รสรินล่าแวมไพร์ ตอนที่ 3 : แค่เพื่อน! “นพ” น้อยใจแวมไพร์
ณ ห้องปฎิบัติการโรงพยาบาล Center Care พิเชษฐนั่งอ่านผลวิจัยในคอมพิวเตอร์
"ผ่านมา 29 วิแล้ว ถือว่าดีกว่าครั้งก่อนมาก" พิเชษฐบอก
พิเชษฐ บันทึกผลการทดลอง
"ผมดร.พิเชษฐ รหัส 4227 ได้ทำการทดลอง ระหว่างเลือดของเผ่าพันธุ์เรา เลือดของคนทดลอง RTR001 ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผ่านมาแล้ว 29 วินาที เลือดของเผ่าพันธุ์เรายังคงสภาพ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า เลือดที่ได้รับการพัฒนา สามารถป้องกันตัวเองได้จากเลือดของคนทดลอง RTR001- ผ่านมาแล้ว 1 นาที สำเร็จ"
ผลหน้าจอขึ้น...
"เดี๋ยว..นี่เราไม่มีทางฆ่าเลือดของ คนทดลอง RTR001 ได้เลยหรือไง"
ในห้องโถงกว้าง มหาสมุทรกำลังซ้อมฟันดาบกับลูกน้องคนหนึ่งอยู่ มหาสมุทรทำร้ายเค้าจนได้รับบาดเจ็บ
"นานๆจะได้เจออย่างนี้ซักที..เก็บแรงไว้เถอะ เผื่อแกจะตายช้าลง เดี๋ยวชั้นคุยกับพิเชษฐเสร็จ กลับมาถ้าแกยังไม่ตาย ชั้นมีข้อเสนอให้แก"
มหาสมุทรพูดกับลูกน้องที่ต่อสู้ด้วยกัน ก่อนเดินออกไป
ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เสียงนพดังบรรยาย "โลกนี้สร้างคู่หูมาเพื่ออะไร"
ชายหญิงสองคนที่เป็นเซลล์กำลังขายเครื่องกรองน้ำให้คนๆหนึ่ง เธอและเขาอธิบายอย่างออกรส
"สำหรับเขาสองคนทั้งคู่คงเกิดมาเพื่อบอกโลกว่า สิ่งที่พวกเขานำเสนอนั้น มันยอดเยี่ยมแค่ไหน"
อีกมุมเห็นคนแก่ร่างบึ้กสองคนกำลังยกเวตออกกำลังกายอย่างบ้าระห่ำ
"เช่นเดียวกับอีกสองคนเขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ชอบเหมือนๆกัน"
อีกด้านเห็นคนแก่สองคนจับมือเดินกันไม่ห่าง
"หรือสองคนนี้ที่เกิดมาเพื่อดูแลเข้าใจกันและกัน"
"ครับ... คู่หู.... มีไว้เติมเต็มอะไรบางอย่าง และร่วมกันกันทำอะไรบางอย่าง...เหมือนผมและรสริน
ที่เป็นคู่หูกัน"
นพวิ่งผ่านทุกคนที่พูดถึง... เหงื่อของเขาเต็มหน้า สีหน้าบ่งบอกว่าเหนื่อยมาก
"แต่...ทุกอย่างที่พูดมา มันไม่มีอีกแล้วครับ"
นพนำสายตาคนดูมองไปที่ด้านหน้าเห็นรสรินกับชานนท์วิ่งเข้าคู่กันดูดีเหลือเกิน
"ผมคืออดีตคู่หูที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คืออะไหล่ที่ถูกเปลี่ยนคือซอฟแวร์ที่ไม่ถูกอัพเดท
สรุปสั้นๆว่าเธอได้คู่หูใหม่แล้วครับ"
รสรินกับชานนท์วิ่งไปด้วยก็ปรึกษากันไปด้วย
"เขาได้ข้อมูลเรื่องแวมไพร์กับเธอ" เสียงนพยังบรรยายเรื่องราวอยู่
เธอได้รับการอำนวยความสะดวกจากตำรวจฝีมือดีอย่างเขา
"อื่ม ... เป็นอะไรที่เหมาะเจาะ โคตรวินๆ"
นพวิ่งมานานก็หอบเอามือชันเข่าหยุดกลางลานวิ่ง ไม่นานมู่ที่ใส่หูฟังก็วิ่งมาจากข้างหลัง
มู่ถาม "ไหวมั้ยนาย"
นพเหนื่อย ก่อนชี้ไปข้างหน้า "นำไปก่อนเลย"
มู่มองรสรินกับชานนท์ "อือๆ รสรินเธอก็อึดเหมือนกันเน๊อะ น่าจะมาเป็นตำรวจแบบพวกชั้น"
แล้วมู่จะใส่หูฟังต่อ แล้ววิ่งชิลๆไป นพมองทั้งหมดที่อยู่หน้าเขาเห็นด้านหลังของคนทั้งสาม ชานนท์ รสริน มู่
ผ่านเวลา... ลานด้านข้าง ทั้งสี่ลงนั่งพักเหนื่อย นพดูจะเหนื่อยสุด รสรินเห็นก็พูดกับนพ
"นับวันแวมไพร์ที่เราล่ามันยิ่งเก่งขึ้น ร่างกายนายต้องพร้อมมากกว่านี้"
"เออน่ะชั้นรู้"
"แล้วเบาะแสไปถึงไหนแล้ว"
"เบาะแสที่เธอให้ชั้นมาคราวนี้ไม่ยาก แค่เธอบอกลักษณะหน้าตามา ชั้นก็รู้ละว่าใคร แต่ที่ยากน่าจะเป็นนี่..."
นพชี้ไปที่มุมๆหนึ่งของสวน เห็น กฤษ กฤษณะ กำลังดัดหลังออกกำลังกายคู่กัน
"นั่นรายต่อไป" นพบอก
มู่ ชานนท์ มองตามอย่างแปลกใจ
"นั่นกฤษ กฤษณะพิธีกรฝาแฝดที่กำลังดังนี่!" มู่ว่า
"พาชั้นมาก็เพราะแบบนี้สินะ ปกติขี้เกียจวิ่งจะตาย" รสรินว่า
"ก็ไม่นึกว่าจะมากันเยอะขนาดนี้" นพบอก
นพพูดเบาๆปนน้ำเสียงน้อยใจ แต่มู่และชานนท์ไม่ได้สนใจนัก
ชานนท์บอก "ช่วงนี้เปิดไปช่องใหนก็เจอแต่เจ้าสองคนนี้"
"สองคนนี้ก็เป็นแวมไพร์ด้วยหรอ" มู่ถาม
"คิดว่าใช่นะ" นพพูดกับรสริน "และชั้นคิดว่าคนสาธารณะจะระวังตัวเองสูง ชั้นคิดว่ารายนี้
เราต้องดูรูทีนให้ดีกว่าตัวก่อนๆ อย่างน้อยหนึ่งเดือนค่อยลงมือ"
"ฟังดูนานไป" รสรินบอก
"แต่มันจำเป็น"
ชานนท์ฟังแล้วยกมือขึ้นมา ถาม
"ขออนุญาตออกความเห็นนะ ชั้นว่าเธอ" เขามองรสริน "สามารถลงมือได้ภายใน
หนึ่งอาทิตย์คืองี้ ปกติคนเราจะวางแผนทุกด้านในชีวิตไว้ที่หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตวนลูปเดิมในอาทิตย์ถัดไป เราแค่ต้องการตารางในหนึ่งอาทิตย์ และช่องว่างที่จะลงมือไม่ต้องรอถึงเดือน"
"ผมเข้าใจเรื่องแพทเทิลรูปแบบ แต่คุณไม่เข้าใจ ...เรากำลังพูดถึงแวมไพร์ไม่ใช่มนุษย์ มันคาดเดาไม่ได้ง่ายแบบนั้น" นพบอก
เมื่อขัดแย้งกันทางความคิด ทั้งหมดมองหน้ากันนิ่ง รสรินตัดสินใจอยู่นานก่อนพูด
"หนึ่งเดือนมันนานไปเอาเป็นว่าแค่เตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์ก็พอ แต่ชั้นจะระมัดระวังเป็นพิเศษแล้วกัน"
"แถมกำลังเสริมเป็นชั้นกับมู่ด้วยก็คงไม่น่าห่วง"
ชานนท์หันมายิ้มกับมู่ อีกฝ่ายว่า "อะไรนะ"
ชานนท์หันไปยิ้มรับกับมู่ มู่ยิ้มรับไม่เต็มปาก ดูเกรงใจนพ นพมีความกังวลในที
"งั้น...วันนี้ชั้นขอตัวกลับบ้านก่อนละกัน พอดีมีงานค้าง ไปล่ะทุกคน"
ทุกคนโบกมือลา นพเดินออกไปแต่ก็หันมองที่กลุ่ม ทุกคนนั่งคุยกันตามเดิมไม่ค่อยมีคนสนใจนพนัก นพมองแล้วรู้สึกอะไรบางอย่างก่อนจะเดินไปจริงๆ
ภายในบ้านฝาแฝดกฤษกฤษณะ
กฤษกำลังคุยโทรศัพท์สีหน้ายิ้มแย้มมือของเขากำลังเลือกแผ่นเพลงดนตรีคลาสสิก
"ครับผมเข้าใจ ผมไม่ถือเลยครับ ผมซะอีกที่ต้องเกรงใจ ผมสองคนอยากร่วมงานกับช่อง
คุณเต้มานานแล้ว ยังไงก็ขอบคุณมากที่ให้โอกาสผมรับงานนี้"
ระหว่างที่ในสายพูดกับกฤษ มือของเขาเลือกเพลงไม่ลงตัวสักที เขาถูกใจกับวง Heavy Metal วงหนึ่งจึงหยิบแผ่นออกมา เขาโยนมือถือให้กฤษณะพูดต่อแบบเนียนๆเหมือนเป็นคนๆเดียวกันพูด
"ครับได้เลยพรุ่งนี้ เทปแรกผมจะแสดงความเสียใจเรื่องคุณเมษาที่หายตัวไป ก่อนจะทำหน้าที่แทนให้ดีที่สุดครับผมสัญญา ... ครับสวัสดีครับ"
กฤษณะวางสาย กฤษโยนมีดเล่มหนึ่งให้ กฤษณะรับโดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำ
เพลง Heavy Metal รุนแรงถูกกดเล่นลอยทั่วบรรยากาศ สองคนยิ้ม
ห้องโล่ง ... ซึ่งเป็นห้องทรมาน กฤษ กฤษณะเดินมามัดเชือกห้อยชายอีกคน ที่ดูก็รู้ว่าถูกจับมา ชายคนนั้นกลัวลนลาน ปากถูกปิดด้วยเทป คู่แฝดพูดคุยกัน
กฤษถาม "พร้อมยัง"
"รอความดันเลือดแป๊บเกือบละ" กฤษณะบอก
กฤษเดินไป เอาไม้รูปตัววีดามไว้กับแขนของเหยื่อ ให้ทำท่าเหมือนชูแขนแต่กลับหัว
เสียงอู้อี้จากชายที่เป็นเหยื่อเหมือนพยายามดิ้นจะพูดอะไร กฤษณะไปเปิดปาก
"พวกแกมันโรคจิต!" เมษาว่า
กฤษขำ "มันไม่ต่างอะไรกับที่มนุษย์ทำกับสัตว์หรอกครับ มนุษย์ชอบเกมส์ล่า พวกผมก็ชอบ
เกมส์ล่า ผิดแค่ครั้งนี้คุณดันเป็นเหยื่อเท่านั้นเอง"
"ปล่อยกูนะโว้"
กฤษณะปิดปากตามเดิม
"ยังไงผมกับน้องต้องขอบคุณสำหรับงานใหม่ในรายการของคุณด้วยนะครับคุณเมษา...
