้าห้องมา กุ๊บกิ๊บก็ถอนหายใจพิงประตู เปลี่ยนสีหน้าเป็นรื่นเริงราวกับคนสองบุคลิก

"โห่ย! เกร็งแทบแย่ นี่สินะความรู้สึกที่พวกเธอเก็บความลับเอาไว้ นี่สินะที่เรียกว่าความตื่นเต้น"
เสียงนพบรรยาย " บางคนเชื่อในความตื่นเต้น จนลืมกลัวตายไปเลย"
นพกับรสรินอึ้งๆไป
"แล้วเรื่องคอนเท้นในเว็บล่ะครับ"
"โอ๊ย ก็แค่สตอรี่บังหน้าคนในออฟฟิศน่ะ"
นพพยักหน้าหงึกๆรสรินหน้านิ่ง พูด
"ถ้าไม่มีอะไร ชั้นขอตัวนะ"
รสรินกำลังเดินออกจากห้อง กุ๊บกิ๊บคว้ามือไว้
"เดี๋ยว!"
รสรินมองมือ กุ๊บกิ๊บรีบปล่อย
"เอ่อ แล้วเมื่อไหร่พวกเธอจะออกล่าอีกเหรอ ขอชั้นตามไปด้วยนะ ให้ชั้นไปช่วยเทคโน้ตก็ได้"
ทั้งคู่มองหน้ากุ๊บกิ๊บ
"โทษที ก็..ทักษะออฟฟิศน่ะ คือก็...ชั้นไม่ถนัดล่าแบบพวกเธอนี่นา"
"ชั้นว่าเธอลืมๆไปซะเถอะ เรื่องที่เธอเจอเมื่อหลายคืนก่อนน่ะ อีกอย่าง ถ้ารู้ตัวไม่มีประโยชน์อะไร เธออยู่เฉยๆจะปลอดภัยกว่า"
เจอรสรินย้อนไปแบบนี้ กุ๊บกิ๊บถึงกับกลืนน้ำลาย
"โธ่ รสริน ชั้นอยากสนุก อยากช่วยนี่ เชื่อสิ ต้องมีอะไรที่ชั้นช่วยได้ ไม่แน่จริงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอกน่า"
รสรินไม่ตอบโต้ นพเกลี่ยสถานการณ์
"ผมว่า เชื่อเธอดีกว่าครับหัวหน้า" นพบอก
กุ๊บกิ๊บดึงสติลง ก่อนเปิดลิ้นชัก เห็นเสื้อดำสองสามตัววางอยู่
"นี่ชุดทีมนะ เผื่ออย่างน้อยๆ ชั้นอาจเป็นผู้จัดการทีมได้นะ"
นพยีหัว รสรินหมดความอดทนบอกนพ พร้อมหยิบมีดคัตเตอร์บนโต๊ะ
รสรินพูดกับนพ "นพปิดม่าน ชั้นว่าเราฆ่าเธอที่นี่ล่ะ!"
นพตะลึง "เฮ้ยๆๆ!"
กุ๊บกิ๊บตกใจถอยอย่างตลกๆนพรีบห้ามรสริน
"หัวหน้าเค้าคงพูดเล่นน่ะ" ก่อนหันมาถามชี้นำกุ๊บกิ๊บ"ใช่มั้ยครับ?!"
กุ๊บกิ๊บรีบผงกหัว "โอ้ะ! เอ่อ ใช่จ่ะ ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ขอโทษนะรสริน"
นพพารสรินออกนอกห้อง ก่อนออกกุ๊บกิ๊บอดถามไล่หลังไม่ได้
"แล้ววันนี้หลังเลิกงานจะไปไหนกัน ล่าแวมไพร์มั้ย?"
นพยิ่งรีบพารสรินออกนอกห้องไปอย่างไว ก่อนจะมีใครตาย

หลังเลิกงาน ชานนท์กับมู่นั่งดื่มพลางกินอาหารกันอยู่ที่ร้านประจำ
"จะว่าไปก็น่ากลัวนะรุ่นพี่ ไอ้โครงการวิจัยเลือดเนี่ย"
"แต่เรายังไม่รู้แน่ชัดนะว่าเป้าหมายที่แท้จริงของโครงการวิจัยเลือด คืออะไรกันแน่"
"อะไรคือหมอกเลือด อะไรคือการพัฒนาเลือด จะพัฒนาไปทำไม"
ชานนท์เลื่อนหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวไฟไหม้ที่งานสัมมนาฯนครนายก ให้มู่ดู
"เพราะนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ"
"ทำไมจัดปาร์ตี้แล้วต้องเผาสถานที่จัดงานทิ้งด้วย"
"อาจผิดแผน เลอะเทอะหนักเข้า พวกนี้เลยกลัวความลับเรื่องมีแวมไพร์อยู่ในโลกจริงๆเปิดเผย"
ชานนท์ดื่มอีกอึก
"ไม่รู้ว่าโครงการวิจัยเลือดกับน้องสาวรสรินเกี่ยวข้องกันรึเปล่า" มู่ตั้งข้อสังเกต
"ชั้นก็อยากเจอแวมไพร์ที่มันทำกับแม่ของชั้นอย่างนั้น"
มู่มองชานนท์อย่างเห็นใจ
จังหวะที่ชานนท์กำลังเรียกเด็กคิดเงิน กุ๊บกิ๊บก็เดินเข้ามาพอดี ทั้งสามเจอกันโดยบังเอิญ มู่ดูจะไม่ญาติดีด้วยเท่าไร
"อ้าวคุณชานนท์" กิ๊บกิ๊บมองมู่ ทักทาย "คุณมู่"
"บังเอิญจังนะครับ"
"ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เราก็เจอกันตลอดเลยนะคะ สงสัย..จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ"
มู่มองค้อนแหวะ กุ๊บกิ๊บตาหวานใส่ชานนท์
"โทษนะคะ เรากำลังกลับกันพอดี" มู่บอก
"ไปไหนคะ ไปล่าแวมไพร์เหรอ"
มู่เชิงหลอกด่า"ธุระส่วนตัวมั้ยคะ?"
"อ่อขอโทษค่ะ พอดีชั้นเป็นคนแบบนี้ล่ะ พอรู้สึกสนิทกับใครแล้ว ก็จะลืมตัว"
"ไม่เป็นไรครับ" ชานนท์เปลี่ยนเรื่อง "เรื่องคืนก่อนคุณคงตกใจน่าดู"
"ค่ะ แต่เจอคุณวันนี้แอบตื่นเต้นกว่า..."
กุ๊บกิ๊บส่งตาวิ๊งรอบสอง
"เป็นกระปุกเหรอคะ ชอบหยอดจัง" มู่ถาม
กุ๊บกิ๊บขำ "ล้อเล่นน่ะค่ะ แหม.. เออนี่ เดี๋ยวยังไงชั้นขอเบอร์คุณชานนท์ไว้ได้ไหมคะ เผื่อมีเรื่องอะไรร้ายๆ จะได้โทรหา"
"ด..." ชานนท์จะพูดว่าได้
ชานนท์ยังไม่ทันพูดจบ มู่ว่องไวรีบยื่นนามบัตรตนเองให้
"ติดต่อชั้นได้โดยตรงเลยค่ะ" มู่แกล้งขยับตัวใกล้ชานนท์เนียนๆ "ชั้นอยู่กับรุ่นพี่ตลอด"
กุ๊บกิ๊บถึงกับอึ้ง แต่ก็
"เอ่อ...ค่ะ ยังไง เดินทางกลับกันดีๆนะคะ"
"มู่รีบพูด รีบลุก "บายค่ะ"

