มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 21 | ไปนรกด้วยกันเถอะ
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
เช้าวันใหม่ หลังงานศพชนกเสร็จสิ้นลงไปแล้วเรียบร้อย นิดหน่อย จุก และสมร ยังอยู่ในชุดไว้ทุกข์ สมรเอารูปของชนกไปวางไว้ในที่ที่เตรียมไว้ก่อนนั่งลงที่หน้ารูป ลูกๆ เอาพวงมาลัยดอกไม้วางเคารพหน้ารูปพ่อ
“ชั้นอโหสิให้คุณนะ คุณชนก ขอให้คุณไปเกิดในภพภูมิที่ดี ส่วนลูกๆ คุณไม่ต้องห่วงนะ ต่อไปชั้นจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนนึงจะทำได้ อโหสิกรรมให้ชั้นด้วยนะ ถ้ายังมีบุญต่อกันเราคงได้เจอกันอีกในชาติหน้า”
สมรนั่งจ้องภาพชนกบนผนังบ้านนิ่งนาน ด้วยความมีสติมากขึ้น นิดหน่อยกับจุกมองแม่หน้าเศร้า
นิดหน่อย ช่วยสมรทำอาหารอยู่ในครัว
“แม่ไปวัดไหนมา ทำไมไม่ส่งข่าวอะไรมาบ้าง”
“แม่ก็มาแล้วนี่ไง ทำไม แม่ไม่อยู่คิดถึงเหรอ”
“คิดถึงสิแม่ทั้งคน”
“แม่รู้เรื่องคุณอาวรณ์แล้วรึยัง”
“ก็พอรู้มาบ้าง นิดๆหน่อยๆ”
นิดหน่อยแกล้งแซว “แต่เรื่องคุณนายอาวรณ์ยกหนี้ให้ลูกหนี้ทุกคนแม่น่าจะรู้”
“อืม...ลูกหนี้คุณนายไลน์มา โทร.มา โทรศัพท์แทบพัง”
“ไหนบอกไปปฏิบัติธรรม”
“ก็ปฏิบัติบ้าง ปฏิเผือกบ้าง...แล้วจริงรึเปล่า ที่คุณอาวรณ์ยกหนี้ให้ลูกหนี้”
นิดหน่อยพยักหน้ายืนยัน “ตอนนี้ชาวบ้านก็ดีใจกันใหญ่โต”
สมรแปลกใจปนสงสัย “ทำไมอยู่ๆ ถึงยกหนี้ให้แบบนั้นนะ”
นิดหน่อยส่ายหน้า
“หนูไม่รู้เหมือนกันมัวแต่วุ่นๆ เรื่องงานศพพ่อ”
“แกเป็นลูกที่ดี พ่อแกเค้ารู้”
สมรโอบไหล่ลูบหัวให้กำลังใจนิดหน่อย รู้ว่าลูกเสียใจเรื่องพ่ออยู่ นิดหน่อยจี๊ดใจจะร้องไห้ออกมา
“ไว้เดี๋ยวแม่เข้าไปคุยกับคุณนายแกเอง...จะไปขอโทษแกด้วย”
“ดีแล้วแม่ ติดหนี้เขายังไงเราก็ต้องใช้”
สมรพยักหน้ารับยิ้มๆ นิดหน่อยสบายใจที่แม่ยอมกลับมาเคลียร์ปัญหา
ทางด้านยุพาถูกเรียกตัวมาสอบสวนที่ สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
แฟ้มรายงานผลชันสูตรศพชนก ถูกร้อยเวรปิดลง ต่อหน้ายุพาที่นั่งให้ปากคำอยู่ในห้องสอบสวน
“ผลชันสูตรคุณชนกสรุปออกมาว่าเส้นเลือดในสมองแตกน่ะครับ”
ยุพาตีหน้าเศร้า “ชั้นไม่น่ามีปากเสียงกับเค้าเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นเค้าก็คงไม่มาตายจากกันไปแบบนี้”
“คุณมีปัญหาอะไรกันอย่างนั้นเหรอครับ”
ยุพาอึกอักนิดๆ “เอ่อ..ก็ปัญหาลิ้นกับฟัน ตามประสาสามีภรรยาทั่วๆ ไปน่ะค่ะ ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรอก”
“แล้วคุณทราบมาก่อนรึเปล่า ว่าคุณชนกมีปัญหาเรื่องสุขภาพ”
“ไม่เลยค่ะ วันๆ คุณชนกทำแต่งาน ชั้นชวนให้ไปตรวจสุขภาพบ้าง แต่เค้าก็ไม่ยอมไป คิดว่าร่างกายตัวเองแข็งแรงดี”
“อย่างว่านะครับ โรคแบบนี้ไม่ค่อยจะมีสัญญาณบอกเหตุซะด้วย เกิดจะไปก็ไปดื้อๆ เลย”
“ใช่ค่ะ ไปแบบไม่ทันให้เราได้ตั้งตัวเลย นี่ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปยังไงนะคะเนี่ย”
ยุพาดราม่า แต่ถูกตำรวจยิงคำถามใส่ ก็ทำเอาชะงักไป
“แล้วทำไมหลังเกิดเหตุคุณยุพาหายไปจากบ้านครับ”
“ชั้นมีธุระค่ะ ใครจะรู้ละครว่าเขาจะตายวันนั้น ถ้ารู้ชั้นคงไม่ออกจากบ้านชั้นคงได้อยู่ดูใจเขา”
ยุพาดราม่าจัดเต็ม ร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา
“ทำใจดีๆ นะครับ เดี๋ยวก็ผ่านมันไปได้”
ยุพายิ้มรับ ลอบถอนหายใจเบาๆ โล่งอกที่ถูกสอบสวนเท่านี้
นิดหน่อยเปิดร้านสักครู่ใหญ่แล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้า สมรกับจุกเดินลงมาจากชั้นบน เห็นทนายส่วนตัวของชนกเดินเข้าร้านมา
สมรเชื้อเชิญมานั่งตรงมุมโซฟา เอาน้ำมาเสิร์ฟให้
“ขอบคุณครับ”
“มาถึงบ้านมีอะไรรึเปล่า”
“คุณชนกอยากให้คุณกับลูกไปฟังพินัยกรรมที่จะเปิดในวันพรุ่งนี้ด้วย”
“ชั้นกับลูกเกี่ยวอะไรด้วยคะ” สมรแปลกใจ
“อย่าลืมสิครับว่าคุณกับลูกเป็นภรรยาและบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“แต่...”
