มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 20 | อภัยและอโหสิกรรม
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
อาวรณ์กำลังด่าแม่บ้านเรื่องที่มีคนมาปาถุงอุจจาระเข้ามาในบ้าน แต่จับใครไม่ได้ วิเวกนั่งอยู่ด้วย
“แกอยู่บ้านยังไงให้คนเอาอึมาปาหน้าบ้านฉันได้”
แม่บ้านก้มหน้างุด
“เค้าไม่ได้ทำอะไรให้บ้านเราโดนปาอึหรอก คุณต่างหากที่ทำ” วิเวกว่า
“คุณเข้าข้างมันทำไม มันเป็นเมียคุณรึยังไง”
วิเวกถอนหายใจ โดนด่าอีกดอก
“เอาเวลาถอนหายใจเนี่ย ไปตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้เถอะ”
“ถ้าจับได้ก็ดีเหมือนกันนะ ผมจะได้สอบให้รู้ว่าทำไมเขาต้องมาทำแบบนี้กับบ้านเรา” วิเวกมองอาวรณ์อย่างจับผิด “หรือมีใครในบ้านทำอะไรให้เขาโกรธแค้น”
“คงอิจฉาที่ฉันรวยกว่าน่ะสิ พวกนี้จนแล้วก็ขี้อิจฉา”
“คุณรู้มั้ยบางครั้งคนจนถ้าเขาโดนกดดันมากๆ เขาอาจจะทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึงก็ได้”
อาวรณ์ไม่แคร์ อวดเก่งต่อ “ทำอะไร...อย่างพวกมันเหรอจะทำอะไรฉันได้ ไม่มีทาง”
วิเวกส่ายหน้าเอือมระอากับเมียก่อนเดินออกไป
อาวรณ์หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาใครคนหนึ่ง
เบอร์คุณนายอาวรณ์โชว์หราบนจอมือถืออาจารย์ขาว โรเบิร์ตรับสายแล้วส่งให้อาจารย์
“ครับคุณนาย” อาจารย์นิ่งฟัง แล้วทักท้วงเมื่อไม่เห็นด้วย “มันจะดีเหรอครับ ผมว่าให้เวลาพวกมันทำงานหาเงินหน่อยไม่ดีกว่าเหรอครับ ส่งผีไปหามันทุกวันแบบนี้ เดี๋ยวมันก็ได้ตกใจตายกันหมดพอดี พอพวกมันตายคุณนายก็จะสูญเงินเปล่าๆ”
อาจารย์ขาวนิ่งฟังยิ้มๆ ก่อนตอบเมื่อคุณนายยังดื้อดึงจะส่งผีไปทวงหนีต่อ
“ก็ถ้าคุณนายคิดว่าพวกมันหักหน้าคุณนาย ผมก็จะจัดการให้ครับ”
รอจนอาจารย์ขาววางสายโรบิ้นจึงถามขึ้น
“คุณนายอาวรณ์มีเรื่องอะไรครับอาจารย์”
“เรื่องที่จะทำเงินให้เราน่ะสิ แต่ข้ายังสงสัยไม่หายว่าทำไมว่าทำไมผีตัวที่ข้าส่งไปบ้านนังสมร ถึงได้กลับมาเหมือนใกล้ตายแบบนั้น” อาจารย์ขาวคิดไม่ตก
“มันก็ตายไปแล้วมันจะตายอีกได้ยังไงครับอาจารย์” โรเบิร์ตงง
“เอาเวลาสงสัยเรื่องปัญญาอ่อน ไปหาคำตอบมาให้ฉันว่าบ้านนั้นมันมีของดีอะไร”
หลายวันมานี้นิดหน่อยสวมสร้อยจี้ไหลน้ำพี้ตลอด เวลานี้กำลังง่วนจัดของอยู่ ในขณะที่ยมกำลังถามจุกเมื่อเห็นจานอาหารตรงหน้า สภาพไม่น่ากินลง
“นอกจากกับข้าวที่จุกทำ มีอย่างอื่นอีกมั้ย”
“ทำไมอะพี่”
“ยังกล้าถามอีกเหรอ...เราว่ามันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
นิดหน่อยเดินไปเปิดตู้แช่ซึ่งมีขนมปีโป้แช่อยู่ในนั้น หยิบมาให้ยม
“เอา ลองกินนี่ดู”
“อะไร”
“ไม่รู้จักปีโป้เหรอ” นิดหน่อยงงแต่หยิบมาทำให้ยมอีกซอง
นิดหน่อยกรีดฝาแล้วยื่นให้ยมถ้วยนึง แล้วเอามากรีดฝาตักกินอีกถ้วยนึง ทำหน้าฟิน ยมมอง
“อร่อยชื่นใจจัง”
“จุกน้อยใจนะเนี่ยไม่ยอมกินกับข้าวที่จุกทำ ถ้าแม่อยู่ก็คงดี”
“แม่จะกินกับข้าวฝีมือจุกเหรอ”
“เปล่า...จุกก็ไม่ต้องทำแต่ให้แม่ทำไง พูดถึงแม่ก็เศร้า”
“เศร้าทำไม แม่เขาไปฏิบัติธรรมสร้างกุศลให้ตนเอง”
“จะไปสร้างกุศลหรือเพราะสร้างหนี้ไว้ จนต้องหนีผี”
“ผี เกี่ยวอะไรกับหนี้” ยมงง
“ก็ผีมาตามทวงหนี้แม่”
นิดหน่อยผลักหัวจุก
“พูดมากนะเรา วันนี้เปิดร้านค่ำหน่อยก็แล้วกันนะ”
“เพราะ...”
