Secret Garden อลเวงรักสลับร่าง ตอนที่ 1 : “ธนัท” กลัวที่แคบเลยนั่งรถเปิดประทุน
บทประพันธ์จากซีรีส์เกาหลี Secret Garden
บทโทรทัศน์ : เนปาลี
ท่ามกลางบรรยากาศเมฆครึ้ม ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าเป็นระยะ มีแสงที่ไม่ปกติปรากฎเหนือขอบฟ้า
ธนัทติดอยู่ในลิฟท์ด้วยความกลัว เขาพยายามร้องตะโกนให้คนช่วย เพราะเหตุสำลักควันจนแทบหายใจไม่ออก พลันนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ...
ในอดีต ธนัทเดินอยู่ในสำนักงานแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าวของกระจัดกระจาย ธนัทเดินไปเห็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยืนหันหลังอยู่ ธนัทเอื้อมมือจะเข้าไปเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนนั้น
ระหว่างนั้น ธนัทเป็นลมหมดสติอยู่ในลิฟท์กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ภายในห้องนอน ธนัทสะดุ้งพรวดตื่นขึ้น หายใจหอบเต็มที่และไอ เหมือนขาดอากาศมาจากความฝัน และลุกขึ้นมาทานยาทันที
บรรยากาศภายนอกของบ้านสวยงาม มีเสียงรายงานข่าวจากโทรทัศน์
เสียงจากข่าว "อัปเดตวันนี้ นอกจากจะมีพายุใหญ่ที่กำลังจะพัดผ่านไทยเร็วๆ นี้" หน้าจอทีวีเป็นภาพธนัท "ก็มีข่าวใหญ่ที่นับเป็นพายุลูกโต สำหรับสาวๆ อีกข่าวหนึ่ง นั่นก็คือ”
แม่บ้านกำลังทำความสะอาดหลายๆ ที่ในบริเวณภายในบ้าน
เสียงข่าวต่อเนื่อง "มีการดูตัวของคุณธนัท คุณาธรกุล นักธรุกิจหนุ่มสุดฮอต ทายาทคนสำคัญของกลุ่มธุรกิจในเครือ K Group ที่สาวๆ กว่าค่อนประเทศกำลังจับตามอง ว่าการเจอกันของเขากับไฮโซสาวโปรไฟล์เริ่ดครั้งนี้จะลงเอยในรูปแบบไหน หลังจากที่ไม่มีใครเข้าตาคุณธนัทเลย จนตอนนี้เขาได้ฉายาว่า คุณชายช่างเลือกไปเรียบร้อยแล้ว มาลุ้นกันค่ะว่า ครั้งนี้จะเป็นยังไง ส่วนใครที่กำลังติดตามข่าวของนักร้องหนุ่มเจ้าเสน่ห์หรือคุณเรย์ เรื่องการปลดประจำการณ์จากการเป็นทหารเกณฑ์ วันนี้ก็เป็นวันที่คุณเรย์ได้กลับมาทำหน้าที่เป็นนักร้องเต็มตัวอีกครั้งค่ะ"
ระหว่างรายงานข่าวโทรทัศน์ ธนัทกำลังอาบน้ำ
ในห้องแต่งตัว ทันสมัย คล้าย Walk in Closet ขนาดใหญ่
ธนัทกำลังสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวลายจุด หยิบเนคไทที่วางเรียงกันหลายเฉดสี มาใส่และสวมสูทสีเลือดหมูทับ เขาเลื่อนลิ้นชักที่ใส่ถุงเท้า ก่อนจะเห็นว่า สีถุงเท้าวางไม่ถูกต้อง แล้วเลือกนาฬิกาขึ้นมาใส่
และหยิบแว่นตามาสวมใส่
ต่อมา ธนัทกำลังเดินลงบันได มีแม่บ้านยืนคอยต้อนรับ
แม่บ้านบอก "วันนี้มีปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ค่ะ"
"อืม"
ธนัทกับแม่บ้านเดินออกไปพร้อมกัน แม่บ้านเดินตามธนัท
บริเวณหน้าตึก รถกอล์ฟจอดรอ ธนัทเดินขึ้นรถนิ่งๆ แม่บ้านเดินตามไปนั่งข้างคนขับ
บรรยากาศภายนอกของบ้าน จะเห็นความใหญ่โต โอ่อ่า เริ่ดหรูของอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ของบ้านหลังนี้
ครู่หนึ่ง ต่อมา ธนัทลงจากรถกอล์ฟ และหยุดเช็คความเรียบร้อยของกำแพงบ้าน ธนัทเอามือไปจับและมองเห็นฝุ่นที่อยู่ในมือ และหันไปมองที่แม่บ้านที่กำลังยืนอยู่ ก่อนเข้าไปยังห้องอาหาร
บนโต๊ะอาหารมีอาหารวางเรียงรายมากมาย ธนัทเดินไปที่โซนเบเกอรี่ โดยมีแม่บ้านคอยเดินตาม
"อ่า ครัวซองต์" แล้วธนัทก็เดินออกไป
ธนัทเดินไปอีกโซนอาหารสำหรับ Egg Station
เชฟทักทายบอก
"สวัสดีครับท่าน วันนี้มีเมนู EggBenedict...แล้วก็ไข่คน ไข่คนครับ แล้วก็เมนูนี้ครับ"
ธนัทเดินออกไป โดยไม่สนใจที่เชฟพูด
ธนัทเดินไปอีกโซนของอาหาร ยืนมองอาหารที่อยู่ตรงหน้าก่อนสั่ง
"ขอกาแฟถ้วยหนึ่ง"
ธนัทกำลังดูหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร สักพักมีแม่บ้านแผนกเสื้อผ้าเข้ามา
"ค่ะ ท่าน"
ธนัทหันไปมองและเดินมานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะพูดกับแม่บ้านแผนกเสื้อผ้า
ธนัทถอนหายใจแล้วถาม
"ขอถามคุณหน่อยสิว่า คุณคิดว่า...ถุงเท้าผมเนี่ยมันเป็นชมพูเฉดสีอะไร"
แม่บ้านแผนกเสื้อผ้าเดินไปหยิบชาร์ตสีชมพู และเอามาเทียบกับถุงเท้าที่ธนัทใส่อยู่
ธนัทว่า
"อันนี้คือแซนพิ้งค์"
"ค่ะ"
"ผมต้องการให้คุณแยกออกระหว่าง แซนพิ้งค์ กับ โพกะดอทพิงค์ เพราะตอนนี้ถุงเท้าของผมสองเฉดนี้มันสลับที่กันอยู่"
"ค่ะ"
แม่บ้านแผนกเสื้อผ้าเดินออกไปทำหน้าตาเซ็งๆ
