xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่22

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 22 | เอาร่างของชั้นคืนมา

บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69

มัจจุราชเขต8 ในคราบของนายยม เดินเข้าไปหานิดหน่อยช้าๆ

“นิดหน่อย” นิดหน่อยถดตัวถอยหนี “เราขอโทษที่...”
“ทำไมถึงต้องเป็นพวกเรา หรือแค่นี้พวกเรายังลำบากไม่พอ”
นิดหน่อยสวนออกไปทั้งโกรธที่ยมโกหก และเสียใจที่ทำให้เธอเผลอใจให้
“เราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพวกเธอ เราแค่พักร้อน”
นิดหน่อยอึ้งไป “พักร้อน”
“ใช่ เราตั้งใจขึ้นไปบนโลกมนุษย์เพื่อเรียนรู้ความรัก รักที่ทำให้มนุษย์ทุกข์” ยมมองหน้านิดหน่อย “แต่พวกเขาก็ยังอยากจะรัก”
“แล้วท่านได้รู้รึยังคะ ว่ารักที่แท้จริงมันเป็นยังไง” นิดหน่อยประชด
“คงใกล้แล้วล่ะ” มัจจุราชเขต7 ขัดขึ้น
ยมกับนิดหน่อยหันไปมอง เขต7 เหน็บแนมอีกว่า
“ที่สำคัญอาจจะไม่ใช่แค่ได้เห็น แต่อาจจะรู้สึกถึงรักแท้ของมนุษย์เลยก็เป็นได้”
“ท่านเขต7”
“เราขอโทษที่มาขัดจังหวะ เราแค่จะมาเตือนว่ามนุษย์ผู้นี้ต้องกลับเข้าร่างภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นเธอจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน แล้วโดนจับลงมาขังในนรถ”
“จริงด้วย” ยมนึกได้เผลอจับมือนิดหน่อย “รีบไปกันเถอะนิดหน่อย”
“เดี๋ยวเราไปเอง”
นิดหน่อยสะบัดมือออกเลยถูกยมดุ
“มันไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง ไว้เจ้าเข้าร่างได้ เราจะเลิกยุ่งกับเจ้าอีก”
นิดหน่อยเจ็บจี๊ด เมื่อรู้ว่ายมจะต้องจากเธอไป
เขต7 ยืนมองความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง โดยเฉพาะเขต8

ร่างนิดหน่อยนอนเป็นผักอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล โรเบิร์ตค้นตัวนิดหน่อยอยู่ในนั้น โดยมีอาจารย์ขาวยืนดูต้นทางอยู่ด้านนอก ไม่นานโรเบิร์ตก็เดินออกมารายงาน
“ไม่เจอเลยอาจารย์”
“จะเป็นไปได้ยังไง”
พยาบาลเดินผ่านมาพอดี
อาจารย์ขาวเรียกไว้ “คุณพยาบาลครับ”
“คะ”
“ข้าวของเครื่องใช้ของคนไข้ห้องนี้อยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“ทำไมคะ”
“ผมแค่ถามดูครับ”
“ของใช้ของคนไข้เก็บไว้อย่างดีค่ะ รอให้ญาติมารับคืนไปนะคะ”
พยาบาลเดินออกไป
อาจารย์ขาวพึมพำ “ญาติเหรอ...”
“ไปตามแม่มันมามั้ยจารย์” โรเบิร์ตเสนอ
“มากคนก็มากความ”
“แล้วอาจารย์จะทำยังไง”
อาจารย์ขาวยิ้มร้าย คิดแผนชั่วออก

ฟากเขต7 นั่งหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ที่ออฟฟิศ ถึงคำพูดติติงของยมก่อนหน้านี้
“เรารู้และพร้อมยอมรับผิด และท่านเองก็ควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่ท่านทำผิดเช่นกัน”
สุวรรณเดินเข้ามาหา ถามหน้าตาตื่น “ท่านครับๆ”
“ว่ายังไงสุวรรณ”
“เห็นสุวานบอกว่าท่านพาดวงวิญญาณของหญิงผู้นั้นมาได้แล้ว แต่ว่าเขต 8 มาพากลับไปแล้ว”
“จริงอย่างที่สุวานกล่าว”
“ทำไมท่านยอมง่ายๆ ละครับ”
“เราทำผิด เราก็ต้องยอมรับ”
“ท่านเขต 8 ก็ช่างกล้า ลงมาแย่งวิญญาณเธอผู้นั้นถึงที่นี่
“มันมากกว่าความกล้า แต่มันคือความรับผิดชอบ” เขต7 นิ่งคิด “เช่นกันเราเองก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของเรา”
เขต7 เดินหนี ขึ้นโลกภูมิไปเพื่อจะไปเคลียร์กับรุจิภา และแก้ปัญหาที่ก่อขึ้น ทิ้งให้สุวรรณยืนงงอยู่ลำพัง

ยมมาส่งวิญญานิดหน่อยที่หน้าโรงพยาบาล
“ท่านส่งชั้นแค่นี้เถอะค่ะ”
“พูดเหมือนเดิมก็ได้” ยมติง
“จากวันนี้ไปคงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว”
วิญญาณนิดหน่อยเดินเข้าไปในตึกผู้ป่วย ยมมองส่งจนลับตา ก่อนจะหันกลับเดินออกไป

นิดหน่อยเดินหน้าเศร้ามาถึงห้องพัก ยืนพิงผนังห้องพักคิดทบทวนเรื่องยมเป็นมัจจุราชอยู่
สักพักประตูห้องคนไข้เปิดออก เห็นนิดหน่อยในชุดธรรมดาเตรียมกลับบ้าน ตาแดงเหมือนถูกผีสิงเดินออกมา
วิญญาณนิดหน่อยเห็นก็ตกใจ ร้อนใจ ว่าใครกันอยู่ในร่างตัวเอง
“ร่างชั้น”
วิญญาณนิดหน่อยทั้งประหลาดใจทั้งวิตกกังวล ทำอะไรไม่ถูก รีบตามไปติดๆ