ต่อไปพวกผมจะทำหน้าที่แทนคุณให้ดีที่สุด ผมสัญญา" กฤษว่า
ว่าแล้วทั้งสองก็ดึงโซ่ให้เมษาสูงขึ้นไป เขาร้องด้วยความกลัว เมื่อได้ที่ กฤษและกฤษณะถอดเสื้อสูทถอดเสื้อก่อนที่กฤษจะนอนพื้นลงตำแหน่งปลายแขนขวาของเมษา ส่วนกฤษณะหน้านิ่งๆใช้มีดโค้งคมกริบจ่อเล็งไปที่แขนพับด้านในของแขนเหยื่อทั้งสองข้าง
กฤษณะหลับตานิดนึงก่อนจะลืมตาพร้อมแววตาที่เปลี่ยนไป เขาแทงเข้าที่จุดเล็ง
กฤษณะลงมานอนตำแหน่งเดียวกับพี่ชายหาก แต่เป็นฝั่งซ้าย
และไม่นานเลือดของเมษาก็ค่อยๆหยดลงมาตรงตำแหน่งปากสองคนที่นอนอ้าปากกินเลือดสดๆปากเปรอะเลือดและเปื้อนรอยยิ้ม
ในห้องโถงใต้ดินของโรงพยาบาล Center Care
"ล้มเหลวเหมือนเคย" มหาสมุทรว่า
พิเชษฐรับ "ครับ"
"ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะการทดลองล้มเหลวไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อยู่แล้ว ทำต่อไป"
"ครับ"
"ทำให้มากขึ้น ทำให้หนักขึ้น ทำให้ได้ในที่สุด ถึงแม้อายุเราจะไม่มีขีดจำกัด แต่ความอดทนชั้นมีขีดจำกัด เข้าใจใช่ไหม"
"ครับท่าน"
ณ ห้องโถงกว้าง
"แกยังไม่ตายนี่"
มหาสมุทรบอกกับลูกน้อง
"ข้อเสนอคืออะไร"
"ใช้ดาบกรีดแขนตัวเอง"
"หมายความว่ายังไง"
"แกเป็นลูกน้องชั้น แกจะได้ความพิเศษ"
มหาสมุทรยิ้มอย่างภูมิใจ
มุมกาแฟของ Office 'EM'
รสรินชงกาแฟ นพตามมาคุย รสรินแกล้งชงกาแฟไป
"อาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่คนพูดถึงคนหาย คนที่หายก็ไม่ใช่ฝีมือพวกเราด้วย"
"อึม ... คงเป็นฝีมือแวมไพร์ซักตัวหรือไม่ก็คนชั่วซักคน"
นพท่าทีอึกอัก แต่ก็พูดออกมา
"ชั้นขอพูดอะไรอย่างนึงได้ไหม" รสรินหันมารอฟัง "เธอใจร้อนเรื่องน้องสาวไป... ชั้นว่าเราควรขยายแผนไปอีกหน่อย รอดูสถานการณ์ซักเดือน ศึกษาพวกมันก่อน"
"อาทิตย์ที่ผ่านมาเราตามดูมันทุกวัน เราเห็นแพทเทิร์น เราเห็นช่องว่างการลงมือ ชั้นว่านั่นก็
เกินพอแล้ว"
"แต่..."
รสรินตัดบท "ชั้นตัดสินใจแล้ว... แล้วชั้นก็ไม่รู้ด้วยช่วงนี้นายเป็นอะไรด้วยซ้ำ"
นพเงียบไปอีก
มุมไกลออกไป กุ๊บกิ๊บเดินถือของมองเห็นนพกับรสรินคุยกันพอดี
รสรินถือกาแฟเดินออกจากนพ กุ๊บกิ๊บมองรสรินด้วยแววตาหมั่นไส้
ต่อมา รสรินล้างหน้าในห้องน้ำ กุ๊บกิ๊บเดินเข้ามาล้างหน้าซิ๊งค์เดียวกัน เธอแกล้งทาปากไปทำไม่สนใจ แต่ก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
"เอาล่ะชั้นไม่อยากจะทำสงคราม SubText กับเธอละ ชั้นถามจริงเธอกับนพนี่... ซัมติงกันหรอ"
รสรินกำลังล้างหน้าอยู่ " ยังไงคะ"
"ก็แบบคบกันอยู่หรอ"
รสรินนิ่งไปมองหน้าจนกุ๊บกิ๊บรีบแก้ตัว
"อึ่ม ก็ไม่ไรหรอกนะ ถ้ารู้ว่าคบกันจะได้...เอ่อ...จะได้..." แต่ดันคิดไม่ออก ไม่รู้จะต่อประโยคอย่างไร
"เผื่อคุณสบายใจเราเป็นเพื่อนกันค่ะ"
รสรินเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ กุ๊บกิ๊บอึ้งนิ่งก่อนจะเผยยิ้มออกมา
"เยส!"
กุ๊บกิ๊บดีใจสุดๆ
ภายในโรงอาหาร
รสรินกับนพทานข้าวกัน เขามองจานข้าวรสรินจืดชืดอยู่ๆ นพยกไก่ชิ้นนึงให้รสริน
"วันนี้ยัยกุ๊บกิ๊บถามชั้นด้วยนะ"
"เรื่อง?"
"ชั้นคิดยังไงกับนาย"
นพตาโตลุ้นถามต่อ
"เดี๋ยว! แล้วเธอตอบว่ายังไง"
รสรินกินเอื่อยๆนิ่งๆก็บอก
"ก็บอกตามจริงเราก็แค่เพื่อนกัน"
นพผิดหวังนิดๆ เขาตักไก่ที่ให้ไปในจานรสรินคืน
"เอาคืนไปทำไม?"
นพไม่ตอบเคี้ยวไก่แบบงอนๆ
ท้องฟ้าในตอนเย็นวันหนึ่ง
ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในชุมชนเงียบๆ ไม่ไกลจากบ้านหลังนั้น รสริน นพ ชานนท์และมู่นั่งหลบอยู่ที่ริมกำแพงลับตา
"ในบ้านไม่มีคนอื่นอีกแน่นะ รุ่นพี่"
"ไม่น่านะ ทั้งอาทิตย์ที่ตามมันมาก็ไม่เห็นใครเข้าออกอีก นอกจากพวกมัน" ชานนท์ยกกล้องสอด
แนมขึ้นมา "ในกล้องสอดแนมนี่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต"
"เราไม่ควรลงมือวันนี้เลยจริงๆ ผมว่าเราเตรียมตัวกันน้อยไป" นพบอก
"ผมไม่ใช่คนตัดสินใจต้องถามเธอ?"