คนขับรถยืนรออยู่ด้านนอกรถ ในรถ เรย์กำลังนัวเนียแอนนาเป็นการส่งท้าย
"อยากอยู่ด้วยนานๆ น่ะ"
"ไหนบอกมีงานไม่ใช่หรอ หืม" เรย์ว่า
"แอนนาไม่ไปทำซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้"
"ดีมาก"
เรย์กับแอนนานัวเนียกันต่อ
ประตูรถตู้เปิดออกอย่างแรง เรย์กับแอนนาตกใจ เรย์รีบผลักแอนนาให้นอนราบลงไป พลางเอาตัวบังไว้ หน้าตาเหวี่ยงเบาๆ ธนัทมองเหยียดๆ ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดยี้ๆ
"หืม...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายสามารถนัวเนียกับผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมฉุนขนาดเนี้ย"
"ผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่จะเสียมารยาทขนาดนี้...พี่มีอะไรก็รีบพูดมาเลย"
"วันนี้เรามีนัดประชุมกันตอน 11 โมง ... เออๆ แต่ระวังเยื่อบุโพรงจมูกแกจะพังซะก่อนนะ"
ธนัทเดินออกไป เรย์มองตามเคืองๆ แอนนารีบลุกพรวดขึ้นมา
แอนนาหงุดหงิดถาม "ใครอ่ะ"
เรย์ถอนหายใจ
"ก็แค่ลูกเจ้าของห้างนิสัยเสีย ชอบเอาชนะบ้าๆ บอๆ" เรย์บอก
รถเปิดประทุนคันหนึ่งแล่นไปบนถนน
เสียงเรย์ดังขึ้น
"คนบ้าอะไร มีแดดแรงขนาดนี้ยังจะขับรถเปิดประทุนอีก น่าสมเพชชะมัด เขาเป็นประเภทที่ว่า ถ้าผมเป็นโลก เขาจะเป็นดวงอาทิตย์...ถ้าผมเป็นดวงอาทิตย์ เขาก็จะเป็นจักรวาลให้ได้"
ในรถตู้ เวลาต่อเนื่องมา
เรย์ที่ทำหน้าเซ็งๆ
"เซ็งมากเลยที่เขาเป็นแบบนี้"
"อะไรหรอ"
"เขามักจะพูดถูกเสมอนะ เช่น" เรย์ทำจมูกฟุดฟิด "เรื่องกลิ่นน้ำหอมของคุณน่ะ เอาจริงๆ นะ ผมก็เริ่มแสบจมูกล่ะ แล้วอย่างที่คุณได้ยิน ผมมีประชุมตอน 11 โมง เพราะฉะนั้น...ไปก่อนนะ ไป"
"เอ้า เดี๋ยว พี่เรย์ ก็ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งวันไง" แอนนาว่า
เรย์กระแฮ่ม "เอ่อ พี่พลครับพี่"
พี่พลคนขับรถเดินไปที่ประตูรถ
"เดี๋ยวช่วยไปส่งเขาที่... เอางี้ ที่ไหนก็ได้ที่เขาอยากจะไป เนาะ...งั้น ไปก่อนนะ บาย"
เรย์ตัดบท
"เอ้า"
เรย์เดินลงจากรถตู้หน้าตาเฉย
มุมหนึ่งในกองถ่ายทำภาพยนตร์
วีนากำลังซ้อมฟันดาบอยู่คนเดียวเรื่อยๆ ครั้งสุดท้ายมีบางอย่างผิดจังหวะ ขาของเธอแพลง เธอร้องลั่นออกมา หน้าตาบ่งบอกว่าเจ็บปวด ก่อนจะมีเสียงทีมงานตะโกนเรียก
"คุณวีนา...พร้อมมั้ยครับ ถ้าพร้อมแล้วเชิญหน้าเซตได้เลยนะครับ"
วีนาพยักหน้า "พร้อมค่ะ"
วีนาเดินออกไปที่เซ็ท
ในเซ็ทกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนักฆ่าสาว ฉากระหว่างการต่อสู้ที่เฉียดใกล้กัน แคนแอบเห็นความเหนื่อยในแววตาของวีนา แต่ทั้งคู่ก็ดำเนินการเล่นแอคชั่นไปได้อย่างสวยงาม
จบที่ภาพวีนาห้อยผ้า มาเฉียดใกล้แคนทั้งคู่สบตากัน แคนหวั่นไหวจนผิดคิว
ใบหน้าของเขากำลังไปชนกับหน้าของวีนา
วีนารีบเบี่ยงหน้าหลบมาทางกล้อง จมูกของแคนเฉียดแก้มวีนาไป แคนใจหาย
ผู้กำกับเสียงดัง "คัท ...โว้ย...เห้ย...อะไร...จะหันหน้ามาทำเพื่อ...ห่ะ!..แล้วผมจะตัดรับหน้านางเอกได้ยังไง"
วีนาหน้าเสีย ยกมือไหว้ "ขอโทษนะคะ ขอโทษค่ะ" วีนาหันมาไหว้แคน "ขอโทษนะคะบอส
แคน"
แคนหน้านิ่งๆบอก "ขอโทษครับ พอดีผม..."
ผู้กำกับ สวนทันที "ผม...ผมผิดอยู่แล้ว"
วีนายกมือขอโทษ "หนูขอโทษนะคะ หนูขอโทษจริงๆ ค่ะ"
ผู้ช่วย 1 วิ่งมาหน้าตื่นเข้ามา "พี่ต๊ะครับ"
"อะไร" ผู้กำกับถาม
"แอนนา โทร. มาบอกว่า อาหารเป็นพิษ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ"
"ห่ะ..." ผู้กำกับตกใจ
"วันนี้คงมากองไม่ได้นะพี่"
"กูไม่รู้อะ วันนี้...ใครที่มีหน้าที่ไปตามนักแสดง ตามมา จะขี้ จะเยี่ยว จะอ้วก จะเหี้ยอะไรก็ช่าง...กองกูมีส้วม เข้าใจเปล่า ตาย ตาย พัง...เห้ย...โว้ย"
ผู้กำกับเดินออกไป ผู้ช่วยเดินตามออกไป
วีนากับแคนมองหน้ากัน
"ผมขอโทษนะวีนา"
"ไม่เป็นไรเลยค่ะบอส ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ อย่ากังวลนะคะ แล้ว เราเหลือคิวอีกเยอะมั้ยคะวันนี้"
แคนคิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะพูด
"ครบรอบ 7 ปีวันนี้แล้วใช่มั้ย"
วีนายิ้ม "บอสจำได้ด้วยหรอคะ"
"เราเลยไม่ได้ไปไหว้พ่อกันเลยเนาะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีงานก็เอางานไว้ก่อน พ่อรอได้...ถ้างั้นเดี๋ยววีนาไปเตรียมตัวก่อนนะคะ"
"โอเค"
วีนาเดินออกไป แคนมองตาม
บรรยากาศภาพนอกของห้างใหญ่แห่งหนึ่ง
ธนัทขับรถเบนซ์เข้ามาที่ห้าง
