มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 23 | มัจจุราชส่งออก
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
นิดหน่อยถูกโรเบิร์ตฉุดกระชากลากแขนมาตามทางเปลี่ยว นิดหน่อยดิ้นรนขัดขืนร้องโวยวายมาตลอดทอง
“ปล่อยชั้นนะ”
“อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ปล่อยให้โง่เหรอ”
นิดหน่อยชะงักสลัดหลุด “แกหมายความว่าไง”
โรเบิร์ตมองไปรอบๆ พบว่าไม่มีผู้คนผ่านไปมา มันจึงหันมามองนิดหน่อยยิ้มกรุ้มกริ่มหน้าตาหื่น
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“ไม่บ้าหรอก”
โรเบิร์ตปรี่เข้าหานิดหน่อย พยายามจะปลุกปล้ำ แต่นิดหน่อยไม่ยอมง่ายๆ ขัดขืนดิ้นหนีสุดชีวิต
“ช่วยด้วย”
“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก”
นิดหน่อยดิ้นรนขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้จึงคิดหาทางเอาตัวรอดด้วยการแกล้งทำนิ่งไม่ขัดขืน จนโรเบิร์ตตายใจ
“ไง บทจะยอมก็ยอมง่ายๆ เลยเหรอ”
นิดหน่อยจ้องตาโรเบิร์ต “ก็แววตาพี่โรเบิร์ต ทำให้ชั้นหวั่นไหวยังไงก็ไม่รู้”
โรเบิร์ตดี๊ด๊า “อั๊ยย๊ะ”
สองคนจ้องตากันเหมือนจะซึ้ง แต่แล้วนิดหน่อยก็เอานิ้วจิ้มตาโรเบิร์ตจังๆ แล้ววิ่งหนีไป
“นังนิดหน่อย”
โรเบิร์ตลืมตาไม่ขึ้น วิ่งตุปัดตุเป๋มองไม่เห็นทางตามนิดหน่อยไป
เหตุการณ์ที่สำนักอาจารย์ขาว ยมโดนเชือกอาคมมัดตัวอาการร่อแร่ พยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุด อาจารย์ขาวกับโรบิ้น เดินเข้ามาดูใกล้ๆ
“ไม่ต้องดิ้นให้เหนื่อยเปล่าหรอก ยังไงท่านก็หนีไปไม่รอดแล้ว ฮ่าๆๆ”
โรบิ้นหวั่นใจไม่หาย “แน่ใจเหรอจารย์ มันไม่ใช่ผีกระโหลกกะลาอย่างที่เคยจับๆ กันมานะ”
“เฮ้ย เชือกอาคมข้าไม่ใช่ธรรมดาเว้ย พิเศษสุดๆ”
“พิเศษใส่ไข่กี่ฟองเหรอจารย์”
“สอง มาทั้งไข่ดาวแล้วก็ไข่เจียว ถุ๊ย ไม่ใช่อาหารตามสั่ง”
อาจารย์ขาวมองยมอย่างสะใจสมใจ ขณะที่ยมอ่อนแรงลงไม่มีกำลังจะโต้ตอบใดๆ
“สงสัยงานนี้ต้องลงกินเนสบุ๊คซะหน่อยละ...ฮ่าๆๆๆ”
“ลงเรื่องอะไรเหรอจารย์”
“ก็ข้าเป็นหมอผีหนึ่งเดียว ที่จับมัจจุราชได้น่ะสิวะ ฮ่าๆๆๆ”
“สุดยอดเลยจารย์”
“จะทำยังไงกับมันต่อดีวะ”
“พาไปออกงานวัดสิจารย์ รับรองรวยเละ” โรบิ้นว่า
“เออ ไปเรียกกระแสแข่งกับซุ้มเมียงู ฮ่าๆๆ จะบ้าเหรอ”
“อ้าว”
“ของดีๆ เอาไปออกงานวัดให้เสียของทำไมล่ะวะ”
“แล้วจารย์จะทำอะไรกับมันดีล่ะ”
อาจารย์ขาวยิ้มกระหยิ่ม มีแผนชั่วอยู่ในใจแล้ว
“จะเป็นยังไงนะ ถ้าข้าสามารถครอบงำไอ้ยม ให้มันตกมาเป็นบริวารข้าได้”
“เฮ้ย เอามัจจุราชมาเป็นบริวารเนี่ยนะจารย์”
“ธรรมดาโลกไม่จำเว้ย ข้าจะต้องเป็นหมอผีไร้เทียมทานให้จงได้”
อาจารย์ขาวหัวเราะลั่นสำนัก ส่วนโรบิ้นมองงงๆ ไม่มั่นใจว่าอาจารย์จะสามารถครอบงำยมทูตได้
ด้านนิดหน่อยวิ่งหนีโรเบิร์ตมาถึงย่านชุมชนในซอย เห็นชาวบ้านเดินผ่านไปมาก็ถอนหายใจโล่งอก เพราะคิดว่ารอดแล้ว
แต่แล้วโรเบิร์ตก็โผล่มาคว้าข้อมือนิดหน่อยฉุดกระชากลากกลับไป นิดหน่อยตกใจ
“ไอ้โรเบิร์ต”
“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง”
โรเบิร์ตใช้แรงฉุดกระชากนิดหน่อยไป แต่นิดหน่อยขัดขืน ตะโกนเรียกให้คนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ”
ชาวบ้านหญิงชาย 4-5 คน หันมามอง แล้วพากันดาหน้าเดินเข้ามาช่วยนิดหน่อย
โรเบิร์ตตะโกนบอกเสียงดังด้วยมุกผัวเมีย “เฮ้ย เรื่องของผัวเมีย อย่ามายุ่ง”
“ไม่ใช่ค่ะ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับมัน”
“ทะเลาะกันทีไรเป็นแบบนี้ทุกที เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ครับ แยกย้ายเถอะ”
พร้อมกับว่าโรเบิร์ตลากนิดหน่อยออกไป ชาวบ้านชายคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางไว้ โรเบิร์ตแปลกใจ
“มีอะไรเหรอครับ”
“ดูจากหนังหน้าแกแล้ว ไม่น่าจะเป็นผัวน้องคนนี้เค้าได้นะ” ชายชาวบ้าน1 ว่า
“ทำไม ถึงผมจะไม่หล่อ แต่บ้านผมรวยอ่ะ”
“รวยกับผีน่ะสิ ชั้นจำได้แล้ว ไอ้นี่มันลูกน้องอาจารย์ขาวนี่” หญิงชาวบ้าน2 บอก
“อ้าว แบบนี้ก็สวยสิ”
ชาวบ้าน1 ยิ่งแค้น เปิดฉากชกหน้าโรเบิร์ต ก่อนจะตามไปซ้ำ นัวเนียกันสองคน
บรรดาพลเมืองดีจะเข้าไปรุมกระทืบโรเบิร์ต แต่นิดหน่อยดันยกมือห้ามไว้
“เอ่อ...อย่าค่ะ!”