นิดหน่อยที่ถูกผีสิงอยู่กับโรเบิร์ตตรงเคาน์เตอร์ฝากของคนไข้ พยาบาลส่งของใช้นิดหน่อยให้
“นี่ของคนไข้ค่ะ”
นิดหน่อยรับมา มือจับโดนสร้อยไหลน้ำพี้ ก็ออกอาการปวดแสบปวดร้อนคืนของไปให้พยาบาล
“โอ๊ย!”
ที่แท้เป็นผีพรายสิงอยู่ในร่างนิดหน่อย และร่างมันเกือบหลุดออกมาเพราะฤทธิ์สร้อยไหลน้ำพี้ พยาบาลงงว่าเกิดอะไรขึ้น โรเบิร์ตเรียบรับของมา แก้ต่างให้
“ยังไม่หายดี มาๆ เดี๋ยวพี่เบิร์ตถือของให้เอง
“งั้นเซ็นรับด้วยค่ะ”
นิดหน่อยเซ็นรับ
พยาบาลมองฉงน “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณจะหายป่วยเร็วขนาดนี้”
“น้องเค้าดวงแข็งครับคุณพยาบาล”
นิดหน่อยกับโรเบิร์ตเดินออกไปด้วยกัน พยาบาลมองตามอย่างประหลาดใจ
มุมหนึ่งใกล้ๆ วิญญาณนิดหน่อยโผล่มาขวางทางโรเบิร์ตกับนิดหน่อยเอาไว้
“เอาร่างชั้นคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”
ผีพรายในร่างนิดหน่อยหมองเหยียดๆ ไม่สนใจ แถมจงใจเดินทะลุวิญญาณนิดหน่อยไปเฉ้ย
วิญญาณนิดหน่อยเหวอ โรเบิร์ตเดินมาจับมือนิดหน่อย
“นิดหน่อยจ๋าไปได้แล้วจ้า”
วิญญาณนิดหน่อยงงหนัก
“โรเบิร์ต”

คืนเดียวกัน รุจิภาเมาแอ๋เดินออกมาจากผับประจำ สายตารุจิภามองไปเห็นเท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามา สายตารุจิภาเบลอๆ ค่อยๆ ชัดขึ้น เห็นเขต7 เดินออกมา
“คุณอีกแล้ว คุณจะทำอะไรชั้น” รุจิภาตะโกนร้องให้คนช่วย เสียงอ้อแอ้ๆ “ใครก็ได้ช่วยชั้น…”
เขต7 วาร์ปไปจับตัวเธอไว้ เกิดแสงเจิดจ้าพาทั้งคู่ย้อนกลับไปสู่ในอีกชาติภพหนึ่ง

ทั้งคู่หลุดเข้ามาที่ค่ายทหารสมัยอยุธยา
“นี่คุณพาชั้นมาที่ไหน”
“มองรอบๆ สิไม่คุ้นรึ”
รุจิภาเหลียวมองตามแล้วก็นึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ๆ ตนเคยฝันเห็น เสียงเพชรร้องไห้ดังมาจากทางหนึ่ง รุจิภาวิ่งตามเสียงไปจนเห็นเพชรกำลังร้องไห้อ้อนวอนนายกองให้ปล่อยตัวพิมผู้เป็นน้องสาว
“น้องกระผมไม่ได้เป็นไส้ศึกนะขอรับ น้องผมโดนมันหลอก”
“เราจะรู้ได้เช่นไรว่าน้องเจ้าไม่ได้ส่งข่าวให้พวกมัน”
“น้องเอ็งเป็นเมียมันย่อมบอกมันทุกเรื่อง”
“ไม่จริงขอรับ น้องข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
“พี่เพชร...ช่วยน้องด้วย”
“เอาตัวมันออกไป”
ทหารลากตัวพิมออกไป
“พี่เพชรข้ากลัว ช่วยข้าด้วย”
เพชรถลาเข้าไปก้มกราบนายกอง
“เดี๋ยวก่อนท่าน ข้าขอเอาหัวข้ารับประกันว่าน้องข้าไม่ใช่คนขายบ้านขายเมืองเช่นที่พวกมันกล่าว”
นายกองให้ทหารหยุดพาตัวพิมออกไป
“ช่วยไว้ชีวิตน้องข้าด้วยเถิดจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม หรือแลกกับชีวิตข้าก็ได้”
“เจ้าก็เป็นพี่ชายย่อมปกป้องน้อง แลโทษของใคร คนนั้นก็ต้องรับ” นางกองชี้หน้าเพชร “เจ้าจงเตรียมทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีเถิด”
ทหารฉุดกระชากพิมออกไป
เพชรอึ้งนิ่งงันไป เขาจะต้องเป็นคนประหารน้องสาว เพราะเป็นเพฌชฆาต!
เมื่อถึงวันประหาร ร่างพิมมีผ้าปิดตาถูกมัดตรึงติดอยู่กับหลักประหารในลาน น้ำตาไหลรินนองหน้าท่วมผ้าปิดตาผืนนั้น
เพชรรำดาบวนรอบตัวน้องสาวด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ในใจนั้นแตกสลาย ขมขื่นอย่างหนัก
“อภัยให้พี่ด้วยนะแม่พิม ที่พี่ช่วยเจ้าไว้ไม่ได้” เพชรจ้องหน้าพิม บอกน้องสาวในใจ “หากชาติหน้ามีจริง พี่จะขอตามไปชดใช้บาปนี้ให้แก่เจ้า”
เพชรลงดาบฉับ เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นใส่หน้าเขา มีหยดน้ำตาไหลซึมออกมาประสม ด้วยความเจ็บปวดสุดจะประมาณ

อาจารย์ขาวนั่งสมาธิอยู่ลืมตาโพลงขึ้นมา แล้วคลี่ยิ้มชั่ว หัวเราะหึๆ อย่างฮึกเหิมในใจ เมื่อกำลังจะได้ครอบครองไหลน้ำพี้ที่ตนเองต้องการ