สมรตั้งท่าจะปฏิเสธ จุกดึงแขนแม่ไว้ไม่ให้เถียงมาก
“แม่ฟังเขาพูดให้จบก่อน”
“ถือว่าให้เกียรติแก่ดวงวิญญาณของคุณชนกเถอะนะครับ”
นิดหน่อยไม่อยากปฏิเสธความต้องการสุดท้ายของผู้เป็นพ่อ
“ชั้นจะไปค่ะ ถ้านั่นเป็นความต้องการของพ่อ”
สมรยิ้มให้ลูก
“งั้นเราสามคนจะไปค่ะ”
ทนายยิ้มรับอย่างโล่งใจ
ฟากอาจารย์ขาวพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากรู้เรื่องอาวรณ์ ที่อยู่ๆ ก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดี
“แหม...ช็อกยิ่งกว่าข่าวดาราเตียงหักอีกนะเนี่ย”
วิวัฒน์นั่งคุยอยู่กับอาจารย์ขาว สีหน้าก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่อาวรณ์ นี่ผมงงมากเลย”
“เอ๊..หรือจะแกล้งทำดีตบตาสามีชั่วครู่ชั่วคราว”
วิวัฒน์ครุ่นคิด “คงไม่หรอกอาจารย์ ตอนนี้พี่อาวรณ์ถอนหุ้นจากธุรกิจสีเทาทั้งหมด แล้วเงินที่ได้ ก็เอาไปทำบุญหมดเลยด้วย”
อาจารย์ขาวทึ่งสุดๆ “โอ้โห..ประเสริฐศรีมณีเด้งซะเหลือเกิน”
วิวัฒน์ถอนหายใจเครียด “เรื่องนี้ไม่ตลกเลยนะ”
อาจารย์ขาวเปลี่ยนหน้าแทบไม่ทัน รีบทำหน้าจริงจังเคร่งขรึม
“แล้วนี่เตรียมการรับมืออะไรไว้บ้างรึเปล่า”
“ก็โอนย้ายทรัพย์สินกันอยู่น่ะครับ”
“จะหนีออกนอกประเทศงั้นเหรอ”
“ถ้าเห็นท่าไม่ดีคงต้องออกไปตั้งหลักสักพัก”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อาจารย์อย่าลืมสิ ว่าพี่อาวรณ์รู้เกือบทุกเรื่องของเรา”
อาจารย์ขาวเองก็ชักเริ่มหวั่นๆ ว่าความผิดจะสาวมาถึงตัวเอง
ตรงมุมรับรองภายในสำนักงานทนายความ ยุพานั่งรอทนายความอยู่ที่นั่น สักครู่จึงเห็นทนายความเดินเข้ามายกมือไหว้ทักทาย โดยทนายเพิ่งกลับมาจากบ้านนิดหน่อยนั่นเอง
“สวัสดีครับคุณยุพา”
ยุพารับไหว้เชิดๆ “สวัสดีค่ะ”
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ คุณยุพามีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้อย่างนั้นเหรอ”
“เรื่องทรัพย์สินต่างๆ ที่คุณชนกจะยกให้ชั้นน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว”
ทนายนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าชนกเขียนพินัยกรรมอย่างไร ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า
“ตอนนี้เอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วครับ เอาไว้เราไปคุยกันวันเปิดพินัยกรรมพรุ่งนี้ทีเดียวเลยดีกว่า”
“โอ๊ย ขั้นตอนเยอะ ทำไมจะต้องมีเปิดพินัยกรรมด้วย ในเมื่อชั้นก็เป็นคนเดียวที่จะได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“พรุ่งนี้น่าจะมีฝั่งคุณสมรมาร่วมฟังด้วยน่ะครับ”
ยุพาวีน ขึ้นเสียงใส่ “มันจะมากันทำไม”
พนักงานในออฟฟิศต่างหันมามองยุพาเป็นตาเดียวกัน ยุพาไม่แคร์ แต่ก็ลดความกราดเกรี้ยวลง
“ทำไมพวกมันจะต้องไปฟังการเปิดพินัยกรรมด้วย”
“เป็นความต้องการของคุณชนกน่ะครับ”
ยุพาชะงัก นึกระแวง “หรือว่าพวกมันจะได้สมบัติจากคุณชนก”
ทนายไม่ตอบ ยุพาหงุดหงิดและเริ่มระแวงว่าสมรจะได้ทรัพย์สินบางส่วนไป
นิดหน่อยล้างแก้วอยู่ตรงซิงค์ในเคาน์เตอร์ ขณะที่อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตเดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีจ้ะน้องนิดหน่อย”
นิดหน่อยคว่ำแก้วใบสุดท้ายเสร็จ เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เดินออกมาที่บาร์ทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
โรเบิร์ตรับมุก “จ้า”
อาจารย์ขาวก็เล่นด้วย “เอ้อ ได้กาแฟแล้วก็ตาสว่าง”
โรเบิร์ตกับอาจารย์ขาวเคลิ้ม พากันหันหลังเดินกลับ จนอาจารย์ขาวนึกได้
“เย้ย ยังไม่ได้กินเลย”
“แหม...เดี๋ยวนี้มุกแพรวพราวใหญ่แล้วนะ” โรเบิร์ตว่า
“แล้วจะกินอะไรล่ะคะ”
“เรื่องกาแฟเอาไว้ก่อน มีของที่อาจารย์อยากได้”
“อะไร”
อาจารย์ขาวมองจ้องสร้อยที่คอนิดหน่อย
“สร้อย”
“อาจารย์คงเข้าใจผิดว่าร้านนี้ขายสร้อย” นิดหน่อยบอก
“จริงด้วยอาจารย์ร้านนี้ขายแต่กาแฟ”
อาจารย์ขาวขึงตามองดุลูกศิษย์ที่เล่นตลกไม่ดูเวลา โรเบิร์ตก้มหน้างุด
“เธอติดหนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ ขายสร้อยที่คอเธอให้ชั้น เธอจะได้มีเงินปลดหนี้ให้แม่”
“จริงด้วย น้องนิดหน่อยจะได้ไม่ต้องโดนผีทวง”
โรเบิร์ตดันหลุดปากพูดเรื่องผี ถูกอาจารย์มองดุอีกรอบ และถูกนิดหน่อยมองเอาเรื่อง
“รู้ได้ยังไงว่าแม่ชั้นโดนผีทวง”
จุกเดินเข้ามาสมทบพี่สาว “นั่นสิ จะว่าไปอาจารย์ก็วิชาแก่กล้า เคยได้ยินคนบอกว่าอาจารย์มีผีอยู่ในความดูแลหลายตัว หรือว่า...”
“มีหลักฐานอะไร อย่ามากล่าวหากันแบบนี้นะ”
“จุกยังไม่ได้พูดเลย...สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ ใครทำอะไรไว้ก็ย่อมรู้ดี” นิดหน่อยเหน็บ
ยมเดินเข้าร้านมาในจังหวะนี้
“ไอ้คนที่ทำกรรมแม้กระทั้งกับวิญญาณที่อยากไปผุดไปเกิด เวียนไหว้ตายเกิดได้ ผู้นั่นใจบาปยิ่งกว่าอะไร คนอื่นไม่รู้ ตำรวจไม่จับ แต่กรรมจะตามทันพวกเขาเหล่านั้นเอง”
อาจารย์ขาว และโรเบิร์ต หันมามองยม เกร็งๆ กันทั้งคู่
“ตกลงเอ็งจะขายให้ข้ามั้ย”
“ไม่ขาย”
“งั้นกลับ”
อาจารย์ขาวเดินออกไปกับโรเบิร์ต ยมมองตามพลางบ่นๆ
“โชคดีที่แม่ของคุณกลับตัวกลับใจได้ แต่คนผู้นี้สิ คงไม่มีอะไรทำให้เขาคิดได้”
นิดหน่อยนึกได้ “จุกรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์ขาวส่งผีมา”
“จุกเดาล้วนๆ และคิดว่าคนแบบนี้ทำได้ทุกอย่าง” จุกว่า