ชัย เลขาและคนสนิทเพียงคนเดียวของธนัท เดินเข้ามาต้อนรับธนัทที่รถ
"อรุณสวัสดิ์ครับท่านประธาน"ชัยว่า
ธนัทลงจากรถ หยิบกาแฟ เดินออกไป ชัยเดินตามประกบ
ต่อมา ธนัทเดินขึ้นบันไดเลื่อนชั้นแล้วชั้นเล่าไปจนถึงห้องประชุม ผ่านพนักงานแต่ละแผนก
มุก พนักงานสาวหน้าตาน่ารัก แผนกรับรองลูกค้า VIP ยืนเตรียมต้อนรับธนัท กำลังกระซิบกับเพื่อนสาว แผนกเดียวกัน
"แก...แกว่า...วันนี้สีอะไร"
เพื่อนสาวกระซิบตอบ "ฉันว่าสีเขียวอะแก"
"ฉันขอสีชมพูล่ะกัน"
"ใครแพ้เลี้ยงข้าวนะ"
"ได้ สบาย"
"โอเค"
สองสาวหยุดเม้าท์ในจังหวะที่ธนัทและชัยเดินผ่าน จึงได้เห็นว่าธนัทใส่เสื้อผ้าตามที่มุกเดา
มุกแอบเยสเบาๆ เมื่อตนชนะ ซึ่งชัยจะชอบแอบเหล่มุกอยู่ทุกวันอยู่แล้ว มุกเหลือบมองไปที่ชัยพอดี ชัยถึงกับสะดุดเท้าตัวเองเบาๆ ไปชนกับธนัท มุกแอบขำ
ธนัทเดินเข้าห้องประชุม ภายในห้องประชุม ชุมพล หนึ่งในบอร์ดคนสำคัญ อายุราว 50 ปีกว่าๆ รีบลุกขึ้นต้อนรับธนัทพร้อมกับพนักงานคนอื่นๆ
“สวัสดีครับคุณธนัท”
ธนัทไม่สนใจนัก
ธนัทนั่งลง บอก “อ่ะ เริ่มได้”
พนักงานคนอื่นๆ นั่งตาม
“ที่ผ่านมาทีมงานของเราได้คิดแคมเปญครบรอบสามสิบปีของห้างมาด้วยนะครับ โดยธีมงานเราจะใช้ชื่อว่า เพื่อนที่รู้ใจ”
ภาพบนโปรเจ็คเตอร์ขึ้นคำว่า “เพื่อนที่รู้ใจ”
“ชื่อนี้...คิดนานป่ะ” ธนัทถาม
“เอิ่ม พอดีเราได้คิดภาพรวมทั้งหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งสื่อวิทยุหรือว่าทีวีหรือว่าแมกกาซีน หรือว่าจะเป็น...” ชุมพลว่า
ธนัทสวนขึ้น
“คุณชุมพล ผมถามว่าชื่อนี้คิดนานมั้ย”
ชุมพลหน้าตึงเหมือนโกรธมาก ก่อนเอ่ยตอบ
“2 เดือนครับ”
ธนัทแอบยิ้ม
“ผมไม่ชอบอะ เปลี่ยนได้เลย”
พนักงานคนอื่นๆในห้องประชุมมองหน้ากัน
“คือ ยังไงผมขอเสนอแผนงานทั้งหมดก่อนได้มั้ยครับ” ชุมพลต่อรอง
“นี่คุณชุมพล ถ้าชื่อมันไม่น่าสนใจอ่ะ เนื้อในมันจะน่าสนใจได้ยังไง” ธนัทเปลี่ยนเรื่อง “อ่ะ...ต่อเลย”
พนักงานสาวบอก
“ส่วนทางโรงแรมในเครือ K Group ของเรานะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น ก็เลยคิดว่าจะจัดเป็นโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติให้มาใช้บริการของเราเยอะมากขึ้นนะคะ”
ชุมพลยังหน้าเสียอยู่
ธนัทมองนาฬิกาข้อมือ ถามชัย “ชัย ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“อีกสิบห้านาทีจะ 11 โมงครับ” ชัยตอบ
“ถ้าเรย์ไม่มานั่งตรงเก้าอี้นี้ภายใน 11 โมงตรงอ่ะ...เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ได้”
“ครับ”
ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 โหน่ง ผู้จัดการและคนสนิทเพียงคนเดียวของเรย์ ยืนมองนาฬิกา เห็นว่า อีก 15 นาทีจะ 11 โมงอย่างร้อนใจ ในขณะที่เรย์เลือกขนมในร้านอย่างสบายใจ
“พี่เรย์ครับ เดี๋ยวพี่เรย์ค่อยกินได้มั้ยครับ คือตอนนี้เนี่ย มันเหลือเวลาอีกแค่ 15 นาที เอง”
“แล้วไงพี่ ยังไงก็ต้องเป็นผม เชื่อดิ” เรย์เอามือตบไหล่โหน่ง “ห่ะ...”
“ยังไงก็เป็นมึง คือกูเข้าใจนะ แต่...” เสียงโทรศัพท์เข้า โหน่งหยิบโทรศัพท์ “เห็นมั้ยเนี่ย...โอ้...ชัย ชัย ชัย ชัย... เออว่าไงชัย...เออ พี่กำลังจะถึงล่ะนะ มึงถ่วงเวลาคุณธนัทไว้อีกนิดหนึ่ง...นะ...โอเคนะ...เออ แต้งกิ้ว”
“เอ่อ...เมื่อกี้พี่สั่งกาแฟไปใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวพี่ขอเพิ่มชีทไบร์ทอีก 4 ชิ้น นะ หั่นให้พี่ด้วย”
“เห้ย น้อง...พอ ไม่เอา ไม่หั่น ไม่หั่นอะไรทั้งนั้น ซอสพงซอสพริกไม่เอา”
“อะไร จะกิน หิวนี่หิว”
“เห้ย คือ ไอ้ชัยมันโทรบอกว่า ถ้าเกิดเราสายแม้แต่นาทีเดียวเนี่ย คุณธนัทเขาจะเปลี่ยนตัว...มึงเข้าใจมั้ย”
เรย์ยิ้มบอกพนักงาน “ด้าย...อย่างงั้นพี่ขอเพิ่มชีทไบร์ทเป็น 6 ชิ้น แล้วก็ ข้าวกะเพราไก่ อุ่นให้พี่ เวฟให้พี่ด้วยนะ แล้วก็ปิดท้ายด้วย ซาลาเปาลาวาล่ะกัน” แล้วหันไปคุยกับโหน่ง “เอาอะไรเพิ่มมั้ย”
“ไม่เอา”
เรย์ถาม
“ลาเต้มั้ย”
“กูจะลาตายแล้วเนี่ย”
เรย์กวน หันไปสั่งพนักงานเซเว่น “สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าให้พี่ด้วย”
โหน่งพูดย้ำเซ็งๆ “สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าด้วย”
“เอาอะไรอีกมั้ย” เรย์ถามอีก
โหน่งบอก “ไม่เอาขนมจีบไปด้วยเลยล่ะ”
เรย์ถาม
“ขนมจีบหมูหรือกุ้ง”
“กุ้ง”
เรย์นั่งกินขนมจีบอยู่อย่างสบายใจในห้องประชุม ชัยหัวเราะชอบใจ