วิญญาณนิดหน่อยเดินตามร่างตัวเองที่ถูกผีพรายยึดไปกับโรเบิร์ตมายังสถานที่แห่งหนึ่ง พอเป็น “สำนักอาจารย์ขาว” ก็แปลกใจ
“นี่มันอะไรกัน”
โรเบิร์ตกับร่างนิดหน่อยเดินเข้าไปข้างในสำนัก วิญญาณนิดหน่อยจะตามเข้าไปแต่ เข้าไปไม่ได้เพราะมีมนต์ของอาจารย์ขาวป้องกันไว้ นิดหน่อยพยายามอยู่สองสามรอบแต่ไม่เป็นผล แถมอ่อนแรงลง
“เธอต้องรีบกลับไปเข้าร่างให้ได้ภายในสามวัน ไม่เช่นนั้น เธอจะไม่มีโอกาสได้กลับเข้าร่างอีกตลอดชีวิต”
คำพูดของท่านเขต7ดังก้องขึ้น วิญญานนิดหน่อยกังวลหนัก มีเสียงหนึ่งตะโกนใส่
“ออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้”
นิดหน่อยเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างดำทะมึนของวิญญานร้ายที่อาจารย์ขาวเลี้ยงไว้เดินมาหาอย่างประสงค์ร้าย นิดหน่อยเห็นแล้วกลัวรีบวิ่งหนีไป


วิญญาณนิดหน่อยพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้านยม ไม่กล้าเข้าไป สู้กับความคิดขัดแย้งในใจอย่างหนัก
“ไม่...เราต้องไม่พึ่งเขา”
นิดหน่อยจะเดินกลับแต่เกิดลังเล
“ขอให้เขาช่วยครั้งนี้ครั้งสุดท้าย โอเค”
นิดหน่อยจะเปิดประตูแต่ยั้งมือไว้
“แต่เราเป็นคนไล่เขาไป แล้วจะกล้าขอให้เขาช่วยอีกเหรอ”
นิดหน่อยเดินกลับออกไป แต่แล้วประตูบ้านยมก็เปิด
“มีอะไรรึเปล่า”
นิดหน่อยอาย จะเดินหนี ยมดึงแขนไว้ให้หันหน้ามาหา ทั้งคู่จ้องหน้ากัน
“พูดมา...”

ยมอึ้งไปเลย เมื่อได้ฟัง
“สร้อยอยู่กับหมอผีผู้นั้น”
นิดหน่อยพยักหน้า
“ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ หากสร้อยอยู่ในมือคนชั่วเช่นนั้น” ยมเครียดจัด
นิดหน่อยงุนงงว่าเกี่ยวอะไรกับสร้อย
“สร้อยเส้นนั้นมีความสำคัญอะไรนักหนา”
“ของสิ่งนั้นให้คุณหนัก ช่วยปกป้องเจ้าจากสิ่งไม่ดี และเช่นเดียวกันก็ให้โทษหนักเช่นกัน หากอยู่ในมือคนชั่ว”
นิดหน่อยเครียดมากขึ้นอีก “แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“ไม่เป็นไรยังพอมีเวลา”
“ไปกันเลยมั้ย”
“วันนี้เธอพักก่อนเถอะ เดี๋ยวเราขอคิดหาทางก่อนว่าต้องทำเช่นไร ที่จะนำร่างเธอกลับคืนมา”
ยมครุ่นคิดแผนที่จะไปชิงร่างนิดหน่อยและสร้อยไหลน้ำพี้คืน

เช้าวันใหม่
อาจารย์ขาวนั่งชื่นชมสร้อยไหลน้ำพี้ที่ได้มาจากโรเบิร์ตตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า หยิบชูขึ้นดูด้วยความภาคภูมิใจ โรเบิร์ตนั่งสอพลอรอรับใช้อยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็ยิ้มยืดพลอยดีใจด้วย
“อาจารย์อยากได้สร้อยนี้มาทำอะไรครับ”
“เดี๋ยวเอ็งคอยดู”
อาจารย์ชั่ววางสร้อยไหลน้ำพี้ลงบนฝ่ามือ นั่งบริกรรมคาถา สักพักเดียวก็เกิดแสงเรืองรองที่สร้อย อาจารย์ตะโกนเรียก
“นังพรายออกมานี่”
ผีพรายโผล่ออกมา อาจารย์ขาวชูสร้อยแล้วฤทธิ์ของสร้อยก็ทำให้ผีพรายแสบร้อนไปทั้งตัว
ผีพรายกรี๊ด “แอร๊ยยยย”
อาจารย์ขาวเก็บสร้อย ผีพรายหายแว่บไป โรเบิร์ตงงยกใหญ่
“สร้อยมันกันผี แต่อาจารย์เลี้ยงผี อาจารย์จะเอามาทำไม หรือจะเปลี่ยนอาชีพมาเป็นหมอไล่ผี”
อาจารย์ขาวยกเท้าจะถีบ โรเบิร์ตกระโจนหนีอย่างรู้เท่าทัน
“ฤทธิ์ของขลัง ก็แล้วแต่คนใช้”
อาจารย์ขาวคิดแผนร้าย โรเบิร์ตงงๆ ไม่เข้าใจ

ทางฝ่ายรุจิภาตื่นขึ้นมาบนโซฟาในโถงรับแขกที่บ้านของเธอเอง พึมพำอย่างแปลกใจ
“นี่เราฝันไปอีกแล้วเหรอ”
เขต7 นั่งมองจ้องอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยขึ้น
“นั่นไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริงใจอดีต”
รุจิภาตกใจ “คุณ...คุณ อยู่ในบ้านชั้นได้ยังไง”
เขต7 วาร์ปมานั่งใกล้ๆ รุจิภา
“เราไปได้ทุกที่หากต้องการ”
“คุณเป็นใครกัน”
“ปัจจุบันเราเป็นใครไม่สำคัญ แต่อดีตเราคือพี่ชายของเจ้า พี่ที่ติดค้างและอยากทดแทนในสิ่งที่ทำลงไป”
รุจิภาอึ้งหนัก มองหน้าเขต7 อย่างฉงนฉงาย
“ชั้นงงไปหมดแล้ว นี่มันอะไรกัน บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“ไม่บ้าหรอก นี่คือความจริง เรามาที่นี่เพื่อทดแทนเจ้า”
“ทดแทนอะไรชั้นไม่ต้องการ ชั้นมีหมดแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าชีวิตเจ้าไม่ขาดอะไร”
รุจิภานิ่งคิด “ไม่”
“มนุษย์กล่าวไม่ตรงกับใจ เช่นนั้นหากเมื่อไหร่ที่เจ้าต้องการให้ข้าช่วย ข้าจะมาในทันที แต่ข้าจะช่วยเจ้าเพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้นก่อนเรียกข้าจงคิดให้ดีเสียก่อน และจงเรียกเราว่า “พี่เพชร” เราจะมาในทันที”
เขต7 หายวับไป
“เดี๋ยวก่อน คุณๆ ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่”
รุจิภามองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร นึกถึงคำพูดของเขต7 ที่ย้อนถามว่า
“แน่ใจเหรอว่าชีวิตเจ้าไม่ขาดอะไร”