จังหวะที่จะหันไปถามรสรินก็ไม่อยู่แล้ว พอทุกคนมองไปก็เห็นรสรินโดดขึ้นกำแพงบ้านสองฝาแฝดไปแล้ว
"นั่นน่าจะตอบแทนนายได้นะ"
ชานนท์ มู่เดินตามไป นพส่ายหัว
หน้าบ้านฝาแฝด เป็นลานหญ้าโล่ง ด้านข้าง บ้านทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้ ทั้งสี่กำลังเดินสำรวจบริเวณรอบบ้าน
"แน่ใจหรอว่าสองคนนั่นไม่กลับมาตอนนี้"
"เราเช็คเวลารายการออกอากาศสดแล้ว มันตรงกับตอนนี้พอดี" ชานนท์บอก
"เจอทางเข้าแล้วค่ะรุ่นพี่"
มู่ชี้ไปที่ประตูกระจกข้างบ้าน มู่เข้าไป รสรินเข้าตาม ก่อนที่ชานนท์และนพจะรั้งท้ายตามไป
ณ ห้องรับแขกถูกประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรู ทั้งสี่กำลังสำรวจรอบๆ พลางพูดไปด้วย
รสรินบอก "ชั้นทวนแผนนะ เรามีเวลาชั่วโมงนึงในการเตรียมตัวดักฆ่าพวกมัน ชั้นรอในห้องน้ำเพื่อ
ฆ่าหนึ่งคน พวกนายสามคนรอที่ห้องรับแขกเพื่อลงมือกับอีกคน นพนายรู้นะว่าต้องทำยังไง"
นพพยักหน้ารับ แต่ก็อดกังวลไม่ได้
"ชั้นรู้ แต่ชั้นว่าเราเสี่ยงเกินไปที่จะทำแบบนี้ เรากลับตอนนี้ยังทันนะ"
รสรินตัดบท "นี่นายนายเป็นอะไรของนาย ถ้านายกลัว นายก็กลับออกไปเถอะ เรามากันตั้งสี่คน"
นพมองหน้าชานนท์ที่ไม่ขอแสดงความเห็นอะไร นพเงียบไม่พูดอะไรอีก อยู่ๆมู่ก็เจอกับบางอย่างเข้า
"ทุกคนตามผังที่เราประเมินมันไม่น่ามีห้องอยู่ตรงนี้นี่ว่ามั้ย?"
จมูกรสรินได้กลิ่นบางอย่าง
"กลิ่นเลือดมนุษย์หลังประตูบานนี้" รสรินบอก
ทุกคนมองกันอย่างแปลกใจ มู่วางกระเป๋า ทั้งสี่ไม่รอช้า รีบควักอาวุธออกมาเตรียมพร้อมก่อนที่รสรินจะนำทุกคนค่อยๆเปิดแง้มประตูบานนี้เข้าไป
ทั้งสี่เข้ามาในห้องทรมาน มีเหยื่อโดนมัดอยู่บนเกาอี้ ชานนท์เข้าไปดู และพบว่า เธอตายแล้ว
เวลาเดียวกัน ในห้องทำงานของมหาสมุทร
ประทีปบอก "ตอนนี้เกือบทุกพรรคตอบรับข้อเสนอของเราแล้ว ส่วนนักธุรกิจระดับท็อปของประเทศ ก็ยังคงยืนยันข้อเสนอเดิม ที่ให้เราใช้ดาดฟ้าของทุกตึกได้ ส่วนผู้มีอิทธิพลเริ่มเข้าแทรกแซง ให้เห็นด้วยกับนโยบายของ CCCO คอร์เปอเรชั่น"
"พอแล้ว สรุปเห็นด้วยกับเรา เอาเรื่องรสรินมาคุยดีกว่า ได้ข่าวว่ารสรินลงมือหนักมาก" มหาสมุทรบอก
"ใช่ครับ รสรินล่าฆ่าคนที่รู้ว่ารติรมย์อยู่ที่ไหน ล่าสุดที่ตาย พวกที่อยู่ในห้องแล๊ปของเรา ท่านว่าเราควรส่งใครไปจัดการดีไหมครับ" ประทีปถามความเห็น
"ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้มันตามหาน้องไป แล้วถ้ามันเจอเราค่อยฆ่าทั้งพี่ทั้งน้อง"
เวลาต่อมา กฤษและกฤษณะกำลังเดินเข้าบ้าน
กฤษพูด "เดี๋ยวชั้นหาอะไรรองท้องก่อน เดี๋ยวตามไป"
"เผื่อด้วย" กฤษณะบอก
กฤษแยกตัวเดินไปครัว กฤษณะเดินตรงไปที่หน้าห้องทรมาน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
กฤษณะเดินผ่านประตูมา โดยไม่ทันสังเกตว่าพวกรสรินหลบชิดผนังอยู่ รสรินทำ
สัญญาณว่าให้เงียบไว้
ชานนท์ จู่โจมทันที
รสรินเล็งปืนไปที่กฤษณะ
"อีกคนอยู่ไหน"
เสียงปืนรัว ปังๆๆ
กฤษ ได้ยินเสียงปืน !
กฤษถีบประตูเข้ามา พอเขาเห็นสภาพกฤษณะก็โกรธพวกรสริน เขากระโจนไปทำร้ายทุกคนและเวลานี้ทั้งสองฝาแฝดก็เริ่มสู้ร่วมกัน กลายเป็นว่าสองคนสู้นั้นพลังจะเพิ่มขึ้น
กฤษโยนมีดให้กฤษณะ ทั้งสองรับส่งอาวุธกันอย่างคล่องแคล่ว เป็นท่วงท่าการต่อสู้ที่สอดรับกันอย่างดี สุดท้ายก็ไม่มีใครต้านทานได้ แม้จะเป็นรสรินก็ตาม
ชานนท์ รสริน มู่ ต่อสู้กับ 2 แฝด ใช้มีดฟันกันนัว ชานนท์โดนแทงที่แขน มู่โดนที่ท้อง รสรินก็บาดเจ็บ แต่เธอก็ฟันกฤษณะได้หลายแผล
นพถูกถีบกระเด็นไปติดผนังเขามองรูปแบบการต่อสู้อยู่สักพัก ไม่นานก็นึกอะไรออก อยู่ๆเขาตะโกน
นพแยกมันจากกันโจมตีตัวที่อ่อนแอก่อน
รสรินทำตาม โจมตีกฤษณะที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ชานนท์กับมู่ฮึดสู้อีกครั้งช่วยโจมตีกฤษณะอีกแรง และไม่นาน รสรินก็ฆ่ากฤษณะได้สำเร็จ ร่างของเขาสลาย รสรินหอบอย่างเหนื่อย เธอมองไปที่กฤษ
ทั้งสองมองหน้ากันแล้ว อยู่ๆกฤษก็ปิดไฟและฉวยจังหวะหนีออกจากห้องไปได้
รสรินไม่รอช้าวิ่งตามไป
"รีบพามู่ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ" นพว่า
พอพูดจบนพก็วิ่งตามออกไป
รสรินตามหากฤษไป แต่กฤษโผล่มาจากด้านหลังใช้ดาบแทงเข้าที่ไหล่ของรสริน
นพออกมาพอดี
"รสริน"
รสริน และ กฤษ สู้กันอย่างดุเดือด รสรินและกฤษตกลงไปในสระว่ายน้ำ
นพกระโดดลงไป เพื่อจะช่วยรสริน
ชานนท์นั่งรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาล Center Care เขาเขย่าขาอย่างกระวนกระวายใจ ไม่นานมีนางพยาบาลเดินออกมา เขาดักถามทันที
"พยาบาลครับเพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง เข้าไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครออกบอกอะไรผมเลย"
"รออีกแป๊บนะคะ เดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้วค่ะ"
พยาบาลรีบเดินออกไป ชานนท์ไม่ค่อยพอใจนัก เขากลับมานั่งสักพัก ไม่นานก็รู้สึกอดรนทนไม่ไหว เขาดันประตู มันล๊อก เขาถีบประตูเข้าไปทันที
เมื่อเข้ามา เขาเห็นบางอย่างแปลกๆ ที่เตียงคนไข้คนหนึ่ง ไม่ไกลจากมู่นัก มีพยาบาลมารุมเจาะเลือดคนไข้เตียงนั้นอย่างผิดสังเกต พร้อมเครื่องมือที่ไม่ใช่การรักษาแน่ๆ มีสายมากมาย ทุกสายกำลังโยงเลือดลงกล่องสีดำ สักพักพอเต็ม พยาบาลก็ถอดสาย พร้อมเก็บเครื่องมือหน้าตาประหลาดลงกระเป๋าแพทย์ไป พยาบาลคนหนึ่งเห็นว่าเขามอง ก็รีบปิดม่านด้วยแววตาดุ
ชานนท์เลี่ยงสายตามาดูอาการมู่
"เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ!"
"คุณเข้ามาในนี้ไม่ได้นะคะ!"
ชานนท์มองม่านที่ถูกปิดที่เตียงมู่ เหมือนเตียงพยาบาลแปลกๆชุดนั้น ชานนท์ตัดสินใจบางอย่าง เขาเดินไปไปถอดสายน้ำเกลือ สายเลือดออกจากตัวมู่ พยาบาลตกใจ
"เดี๋ยวค่ะคุณ ทำอะไรคะ!"