“7 นาทีครึ่งชัย แม่งแค่ 7 นาทีครึ่งเท่านั้น” โหน่งว่า
ชัยหัวเราะเบาๆ “ผมเข้าใจครับพี่โหน่ง แต่ท่านประธานก็...ตามที่เราคุยกันแหล่ะครับ เขาออกไปตอน 11 โมงเป๊ะ...เป๊ะ...เลยครับพี่”
เรย์ไม่สนใจยังคงนั่งกินขนมจีบอย่างสบายใจ
โหน่งเซ็ง โวยวาย “โอ้ย มันจะต้องเป๊ะอะไรขนาดนั้นวะ มันจะเลทสัก 7 นาทีครึ่ง มันจะเป็นอะไรวะ” ก่อนหันไปทางเรย์ “เป็นไงครับพี่เรย์ ไส้กรอกอร่อยมั้ยครับ ทานให้อร่อยเลยนะครับ...ขนมจีบอีก นี่ๆๆๆ พี่ช่วยกินให้ลื่นคอเลยนะครับ...นี่ๆๆๆ ด้วย กะเพราะเนี่ย ช่วยกินให้หมดนะครับ กล่องหนึ่งนี่หลายสิบล้านเลยนะครับพี่เรย์”
เรย์กินขนมอย่างสบายใจ
“เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะครับทุกคน เดี๋ยวผมจัดการเอง” เรย์ลุกขึ้น พลางเรอ “ขอโทษทีพี่” แล้วลุกไปคุยโทรศัพท์
ภายในร้านทำเล็บหรูแห่งหนึ่ง คุณนายแข แม่ของธนัทไฮโซท่าทางเนี๊ยบวัย 50 กลางๆ และ คุณเกรซ แม่ของเรย์ไฮโซสุดเปรี้ยววัย 50 ต้นๆ กำลังนั่งทำเล็บกันอยู่
เกรซรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ลูกเล็กครับ”
เรย์บอกทางโทรศัพท์
“เอ่อ...คือ พอดีผมมาสายไป 7 นาทีครึ่งนะครับแม่”
“7 นาทีครึ่งเนี่ยนะ”
“ครับ แล้วก็พี่นัทเขาก็ไม่รอ เขาไปแล้วครับแม่”
“พี่ธนัทเขาคงมีธุระมั้งครับลูก...อ่อ...ครับ...ได้ครับ...เดี๋ยวแม่จะพูดกับคุณป้าแขให้นะครับ บายครับ”
เรย์คุยโทรศัพท์เสร็จ
“เรียบร้อย” เรย์กระแอม เดินหาโหน่ง “จบนะ กินมั้ย” พลางชี้ไปที่ของกิน “อร่อยนะ” แล้วนั่งลง “ของดีเลย”
ชัยและโหน่งมองหน้ากัน
ในร้านทำเล็บ คุณแขเหลือบมองเหนื่อยๆ ก่อนจะถามเสียงเย็นๆ
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ ลูกเธออะ”
“เอ่อ...ก็ เรย์เขาเข้าไปช้านิดหน่อยนะคะ เลยไม่เจอพี่ธนัท ก็เลยให้ถามคุณป้าแขว่า จะยังไงดีคะ”
คุณแขถอนหายใจ “นิสัยเสียอีกตามเคยนะลูกเธอน่ะ”
เกรซทำไม่รู้ไม่ชี้
“อันที่จริงเนี่ยมีคนอื่นที่น่าสนใจกว่าซุปตาร์ข่าวคราวเยอะแบบลูกเธอด้วยซ้ำไป”
เกรซหัวเราะเบาๆ
“ถ้าไม่เป็นข่าวก็ไม่ดังสิค่ะ อีกอย่างหนึ่ง 20 เปอร์เซ็นรายได้ของลูกเรย์ที่ตัดกลับเข้ากอง
กลางบ้านเรา มันก็ไม่มากหรอกค่ะ ถ้าพี่ธนัทอยากจะจ่ายคนอื่นพื่อดัดนิสัยของน้อง ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
คุณแขทำหน้าเซ็ง
ต่อมา ธนัทขับรถ มีสายเรียกเข้าจากคุณแข ธนัทถอนหายใจก่อนรับ
“ฮัลโหล ครับแม่”
“ค่าต่อสัญญาพรีเซนเตอร์ปีนี้เท่าไหร่อะ”
“ค่าพรีเซนเตอร์ 30 ล้าน แต่เราใช้ทั่ว AEC คราวนี้ผมไปเทียบกับคนอื่นแล้ว...ก็...ก็ยังถูกสุดครับ”
ภายในร้านทำเล็บ คุณแขบอก
“อื้ม...ถ้าอย่างนั้นก็ให้น้องต่อไปก็แล้วกัน”
“แต่ว่าผมขอหาวิธีเอาราคาลงมาอีกสักนิดหน่อยครับ” ธนัทบอก
“ดีจ๊ะลูก” คุณแขนึกได้ “อ้อ...นี่ แล้วก็อย่าลืมไปตามนัดที่แม่นัดไว้ให้นะลูกนะ”
ธนัทเสียงเซ็งๆ “ครับแม่”
ภายในห้องแสดงภาพ ไอด้า สาวสวยสูงระหงหน้าตาเย่อหยิ่ง ยืนสง่าอยู่กลางห้องราวกับงานศิลปะชั้นดี
เสียงคุณแขบรรยายสรรพคุณของไอด้า
“ไอด้าน่ะ เขาเป็นลูกสาวคุณหญิงกนกพรนะลูก จบฟิล์มมาจากเมืองนอก ก็พวกเด็กสมัยใหม่น่ะลูก การบ้านการเรือนเขาก็พอใช้ได้น่ะลูกนะ ที่ทางก็มีตั้งเยอะ คุณพ่อเขาเนี่ยก็รู้จักกับรัฐมนตรีหลายคนเชียว”
ธนัทเดินเข้าไปช้าๆ เขามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดสายตาที่ไอด้า หญิงสาวที่ยืนโพสต์สวยๆเหมือนรอเขาอยู่ ธนัทมองขึ้นลงประเมินจากระยะไกลก่อนไปยืนข้างๆ ทำจมูกฟุดฟิดนิดหน่อยทดสอบกลิ่น ซึ่งเขาไม่ถึงกับรังเกียจ แต่ก็ยังไม่ปลื้มอยู่ดี ธนัทมายืนดูรูปข้างๆไอด้า ก่อนพูดลอยๆ
“อื้ม...นัดมางานแสดงภาพ มีรสนิยมกว่าคนอื่นๆ ที่เคยนัดผมนะ น่าประทับใจมาก”
ไอด้าหันมายิ้ม ยกมือไหว้อย่างน่ามอง
“สวัสดีค่ะพี่ธนัท”
“สวัสดีครับ”
“พี่ธนัทขอบเสพงานอาร์ตมั้ยคะ”
“ก็แล้วแต่ภาพ แล้วแต่คน แต่ถ้ามีใครบอกพี่ว่าพี่ควรจะต้องชอบรูปอะไรเนี่ย พี่จะไม่ชอบไว้ก่อน...ถ้างั้น พี่ว่า เราแยกย้ายเลยดีกว่าเนาะ”
“อะไรนะคะ”
ธนัทพูดสวนขึ้น
“พี่ พี่เข้าใจว่ามันเป็นการดูตัวที่สั้นมาก แต่ในเมื่อเราเห็นตรงกันซะขนาดนี้ และเราทั้งคู่ก็มีงานยุ่งอะ อย่าเสียเวลาเลยดีกว่า” ธนัทหัวเราะ “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณไอด้า” ธนัทหันหลังไปแล้วหันกลับมา “อื้ม...แต่สถานที่ดูดี”