เช้าวันที่สองของการออกจากร่างของนิดหน่อย
ยมนั่งพักสายตาอยู่ในโถงบ้าน วิญญาณนิดหน่อยโผล่มาจ้องหน้าใกล้ๆ อย่างเอ็นดูนึกว่าเขาหลับ เส้นผมระมาปรกตานิดหน่อยยื่นหน้าใกล้กว่าเดิมจะเขี่ยผมออกให้ แต่ยมลืมตาโพลงขึ้นมาพอดี นิดหน่อยตกใจหงายเงิบล้มทั้งยืน
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่ ชั้นไม่ได้เป็นอะไร อย่าลืมสิชั้นเป็นแค่วิญญาณ”
“จริงด้วย”
“นี่ท่านไม่ได้หลับเหรอ”
“เรียกเราเหมือนเดิมเถอะ เราไม่รู้จักหลับหรอก”
นิดหน่อยมองสงสาร “แบบนี้คงเหนื่อยแย่”
ยมขยับมาใกล้นิดหน่อย
“แล้วมีอะไรรึเปล่าทำไมจ้องหน้าเราใกล้ขนาดนั้น”
“เปล่าๆ ชั้นจะมาปลุกคุณบอกว่ามันเช้าแล้ว พาชั้นไปเอาร่างชั้นกลับมาเถอะ ก่อนที่จะครบกำหนด 3 วันอย่างที่ยมทูตคนนั้นบอก”
ยมนึกได้เช่นกัน “มนุษย์ผู้นี้ต้องกลับเข้าร่างภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นเธอจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน แล้วโดนจับลงมาขังในนรก”
“งั้นไปกัน”
ยมเปิดประตูบ้านเดินออกไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรุจิภายืนยิ้มอยู่หน้าประตู ในมือถือถุงอาหารหลายอย่างมาด้วย รุจิภามองไม่เห็นนิดหน่อย แต่นิดหน่อยมองค้อน หึงเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
“คุณยม”
“คุณรุจิ”
“รุจิเหงา อยากมีเพื่อนกินข้าว” รุจิภาโชว์ถุงกับข้าว “เลยซื้อของอร่อยๆ มาเยอะเลยค่ะ คุณยมกินเป็นเพื่อนรุจิได้มั้ย”
ยมพยายามบ่ายเบี่ยง “ผมมีนัดกับ...”
รุจิภาไม่ฟัง เดินเข้าไปในบ้านทันที
“อย่าปฏิเสธรุจิเลยนะคะ ครั้งนี้รุจิมีเรื่องอยากปรึกษาจริงๆ”
ยมหันไปทางวิญญาณนิดหน่อย วิญญาณป้ายแดงพยักหน้าให้
“คุณไปเถอะ ชั้นยังมีเวลา”
นิดหน่อยเดินออกจากบ้านไปเลย ยมจะตามแต่ถูกรุจิภาคว้าแขนดึงไว้
“ไปไหนคะ มาช่วยรุจิแกะอาหารหน่อยค่ะ
นิดหน่อยหันกลับมามองแว่บหนึ่ง แล้วเดินหน้าเศร้าออกไปอย่างไร้จุดหมาย

อาหารมากมายหลายอย่างครบครันทั้งคาวหวานตลอดจนผลไม้ และน้ำส้มคั้น วางพร้อมอยู่บนโต๊ะ รุจิภาคะยั้นคะยอให้ยมทานอย่างเอาอกเอาใจ
“อร่อยนะคะ ทานหน่อยสิคะคุณยม”
“ไม่ล่ะเราอิ่มแล้ว คุณรุจิมีเรื่องอะไรรึเปล่า”
รุจิภาตักทานไปคำ “คุณยมเชื่อเรื่องชาติที่แล้วมั้ยคะ
ยมจ้องหน้าสาวสวยผู้ชอบมาทานข้าวบ้านผู้ชาย ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมถามแบบนั้น”
“ตอบมาเถอะค่ะ”
“เชื่อครับ”
“ชาติก่อนรุจิถูกประหารตาย”
ยมแปลกใจ “คุณรู้ได้ยังไง”
“พูดไปคุณจะหาว่ารุจิบ้ารึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ”
“พี่ชายของรุจิเมื่อชาติที่แล้วเป็นคนบอก และเขาเองที่เป็นคนฆ่ารุจิ”
ยมชะงัก “พี่ชายคุณ…”
รุจิภาสวนออกไปว่า “ชายชุดดำ ตัวสูง ตานิ่งๆ แต่รุจิไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่ไม่ใช่คนแน่ๆ หรือว่ารุจิจะเหงาจนเพี้ยนไปแล้วคะคุณยม”
“ไม่หรอกครับ เราว่าคุณรุจิอย่าเพิ่งกังวลไปเลยนะ รอเวลาอีกหน่อยทุกอย่างคงจะเปิดเผย”
“เขาบอกว่า เค้าอยากชดเชยให้รุจิ”
“แล้วคุณบอกว่ายังไง”
“สิ่งที่รุจิขอเขาคงทำให้ไม่ได้”
“เรื่อง...”
“ขอให้รุจิเจอรักแท้”
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องขอ เดี๋ยวถึงเวลาก็มาเอง”
“แต่รุจิอยากเลือกเอง”
พร้อมกับว่ารุจิภามองจ้องหน้ายมสื่อความหมายชัดแจ้ง ว่าเธอเลือกยมนั่นเอง ยมอ่านออกรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วคุณรุจิอโหสิกรรมให้พี่ชายไปรึยังครับ”
“ถ้ามันเป็นความจริง เรื่องมันก็ผ่านไปเป็นชาติแล้ว รุจิอภัยให้ค่ะ”
ยมยิ้มปลื้มแทนเขต7 ที่ได้ทลายปมในใจเรื่องที่ดูแลน้องสาวไม่ได้ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น รุจิภาหยิบมารับสาย
“สวัสดีค่ะ ขอตัวสักครู่นะคะ”
ยมส่งซิกบอกรุจิภาว่าตนจะออกไปเอง ให้รุจิภาคุยโทรศัพท์อยู่ด้านใน