ว่าแล้วมู่และชานนท์ก็เดินออกจากร้านไป ทั้งที่ชานนท์ยังดูงงๆด้วยซ้ำ

สองคนเดินออกมาจากร้าน มู่ดูหัวเสีย ชานนท์งงๆบางเรื่องเลยถามมู่

"นี่เธอเป็นไร ทำไมพูดไม่ค่อยดีเลย ปกติไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้"
"ก็หงุดหงิดยัยนั่นน่ะสิ! ไม่ชอบหน้าเลยจริงๆ"
"เค้าน่ารักออกนะชั้นว่า น่าจะสเปคเธอเลยนะ"
"สเปคชั้นเนี่ยนะคะ !"
เพราะในอดีต มู่เคยบอกกับชานนท์ว่าเป็นทอม
"ชั้น...เฮ้อ ช่างเหอะ"
มู่เดินไปหน้าอย่างไว ก่อนชานนท์จะจับได้ ชานนท์ตะโกนไล่หลัง
"เฮ้ยเดี๋ยว ไปส่งด้วย ชั้นไม่ได้เอารถมา"
ว่าแล้วชานนท์ก็วิ่งตามมู่ไป

อีกด้าน... ในความมืดของคุกใต้ดิน เสียงร้องของแจ๊คดังขึ้น
"อ๊าก!"
แจ๊กถูกล่ามโซ่ ร้องโหยหวนทรมาน เขาเริ่มกลายเป็นสิ่งที่บ้าคลั่ง กายภาพเขาเริ่มเปลี่ยนอย่างไม่มั่นคง ตาปูดโปนแก้มตอบโหนกแก้มแหลมคมมีเส้นเลือดปรากฏชัดบนหน้า
จังหวะที่เขาร้อง เขาหายใจถี่ น้ำลายเขาไหล เขากัดฟันอย่างเจ็บปวด
สร้อยคอแจ๊คมีรูปรสรินแจ๊คคิดถึงรสรินในมุมต่าง ๆ เขาหายใจเบาลง ใบหน้าเริ่มคุมได้ แววตาเริ่มเปลี่ยนเป็นคน แล้วเขาก็สงบลงได้จริงๆ

รสรินและนพเพิ่งเดินเข้าบ้านมาด้วยความเหนื่อยอ่อน นพนั่งหน้าคอม รสรินหยิบเลือดมาดื่มพลางพูด
“ไหนดูหน่อยสิ วันนี้เราได้อะไรมาบ้าง”
นพหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาค่อยๆพูดทีละอย่างที่ได้มา
“ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ วัชระอาจเคยเป็นทั้งมือปืน และนักฆ่า แต่หลายปีมานี้หันหน้าเข้าหาธรรมะแล้วก็มาหลบอยู่ที่นี่ ลูกศิษย์ลูกหานับถือวัชระมาก ว่ากันว่าท่านเคร่งมากแล้วก็สมถะสุดๆ”
“ยังไม่มีอะไรผิดปกติ คงต้องรอดูอีกหน่อย เผื่อเจออะไรมากขึ้น”
“อย่าลืมนะ...ว่าเธอกินเลือดแวมไพร์ด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว”
รสรินมองแก้วเลือดที่ตนเองกำลังดื่ม
“รู้แล้วน่า ไม่อย่างนั้นชั้นก็ฆ่าวัชระแล้วชิมเลือดไปแล้วสิ”
“แล้วเธอจะทำยังไง ถ้าดูดเลือดไม่ได้ ก็เห็นความทรงจำไม่ได้”
“ก็คงทำทุกอย่างเพื่อให้มันพูด”
นพหวั่นใจ
“ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็ไม่อยากให้เธอฆ่า”
รสรินไม่รับปาก

เช้าวันใหม่ บรรยากาศร่มรื่นของสถานปฏิบัติธรรม
รสรินและนพแอบอยู่มุมหนึ่ง มองไปที่แวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระ นพพลางเช็คมือถือ
ภาพกล้องจากมุมต่างๆสามช่อง เราดูออกว่าส่องไปที่กุฏิหนึ่งมุม ลานกวาดหนึ่งมุม และหลังกุฏิหนึ่งมุม
นพกรอภาพที่ถ่ายทั้งคืน
“ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”
"เอาเข้าจริง ตั้งแต่พวกเราเฝ้าดูมาหลายวัน ชั้นยังไม่เห็นมันดื่มเลือดเลย"
"แล้ว?"
"แวมไพร์ที่ขาดเลือด จะควบคุมตัวเองไม่ได้ เผลอๆจะเป็นแบบที่เราเจอในรีสอร์ทนั่นด้วยซ้ำ
แต่ตัวนี้ดูสงบนิ่งเกินไป มันแปลกๆ" รสรินบอก
"มันอาจจะเป็นอย่างที่คนรอบๆ พูดกันก็ได้นะ ตัวนี้มันอาจมีความเชื่อทางธรรมที่มั่นคง เลยกดสัญชาติญาณไว้ได้"
รสรินทำท่าไม่เห็นด้วยกับนพ
"สำหรับแวมไพร์มันเป็นไปไม่ได้หรอก สัญชาติญาณคือตัวตนพวกชั้น เราไม่ใช่มนุษย์ ที่หลักการจะมากดสัญชาติญาณไว้ได้"
"แต่ความเชื่อเป็นมากกว่าหลักการ"
"แต่ทางเทคนิค มันคือหลักการ... นายเชื่อเถอะ เดี๋ยวมันก็ต้องลงมือฆ่าใครสักคน เมื่อมันหิวมันก็ต้องกิน ไม่อย่างนั้นตัวมันเองที่จะตาย ไม่มีแวมไพร์ตัวไหนอดเลือดได้นานนักหรอก"
นพไม่พูดต่อ ไม่นานแวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระก็เดินผ่าน สองคนหลบ
และเมื่อเขาเดินผ่านไป รสรินและนพจึงเดินสะกดรอยตาม

แวมไพร์ตัวนั้นเดินขึ้นไปที่กุฏิเล็กๆชั้นเดียวหลังหนึ่ง เขามองซ้ายขวา ก่อนจะเอาพวงกุญแจขึ้นมา ที่น่าสังเกตคือเขาล๊อกกุฏิหลายชั้นมาก รสรินกับนพมองหน้ากัน
แวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระพอปลดล๊อคหมดก็เปิดประตู จังหวะเปิด นพและรสรินมองเห็นบางอย่างด้านใน เป็นโซ่ล่ามเหมือนมีไว้ขังอะไรบางอย่าง
"ล๊อกแน่นหนา ด้านในมีโซ่ล่าม มันคงเก็บไว้ซ่อนเหยื่อ"
"ไม่ก็เอาไว้ล่ามตัวเองตอนคลุ้มคลั่ง" นพว่า
"ชั้นว่านายมันคิดบวกมากเกินไป"
"ชั้นรู้สึกว่าแวมไพร์ตัวนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่เธอคิดจริงๆนะ"
"ยังไงชั้นก็คิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้อยู่แน่ๆ" รสรินบอก
นพส่ายหัว มองเวลา
"วันนี้เรากลับก่อนดีกว่า ชั้นมีงานต้องเคลียร์" นพว่า
"อื่ม"