ธนัทเดินออกไป
ไอด้าหน้าชา พยายามข่มอารมณ์ มองตามธนัทที่เดินตัวปลิวออกไป แบบดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
ในห้องแต่งตัว แอนนานั่งหน้าคว่ำ ให้เบสท์ช่างผม กับหลุยส์ช่างหน้ารุมอยู่
แอนนาหงุดหงิด “โอ้ย...เจ็บอ่ะ”
แอนนาพลางสไลด์รูปในมือถือไปเรื่อยๆ เบสท์ ช่างผมแอบชะโงกดู เห็นรูปนัวเนียกับเรย์ ช่างผม ยื่นหน้าดูก่อนจะกระแอมเบาๆ
“อุ้ย...หน้าคุ้นๆ นะเนี่ย ไปเดทกับคุณเรย์มาหรอ ลูกสาว”
หลุยส์ ช่างแต่งหน้าบอก
“ได้ข่าวว่าบ้านรวยเนาะลูก บ้านใหญ่มากใช่มั้ยคะลูก”
“ก็...ใหญ่อยู่นะคะคุณแม่ ใหญ่มากเลยแหล่ะ”
เบสท์บอก
“หืม...ถ้าบ้านใหญ่ขนาดนี้...อย่างอื่นคงต้องใหญ่แน่ๆ เลย” เบสท์แอบเขินเบาๆ
หลุยส์ถามต่อ
“ยาวมั้ยคะ”
แอนนาเขินๆ “โอ้ย คุณแม่ก็เม้าท์ไป บ้าหรอ”
“ฉันได้ข่าวนะว่าเรย์เจ้าชู้มาก....แต่ไม่ยักกะมีข่าวออกมานะ” เบสท์ว่า
“จะว่าไป คุณแม่ไปแต่งหน้ามิวสิควีดีโอนางมา นางเอกทุ๊กคนของนาง” หลุยส์ว่า
“ทำไมคะ คุณแม่”
“เรียบสิคะลูก”
แอนนาสีหน้ากังวล
“กินเรียบ....ไม่เคยมีข่าวเลยลูก ลูกก็ไม่มี ยังไงอะ”
“เซี๊ยะ เลยก็ได้...เซี๊ยะเองเลยสิลูก” เบสท์บอก
“โอ้ย เซี๊ยะ เซ๊อะ อะไรล่ะคะคุณแม่...นางกินแต่ที่ลับๆ อะ...ไม่เคยพาเปิดตัวเลย จะเอารูปที่ไหนมาหลุด” แอนนาว่า
เบสท์ ช่างผมแนะนำ
“อ้าว ลูกสาว เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอปาปารัสซี่กันแล้ว ปล่อยเองเลย เซี๊ยะเลย อยากได้ท่าไหน อยากได้แบบไหน อะไร ยังไง อุ้ยๆ”
“โอ๊ะๆๆๆ” หลุยส์แซว
“ฉ่ำมง” เบสท์บอก
“จะดีหรอคุณแม่”
“เริ่ด” ช่างทั้งสองโพล่งพร้อมกัน
“ไม่ต้องเล่นของแล้ว เล่นกับของตัวเองเนี่ยแหล่ะ”
“จะดีหรอ”
“ดังจะตาย” หลุยส์บอก
“ที่สุด” เบสท์สนับสนุน
กองถ่ายภาพยนตร์
ทีมสตั๊นท์นั่งรอเข้าฉากเซ็งๆ
โต้งบอก
“นั่นดิ รอนานแล้วเนี่ย”
แอนนาเดินมาเข้าฉาก
ผู้ช่วยสตั๊นท์พูดเซ็งๆ “อืม...มาแล้ว นางฟ้า”
วีนาเดินเข้าไปหาแอนนา
วีนายกมือสวัสดี “คุณแอนนาสวัสดีค่ะ” พลางยื่นมีดให้แอนนา “ดาบค่ะ”
แอนนารับมีดมาซ้อมกับวีนา
วีนาทำท่าให้ดู
“ท่าก็จะเป็น แทงขากลับมานะคะ แล้วก็แทงมีดออกแบบนี้ค่ะ”
โต้งบ่นๆ “เอาจริงๆ นะครับบอส นางเอกคนนี้หน้าตาก็ไม่ได้แบบว่าจะเป็นนางเอกได้เลยนะครับ”
ผู้ช่วยสตั๊นท์พูดอีสาน
“แม่นครับบอส เล่นก็แข็ง ดั้งก็แข็ง”
“นมก็แข็งครับบอส เมื่อกี้ผมเห็นพี่บอย เข้าเล่นแอคชั่นด้วยนะครับ มือพลาดไปโดนนะ มือแทบหักนะครับบอส” โต้งหัวเราะ
แคนหันไปมองโต้งแบบดุๆ
“ทำงานดีกว่ามั้ยโต้ง”
“ครับ”
“เอาอย่างงี้บอส เทียบกับวีนาแล้ว คนละอย่างเลยครับ” ผู้ช่วยสตั๊นท์บอก
“บอสเงียบแบบนี้ แสดงว่าเห็นด้วยใช่มั้ยครับบอส” โต้งถาม
แอนนากับวีนาซ้อมกันอยู่
แอนนาหงุดหงิด
“โอ้ย...ทำไมยากอย่างงี้ล่ะ ไม่เอา ไม่เล่นแล้ว” แอนนาส่งดาบคืนวีนา
วีนารับดาบคืน แอนนาเดินไปหาผู้กำกับ แล้วลากเสียง
“ผู้กำกับขา”
โต้งเลียนแบบแอนนา ลากเสียงเหมือนกัน “ผู้กำกับขา”
ผู้ช่วยสตั๊นท์ เอาบ้าง “มาขากูสิมึง”
วีนามองทีมสตั๊นท์
ผู้ช่วยผู้กำกับเดินเข้ามา
“เอ่อ...พี่แคนครับ พอดี...ผมต้องขอโทษ” พลางยกมือไหว้ “ด้วยนะครับ ผมจะขอเลื่อนคิวของวีนาคิวแอคชั่นทั้งหมดนะครับ เป็นวันพรุ่งนี้นะครับ พอดี น้องแอนนาเขาไม่ได้ทำการบ้านมาเลยอะ ผมกลัวว่าน้องเขาจะเป็นอันตรายนะครับ”
ผู้ช่วยสตั๊นท์บอก
“โอ้ย...สิอันตรายอิหยังกับมัน เล่นคิวดาบ ดาบบ่ทังมันดอก สิทังซุ่มสตั๊นท์จั่งเฮานิ ฮาขั่วมึงเอ้ย”
“นั่นสิครับ แล้วพรุ่งนี้คิวแอคชั่นแน่นมากเลยนะครับ” โต้งพาผู้ช่วยผู้กำกับเดินไป “เอ่อ...พี่พาผมไปดูเบรดาวน์แอคชั่นวันพรุ่งนี้หน่อยครับ” โต้งว่า
ผู้ช่วยสตั๊นท์เดินตามโต้งกับผู้ช่วยผู้กำกับไป
วีนาเดินเข้ามาคุย
“บอสคะ ถ้างั้นวันนี้วีนาขอตัวเลยแล้วกันนะคะ ยังพอมีเวลา จะได้ไปไหว้พ่อค่ะ”
“ผมไปด้วย”
วีนายิ้ม พยักหน้า
รถเปิดประทุนของธนัทแล่นออกไปอย่างเท่ๆ ธนัทอยู่หลังพวงมาลัย ถอดแว่น และท่องคำประจำตัว
“เรือเอ๋ยเรือเล่น
สามเส้นเศษวาไม่น่าล่ม
ฝีพายลงเต็มลำจ้ำตะบม
ไปขวางน้ำคว่ำจมลงกลางวน”
ธนัทนึกภาพฝันตอนติดอยู่ในลิฟท์
รถเปิดประทุนคันหรูติดไฟแดงอยู่ หลังรถสองแถวแดง ที่คนในรถพากันมองเขาเป็นตาเดียว ธนัทขยับตัวเซ็งๆ เริ่มร้อน คนในรถสองแถวบางคนพากันหัวเราะขำๆ กระเป๋ารถที่ลงมายืนเล่นตอนรถติด หันมาเหล่ๆ ก่อนเดินมาดูรถ