“เราต้องหาเงินใช้หนี้แทนแม่ แม่จะได้กลับบ้าน” นิดหน่อยบอก
“ได้ครับ...จุกเชื่อฟังพี่แล้ว จุกขออะไรพี่อย่างได้มั้ย”
“เรื่องอะไร”
นิดหน่อยกับยมมองหน้าจุก สงสัยว่าเด็กหนุ่มจะขอเรื่องอะไร
ในเวลาต่อมา ชนกคุยโทรศัพท์มืออยู่ที่โถงบ้านน้ำเสียงเศร้า ปลายสายเป็นจุก
“พี่เค้ายังไม่ใจอ่อนมาเจอพ่อก็ไม่เป็นไรลูก ขอบใจจุกมากนะที่ช่วยพ่อไว้เจอกันลูก”
ชนกวางสายหน้าเศร้า ยุพาแต่งตัวสวยเดินมาหาชนก
“คุยกับใครคะหน้าเครียดเชียว”
ชนกอึกอัก “...ลูกค้า”
“แล้วไป...อย่าให้รู้นะคะว่าไปคุยผู้หญิงคนอื่น”
“ผมจะไปคุยกับใครได้ปูนนี้แล้ว”
“กำลังจะบอกว่ารักยุพาคนเดียวใช่มั้ยคะ”
ยุพาหอมแก้มชนกพูดออดอ้อน ก่อนจะแบมือขอเงิน
“จะไปไหนอีกยุพา เพลาๆ เรื่องการใช้เงินบ้าง”
ชนกหยิบเงินในกระเป๋าออกมาให้หนึ่งปึก
“ถ้าคุณไม่อยากให้ยุพาขอเงิน คุณก็รีบๆ ยกสมบัติให้ยุพาสิคะ”
ยุพาดึงเงินจากมือชนกแล้วหอมแก้มอีกฟอดแล้วเดินยิ้มร้ายออกไปอย่างสมใจ
ชนกมองตามอย่างเหนื่อยใจ มองโทรศัพท์ในมือหน้าเครียดจัด
ยมยังอยู่ที่ร้านขนม จุกนั่งเศร้าอยู่ใกล้ๆ กัน เพิ่งวางสายจากชนก ยมหันไปมองนิดหน่อยที่ง่วนจัดขนมขึ้นชั้นอยู่
“ทำไมไม่ยอมไปพบพ่อ” ยมถามขึ้น
นิดหน่อยจัดของอยู่ถึงกับชะงัก หันมาตอบยม
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันก็ต้องดูแลแม่กับน้อง เค้าก็มีคนของเค้าที่ต้องดูแล”
“แล้วเธอไม่อยากดูแลพ่อบ้างเหรอ”
นิดหน่อยจุก ขี๊ดที่ใจ เหลียวขวับมามองหน้ายมตาขวาง ก่อนจะเบือนหน้าหนี นิ่งงันไปเลย
ยมพูดต่อ ลอยๆ “อภัยให้คนอื่นได้ตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมกับคนที่มีบุญคุณกับเรามากที่สุด ถึงอภัยให้เค้าไม่ได้ล่ะ”
นิดหน่อยโมโหที่ยมมาสอน หันหน้าไปด่า
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ”
ยมเอ่ยขึ้น “คุณรุจิ”
รุจิภาเดินเข้ามาข้างหลังนิดหน่อย
“คุณยมคะ รุจิขอคุยด้วยได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
รุจิภามองนิดหน่อยกับจุกเชิงบอก “แบบส่วนตัวค่ะ”
ยมพยักหน้าแล้วเดินออกไปที่โต๊ะหน้าร้าน นิดหน่อยมองตามอย่างหมั่นไส้
รุจิภานั่งปรึกษายมอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน
“รุจิไม่รู้เลยค่ะว่ารุจิไปอยู่กับนายวิวัฒน์ได้ยังไง”
“อย่าไปใคร่รู้อะไรที่มันผ่านไปแล้วเลย”
“ช่วงนี้มีอีกหลายเรื่องเลยค่ะที่เกิดขึ้นกับรุจิ และรุจิก็อยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่”
“รู้ก็ทุกข์ ไม่รู้ก็ทุกข์ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ อยู่กับปัจจุบัน อย่างมีสติดีกว่า”
รุจิภานิ่งคิด แล้วพยักหน้ารับ
“มีอีกเรื่องที่รุจิอยากปรึกษาคุณ รุจิรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนหนึ่งมาก เหมือนเคยรู้จักกับเขามาก่อน คุณยมว่าเป็นไปได้มั้ยคะ ที่เราจะรู้สึกคุ้นเคยกับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน”
ยมนึกถึงเรื่องตนกับนิดหน่อยจึงบอกไปว่า “เป็นไปได้ บางครั้งคนสองคนอาจจะมีกรรมผูกติดกันมาตั้งแต่ชาติก่อนก็ได้”
“กรรม...แล้ว...”