ทั้งสองจึงกลับ ก่อนเดินออก รสรินยังมองไปที่กุฏิอย่างเคลือบแคลง

ในห้องทำงาน มหาสมุทรคุยกับบลู

"สองอาทิตย์ คือเวลาที่เธอจะต้องจัดการไอ้ตำรวจที่มันตามสืบเรื่องโรงพยาบาลของชั้นให้เรียบร้อย ไม่อยากได้ยินชื่อพวกมันอีก ถ้าทำพลาดอีกครั้ง ชั้นคงจำใจต้องส่งเธอไปอยู่ในห้องมืดกับแจ๊ค ชั้นไว้ใจเธอได้ใช่มั้ย"
บลูนิ่ง คิด
"ได้ค่ะ"
"ดี เพราะชั้นไม่อยากวางเดิมพันเรื่องนี้ กับโครงการที่ชั้นอุตส่าห์สร้างมาตลอดหลายสิบปี"
"บลูก็เหมือนกัน ต่อไปนี้จะไม่พลาดอีกค่ะ"
มหาสมุทรพยักหน้า บลูเดินออกไป

มู่กำลังหาหนังสือในกองหนังสือภายในบ้านชานนท์
"อ้าวหายไปไหนเล่มนึงอะ"
มู่เดินหาหนังสือเล่มนั้นไปรอบๆห้อง
"นี่ไง!"
มู่อ่านโน้ตที่ชานนท์เขียนแปะเอาไว้ที่หนังสือ - หาเล่มนี้อยู่หรือเปล่า
"แล้วบัตรละ"
มู่เหลือบไปเห็นบัตรติดไว้ที่บอร์ด พร้อมกับโน้ตของชานนท์ที่แปะอยู่
"โอ้ย จะแกล้งถึงไรหนักหนาเนี่ย"
มู่อ่านโน้ตที่ชานนท์เขียนแปะไว้ - แบ๊วเชียว
"แซวได้แม้กระทั่งรูป"
มู่อ่านโน้ตที่ชานนท์เขียนแปะไว้ - ขอบคุณสำหรับข้อมูล ถ้าไม่ได้เธอฉันคงแย่ แต่มันยังไม่พอ

ภายในห้องสมุด มู่กำลังหาหนังสือที่ชั้นหนังสืออยู่
บรรณารักษ์ถาม
"อ้าวหนูมู่ ได้หนังสือครบหรือยัง เดี๋ยวป้าจะกลับแล้วนะ ป้าฝากปิดไฟปิดประตูด้วย"
"ยังเลยคะป้า ได้คะเดี๋ยวหนูจัดการให้ ขอบคุณนะคะ"
บรรณารักษ์เดินออกไป

ห้องนอนรสริน - รสรินนอนคลุมโปงก่อนเปิดผ้าห่มออก สีหน้าเธอดูร้อนใจ เธอตัดสินใจลุกออกจากเตียง

ห้องนอนนพ - นพก็นอนไม่หลับ นพกำลังนั่งหาเบาะแส จดอะไรขยุกขยิกอยู่ อยู่ๆ เขาลองโทร. หารสริน รอสาย แต่เธอไม่รับ นพมองไปที่สมุดจดที่ตนเองทำงานอยู่ เป็นข้อมูลแวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระ เขาก็เริ่มเป็นห่วง จึงตัดสินใจออกไป

ทางด้านรสรินเดินออกมาจากบ้านพร้อมกระเป๋า เธอคว้ามอเตอร์ไซบิดออกไป

ส่วนมู่นั้น กำลังเดินหาหนังสือที่ชั้นหนังสือ จนเห็นสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธอจากฝั่งตรงข้าม มู่รีบเดินเข้าไปดู
บลูเตะมู่เสียหลักล้มลง
"แกเป็นใคร"
บลูทำท่าจุ๊ปาก
บลูและมู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด มู๋ใช้มือดึงผ้าปิดตาของบลูออก บลูพลาดท่าจึงหยิบมืดออกมา แทงเข้าไปที่ท้องของมู่ มู่สู้กับบลูอย่างดุเดือด บลูรู้ว่าจะพลาดท่าจึงรีบล่วงหน้าไปก่อน

นพจอดรถที่หน้าบ้านรสริน เขามองที่ผ้าคลุมมอเตอร์ไซร์ว่างเปล่าที่ถูกวางทิ้งไว้ ก็บ่น
" เอาอีกแล้วยัยบ้าเอ๊ย!"

นพรีบถอยรถออกมาอย่างไว

กลางดึกเงียบสงัด รสรินปีนรั้วสถานปฏิบัติธรรมเข้ามา แอบลอบเดินไปยังกุฏิแวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระ เธอกำลังลอบเข้ากุฏิ แต่อยู่ๆก็มีเสียงพูด
"เธอเองหรอที่ตามชั้นมาหลายวัน มีอะไรไปคุยกันในนั้นดีกว่า"
แวมไพร์ตัวนั้นเดินขึ้นกุฏิ รสรินเดินตามไป

บรรยากาศห้องเรียบง่าย มีเพียงโซ่ล่ามที่ดูแปลกตา รสรินมีความหวาดกลัวปนสงสัย
"ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้"

ที่เซฟฟ์เฮาท์ มู่นั่งทำแผลให้ตัวเอง คุยกับชานนท์ในสาย
"ไหวแน่นะ"
"ไม่เป็นไรรุ่นพี่ พวกมหาสมุทรมันรู้ตัวแล้ว ต้องระวังตัวแล้วละ"
"ทำมาเป็นแนะนำคนอื่น ตัวเองเอาตัวให้รอดก่อนเหอะ" ชานนท์บอก
"นี่ประโยคนี้ นี่คือเป็นห่วงใช่ไหม"
"เป็นห่วงดิแซวแค่นี้ ทำเป็นขึ้นเสียง แล้วอยู่เซฟฟ์เฮาท์คนเดียวไม่กลัวหรอ"
"กลัวอะไรละ นี่เซฟฟ์เฮาท์นะ ไม่ต้องกลัวแล้วมั้ง โอ้ยทำแผลไม่ถนัดเลย แค่นี้ก่อนนะ"
ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดต่อ ก็ได้ยินเสียง เหมือนคนเดินหน้าห้อง มู่เดินไป ด้านหน้าเห็นชานนท์เดินเข้ามาพอดี
"เฮ้ย..ตกใจหมดเลย"
" ไหนบอกไม่กลัวไง เหงื่อแตกเลย" ชานนท์บอก
"แล้วนี่มาได้ยังไง"
"เอ้านี่มันเซฟฟ์เฮาท์ของหน่วยเรา ทำไมชั้นจะมาไม่ได้ละ"
"ก็รู้อยู่แล้ว"
"อีกอย่างไม่อยากให้อยู่คนเดียว เป็นห่วง"
มู่อมยิ้ม ทำตัวไม่ถูก
"ไหนดูแผลหน่อย"
"เฮ้ย..ชั้นทำเสร็จแล้ว ไม่ต้องดูหรอก"
"อ๋อ..กินยาแก้อักเสบ สำคัญมากเลย ตามมาเลย"
ชานนท์อมยิ้มถามต่อ "เออ..แล้วจะนอนไหน"
"นอนโซฟาก็ได้คะ"
"เฮ้ยนั่นมันที่นอนชั้น"
"แล้วรุ่นพี่จะถามทำไม"