“หูย เฮ้ย พี่ คุยกับผมหน่อยสิครับ...เฮ้ย คนไทยรึเปล่าวะเนี่ย...เอ้ย...ฮัลโหล ฮัลโหลครับ” กระเป๋ารถว่า
มีรถกระบะอีกคันที่จอดอยู่ข้างรถธนัท และชวนเด็กกระเป๋ารถเต้น
“เห้ย น้องดวลกันเปล่า”
“โหย เอาเลยพี่ จัดไป”
กระเป๋ารถเต้นอยู่โดยไม่สนใจธนัทที่กำลังมอง
กระเป๋ารถหันกลับไปเต้นแซวธนัท
กระเป๋ารถหันไปคุยกับธนัท “เห้ย ยู...จอยเปล่า...เอ้า เห้ย สู้ดิ”
ธนัททำเป็นไม่ได้ยิน
ไฟเขียว กระเป๋ารถเมก็ขึ้นรถสองแถว
“เห้ย ปาย”
กระเป๋ารถขึ้นไปเต้นต่อบนรถสองแถว
หน้าหลุมศพพ่อที่สุสาน มีมือวางพวงมาลัย จุดธูปปัก
วีนายกมือไหว้ แคนยกมือไหว้ก่อนพูด
“คุณอาครับ เดี๋ยวนี้เนี่ยวีนาเขาเก่งขึ้นมากเลยครับคุณอา ไม่งอแง แล้วก็ไม่ขี้โรคเหมือนแต่ก่อนแล้ว”
วีนาพูดต่อ
“ได้ยินมั้ยพ่อ เขาบอกว่าหนูเก่ง” พลางหัวเราะ “คิดถึงพ่อจัง”
แคนมองวีนาและยิ้ม
ภายในห้องทำงานแอ้ม ตอนเย็น
ธนัทนั่งเหยียดขายาวขวางทาง ท่าทางขี้เกียจ หน้าตาเบื่อๆ ไม่พูดไม่จา แอ้ม จิตแพทย์สาวหน้าตาเข้าใจโลก มองยิ้มๆ
ธนัทลุกขึ้นจากโซฟา
“นี่ คุณ ไอ้ยาที่ให้ผมมาเนี่ย มันโอเคจริงป่ะเนี่ย ผมกินไปไม่เห็น...จะมีอะไรดีขึ้นเลย แล้วไอ้กลอน ไอ้กลอนที่ให้ท่องเนี่ย ให้ท่องทำไม ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยเนี่ย ผมยิ่งท่อง ผมยิ่งปวดประสาทเข้าไปเนี่ย คุณจบหมอจริงป่ะเนี่ย ห่ะ จบ จบจริงป่ะเนี่ย รักษายังไงไม่หายสักกะทีเนี่ย”
แอ้มถอนหายใจก่อนถาม “อ่ะ อธิบายคำว่าหายมาหน่อยสิ”
ธนัทนั่งนอนลงที่โซฟา “ก็หายไง...หายอะ...ผม...หายแบบ ผมไม่ควรที่จะ...ต้องฝันร้าย...ผมไม่ควรที่จะต้องกลัวที่แคบ...และไอ้ ไอ้ ไอ้สิ่งที่ผมจำไม่ได้ผมก็ไม่รู้จะเอายังไงกับมันดีเนี่ย”
“อ่ะ ใจเย็นๆ ทีละเรื่องนะ ไอ้ที่คุณจำไม่ได้อะ คุณก็สบาย สบายกับมันสิ เดี๋ยวมันก็จำได้เองล่ะ ส่วนไอ้โรคกลัวที่แคบอะ คุณต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่สบายบ้าง หัดขัดใจตัวเองซะมั่ง ไอ้พวกนี้มันช่วยได้หมดเลย”
“นี่ไง ก็มาหาคุณนี่ไง ขัดใจจะตาย” ธนัทลุกขึ้น “ไม่รู้ล่ะ เปลี่ยนยาให้ผมด้วย อะไรก็ได้ที่ทำ ทำให้ผมหาย ผมไม่ไหวแล้ว ผมเป็นแบบนี้แล้วมันเหนื่อย เอาอะไรก็ได้ที่มันหาย”
ธนัทเดินออกไป
“ได้ เดี๋ยวเปลี่ยนยาให้ แล้วก็เปลี่ยนหมอด้วย โอเคมั้ย”
ธนัทเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“นี่ คุณไม่เข้าใจหรอกว่ารถติดอยู่หลังรถสองแถวเนี่ยมันเป็นยังไง”
ธนัทเดินออกไป แอ้มถอนหายใจ
ธนัทขับรถมาจอดข้างทาง นึกถึงคำพูดของแอ้ม
ธนัทขับรถโดยพยายามปิดประทุน เขากดหลังคารถ แล้วเริ่มนับถอยหลังแบบลุ้นๆ พลางเหลือบมองหลังคา ที่ค่อยๆ ปิดลงมา
“ส่วนไอ้โรคกลัวที่แคบอะ คุณต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่สบายบ้าง หัดขัดใจตัวเองซะมั่ง”
ธนัทตกใจ ลนลาน
หลังคากำลังจะปิดลงมาจนมิด ธนัทเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เขาเปิดประตูกลิ้งตัวออกจากรถ ไปนั่งหลบที่ฟุตบาธ
ธนัทนั่งยองๆ ข้างรถหรู แบบทั้งดูน่าหัวเราะและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
เวลากลางคืน หน้าบ้านเช่าเก่าๆ ที่มีบริเวณเล็กๆ วีนาเดินมาทางตามพร้อมหอบข้าวของเข้าบ้าน พลางโทร.หามุกเพื่อนสาว
“ฉันซื้อของกินมาเพียบเลย”
“แก...คือว่า...วันนี้ฉันมีเดทอะ...ไว้วันหลังนะ น๊า”
วีนาหงอย แกล้งเหวี่ยง “ได้...ฉันจะกินของโปรดแกให้หมดเลย”
“หืม...ไม่เชื่อ...อย่างแกเนี้ยนะ จะกินหมด...ฉันรู้ว่าแกต้องรักษาหุ่น...แค่นี้ล่ะ...บาย”
วีนาหัวเราะก่อนวางสายเหงาๆ
เวลาเดียวกัน ภายในห้องแต่งตัว ธนัทยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านประตูเสื้อผ้าหนึ่งบาน คล้ายรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะตัดใจก้าวเข้าไปแล้วปิดบานประตู
เสียงแอ้มเข้ามา
“ส่วนไอ้โรคกลัวที่แคบอะ คุณต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่สบายบ้าง หัดขัดใจตัวเองซะมั่ง”
สีหน้าของธนัทเต็มไปด้วยความทรมาน และความพยายามของธนัทที่จะรักษาตัวเอง ก่อนจะทนไม่ไหว ผลักบานประตูออกมา แล้วคลานอย่างหมดแรงที่พื้น
ธนัทนอนตะแคงที่พื้น เขาจ้องไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า
วีนานั่งโต๊ะทานข้าว มีกับข้าวสองสามอย่าง พร้อมเบียร์หนึ่งขวด เธอเทเบียร์สองแก้ว ให้ตัวเองแก้วแล้วก็วางไว้ฝั่งตรงข้ามอีกแก้ว ก่อนพูดเบาๆ ว่า