ยมส่ายหน้ากับบาปหนาของอาจารย์ขาว นิดหน่อยจับที่สร้อยอย่างหวงแหน
เขต7 หมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตนประหารรุจิภาในอดีตชาติ สุวานเห็นสีหน้านายไม่สบายใจจึงทักถาม
“กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่หรือครับ”
“เรื่องไหน”
“เรื่องที่ทำให้ท่านหน้าเครียดแบบนี้ก็มีเพียงไม่กี่เรื่อง”
“รู้ดีจริงนะเจ้า”
“ครับ เรื่องแรกก็เรื่องมัจจุราชเขต8 และอีกเรื่องที่ท่านกำลังคิดก็คือเรื่องเห็นภาพของท่านในอดีตชาติฆ่าผู้หญิงผู้นั้น”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า เราอยากรู้ว่าหญิงผู้นั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเรา”
“อดีตผ่านไปไม่หวนกลับ อย่าไปนึกถึงมันเลยครับ”
“แต่อดีตมันก็เป็นตัวบอกปัจจุบันไม่ใช่หรือ”
สุวานจะอ้าปากโต้เถียง เขต7 ยืนขึ้น
“ยังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรา จึงทำให้ได้วนเวียนมาพบกัน หรือว่านางอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราก็ได้”
เขต7 หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่บ้านวิวัฒน์ หลังจากปลดปล่อยวิญญาณทุกดวง มนต์ดำเสื่อมไปหมดแล้ว และส่งผลให้รุจิภาซึ่งนอนอยู่ในห้องชั้นบน ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างุนงงว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ที่ไหนเนี่ย”
เขต7 เดินสำรวจบ้านวิวัฒน์อยู่บริเวณชั้น2 จนกระทั่งรุจิภาเปิดประตูออกมาเจอกันจังๆ
ทั้งคู่จ้องมองหน้ากันอย่างงุนงงว่าเป็นใคร แต่เขต7 รู้สึกคุ้นหน้ารุจิภาอย่างบอกไม่ถูก
“คุณเป็นใคร แล้วชั้นอยู่ที่ไหนตอนนี้”
รุจิภามองสงสัยว่าเขต 7 เป็นใครกันแน่
"ตอนนี้เธออยู่ที่บ้านนายวิวัฒน์ คนที่เธอต้องกลัว ไม่ใช่เรา” เขต7 บอก
"วิวัฒน์” เขต7 พยักหน้ารับ รุจิภายังงงไม่หาย “แล้วชั้นมาอยู่นี่ได้ยังไง”
“เราไม่รู้ แต่ที่สำคัญเธอควรรีบออกไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาอีก”
พูดเท่านั้นเขต7 ก็เดินหนีไปเลย รุจิภามองตามด้วยความสงสัย
รุจิภาอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน ดึงตัวเองออกจากห้วงความคิดเดียวกันนี้ นิ่งนึกว่า เขต7 คือใคร
“คุณเป็นใครกันนะ ชั้นจะต้องรู้ให้ได้”
รุจิภาบอกตัวด้วยสีหน้ามาดหมาย
ระหว่างนี้โทรศัพท์มือถือดังขึ้น รุจิภาหยิบมาดูเห็นชื่อวิวัฒน์โทร.มาก็ตัดสายทิ้งเก็บมือถือเข้ากระเป๋า ลุกเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถขับออกไปข้างนอก
นิดหน่อยยกกาแฟมาให้ยม
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ก็โอเค ทำไมเหรอ”
“หมายถึงตรงนี้”
ยมจับที่หัวใจตัวเอง นิดหน่อยมองอึ้งๆ ก่อนยมจะฌแลยว่า
“เรื่องพ่อคุณ”
“ชั้นยังเสียใจอยู่ เสียใจที่คิดได้ช้าเกินไป ไม่มีโอกาสได้บอกพ่อ”
“เมื่อมีโอกาสเราก็ละทิ้งโอกาส เมื่อไม่มีโอกาสเราก็โหยหาโอกาส เป็นเช่นนี้แล” นิดหน่อยจ้องหน้ายม “คุณยึดติดกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วเป็นทุกข์มากพอแล้ว ปล่อยสิ่งที่เรากลับไปแก้ไม่ได้ไป แล้วเก็บมันไว้เป็นบทเรียน แล้วปลดปล่อยใจตัวเองให้มีความสุข หมั่นทำความดี และอยู่กับปัจจุบันเถอะ พ่อคุณคงอยากเห็นคุณมีความสุข”
นิดหน่อยนิ่งฟัง คิดตาม รู้สึกดีขึ้นกับคำพูดให้กำลังใจของยม
เขต7 มาโผล่ที่หน้าบ้านรุจิภา เหลียวมองไปรอบๆ บ้าน รับรู้ว่าตอนนี้รุจิภาไม่อยู่บ้าน แต่มีอำนาจสีดำมืดก่อตัวล้อมรอบบ้านเอาไว้
เมื่อเขต7 จะเดินเข้าบ้าน วิญญาณหลายดวงก็โผล่มาขวางประตูบ้านไม่ยอมให้เข้า
“หลีกไป”
วิญญาณไม่หลบ กลับรวมกันเป็นกลุ่มควันสีดำขนาดมหิมา เขต7 จึงเผยร่างที่แท้จริงให้พวกมันเห็น มีรังสีสีแดงเพลิงล้อมรอบตัวอย่างน่ากลัว น่าเกรงขาม
“ข้าบอกให้หลีกไป”
สิ้นคำนั้นวิญญาณชั่วร้ายก็สลายหายไปในทันที
เขต7 คืนร่างเดิมแล้วเข้าบ้านรุจิภาไป เขต 7 เดินสำรวจรอบๆ จนมาหยุดสายตาที่รุจิราในกรอบรูปบนโต๊ะในห้องโถง ภาพนั้นดูดดึงให้ยมทูตเห็นภาพในอดีตชาติแว่บเข้ามา
ย้อนกลับไปในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ในตอนนั้นรุจิภาเกิดเป็นพิม เป็นน้องสาวของมัจจุราชเขต7 ที่เกิดเป็นเพชร ส่วนวิวัฒน์ในสมัยนั้นเกิดเป็นกล้า ที่มาติดพันพิม
ชาวบ้านชายหญิงพากันเดินจับจ่ายใช้สอยกันอยู่ในตลาดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ของกรุงศรีฯ พิมนั่งขายผักและผลไม้ อยู่ในตลาดนี้
“ผักจ้า ผักสดๆ ใหม่ๆ จ้า”
เพชรในชุดทหาร เดินผ่านกลุ่มชาวบ้านเข้ามาในตลาดมาดอย่างหล่อ มาหยุดที่หน้าแผงขายผักของพิม ทั้งสองยิ้มให้กันก่อน
“วันนี้ขายดีมั้ย”
“ก็พอได้น่ะพี่เพชร”
“พี่กำลังจะกลับเรือนละ เจ้าจักกลับไปพร้อมกันกับพี่เลยรึไม่”
พิมมองดูผู้คนรอบตลาด พบว่าเริ่มคลายความคึกคักลงแล้ว
“ตลาดใกล้จะวายแล้ว กลับเลยก็ได้จ้ะ”
“มา พี่จักช่วย”
เพชรกับพิมช่วยกันเก็บแผง พิมยกกระจาดผลไม้ขึ้น แล้วเผลอทำฝรั่งในกระจาดหล่นลงพื้น
“ว้าย”
ฝรั่งลูกหนึ่งกลิ้งไปตามพื้น ชายคนหยิบฝรั่งที่พื้นขึ้นมา พิมมองไป คลี่ยิ้มอย่างพึงใจที่เห็นว่าชายผู้นั้นเป็นกล้า
เพชรมองสีหน้าน้องสาว แล้วหันมองไปหน้ากล้า ด้วยสีหน้าบูกบึ้งนิดๆ รู้ว่าอีกฝ่ายมาเกาะแกะน้องสาว และเขาก็ยังไม่ไว้วางใจมากนัก ว่าสาแหรกมาจากไหน หรือหัวนอนปลายเท้าเป็นยังไง