"บ่นหรอ หรือจะไปนอนในส้วม"

บนกุฏิ

"เรื่องนี้เองเหรอ ที่ทำให้เธอต้องสะกดรอยตามชั้น"
"ใช่ ถือว่าชั้นพูดดีๆแล้วกัน บอกเบาะแสเรื่องน้องสาวชั้นมา ชั้นไม่อยากลงมือฆ่าแก"
"รติรมณ์.." แวมไพร์วัชระยิ้ม แต่รสรินได้ยืนชื่อน้องก็สนใจขึ้นมา
"พอเถอะ เธอกำลังเดินทางผิด"
รสรินได้ยินเช่นนั้น ยิ่งของขึ้น
"แกรู้อะไรเกี่ยวกับน้องสาวชั้นบอกมาให้หมด!"
"ชั้นคงบอกอะไรเธอไม่ได้หรอก ...ชั้นวางเรื่องในอดีตไปหมดแล้ว ตัวตนเลวๆพวกนั้น ชั้นฆ่าทิ้งไปหมดแล้ว"
รสรินมองโซ่ที่อยู่กลางห้องซึ่งห้อยมาจากเพดาน
"แกมันก็แค่ใช่ศาสนาบังหน้า แล้วนี่อะไร! ที่ทรมานเหยื่อ ขังเหยื่อ หรือฆ่าเหยื่อ?"
แวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระยิ้มอย่างสงบ แฝงการเย้ยหยัน ดูถูกรสรินที่ยังโง่งม
"นั่นมันสำหรับชั้นต่างหาก"
รสรินอึ้ง
"หลายปีมานี้ชั้นเลิกกินเลือดของมนุษย์แล้ว ชั้นขังสัญชาตญาณตัวเอง กดมันด้วยหลักธรรม"
"โซ่นั่นกับหลักธรรมมันคนละเรื่องกัน เรื่องแค่นี้แกเองก็ยังสับสนนะ"
รสรินโมโห
"หยุดพล่ามแล้วพูดความจริงมาดีกว่า"
"ได้ ความจริงข้อหนึ่งก็คือ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้น้องสาวเธออยู่ที่ไหน"
รสรินปวดใจอึดอัดเจ็บแค้น
"โธ่เอ๊ย แกต้องรู้อะไรบ้างสิ ที่น้องสาวชั้นหายตัวไปมันเพราะโครงการนั้นรึเปล่า หรือเพราะใคร แกต้องรู้สิ บอกมาสิ ตอบ ตอบ วัชระ!"
"ไม่! ชั้นหยุดการฆ่าทุกด้าน นั่นรวมถึงการชี้นำให้เธอ ให้เธอไปฆ่าใครต่อใครด้วย"
"แกไม่มีวันเข้าใจสิ่งที่ชั้นรู้สึกหรอก"
"ใครกันแน่ ที่ไม่เข้าใจใคร เธอ หรือชั้น"
รสรินหน้าเจ็บปวด เธอกัดฟันวางปืนบนโต๊ะ แล้วหันปากกระบอกไปหาวัชระ แต่เขากลับนิ่ง
"คืนนี้ทุกอย่างกำลังจะจบลง ร่างกายชั้นไม่ได้ดื่มเลือดมานานแล้ว ลางบอกว่าร่างกายชั้นจะรับไม่ไหวและละสังขารไปในคืนนี้" เขามองหน้ารสรินอย่างจริงจัง ปรานี กึ่งเหยียดๆ เย้ยหยัน วัชระพูดจนรสรินโกรธ ถึงอยากท้าทาย "ตื่นซะที เลิกโง่งมแล้วหาทางพบกับความสุขสงบซะเถอะรสริน"
รสรินกัดฟัน ก่อนจะพูด
ว่าแล้วรสรินก็ถอนมีดออกจากคอวัชระ แล้วฟันฉับ! เข้าที่โซ่ล่ามจนขาดวิ่น
"ไหนความสุขสงบของแก ไหนดูซิว่าแกจะทนได้แค่ไหน"
ว่าแล้วรสรินก็ควักเลือดมาขวดนึง ตั้งปึง! ตรงหน้าแวมไพร์เจ้าลัทธิวัชระตนนั้น "ถ้าแกทนไม่ได้อย่างที่แกพูด แกต้องบอกเรื่องที่แกรู้เกี่ยวกับน้องสาวชั้น"
เขานั่งนิ่ง โดยสีหน้าเขาก็กังวลไม่น้อย
"ระเบิดออกมาสิ มาสู้กับชั้น จะทนทรมานอยู่ทำไม บอกฉันมาเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับรติรมณ์"
เขานั่งนิ่ง สายตายังจ้องมาที่รสริน
รสรินกำลังจะกรีดเลือดเธอจากหัวใจให้วัชระดื่ม
"เลือดจากหัวใจชั้น จะทำให้แกเข้าใจความรู้สึกของชั้นทั้งหมด"
วัชระลุกขึ้นและเดินไปหารสริน และเอามีดที่รสรินจ่อไว้ที่อกลง
"เธอไม่ต้องทำอะไรแบบนี้หรอก ฉันเชื่อเธอ"
และทันใด วัชระโน้มตัวไปกระซิบข้างหูรสริน
รสรินได้ยินก็ซาบซึ้งน้ำตาไหล
"ขอบคุณนะที่ยอมบอกชั้น"
นพรีบวิ่งไปที่กุฏิ
"เกิดอะไรขึ้นอะ"
นพงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ฉันไม่ได้ทำเพื่อคนเดียวหรอก รสริน"
รสริน วิ่งออกมาด้านนอก นพวิ่งตาม
"ชั้นได้เบาะแสตัวต่อไปแล้ว"
"อื่ม"
นพได้แต่พยักหน้า และเดินตามรสรินออกไป

ทางเดินหน้าสถานปฏิบัติธรรม นพเดินข้างรสรินออกจากสำนัก
นพบรรยาย
 
"ความเชื่อ พารสรินมาถึงตรงนี้ และความเชื่อที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก็หักล้างความเชื่อของวัชระไปได้ จนได้ความจริงที่เราเชื่อว่า เราใกล้ตัวรติรมณ์มากไปทุกที่"