รุจิภาจะถามต่อ ยมรีบพูดขัดขึ้นมา
“เดี๋ยวถึงเวลาคุณก็จะรู้คำตอบเอง”
เสียงโทรศัพท์รุจิภาดังขึ้นเป็นวิวัฒน์โทร.มา รุจิภากดปิดเครื่องไปเลย
“รุจิไม่อยากคุยกับเขาแล้ว”
ยมพยักหน้ารับ
“ถ้าเกิดว่านายวิวัฒน์มายุ่งกับรุจิอีก คุณยมช่วยปกป้องรุจิได้มั้ยคะ”
รุจิภาจับมือยม
นิดหน่อยมองภาพความใกล้ชิดนั้นแล้วหัวร้อนรู้สึกหึงโดยไม่รู้ตัว
“เราจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ที่เหลือก็อยู่ที่รุจิต้องช่วยเหลือตัวเอง และอย่าพาตัวเองลงไปอยู่ในเส้นทางที่ผิดเข้าใจมั้ย”
รุจิภาพยักหน้ารับเอา จับมือยมเชิงขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะคะคุณยม ต่อไปถ้ารุจิมีเรื่องไม่สบายใจรุจิขอมาหาคุณยมนะคะ รุจิไม่มีใครแล้วจริงๆ ค่ะ”
ยมพยักหน้ายิ้มๆ แตะไหล่รุจิภาเบาๆ เชิงปลอบใจ
นิดหน่อยแอบดูและเงี่ยหูฟังอยู่ นึกหมั่นไส้จะเดินหนีแตะดันไปเตะกระป๋องแถวๆ นั้นเข้า ยมกับรุจิภาหันไปมองนิดหน่อยหลบแทบไม่ทัน
ยมยิ้มขำ รู้ว่าเป็นนิดหน่อย
ประตูคฤหาสน์ บ้านวิวัฒน์เปิดออก ให้แม่บ้านเดินนำยุพาเข้ามาในห้องโถงอันหรูหรา
“คุณวิวัฒน์ไม่อยู่ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันนั่งรอในบ้านได้ ฉันมีธุระกับคุณวิวัฒน์”
ยุพามองบ้านช่องห้องหับอย่างตื่นตา ตะลึงในความใหญ่โตและของตกแต่งหรูหรามากมี บ่งบอกฐานะและความร่ำรวยของวิวัฒน์อย่างดี
“ฉันรอในห้องรับแขกก็แล้วกัน ขอน้ำส้มแก้วนึง แล้วก็ไม่ต้องโทร.เร่งคุณวิวัฒน์นะฉันรอได้”
แม่บ้านอ่านออก ส่ายหน้าเอือมๆ จนลูกน้องคนสนิทของวิวัฒน์เดินเข้ามา พยักหน้าให้แม่บ้านออกไป
“ท่านไม่อยู่” ลูกน้องบอกเสียงเข้ม
“รู้แล้ว ฉันรอได้”
“ท่านมีงานด่วน”
“งานอะไร”
“ท่านไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องงานท่านครับ ที่สำคัญท่านไปทำงานที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับคงอีกสองสามวัน”
ยุพาเบือนหนี ทำหน้าเซ็ง
“งั้นฉันกลับก่อนก็ได้”
ยุพาลุกยืน มองรอบบ้านอีกครั้งอย่างมาดหมาย แววตาเป็นประกาย ก่อนจะเดินยิ้มออกไปอย่างพึงพอใจ ลูกน้องมองตามสีหน้าเอือมระอา
มีเสียงโวยวายดังขึ้นที่อีกฟาก ภายในบ้านโกโรโกโสดูยากจนข้นแค้นสุดจะประมาณ ดูแตกต่างจากบ้านวิวัฒน์โดนสิ้นเชิง
ชาวบ้านผัวเมียจนๆ เจ้าของบ้านหลังนี้ พากันยกมือไหว้อาวรณ์ปลกๆ ผู้เป็นเมียหน้าซีดเซียวเพราะป่วยหนัก
“ตอนยืมฉันรีบหยิบให้ ทีตอนคืนทำไมมันคืนยากจัง” อาวรณ์ด่า
“ฉันไม่ค่อยสบาย พี่เขาทำงานคนเดียว มันเลยไม่พอใช้ค่ะคุณนาย” เมียบอก
“ฉันไม่ได้อยากรู้เหตุผล ฉันอยากได้เงินของฉันคืน”
“ขอผัดไปก่อนนะคุณนาย”
แม่บ้านสาวใช้ของอาวรณ์วิ่งออกมาจากในห้อง
“ไม่เจอเงินเลยค่ะคุณนาย”
อาวรณ์หันไปเห็นกระปุกหมูออมสินตั้งอยู่มุมหนึ่ง
“นั่นมันของลูกผม” พ่อบอก