ทุกคนชะงักงันกันหมดทั้งแถบ โรเบิร์ตหันมายิ้มให้นิดหน่อยในสภาพเลือดกบปาก
“ขอบใจนะนิดหน่อย”
นิดหน่อยกลับบอกต่อว่า “อย่าช้าค่ะ”
ชาวบ้านกรูกันเข้าไปรุมยำตีน กระทืบโรเบิร์ตไม่ยั้ง
“นั ง นิ ด ห น่ อ ย” โรเบิร์ตคำราม
ในเวลาต่อมาสีหน้าของดาวตื่นตกใจถึงขีดสุด เมื่อรู้ว่ายมเป็นมัจจุราชจากปากนิดหน่อย
“คุณยมเป็นมัจจุราช บ้าไปแล้วแกจะเป็นไปได้ไงกัน”
สองสาวอยู่ในร้านมินิมาร์ทของดาว
“ทีแรกฉันก็คิดแบบแกนี่แหล่ะ แต่ทั้งหมดมันคือเรื่องจริง ตอนนี้คุณยมถูกอาจารย์ขาวจับตัวไป”
“เฮ้ย แล้วยังไงอ่ะ”
นิดหน่อยถอนหายใจเครียด
“แจ้งตำรวจเลยมั้ย”
ดาวคว้ามือนิดหน่อยจะพาออกไป
“เดี๋ยว ทำแบบนั้นไม่ได้ เราไม่มีหลักฐานอะไรเลยสักอย่างใครจะไปเชื่อว่ามัจจุราชถูกอาจาร์ยขาวจับตัวไป”
“เออ จริงแฮะ”
นิดหน่อยครุ่นคิด แล้วนึกถึงสุวรรณกะสุวานขึ้นมาได้
“แต่ถ้าติดต่อลูกน้องเค้าได้ คงจะช่วยคุณยมได้ง่ายมากขึ้น”
“ลูกน้องมัจจุราช”
นิดหน่อยพยักหน้า “สุวรรณกับสุวาน”
“คุณพระ นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย”
ดาวอึ้งหนักไม่อยากจะเชื่อ นิดหน่อยครุ่นคิดหาทางช่วยยม
เช้าวันต่อมา อาจารย์ขาวเดินออกมาจากห้องทำพิธีกรรม เจอโรบิ้นกำลังปัดกวาดเช็ดถูสำนักก็แปลกใจ มองไปรอบๆ
“นี่ไอ้โรเบิร์ตมันกลับมารึยังเนี่ย”
“ยังเลยครับจารย์”
อาจารย์ขาวฉุน “ห่า...ให้พานังนิดหน่อยออกไปจากสำนัก นี่หายไปข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ กลับมาอีกที ไม่อุ้มลูกมาเลยรึวะ”
“แหม...ไอ้โรเบิร์ต”
“อย่าดูถูกไอ้โรเบิร์ตมัน ถึงมันจะไม่หล่อไม่เฟี้ยว แต่มันก็อาศัยที่เปลี่ยวและพละกำลังนะเว้ย”
โรบิ้นมองอาจารย์ขาวหน้าตาเหรอหลา
“อุ๊ต๊ะ”
“คำพูดกูคมจนต้องตกใจขนาดนั้นเลยรึ”
“ไม่ได้ตกใจคำพูดจารย์ ผมตกใจตำรวจ”
อาจารย์ขาวหันขวับไปมอง เห็นตำรวจ 2 นายเดินเข้ามา เป็นร้อยเวร1 และ นายดาบอีก1
“สวัสดีครับอาจารย์”
“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้อย่างนั้นเหรอ”
“พอดีผมจับลูกศิษย์อาจารย์ที่ชื่อโรเบิร์ตได้น่ะครับ ก็เลยจะมาเชิญอาจารย์ไปให้ปากคำเพิ่มเติมหน่อย” ร้อยเวรมองไปรอบๆ สำนัก “แต่ก่อนไป ผมขอตรวจค้นสำนักนี่หน่อยนะครับ”
ดาบตำรวจเป็นคนยื่นหมายค้นให้อาจารย์ขาวดู
“นี่หมายค้นครับ”
อาจารย์ขาวอึ้งไปเล็กน้อย โรบิ้นก็เริ่มใจไม่ดี
“เชิญตามสบายครับ”
อาจารย์ขาวเปิดทางให้ตำรวจโดยดี สองตำรวจเดินผ่านไป พอลับหลัง อาจารย์ขาวก็เป่ามนต์ใส่ทั้งคู่
ตำรวจหันกลับมาทำหน้าตาปกติเหมือนว่าตรวจค้นเสร็จแล้ว และไม่เจออะไรผิดกฎหมาย
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ ส่วนเรื่องสอบปากคำเพิ่มเติม เดี๋ยวผมตามไปพบที่สน.แล้วกัน”
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมล่วงหน้าไปก่อนนะครับ”
“ครับ”
ตำรวจทั้งสองนายพากันเดินออกไป
“สงสัยไอ้โรเบิร์ตมันอาศัยที่เปลี่ยวและพละกำลังกับนังนิดหน่อย อย่างที่จารย์ว่าจริงๆ”
“ถ้าคดีมันใหญ่โต ตำรวจคงไม่มาแค่สองคนหรอก ดูทรงแล้ว งานนี้ไอ้โรเบิร์ตคงกินแห้วมากกว่า”
อาจารย์ขาวประเมินเหตุการณ์แล้วยิ้มกริ่ม เชื่อว่าปัญหานี้เอาอยู่
ที่นรกภูมิ
ในออฟฟิศเขต8 สุวานกำลังยืนดูนายนิรบาล 2 ตน ซึ่งเป็นฝ่ายไอทีประจำนรก กำลังซ่อมแซมระบบออนไลน์ ที่ใช้สำหรับดูความเคลื่อนไหวของยมบนโลกมนุษย์
“งานล้านแปดอย่าง มันก็จะหัวหมุนอยู่หน่อยๆ โอ๊ย จะเป็นลม”
“แล้วท่านสุวรรณไปไหนซะล่ะครับ” นิรบาล1 ถาม
“ไปประชุมสมัชชาเขตตั้งนานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก..ไม่รู้ว่าแว่บไปเที่ยวไหนรึเปล่า…แล้วระบบจะกลับมาใช้ได้เมื่อไหร่เนี่ย”
“ก็เมื่อเสร็จน่ะสิ ถามได้” นิรบาล1บอก
“เอ่อ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะเว้ย นี่ไม่ได้ข่าวคราวท่านยมมานานแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
“ถ้าไม่มัวชวนคุยกันแบบนี้ ไม่นานเดี๋ยวก็เสร็จ” นิรบาล1 บ่น
สุวานหน้าเสีย “อ๋อ นี่ผิดที่ข้างั้นเหรอ”
“เออสิ”
“ขอโต๊ด”
นิรบาล1หันไปคุมงานลูกน้องต่อ สุวานร้อนใจที่ขาดการติดต่อกับนายแบบนี้
รุจิภานั่งครุ่นคิดทบทวนเรื่องที่คุยกับเขต7 และยังคงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขต7พูดนั้น จริงเท็จแค่ไหน
“ปัจจุบันเราเป็นใครไม่สำคัญ แต่อดีตเราคือพี่ชายของเจ้า”
“พี่ชาย!”
“ใช่ พี่ที่ติดค้าง และอยากทดแทนในสิ่งที่ทำลงไป”
รุจิภามองหน้าเขต7 อย่างสงสัย
“ชั้นงงไปหมดแล้ว นี่มันอะไรกัน บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“นี่คือความจริง พี่มาที่นี่เพื่อทดแทนเจ้า”
“ทดแทนอะไรชั้นไม่ต้องการ ชั้นมีเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าชีวิตเจ้าไม่ได้ขาดอะไร”
รุจิภานิ่งงันไป
รุจิภาดึงตัวเองออกมาถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้ตัวดีว่าสิ่งที่ตัวเองขาดแคลนอย่างหนัก นั่นคือความรัก แม่บ้านวัยรุ่นที่ดูแลเรื่องการแต่งตัวเดินเข้ามาพร้อมกับอัลบั้ม เสื้อ ผ้า หน้าผม เครื่องประดับ และรองเท้า ที่จัดเตรียมไว้ให้แล้วในห้องแต่งตัว
“จัดห้องแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะคะ นี่อัลบั้มรูปค่ะ อิฉันจัดให้ตามหมวดสีนะคะ”
รุจิภารับอัลบั้มมาดูเนือยๆ “ขอบใจ”
แม่บ้านกระแซะถาม “ถ้าจะโละชุดไหน ให้อิฉันรวบรวมไปบริจาคได้นะคะทำบุญไปในตัวค่ะ”
รุจิภาพยักหน้ายิ้มอ่อน แม่บ้านออกอาการดีใจกระดี๊กระด๊า
“ชั้นถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไรเหรอคะคุณหนู”
“เธอว่าชีวิตชั้นดูขาดอะไรบ้างมั้ย”
“โอ๊ย คุณหนูเพียบพร้อมซะขนาดนี้ จะยังขาดอะไรอยู่อีกล่ะคะ”
“เหรอ”
“ค่ะ แล้วคุณหนูคิดว่ายังขาดอะไรอีกเหรอคะ”
รุจิภาอึกอัก วางฟอร์มนิดๆ “ก็อย่างเช่นความรักอะไรอย่างนี้น่ะ”
“แหม...หัวบันไดบ้านนี้ไม่เคยแห้ง คุณหนูยังไม่เลือกเองมากกว่าค่ะ”
“ก็คนที่จะเลือก เค้ายังไม่รักเรานี่”
แม่บ้านพยักหน้าครุ่นคิด “แต่บางครั้งความรักก็ไม่ได้ลงเอยด้วยคนที่เรารัก นะคะ มันจะลงเอยด้วยคนที่ถูกจังหวะเวลามากกว่า”
รุจิภาทึ่งในความคิด “แอบคม..คิดเองเหรอ”
“อ่านเจอมาจากเฟสบุ๊คน่ะค่ะ”
รุจิภาพยักหน้า ตัดบท “ไปไหนก็ไป ไป”
แม่บ้านเดินออกไป รุจิภาครุ่นคิดไม่ตก ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป
อาจารย์ขาวดูดโอเลี้ยงจ๊วบๆ จนหมดแก้วแล้วทำท่าสดชื่นเว่อร์ๆ
“อา....”