ต่อมา...เสียงหอบเหนื่อย ตามมาด้วยการจ้องตากันระหว่างนพและรสริน

ทั้งคู่กำลังหยั่งเชิงกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกระโจนเข้าหากัน นพโจมตีรสริน แต่เพียงไม่กี่กระบวนท่า รสรินก็จับนพล๊อกได้ นพร้อง
"โอ๊ย!พอๆๆ ยอมแล้ว ยอมแพ้แล้ว"
รสรินปล่อยนพเข้าค่อยหายใจออก
"นายต้องเร็วกว่านี้"
"เร็วกว่านี้ก็ต้องเป็นแวมไพร์เหมือนเธอแล้วล่ะ"
นพลุกเดินไปที่กระเป๋า หยิบกระป๋องน้ำสองอัน ยื่นให้รสรินอันนึง ทั้งคู่เปิดดื่ม พลางนั่งคุยกันระหว่างพักเหนื่อย
"วันนึงชั้นคงตายเพราะการฝึกเธอแน่ๆ"
"มันจำเป็น ชั้นต้องเคี่ยวเข็ญนาย ไม่งั้นนายได้ตายเพราะแวมไพร์พวกนั้นแน่"
รสรินดื่มหน้านิ่ง นพมองรสรินเห็นเธอไม่ค่อยพูดเท่าไร
"เธอ... ยังไม่ได้บอกชั้นเลย"
"เรื่องอะไร"
นพนิ่งไปครู่ ก่อนจะพูดต่อ
"ทำไมวัชระถึงยอมบอกเบาะแสกับเธอ"
รสรินนิ่งไปครู่
"ชั้น...ก็ไม่รู้"
"ชั้นไม่เคยถามเธอ เรื่องราวของเธอกับน้องสาว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
คราวนี้รสรินนิ่งไปนาน
"อยากรู้จริงๆหรอ"
นพพยักหน้า รสรินนิ่งไปพักนึงก่อนจะเริ่มเล่า
"เรื่องมันเริ่มเมื่อหลายสิบปีก่อน"
รสรินเริ่มเล่า

“สนามบินอู่ตะเภา 2509”
ในอดีต หน้าตึกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในค่ายทหาร บริเวณภายในห้องพักฟื้นทหาร มีทีวี ชาร์ป เปิดอยู่ ในจอกำลังรายงานข่าวเรื่อง “อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลกลับไทยเพื่อฉลองวันเกิด 19 ปี เป็นการกลับไทยครั้งที่ 2 และจะอยู่ 5วัน”
รอยยิ้มของรสรินช่างน่ารัก
รสรินในชุดพยาบาล กำลังล้างแผลพลางคุยเล่นกับผู้ป่วยที่เป็นทหารขาขาดคนหนึ่ง
"แผลดีขึ้นเยอะเลยค่ะ อีกเดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาทำอะไรเองได้แล้ว"
"ไหนสัญญากับผมว่าถ้าแผลดีขึ้น คุณพยาบาลจะมีของขวัญไงครับ"
รสรินยิ้ม ก่อนหยิบแอปเปิ้ลให้ทหารคนนั้น
"ไม่ลืมหรอกค่ะ ลูกละตั้งแพง กินให้หมดนะ ถ้าอาทิตย์หน้าแผลดีขึ้นอีก ชั้นจะเพิ่มให้สองลูกเลย"
"ขอบคุณครับ"
รสรินล้างแผลเสร็จพอดี เธอยิ้มเดินออกไป ทหารคนนั้นยิ้ม กัดแอปเปิ้ลที่รสรินให้อย่างเอร็ดอร่อย ทว่าทุกเตียงก็กินผลไม้เช่นกัน แต่ต่างชนิดกัน

ต่อมา รสรินกำลังเก็บอุปกรณ์ยาอยู่ในห้อง ไม่นานรุ่นพี่พยาบาลของเธอก็เดินเข้ามาอย่างยิ้มๆ
"นี่ ริน ได้ข่าวว่าซื้อผลไม้แจกอีกแล้วหรอ"
"ก็ให้กำลังใจพวกพี่ๆเค้าน่ะค่ะ จะได้หายเร็วๆ"
"เธอนี่ดีนะ สวยแล้วยังใจดีอีก"
รสรินได้แต่ยิ้ม
"เออแล้วนี่ เธอได้ข่าวมั้ยที่เขาลือกันน่ะ"
รสรินแปลกใจ "ลือ? เรื่องอะไรคะ"
"พี่ก็ไม่รู้นะ เค้าพูดมาอีกที เค้าบอกพวกจีไอเก็บโลงศพมาได้ ที่กลางทะเลโน่น สภาพศพยังเป็นปกติดีอยู่เลยนะ"
รสรินแปลกใจ "มีแบบนี้ด้วยหรอคะ?"
"เขาเล่ามาอีกทีน่ะ บอกอยู่ที่ห้องกักโรคโน่น คุมกันเข้มเลย ไม่รู้ข้างในทำอะไรกัน สงสัยเป็นความลับ"

แวมไพร์ฝรั่งในโรงหนังก่อนหน้านี้ เป็นจีไอระดับหัวหน้า ที่ยืนมองอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าสับสน
จีไอระดับลูกน้องที่ยืนมุงบังโลงอยู่ทำวันทยหัตถ์ แล้วแหวกออก
"หลบ ขอชั้นดูหน่อยซิ"
ตรงหน้า เห็นศพแปลกตาวางอยู่ สภาพศพยังดูเหมือนคนปกติ

สองพี่น้อง รสรินกับรติรมณ์ เดินอยู่บริเวณทางเดินในโรงพยาบาล
"เมื่อวานพี่ทำประวัติไว้ให้แล้วนะ วันนี้แค่รับบัตรคิวแล้วเข้าไปตรวจได้เลย"
รติรมณ์เดินแล้วทำหน้าเซ็งๆ
"แล้วทำไม หน้าบูดขนาดนั้นล่ะ"
"วันเกิดแท้ๆ หนูไม่อยากมา รพ.อ่ะพี่ริน"
"ก็เพราะว่าวันเกิดนี่ละ พี่ถึงทำบัตรไว้ให้ไง รู้ปะที่นี่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมารักษานะ อีกอย่างหัวหน้าพี่ก็รับปากแล้วละ ดูแลเราเป็นพิเศษ ตรวจเลือดเยอะหน่อยนะ"
"ขอบคุณคะพี่ริน"
"ตรวจเลือดเสร็จพี่มีอะไรจะให้ด้วยนะ"
"อะไรอะ"
"ไม่บอก วันเกิดทั้งที่ ถ้าบอกง่ายๆ ก็ไม่แปลกใจอะซิ"

ที่โรงพยาล รสรินบอกหมอ
"หนูฝากน้องด้วยนะคะ คุณหมอ"
"เอาผลตรวจครั้งที่แล้วมาเปล่า"
"อ๋อ..อันนี้ค่ะ"
รสรินหยิบซองซองน้ำตาลมาให้หมอ
หมอหยิบผลเลือดขึ้นมาดู
"เดี๋ยวหมอดูแลให้"
รติรมณ์หันมาหารสรินก่อนจะเข้าไปหาหมอ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รอตรงนี้นะ"
รติรมณ์เดินเข้าห้องตรวจตามหมอไป รสรินยืนอยู่หน้าห้อง
"รสริน"
รสรินหันไปตามเสียงเรียก
"แจ๊ค"
แจ๊คหยิบกล้องถ่ายรูปถ่ายรสริน