“กินข้าวกันนะพ่อ...นี่ หนูแกะให้” แล้วแกะถุงข้าวเหนียว “นี่” แกะข้าวเหนียวไว้ตรงรูปพ่อ “อืม...ชนแก้วเนาะ มา” วีนาชนแก้วของพ่อ “นี่...” ดื่ม “อืมม...อ่ะๆๆ” ชี้ไปที่รูปพ่อ “ไม่ต้องตาขวางเลยนะคะ โตแล้ว เมาได้...นี่พ่อ เมื่อกี้อะ หนูลืมเล่าให้ฟัง หนูเตะท่าใหม่แบบพี่จีจ้าได้แล้วนะ โครตเท่อะ ฝึกนานนะพ่อ เดี๋ยวหนูโชว์ดีกว่า” วีนาลุกขึ้นโชว์ “นี่...พ่อดูนะ...นี่ นี่ นี่”
วีนาทำท่าแอคชั่นอะไรสักอย่างโชว์ สองสามท่า ก่อนจะลงมานั่งทานข้าวต่อ
“พ่อ จริงๆ เตะได้สูงกว่านั้นอีกนะ ติดกางเกงอะสิ...พ่อเห็นเปล่า เดี๋ยวนี้ไม่หอบง่ายแล้วนะ ต้องเหนื่อยมากๆ ก่อนถึงจะหายใจไม่ทัน...แต่พ่อรู้เปล่า เดี๋ยวนี้มีงานอะไรมา หนูรับหมดเลยนะ อย่างที่พ่อเคยบอกไง” วีนาร้องไห้ “ว่าโอกาสมันสำคัญพอๆ กับอากาศ” เธอทั้งหัวเราะและร้องไห้ “ใช่มั้ยคะ” ชี้ที่รูปพ่อ “ไม่เอาๆ ไม่เศร้า กินข้าวกันดีกว่า...นี่” ตักกับข้าว “ส้มตำไง” ทั้งกิน ร้องไห้ “ส้มตำพริกสองเม็ด” ตักอาหารให้พ่อ “อ่ะ...บอกว่าอย่าเศร้า...กินไก่ดีกว่า”
วีนาร้องไห้ไปตักกับข้าวไป
“กินไก่กัน... คิดถึงพ่อจัง”
ธนัทในชุดลำลองท่าทางสบายใจเดินลงบันไดมา ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นคุณแม่บ้านยืนถือถาดที่มีหนังสือพิมพ์สามสี่เล่ม วางอยู่บนนั้น อาการแบบนี้แปลว่ามีข่าวด่วน ที่เขาจำเป็นต้องรู้
“คุณธนัทคะ” แม่บ้านยื่นถาดหนังสือพิมพ์
ธนัทยืนมาหยุดมองหนังสือพิมพ์ พยายามเอียงคออ่านพาดหัวข่าว เขาไม่หยิบเพราะไม่ชอบให้หมึกเปื้อนมือ
ภาพข่าว เรย์นัวเนียกับสาวคนหนึ่ง เหมือนจะบนรถตู้ พาดหัวข่าว “ภาพหลุด ดาราสาวกับซุปตาร์ไฮโซ บนเบาะรถสุดจี๊ด” มีภาพอีกสองภาพคล้ายกันในอีกสองสามเล่ม
“มีอีกมั้ยเนี่ย” ธนัทถาม
“มีค่ะ”
แม่บ้านหยิบหนังสือพิมพ์เล่มอื่นให้ดูต่อ
ธนัทโมโห
“ยังไม่หมดด้วยนะคะ”
ธนัทตกใจ “ห่ะ...ยัง”
โหน่งปาหนังสือพิมพ์ให้เรย์ เรย์หลับตาปี๋ ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง
“มึงดูผลงานมึง...นี่คืออะไร...ทำไมไม่ระวังตัววะ โตจนป่านนี้แล้วห่ะ เรย์...เกิดพี่ชายแกรู้นี่ แกตายนะเว้ย”
ทันใด เสียงธนัทก็ดังลั่นเข้ามา
“ไอ้เรย์”
โหน่งกับเรย์ได้ยินเสียงธนัท
“ไอ้เรย์...เห้ย”
โหน่งบ่น “พูดไม่ทันขาดคำ”
ธนัทเดินเข้า
เรย์กับโหน่งถอนหายใจ
“ดีล่ะ อยู่กันครบ” ธนัทชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ “นี่ๆๆๆ นี่คืออะไรเนี่ย ห่ะ นี่อะไรเนี่ย กี่ครั้งแล้วเนี่ย ห่ะ...กี่ครั้งแล้วเนี่ย...เห้ย อย่าบอกว่าไอ้ผู้หญิงน้ำหอมเหม็นๆ คนนั้นนะ”
เรย์ลุกขึ้นโต้ “เห้ยพี่ ไอ้ผู้หญิงคนนั้นเขามีชื่อน่ะรู้ป่ะ”
“นี่...เดี๋ยวค่อยเคลียกัน” ธนัทหันมาคุยกับโหน่ง “โหน่ง หันมานี่เลย”
“ครับ”
“ถามอะไรหน่อยสิ ไอ้คำว่าผู้จัดการเนี่ย มันต้องทำอะไรบ้าง”
“น้องชายของคุณนี่มันจัดการได้ซะที่ไหนล่ะครับ” โหน่งว่า
ธนัทกับเรย์โพล่งพร้อมกัน “เอ้า”
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ”
“เออ...ยังไงกันเนี่ย ถ้าพูดอย่างนี้ ออกเลยดีกว่า”
โหน่งร้อง “อ้าว”
“ผมจะได้หาคนอื่นมาทำแทน”
“หาเลยครับ ช่วยหาทีครับ นะครับ ถ้าเกิดมีคนทำเนี่ย ผมก็ยินดีครับ เพราะว่าน้องชายของคุณเนี่ย ผมพูดอะไรก็ไม่เคยเชื่อ เตือนอะไรก็ไม่เคยฟัง ล้มกองถ่าย ต่อยผู้กำกับ และก็ทะเลาะกับนักแต่งเพลง แล้วคุณก็รู้ นะ ว่าเขามีพรสวรรค์เกี่ยวกับการล้มระบบ ตอนนี้มีเพลงใหม่ แล้วยังไง...ไม่มีใครทำงานด้วย ผมโทรหาผู้กำกับแต่ละคน ไม่มีใครรับสายผมเลย...คุณธนัทครับ ช่วยไล่ผมออกทีเถอะครับ ตอนนี้เลยครับ”
ธนัทมองเพลียๆ กำลังจะอ้าปาก
“เดี๋ยวๆๆๆๆ...ผมผิดเองครับ ผมผิดเองนะครับ อย่าไล่พี่โหน่งออกเลย นะครับ...เอ่อ” เรย์จับมือโหน่ง “พี่โหน่ง พี่ เราลุยกันเต็มที่พี่ กูไม่ทึ้งมึงแน่ๆ พี่”
โหน่งเซ็ง “โหย ไอ้เรย์ มึงช่วยทิ้งกูเถอะ คือ...กูไม่โกรธจริงๆ...ไม่เอาตังค์ด้วย”
ธนัทห้าม “พอๆๆๆ โอ้ย พอแล้ว...โอ้ย...เรย์ ถามหน่อยสิ ไอ้รูปอย่างงี้มีอีกมั้ย”
โหน่งเซ็งถึงขนาดกุมขมับ
เรย์ยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้า
“เออ มานี่” เรย์เรียกธนัทให้เข้าไปใกล้ “มานี่” แล้วกระซิบ “ก็ตอนที่ทำอย่างนั้นนะพี่ เออ แล้วก็ ผมบอกเลยเด็ดสุด คือท่า...”