สุดท้ายนิดหน่อยนั่งแกร่วรอนายยมอยู่ที่สวนสวยหน้าบ้าน
“เราจะมารอเขาทำไมป่านนี้เขาคงมีความสุขกันอยู่”
นิดหน่อยลุกขึ้นจะเดินไป ยมวาร์ปมาขวางหน้าไว้ นิดหน่อยตกใจซวนเซจะล้ม ยมรับไว้ทัน ทั้งคู่สบตากันชั่วขณะหนึ่ง จนนิดหน่อยได้สติรีบผละออก
“นี่คุณวันหลังอย่าทำแบบนี้อีก เกิดชั้นตกใจตายจะทำยังไง”
“ตอนนี้คุณก็ตายไปแล้ว”
“จริงด้วย”
“ผมพร้อมแล้ว”
“แล้วคุณคุณรุจิภาละ ไปอยู่กับเธอก่อนสิ เธอคงต้องการคุณ”
ยมย้อนว่า “แล้วเธอไม่ต้องการชั้นเหรอ”
นิดหน่อยมองหน้ายม “ก็ใช่ แต่ชั้นรอได้”
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ชั้นอยากอยู่ตรงนี้” ยมมองหน้านิดหน่อยนิ่งๆ “อยากอยู่กับเธอ”
ทั้งคู่สบตากัน
“ชั้นขอโทษนะที่ขยันหาเรื่องให้คุณ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมยินดีช่วยคุณเต็มที่ ในเวลาที่ยมยังมีโอกาสที่จะอยู่บนโลกมนุษย์นี้”
“ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าชั้นได้ร่างคืนเราแยกกัน”
“เอาตามที่คุณต้องการ”
ยมกับนิดหน่อยเดินหน้าเศร้าๆ ออกไปพร้อมกันมุ่งหน้าไปยังสำนักอาจารย์ขาว เดินๆ อยู่วิญญาณนิดหน่อยค่อยๆ เลือนรางลง วูบวาบไปมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“จะเข้าวันที่ 3 แล้ววิญญาณของคุณใกล้สลายเต็มที เราต้องรีบกันแล้ว”
ยมกับวิญญาณนิดหน่อยรีบร้อนออกไป
รุจิภาเดินออกมาตามร้องเรียกยม แต่เขาไม่ได้สนใจ สาวขี้เหงายิ่งแปลกใจเมื่อเห็นว่าเหมือนยมเดินคุยกับใครออกไป
“คุณยมคุยกับใคร”

สร้อยไหลน้ำพี้ถูกวางอยู่ในพานบนแท่นพิธี เบื้องหน้าอาจารย์ขาวที่กำลังบริกรรมคาถาอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง พบว่ามนต์ดำเกือบเข้าครอบครองไหลน้ำพี้ได้แล้ว แต่ยังไม่เต็มที่
“อาจารย์จะสำเร็จแล้ว” โรเบิร์ตตื่นเต้นฝุดๆ
จู่ๆ อาจารย์ขาวก็ลืมตาขึ้น รับรู้การมาถึงของยม
“มาแล้วสินะ”
โรเบิร์ตงงว่าอาจารย์บ่นอะไร “ใคร”
อาจารย์ขาวร้องเรียกขึ้น “ไอ้ช่วงมานี่”
เห็นผีเหมือนนักโทษร่างใหญ่ทะมึนดูน่ากลัวมากๆ โผล่ออกมา มันคือไอ้ช่วงคือผีร้ายตั้งแต่ยุคบางระจัน ในมือของมันถือดาบสองเล่ม

“มึงไปช่วยนังหุ่นมันหน่อย”
ผีร้ายพยักหน้ารับเอาคำ แล้วแว่บหายไป

ยมยืนเผชิญหน้ากับผีพรายในร่างนิดหน่อย โดยมีวิญญาณนิดหน่อยยืนหลบอยู่ข้างหลังยม
“วิญญาณชั่ว คืนร่างให้เจ้าของเค้าเดี๋ยวนี้”
“ไม่...” ผีพรายไม่ยอม
ยมเดินเข้าไปหาผีร้าย พยายามกระชากวิญญาณออกจากร่างนิดหน่อย
“ออกมา”
“ไม่”
ยมเผยร่างจริงมัจจุราชเต็มคราบ มองจ้องผีร้ายอย่างน่ากลัวเกรง
“เราบอกให้คืนร่างให้มนุษย์ผู้นี้ได้แล้ว”
ผีพรายตกใจผละออกจากร่างนิดหน่อยโดยเร็ว ร่างร่วงตรงกลางระหว่างวิญญาณนิดหน่อยที่เวลานี้เลือนรางจางลงๆ กับนางผีร้าย
นิดหน่อยรวบรวมแรงลอยเข้าร่างตัวเอง แต่ถูกผีไอ้ช่วงโผล่มาขวางไว้ จนทำให้ผีพรายเข้าสิงร่างนิดหน่อยได้อีกครั้ง