“แต่ข้างในเป็นเงินของฉัน”
“อย่าเอาของลูกเราไปเลย” ผัวเมียขอร้อง
“เก็บมือพวกแกไว้ทำงาน หาเงินมาคืนฉันเถอะ”
อาวรณ์เดินออกมานอกบ้านกับคนใช้ ผัวเมียตามออกมา
“อย่าเอาของลูกเราไปเลย”
“ไม่เอาไปก็ได้”
อาวรณ์ปากระปุกออมสินลงพื้นเต็มแรง กระปุกแตกกระจาย
“...แต่ฉันจะเอาเงิน”
เมียหัวใจสลายเป็นลมพับไป อาวรณ์พยักหน้าให้แม่บ้านเก็บเหรียญ
ผัวตกใจเรียกสติเมีย “คุณๆๆ”
สุวรรณกับยมยืนดูอยู่มุมหนึ่ง เห็นความร้ายกาจของอาวรณ์ตั้งแต่ต้น
วิญญานเมียหลุดออกจากร่างโดยที่ยังไม่มีใครรู้ว่าตัวเองตายแล้ว
สุวรรณปรารภกับยมเรื่องความโหดร้ายของคุณนายอาวรณ์
“มนุษย์บางคนก็โหดร้ายเหลือเกิน ใช้เงินใช้อำนาจกดขี่ เอาเปรียบคนจน”
“บางคนไม่สำนึกไม่ละอายต่อบาป สักวันก็ต้องลงไปชดใช้กรรมในนรก”
“แต่กว่าจะได้ลงไป คนอื่นๆ คงได้เดือดร้อนกันไปทั่ว”
“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า”
ยมนิ่งคิด
“เราคงต้องทำอะไรบ้างแล้วละ”
อาวรณ์เดินนับเงินกลับเข้าบ้านมาพร้อมกับแม่บ้าน
“คุณนายนี่สตรองมากเลยนะคะ”
“แน่สิ...คิดจะทำการใหญ่ ใจต้องนิ่ง”
“ขนาดเงินเหรียญของเด็กยังไม่เว้น”
อาวรณ์หันไปด่า แม่บ้านก้มหน้างุด
“แกจะจ่ายหนี้แทนพวกมันมั้ยละ”
เห็นชายชุดดำโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง อาวรณ์ตกใจ
“ว้าย แกจะทำอะไร”
“มันคงอยากได้เงินคุณนาย” แม่บ้านบอก
“ฉันไม่ให้แกหรอก กว่าฉันจะได้มาฉันไปทวงมันจนปากเปียกปากแฉะ”
“ให้เค้าไปเถอะค่ะ”
อาวรณ์ไม่ยอมให้ แถมจะวิ่งหนีเข้าบ้าน ชายชุดดำปรี่เข้าหา แม่บ้านวิ่งหนีตายไปแล้ว อาวรณ์จะวิ่งตามไป
แต่มีเสียงดังเปรี้ยง
อาวรณ์ชะงักหันกลับไปมอง เห็นร่างไร้วิญญาณของตนนอนกองอยู่กับพื้น เลือดไหลโทรมจากบริเวณศีรษะนองเต็มพื้น ชายชุดดดำวิ่งหนีไป ผีอาวรณ์ช็อก ตะลึงตะไล
ด้านสุวรรณทำจมูกฟุดฟิดอยู่ในบ้านเช่า
“เป็นอะไร”
“กลิ่นวิญญาณ”
ยมมองหน้า สุวรรณแว่บหายไปทันที ยมวิ่งตามออกไป
บริเวณทางสายเปลี่ยวเย็นนั้น ชาวบ้านก้มเก็บเงินที่ร่วงอยู่ตามพื้น อาวรณ์ตะโกนห้ามไม่ให้ยุ่งกับเงินของตน
“พวกแกอย่ามายุ่งกับเงินของฉันนะ”
อาวรณ์จะผลักชาวบ้านออก แต่วืดและไม่มีใครได้ยิน
“อย่ายุ่งกับเงินของฉันไอ้พวกคนจน”
ยมกับสุวรรณหยุดยืนมองอยู่มุมหนึ่ง
“จะตายแล้วยังห่วงของนอกกาย มนุษย์หนอ”
ยมทำหน้าสงสัย
“คงถึงเวลาที่นางจะต้องได้เรียนรู้”
“อย่างไรหรือท่าน”
สุวรรณมองหน้ายมดูออกว่าผู้เป็นนายมีแผนการบางอย่าง
คุณนายอาวรณ์ถูกสุวรรณพาลงมาที่นรกภูมิ วิญญาณป้ายแดงขัดขืนเต็มกำลัง
“ปล่อยฉันๆ”
อาวรณ์มองไปรอบๆ เห็นเปลวไฟสีแดงล้อมรอบตัวเธอก็แปลกใจ
“ที่นี่ที่ไหน”
“นรก”
วิญญาณดวงหนึ่งถูกไฟนรกแผดเผาร้องโอดโอยทุรนทุรายเจ็บปวดแสนสาหัส แลดูน่ากลัวน่าสยอสยอง วิญญาณดวงนั้นถูกไฟลุกท่วมตัว ยื่นมือมาจับที่ขาอาวรณ์หมับ ขอความช่วยเหลือ