"ผมว่ารูปนี้ต้องสวยแน่ๆเลย"

รสรินถาม

"แล้วคุณมาอยู่ที่นี่นานๆสำนักข่าวที่บ้านคุณไม่ว่าอะไรหรอ"
"ผมยังสัมภาษณ์คนในหน่วยงานนี้ไม่ครบเลยครับ อีกอย่างผมไม่อยากกลับเท่าไหร่"
"ทำไมคะ"
"ผม..เอ่อ"
รสรินหยิบข้าวต้มมัดมาและยื่นให้เขา
"ข้าวต้มมัด"
"อะไรนะครับ"
"เรียกว่า ข้าวต้มมัดคะ"
"แหมมาเป็นคู่ด้วย อีกซักพักน้องคุณคงตรวจเสร็จแล้ว"
"คะ"
"คุณนี่เป็นห่วงน้องคุณมากเลยนะครับ"
"เรามีกัน 2 คน พี่น้อง จะทำอะไรไปไหน เราก็ทำด้วยกันตลอด"
"ผมถามหน่อยได้ไหมครับ พ่อแม่พวกคุณไปไหน"
"พ่อแม่เราเสียแล้วคะ ฉันกับน้องอยู่บ้านเด็กกำพร้ามาตลอด รติรมณ์โชคร้าย เป็นโรคเลือด เป็นโรคที่หายาก 1 ในล้านเท่านั้นที่จะเป็น น้องสาวโชคร้ายเรื่องสุขภาพ ชั้นก็อยากจะเป็นโชคดีให้น้องบ้าง ถึงได้มาเป็นพยาบาลได้ดูแลเขา ให้เขาได้พึ่งพา"
"คุณรสรินครับ ผมขอโทษที่ต้องตอนนี้ ที่จริงแล้วอาทิตย์หน้าผมต้องกลับประเทศผมแล้ว"
"ใจหายนะคะ"
"แต่ผมอยากอยู่ดูแลคุณนะครับ ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาคุณคิดยังไงกับผม แต่ผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน จะเป็นไปได้ไหมครับ ที่ผมจะขอให้คุณเปิดใจให้ผม"
"ค่ะ"
"ต่อไปนี้ ให้ผมดูแลคุณ ให้ผมเป็นเรื่องราวดีๆให้คุณบ้างนะครับ"

นพกระดกประป๋อง หน้ามุ่ย พูดอย่างงอนๆ
"เล่าไปเล่ามา เหมือนมาฟังหนังรักระหว่างนักข่าวหนุ่มกับพยาบาลสาวซะงั้น เอาจริงๆ ไม่น่าเชื่อนะว่าอย่าง เธอจะเป็นพยาบาล แถมใจดีด้วย ตรงข้ามกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง"
"นายจะฟังต่อไหม ถ้าไม่อยากฟังชั้นจะเลิกเล่าเดี๋ยวนี้"
"ฟังๆ โทดๆ"
รสริน เล่าต่อ
"หลังจากวันนั้น แจ๊คก็มาหาชั้นบ่อยๆ"

ทางเดินในฐานทัพ
รติรมณ์ถามพี่สาว
"หนูจะตายไหมพิ่ริน"
"เลือดของหนู หมอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร เอาเป็นว่าหมอจะรักษาให้ดีที่สุด แล้วกันนะ"
"คะ"

ร่างกายของมหาสมุทรค่อยๆดูมีเลือดฝาด มือขยับ ทหารที่เฝ้าอยู่ยืน ตกใจ

ทางเดินฐานทัพ
"นี่วันนี้วันเกิด ตามสัญญานะ"
แล้วรสรินก็หยิบสร้อยคอให้รติรมณ์ พร้อมคล้องคอเธอ ซึ่งเป็นอันเดียวกับที่เห็นที่คอรำพึง
"สุขสันต์วันเกิดนะน้องรัก"
รติรมณ์ดีใจ
"ขอบคุณนะพี่ริน"
สองพี่น้องกอดกันเบาๆดูอบอุ่น
แล้วอยู่ๆไม่นานก็เกิดระเบิด ตู้ม! อยู่ไกลๆ ทั้งหมดสะดุ้ง ตามด้วยทหารวิ่งถืออาวุธไปที่ต้นเสียง พร้อมเสียงหวอดังสนั่น!
"เกิดอะไรขึ้นคะ!"
"พี่ไม่รู้!"
ทหารคนหนึ่งวิ่งผ่านมาบอก
"คุณครับ เข้าไปหลบในตัวอาคารก่อน!"
ทุกคนกลับเข้าไปในอาคาร

รสรินพาทุกคนวิ่งเข้าไปในตัวอาคาร มีคนหนีตาย แจ๊คถามทหารที่กำลังวิ่ง พร้อมอาวุธเหมือนหาอะไรอยู่
"รู้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น"
"เค้าบอกว่ามีการระเบิดที่ห้องทดลองระเบิด มีคนอาละวาดฆ่าคนใหญ่เลย"
แล้วแม่บ้านคนนั้นก็วิ่งหนีไปอีกทาง รติรมณ์กลัว
"ฮือ เราจะเป็นอะไรมั้ยพี่"
"ไม่เป็นไรหรอก"
จังหวะที่วิ่งอยู่ก็ได้ยินเสียง ปัง! รติรมณ์และรสรินกรี๊ดตกใจ ทหารคนนั้นมองทั้งสาม
"พวกคุณหลบไปในห้องก่อน! เร็ว!"
ทั้งหมดวิ่งเข้าห้องใกล้ๆ

ทั้งหมดวิ่งมาในห้อง มันเป็นห้องเงียบๆ ที่กลางห้องมีเตียงที่ถูกปิดม่านด้วยพลาสติกสีขุ่น ทั้งหมดหลบมุมหอบเหนื่อย
แจ๊คบอก "พวกคุณอยู่ในนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว ผมคงต้องขอตัวไปทำข่าวก่อน"
แจ๊ครีบเปลี่ยนฟิล์ม เตรียมฟิล์มให้กล้อง FM2 คู่ใจของเขา
"ระวังตัวด้วยนะคะ"
แจ๊ค พยักหน้าก่อนวิ่งออกไป
สองพี่น้องนั่งกอดกันนิ่ง
"พี่ริน หนูกลัว"
รสรินกอดรติรมณ์
"ไม่ต้องกลัวนะ พี่สัญญา เราจะต้องปลอดภัย"
จังหวะนั้นอยู่ๆรุ่นพี่พยาบาลก็เปิดประตูผลัวะ! เข้ามา ทั้งสองตกใจ
"พี่ฟ้า"
"ริน ข้างนอกมันอะไร! แล้วทำไมมีคนตายหน้าห้องด้วย!"
"ทหารบอกมีคนเข้ามารอบวางระเบิดค่ะ พี่หลบกับรินในนี้เถอะ"
"ขออย่าให้เกิดอะไรร้ายแรงไปกว่านี้เลย" ฟ้าบอก
พอพูดเสร็จ เสียงโครมประตูเปิดดออกอีกครั้ง สามสาวคนตกใจหมอบ
มีร่างนึงปรากฏที่หน้าประตู สีหน้าเรียบเฉย เขาคือมหาสมุทร
"คุณเข้ามาหลบในห้องก่อนสิคะ"
ขณะที่พี่ฟ้ากำลังจะพาเขาเข้ามาในห้อง ทันทีที่เธอปิดประตูห้อง มหาสมุทรกัดคอรุ่นพี่พยาบาลอย่างสัตว์ป่า เมื่อหน่ำใจก็สะบัดร่างพี่ฟ้ากระเด็นไปอย่างไม่แยแส
"พี่ฟ้า!"
มหาสมุทรมองมาที่สองพี่น้อง ปากยังติดเลือด เขามองที่รุ่นพี่พยาบาล จากร่างที่จมกองเลือดก็ค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ แววตาเธอเปลี่ยนเป็นแวมไพร์