โรบิ้นกับอาจารย์ขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามตรงระเบียงบ้าน
“แล้วไอ้โรเบิร์ต จารย์จะเอายังไงกับมันต่อไปดีครับ”
อาจารย์ขาวครุ่นคิด “ชั่วโมงนี้ อะไรที่มันเป็นตัวถ่วง ข้าก็ต้องตัดมันทิ้งไปล่ะวะ”
“จารย์จะไม่ช่วยมันงั้นเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ มันอยากหาเรื่องใส่ตัวเอง หน้าที่เอ็ง คือเตรียมขนข้าวของออกจากสำนักให้เร็วที่สุด”
“น้ำจะท่วมเหรอจารย์”
“เออ มันหลากมาถึงชัยนาทแล้ว” อาจารย์รำคายตบหัวโรบิ้น “จะบ้าเหรอ ข้าจะย้าย สำนักโว้ย”
“อ้าว จะย้ายไปไหนล่ะจารย์”
“จะไปไหนนี่ยังไม่แน่ไม่นอน แต่ถ้ายังไม่รีบย้าย ตำรวจต้องเข้ามาเยี่ยม อีกแน่ๆ”
“ครับจารย์”
“เอ็งรีบจัดการให้เรียบร้อย คืนนี้ข้าจะเข้าไปทำพิธีครอบงำไหลน้ำพี้ในป่าช้า ห้ามใครไปกวนเด็ดขาด”
“อ้าว คิดว่าจารย์ทำสำเร็จแล้วซะอีก”
“ก็สำเร็จในระดับหนึ่ง แต่สร้อยนั่นมันยังมีพลังงานดีหลงเหลืออยู่ ข้าต้องการให้สร้อยมีแต่พลังร้าย เพื่อจะได้ลองเอามาทำให้ไอ้ยมมาเป็นบริวารของข้า”
โรบิ้นตาเหลือก “ฮะ จารย์จะเอาไอ้ยม เอ้ย ท่านยมมาเป็นบริวารเหรอครับ”
“เออสิวะ ธรรมดาโลกไม่จำเว้ย โลกจะต้องจารึก ว่าหมอผีอย่างอาจารย์ขาว มีมัจจุราชเป็นบริวาร” อาจารย์ขาวหัวเราะร่าเล่นใหญ่
“เอ่อ...มันจะเป็นไปได้เหรอจารย์”
“ได้หรือไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้”
อาจารย์ขาวยิ้มชั่ว มีเป้าหมายใหญ่โตระดับอินเตอร์อยู่ในใจ
ทางฝั่งนิดหน่อยนั่งนิ่งหลับตาอธิษฐานจิต เรียกให้สุวรรณและสุวานมาพบ
“ท่านสุวรรณ สุวาน ช่วยมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยเถิด ฉันต้องการความช่วยหลือ”
นิดหน่อยนั่งไม่ติด ผุดลุกผุดนั่ง ชะเง้อมองหาทั้งคู่พร้อมส่งเสียงเรียกอย่างร้อนใจ
“ท่านสุวรรณ ท่านสุวาน ท่านใดก็ได้ออกมาช่วนฉันที”
ดาวมองนิดหน่อยงงๆ เป็นห่วงเพื่อน นิดหน่อยส่งเสียงเรียกสองกุมภัณฑ์ไม่หยุดปาก
“ท่านสุวรรณ ท่านสุวาน ท่านใดก็ได้ออกมาช่วนฉันที ฉันต้องการความช่วยเหลือ...”
“กินหน่อยมั้ย เรียกจนเสียงแห้งแล้วแก”
ดาวส่งน้ำให้แล้วลงนั่งข้างๆ ลูบไหล่เบาๆ ให้กำลังใจเพื่อน
“ขอบใจนะ”
นิดหน่อยรับน้ำมาดูดดื่มจิบเดียว น้ำตาคลอๆ กังวลหนัก
“ฉันจะช่วยเขายังไงดี ฉันมืดแปดด้านไปหมดแล้ว”
“ใจเย็นๆ แก มันต้องมีทางสิ”
เสียงประตูเปิดดังแอ๊ดด พร้อมๆ สุวานแหย่เท้าก้าวเข้ามา ส่งเสียงแจ๋วๆ
“สุวาน มารายงานตัวคับ”
สองสาวเงยหน้ามองไล่ตามเท้าขึ้นไปที่หน้าสุวาน อุทานพร้อมๆ กัน
“ท่านสุวาน”
สุวานพยักหน้ารับ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ
“เสมือนว่าจะมีการเรียกเรา”
นิดหน่อยรีบเข้าไปหาอย่างร้อนใจ
“คุณยมถูกอาจารย์ขาวจับตัวไป เราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
สุวานกระเด้งตัวขึ้นมาทันควัน ตกใจถึงขีดสุด
“ท่านยมถูกจับตัว”
ด้านรุจิภาได้ใช้การช้อปปิ้งเสื้อผ้าแบรนด์เนมเดินเข้าออกร้านแล้วร้านเล่า เพื่อเยียวยาความเครียดในหัวใจ โดยเฉพาะเรื่องยม
พอตกกลางคืน รุจิภาก็ออกไปแฮงค์เอาท์ ดื่มด่ำไวน์เลิศรสแกล้มความเดียวดายในหัวใจที่ บาร์บรรยากาศชวนเมา
“ขอไวน์อีกแก้ว”
บาร์เทนเดอร์ค้อมตัว หยิบขวดไวน์ราคาแพง รินใส่แก้วส่งให้รุจิภา
ระหว่างนี้มีหนุ่มหล่อวัยละอ่อน เหล่ตามองรุจิภา อย่างสนใจ เขานั่งอยู่กับเพื่อนชาย 2 คน
รุจิภาคลึงแก้วไวน์ทอดอารมณ์ไปกับดนตรีหวานแว่ว ก่อนจะหันไปเห็นสายตาของหนุ่มน้อยที่กำลังมองมา
รุจิภาครุ่นคิด เสียงพูดคุยกับเขต7 ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง
“นี่คือความจริง พี่มาที่นี่เพื่อทดแทนเจ้า”
“ทดแทนอะไรชั้นไม่ต้องการ ชั้นมีเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าชีวิตเจ้าไม่ได้ขาดอะไร”
รุจิภาบอกกับตัวเองเบาๆ “ชั้นไม่ได้ขาดอะไร ชั้นเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง”
รุจิภายิ้มบางๆ ให้กับหนุ่มหล่อ ก่อนจะหันหน้าเข้าบาร์อย่างมีเชิง
หนุ่มหล่อลุกจากโต๊ะตรงเข้ามาหารุจิภา
พระจันทร์คืนเดือนแรมสาดแสงสลัวลงมาในป่าช้าวัดดัง ส่งให้บรรยากาศขมุกขมัว เร้นลับ วังเวงและน่ากลัวสุดจะกล่าวบรรยาย
สร้อยไหลน้ำพี้วางอยู่ในพานเบื้องหน้าอาจารย์ขาว ที่นั่งอยู่กลางป่าช้านี้ และกำลังร่ายมนต์คาถาอย่างเอาเป็นเอาตาย ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่าวิญญาณดังออกมาจากแนวป่าเป็นระยะๆ
สร้อยไหลน้ำพี้มีแสงสีขาวอันเป็นพลังดีงาม กับ ควันสีดำพลังชั่วร้ายร้ายกำลังต่อสู้ผลักดันกัน
อาจารย์ขาวกำลังร่ายมนต์คาถาอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย
สุดท้ายกลุ่มควันดำเข้าครอบงำ กลืนกินแสงสีขาวจนหายไปหมดสิ้น กลุ่มควันดำปกคลุมครอบงำสร้อยไหลน้ำพี้อย่างสมบูรณ์แบบ
อาจารย์ขาวลืมตามองผลงานพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะใหญ่โตดังลั่นป่าช้า
ในขณะที่นิดหน่อยกำลังล้างแก้วอยู่ที่ซิงค์น้ำตรงเคาน์เตอร์บาร์ ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน และตรงไปหานิดหน่อยช้าๆ
นิดหน่อยล้างแก้วเสร็จหันกลับมา อึ้งหนัก ทั้งแปลกใจ งุนงง สงสัย เมื่อเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาหา
“คุณยม”
ยมยืนอยู่เบื้องหน้านิดหน่อยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“ใช่ ผมเอง”
“คุณหนีรอดออกมาจากอาจารย์ขาวได้ยังไงคะ”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นใคร”
ยมแสยะยิ้มเดินเข้าหานิดหน่อยช้าๆ นิดหน่อยยิ้มดีใจ ไม่รู้สึกผิดสังเกตอะไรในตัวยมทูตหนุ่ม
“คุณปลอดภัยชั้นก็ดีใจค่ะ”
ยมจับไหล่นิดหน่อยมองจ้องหน้า “เป็นห่วงผมเหรอ”
สัมผัสจากยมทำเอานิดหน่อยชะงัก เริ่มรู้สึกแปลกๆ อึกอัก “เอ่อ...ค่ะ”
ยมมองซึ้งใช้นิ้วไล้แก้มนิดหน่อยอย่างที่ไม่เคยทำ “ผมอยู่ตรงนี้แล้วไง”
ไม่ใช่และ นิดหน่อยถดตัวถอยหนี “คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่”
“แต่คุณดูไม่ใช่...”