“ช่วยฉันด้วย”
อาวรณ์ตกใจสะบัดขาออกเต็มแรง แต่ถูกไฟไหม้ที่ขา อาวรณ์วิ่งเตลิดหนีไปอย่างเสียสติ สุวรรณส่ายหัวเดินตามไป
ด้านยุพาเดินเมาแอ๋ออกมาจากบ่อนอย่างหัวเสีย พนักงานบาร์เหล้าหนุ่มหล่อเดินหิ้วปีกมาขึ้นรถ
“ซวยจริงๆ เลยวันนี้”
ยุพาหยิบมือถือขึ้นมา
“คุณวิวัฒน์คะ คุณวิวัฒน์อยู่ไหนคะ เดี๋ยวยุพาจะขับรถไปหาไม่สะดวกเหรอคะ ได้ค่ะ”
วิวัฒน์วางสายใส่ ยุพาหัวเสีย
“ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเลยโว้ย”
ยุพาหันไปมองหน้าหนุ่มหล่อข้างๆ เชยคางจ้องหน้า
“แต่ก็ยังดีที่มีหนุ่มหล่อ...มาส่ง”
มีคนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนั้นอยู่มุมหนึ่ง โดยที่ยุพาไม่รู้ตัว
จุกและนิดหน่อยขายของเสร็จก็ถือของกลับบ้าน นิดหน่อยเห็นพ่อที่เป็นชายแก่เมาแอ๋คนหนึ่ง มีเด็กหญิงลูกสาวคอยพยุง แต่พยุงไม่ไหวล้มไปทั้งพ่อทั้งลูก
“ไปช่วยเค้าหน่อยจุก”
จุกรีบวิ่งไปช่วยพยุง
ตาพ่อโวยวาย “อย่ามายุ่ง”
“พ่อ...พี่เค้าอุตสาห์มาช่วย” ลูกขอโทษจุก “ขอโทษพี่ พ่อหนูเมา”
“แกก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันจะไปกินเหล้า”
“ไม่ให้ลูกยุ่งกะพ่อแล้วจะให้ยุ่งกับใคร ยุ่งกับหนุ่มๆ เหรอ”
“ไม่ต้องเลยนะ งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปกินที่บ้านก็ได้”
พูดจบชายสูงวัยก็เดินออกไป ลูกสาวยิ้มได้แม้พ่อจะเมาปลิ้นขนาดนี้
“พ่อน้องเมาหนักขนาดนี้น้องไม่เครียดเหรอ”
“ก็มีบ้างพี่”
จุกเหลือบมองนิดหน่อย ที่เดินมาใกล้ๆ ถามเด็กให้นิดหน่อยได้คิด
“แล้วเราไม่โกรธพ่อเหรอ พี่เห็นพ่อเราเอาแต่เมาทุกวัน”
“แม่สอนว่าไม่ว่าพ่อจะเป็นยังไง พ่อก็คือคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามาแม่สอนว่า พ่อก็คือพ่อ”เด็กชายยิ้ม “หนูไปดูพ่อก่อนเดินตกคลองไปยังไม่รู้”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
จุกเดินออกไปกับเด็ก นิดหน่อยได้ฟังก็คิดตาม
คืนนั้น นิดหน่อยลงรถมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดเป็นกังวลเรื่องชนกไม่คลาย ควักกุญแจมาไขประตู แต่เผลอทำกุญแจร่วง
“แม่สอนว่าไม่ว่าพ่อจะเป็นยังไง พ่อก็คือคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามาแม่สอนว่า พ่อก็คือพ่อ”
เสียงแม่สอนลูกดังก้องในหัว นิดหน่อยก้มหยิบกุญแจมาไขอีก แต่ก็มัวแต่เหม่อลอยจนทำร่วงอีก ดีที่มีมือมารับไว้ทัน พอเงยหน้ามองเห็นเป็นยมส่งกุญแจบ้านให้
“มาผิดบ้านรึเปล่า” นิดหน่อยงอนใส่ น้อยใจเรื่องรุจิภา
“นี่บ้านคุณรึเปล่าละ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“งั้นก็ไม่ผิดหลังแล้ว”
นิดหน่อยไขกุญแจเดินเข้าบ้านไป ยมตามเข้ามาถาม
“เหม่ออะไรอยู่”
นิดหน่อยไม่ตอบ เดินไปเปิดไฟตรงเคาน์เตอร์ แต่ไม่ทันเปิด เพราะผีโผล่พรวดออกมาหลอก