วิวัฒน์เดินเข้าโถงบ้านมา เห็นผู้ชายอยู่ในบ้านรุจิภาก็ไม่พอใจ
“มึงเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง
เขต7 ยืนหันหลังอยู่ เสียงนั้นเรียกให้พาตัวเองออกจากอดีต ค่อยๆ หันมาทางเสียง มองจ้องหน้าวิวัฒน์เขม็ง วิวัฒน์จำหน้าเขต7 ได้ เพราะเคยเห็นในกล้องวงจรปิด
“แกนี่เอง”
เขต7 ก็จำวิวัฒน์ได้เช่นกัน “มนุษย์ใจบาป”
วิวัฒน์สะดุดหู “มนุษย์ แล้วแกไม่ใช่คนรึยังไง แกเองสินะที่ทำให้รุจิภาหนีออกมาจากบ้านชั้น”
“ใช่ ข้าเอง”
“แส่ไม่เข้าเรื่อง”
วิวัฒน์เดินเข้าไปต่อยเขต7 อีกฝ่ายหลบอย่างเร็ว วิวัฒน์ต่อยอีก คราวนี้เขต7 เอามือรับไว้แล้วค่อยๆ บีบกำปั้นวิวัฒน์จนร้อนเป็นไฟ วิวัฒน์ต้องดึงมือออก
“แกเป็นใคร”
“เป็นคนที่แกควรกลัว”
วิวัฒน์โกรธจัด หยิบของดีที่ได้มาจากอาจารย์ขาว ร่ายมนต์ดำเห็นกุมารทองปรากฏตัวขึ้น
“จัดการมัน”
กุมารทองกับเขต7 สู้กัน เขต7 นั้นไม่อยากสู้กับกุมารทองนักจึงฉากหลบไปมา แต่กุมารทองก็ยังไม่หยุดเข้าไปทำร้ายเขต7 แต่ก็ไม่ระคายผิว จนสุดท้ายเขต7 เพียงสะบัดแขนเบาๆ ก็ทำให้กุมารทองหายวับไปกับตา
“สุรเดชลูกพ่อ”
วิวัฒน์ควักผ้ามัดตราสังข์ที่ได้จากอาจารย์ขาวมาพันที่แขนตน แล้วร่ายมนต์จนที่ผ้าเหมือนมีมนต์ดำอยู่
วิวัฒน์เข้าไปสู้กับเขต7 อานุภาพจากผ้าทำร้ายเขต7 ได้ เขต7 โกรธจัด เขางอกออกมาและจัดการวิวัฒน์สำเร็จ ผ้ามนต์ดำหายวับไปในพริบตา
เขต7 ในร่างมัจจุราชปรี่เข้าหาวิวัฒน์
“ไอ้มนุษย์ชั่ว ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป”
เขต7 เกือบทำร้ายวิวัฒน์ แต่ยั้งใจไว้ได้ทัน
“ครั้งนี้ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า แต่หากถึงเมื่อได ข้าจะเป็นผู้ตัดสินบาปนั้นให้กับเจ้าเอง และหากเจ้ายังไม่เลิกยุ่งกับหญิงผู้นี้” เขต7 หันไปมองรูปรุจิภา “ข้าอาจจะไม่รอให้เจ้าลงไปหาข้าที่นรก แต่ข้าจะลากเจ้าลงไปเอง”
วิวัฒน์มองเขต7 ด้วยความโกรธแค้นหาได้เกรงกลัวหรือสำนึกไม่ เขากำมือแน่นแล้วเดินฉุนเฉียวออกจากบ้านรุจิภาไป
“สักวันกรรมจะตามทันเจ้าเอง”
ร่างเขต7 คืนร่างคนปกติส่ายหน้ามองตาม
รถตำรวจสน.ท้องที่ จอดอยู่ที่หน้าบ้านวิวัฒน์ เจ้าของบ้านลงรถเดินเข้าบ้านมาเห็นตำรวจนั่งรออยู่ในโถงบ้าน โดยมีลูกน้องยืนเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้วย
“มีอะไรกันรึเปล่าครับคุณตำรวจ”
“เรามาเชิญคุณวิวัฒน์ไปให้ปากคำที่โรงพักครับ”
วิวัฒน์หัวเสีย “เรื่อง...”
“คุณอาจจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและบ่อนการพนันครับ”
“พวกคุณกล้ากล่าวหาผมแบบนี้ ถ้าพี่วิเวกรู้คงจะไม่พอใจนัก”
“ครับ ท่านทราบแล้วครับ”
วิวัฒน์ยิ้มกริ่ม คิดว่าตำรวจกลัววิเวก “งั้นคุณก็รีบออกไปแล้วผมจะไม่เอาเรื่อง”
“ผมไปไม่ได้หรอกครับ เพราะผู้กำกับเป็นคนส่งพวกเรามา”
วิวัฒน์ตกใจ “พี่วิเวก”
“ท่านเป็นคนเซ็นหมายค้นบ้านให้เราด้วยครับ”
วิวัฒน์หน้าเสีย รู้ว่างานเข้าเต็มๆ
คืนนั้น รุจิภากลับเข้าบ้านพร้อมถุงช็อปปิ้งมากมาย เห็นเขต7 นั่งรออยู่ในห้องรับแขกก็แปลกใจ
“คุณ” รุจิภาจำได้ว่าเคยเจอเขาที่บ้านวิวัฒน์
“ใช่...”
“คุณเข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”
“เราก็เดินเข้ามา”
“ออกไปซะก่อนที่ชั้นจะแจ้งตำรวจ”
พร้อมกับว่ารุจิภาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือออกมา พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจ เมื่อเขต7 วาร์ปมาอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด
“คุณเป็นใคร
รุจิภาถอยหลังหนี แต่เสียหลักซวนเซจะล้ม เขต7 คว้ามือรุจิภาไว้ได้ทัน
ทันทีที่ทั้งคู่จับมือกัน ภาพในอดีตชาติก็ผุดขึ้นมาในห้วงคิด
เมื่ออดีตชาติ ขณะที่เพชรกำลังผ่าฟืนอยู่บริเวณลานหน้าเรือน เห็นพิมเดินถือตะกร้ามาหยิบฟืนไปเตรียมทำกับข้าวในครัว
“พี่กล้าล่ะพี่เพชร” พิมกวาดตามองหาไปรอบๆ
“ไปตัดไม้มาให้พี่น่ะ”
พิมยิ้มดีใจ “แป๊บๆ ก็ทำงานเข้าขากันเสียแล้วนะ”
เพชรบอกหน้านิ่ง “บอกตามตรง พี่ไม่สบายใจที่เจ้าคุยกับไอ้กล้านี่สักเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะพี่เพชร”
“มันเป็นใครมาจากไหน หัวนอนปลายเท้าเป็นเยี่ยงไร พี่ก็ยังหารู้ไม่”
“เค้าเป็นคนบ้านบางระจัน น้องก็บอกพี่แล้วนี่จ๊ะ”
“หน้าตามันไม่เหมือนคนบ้านบางระจันเสียหน่อย”
พิมขำ “หน้าตาคนบ้านบางระจันจักต้องเป็นเยี่ยงไรรึ”
เพชรไม่รู้จะอธิบายกับน้องสาวยังไง สีหน้ายังมีวี่แววกังวลอยู่เต็ม
กล้าเดินหอบท่อนไม้เข้ามาวางให้เพชรผ่าเป็นฟืน
“ได้มาแค่นี้ พอหรือไม่พี่ชาย”
“พอแล้วจ้ะ เดี๋ยวเตรียมกินข้าวกันได้แล้วล่ะ” พิมตอบแทน
“จักได้กินกับข้าวฝีมือเจ้าเสียทีนะ”
พิมกับกล้าสบตายิ้มให้กัน ขณะที่เพชรมองกล้าด้วยสีหน้ายังไม่วางใจ ไม่เชื่อใจสักเท่าไหร่
รุจิภาสะบัดมือออกจากมือเขต7 อย่างแรง ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจกับภาพอดีตที่เห็น
“นี่มันอะไรกัน”
เขต7 ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ที่ภาพอดีตขาดหายไป
“ทำไมชั้นเห็นภาพแปลกๆ แบบนั้น”
“มันเป็นอดีตของเรากับเจ้าน่ะ”
“ชั้นเห็นไอ้วิวัฒน์ แล้วนี่คุณเป็นใครกัน”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ รู้เพียงว่าข้ามาเพื่อชดใช้กรรมที่ได้ทำกับเจ้า”
รุจิภางง “กรรมอะไร”
“ถ้าเจ้าไม่สะบัดมือออกเสียก่อน เราคงจะรู้ไปแล้วว่าเรามีเวรกรรมอะไรต่อกัน”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ชั้นงงไปหมดแล้ว”