ฉับพลันทันใดนั้นเอง ยมจับร่างนิดหน่อยยกขึ้นโต๊ะ กดร่างลงทำท่าจะลวนลาม นิดหน่อยตกใจมาก
“ไม่ใช่อะไรเหรอ”
“คุณเป็นใครกันแน่”
“จำผมไม่ได้เหรอ ต้องฟื้นความจำกันหน่อยแล้ว”
ยมพยายามลวนลามข่มเหงนิดหน่อยอีก นิดหน่อยดิ้นหนีสู้สุดแรง แต่ก็สู้แรงยมไม่ได้
“อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”
สุวานปรากฏตัวออกมา เห็นยมกำลังลวนลามนิดหน่อยก็ตกใจ
“ท่าน”
สุวานถลันเข้าไปห้าม แต่โดนยมสะบัดปลิวออกไป และยมยังคงข่มเหงนิดหน่อยต่อ
นิดหน่อยร้องเสียงหลง “ช่วยด้วยค่ะ คุณยมเป็นอะไรก็ไม่รู้”
“ขอโทษนะครับท่าน”
สุวานแบมือเรียกบ่วงอาคมมา เหวี่ยงไปที่ร่างยม บ่วงรัดตัวยมในทันที ยมกับสุวานยื้อยุด ฉุด กระชากกันไปมา
“ปล่อย” ยมโกรธ
“กลับเขตของเราก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยท่านเอง”
“ไม่ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ยมคำราม สะบัดเต็มแรงจนบ่วงที่รัดตัวขาด แล้ววิ่งทะลุกำแพงร้านหนีไปอย่างรวดเร็ว
สุวานจะวิ่งตามไป แต่ชะงัก หันกลับมาดูแลนิดหน่อยแทน
“เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำไมไม่ตามคุณยมไปล่ะคะ”
“โอ๊ย ถ้าท่านหนีไปแบบนั้น ตามยังไงก็ไม่ทันหรอก สู้อยู่ถามข้อมูลจาก เธอก่อนดีกว่า”
“ข้อมูลอะไรคะ”
“ก็เพราะอะไร ท่านถึงเป็นแบบนี้น่ะสิ ติดต่อท่านไม่ได้แป๊บเดียว เปลี่ยนไปขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้น”
นิดหน่อยเองก็งงหนัก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยมเช่นกัน
อาจารย์ขาวอยู่ที่สำนักเพิ่งพาตัวเองออกจากสมาธิ หัวร่อร่าด้วยสีหน้ายินดีปรีดาสุดจะกล่าว ที่สามารถควบคุมยมได้
“ในที่สุด ข้าก็ทำได้”
ยมปรากฏตัว เดินเข้ามาหาอาจารย์ขาว
“ดีมาก เจ้ายมลูกพ่อ” อาจารย์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจใหญ่ “แหม...เรียกไปเรียกมาเหมือนเป็นลักยมเลย สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อเท่ๆ ให้มันดูน่าเกรงขามซะหน่อยแล้ว”
“พอดีว่าเป้าหมายที่ท่านมอบหมายมีแค่นิดหน่อย แต่ถ้าท่านอยากให้เรา กลับไปจัดการไอ้อ้วนนั่น เราก็จะกลับไป”
“พอแล้ว ข้าแค่อยากจะพิสูจน์ว่าเจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งข้าแค่ไหน”
“ท่านคือนายของเรา เราก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งท่านสิครับ”
“ดีมาก เชื่อฟังข้าแบบนี้ เราจะได้ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”
อาจารย์ขาวหัวเราะเริงร่าบันเทิงจัด ในขณะที่ยมมีสีหน้าเข้มขรึม แววตามเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
สุวานครุ่นคิดหัวแทบระเบิด สงสัยว่ายมเป็นอะไร
“ท่านยมเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
นิดหน่อยนั่งอยู่ข้างๆ กัน สีหน้ายังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
“ก็เพิ่งจะเห็นเมื่อกี๊นี้แหละค่ะ ก่อนหน้าจะถูกอาจารย์ขาวจับตัวไป ก็ยังเป็นปกติอยู่เลย”
สุวานถอนหายใจเครียด “หรือว่าท่านยมจะโดนไอ้อาจารย์ขาวครอบงำจิตใจ”
นิดหน่อยทักท้วง “แต่คุณยมไม่ใช่ผีทั่วๆ ไปนะคะ อาจารย์ขาวจะสามารถครอบงำได้เหรอ”
“นั่นน่ะสิ แต่ท่านดูไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนั้น มันจะต้องเกิดอะไรขึ้น สักอย่าง”
นิดหน่อยครุ่นคิด จนนึกได้ “หรืออาจจะเป็นเพราะสร้อย”
“สร้อยอะไรเหรอ”
“สร้อยไหลน้ำพี้ของนิดหน่อยค่ะ อาจารย์ขาวมันเอาไปได้สักพักแล้ว”
สุวานคิดตามหน้าเครียด “อืม...ถ้ามันมีของดีแบบนั้น แล้วสามารถควบคุมได้อีก อันนี้ก็น่ากลัวแล้ว”
นิดหน่อยร้อนใจ เป็นห่วงยม “เราจะทำยังไงกันดีคะ”
“คิดก่อน”
สุวานครุ่นคิดอย่างหนัก ขณะที่นิดหน่อยก็ร้อนอกร้อนใจเหลือแสน
ณ บริเวณโกดังริมน้ำ บรรยากาศเงียบเชียบ ไร้ผู้คน
อาจารย์ขาวนั่งรอโรบิ้นอยู่ในโกดังหลังหนึ่ง มียมยืนนิ่งเป็นบริวารอยู่ข้างๆ รอบข้างวังเวงจน อาจารย์ขาวหันไปทักยม
“แหม...มันเงียบยิ่งกว่าป่าช้าอีก ไม่พูดอะไรซะหน่อยเหรอ”
“จะให้พูดอะไรล่ะครับ”
อาจารย์ขาวคิดปราด งัดเกมอะไรเอ่ย? มาชวนยมคุย
“มาเล่นทายปัญหาแก้เหงากันดีกว่า...สัตว์อะไรขี้สงสัย”
ยมนึก แล้วส่ายหน้าไม่รู้ “สัตว์อะไรเหรอครับ”
“แมงมุมไงวะ”
ยมทำหน้างง “ทำไมเหรอครับ”
“ก็มันทำใยไง”
ยมหน้านิ่ง ไม่เก็ตมุกมนุษย์
อาจารย์ขาวเซ็งโครต “ห่า...กริ๊บกว่าเดิมอีก อยู่กันเงียบๆ นี่ละดีแล้ว”
โรบิ้นเดินเข้ามา
“เรียบร้อยแล้วครับจารย์”
“โอเค”
โรบิ้นหน้าเสีย “จารย์แน่ใจนะ ว่าจะไม่เอาของขลังในสำนักไปด้วยน่ะ”
“ทำไม เสียดายรึไง”
“ก็เสียดายอยู่เหมือนกันน่ะจารย์ แต่ผมกลัวว่าพวกผีที่เราทิ้งไว้ที่สำนักจะไม่พอใจมากกว่า”
“เฮ้ย มันจะไม่พอใจอะไรข้าวะ ข้าเป็นนายมันนะเว้ย”
“อ้าว ก็จารย์ไม่คิดจะเลี้ยงดูพวกมันแล้วนี่ครับ แล้วจากนี้ไปใครจะดูแลพวกมันล่ะ”
“ก็ดูแลกันเองสิวะ ไม่ก็ไปผุดไปเกิดซะ” อาจารย์ไม่สน