“แอร๊ย”
นิดหน่อยกรี๊ดลั่นบ้าน ซวนเซล้มลง ผีวาร์ปมาหานิดหน่อย ยมยื่นมือไปเปิดไป ทั้งร้านสว่างขึ้น
“มีอะไร”
“คืนหนี้แม่แกมาเดี๋ยวนี้” ผีทวงหนี้สมร
ยมเห็นนิดหน่อยกองอยู่ที่พื้น รีบเข้าไปหา แต่ฉับพลันทันใดนั้นเองที่คอนิดหน่อยมีแสงสว่างวาบขึ้น พร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องของผีดังโหยหวน
“โอ๊ยยยยย”
ผีสลายหายวับไป ยมรีบเข้าไปดูอาการ นิดหน่อยโผกอดยมแน่นอย่างคนขวัญเสีย
อาจารย์ขาวลืมตาโพลง ผีร้องโอดโอยอยู่ตรงหน้าแต่ร่างวูบๆ วาบๆ เหมือนร่างจะสลายลง
“เหมือนสัญญานจะหาย”
“มันจะดับสลายน่ะสิ”
“มันตายแล้วมันจะตายอีกได้ด้วยเหรอ”
“เป็นเพราะไอ้ของที่มันไปเจอมาน่ะสิ บ้านนังสมรอีกแล้ว”
โรเบิร์ตงงหนัก
“เดี๋ยวข้าจะช่วยแกเอง แต่แกต้องบอกข้าก่อนว่าไปโดนอะไรมา”
อาจารย์จ้องหน้าผีรอฟังคำตอบ
สร้อยจี้ไหลน้ำพี้ โผล่พ้นคอเสื้อนิดหน่อยออกมาให้เห็น ยมเอาน้ำมาให้นิดหน่อย
“ขอบคุณมาก”
“นี่ใช่มั้ยที่แม่คุณเจอจนต้องหนีไปบวช”
“อืม”
“คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
ยมมองหน้านิดหน่อย สองคนจ้องหน้ากัน นิดหน่อยเบือนหน้าหนี
“นายกลับไปได้แล้ว ฉันอยู่ได้”
“อยู่ได้อะไร เมื่อกี๊คุณกรี๊ดจนผมตกใจ” ยมแหย่เล่นๆ
“ฉันก็แค่ตกใจ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันมีสร้อยเส้นนี้”
“ผมว่าคุณไม่ต้องปากแข็งตลอดเวลาก็ได้นะ เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย ท้อก็บอกว่าท้อ กลัวก็บอกว่ากลัว ไม่ต้องเก่งทุกเรื่องหรอก คนเราย่อมต้องการคนคอยปลอบ และต้องการกำลังใจทั้งนั้นแหละ”
นิดหน่อยนิ่งงันไป
“คุณกำลังกังวลเรื่องพ่อคุณอยู่ใช่มั้ย”
“เปล่า”
ยมอ่านออก “ปากแข็ง แต่หัวใจมันไม่แข็งเหมือนปากหรอกนะ หัวใจของคุณต้องการปลดปล่อยจากความโกรธที่มีต่อพ่อ เพราะว่าพ่อคุณคงรอวันนั้นอยู่”
จุกเดินเข้ามา
“พี่ยม...มาได้ไงเนี่ย”
“เดินมา”
“แป่ว... เกิดอะไรขึ้น”
จุกถามเมื่อเห็นหน้าพี่สาวซีดๆ แต่นิดหน่อยไม่ตอบอะไร
ฝ่ายอาจารย์ขาว หน้าตาตื่นเต้นสุดๆ เมื่อได้ฟังที่ผีทวงหนี้บอก
“สร้อยไหลน้ำพี้”
โรเบิร์ตงง
“อะไรครับอาจารย์”
อาจารย์ขาวไม่ตอบ แต่ยิ้มชอบใจ
“ถ้าเป็นอย่างที่แกบอกจริงๆ ฉันเจอของดีเข้าแล้ว”
ที่นรกภูมิ สุวรรณใช้แส้ไฟพันอาวรณ์ไว้ จับลากพาเดินมาตามทางในนรก
อาวรณ์ดีดดิ้นโวยวายไม่หยุด “ปล่อยฉันเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
“ต้องการให้ผู้อื่นเมตตา แต่ตัวเจ้าเองกลับไม่เคยเมตตาใคร”
“ใครบอก”
สุวรรณปรี๊ดเสียงดังใส่ “ไม่ต้องมีใครบอกข้าก็รู้ ใจหยาบ คนบาปเช่นเจ้า ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ลงมาอยู่ตรงนี้หรอก”
อาวรณ์จนตรอก “ปล่อยฉันไปเถอะ อยากได้อะไรฉันจะหามาให้ เงิน ทอง...”