เขต7 ยื่นมือไปสัมผัส “ยื่นมือมาสิ จะได้รู้เรื่องราวทั้งหมด”
รุจิภาถอยหนีด้วยความหวาดระแวง “ออกไปจากบ้านชั้น”
“เรามาเพื่อช่วยเจ้านะ”
“ออกไปจากบ้านชั้น ใครอยู่แถวนี้บ้าง”
เขต7 จำต้องล่าถอยออกจากบ้านรุจิภาไป
วันต่อมา นิดหน่อยกับสมร ตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร และออกมาใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ชนก
เมื่อได้เวลา สมรเดินนำออกมา เร่งลูกๆ เพื่อเดินทางไปฟังการเปิดพินัยกรรมตามนัด
“เร็วหน่อยลูกเดี๋ยวสาย”
“เร็วอยู่เนี่ย พี่นิดหน่อย เร็วๆ หน่อย”
นิดหน่อยเดินออกมาล็อกหน้าร้านเรียบร้อย แต่กลับไปยอมเดินไปที่รถ ชะเง้อมองหาใครบางคนอยู่นานสองนาน จนสมรสงสัย
“แกมองหาใคร”
“เปล่านะแม่”
“มองหาพี่ยมน่ะสิ” จุกมองเหล่อย่างรู้ทัน
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“เราก็หลงดีใจนึกว่านึกถึงเรา”
เสียงยมดังนำขึ้น ก่อนเขาจะเดินยิ้มเผล่เข้ามาสมทบ จุกเห็นก็แปลกใจ
“พี่ยมมาได้ยังไง”
“ก็มาอวยพรให้ทุกคนโชคดี”
“คุณยม” สมรงง มองยมทีมองนิดหน่อยที “ญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เมื่อคุณสมรไปปฏิบัติธรรมนั่นแหละ” ยมบอกยิ้มๆ
“รีบๆ ไปกันเถอะเดี๋ยวสาย” นิดหน่อยเร่งใหญ่
ยมยิ้มให้สมร สมรรับมาด้วยสีหน้างุนงง
“ไอ้จุก ระหว่างทางเอ็งบอกแม่สิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องของวัยรุ่นแม่อย่ารู้เลย”
นิดหน่อยเดินไปที่รถแล้วหันกลับมาก่อนจะขึ้นรถ ยมยืนโบกมือยิ้มส่งจนรถลับสายตาไป
สมร จุก นิดหน่อยเดินเข้ามาในโถงบ้านชนก เห็นยุพานั่งหน้าบูดรออยู่แล้ว พร้อมกับคุณทนาย
“กว่าจะมาได้”
“ทนายนัด 9 โมง นี่ยังไม่ถึง 9 โมงเลย เรามาตรงเวลา” นิดหน่อยตอกกลับ
“อวดดี เดี๋ยวก็รู้”
นิดหน่อยทำท่าจะเปิดศึกน้ำลายกับยุพา สมรห้ามไว้
“นิดหน่อยอย่าลูก”
“เดี๋ยวชั้นจัดการเอง” จุกก็ไม่ยอม
“จุก”
สมรปราม ดึงสติลูกๆ พากันเดินมานั่ง
“พร้อมค่ะคุณทนาย”
“ครับ ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลยนะครับ”
“คุณชนกนี่ก็น่ะ เรียกลูกเก่าเมียเก่ามาทรมานไม่จบไม่สิ้น คนไม่ได้อะไรมาฟังก็เสียเวลาเปล่า” ยุพาเหน็บแนม
“เราสามคนมาเพื่อให้เกียรติคุณชนก และมีงานที่สุจริตทำ ไม่ได้มาเพื่อหวังว่าจะได้อะไรจากคุณชนกหรอก” สมรว่า
“ก็ให้มันจริงอย่างปากว่า เริ่มได้แล้วคุณทนาย”
ทนายพยักหน้าก่อนอ่านพินัยกรรม
“ข้าพเจ้านายชนก บุญกาญจน์ ได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นเพื่อแสดงเจตนาว่า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมมให้ทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบันและอนาคตไม่ว่าจะเป็นบ้านพร้อมที่ดิน เงินสด หุ้นในบริษัทเงินฝากธนาคาร รวมทั้งทรัพย์สินอื่นในธนาคาร ให้ตกเป็นของ...”
ยุพายิ้มกระหยิ่มวางท่าเย่อหยิ่ง หยิบน้ำตรงหน้ามาดื่ม
“นางสาวเนรัญชรา และนายนุกุล บุญกาญจน์คนละกึ่งหนึ่ง”
ยุพาสำลักน้ำพรวดออกมา ทั้งตกใจและคาดไม่ถึง
“อะไรนะ”
“คุณชนกยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูกสาวและลูกชาย” ทนายบอก
“ไม่จริง...ไม่จริง แกร่วมมือกับนังสองแม่ลูกใช่มั้ยไอ้ทนาย” ยุพาไม่เชื่อ โกรธสุดขีด
“ผมว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
“จะให้ชั้นเย็นได้ยังไง ชั้นไม่ได้อะไรเลย”
“ได้สิครับ รถคันที่คุณขับอยู่ คุณชนกยกให้เป็นสมบัติของคุณครับ”
ยุพากราดตามองทุกคนอย่างโกรธแค้นแล้วเดินปึงปังออกไป
นิดหน่อย จุก กับสมรจับมือกันแน่ ทั้งดีใจและคาดไม่ถึง
ส่วนยุพาเดินแค้นใจมาที่รถ บ่นบ้าด้วยความโมโห
“ไอ้ชนก ดีแล้วที่แกตายๆ ไปได้”
ยุพาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
“แกคิดว่าชั้นจะยอมง่ายๆ สินะ ไม่มีทาง อะไรที่ชั้นอยากได้แล้วไม่ได้ คนอื่นก็หวังว่าจะได้”
ยุพามองกลับเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธและอาฆาตแค้นอัดแน่นในใจสุดจะประมาณ
เช้าวันต่อมา สมรนั่งอึ้งสีหน้าเหม่อลอยจมอยู่ในความคิดอยู่ ไม่อยากเชื่อเรื่องที่ชนกทำพินัยกรรมมอบทุกอย่างให้ลูกทั้งสอง
“ยังไม่หายอึ้งกันอีกเหรอ” จุกเดินเข้ามาหา
“ชั้นจะรวยแล้ว ชั้นจะมีเงินไปจ่ายหนี้แล้ว”
สมรยกมือไหว้ขอบคุณชนก
“ส่วนจุกจะมีเงินเรียนต่อได้สบายๆ”
“ขอบคุณมากนะคุณชนก ไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาชั้นคิดว่าคุณเกลียดชั้นกับลูก คุณไม่ใช่พ่อที่ดี และวันนี้ชั้นรู้แล้วว่าชั้นมองคุณผิดมาตลอด”
ยมยิ้มรับก่อนหันไปมองนิดหน่อยที่มองขึ้นไปบนฟ้า ยมเดินเข้าไปหา
“ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณนายนะ ที่คอยช่วยชั้น”
“ชั้นเปล่าทำอะไรนี่ ทุกอย่างมันเป็นไปในแบบของมั้ย”
“ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ และให้กำลังใจในวันที่ชั้นอ่อนแอ”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าคุณไม่ได้แกร่งไปตลอดหรอก”
“อืม”
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันนิ่งนาน สมรมองทั้งคู่อย่างจับสังเกตและนึกสงสัย
เมื่อดีตชาติ กล้าเดินหอบท่อนไม้เข้ามาวางให้เพชรผ่าเป็นฟืน
“ได้มาแค่นี้ พอหรือไม่พี่ชาย”
“พอแล้วจ้ะ เดี๋ยวเตรียมกินข้าวกันได้แล้วล่ะ” พิมตอบแทน
“จักได้กินกับข้าวฝีมือเจ้าเสียทีนะ”