“งั้นจารย์ก็น่าจะบอกกล่าวกับพวกมันหน่อยมั้ย พวกมันจะได้ไม่ผูกใจเจ็บกับเราน่ะ”
“ข้าไม่กล้วโว้ย เพราะข้ามีมัจจุราชเป็นบอดี้การ์ด ให้มันเรียงหน้ากันเข้า มาเลย”
ยมรับอาสาขึ้น “ให้ผมไปจัดการวิญญาณที่สำนักให้สิ้นซากเลยมั้ยครับ จะได้ไม่ต้องกังวลใจกัน”
“ไม่ต้องหรอก เรามีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องทำกัน” อาจารย์ก้มดูเวลา “เดี๋ยวคู่ค้าของเราก็จะมากันแล้ว รออยู่ที่นี่แหละ ยังไม่ต้องไปไหน”
โรบิ้นตื่นเต้น สนใจใคร่รู้ “คู่ค้าจากไหนเหรอจารย์”
“ต่างประเทศเว้ย เรากำลังจะโกไปโกยเงินอินเตอร์กันแล้ว ฮ่าๆๆ”
อาจารย์ขาวหัวเราะใหญ่โต โรบิ้นพลอยตื่นเต้นยินดีไปด้วย ขณะที่ยมนิ่งขรึม ดูน่าเกรงขาม
หน้าจอโทรศัพท์ เป็นข้อความไลน์จากต่อเด้งขึ้นมา
“ท่านวิเวกบอกว่า ตอนนี้ไอ้อาจารย์ขาวมันปิดสำนักหนีไปแล้วนะ”
ดาวนั่งพิมพ์ไลน์คุยกับต่ออยู่ที่หน้าร้านขนมนิดหน่อย
“อ้าว... แล้วอย่างงี้เราจะทำยังไงต่อล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ท่านวิเวกบอกจะส่งทีมตำรวจตามหาตัวอาจารย์ขาวให้ได้”
ดาวละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วเดินเข้าร้านไป
เห็นสุวานกำลังนั่งสมาธิจับสัญญาณว่าตอนนี้ยมอยู่ที่ไหน โดยมีนิดหน่อยนั่งอมทุกข์อยู่ข้างๆ
ดาวเดินเข้ามาหานิดหน่อยเงียบๆ พูดบอกเบาๆ
“ต่อบอกว่าไอ้อาจารย์ขาวปิดสำนักหนีไปแล้ว”
“เหรอ”
“แล้วท่านผู้กำกับวิเวกจะจัดทีมตามล่า”
นิดหน่อยพยักหน้ารับ เครียดๆ
สุวานลืมตาขึ้น ส่ายหน้าด้วยท่าทีผิดหวัง
“เฮ้อ...จับสัญญาณจากท่านยมไม่เจอเลย”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงจับไม่ได้”
สุวานพูดเชิงปลอบ “ท่านยมคงยังไม่ได้เป็นอะไรไปหรอก แต่น่าจะเป็นเพราะท่านถูกพลังร้ายครอบงำอยู่ พลังจิตเรากับท่าน จึงเชื่อมต่อกันไม่ได้”
นิดหน่อยกังวลไม่หาย “แล้วทำยังไงถึงจะติดต่อกับคุณยมได้ล่ะคะเนี่ย”
สุวานคิดหนัก “เมื่อกี๊ได้ยินว่าอาจารย์ขาวมันปิดสำนักหนีไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวเราลองไปหาเบาะแสที่สำนักอาจารย์ขาวดูหน่อยดีกว่า เผื่อจะมีอะไรเชื่อมโยงไปหาอาจารย์ขาวได้”
“ค่ะ”
สุวานเดินไปไม่กี่ก้าวก็วาร์ปหายตัวไป นิดหน่อยหน้าเครียด ดาวคอยตบไหล่ปลอบเพื่อน
ส่วนเหตุการณ์ที่โกดังร้างริมน้ำ มีรถยนต์หรูคันหนึ่งขับแล่นเข้าไปในโกดัง
อาจารย์ขาว กะโรบิ้นนั่งรออยู่บนลัง พอเห็นรถยนต์แล่นเข้ามาก็พากันลุกขึ้น
คนขับรีบลงมาเปิดประตู ให้บอสฝรั่งก้าวลงรถมามาดอย่างเท่ ทั้งสองสีหน้าเข้มขรึมดูน่าเกรงขาม
อาจารย์ขาวเดินเข้าไปทัก “เวลคัมทูไทยแลนด์ ปีเตอร์”
อาจารย์ขาวกับปีเตอร์สวมกอดกัน
“เฮลโล ไนซ์ ทู มีท ยู สบายดีนะครับ”
“ก็สบายดี”
“ยูมีอะไร Special ที่จะโชว์ ไอไหม ก่อนที่เราจะร่วมธุรกิจกัน”
อาจารย์ขาวยิ้มกริ่ม “ได้เลย เดี๋ยวไอจะให้ยูเจอกับสิ่งมหัศจรรย์”
อาจารย์ขาวจะเรียกยม แต่ปีเตอร์โบกมือปฏิเสธ
“Wait…ดูของไอก่อน”
ปีเตอร์หยิบกระดิ่งเล็กๆ ออกมา สั่นเรียกอะไรบางอย่าง
โรบิ้นเพ่งมองสงสัย “มันจะขายไอติมเหรอจารย์”
อาจารย์ขาวดูออก “ขายไอติมป้ามึงสิ มันจะลองของกูสิไม่ว่า”
บอสฝรั่งยิ้มย่องแววตามีเลศนัยบางประการ
ท้องฟ้าเหนือโกดังร้างแดดจ้าอยู่ดีๆ ฟ้าก็พลันมืดครึ้มลงในบัดดล และพบว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่บนหลังคาโกดัง
มันคือแวมไพร์ยักษ์ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่บนหลังคา
อาจารย์ขาวเงยหน้ามองไปบนเหนือหัว เมื่อได้ยินเสียงคนวิ่งตึงตังอยู่บนนั้น ก่อนที่จะเห็นแวมไพร์ร่างยักษ์กระโดดทะลุหลังคาโกดังลงมานั่งชันเข่าเท่ๆ ที่พื้นด้านล่าง อาจารย์ขาวและโรบิ้นมองหน้ากันอึ้งๆ
“ห่า...ออกแขกด้วยตัวบอสเลยเหรอวะเนี่ย”
“เราก็มีตัวบอส กลัวไรล่ะจารย์”
“เออ มันต้องเจอตัวบอสของข้า ฮ่าๆๆ”
พร้อมกับว่าอาจารย์ขาวปรบมือส่งสัญญาณเรียกยม
ฉับพลัน ยมวาร์ปจากประตูหน้าทางเข้าโกดัง มาโผล่ตามจุดต่างๆ ในโกดัง ก่อนจะมายืนขรึมยินดีรับใช้อยู่ข้างๆ อาจารย์ขาว
“แหม...สายวาร์ปที่แท้ทรู”
“มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
“เจ้านั่นนั่นมันอยากจะลองของน่ะ จัดให้มันซะหน่อยซิ” อาจารย์ขาวบุ้ยใบ้ไปทางแวมไพร์
ยมหันไปมองแวมไพร์ตาขวาง
แวมไพร์ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้ามาหายมอย่างรวดเร็ว แต่ยมวาร์ปหายตัวไปก่อน ส่งให้ร่างแวมไพร์พุ่งไปชนข้าวของล้มระเนระนาด
บอสฝรั่งมีสีหน้างุนงงระคนอึ้ง ทึ่งกับสิ่งที่เห็น อาจารย์หัวเราะเยาะ
“งงแดกเลยสิมึง ฮ่าๆๆ”
แวมไพร์ลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ยมวาร์ปมาง้างหมัดใส่แวมไพร์ แต่แวมไพร์วาร์ปหายไปได้ หมัดของยมจึงกระแทกพื้นปูนจนแตกกระจายเป็นทาง
“มันเปิดโหมดวาร์ปเหมือนกันเลยจารย์” โรบิ้นตื่นตาสุดๆ
ปีเตอร์เป็นฝ่ายหัวเราะเยาะร่าเริงบ้าง “งงแดกเลยสิมึง ฮ่าๆๆ”
“ห่า...ด่านี่ชัดเชียวนะมึง”