"ขอโทษนะคุณพยาบาล ผมจะย้ายโรงพยาบาล"
แล้วชานนท์ก็อุ้มมู่ออกไปทันที
ชานนท์เข็นมู่ออกมา เตรียมออกไปข้างนอก แต่อยู่ๆมหาสมุทรก็เดินมาขวางด้วยท่าทางสุภาพ
"คุณชานนท์จะรีบไปไหนครับ"
"คุณมหาสมุทร"
มหาสมุทรมองมู่ "ถ้าให้ผมแนะนำ ผมว่าเพื่อนคุณควรรักษาตัวที่นี่ก่อนนะครับ" มหาสมุทรยิ้มเป็นมิตร "ติดขัดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับถึงต้องทำแบบนี้ การบริการ ...หรือเรื่องอื่น"
ชานนท์นิ่งไป ก่อนตัดใจพูดออกมา
"ขอโทษนะครับคุณมหาสมุทร แต่ตอนนี้ผมคงพูดอะไรได้ไม่มาก"
ชานนท์แกล้งเปิดเสื้อแบบไม่จงใจ เผยให้เห็นปืนที่เหน็บมาข้างเอว
"เอาเป็นว่าผมต้องขอนำตัวเพื่อนผมออกจากที่นี่ก่อนแล้วกันครับ รบกวนหลีกทางให้ด้วย
ครับ"
มหาสมุทรที่ยืนขวางอยู่ก็นิ่งชั่วขณะหนึ่ง เขามองชานนท์ด้วยแววตาน่ากลัว แต่สุดท้ายก็เลือกยิ้ม แล้วผายมือให้ชานนท์ออกไป
"เชิญครับ ตามความต้องการของคนไข้"
ว่าแล้วชานนท์ก็พามู่ออกไปได้
ต่อมา ภายในบ้านรสริน
“ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยชั้น” รสรินว่า
“ไม่เป็นไร”
นพยังประสาทตึงอยู่
รสรินใช้แท่งสังหารแทงที่หน้าอกของกฤษ ร่างกฤษค่อย ๆ สลายไป รสรินหลับตาชิม เปลือกตาของเธอขยับไปมารับภาพต่างๆ ก่อนเธอจะลืมตาเมื่อรับข้อมูลเสร็จแล้ว เธอค่อยๆชันตัวลุก
“ชั้น...ขอโทษนะ” รสรินบอกโดยไม่มองหน้า
“เรื่อง?”
“ที่ไม่เชื่อนายตั้งแต่แรก ชั้นควรจะเชื่อคู่หูชั้น ไม่ใช่เชื่อคนอื่นแบบนี้”
นพอมยิ้มดีใจเล็กๆ หัวใจพองโต
“อื่ม ไม่เป็นไร”
ทางด้านมหาสมุทร เริ่มร้อนใจ เขากำลังคุยกับใครบางคน
“เห็นทีงานนี้ชั้นต้องให้นายลงมาดูแล้วล่ะ... เพราะมันเกี่ยวกับรสริน” มหาสมุทรว่า
เบื้องหน้าคือแจ๊ค ในมาดดุ เข้ม
“เรื่องที่หนึ่ง ชั้นไม่รู้ว่าไอ้ตำรวจสองคนนั่นจะสืบถึงไหน ชั้นให้บลูจับตาดูมันสองคนไว้ไม่ให้ถึงตัวชั้น แต่อาทิตย์ก่อนบลูเห็นว่าไอ้ตำรวจสองคนมันร่วมมือกับรสริน”
แจ๊คคิด... เมื่อได้ยืนชื่อรสริน
“เรื่องที่สอง พอมันเป็นเรื่องรสริน ชั้นเลยต้องเรียกนายมา ชั้นรู้ว่านังนั่นมันสนแค่การตามหาน้องมัน และนายก็รู้ว่าถ้ารสรินเจอน้องมันเมื่อไร มันจะเป็นประโยชน์ต่อชั้นมาก”
“แต่ท่านต้องไม่ทำอะไรรสริน ตามเงื่อนไขที่ท่านเคยสัญญาไว้กับผม” แจ๊คว่า
“ชั้นเลยให้นายมาดูเรื่องนี้เองไง นายดูรสริน บลูดูไอ้ตำรวจสองคนนั่น และงานนี้นายกับบลูต้อง
ทำงานด้วยกัน”
บลูเดินออกมา แจ๊คก้มหัวรับคำสั่งไม่พูดอะไร เขาเดินออกไปพร้อมบลู
ภาพบ้านริมน้ำ น้ำสงบนิ่ง สะท้อนแสงจันทร์
รสรินเย็บแผลให้มู่เพิ่งเสร็จ มู่นั่งที่โซฟา
ต่อมา ... อีกด้านหนึ่ง ที่ชานบ้าน นพ รสริน และชานนท์คุยกันอยู่ รสรินและชานนท์กินไอกรีมไปด้วย
“เรื่องวันนี้ที่ทุกคนต้องบาดเจ็บ ส่วนนึงมันก็ผิดที่ชั้นด้วย.... หลังจากนี้ ชั้นขอทำงานแบบเดิมนะ
ที่มีแค่ชั้นกับนพเท่านั้น”
รสรินพูดสีหน้าเรียบเฉย ชานนท์นิ่งไปก่อนยิ้มๆ พูดออกมา
“ได้ ผมเองก็ต้องขอโทษเรื่องวันนี้ด้วยนะ ผมทำทุกอย่างพังไปหมด มู่ก็เกือบตาย
คนที่รสรินตามล่าก็เกือบหนีรอดไปได้” ชานนท์บอกนพ “แผนมันมีช่องโหว่เต็มไปหมด”
“ไม่หรอกครับ ผมแค่...”
ชานนท์ตัดบท “ผิดก็ว่าตามผิดครับ ไม่ต้องแก้ตัวแทนผมหรอก ผมรับตัวเองได้ ทุกคนปลอดภัยก็โอเคแล้ว”
นพยิ้มไม่ได้พูดอะไรอีก
“ต่อไปเราก็แยกกันทำงาน คุณก็สืบเรื่องน้องสาวไป ส่วนผมก็คงกลับไปหาตัวคนฆ่าแม่ผมต่อไป”
ชานนท์ดูแค้นๆ เขาเปลี่ยนเรื่อง เอ่ยขึ้น
“แต่วันนี้ผมเจอเรื่องแปลกๆ ที่โรงบาลของมหาสมุทร เลยจะลองดูเรื่องนี้คู่ไปด้วย”
“มีอะไรให้พวกชั้นช่วยก็บอกแล้วกัน”
ชานนท์พยักหน้า อยู่ๆนพก็ค่อยๆพูด
“ว่าแต่...มีอะไรกินไหมครับ?”
ชานนท์กับนพขำ รสรินไม่ขำ แต่ทั้งหมดก็นั่งอยู่ด้วยกัน บรรยากาศผ่อนคลายลง
เวลาเดียวกัน แจ๊คกับบลูเดินมาในตรอก อยู่ๆบลูพูดขึ้นมา
“ตอนแรกก็ได้ยินชื่อรสรินมานานแล้ว แต่ตอนชั้นเห็นรสรินนี่สิ ชั้นนี่อยากฆ่ามันใจจะขาดอดใจแทบไม่ไหว เห็นว่ามันเก่งนัก”
ทันใดแจ๊คก็จิกกำคอของบลูแล้วผลักติดกำแพงอย่างแรง! พูดใส่หน้าเธอระยะใกล้
“ถ้าแกพูดแบบนั้นอีก! ชั้นรับรองแกจะตาย ก่อนที่แกจะรู้สึกตัว”
บลูยิ้มกระซิบข้างหูแจ๊ค
“แน่ใจหรอ?”
ปรากฏว่า บลูก็ถือมีดสั้น เล็งไปที่ข้างรักแร้แจ๊ค ตำแหน่งตรงหัวใจ แจ๊คกัดฟันแบบสัตว์ป่า
“ลองได้นะ”
บลูยิ้มยั่ว ก่อนแจ๊คจะปล่อยบลูลง ทั้งสองเดินต่อ
“แหมเริ่มเป็นคู่หูกันวันแรกก็สนุกเลย”
ทั้งสองเดินเลี้ยวไปในตรอกมืดอีกซอย และหายไปพร้อมเงามืดของค่ำคืนนั้น
รุ่งขึ้น ... บรรยากาศออฟฟิศยังคงทำงานกันตามปกติ
เสียงนพบอกเล่า “โลกนี้สร้างคู่หูมาเพื่ออะไร....”
พนักงานออฟฟิศคู่หนึ่งนั่งดูละครกัน อีกคู่กินอาหารคลีนเหมือนกัน และอีกคู่แอบเล่นเกมส์ออนไลน์กันในออฟฟิศ
“อาจจะเพื่อเรื่องง่ายๆ แค่คนที่เราอยากแชร์สิ่งที่เราชอบเหมือนๆกัน”
รถชานนท์จอดติดไฟแดง ชานนท์พามู่กลับ เธอหลับอยู่เบาะหลัง เขาติดไฟแดงมองเธอผ่านกระจก
ก่อนหยิบผ้าห่มมาห่มให้มู่อย่างเป็นห่วง
“เพื่อดูแลกันและกัน...”