ทันใด แวมไพร์รุ่นพี่พยาบาลก็วิ่งกระโจนมาหาพี่น้อง รสรินหยิบถังดับเพลิงฟาดเข้าที่หน้ารุ่นพี่พยาบาลจนเธอกระเด็นออกไป ก่อนเธอจะพาน้องสาวเข็นรถวิ่งออกจากห้องไป

รสรินเข็นรติรมณ์หนีออกมาจากห้องกักเชื้อ รุ่นพี่วิ่งตามออกมาอย่างกระหายเลือด รสรินหนีมาตามทางเรื่อยๆ

จังหวะหนึ่งเมื่อถึงหัวมุม รุ่นพี่พยาบาลจะวิ่งถึงตัวรสรินและน้องพอดี มีทหารคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหัวมุม ขวางเอาไว้พอดี โดยไม่ทันตั้งตัว รุ่นพี่พยาบาลกระโจนกัดทหารคนนั้น เขาล้มลง กระตุกสองสามที ก่อนจะลุกขึ้นมา และแววตาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ไปอีกคน คราวนี้กลายเป็นสอง และเมื่อมีคนไข้กลุ่มหนึ่งเกาะกลุ่มเดินกันมา แวมไพร์รุ่นพี่พยาบาลและแวมไพร์ทหารก็แพร่เชื้อด้วยการกัด คราวนี้เริ่มกลายเป็นกลุ่มแวมไพร์พยาบาล หลายตัว ชีพ วัยรุ่นชายรวมอยู่ในนั้นด้วย รสรินกับรติรมณ์ ยืนมองการแพร่กระจายนี้ด้วยความตกใจ
แวมไพร์กลุ่มนี้ วิ่งกระจายกันออกไป รสรินหนีต่อ!

เหตุระเบิดเสียงดังต่อเนื่อง พร้อมกับการกัดแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว
รสรินและรติรมณ์หนีมาตามทางเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่รู้ใครเป็นคน ใครเป็นแวมไพร์
รสรินเข็นมาตามทาง จังหวะหนึ่งแวมไพร์พยาบาลระโจนมาหาเธอ เธอเอี้ยวตัวหลบมันชนกำแพง รสรินไปต่อด้วยความกลัว
พอเข็นมาเรื่อยๆ รสรินวิ่งผ่านหน้าห้องอายุรกรรมชาย รสรินมองเข้าไปในกระจก เห็นภาพแวมไพร์ กรูเข้าไปกัดคนไข้บนเตียง
รสรินกลัว ตั้งสติ วิ่งต่อไป

รสรินเข็นมาตามทางเรื่อยๆ เธอเข้าไปที่ห้องๆหนึ่ง มันเขียนว่า ห้องเก็บอุปกรณ์

รสรินเข็นรติรมณ์มาที่ห้องเก็บอุปกรณ์ เธอล็อกประตู พร้อมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งใจ
"พี่ริน พวกมันเป็นตัวอะไร! หนูกลัว!"
"พี่ไม่รู้! ตอนนี้เราต้องหาที่ซ่อนตัว"
รสรินรีบไปเช็คจุดต่างๆในห้อง ดูความปลอดภัย ดูกลอนว่าล็อกหรือยัง ดูอาวุธที่พอจะพกได้
พอทุกอย่างถูกตรวจเช็คเรียบร้อย รสรินพารติรมณ์มาที่มุมห้อง เธอถือมีด พร้อมนั่งอยู่ใกล้ๆ รติรมณ์ สองคนจับมือกันไว้ ทั้งสองเหงื่อผุดเต็มใบหน้า รสรินทำท่านิ้วชี้ป้องปากให้เงียบไว้

พอในห้องเงียบก็ได้ยินเสียงภายนอก มันเป็นเสียงการสู้กัน เสียงปืน เสียงร้อง เสียงรองเท้าวิ่ง และวิ่งไล่ รสรินและรติรมณ์ได้แต่ฟังความเป็นไปอย่างเงียบๆ
และไม่นานเสียงการต่อสู้ก็มาดังเอาที่หน้าห้อง มันคือเสียงของคนเหยื่อและผู้ล่า รสรินมองเงาผ่านแสงไฟที่ล่างประตู เห็นเงาคนสองคนยืนต่อสู้กันสักพักเหยื่อก็ล้มลง จนแสงลอดเข้ามาปิดทึบแสดงให้เห็นว่านอนตายอยู่ติดประตู ไม่นานชายคนที่ล้มลงก็ค่อยๆขยับ รสรินกระชับมือรติรมณ์ มันขยับทีละนิด และก่อนจะลุก เสียงสูดลมหายใจ ฟุตฟิตที่ช่องล่างประตู

ที่ขาของรติรมณ์เลือดไหลจากรอยข่วน มันหยดเลือดเล็กๆออกมา ที่เงาใต้ประตูมันยิ่งสูดไปเรื่อยๆก็เริ่มทำท่ากระสันเหมือนอยากเข้ามา มันสอดนิ้วเข้ามาพยายามใช้มืองัดจากด้านล่าง รสรินกับรติรมณ์กลัว พอมันงัดไม่ได้ก็ออกไป ช่องแสงใต้ประตูโล่งอีกครั้ง แสงขาวลอดมมาทำให้อุ่นใจได้ว่าไม่มีใครหน้าห้อง มันไปแล้ว.. รสรินและรติรมณ์ผ่อนลมหายใจ โล่ง...