ยมเกรี้ยวกราด ก่อนจะเผยร่างจริงของมัจจุราชออกมา ลูกค้าต่างชาติอึ้ง หลังจากเห็นร่างจริงของยมทูตในตำนาน
“God of Death มัจจุราช”
แวมไพร์พุ่งเข้าหายมโดยไว ยมกับแวมไพร์แลกหมัดซัดแข้ง แทงเข่ากันรัวๆ ก่อนที่ยมจะถีบแวมไพร์ลอยไปชนผนังแตกกระจาย
ยมวาร์ปมาจับคอแวมไพร์ ยกขึ้นจนตัวลอย แวมไพร์ดิ้นพล่านร้องอู้อี้ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนจัดกำลังถ่ายทอดมาที่คอตนและทั่วกาย พริบตาเดียวใบหน้าแวมไพร์เริ่มมีควันลอยขึ้นมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
คนดูมองตาค้างออกอาการอึ้งหนัก
ปีเตอร์บอสฝรั่ง ยืนดูอย่างตั้งใจ อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ร่างแวมไพร์ไฟลุกท่วม ก่อนจะกลายเป็นผุยผงกองไร้ค่าอยู่ที่พื้น ทุกคนมองอึ้งตะลึงตะไลตาค้าง
ยมหลับตาลง เขาค่อยๆ หดกลับเข้าไปในหัว ปีเตอร์ยืนมองอึ้งๆ ขณะที่อาจารย์ขาวหัวเราะใหญ่โต
“Execllent…ยอดเยี่ยม” ปีเตอร์ปรบมือให้อย่างชอบใจ
“หมดข้อครหาในตัวผมกันแล้วใช่มั้ย”
“ต้องขอโทษด้วย ที่เราต้องพิสูจน์ฝีมือกันก่อนแบบนี้”
“ไม่เป็นไร แต่ค่าตอบแทนในส่วนของไอ คงต้องขอเพิ่มขึ้นอีกหน่อยนะ”
“ว็อท? ยังไม่เริ่มธุรกิจ จะขอเพิ่มค่าตอบแทนเลยเหรอ”
อาจารย์ขาววางมาดเข้ม “ตกลงกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มนี่แหละดีที่สุด ถ้าผลประโยชน์เป็นที่พอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย จะได้ทำธุรกิจกันอย่างสบายใจ”
“อยากจะเพิ่มจากเดิมอีกเท่าไหร่”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์”
“ไม่มากไปเหรอ” ปีเตอร์ท้วง
“ไม่มากหรอก ถ้าเทียบกับฝีมือของมัจจุราช ลูกน้องของจารย์”
ยมหน้านิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับคำพูดของอาจารย์ขาว ที่เรียกตัวเองว่าเป็นลูกน้อง
“ในเมื่อเรามีมัจจุราช ผู้มีพลังอำนาจอยู่เหนือบรรดาผีทั้งปวงแบบนี้ เราก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนอีก ว่ามั้ย”
ปีเตอร์คิดปราด ก่อนจะยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับอาจารย์ ตกลงร่วมทำธุรกิจด้วย
“ดีล”
“เยส ไอ ดีล”
“โอเค เวรี่กู๊ด”
อาจารย์ขาวจับมือกับฝรั่ง ในบรรยากาศชื่นมื่น ยมยืนนิ่งขรึมไม่รู้สึกรู้สมใดๆ
โรบิ้นกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่คนเดียว ระหว่างรออาจารย์ขาวเจรจาธุรกิจอยู่ในโกดัง
มีหญิงสาววัยรุ่นรูปร่างดี เข็นรถตะโกนขายกล้วยปิ้งๆๆ ผ่านมาไกลๆ โรบิ้นเห็นก็นึกแปลกใจ ว่าใครมาขายกล้วยปิ้งตอนนี้
“เฮ้ย ใครมาขายอะไรแถวนี้วะ”
โรบิ้นเดินไปดู พอเห็นว่าคนขายเป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็คลายความเคลือบแคลงสงสัยไปสิ้น
“โอ้ว แม่ค้ากล้วยปิ้งแซบมาก ขายกล้วยปิ้งเหรอจ๊ะน้อง”
“ใช่จ้ะ ช่วยอุดหนุนน้องหน่อยสิจ๊ะพี่
“ได้เลย กล้วยอะไรจ๊ะเนี่ย ลูกใหญ๊ใหญ่”
“อ๋อ กล้วยตานีจ้ะ”
โรบิ้นสะดุดหู “กล้วยตานี เค้าเอามาปิ้งกินกันด้วยเหรอจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ อร่อยนะจ๊ะ”
ฉับพลันทันใดนั้นเอง จากสาววัยรุ่นก็กลายร่างเป็นผีตานีห่มสไบเขียวไปในบัดดล
“เฮ้ย”
โรบิ้นหันหลังจะวิ่งหนี เจอโหงพรายดักหน้าไว้พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาตะโกนถาม
“พวกมึงจะเอายังไงกับพวกกู”
โรบิ้นล้มลงตะเกียกตะกายหนีตาย จนคลานมาเจอขาคู่หนึ่ง พอเงยหน้าก็เห็นว่าเป็นกุมาร
“จะไปไหนจ๊ะพ่อจ๋า” กุมารทักถาม
โรบิ้นงง “พวกมึงมาที่นี่กันทำไม”
“มึงจะเอายังไงกับพวกกู” โหงพรายถาม
“จะเอาอะไรล่ะ ไม่เอาแล้วไง”
“จะทอดทิ้งกันอย่างนั้นรึ” โหงพรายฉุน
“แยกย้ายไปสู่ที่ชอบที่ชอบก็แล้วกัน อาจารย์เค้าไม่เอาพวกเอ็งแล้ว”
“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ” ผีตานีโกรธ
โรบิ้นควักมีดหมอเล่มเล็กออกจากกระเป๋ามาขู่ผีๆ
“อยากเคลียร์ก็ไปเคลียร์กับอาจารย์เอง อย่ามายุ่งกกับกู ไป๊”
โรบิ้นเอามีดอาคมฟาดฟันใส่เหล่าผี เหล่าผีหายตัวไปจนเกลี้ยง
รุจิภานั่งทอดอารมณ์ด้วยอาการมึนเมาอยู่ตรงโต๊ะนั่งพักหน้าทางเข้าบาร์ ผู้คนเดินเข้าออกขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย ทว่ารุจิภากลับเหงาใจเหลือเกิน
มีหญิงสายปาร์ตี้นางหนึ่งเมาไม่ได้สติ ถูกเพื่อนชายแบกเดินผ่านหน้ารุจิภาไป ในสภาพทุลักทุเล รุจิภามองตามนึกย้อนถึงชีวิตตัวเองในอดีต
ในเวลานั้น ปาร์ตี้เกิร์ลรุจิภา เริงราตรีอยู่กับก๊วนเพื่อนสาวไฮโซทุกคืน ใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมาซ้ำซาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อถูกแฟนทิ้ง รุจิภาก็ชวนก๊วนเพื่อนมาดื่มฉลองที่ร้านเหล้าหรู
“แด่ความรักห่วยๆ ชน”
รุจิภาดื่มหนักถึงขนาดอ้วกที่หน้าร้านอย่างหมดสภาพ เพื่อนต้องคอยลูบหลังให้
อกหักครั้งต่อมา รุจิภาก็ใช้เหล้าเยียวยา กับก๊วนเพื่อน
“แด่ผู้ชายเฮงซวย ขอให้มันสูญพันธุ์ไปจากโลก!”