ยมกับผีไอ้ช่วงยืนเผชิญหน้ากัน
“พวกแกไปผุดไปเกิดซะเถอะ”
“กูไม่ไป มึงต่างหากที่กลับนรกไปได้แล้ว”
“เราไม่ไปหรอก ถ้าไม่ได้นำวิญญาณบาปอย่างพวกเจ้ากลับไปด้วย”
ช่วงถือดาบเข้าหาฟันยม แต่ฟันเท่าไหร่ก็ฟันไม่เข้า
“มันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“เดี๋ยวก็รู้”
ช่วงฟันดาบใส่ร่างยมเต็มแรง ยมวาร์ปหนีไปอย่างว่องไว แล้วถีบช่วงเต็มตีน ช่วงแค้นใช้ดาบคู่ฟันลงที่ร่างยม แต่ยมหลบซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
ช่วงฟันใส่เต็มแรง ยมยกแขนขึ้นบัง ดาบปะทะแขนยมทูตหักสองท่อนทั้งสองเล่ม
“พอได้แล้วพวกวิญญาณชั่ว ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องลงนรกแล้ว”
ยมร่ายมนต์ใส่จนวิญญาณไอ้ช่วงปวดแสบปวดร้อนทนไม่ได้ หายไป
ยมหันไปตวาดใส่ผีพรายในร่างนิดหน่อย “เจ้าก็ไปซะ ถ้าไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้”
นางผีพรายไม่ยอมออก
ยมปล่อยพลังใส่ เหมือนเปลวไฟเผาผลาญวิญญาณร้ายในร่างนิดหน่อย มันร้องโอดโอยโหยหวน
“โอ๊ย”
สุดท้ายผีพรายทนไม่ได้ ออกจากร่างนิดหน่อย
“นิดหน่อยๆ เธอต้องเข้าร่างแล้ว”
นิดหน่อยค่อยๆ ลอยเข้าไปนอนสวมร่างของตัวเอง
ยมถึงกับหมดพลัง ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง

ทางฝ่ายอาจารย์ขาวบริกรรมคาถาปลุกเสกไหลน้ำพี้ต่อ ผีร้ายสองตัววาร์ปกลับมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส อาจารย์ขาวลืมตามามอง
“สงสัยจะแพ้แล้ว เอาไงดีอาจารย์”
อาจารย์ขาวมองผีสองตนอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเอ็งไม่ได้เรื่องออกไป แล้วไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
อาจารย์ขาวมองสร้อย
“นิดหน่อยรอดไปแบบนี้ ทำไงดีอาจารย์”
“เลิกตาขาวซะที ข้าให้เอ็งไปดูแลมัน กลับหนีมาก่อน ไม่ได้เรื่อง”
โรเบิร์ตสลด
“คราวนี้มันชนะ” อาจารย์มองไหลน้ำพี้นิ่งๆ “แต่คราวหน้า ต้องเป็นทีของข้า”
“สร้อยเส้นนั้นมันจะทำร้ายมัจจุราชได้เหรออาจารย์”
“เดี๋ยวเอ็งก็รู้”
โรเบิร์ตผวา
“เดี๋ยวเราได้เจอกันแน่ ไอ้ยมบาล”
อาจารย์ขาวแค้นจัด คำรามในลำคอ

ยมเดินมาส่งนิดหน่อยที่บ้าน รุจิภาขับรถผ่านมาพอดีจึงจอดรถมองดูสองคน
“ขอบคุณคุณมากที่ช่วยชั้น”
“เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง คุณไปอยู่ในที่ของคุณเถอะ”
“เหลืออีกไม่กี่วันก็หมดเวลาพักร้อนของเราแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนที่เราช่วยเธอไว้ เราขออะไรได้มั้ย”
“อะไร”
“อีกหนึ่งอาทิตย์ที่เหลือก่อนที่เราจะหมดเวลาพักร้อน เราอยากให้นิดหน่อยทำกับเราเหมือนเดิม เหมือนเป็นยมคนเดิม” ยมขอร้องดีๆ
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไม”
“เพราะคุณไม่ใช่ยมคนเดิม”
“เราเป็นคนเดิมสำหรับคุณเสมอ ที่เหลือเธอก็ตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะทำตามที่เราขอได้มั้ย”
ยมขอร้องด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย รุจิภาเพ่งมองทั้งคู่อย่างจับสังเกต
“แต่...” นิดหน่อยพยายามจะอธิบาย แต่ยมสวนขึ้นด้วยความน้อยใจ
“ไม่ต้องไล่เรา เพราะวันหนึ่งเราจะไปจากเธอเอง ขอให้เวลาที่เหลือเธอรู้สึกและปฏิบัติกับเราเหมือนเดิมได้มั้ย”
ยมเผลอจับมือนิดหน่อยมากุม นิดหน่อยชักมือออก ยมเดินหน้าเศร้าจากไป นิดหน่อยมองตามเศร้าพอกัน
รุจิภาจดสายตามองจ้องอยู่ในรถอย่างไม่พอใจ
“สองคนนี่ยังไงกันแน่”


รุจิภาขับรถกลับบ้าน เดินเข้ามาในห้องโถง พอเปิดไฟก็ต้องหงุดหงิด เมื่อเห็นมัจจุราชเขต7 นั่งอยู่ในนั้น
“คิดจะเข้านอกออกในบ้านใครก็ได้เหรอ ชั้นจะโทร.แจ้งตำรวจ”
รุจิภาหยิบมือถือออกมากดโทร.ออก เขต7 เพียงแบมือออก มือถือรุจิภาก็ลอยมาวางในมือ รุจิภาหงุดหงิดไม่ได้ออกอาการหวาดกลัวอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณเป็นอะไรกันแน่”
“เธอไม่กลัวเหรอ”
“มนุษย์โหดร้ายกว่านัก”
“คิดได้รึยังว่าต้องการให้เราชดใช้ให้เจ้ายังไง”
“ความรัก”
เขต7 จ้องหน้ารุจิภางงๆ
รุจิภาอธิบายว่า “ถ้าเป็นจริงอย่าที่คุณว่า แสดงว่าคุณทำให้ชั้นพลัดพรากจากความรัก”
“นั่นไม่ใช่รัก นั่นคือคำลวง”
“แต่ชั้นรู้สึกได้ว่ามันคือรัก”
“จะกี่ภพกี่ชาติก็ไม่ทำให้เจ้าตาสว่างขึ้น”
“ถ้าคุณมาเพื่อชดใช้ให้ชั้น ชั้นขอให้ชั้นเป็นคนที่ถูกรัก”
“โดยใคร”
“คุณยม”
เขต7 ตกใจ “เขต8”
รุจิภามองฉงน “อะไร”
“ข้าจะช่วยให้คนที่ไม่ได้รักเปลี่ยนมารักไม่ได้ เพราะทุกอย่างบนโลกล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว”
รุจิภาหงุดหงิด “แล้วคุณจะมาชดใช้ให้ชั้นเรื่องอะไรได้ นอกจากความรักที่ชั้นขาด และขาดมาตลอด”
“เช่นนั้นข้าก็คงยังไม่ได้ชดใช้ให้เจ้า แต่จงฟังพี่ไว้ ความรักไม่ได้อยู่ไกลแต่รักนั้นมีอยู่รอบตัว หากอยากได้รัก จงเริ่มจากรักตัวเอง”
“ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะชั้นจะทำทุกอย่างให้คุณยมมารักชั้นให้ได้”
รุจิภาเดินฉุนเฉียวออกไป เขต7 กังวล ไม่รู้จะช่วยอดีตน้องสาวอย่างไรดี