พิมกับกล้าสบตา ยิ้มให้กัน เพชรลอบมองกล้าด้วยสีหน้ายังไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ สักเท่าไหร่
อีกฟาก รุจิภานั่งนิ่งอยู่ที่โซฟารับแขกในห้องโถง ครุ่นคิดถึงฝันแปลกๆ นี้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
สาวใช้เดินเข้ามาวางหนังสือพิมพ์ให้บนโต๊ะกลาง แล้วเดินออกไป
“หนังสือพิมพ์ค่ะคุณรุจิ”
รุจิภาหยิบมาดู เห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวใหญ่โต “วิวัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มถูกบุกจับที่บ้านพัก ข้อหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด”
รุจิภาเห็นภาพวิวัฒน์ในข่าวก็ยิ่งแค้น แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจที่เขาโดนจับ
“นี่สินะผลจากกรรมชั่วของนาย”
รุจิภาวางหนังสือพิมพ์ลง เหลียวมองไปรอบๆ บ้านหลังใหญ่โต สวยงาม แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือแสน
แม่บ้านวัยอาวุโส ยกข้าวต้มมาวางให้ รุจิภาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถอนหายใจแต่เช้าเลย เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ชีวิตชั้นจะมีคนคอยอยู่ข้างๆ คอยซับพอร์ต ให้กำลังใจชั้นบ้างมั้ย”
แม่บ้าน2 งง “หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
“ชั้นรู้สึกเคว้งๆ น่ะ เหมือนชีวิตไม่มีเป้าหมายอะไรสักอย่าง”
“คุณรุจิก็ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ”
รุจิภายิ้มเนือยๆ “ไหนล่ะพ่อกับแม่”
แม่บ้านอึ้งไปนิดๆ ก่อนจะพูดเชิงถามขึ้นมาว่า
“แล้วคุณรุจิไม่มีเพื่อนหรือคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอุ่นใจบ้างเลยเหรอคะ”
รุจิภานิ่งคิด ประหวัดถึงเขาคนนั้น
“คุณยม”
ส่วนที่ร้านขนม สมรจ้องหน้านิดหน่อย มองจ้องอย่างจับพิรุธ
“คุณยมกับแกไปถึงไหนแล้ว”
“ถึงไหนอะไรแม่”
“ชั้นเห็นนะ ที่แกจ้องตากัน ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว”
“แม่ก็พูดเกินไป”
“แกจะรักจะชอบเขาแม่ก็ไม่ว่าหรอก แม่รู้ว่าแกเป็นคนฉลาด คุณยมเองก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ดูเป็นคนดี ถ้าจะรักกันแม่ก็โอเค”
“ยังไม่ขนาดนั้นแม่”
“แม่ก็พูดเผื่อไว้ก่อน”
“แม่...เรามีเงินแล้ว เราไปจ่ายหนี้คุณนายกันเถอะ”
“แม่ก็ว่าจะไปพรุ่งนี้ ต้องขอบคุณพ่อแกนะ ที่เขายังนึกถึงเรา แม่สิเอาแต่ก่นด่าพ่อแกทุกครั้งที่มีโอกาส”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วช่างมันเถอะแม่ แม่ก็รู้สึกผิด ชั้นก็รู้สึกผิด พ่อเองตอนอยู่ก็คงรู้สึกผิด เราจะอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้พ่อคงอยากให้เรามีความสุข”
สมรคิดตามแล้วเห็นด้วย ลูบหัวลูกอย่างรักใคร่
“ก็จริงของแก...ลูกแม่โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
สมรจ้องหน้าลูกแล้วลูบหัว
“ชั้นรักแม่นะ”
สมรฟังแล้วสยอง
“ขนลุกเลย แกไปกินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่าเนี่ย”
นิดหน่อยกอดสมรเต็มรัก “ชั้นรักแม่ และชั้นจะบอกแม่ทุกวัน ในวันที่ชั้นมีโอกาส ต่อไปนี้ชั้นจะไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปอีกแล้ว”
นิดหน่อยกอดสมรอยู่อย่างนั้น
“แม่ว่าเสร็จเรื่องหนี้คุณนายอาวรณ์ แม่จะไปปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแก ไอ้จุกมันก็ขอไปด้วย”
นิดหน่อยเงยหน้ามองแม่ พยักหน้ารับด้วยความยินดี
ค่ำนั้นนิดหน่อยกลับจากข้างนอก เดินมาตามทางในซอย นึกถึงคำพูดของสมรแล้วก็ออกอาการเขินอายอยู่คนเดียว
“แกจะรักจะชอบเขาแม่ก็ไม่ว่าหรอก แม่รู้ว่าแกเป็นคนฉลาด คุณยมเองก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ดูเป็นคนดี ถ้าจะรักกันแม่ก็โอเค”
“แม่ก้อ พูดอะไรก็ไม่รู้”
ยุพาจอดรถดักซุ่มมองอยู่นานแล้ว พอเห็นนิดหน่อยเดินเข้าไปในซอย ก็เคลื่อนรถตามไปทันที
นิดหน่อยเดินมาตามทางในซอย ยุพาที่ขับตามเร่งเครื่องรถอย่างเร็ว นิดหน่อยได้ยินเสียงรถจะหลบ หันไปมอง ยุพาขับรถชนร่างนิดหน่อยกระเด็นไปตกที่พื้นอย่างแรง แล้วถอยรถขับหนีไปอย่างรวดเร็ว
ที่นรกภูมิ มัจจุราชเขต 7 นั่งอยู่ในออฟฟิศเขต7 เห็นเทียนชีวิตนิดหน่อยหรี่แสงลง แทบจะดับ เขต7 วาร์ปขึ้นไปยังโลกภูมิทันที
เขต7 พาตัวเองมายืนมองร่างนิดหน่อยที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน พอเห็นวิญญาณนิดหน่อยหลุดออกจากร่างก็ยิ้มสมใจ
ทางฝั่งยมกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นึกถึงนิดหน่อยอยู่ที่บ้าน
“ขอบคุณนายนะ ที่คอยช่วยชั้น”
“ชั้นเปล่าทำอะไรนี่ ทุกอย่างมันเป็นไปในแบบของมั้ย”
“ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ และให้กำลังใจในวันที่ชั้นอ่อนแอ”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าคุณไม่ได้แกร่งไปตลอดหรอก”
“อืม”
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันนิ่งนาน
ยมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินสุวรรณส่งเสียงร้อนรนเรียกมาจากนรก
“ท่านยม ท่านยม ท่านต้องรีบไปที่เขต 7 ด่วน”
“ไปทำไม”
“เอ่อ...คือ...”
“เอ่ออะไร”
“วิญญาณนิดหน่อยถูกท่านมัจจุราชเขต 7 พาลงยังยังนรกเรียบร้อยแล้ว”
ยมตกใจ
เขต7 พาวิญญาณนิดหน่อยลงมายังนรกจนได้ นิดหน่อยมองเขาเขต7 อย่างสะดุดตา
“ที่นี่ที่ไหน”
“ที่นี่คือนรก...”