รุจิภาชนแก้วกับเพื่อนๆ สุดท้ายเมาปลิ้นโดนเพื่อนหิ้วปีกออกจากบาร์ตามเคย
คืนแล้วคืนเล่า รุจิภายกแก้วไวน์ชนกับเพื่อนๆ
“ดื่มฉลองให้กับนังชะนีโง่ ที่ได้ผู้ชายหน้าเงินไปเป็นผัว”
รุจิภาเมาร้องไห้ฟูมฟายถึงคนรัก พร้อมกับทำลายข้าวของในบาร์ จนเพื่อนๆต้องมาห้ามกันวุ่นวาย
รุจิภานั่งนึกถึงชีวิตวันวารอันเหลวแหลกอยู่ที่หน้าบาร์
รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่าใดๆ เริ่มฉุกคิดว่าที่เป็นอยู่แบบนี้มันดีแล้วจริงหรือ คิดไปดื่มไป
ส่วนที่ร้านขนมนิดหน่อย สองสาวนั่งคุยกันอยู่ในนั้น ระหว่างรอความคืบหน้าจากสุวาน
“แล้วแกกับต่อเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี แต่ตั้งแต่พ่อแกเสีย งานต่อก็จะมากขึ้นหน่อย เลยไม่ค่อยมีเวลาไปชิลไหนกันซักเท่าไหร่”
“ดีแล้ว ถือเป็นช่วงกอบโกยสร้างรากฐานครอบครัวกันไว้ แล้วนี่ต่อเกริ่นเรื่องแต่งงานบ้างรึเปล่า”
ดาวยิ้มเขิน “ก็มีบ้าง”
“จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วสินะเพื่อนชั้น” นิดหน่อยใจแป้วเมื่อนึกถึงชีวิตตัวเองกับยมทูตรูปงาม “ชั้นนี่สิ ไม่รู้จะยังไงต่อไปเลย”
“พอๆ อย่าเพิ่งมาดราม่าตอนนี้ เดี๋ยวก็ช่วยกันคิดหาทางแก้ไขกันไป ชั้นไม่ทิ้งแกหรอก”
นิดหน่อยยิ้มตื้นตันใจ
สุวานปรากฏตัวขึ้นในร้านด้วยท่าทีตื่นเต้น หลังจากรู้เบาะแสของอาจารย์ขาว
“ได้เบาะแสไอ้อาจารย์ขาวแล้ว”
นิดหน่อยตื่นเต้นไปด้วย “มันอยู่ที่ไหนคะ”
“ที่โกดังริมแม่น้ำ…เดี๋ยวพวกวิญญาณอาจารย์ขาวมันจะพาไป”
ดาวกับนิดหน่อยเสียววาบ เหลียวมองรอบตัวด้วยอาการตื่นกลัวเล็กน้อย
“ไม่ต้องกลัว พวกมันรออยู่ข้างนอก”
“อ้าว ทำไมวิญญาณอาจารย์ขาวถึงยอมช่วยพวกเราล่ะคะ” นิดหน่อยสงสัย
“พวกมันแค้นที่โดนอาจารย์ขาวทอดทิ้ง”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะค่ะ ดาวฝากปิดร้านให้ทีนะ”
นิดหน่อยควักกุญแจร้านให้ดาว
“โอเค ระวังตัวด้วยนะเว้ย”
นิดหน่อยพยักหน้ารับเอาคำ แล้วรีบตามสุวานออกร้านไป
อาจารย์ขาวเปิดกระเป๋าเจมส์บอนด์ออกตาโตเป็นไข่นกกระจอกเทศ เมื่อพบว่าภายในมีเงินดอลล่าร์เต็มกระเป๋า โรบิ้นยืนอยู่ข้างๆ ตื่นเต้นดีใจที่เห็นเงินจำนวนมาก ยมยืนเฉยไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นดีใจอะไร
“โอ้โห ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะจารย์”
“นี่แค่มัดจำงวดแรก ถ้าเริ่มงานเมื่อไหร่ เราจะได้เยอะกว่านี้อีก วะ ฮะฮ่าๆๆ”
โรบิ้นงง “ทำไมเค้าถึงจ่ายเราหนักขนาดนี้ครับเนี่ย”
“แก๊งอาชญากรรมยุค 4.0 มันมาสายนี้กันหมดแล้ว นักฆ่าแต่ละสำนักไม่เป็นผี ก็ต้องมีอาคมที่แก่กล้า” อาจารย์ขาวคุยโว
“แต่เรามีลูกพี่ยม ที่เหนือกว่าผีหรือผู้มีอาคมแก่กล้า” โรบิ้นยิ้มร่า
“ใช่ จากนี้ไปเราจะยิ่งใหญ่และรวยกันไม่รู้เรื่องเลย ฮ่าๆๆ”
“แล้วเราจะออกนอกประเทศกันเมื่อไหร่ครับจารย์”
“คืนนี้แหละ เดี๋ยวมึงเรียกแท็กซี่ให้มารับเลย”
“โห่...มีเงินขนาดนี้แล้ว เรียกเจ็ทส่วนตัวมารับเลยจารย์”
อาจารย์ขาวด่าเอา “แหกตาดูดิ๊ ที่นี่มันมีรันเวย์ให้เครื่องบินลงมั้ย”
โรบิ้นยิ้มแห้งๆ จ๋อยสนิท “แหะๆ”
“มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูจ้างเจ็ทส่วนตัวมาจอดรอที่ชายแดนแล้ว ถึงที่นั่นเมื่อไหร่ เราก็บินหายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีใครตามจับเราได้อีก”
“ครับจารย์ เดี๋ยวผมไปเรียกแท็กซี่ให้เลยครับ”
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดหน้าโกดัง อาจารย์ขาวหันไปเห็นก็หัวเราะชอบใจ
“พูดถึงแท็กซี่ แท็กซี่ก็มา ทุกอย่างมันช่างเป็นใจซะจริงๆ ฮ่าๆๆ”
นิดหน่อยเปิดประตูลงมา รถแท็กซี่คันนั้นขับออกไปทันที
“นังนิดหน่อย”
“รู้ได้ไงวะ ว่าเราอยู่ที่นี่” อาจารย์ขาวก็คาดไม่ถึง
สุวานปรากฏตัวขึ้น
“มอบตัวซะ วิญญาณของแกได้ล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว”
โรบิ้นขำกลิ้ง “ล้อมเหรอ จะล้อมทำไม ดาหน้ากันเข้ามาเลยสิวะ”
อาจารย์ขาวหยิบสร้อยไหลน้ำพี้ขึ้นมาโชว์แล้วตะโกนสั่งยม
“เออ…ตอนนี้ข้าไร้เทียมทานแล้วโว้ย จัดการไอ้อ้วนนั่นก่อนเลย”
ยมวาร์ปมายืนหน้าสุวาน แล้วบีบคอหมับจับยกสุวานขึ้นจนตัวลอย
“ท่าน” สุวานตาเหลือก
“อย่าทำแบบนี้ นี่ลูกน้องคุณนะ”
นิดหน่อยร้องเรียกสติยม แล้วถลาเข้าไปช่วยสุวาน แต่ก็โดนยมหลังมือใส่จนล้มไปกองที่พื้น ยมเสกไฟลุกพรึ่บที่มืออีกข้างหนึ่งเตรียมจะเผาสุวาน
อาจารย์ขาวชอบใจใหญ่เชียร์เหย็งๆ “ฌาปนกิจไปเลย ยมลูกพ่อ ฮ่าๆๆ”
นิดหน่อยคิดปราดหาวิธีช่วยให้ยมได้สติ จนสายตาไปสะดุดกับสร้อยไหลน้ำพี้ที่อาจารย์ขาวถืออยู่ในมือ พึมพำกับตัวเองเบาๆ
“หรือจะเป็นเพราะสร้อยนั่น”
ไวเท่าความคิด นิดหน่อยแอบย่องไปอีกด้าน ในขณะที่อาจารย์ขาวกำลังปลื้มปริ่มที่เห็นยมจ่อไฟมาที่ร่างของสุวาน
“ไม่นะท่าน อย่าทำแบบนี้” สุวานพยายามเรียกสติ
อาจารย์ขาวหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่ทันเห็นว่านิดหน่อยย่องเข้ามาทางด้านหลัง
แต่โรบิ้นดันหันไปเจอเข้า “นังนิดหน่อย”
อาจารย์ขาวหันไปมองนิดหน่อยสบช่องพุ่งเข้าชาร์จคว้าสายสร้อยหมับ โรบิ้นไม่ยอม เข้าไปดึงนิดหน่อยออก แต่ก็โดนนิดหน่อยถีบเข้าที่กล่องดวงใจโรบิ้นจังๆ กระเด็นไปชนยมทำให้ลูกไฟที่เล็งใส่สุวานเปลี่ยนทิศ
สุวานหลับตาปี๋ตายแน่กู
อาจารย์ขาวแค้นสุดๆ
“ฤทธิ์เยอะนักนะนังนิดหน่อย”
นิดหน่อยกับอาจารย์ขาวยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา จนอาจารย์ขาวซัดหลังมือเข้าที่หน้านิดหน่อยฉาดใหญ่
นิดหน่อยหงายหลัง แรงส่งให้สร้อยติดมือนิดหน่อยมาด้วย พลังความดีในตัวนิดหน่อยที่เป็นเจ้าของสร้อย สปาร์คที่สร้อยไหลน้ำพี้วาบหนึ่ง
อาจารย์ขาวแค้นจัดหันไปสั่งยม “จัดการนังนี่ซะ”
ยมวาร์ปมาหาตามสั่ง มองจ้องหน้านิดหน่อยอย่างคุกคาม นิดหน่อยถอยร่น
ยมกับนิดหน่อยสบตากัน โดยแววตายมว่างเปล่า ไม่รู้สึกอะไรใดๆ
“คุณยม”
“ใครขวางทางเรา จัดการมันให้หมดเลย ไอ้ยมลูกพ่อ”
ยมจ้องหน้านิดหน่อย ยกมือขึ้นช้าๆ ลูกไฟปรากฏขึ้นในมือ สุวานหันมาเห็นตะโกนลั่น
“นิดหน่อยหลบไป”
นิดหน่อยกลับยืนนิ่ง เพราะเชื่อว่าสร้อยเส้นนี้จะทำให้ยมหลุดพ้นจากอำนาจมืดได้
ยมปล่อยลูกไฟใส่นิดหน่อย ทว่ารอบกายนิดหน่อยได้รับปกป้องจากรังสีไหลน้ำพี้เสมือนมีเกราะกำบังรอบตัว
นิดหน่อยเดินหน้าเข้าหายมด้วยจิตใจที่มั่นคง พลังที่ยมส่งไปเริ่มถูกพลังจากสร้อยกลืนกลิน นิดหน่อยตัดสินใจพุ่งตัวเข้าหายมเพื่อให้สร้อยไหลน้ำพี้สัมผัสร่างยม บริเวณหน้าอกข้างซ้ายตรงหัวใจ
สุวานตะโกนก้อง “อย่า.....”