แจ๊คบลูกำลังส่องกล้องมาที่ตึกของนพและรสริน ทั้งสองนั่งไม่ได้สนใจกันนัก สนใจแต่เป้าหมาย
“เพื่อตั้งคำถามต่อกัน และเพื่อปรับตัวเพื่อให้ได้คำตอบ”
บนถนนอีกเส้นหนึ่ง นพซ้อนมอเตอร์ไซค์รสรินไปทำงานเช้า รสรินขับไวตามเคย มือนพเกาะแน่น
“เพื่อมีช่วงเวลาที่แย่และช่วงเวลาที่ดี”
นพค่อยๆปล่อยมือผ่อนคลายลง
“เพื่อให้เวลาพิสูจน์... และยอมรับในตัวกันและกัน”
ท้ายเบาะ... นพยิ้มและผ่อนคลาย เขาปล่อยมือได้เสียที
บรรยากาศเงียบสงบในวันหยุด ที่บ้านของรสริน
นพที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ นพเสก๊ตช์ภาพชายคนหนึ่ง
รสรินเดินมา ก้มมองกระดาษในมือนพ
“วาดตั้งนานได้แค่นี้เหรอ”
นพวาดไปเรื่อยๆ เพิ่มรายละเอียดทีละนิด เขาเหลือบมองรสรินก่อนแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำไมคราวนี้นายช้าจังเลย”
“ไม่รู้สิ ก็คำอธิบายเธอมันไม่ชัดนี่”
นพเงยหน้ามองรสรินในระยะใกล้
“จ้องอะไรใกล้ขนาดนั้น”
นพกระแอม แอบเขิน “มันเป็นเรื่องของ...การสื่อสารด้วยจิตไง จ้องตาเธอ แล้วมันช่วยให้สื่อได้ชัดขึ้น”
“จริงเหรอ”
รสรินจ้องหน้านพ นพเขินหน้าแดง หลบตา
“อ้าว แล้วหลบตาทำไม”
“เอ่อ…โอเคแล้ว สัญญาณมันได้แล้ว”
นพก้มหน้าวาดรูปต่ออย่างเร็ว จนเห็นเป็นภาพแวมไพร์ฝรั่งอย่างชัดเจน
รสรินมองนิ่งๆ
นพเขินแอบยิ้ม
จอหนังในโรงหนังโบราณแห่งหนึ่ง แวมไพร์ฝรั่งนั่งดูหนังอยู่
ไม่นาน แวมไพร์ฝรั่งสีหน้าหวาดระแวง
แจ๊ค นั่งห่างออกไปสองสามแถวทางด้านหลัง
แวมไพร์ฝรั่งหันไป แต่ร่างแจ๊คหายไป
แล้วแจ๊คก็มาโผล่อีกข้างแล้วบีบคอแวมไพร์ฝรั่ง
แจ๊คกับแวมไพร์ฝรั่งต่อสู้กัน
“อะไรวะเนี่ย”
แวมไพร์ฝรั่งหนี การไล่ล่าเป็นไปอย่างสูสี
จังหวะหนึ่ง ... แวมไพร์ฝรั่งได้เปรียบ หันหลังมากระโดดถีบแจ๊ค แจ๊คโดดไต่กำแพงเพื่อหลบแล้วต่อยกลับไป
แวมไพร์ฝรั่งวิ่งหนีออกจากโรงหนังไป
แจ๊คติดตามไม่ลดละ วิ่งเลี้ยวตามมา แต่ปรากฏว่า แวมไพร์ตัวนั้นหายไปแล้ว แจ๊คมองหาไม่เจอ แต่อยู่ๆแวมไพร์ตัวนั้นก็กระโจนออกมาจากเงามืด
สองคนสู้กันในระยะประชิด สูสี เราจะเห็นว่า จริงๆแวมไพร์ฝรั่งตัวนั้นมีรูปร่างใหญ่กว่าแจ๊คเยอะ
แวมไพร์ฝรั่งได้เปรียบ จับแจ๊คอัดเข้ากับกำแพง แล้วค่อยๆดันมือแจ๊คสองข้างให้ชิดกำแพง
“แจ๊ค แกมายุ่งกับชั้นทำไม!” แวมไพร์ฝรั่งถาม
“ชั้นรู้นะว่าแกคิดจะทำอะไร ถ้ารสรินรู้เรื่องพ่อจากแกแล้วจะยุ่ง ชั้นต้องชิงลงมือฆ่าแกก่อน”
“ถามจริง แกไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ”
ใบหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยน แยกเขี้ยว เตรียมกัดแจ๊ค แจ๊คกระแทกเข่าเข้าที่ท้องแวมไพร์ฝรั่ง จนกระเด็นออกมาจากกำแพง แวมไพร์ฝรั่งตีลังกาลงมายืนตั้งหลักบนพื้น
แจ๊คดึงมีดออกมาฟัน แวมไพร์ฝรั่งกระโดดหลบ แต่มีดโดนขาแวมไพร์ขาด
แวมไพร์ฝรั่งร้องเจ็บปวด !
แวมไพร์ตัวนั้นร้องเจ็บปวด ขาคุกเข่าลงเลือดเต็มขา แจ๊คที่ยืนอยู่เงื้อดาบเตรียมฟันคอ
แต่แวมไพร์ฝรั่งไม่ยอมแพ้ ใช้มือกระชากข้อเท้าแจ๊คจนเขาล้มลง ก่อนจะลุกและกระโดดขาเดียว
ขึ้นกำแพงหนีเข้าตึกใกล้ๆอย่างสาหัส แจ๊คส่ายหัว
“แม่งเอ๊ย!”
แจ๊คหงุดหงิด เดินตามทางเดินที่เป็นห้องพัก เขาถือปืนทั้งสองมือเตรียมพร้อม แจ๊คเดินมองประตูห้องต่างๆยังไม่มีอะไรผิดสังเกต จนกระทั่งเขาเห็นรอยเลือดหยดหน้าห้องหมายเลข 24 เขาหยุดยืนหน้าห้องนั้น
ก่อนจะถีบ เปรี้ยง! ประตูพัง และเปิดกว้างออก เขามองไปภายในที่มืดสนิท ก่อนค่อยๆเล็งปืนและเดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง
ด้านในห้อง แวมไพร์ฝรั่งหลบอยู่ปลายเตียง สีหน้าตกใจกับเสียงถีบ สภาพเขาเจ็บหนัก เขาค่อยๆลุกกระเผลกออกไป ความจริง เขาอยู่อีกห้องซึ่งไม่ใช่ห้องที่แจ๊คเข้ามา เพราะประตูภายในห้องมันยังปิดสนิท
แวมไพร์ฝรั่งเดินไปที่ประตูห้อง ค่อยๆแง้มเปิดประตูออกไป เห็นหยดเลือดบ่งบอกว่า ที่แท้เขาแอบอยู่ห้องข้างๆที่แจ๊คเข้าไป และห้องของเขาคือหมายเลข 23
แวมไพร์ฝรั่งคลานไปที่เตียง หยิบเข็มฉีดยามาปักหัวใจตัวเองแล้วดูดเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง สีหน้ามุ่งมั่น
“ถึงชั้นต้องตาย ยังไงซะก็ขอให้รสลินเจอมันนะ”
แวมไพร์ฝรั่งซ่อนเลือดหลอดนั้นไว้ที่ใต้เตียง
แวมไพร์ฝรั่งควักมีดก่อนเดินออกจากห้องหมายเลข 23และเข้าห้องหมายเลข 24อย่างเงียบเชียบ หมายจะเตรียมอ้อมหลังเพื่อฆ่าแจ๊คที่เพิ่งเข้าไป
ภายในห้อง23 ที่หน้าต่าง แจ๊คเพิ่งปีนเข้ามา เขาเอากระบอกเก็บเสียงใส่ปากปืน ก่อนเดินออกมา
จากห้อง 23 เขามองไปในความมืดของห้องหมายเลข 24 ก่อนก้าวเข้าห้องไปเพียงก้าวหนึ่ง แวมไพร์ฝรั่งหันหลังหาเขาอยู่
“ตาย!”
ฟั่บ! แวมไพร์ตัวนั้นถูกยิงหัว เซไปที่หน้าต่างห้อง มือปัดป่ายไปถูกรูปภาพตั้งโต๊ะ เป็นรูปแวมไพร์ฝรั่งคนนั้น แจ๊คไม่รอช้ากระโจนดันเขาไปติดหน้าต่างแล้วยิงจากด้านหลัง ก่อนจะจับแวมไพร์ตัวนั้นหันหน้ามา เลือดไหลออกมาไม่หยุด
แวมไพร์ฝรั่งร้องเจ็บปวด
แจ๊คตอกลิ่มลงไปบนหน้าอก ก่อนร่างแวมไพร์ฝรั่งจะไหลลงไปกองกับพื้น
ภายในออฟฟิศ รสรินกำลังชงกาแฟที่มุมกาแฟ เสียงของนพบรรยาย
“คุณรู้มั้ยครับผมเห็นอะไร?”