สุวรรณสะบัดแส้ไฟออก อาวรณ์ยิ้มคิดว่ารอดแน่
“อยากได้เท่าไหร่บอกมา ฉันจะให้จนนายรวยไม่ต้องทำงาน”
“ไม่สำนึก คนอย่างเจ้าไม่ควรได้โอกาสเกิดเป็นคน ไม่คิดแม้จะสร้างกรรมดี เห็นผิดเห็นชอบ เห็นค่าของวัตถุอยู่เหนือสิ่งของ หากเจ้าสามารถใช้วัตถุของเจ้าซื้อสิ่งใดในนรกนี้ได้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไป”
สุวรรณคำรามใส่อาวรณ์อย่างเกี้ยวกราด อาวรณ์วิ่งหนีไปโดยไม่รู้ทิศทาง
อาวรณ์วิ่งหนีมาเจอกับวิญญาณบาปดวงหนึ่งถูกล่ามโซ่ตรวนเดินอย่างทุลักทุเล สุวรรณเดินตามหลังมา
อาวรณ์เดินไปสะกิด วิญญาณดวงนั้นหันมาพบว่าตากลวงโบ๋ ไม่มีดวงตา เลือดไหลซึมอยู่เต็ม เมื่ออ้าปากก็พบว่าวิญญาณนั้นไม่มีลิ้น อาวรณ์กรี๊ดๆๆ วิ่งหนีไปอีกทาง
อาวรณ์เดินมาเห็นกระทะทองแดงขนาดใหญ่ วิญญาณดวงแล้วดวงเล่ากระโดดลงไปในนั้น เปลวไฟโหมไหม้สูงท่วม เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ดังระงม อาวรณ์วิ่งหนีไปทาง
จนมาเจอต้นงิ้วมนตำนานขนาดมหึมา จึงหยุดเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นควันหนาคลุมไปทั่วบริเวณกระทั่งมีเลือดหยดติ๋งๆ ลงมาโดนหน้า และพอควันเริ่มจางอาวรณ์เห็นวิญญาณบาปปีนอยู่เป็นจำนวนมาก
มีวิญญาณบาปดวงหนึ่ง ร่วงมาใส่อาวรณ์จะพาไปปืนต้นงิ้ว
ฉับพลันทันใดนั้นเอง แส้ไฟในมือสุวรรณก็ตระหวัดรวบตัวของอาวรณ์ดึงออกมาได้ทัน
“อย่าทำอะไรฉันกลัวแล้ว ฉันจะไม่ทำบาปแล้วฉันกลัวแล้ว”
อาวรณ์กลัวจับขั้วหัวใจ วิ่งเตลิดหนีไปอิ๊ก
อาวรณ์วิ่งหนีมาหลบอยู่มุมหนึ่ง ด้วยความหวาดกลัวในบาปของตน
“ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรฉันเลย”
“วัตถุต่างๆ ของเจ้าใช้ที่นี่ไม่ได้หรอก ไม่มีผู้ใดอยากได้ สิ่งที่พวกเขาอยากได้เห็นจะเป็นเพียง...”