นิดหน่อยมีสติ “นี่ชั้นตายแล้วเหรอ”
“ใช่”
“ทำไมชั้นคุ้นหน้าคุณจัง”
เขต7 ยิ้มๆ
“ถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิด เรากับเจ้าเคยเจอกันบนโลกมนุษย์แล้วจำได้หรือไม่”
นิดหน่อยนิ่งคิดทบทวน
ทางด้านยุพาขับรถหนีมาตามทางด้วยสีหน้าสะใจสมใจ และมั่นใจว่านิดหน่อยตายแน่
“สมน้ำหน้า พวกแกตายตามกันไปให้หมด
ยุพาคิดปราด ว่าจะเอาไงต่อดี
“คุณวิวัฒน์”
ยุพาหยิบมือถือขึ้นมา กดโทร.หาวิวัฒน์ แต่มีรถขับสวนมา ยุพาหักรถหลบส่งผลให้มือถือร่วงลงพื้น
ยุพาขับรถไปต่อ ใช้มือข้างหนึ่งควานหามือถือ จนเจอ ก้มลงหยิบมือถือ พอเงยหน้าขึ้นมา มีรถสวนมายุพาหักหลบอย่างแรง
รถชนกับต้นไม้ข้างทางเสียงดังสนั่น รถพังยับ ร่างยุพากระเด็นออกมานอกรถโดนไม้แหลมเสียบเข้าที่ท้องทะลุร่างตายอย่างอนาถ
ฝั่งวิวัฒน์เดินวนไปมาอยู่ในห้องขัง ท่าทีเครียดจัด จู่ๆ ไฟบนโรงพักติดๆ ดับๆ ทุกคนสงสัยว่าอะไร
ในจังหวะที่ไฟติดนั้นเอง วิวัฒน์หันมาข้างๆ เห็นวิญญาณดวงหนึ่งนั่งอยู่ ก็ตกใจถอยกรูดไปติดกำแพง
“ไม่ต้องตกใจ อาจารย์ส่งข้ามา” วิญญาณบอก
“อาจารย์ส่งแกมาช่วยชั้นแล้ว ถ้าชั้นออกไปได้พวกแกเตรียมตัวไว้ให้ดีไอ้ยม”
วิวัฒน์มองหน้าผียิ้มๆ
ไม่นานต่อมา ตำรวจเวรเดินมาเห็นประตูห้องขังเปิดอยู่ก็ตกใจ
“เวรละ”
กำลังตำรวจหลายคนวิ่งไล่ตามวิวัฒน์เข้ามาในป่า โดยการนำของสุนัขตำรวจ วิวัฒน์หนีอย่างใจเย็นไม่เกรงกลัวใดๆ ตำรวจตามมาจนทัน
“คนร้ายอยู่โน้นครับ”
วิวัฒน์จะวิ่งหนี ตำรวจกระจายกำลังล้อมไว้ วิวัฒน์ยิ้มท้าท้าย
“มอบตัวซะแล้วไปสู้คดีในชั้นศาลนะคุณวิวัฒน์” หัวหน้าทีมตะโกนบอกดีๆ
“ศาล...ไม่ไปโว้ย”
วิวัฒน์ไม่ยี่หระ จะเดินหนีไป
หัวหน้าตำรวจตะโกนก้อง “หยุด แล้วยกมือขึ้น”
วิวัฒน์ยิ้มร้าย แล้วหันกลับมา
“คิดว่าคนอย่างพวกแกจะทำอะไรชั้นได้เหรอวะ”
วิวัฒน์เดินเข้าใส่ตำรวจ
“บอกให้หยุด”
“เอาสิยิงเลย ยิง”
วิวัฒน์ไม่กลัว ยังเดินเข้าหาอย่างท้าท้าย มั่นใจว่ามีของดีคุ้มกัน
ตำรวจตัดสินใจวิสามัญวิวัฒน์ เสียงปืนดังเปรี้ยงๆๆ ร่างวิวัฒน์กระตุกไปตามแรงยิง แล้วล้มลงไปกองกับเลือดเลือดโทรมกาย หายใจรวยริน วิวัฒน์เงยหน้ามองฟ้า ก่อนจะขาดใจตาย สำนึกสุดท้ายพาเขาดำดิ่งสู่อดีตชาติ
แสงจากตะเกียงส่องลอดออกมาจากหน้าต่างห้องบนเรือนหลังหนึ่ง พิมกับกล้านอนกอดซบกกกันอยู่ในห้องนั้น กล้ากอดหอมพิมอย่างสุขใจ
“ข้ามีความสุขยิ่งนัก”
“ข้าก็เช่นกัน”
กล้ายิ้มพราย ก่อนจะนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง เมื่อคิดถึงท่าทีของเพชรที่แสดงออกว่าไม่ชอบตนขึ้นมา
“พี่เพชรดูเหมือนไม่ชอบพี่เลยนะ”
“คิดมากน่ะพี่ ถ้าพี่เพชรเค้าไม่ชอบพี่ เค้าคงไม่ปล่อยให้ชั้นได้คบหากับพี่หรอก”
“แต่พี่เจ้าไม่ค่อยคุยกับพี่เลย ข้าถามคำก็ตอบคำ”
พิมยิ้มขำๆ “แล้วชวนคุยเรื่องกระไรกันรึ พี่เพชรถึงได้ถามคำตอบคำน่ะ”
กล้านิ่งคิดไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งก็ถีบประตูห้องเดินเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
“เฮ้ย แกเป็นใคร”
เพชรเดินตามเข้ามาพอเห็นสภาพของพิมก็ปรี่เข้าไปชกกล้าจนหน้าคว่ำไป พิมเข้าไปขวาง
“อย่านะพี่เพชร”
“ยังไม่ทันไร ก็มาหลับนอนกับมันแล้วรึ” เพชรถามอย่างคับแค้นใจ
“ก็เรารักกันนี่”
“รักได้เยี่ยงไร มันเป็นไส้ศึกมาจากพม่า”
กล้าอึ้งไป
“ไม่จริง พี่กล้าเป็นคนบ้านบางระจัน พี่ปรักปรำพี่กล้าแบบนี้ได้เยี่ยงไร”
“จริงหรือไม่ประเดี๋ยวเอ็งก็ได้รู้ จับตัวมันไป” เพชรหันไปสั่งลูกน้อง
แต่ช้ากว่ากล้า เขาฉวยโอกาสวิ่งหนีออกจากห้องไป โดยไม่รู้ว่ามีนายกองยืนดักรออยู่แล้ว กล้าเบิกตาค้างพร้อมๆ กับเสียงดังฉึกจากการถูกแทงท้องเต็มแรง จนดาบทะลุหลัง
พิม เพชรและทหารลูกน้องพากันตามออกมา
“พี่กล้า”
พิมช็อก ถลาเข้าไปหากล้า แต่เพชรรั้งแขนไว้
“ทำไมต้องฆ่าแกงกันด้วย”
“มีสติหน่อยน้องพี่ ถ้ามันไม่ใช่ไส้ศึกจากพม่า แล้วมันจะหนีเพื่อกระไร”
นายกองถีบร่างไร้วิญญาณของกล้าลงไปนอนกองที่พื้น ก่อนจะหันมามองหน้าพิม
“น้องสาวเจ้าเป็นเมียมันอย่างนั้นรึ”
เพชรอึกอัก “เอ่อ...พิมโดนมันหลอกมาน่ะขอรับ”
“มิรู้ว่าน้องเจ้าได้แพ่งพรายข้อมูลสำคัญอะไรไปบ้าง”
“ไม่หรอกท่าน น้องข้าเพิ่งจักรู้จักกับมันไม่นานนี้เอง”
“ถึงขนาดมาหลับนอนกันเยี่ยงนี้ คงมิใช่แค่เพิ่งรู้จักกันแล้วกระมัง” นายกองสั่งลูกน้อง “คุมตัวนางไป”
“น้องข้าไม่เกี่ยว อย่านำตัวน้องข้าไปเลยนะท่าน”
“ถ้าไม่อยากต้องโทษไปด้วยอีกคน ก็อย่าขัดขวางข้า” นายกองบอกเสียงเข้ม
ทหารคุมตัวพิมพาเดินตามนายกองออกไปทันที ขณะที่เพชรพยายามตามไปอ้อนวอนขอร้องให้นายกองปล่อยน้องไปแต่ไม่เป็นผล
ร่างไร้วิญญาณของเชลยอังวะนอนตายอยู่ที่พื้นเรือนอย่างเดียวดาย
หลังจากนั้นไม่นาน ณ ลานประหาร กรุงศรีอยุธยา