อยู่ๆภาพก็เกิด Slow รสรินทำทุกสิ่งอย่างเชื่องช้า แสงนวลจ้าขึ้นทันที
“Bullet Time....ที่เคยเกิดขึ้นตอนผมเล่นเกม ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันจะเกิดจริงๆต่อหน้าต่อตา”
ภาพรสรินผมยุ่ง เธอสะบัดผม ช้า
“ทุกอย่างเชื่องช้าในสายตาผม”
รสรินคนกาแฟ เติมน้ำตาล กระพริบตา ในจังหวะช้ากว่าปกติ
“วิธีคนกาแฟ วิธีเติมน้ำตาล การกระพริบตาของเธอ ทุกอย่างที่เธอทำมันพิเศษ แม้มันจะธรรมดาแค่ไหนก็ตาม”
รสรินหันมองมาทางนพ อย่างช้าๆ
“ครับ ผมว่าผมมีความรัก...”
เพี๊ยะ! นพถูกตบหัวอย่างแรง ภาพทั้งหลายเป็นจังหวะปกติ
“อะไรวะ!”
นพหันไปเป็นณัฐวุธที่ตบหัวเขา และนพนั่งอยู่ที่แผนกของตนเอง
“นี่ไง! โดนบล๊อกเลยมั้ยล่ะมึง ตื่นได้แล้ว! เหม่ออยู่ได้ช่วยกันทำงาน”
“เออๆ”
นพเกาหัวเจ็บๆ เขามองรสรินอีกที เห็นเธอชงกาแฟปกติ เขาอดอมยิ้มไม่ได้
ต่อมา ที่โรงอาหาร นพกับรสรินกำลังกินข้าวกัน นพกินไปอมยิ้มไป รสรินมองนพอดแปลกใจไม่ได้ จึงถาม
“นี่ นายเป็นอะไรรึเปล่า ยิ้มแบบนี้มาอาทิตย์แล้ว”
“อ..อ่อเปล่าๆ แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”
“หัวใจนายก็เต้นดังนะ ป่วยรึเปล่า”
“โฮ่ย อย่าคิดมาก ปกติ ชิวๆ”
รสรินพยักหน้าทานอาหารต่อ นพปาดเหงื่อ...รอดไป ไม่นานนพเริ่มถามต่อ
“เออนี่ ขอถามเรื่องแวมไพร์หน่อย”
“ว่ามา”
“มันเคยมีมั้ย คนกับแวมไพร์รักกันน่ะ?” นพอยากรู้
“เยอะแยะ”
นพตื่นเต้นดีใจ ถามต่อ “หรอ แล้วเป็นไง?”
“คนมักจะถูกทิ้งมั้ง”
นพห่อเหี่ยวลงทันใด
“เพราะ อะไรอ่ะ”
“แวมไพร์ไม่มีหัวใจ หมายถึง...ไม่ค่อยมีความรู้สึกกับมนุษย์น่ะ มันเป็นไปได้ยาก เพราะแวมไพร์จะรู้สึกรักหรือผูกพันจากทางเลือด มันมากกว่าการที่มาทำอะไรดีๆ ให้กัน เหมือนที่มนุษย์ทำกัน”
นพได้ฟังคำตอบก็แอบมีเฟล
“แล้วถ้าสมมุติมีมนุษย์คนนึงจะรักกับแวมไพร์ต้องทำไงอ่ะ”
รสรินมองหน้านิ่ง
“เอ่อ..ก็ ถามเอาความรู้น่ะ เก็บข้อมูลไง”
“ถ้าจะให้แนะนำคนๆนั้นก็ ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าแวมไพร์รักตอบ เกิดอยากอยู่ด้วยกันไปนานๆ”
“ก็ดีสิ”
“ระวังจะโดนกัดนะ”
นพอึ้งๆ กึ่งมีความหวังกึ่งขนลุก กินข้าวต่อ ไม่นาน...กุ๊บกิ๊บเดินมา เห็นทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน เธอหรี่ตาก่อนจะยิ้ม แล้วเดินถือข้าวไปนั่งด้วย
“นั่งด้วยได้มั้ยจ๊ะ นพ รสริน”
“ก็นั่งแล้วนี่คะ”
กุ๊บกิ๊บอึ้งไป แต่ก็ปั้นหน้าต่อ
“เห็นนั่งกินกันสองคนกลัวเหงาน่ะ”
เป็นจังหวะที่รสรินกินขอาหารเสร็จพอดี
“กินเสร็จพอดี ขอตัวนะคะ”
รสรินพูดจบก็เดินไปทันที นพยังไม่ทันพูดอะไรต่อ กุ๊บกิ๊บก็ขยับเข้าใกล้ ตักกับข้าวใส่จานนพ
“นี่นพ กินนี่เยอะๆสิ ชั้นกินไม่หมดหรอก”
นพเกรงใจแต่ปฏิเสธไม่ได้ เขามองรสรินที่เดินไปเก็บจานแล้วเดินออกไปอย่างเสียดาย
ที่ร้านกาแฟ มู่มาเสิร์ฟ ทั้ง 4 คนคุยกันอยู่
“ที่โรงหนังเก่าเหรอ”
“อื่ม ใช่ เป็นฝรั่งด้วย นี่MAP ชั้นตีวงแค่บริเวณคร่าวๆนะ”
นพยื่นแผนที่ที่มี Pin ให้รสริน เธอดูข้อมูลตาม
“นายนี่ก็เป็นตำรวจได้เลยนะ” มู่ว่า
นพเขิน ถ่อมตัว “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ตำรวจทำงานละเอียดกว่าผมเยอะ”
ชานนท์ดื่มกาแฟไป รสรินกินเสร็จก็พูด
“กินเสร็จไปดูกัน”
“ได้” นพบอก
ชานนท์บอก “งานนี้ผมขอตัวนะ อย่างที่ตกลงกันไว้ ผมทำงานของผม พวกคุณทำงานของพวกคุณไป ระวังตัวนะ” ชานนท์ว่า
“อื่ม”
มู่มีความรู้สึกบางอย่างกับคำพูดประโยคนั้นของชานนท์
บรรยากาศย่านที่ดูคลาสสิค
ในซอยใกล้ๆโรงหนังเก่า นพเดินใส่แว่น จดๆ คิดๆในกระดาษ เขามายืนหน้าตึกอพาร์ตเม้นเก่าๆแห่งหนึ่ง
เขากางกระดาษออกมา เป็นภาพสเก๊ตแปลกๆเหมือนเป็นตัวหนังสือ เหมือนเป็นป้ายๆนึง แต่ก็อ่านไม่ออก
“ชั้นว่าคนที่เธอตามหาน่าจะอยู่แถวๆนี้ล่ะ แต่รูปนี้ ชั้นคิดไม่ออก”
รสรินก็มองไม่ออก นพกวาดตามองรอบๆ อยู่เขาเห็นน้ำขังที่พื้น เขาลองเดินไป
นพมองภาพสเก๊ตช์ไปด้วย “ชั้นว่าที่เธอเห็นน่าจะเป็น...”