ธนัทโวยวาย
“โอ้ย...พอแล้ว...นี่...รู้มั้ยว่ามันจะเสียหายแค่ไหนอะ ถ้ารูปอย่างงี้มันหลุดออกไปอีกอะ”
“โอ้โหพี่ พี่จะกลัวอะไร พี่เป็นเจ้าของบริษัท พี่ก็แค่ไม่ไล่ผมออก ก็จบป่ะ”
“นี่ๆ เรย์ ยังไงก็ตามเนี่ย เราก็เป็นแค่ลูกจ้างของคุณตาอยู่ดีอ่ะ...นี่....ไปตามเลยนะ ไอ้ผู้หญิงน้ำหอมเหม็นๆ เนี่ย ตามเลย ต้องเคลียร์กันหน่อยล่ะ”
“แอนนาพี่ แอนนา”
“เออ แอนนานั่นแหล่ะ ตามมาเคลียร์เลย”
“คือ เรย์เนี่ยไม่สามารถไปทำอะไรแบบที่คุณธนัทบอกได้ เพราะว่าติดถ่ายรายการนะครับวันนี้” โหน่งบอก
“โอ้ย...อะไรวะไอ้พวกนี้” ธนัทเซ็งพลางถอนหายใจ
“ผมอาจจะมีวิธีนะครับ”
ธนัทหันมองเรย์
“แต่ว่า...พี่ต้องเป็นคนทำ”
ธนัทงง
ต่อมา ธนัทขับรถเข้ามาที่กองถ่าย มีเสียงเรย์คอยบรรยายตาม
“แอนนาเนี่ย แอนนาเขามีถ่ายหนังวันนี้...นะ...แล้วผมสันนิษฐานว่าน่าจะมีนักข่าวไป เพราะว่าจะไปสัมภาษณ์เขาเรื่องนี้ ถ้าพี่เนี่ยสามารถจะเข้าไปแทรกตัวเข้าไปแล้วเอาแอนนาออกมา ผมก็แวบเข้าไปคุยกับเขาได้”
ธนัทลงจากรถมาหยุดที่หน้ากองถ่าย เขาเห็นหิ่งห้อยบินผ่านหน้าเขาไป
มุมหนึ่งในกองถ่าย วีนากำลังสอนแอนนาซ้อมฉากแอคชั่น
“ก้าวเท้าค่ะ...หลังจากนั้นเราจะหมุนตัวนะคะ หมุน ฟันลง”
แอนนาหมุนตามแบบไม่ค่อยตั้งใจทำ
แคนหงุดหงิด
“เราลงหมุนอีกทีดีกว่านะคะ หมุนนะคะ แล้วก็ฟันลงค่ะ”
แอนนาหมุนตามอีกครั้ง แต่พลาดเลยจะล้ม วีนาเข้าไปช่วยประคองไว้ แต่แขนดันไปโดนดาบเข้า
“คุณแอนนา”
“โอ้ย”
วีนาลุกขึ้นมา เห็นแขนเป็นแผลจากการโดนดาบฟัน
“โอ้ย เจ็บ...โอ้ย”
“คุณแอนนา เจ็บมากหรอคะ ขอโทษนะคะ”
“นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องซ้อม ดูสิขาแพลงหมดเลยอะ”
แคนบอก “ที่คุณขาแพลงก็เพราะว่าคุณทำเล่นไง คุณแอนนา ทำไมคุณไม่ตั้งใจซ้อมมากว่านี้ห่ะ”
“เดี๋ยวผมดูให้ครับ” โต้งว่า
“เจ็บไปหมดเลยเนี่ย”
ผู้ช่วย 1ถาม “แอนนาเป็นไงบ้าง”
โต้งจับขาแอนนา
“โอ้ย เบาๆ สิ”
ผู้ช่วย 1 วอไปหาทีมงาน
“เห้ย ทีมงานเอาน้ำแข็งมาประคบขาหน่อยดิ แอนนาขาพลิกแล้ว”
“โอ้ย”
ที่มุมหนึ่งวีนานั่งทำแผลที่แขนตัวเองตามลำพังก่อนจะเอาสก๊อตเทปทำแผลแบบใหญ่ปิดไว้
มีหิ่งห้อยบินเข้ามา วีนามองตาม
ธนัท อยู่ในเสื้อวอร์ม เดินเข้ามาในกองถ่าย
“นี่ คุณแอนนาอยู่ไหนอะ”
เด็กในกองบอก “เอ่อ อยู่ข้างในมั้งครับ”
ธนัทเดินออกไปตามหาแอนนา
มีทีมงานตะโกนออกมา
“อ้าว ทุกคน เดี๋ยวเราเบรคกอง 2 ชั่วโมง เจ๊แอนนาเจ็บขาอีกแล้ว เดี๋ยวเรากลับมาถ่ายซีนนี้ต่อ”
“เอ๊ะ คุณ...แอนนานี่ คือคนไหนนะ”
“ก็ผู้หญิงชุดดำอะ เรื่องมากๆ มีอยู่คนเดียวนั่นแหล่ะ” ทีมงานบอกพลางถอนหายใจ เดินไป
ขณะที่ธนัทกำลังเดินเข้าไปหา จู่ๆ ฟ้าก็มืดครึ้มมาอย่างรวดเร็ว แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ธนัทเงยหน้ามองงงๆ จังหวะเดียวกันกับวีนาที่เงยหน้ามองฟ้างงๆ เช่นกัน
แล้วทุกอย่างโกลาหลในทันที ทุกคนวิ่งวุ่นวายชุลมุน ธนัทหันซ้ายหันขวาหาที่หลบฝน เช่นเดียวกับวีนา
ธนัทกับวีนาต่างคนต่างวิ่งฝ่าสายฝนและความวุ่นวาย มุ่งหน้าไปที่เพิงหลังคาเล็กๆ มุมหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะมีแค่ทั้งคู่ที่พุ่งตรงไปตรงนั้น
ธนัทและวีนาถึงที่เพิงหลังคานั้นเกือบจะพร้อมๆ กัน พื้นที่ค่อนข้างเปียกแฉะนั่นลื่นเล็กน้อย ทำให้วีนาเสียหลักประกอบกับที่ยังเจ็บข้อเท้าอยู่เลยจะล้ม ธนัทคว้าไว้ในอ้อมแขนทันพอดี ทั้งคู่สบตากัน
“ว้าย”
“เห้ยๆๆ”
แล้วก็เหมือนความวุ่นวายทั้งหลายจะหยุดลงชั่วครู่ ธนัทจ้องวีนาอย่างแปลกใจ ผู้หญิงที่อยู่ๆ ก็มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้อย่างพอดิบพอดี และมีกลิ่นที่ชวนให้เขานิ่งสงบ โดยไม่รู้ตัว ธนัทยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อที่จะพิสูจน์อีกทีว่า กลิ่นที่กำลังทำให้เขาสบายใจนี้ มาจากผู้หญิงคนนี้จริงๆ
ทางฝ่ายวีนาก็งง และกำลังเหวอไปเรื่อยๆ เมื่อมีหนุ่มหน้าตาดีท่าทางดี ยื่นใบหน้ามาใกล้เธอราวกับซีนจบของหนังรัก วีนาเอามือดันอกของธนัทไว้ไม่ให้ใบหน้าของเขาใกล้มามากกว่านั้น
แต่อีกนิดเดียวที่มันจะเหมือนการจูบกัน ฟ้าก็คำรามร้องออกมาดังลั่น ธนัทสะดุ้งสุดตัวปล่อยมือที่รั้งวีนาไว้ มาปิดหูตัวเองหลับตาปี๋ วีนาร่วงโครมลงบนพื้นอย่างงงๆ...
เสียงฟ้าคำรามดังยาวนาน ธนัทหลับตาปี๋มืออุดหูแน่น วีนานอนมองงงๆอยู่ที่พื้น...จนทุกอย่างเงียบสงบ ฝนซาเม็ดท้องฟ้าเริ่มสว่าง แสงแดดส่องเป็นประกาย สายรุ้งสวยงามปรากฏอยู่ตรงหน้า วีนาก็ยังมองธนัทงงๆ จากพื้น...
ธนัทค่อยๆเอามือที่อุดหูออก ค่อยๆลืมตา มองซ้ายมองขวา แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก กำลังจ้องมองเขาอย่างสนใจจากพื้น ธนัทชะงักก่อนจะขมวดคิ้วงงๆ แววตาของธนัทบ่งบอกว่าเขาพยายามประมวลสถานการณ์อย่างหนักแต่ก็คิดไม่ออกจริงๆ ธนัททนไม่ไหวจึงก้มลงไปถามว่า
“ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นอะ”
อ่านต่อตอนที่ 2