เขต7 ลงมาที่นรกด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด สุวรรณนั่งทำงานอยู่หันมาเห็นก็แปลกใจ
“สุวรรณ ถ้าเราต้องการช่วยใครสักคนแต่เขาไม่ยอมรับ เราควรทำยังไง” เขต7 ปรารภขึ้น
“แสดงว่าผู้นั้นคงมีกรรมเป็นของตนเอง หากเราช่วยเขาทางตรงไม่ได้ ลองช่วยทางอ้อมมั้ยครับท่าน”
“อย่างไร”
“สร้างกรรมดีให้เขา”
เขต7 คิดตาม “จริงด้วย”
“ว่าแต่ท่านจะช่วยใครหรือครับ”
“อย่าถามข้าเลย เช่นนั้นข้าฝากสุวรรณและสุวานดูแลนรกแทนข้าสักหน่อย ตัวข้าจะไปประกอบกรรมดี เพื่ออุทิศให้นางได้พ้นทุกข์เสียที”
เขต7 คิดหาทางสร้างกรรมดีเพื่ออุทิศกุศลให้รุจิภา

กลางดึกคืนนั้น ยมนอนพลิกตัวไปมา คิดถึงเรื่องนิดหน่อย
คิดถึงตอนที่จับมือนิดหน่อยแล้วนิดหน่อยดึงมือออก ยมคิดถึงตอนที่นิดหน่อยยื่นหน้ามาใกล้ๆ เพราะคิดว่าตนหลับ ยิ่งคิดยมก็ยิ่งใจเต้นแรง ต้องเอามือจับหัวใจตัวเอง
“นี่เหรอ...ความรู้สึกรักอย่างที่มนุษย์รู้สึก”
ยมลุกขึ้นนั่ง พยายามทบทวนค้นหาคำตอบให้หัวใจตัวเอง

ไม่ต่างกันเลย นิดหน่อยเองก็กำลังคิดถึงตอนที่จ้องหน้ายมใกล้ๆ ในระยะประชิด และตอนที่ยมเสี่ยงชีวิตช่วยตัวเองไว้ ภาพหวานๆ นั้นหายวับไปเมื่อนิดหน่อยนึกถึงตอนเห็นยมเป็นยมทูตเต็มร่าง
“โอ๊ย! นี่มันอะไรกัน”
นิดหน่อยนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าจะหลับลงเอาตอนไหน


ทางด้านอาจารย์ขาวทำพิธีบริกรรมคาถาปลุกเสกไหลน้ำพี้อย่างมุ่งมั่น โรเบิร์ตนั่งชื่นชมอยู่ด้วย วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ด้านนอก ต่างส่งเสียงหวีดร้องอย่างดีใจ มารวมตัวกันสลอนอยู่ที่สำนัก
สร้อยไหลน้ำพี้ที่มีแสงสีขาว ค่อยๆ ถูกครอบด้วยแสงสีดำ อาจารย์ขาวทำพิธีปลุกเสกเปลี่ยนให้ไหลน้ำพี้เต็มไปด้วยมนต์ดำสำเร็จ บอกอย่างสะใจ
“ถึงเวลาที่ต้องเจอกันแล้วสินะยมบาล”
โรเบิร์ตงง “อาจารย์จะไปหายมบาลที่ไหน”
อาจารย์ขาวเซ็ง “ในนรกมั้ง”
โรเบิร์ตงงไม่หาย “ไปได้ไง”
“ก็ส่งแกไปไง”
“ไม่เอาโรเบิร์ตไม่ไป”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ทำตามที่ข้าบอกเดี๋ยวมันจะมาเอง”
“ทำยังไง”
โรเบิร์ตงงอยู่นั่น

นิดหน่อยตื่นมาทำอาหาร กับข้าวของโปรดยม ตั้งแต่เช้า
“บอกว่าให้เราทำเหมือนเดิมแต่ไม่เห็นมาเลย ปกติก็มาเกือบทุกวัน”
นิดหน่อยชะเง้อคอมองไปทางประตูร้าน จนฉุกคิดได้
“หรือว่าเค้าจะไม่สบาย เพราะช่วยเราเมื่อวาน”
นิดหน่อยตักกับข้าวใส่กล่อง
จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งย่องเข้ามาล็อคคอ เอาผ้าโปะยาสลบปิดจมูกนิดหน่อย เธอดิ้นสู้แต่ค่อยๆ หมดสติไป ข้าวของที่เตรียมไว้หกเกลื่อนพื้น