นพเอียงคอมองกลับหัว เห็นเงาสะท้อนน้ำ เป็นป้ายอพาร์ตเม้นเก่าๆกลับหัว ตรงกับที่ในภาพสเก๊ตช์เป๊ะๆ
“ตึกนี้ล่ะ”
สองคนไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปในอาคาร
ต่อมา ... รสรินและนพยืนอยู่หน้าห้อง หมายเลข 24 สองคนมองหน้ากัน นพพยักหน้าทำนองว่าห้องนี้ล่ะ รสรินเริ่มสะเดาะกุญแจ นพดูต้นทาง ไม่นานก็ได้เข้าไปในห้องนั้น
สองคนเดินเข้ามาช้าๆ เปิดไฟ มองทั่วห้อง เห็นเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีแม้แต่เฟอร์นิเจอร์
“แยกกันตรวจดูเผื่อเจออะไร”
ทั้งสองแยกกันหาหลักฐานอย่างละเอียด เขาผ่านถ่ายรูปส่วนต่างๆของห้อง
รสรินกับนพเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนในถนนข้าวสาร สีหน้าทั้งคู่ดูผิดหวัง อยู่ๆนพก็พูด
“เราตามเบาะแสที่ได้จากเธอมาจนเจอที่นี่ได้ แต่พอมาถึงแล้ว ทำไมไม่เจออะไรเลย มันเป็นไปได้
ยังไง”
นพค่อนข้างแปลกใจ รสรินเดินนิ่งไม่พูด
“ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าห้องนั้นใครเคยอยู่ หลักฐานในห้องก็ไม่มีอะไรเชื่อมโยงไปต่อเลย
เธอพอนึกอะไรออกมั้ย”
“ไม่” รสรินตอบสั้นห้วน
“งั้นถ้านี่เป็นทางตัน เราคงต้องสืบจากอย่างอื่น”
สองคนเดินต่อไป โดยหารู้ไม่ ... ในฝูงชน แจ๊คมองอยู่ไกลๆ แอบลอบสังเกต เขากดโทร.หาฟ้าดินรายงาน
“ตัดตอนการสืบของรสรินแล้ว น่าจะหายห่วงครับ ... ครับ”
ก่อนแจ๊คจะวาง ไม่นานบลูก็มาเสริม เธอถือหมูปิ้งกินไปด้วย
“จะได้ผลหรอ ...แน่ใจหรอว่าการกำจัดไม่ใช่การตั้งคำถาม ยิ่งคนสงสัย มันก็ยิ่งต้องหาคำตอบนะ”
แจ๊คเดินนิ่งไม่ยอมพูดต่อไป บลูยักไหล่ไม่แคร์ที่แจ๊คเมิน กินหมูปิ้งต่อ
“งั้นชั้นไปล่ะ ไปดูไอ้ตำรวจสองคนนั่นหน่อย”
แจ๊คและบลูเดินแยกตัว หายไปในฝูงชนบนถนนข้าวสาร
ในรถมู่ ชานนท์และมู่นั่งอยู่เบาะหน้า พวกเขากำลังส่องกล้อง เฝ้าดูการเคลื่อนไหวภายนอกโรงพยาบาล ชานนท์เบื่อๆ ก็หาว
“ตกลงเราต้องเฝ้าโรงบาลอย่างนี้ทุกสาขา ทุกคืนเลยหรอ”
“อ้าว ใช่สิรุ่นพี่ ก็ตามแผนพี่ไงคะ ถ้าเราหาความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างได้ เราก็จะจับทางการสืบได้”
“เฮ้อ น่าเบื่อ”
“อย่ามาทำตัวเหลาะแหละสิรุ่นพี่ แผนรุ่นพี่เองนะเนี่ย”
“เฮ้ย มู่ แกว่าใคร ฮะ กล้าสอนชั้นเหรอ”
“เปล่าๆ พี่”
ชานนท์หาวอีกรอบพร้อมทำหน้าเซ็งๆ อยู่ๆมู่สังเกตเห็นอะไร
“ดูๆๆนั่นไงๆ รุ่นพี่มันมาอีกแล้ว”
มู่ถ่ายรูปรถตู้สี่คันที่วิ่งมาไว้ ก่อนวิ่งหายไปในลานจอดรถอาคารโรงพยาบาล ชานนท์วางกล้องส่องทางไกล เขาพูดสรุป
“ในทุกคืน รถตู้สี่คันจะออกจากตึกใหญ่ไปโรงบาลสาขาทุกแห่ง เธอลองวิเคราะห์สถานการณ์ซิ”
“เขาอาจจะส่งยาก็ได้นะรุ่นพี่ นี่โรงบาลนะ”
“มันไม่เหมือนบุรุษพยาบาลนะ นี่มันมีอาวุธด้วย นี่มันพวกอันธพาลชัดๆ”
ชานนท์ส่องกล้องไปทางเข้าลานจอดรถ มีการ์ดร่างใหญ่สองคนยืนคุมอยู่ ทั้งสองมีอาวุธ
“แถมอาวุธหนักครบมือ เธอว่ายาประเภทไหนต้องการคนคุ้มกันขนาดนี้ เธอลองวิเคราะห์สิ”
มู่ หาว
“เออๆ วันนี้เลิกงานก็ได้”
มู่ละเมอยิ้ม ทำปากแจ่บๆ ชานนท์ขำ เขามองเธอด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอดเสื้อคลุมตนเอง แล้วห่มให้มู่ แล้วขับรถออกช้าๆ แผ่วเบา
เมื่อรถออกไป บลูยืนมองพวกเขาอยู่ ก่อนเธอจะเดินเข้าโรงพยาบาลไป
นพนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในบ้านตัวเอง บนจอ นพเปิดดูรูปที่ถ่ายมาในวันหาเบาะแส เขาค่อยๆ เปิดดูทีละรูปก็ยังไม่ได้อะไร
เขานั่งคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจโทรศัพท์ รออยู่สักพักเหมือนไม่มีคนรับสาย เขาเลยพิมพ์บางอย่างใน
โทรศัพท์ แล้วหยิบเสื้อคลุมออกไป
เวลาเดียวกัน เสียงอาบน้ำดังมาจากในห้องน้ำ โทรศัพท์ที่รสรินวางอยู่บนผ้าขนหนู
อยู่ๆ LINE ก็เด้งขึ้น มีข้อความ
‘จะไปตรวจเบาะแสอีกรอบ ว่างๆตามมานะ’
โทรศัพท์ตั้งอยู่แบบนั้น แต่เธอไม่ได้ยิน
ท่ามกลางความมืด มีเสียงกุกกัก ก่อนแสงจากประตูจะสว่างออก นพรีบแทรกตัวเข้ามากลัวคนด้านนอกเห็น
เขาเปิดไฟห้อง มองรอบ ๆ ก่อนเริ่มทำการสำรวจยังจุดต่าง ๆ อย่างละเอียดซ้ำอีกรอบ เริ่มจากผนัง
ด้านนึงไปยังผนังด้านนึง และเมื่อมาถึงริมหน้าต่างกำลังจะผ่านไป นพเห็นร่องรอยผิดปกติบางอย่าง ที่เตียงมีรอยเลื่อน
นพอธิบายสิ่งที่เห็น “ แสดงว่ามีการขยับเพื่อจะซ่อนอะไรบางอย่าง”
ในที่สุด นพเปิดเจอเข็มฉีดยาที่มีเลือดอยู่
“ต้องให้ได้แบบนี้เด้”
โดยที่เขาไม่รู้ ด้านหลังนพ ประตูค่อยๆเปิดออกช้าๆ เป็นเงาของใครบางคนเปิดเข้ามา
รสรินในชุดนอนกำลังลับมีดอย่างสงบใจ
เธอหยิบโทรศัพท์ดู เห็นเป็นข้อความนพ เธอก็ตาโต
“นายโง่เอ๊ย! ใครเค้าให้ไปคนเดียว”
รสรินรีบเดินออกไป
ที่ห้องพักหมายเลข 24 นพเจอเข็มฉีดยาที่มีเลือดของแวมไพร์ฝรั่งที่ซ่อนไว้
“ถึงชั้นต้องตาย ยังไงซะก็ขอให้รสรินเจอมันนะ”
นพยิ้มอย่างพอใจ เขาพิมพ์ไปหารสริน “ได้เลือดแล้วนะ”
ในจังหวะอารมณ์ดีชวนยิ้ม นพหันไปก็ต้องผงะ ! เมื่อเจอแจ๊คยืนอยู่
“ไง”
นพไม่ทันตอบ แจ๊คไม่รอช้า เข้าบีบคอ ชิงเลือดในเข็มฉีดยา และดันร่างนพ ยื่นครึ่งตัวออกมานอกหน้าต่าง นพเสียวตก
“แกอยากตายมากนักหรอ!”
“แก!” นพหายใจไม่ออก “อ่อก! คนที่เคยช่วยรสริน ทำไมแก... อ่อก...”
นพพูดไม่ออก โดนแจ๊คบีบคอ
“ชั้นเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้!”
นพดิ้น เริ่มขาดอากาศ เขาควักกระเป๋ากางเกง หยิบบางอย่างออกมาอย่างยากลำบาก มันคือมีด
นพฉวยโอกาส ปาดเข้าที่ข้อมือแจ๊ค! แจ๊คปล่อยมือทันที เลือดแจ๊คกระจาย
แจ๊ครีบเอาผ้าพัน นพรีบวิ่งหนีเตรียมออกจากห้อง นพเปิดประตูได้ เตรียมออก แต่ ปัง!!!! ประตูปิดอีกครั้ง เพราะการเคลื่อนที่เร็วของแจ๊คมาขวางไว้ เขาต่อยนพกระเด็นไปติดผนัง นพกุมท้อง
นพรีบลุกมา ถือมีดตั้งท่า แจ๊คยิ้มนิดๆ
“แกมันรนหาที่เอง”
แจ๊คควักมีดสั้นคู่ออกมา ควงหนึ่งทีด้วยความคล่องแคล่วก่อนกระโจนเข้าหานพ! นพหลับตาปัดป่ายมีดและก่อนที่จะถึงตัวนพ!
ใครบางคนก็จับขาแจ๊ค และเหวี่ยงเขาไปติดผนังอีกด้านจนกำแพงร้าว
นพลืมตามาเห็นรสรินในมือถือดาบ มาขวางไว้
“แกเป็นใคร!”
รสรินกำดาบแน่น มองไปทางแจ๊ค
แจ๊คยิ้มอย่างเจ็บปวดใจ
“หยุดซะ รสริน ถ้ายังห่วงน้องสาวของเธอ ห่วงไอ้หมอนั่น หยุดตามหาความจริงเรื่องน้องสาวซะเถอะ ครั้งหน้า...เธอจะไม่โชคดีย่างนี้”
แจ๊คผลักรสรินไปด้านหน้า เธอเซ ก่อนจะตั้งหลักหันกลับมาพร้อมกวาดมีด แต่ไม่ทันเสียแล้ว แจ๊คได้หายตัวไปที่ตรงนั้นแล้ว รสรินตกใจ
นพหอบ “เป็นไงมั่ง”
“มันไว้ชีวิตชั้น”
“ตอนเธอรักษาตัวมันก็ไว้ชีวิตเธอ มันเป็นใคร” นพว่า
“ชั้นไม่รู้...”