ฉับพลัน โครม ! ประตูทั้งบานกลับถูกถีบเข้ามา พังทั้งบาน!!! ทหารอเมริกันร่างใหญ่แววตาสัตว์ป่า มองมาที่รสรินและรติรมณ์ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขาวิ่งเข้ามาจะทำร้ายทั้งสอง พอจังหวะที่จะถึงตัว ก็ได้ยินเสียง ปัง!!!!
ร่างของแวมไพร์พยาบาลถูกยิงหัวล้มลง แจ๊คที่ถือปืนมา และสภาพเขาก็ดูเหมือนผ่านอะไรมาเยอะ เขาตรงเข้ามาเอาเหล็กปลายแหลม แทงทะลุหัวใจอีกครั้ง
"ทำแบบนี้มันถึงจะตาย" แจ๊คบอกกับรสริน "ผมหาพวกคุณตั้งนาน"
"พี่แจ๊ค!" รติรมณ์เรียกอย่างดีใจ
แจ๊ครีบเดินมาหารสริน
"ปลอดภัยกันดีใช่มั้ยครับ"
"ค่ะ"
สองคนมองกันแววตามีความหมายนิดๆ
"ข้างนอกบ้าคลั่งมาก ตอนนี้ในฐานมีแต่ตัวอะไรก็ไม่รู้"
อยู่ๆมีแวมไพร์วิ่งเข้ามาจากประตู แจ๊คยิงหนึ่งนัดเพื่อให้ช้าลง ก่อนแทงไปที่หัวใจ
"ซ่อนกันในนี้ดีกว่า"
แจ๊คพาทุกคนเข้าห้อง แวมไพร์ตัวหนึ่งกั้นรติรมณ์ไว้ รติรมณ์ตกใจวิ่งหนีไป

แจ๊คพารสรินหนีเข้ามาในห้องเก็บของ รสรินพยายามขืนไว้อยากไปหาน้องสาว แจ๊ครีบล๊อกประตู เขามองรอบๆห้อง เห็นล๊อกเก้ออันนึง เขาพารสรินไปซ่อนไว้ในล็อกเกอร์ รสรินร้องไห้เสียใจ
"น้องชั้นอยู่ข้างนอก! ปล่อย! ชั้นจะไปหาน้องสาวชั้น!"
แจ๊คจับรสรินนั่งอยู่กับที่
"รสริน คุณฟังผม น้องคุณตายแล้ว คุณต้องซ่อนที่นี่ ห้ามออกไปไหน!"
แจ๊ควิ่งตามหารติรมณ์ เจอแวมไพร์ตัวหนึ่งจับรติรมณ์ไว้
แวมไพร์ตั้วนั้น ขย้ำรติรมณ์ที่คอ จนรติรมณ์สิ้นใจ
แจ๊คยิงใส่แวมไพร์ที่มาเรื่อยๆจนเริ่มหมดแรง ฉับพลันทุกตัวก็หยุด
ไม่นาน มหาสมุทรปรากฏตัวเดินมา ฝ่าวงล้อมแวมไพร์แต่ละตัว ตัวอื่นๆก้มหัวศิโรราบ
แจ๊คมองมหาสมุทรที่เดินตรงมาทางเขา อย่างหวาดกลัว
"แกเป็นใคร!"
มหาสมุทรไม่ตอบคำถาม เดินตรงมาที่แจ๊ค เขาคว้าคอแจ๊ค ยกขึ้นกำแพงบีบแน่น
"เจ้าเป็นมนุษย์ที่เข้มแข็งมาก"
อยู่ๆเสียงกรี๊ดของรสรินดังมาไกลๆ แจ๊คเริ่มเป็นห่วง และวิ่งไปหารสริน

แจ๊ควิ่งเข้าช่วยรสริน หลังจากเธอโดนแวมไพร์ใช้เล็บข่วนคอหอยรสริน จนเลือดทะลัก
เขาก็ประคองท้ายทอยของรสริน พร้อมนำร่างเธอวางราบ มหาสมุทรเข้ามาในห้อง
"นี่ผู้หญิงของแกหรอ กำลังจะตาย อยากให้เธอรอดไหมละ"
"หมายความว่ายังไง"
"สัญชาตญาณจะบอกแกเองว่าต้องทำอย่างไร"
สายตาแจ๊คเปลี่ยนไป เขากัดข้อมือตัวเอง และให้รสรินดื่มเลือดเขา
ร่างของรสรินเกร็ง เส้นเลือดขึ้น และแววตาก็เปลี่ยนเป็นแข็งขึ้น ก่อนแจ๊คจะวางรสรินไว้ที่พื้นตามเดิม อยู่ๆเหมือนมีเสียงทหารมากวาดล้าง
"ส่วนแกไปกับชั้น"
แจ๊คค่อยๆปล่อยมือจากรสริน และเดินตามมหาสมุทรไป
รสรินค่อยๆนั่งก่อนหมดสติ

นพฟังก็ได้แต่เจ็บปวดใจแทน
"หลังจากนั้น ชั้นก็ตามหาน้องสาวมาตลอดหลายสิบปีจนถึงวันนี้" รสรินว่า
รสรินมองเบื้องหน้าเศร้าๆ นพพูด
"แล้วนักข่าวที่ชื่อแจ๊คนั่น ตอนนี้ไปไหนซะล่ะ"
"ชั้นไม่รู้ ชั้นจำเรื่องราวได้ จำได้ว่าเราเคยรักกัน แต่ที่น่าตลกคือ ชั้นจำหน้าเค้าไม่ได้เลย"
หญิงสาวอีกคนแอบฟังอยู่ เธอคนนั้นคือรติรมณ์
"คงเป็นผลกระกระทบจากเลือดแวมไพร์ที่เธอใช้สืบหาเบาะแสนั่นล่ะ"
"ตลกมั้ยล่ะ ตอนนี้ชั้นดื่มเลือดไม่ได้อีกแล้ว ทั้งที่มันเป็นวิธีเดียวที่จะตามหาน้องสาวชั้นได้"
รสรินนิ่งไป อยู่ๆก็พูดขึ้นมา
"ชีวิตชั้น มีแต่น้องสาวเท่านั้นแหล่ะ"
พอฟังจบ รติรมณ์ก็ลุกขึ้นเดินหายไปในฝูงคน
นพมองรสริน เขาค่อยๆยื่นมือไปกุมมือเธอ
"ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นจะช่วยเธอตามหาน้องสาวเอง"
รสรินมองที่มือนพ เธอจับมือนพกลับ
ด้านหลังพวกเขา รติรมณ์แอบดูพวกเขาอยู่

ในบ้านหลังหนึ่ง ชีพ ชายวัยรุ่นหน้าเด็กมากอายุประมาณ19 นั่งรอรติรมณ์อยู่ รติรมณ์ปรากฏตัวพร้อมกระเป๋าหนังเท่ห์ๆใบหนึ่ง ชีพมองรติรมณ์นิ่งๆ ยิ้มลึกๆ
"คุณชีพ"
"เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ"
"ชั้นเจอคุณก่อนที่จะเป็นแวมไพร์"
ริมฝีปากของชีพยิ้ม
"แต่คุณรู้จักพี่สาวฉันดี รสริน"
"คุณรติรมณ์ ช่วยให้ผมหายทรมานซะทีเถอะ"
รติรมณ์ปักเข็มฉีดยาที่มีเลือดของเธอไปที่หัวใจชีพ
ชีพสะดุ้งนิ่งๆ
ทันใดนั้นร่างกายชีพเปลี่ยนเป็นคนแก่อย่างรวดเร็วทันที
"ขอบคุณมากนะ รติรมณ์"

รติรมณ์เอามือจับชีพจรชีพ ชีพยิ้มอย่างสงบ และนิ่งไป แล้วชีพก็ตาย

อ่านต่อตอนที่ 6


กำลังโหลดความคิดเห็น