ยมเดินออกจากบ้านมา เป็นจังหวะที่รุจิภาลงรถเดินเข้ามาหาพอดี
“จะไปไหนคะ รุจิขอไปด้วยคนค่ะ”
“อย่าเลยครับ”
รุจิเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ทำไมไม่อยากให้ไปด้วย นัทเดทกับใครไว้ค”
“เดท...เดทคือ”
“พาผู้หญิงที่ชอบไปกินข้าว ดูหนัง”
“ผู้หญิงที่ชอบ” ยมงงไม่เข้าใจศัพท์แสงของมนุษย์
รุจิภาตัดสินใจถามออกไปตรงๆ “คุณคิดอะไรกับนิดหน่อยรึเปล่าคะ”
ยมใจเต้นแรงที่โดนคำถามจี้ใจดำ
“ทำไมครับ”
รุจิภาคาดคั้น “ตอบมาสิคะ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
“แล้วคุณชอบใครอยู่”
ยมส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ารุจิก็ยังมีสิทธิ์”
“ตัวเราเป็นของเรา ไม่มีสิทธิ์เป็นของใครได้หรอก ขอตัวนะ”
ยมเดินออกไปเลย มุ่งหน้าสู่บ้านนิดหน่อย

ยมเปิดประตูเข้ามาในร้าน เห็นกระเป๋าวางอยู่ ข้าวของกระจายเกลื่อนพื้นก็ตกใจ
“นิดหน่อยๆ”
ยมร้อนใจ เดินตามหานิดหน่อยทั่วร้านแต่ไม่เจอ จนนึกได้ เรียกหาเจ้าที่
“เจ้าที่ๆ”
เจ้าที่โผล่มา
“นิดหน่อยอยู่ไหน”
เจ้าที่อึกอักไม่กล้าบอก จนยมดุเสียงดัง
“บอกเรามาว่านิดหน่อยอยู่ไหน”

ยมวิ่งเข้ามาในโถงพิธีบนสำนักด้วยความเป็นห่วง เห็นนิดหน่อยถูกมัดมือปิดปากอยู่ในนั้น ก็ถลาจะเข้าไปช่วย นิดหน่อยส่ายหน้าเชิงบอกไม่ให้เข้ามา
ยมไม่สนจะเข้าไปช่วย อาจารย์ขาวดผล่ออกมาขวางไว้ พร้อมสร้อยไหลน้ำพี้ที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
“รีบเหรอคุณยมบาล ไม่อยู่ทักทายกันก่อนละ” อาจารย์ขาวกวนตีน
“หลีกไป แล้วเราจะไม่ทำอะไรเจ้า ปล่อยให้บาปกรรมที่เจ้าทำสนองเจ้าเอง”
“ฮ่าๆๆๆ บาปกรรมส่วนบาปกรรม แต่ท่านทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
อาจารย์ขาวหัวเราะเยาะ แล้วหันไปพยักหน้าให้โรเบิร์ตทำตามแผน โรเบิร์ตเข้าไปจิกหัวนิดหน่อยอย่างรุนแรง นิดหน่อยพยายามกลั้นฝืนความเจ็บ เพราะไม่อยากให้ยมเป็นห่วง
ยมโกรธจัด “ปล่อยนิดหน่อยเดี๋ยวนี้”
“ถามจริงเถอะยมบาลจะมาพิสวาสอะไรกับมนุษย์ ในนรกไม่มีเหรอ”
ยมเห็นนิดหน่อยถูกทำร้าย ก็โกรธแค้นถึงขีดสุด กลายร่างเป็นมัจจุราชเต็มองค์
“เราบอกให้ปล่อย”
โรเบิร์ตเห็นร่างจริงของยมก็ตกใจ รีบปล่อยนิดหน่อยแทบไม่ทัน
แต่อาจารย์ขาวไม่สะทกสะท้าน “หึหึ มัจจุราชตัวจริงเสียงจริงเป็นแบบนี้สินะ”
นิดหน่อยจะร้องไห้ เสียใจที่ทำให้ยมตกที่นั่งลำบาก โรเบิร์ตกลัวสุดขีดวิ่งไปหลบมุม
ยมในร่างมัจจุราชใช้มือปัดเป็นลมพัดใส่ แต่กลับทำอะไรอาจารย์ขาวไม่ได้
“มันต้องแบบนี้สิ ถึงจะสมศักดิ์ข้าฮ่าๆๆๆ”
ยมวาร์ปร่างเข้าไปต่อยตีอาจารย์ขาวพัลวัน แต่อาจารย์ชั่วใช้มือรับไว้ชิลๆ แถมยิ้มเยาะสะใจที่ยมทำอะไรตนเองไม่ได้ แม้พยายามระดมปล่อยพลังใส่อาจารย์ขาวรัวๆ วาร์ปไป แว่บมา แต่ก็ทำอะไรอาจารย์ชั่วไม่ได้ โรเบิร์ตเองก็ยังอึ้ง
ยมหยุดพักเมื่อไม่เป็นผล ยมมองสร้อยไหลน้ำพี้สีดำบนคอของอาจารย์ขาวอย่างคับแค้นใจ
“คนชั่วอย่างเจ้ามันทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
“เรียกว่าข้าเป็นคนที่ควรครอบครองไหลน้ำพี้อันนี้ดีกว่า โรเบิร์ต พานังนี่ออกไปก่อน”
“ไปไหนจารย์”
“ไปไหนก็ตามใจเอ็ง”
ยมวาร์ปไปขวาง แต่อาจารย์ขาวถอดสร้อยออกมาแล้วร่ายมนต์ โยนสร้อยนั้นใส่ยม สร้อยไหลน้ำพี้สีดำค่อยๆ รัดที่ร่างยมตรึงไว้ จนขยับเขยื้อนไหนไม่ได้
เห็นโรเบิร์ตลากตัวนิดหน่อยออกไปต่อหน้าต่อตา ยมดิ้นรนให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นสร้อยก็ยิ่งรัดแน่น
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันและกันด้วยความเป็นห่วง อาจารย์ขาวมองภาพตรงหน้าอย่างเหิมเกริม
“มัจจุราชผู้ยิ่งใหญ่ มีฤทธิ์แค่นี้เหรอ ฮ่าๆๆๆๆ”
ท้องฟ้าเหนือสำนักอาจารย์ขาว แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน

ฟ้าร้องคำรามคำรณครืนครันเป็นระยะๆ ตามด้วยเสียงฟ้าผ่า ดังกำปนาทอย่างน่ากลัว

อ่านต่อตอนที่23


กำลังโหลดความคิดเห็น