รสรินเก็บอาวุธ
“มันได้เลือดไปด้วยใช่ไหม”
นพพยักหน้า
“อือ”
รสรินทำท่าเซ็ง แต่อยู่ๆนพก็ยิ้มอย่างมีแผน
“ได้ไป แต่นั่นไม่ใช่ของจริงนะ นี่ต่างหากของจริง” นพบอก
เขาหยิบเข็มฉีดยาอีกอันออกมา รสรินแปลกใจ นพยิ้มพอใจ
บรรยากาศภายในบ้านรสรินดูอบอุ่น เสียงคุยกันของคนทั้งคู่
“อย่าดิ้นสิ”
“เธอก็เบาๆสิ มันเจ็บนะ”
“ตอนทำ ทำไมไม่คิด นายไม่ควรไปที่นั่นคนเดียว”
รสรินกำลังพันแผลที่ท้องให้นพ โดยนพถอดเสื้อ รสรินพันให้ นพดูเขิน
“มือเธอก็เบาเหมือนกันนะ”
“ชั้นเคยเป็นพยาบาล”
“โหดๆอย่างเธอเนี่ยนะ นึกว่าถนัดแต่ฆ่าคน”
“ฆ่านายก็ได้นะ”
รสรินแกล้งมัดแน่น
“โอ่ย! ชั้นล้อเล่นน่ะ แค่กำลังจะบอกว่า มิน่าเธอถึงดูแลคนอื่นดี ...ขอบคุณนะที่กลับมาช่วยชั้น” นพบอก
มือรสรินนิ่งไปนิด เธอทำหน้าคิด ก่อนจะพันแผลต่อไป
“เสร็จแล้ว นายรีบพักเถอะ จะนอนนี่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรชั้นกลับไหว”
นพจะหยิบเสื้อข้างรสริน รสรินจะหยิบยาข้างนพ ทั้งสองจะหยิบสองสิ่งสวนทางกัน ทันใดทั้งคู่ก็หยิบ
พร้อมกัน ทำให้หน้าของทั้งสองสัมผัสกัน
นพมองรสรินระยะใกล้ รสรินหลบตา
รสรินเขินหน้านิ่ง “มองอะไร”
“เอ่อ โทดที”
นพหลบตารสริน
“เออ ชั้นกลับก่อนนะ”
“อืมๆ”
รสรินแกล้งเก็บยาไป นพแกล้งใส่เสื้อไป ก่อนนพจะเดินออกจากบ้านไป
พอนพเดินออกไป รสรินจับแก้มตัวเอง เธอมีสีหน้าแปลกใจ รอยยิ้มเธอปรากฏชั่วครู่ก่อนจางหายไป
ที่โรงเลือดใต้ดิน แจ๊คถูกลงทัณฑ์
แจ๊คโดนไฟซ๊อตแจ๊คจนตัวสั่นสะท้าน
“โอ๊ย...”
มหาสมุทรลงมือเอง เอาไฟช๊อตแจ๊ค และแจ๊คถูกลูกน้องมหาสมุทรใส่ถุงมือยางจับแขนคนละข้าง ดูจากสภาพ เขาคงเคยโดนมาหลายทีแล้ว บลูยืนยิ้มเยาะอยู่ไม่ไกล
“นี่สำหรับความไม่รอบคอบ ทุเรศจริงๆ”
แจ๊คเลือดกบปาก
“ขอโอกาสผมอีก...”
“โอกาสแกถูกใช้ไปแล้ว ตอนนี้ชั้นคงต้องจัดการนังรสรินด้วยวิธีชั้นเอง” มหาสมุทรมองบลู
บริเวณห้องโล่งที่เป็นคุกใต้ดิน แจ๊คถูกมัดไว้กับเตียง
บลูยืนเผชิญหน้า พูดจาแหย่
“ชั้นว่าจะไปฆ่ารสลิน จะให้เอาอะไรติดไม้ติดมือมาฝากมั้ย...อย่างหัวมัน หรืออะไรที่แกชอบเป็นพิเศษ”
แจ๊คโกรธ “แกห้ามแตะต้องเธอ ถ้าเธอเป็นอะไร ชั้นสัญญาแกตายแน่”
บลูยิ้ม
“ไม่ไปดีกว่า เพราะท่านบอกว่า ยังไงซะ การเสพเลือดจากหัวใจแวมไพร์เพื่ออ่านความแบบนั้น เดี๋ยวร่างกายมันรับไม่ไหว มันมีผลข้างเคียงนะ”
แจ๊คตกใจ เป็นห่วงรสลิน
“รสริน จะเป็นยังไง”
“ท่านบอกว่า ยิ่งเสพ เดี๋ยวมันก็จะคลั่ง เลือดตีกันในร่างกายจนเป็นบ้าหรืออาจจะตาย”
แจ๊คโกรธจัดทนไม่ไหวตะโกน!
“ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อ หุบปาก!”
แจ๊คกัดฟันโกรธ ตัวสั่น หายใจแรง
บลูมองแจ๊คเหมือนเสพปฏิกิริยาโกรธ ก่อนที่บลูจะยิ้มเบาๆ กวนๆ ทิ้งคำพูดไว้ แล้วเดินออกไป
“ไว้มาเยี่ยมใหม่นะเพื่อน”
แจ๊คถูกขังอย่างเดียวดายในคุกใต้ดิน
ต่อมา นพนั่งทำงานอยู่ เขามองที่โต๊ะรสริน เห็นว่ารสรินไม่มาทำงาน เขาโทร.ไปก็ไม่รับ เขานั่งเขย่าขาสักพักก่อนตัดสินใจ หยิบกระเป๋าออกจากแผนก
ณัฐวุธถาม “เฮ่ย มึง ไปไหน”
“ลางานครึ่งวัน ป่วย”
นพเดินออกไป ณัฐวุธเกาหัวงงๆ ไม่เข้าใจ
นพเดินเข้าบ้านรสรินมาด้วยความเป็นห่วง เขามองรอบๆไม่มีคนอยู่ แล้วจังหวะที่จะเดินไปที่ครัว อยู่ๆรสรินก็เดินถือข้าวออกมาเกือบชนร้อง “เย้ย!”
“อ่าว นาย ทำไมไม่ไปทำงาน”
“ชั้นสิต้องถามเธอ ทำไมไม่ไปทำงาน”
รสรินเดินนำมาที่โต๊ะกินข้าว
“ก็ แค่ไม่อยากไปทำงาน”
“ไม่อยากไปทำงาน เธอขี้เกียจเป็นด้วยหรอ” นพถามด้วยความแปลกใจ
“อือ”
“แล้วโทร.มาไม่รับอ่ะ”
“ปิดเสียงไว้ ลืม”
นพทำหน้าแปลกใจ รสรินเปลี่ยนเรื่อง จังหวะหนึ่งรสรินทำแกงหกใส่มือ
“ไหนๆก็มาแล้ว กินข้าวก่อนสิ”
นพพยักหน้า นั่งทานว่าตามอย่างง่าย
“ล้างมือก่อนนะ”
รสรินเดินออกไป
รสรินเดินเข้ามาห้องน้ำ เห็นอ่างล้างหน้าที่แตกไปครึ่งหนึ่ง เธอล้างมือ ล้างหน้า ก่อนมองที่กระจก ใบหน้าที่เปื้อนน้ำหยด เธอมองไปในแววตาตนเอง นิ่ง นาน...
ฉับพลันเลือดก็ไหลออกจากจมูกของรสริน
ภาพเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามาในความคิดของรสริน
ที่บ้านรสรินบรรยากาศอบอุ่นยามเย็น แสงทองส่องเข้ามากระทบบางส่วนของบ้าน
นพกับรสรินกินข้าวด้วยกัน
เสียงนพบรรยาย “ปัญหาของความรักคืออะไรรู้มั้ยครับ”
นพยิ้ม
“เมื่อคุณรู้ว่าคุณรัก..คุณจะอยากได้มัน”
นพตักกับข้าวให้ รสรินรับมากิน
“และเมื่อคุณยังไม่ได้มัน ไอ้ Bullet Time ที่ผมเคยบอก....มันจะกลายเป็นการรอคอยที่แสนยาวนาน
ทันที..”
นพมองกับข้าวที่ตักให้รสริน เธอไม่กินเสียที
“ทุกอย่างที่เคยเห็นยังคงชัดเจน ..เธอยังคงสวย ในแบบที่เคยเป็น”
รสรินทัดผม
“แต่มันจะมาพร้อมกับการคาดหวังและผิดหวังที่จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา คุณจะผิดหวังกับเรื่อง
ที่ง่ายดายที่สุด..”
นพมองกับข้าวในจาน รสรินไม่กินเสียที เขายิ้มจี๊ดๆ
แจ๊คในคุกใต้ดิน
“ แต่กับบางคน...”
แจ๊คถูกล่ามโซ่ตรึงแขนไว้ เขาร้องด้วยความทรมาน
“อ๊าก!”
แจ๊คดิ้นจนหมดแรง สร้อยคอของแจ๊ค มีรูปรสรินอยู่ในจี้เส้นนั้น
“มันได้เริ่มมาแล้ว เมื่อนานแสนนาน”
แววตาของแจ๊คเจ็บปวด
“ความผิดหวังกับเรื่องง่ายๆไม่มีอีกต่อไป จะเหลือก็แต่ความรักและความเจ็บปวดที่ชัดเจนขึ้น”
ชานนท์ มู่กำลังทำงานอยู่หน้ากระดานสืบ
ระหว่างทำงาน ชานนท์แอบมองมู่ และฉับพลันทุกอย่างก็เชื่องช้า มีบางอย่างในสายตาชานนท์ที่
มากกว่าเพื่อนร่วมงาน
“สำหรับบางคนมันเพิ่งเริ่ม”
ชานนท์แอบอมยิ้ม
อ่านต่อตอนที่ 4