เพชร ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตประหาร เขาร่ายรำดาบกลางลานประหาร เบื้องหน้าเป็นนักโทษหญิง พิม ถูกมัดตรึงกับเสา มือพนมถือดอกบัว
มีกลุ่มชาวบ้านมารอดูการประหาร รอบๆ ลาน ส่งเสียงซุบซิบอื้ออึง
เพชรรำดาบวนรอบร่างพิม ชาวบ้านบางคนเบือนหน้าหนี รู้ว่าใกล้ถึงเวลาลงดาบแล้ว
ดาบคมกริบฟันฉับลงเต็มแรงส่งให้คอของพิมขาดกระเด็นลงใกล้ๆ ร่าง เลือดแดงฉานสาดใส่หน้าเพชฌฆาตหนุ่ม
มีหยดน้ำตาไหลซึมออกมาปนเลือดไหลรินเป็นสาย
รุจิภาสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจและขวัญเสีย พอมองไปรอบๆ พบว่าเธอแค่ฝันร้าย ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ไม่วายติดใจสงสัย ว่าตัวเองมีความข้องเกี่ยวอะไรกับเขต7 และวิวัฒน์กันแน่ ทำไมถึงได้เห็นสองคนในฝันซ้ำๆ
อีกฟาก โรเบิร์ตกางหนังสือพิมพ์อ่านข่าว อยู่ในโถงสำนัก
“อาจารย์ๆ เห็นข่าวคุณวิวัฒน์โดนตำรวจยิงตายรึยัง”
อาจารย์ทำหน้านิ่งๆ จิบชาชิลๆ
“รู้แล้ว”
โรเบิร์ตงง “ทำไมอาจารย์ดูจะไม่ตกใจเอาซะเลย ก็ตอนแรกส่งผีไปช่วย ทำไมปล่อยให้ตาย”
“ทำไม แกต้องให้ข้าตกใจเบอร์ไหน”
“ก็แบบนี้ไงอาจารย์”
พร้อมกับว่าโรเบิร์ตเล่นใหญ่ ทำท่าตกใจเว่อร์ๆ
“ไปไกลๆ ข้าเลย อย่ามาตลกแถวนี้”
โรเบิร์ตเผ่นออกไปก่อนจะโดนบาทา
“ขอโทษด้วยนะวิวัฒน์ ข้าจำเป็นต้องถอนมนต์ออก ก่อนที่เรื่องมันจะลามมาถึงข้า”
จู่ๆ โรเบิร์ตวิ่งแจ้นเข้ามาอีกครั้ง
“อาจารย์ๆ”
“อะไรอีก ถ้าเอ็งมาไร้สาระได้เจอข้าเสกหนังควายเข้าท้องแน่ๆ”
“อย่าเพิ่งอาจารย์ อาจารย์ฟังปากโรเบิร์ตให้ดีๆ นะ นิดหน่อยโดนรถชน ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แล้วยังไง เอ็งจะให้ข้าไปเยี่ยมมันรึยังไง”
“ใช่ แต่ไม่ได้ไปเยี่ยม แต่เราจะไปเอาสร้อยไหลน้ำพี้ของมันกัน”
อาจารย์ขาวตาลุกวาว เก็ตทันที
ทางด้านยมในคราบมัจจุราชเขต8 เดินเข้ามาในออฟฟิศเขต7 อย่างเอาเรื่อง
“ท่านเขต7 ท่านอยู่ไหน”
สุวานเขต7 ลุกเดินมารับหน้า “ท่านเขต8 มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เขต7 อยู่ไหน”
มัจจุราชเขต7 แสดงตัวออกมา
“เราอยู่นี่”
“ส่งวิญญาณของเรามา” ยมในคราบเขต8 บอกอย่างไม่พอใจ
“วิญญาณของเจ้า แล้วจะมาอยู่ในเขตเราได้อย่างไรกัน”
“วิญญาณที่ท่านพาลงมาโดยผิดกฎ”
“ท่านทำผิดกฎ”
“ข้าไม่รู้ว่านางยังไม่หมดอายุไขย” เขต7 เผลอหลุดปาก
“ข้ายังไม่ได้พูดว่านางยังไม่หมดอายุไขย ท่านรู้ได้อย่างไร”
สุวานและเขต8 มองจ้องหน้าเขต 7 อย่างจับผิด
“ข้าไม่เข้าใจว่ากะอีแค่วิญญาณดวงเดียวท่านจะอะไรนักหนา” เขต7 ฉุน
“ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เอาวิญญาณนางมา หากนางไม่ได้เข้าร่างภายใน 3 วัน ท่านก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเรื่องนี้ข้าจะต้องรายงานท่านท้าว”
“เลิกข่มขู่ข้าเสียทีเถอะ เป็นห่วงเธอมากสินะ”
“ท่านไม่ควรทำเช่นนี้ เสียทีได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมัจจุราชที่เถรตรง และรักษากฎมากที่สุด”
เขต7 ไม่พอใจ ที่โดนจี้ใจดำ “เธอควรตายตั้งนานแล้ว แต่เพราะท่านไม่ใช่หรือ”
“แต่ท่านก็รู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เธอควรตาย”
“ที่ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนเพราะท่าน”
“เราก็กำลังรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ”
“เราคิดว่าสิ่งที่ท่านทำมันไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบ แต่มันคือความรัก”
เขต8 มองหน้าเขต7
“เราขอให้ท่านพึงระลึกไว้ในใจว่าท่านเป็นใคร และเธอเป็นใคร และท่านก็รู้ว่าหากผิดกฏท่านต้องรับผิดชอบเช่นไร”
“เรารู้และพร้อมยอมรับผิด และท่านเองก็ควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่ท่านทำผิดเช่นกัน”
“ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคำพูดของท่านเองนะท่านเขต8”
เขต7 เสกวิญญาณนิดหน่อยออกมายืนอยู่ข้างหลังยม นิดหน่อยมองนิ่งๆ เห็นเพียงข้างหลังก็จำได้
“นายยม” ยมในร่างมัจจุราชเขต8 หันมาหา ด้วยสีหน้าอึ้งๆ นิดหน่อยชี้เขายม แล้วชี้ไปที่เขาเขต7 “ทำไมนายมีแบบ…”
“ถามแปลกๆ” ยมจะห้ามแต่ไม่ทัน สุวานชี้ที่ยมแนะนำเป็นทางการ
“ก็นี่ ท่านยมทูต มัจจุราชเขต 8”
นิดหน่อยอึ้งนิ่งงันไป “ยมทูต”
“เจ้าจงกลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์เถอะ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเจ้า แต่หากถึงเมื่อไหร่ข้าจะขึ้นไปรับเจ้าลงมาด้วยตัวเอง” เขต7 บอกอย่างสะใจ
นิดหน่อยกับยมจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น
นิดหน่อยตะลึงตะไลกับสิ่งที่ได้ยิน และร่างที่แท้จริงของยมที่ได้เห็น
อ่านต่อตอนที่ 22