สร้อยไหลน้ำพี้แสงสีขาวจากพลังดีในตัวนิดหน่อย กลืนกินควันสีดำซึ่งเป็นพลังร้ายของอาจารย์ขาว จนหมดสิ้น ยมมีอาการมึนๆ งงๆ หลุดจากมนต์ดำได้แล้วเวลานี้
“คุณยม”
นิดหน่อยมองสร้อยในมือที่นาบอยู่ตรงอกของยม คว้าสร้อยสวมให้ยมทันที
“สวมไว้นะ แล้วคุณจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
มันช่างเหมือนตอนที่ชายหนุ่มอดีตชาติของยม เอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมาสวมให้เด็กหญิง
“สวมไว้นะ แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
คำพูดนั้นช่วยให้ยมค่อยๆ ฟื้นคืนความทรงจำกลับมา ยมกับนิดหน่อยจ้องหน้ากันนิ่งนาน อาจารย์ขาวตะโกนเร่งเหย็งๆ
“จ้องหน้ากันเป็นปลากัดอยู่ได้ จัดการมันซะทีสิลูกพ่อ”
ยมหันไปมองอาจารย์ขาวตาขวาง
“ใครลูกมึง”
โรบิ้นสะดุ้งโหยง “ชิ๊หายละ เอาไงดีจารย์”
อาจารย์ขาวมองกระเป๋าเงินในมือ “ได้เงินแล้ว เผ่นสิวะ”
อาจารย์ขาวกับโรบิ้นฉวยจังหวะหนีไป โดยเสกผีพรายขึ้นมาฆ่าเวลา
“จัดการมัน”
ผีพรายโผล่ออกมาสลอน ยมเห็นหันไปสั่งสุวาน
“ตามไอ้อาจารย์ขาวไป ทางนี้เราจัดการเอง”
“ครับท่าน”
สุวานรีบตามอาจารย์ขาวไป
ยมมองนิดหน่อยในอ้อมกอดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
บรรดาผีพรายลูกน้องของอาจารย์ขาว แท็กทีมดาหน้าเดินมาหานิดหน่อยและยม
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ยมตวาดลั่น ยืนขึ้นปกป้องนิดหน่อย
“เมื่อมีชีวิตก็เอาแต่สร้างเวรกรรม เมื่อกลายเป็นดวงวิญญาณพวกเจ้าก็ไม่คิดละละความชั่วหรือละอายต่อบาป”
วิญญาณจะเข้ามาทำร้ายยมและนิดหน่อย
“อย่ามายุ่งกับมนุษย์ผู้นี้”
ยมปัดมือ ดวงวิญญาณปลิวกระจายไปหมด จนยมหมดแรง ดวงวิญญาณรวมตัวกันเป็นก้อนดำมหึมา เข้าหายมอีกครั้ง
“มันคือคำสั่งที่เราต้องทำตาม”
“ทุกคนเลือกทางของตนเองได้ พวกเจ้าก็เหมือนกันเลือกที่จะไม่ทำกรรมตามคำสั่งของคนชั่วได้ ลองเลือกดูก็แล้วกันว่ายังต้องการอยู่ไหม”
ฉับพลันทันใดนั้น กลุ่มดวงวิญญาณไม่พูดอะไรอีก แต่รวมตัวกันเป็นกลุ่มควันดำพวยพุ่งมาเหมือนจะทำร้ายยม แต่จู่ๆ ก็แยกสลายเป็นวิญญาณแต่ละดวง พากันมาหยุดรวมตัวตรงหน้ายม
“ช่วยปลดปล่อยเราด้วยเถิด”
ร่างยมเลือนรางและเริ่มโปร่งแสงมากลงทุกทีๆ
“เราจะช่วยปลดปล่อยพวกเจ้า แต่กรรมที่เจ้าได้ทำลงไปอย่างไรก็ต้องไรก็ต้องได้รับการชดใช้”
ยมหลับตา ใช้พลังที่เหลือปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งหมด จากดวงสีดำค่อยๆ กลายเป็นมีแสงสว่างเพิ่มขึ้น
“ขอบคุณท่านมาก”
ดวงวิญญาณประสานเสียงขอบคุณแล้วหายไปทันที
อาจารย์ขาวกับโรบิ้นวิ่งหนีกันมาตามทางบริเวณโกดังริมน้ำ จนมาเจอสุวานวาร์ปมาดักหน้าไว้
“กล้ามากนะ ที่ทำกับเจ้านายข้าขนาดนี้”
“ทำอะไร ข้าเปล่า” อาจารย์ขาวปฏิเสธลั่น
“ยังจะมาโกหกอีก แกสองคนต้องลงไปรับโทษทัณฑ์อย่างสาสม”
สุวานคว้าหมับเข้าที่คออาจารย์ขาว
“ข้ายังไม่ตาย แกไม่มีสิทธิ์พาข้าไปไหนทั้งนั้น”
สุวานปล่อยมือจากอาจารย์ขาว นิ่งคิด
“จริงของเจ้า ที่ข้าไม่มีสิทธิทำแบบนี้”
อาจารย์ขาวหัวร่อร่า “ฮ่าๆๆ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับอาจารย์ขาว”
สุวานหยิบแท็บเล็ตออกมาเปิดดูบัญชี อาจารย์ขาวมองทึ่งๆ อดแซวไม่ได้
“เล่นเฟสบุ๊คเหรอท่าน”
“เปล่า ดูบัญชีหนังหมาหน่อย เดี๋ยวเอาเจ้าสองคนลงไป จะได้ตัดสินโทษแบบด่วนๆ”
“อาจารย์บอกแล้วว่าท่านไม่มีสิทธิ์ ยังจะเอาผมกับอาจารย์ลงไปอีกได้ไง” โรบิ้นว่า
“ก็ต้องรอให้เจ้าสองคนดวงชะตาถึงฆาตก่อนไง”
“งั้นก็รอไปเถอะ ไว้ถึงวันนั้นเราค่อยว่ากันอีกที ฮ่าๆๆ”
อาจารย์ขาวไม่แยแสเดินนำโรบิ้นออกไป พลันวิญญาณ โหงพราย กุมาร และผีตานี ก็ปรากฏกายออกมาขวาง
“ไม่ต้องรอถึงวันนั้นหรอก วันนี้นี่แหละ”
สุวานบอก และพบว่าเวลาชีวิต อาจารย์ขาว และโรบิ้นขึ้นเป็นเลขศูนย์ แสดงว่าหมด อายุขัย
“ไม่จริง เอ็งอย่ามาหลอกข้า”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะกรรมที่เจ้าก่อ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
สุวานหันหน้าหนีไปอีกด้าน
อาจารย์ขาวกับโรบิ้นทำท่าจะวิ่งหนี ทันใดนั้นเหล่าผีก็กรูกันเข้าไปรุมทึ้งอาจารย์ขาวกับโรบิ้น
สุวานหลับตาสงบจิตสงบใจ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของอาจารย์ขาวกับโรบิ้น
ขณะเดียวกัน นิดหน่อยค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในโกดังร้างริมน้ำ ร่างยมเลือนรางเต็มทน ก่อนที่จะหายไปยมจับมือนิดหน่อยไว้ นิดหน่อยปรือตาสะลึมสะลือมอง
“นิดหน่อย เราขอโทษสำหรับทุกอย่าง ลาก่อนนะ”
ร่างของยมค่อยๆ เลือนหายไป นิดหน่อยจะคว้ามือไว้ แต่ไม่ทัน ร่างยมหายไปแล้ว นิดหน่อยลุกขึ้นมานั่งหันมองไปรอบๆ ตัวแต่ไม่เจอแม้เงา
“คุณยม”
สุวานปรากฏกายขึ้น เดินเข้ามาหานิดหน่อย เหลียวหาจนทั่วไม่เห็นยมก็ตกใจ
“อ้าว ท่านยมล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แล้วอาจารย์ขาวล่ะคะ”
“ส่งลงนรกไปแล้ว” สุวานกวาดตามองหายมอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น ท่านหายไปไหนอีกแล้วเนี่ย”
“สร้อย”
นิดหน่อยนึกได้ชะงักกึก มองมือที่ว่างเปล่าแล้วใจหายวาบ เมื่อรู้ว่าสร้อยไหลน้ำพี้หายไปพร้อมๆ กับยม
อ่านต่อตอนที่24