“ขอโอกาส”
อาวรณ์กล่าว พร้อมกับเงยหน้ามองสุวรรณ
“ใช่...โอกาส
“ขอให้ฉันได้ทำความดี ชดใช้ความเลวที่ฉันเคยทำ”
“ทำไมข้าต้องให้เจ้าในเมื่อวิญญาณทุกดวงที่นี่ก็อยากได้”
อาวรณ์ก้มหน้าเศร้า
“ไม่ต้องให้โอกาสฉันก็ได้ แต่ขอให้ฉันได้กลับไปให้โอกาสกับคนที่ติดหนี้ฉัน ให้พวกเขาได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องทุกข์เพราะหนี้ของฉัน”
สุวรรณยิ้มออกที่อาวรณ์คิดได้
“ถ้าความตั้งใจนั้นเป็นของเจ้าจริงๆ ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง”
สุวรรณพาอาวรณ์มาที่งานศพของเมียลูกหนี้ เห็นภาพวางประดับหน้าโลงศพตามมีตามเกิดอาวรณ์จำได้
“นี่มัน”
“ใช่ ลูกหนี้ของเจ้า นางตายวันที่เจ้ามาทวงนี้”
อาวรณ์ตกใจ คาดไม่ถึง
“งั้นคงเป็นมันที่แค้นฉันจนมาตีหัวฉันตนตาย”
“มืดทั้งตา มืดทั้งใจ”
อาวรณ์โกรธขึ้นมาอีก สุวรรณโมโหที่อาวรณ์มีแต่อคตินำชีวิต คิดว่าทุกคนจะร้ายกาจเช่นตน
สุวรรณพาอาวรณ์ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ตอนเสียชีวิต ชายชาวบ้านกำลังเก็บเงินที่ร่วงอยู่ตามพื้น
ลูกหนี้ชายในชุดดำเดินมา เห็นร่างอาวรณ์นอนจมกองเลือดอยู่ เขาก้มมองดูก่อนจะเดินผ่าน แล้วหยุดหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ 191
“มันช่วยฉัน”
“ใช่ เขาช่วยแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเจ้าเป็นคนที่ทำให้เมียเขาตาย”
เมื่อรู้ความจริง อาวรณ์เดินเข้าไปคุกเข่าที่หน้าโลงศพ
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันยกโทษให้”
อาวรณ์เงยหน้าขึ้นหันไปมองทางเสียง เห็นวิญญาณลูกหนี้ยืนมองอยู่
“พี่เขาก็ยกโทษให้คุณนาย เขาบอกฉันเสมอว่าติดหนี้คุณนายก็ต้องหามาใช้”
อาวรณ์สำนึกผิดจากใจ “ฉันขอโทษ ลูกเธอก็ยังเด็ก เธอต้องตายก็เพราะฉัน”
“ฉันป่วยตาย เพราะฉันป่วยพี่เขาก็เลยหาเงินคนเดียว เงินก็เลยไม่พอใช้ฉันต้องขอโทษคุณนายด้วย ถ้าจะโทษใครก็เป็นเพราะฉันด้วยที่ใช้เงินเกินตัว จนต้องกู้หนี้ยืมสิน”
อาวรณ์คุกเข่าร้องไห้
“เธอคิดดีแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกผิด”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะฉันอภัยให้ และพี่เขาก็คงอภัยให้พี่เหมือนกัน”
วิญญาณแม่ มองไปที่ลูกและผัวที่นั่งอยู่หน้าโลงศพเงียบๆ อย่างสงบ
วิญญาณเมียเดินไปโอบกอดลูกและผัวไว้ เหมือนผัวและลูกรู้สึกตัว อาวรณ์ร่ำไห้อยู่อย่างนั้น
“หวังว่าเหตุการณ์นี้มันจะเปลี่ยนความคิดของเจ้า”
“นี่ฉันทำอะไรลงไปบ้างเนี่ย”
“มีอีกคนที่เจ้าควรจะขอโทษก่อนจะจากเขาไป”
คืนนั้น มีเพื่อนๆ ผัวเมียกันมาเยี่ยม อาวรณ์นอนเป็นผักอยู่บนเตียง วิเวกนั่งเฝ้าตลอดเวลา คอยจับมืออยู่ข้างๆ เตียง สุวรรณและอาวรณ์กลับจากท่องนรกปรากฏกายขึ้นมาในห้อง
“คุณวิเวก”
วิเวกจับมืออาวรณ์ลูบอย่างอ่อนโยน
“ตื่นขึ้นมาสิคุณ อย่าหลับแบบนี้ผมเหงาหู”
“ฉันมาเยี่ยม” เพื่อนบอก
“ขอบคุณมาก”
“นายเป็นไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก อยากให้คุณอาวรณ์เธอฟื้นขึ้นมา”
“เห็นตอนอยู่คุณอาวรณ์ชอบทำเรื่องปวดหัวให้คุณไม่ใช่หรือคะ” เมียเพื่อนว่า
“ก็เห็นทะเลาะกันตลอด”
วิเวกเงียบไป อาวรณ์หันหลังเดินหนีเพราะกลัวว่าจะได้ยินคำที่ทำร้ายใจตนเอง
“ไปกันเถอะ ฉันพร้อมไปรับกรรมของฉันแล้ว”
“ไม่อยากฟังเหรอว่าผัวเจ้าจะว่าอย่างไร” สุวรรณทักท้วง
“ฉันอยู่เขาด่าฉันทุกวัน ฉันตายแล้วก็คงไม่ต่างกัน”
อาวรณ์จะเดินหนี จนวิเวกเอ่ยขึ้นว่า
“เธอแค่หลง แต่อาวรณ์ของผม เนื้อในเธอเป็นคนดี”
อาวรณ์หยุดฟัง
“ไม่เช่นนั้นผมคงไม่เลือก เธอมาแต่งงานด้วยหรอก เธอสวยทั้งภายในและภายนอก วันหนึ่งเธอต้องคิดได้และกลับมาเป็นคนเดิม”
อาวรณ์ซึ้งใจ ยิ้มทั้งน้ำตา ค่อยๆ หันกลับมาหา
“คุณวิเวก”
เพื่อนวิเวกกับเมียหน้าเสีย
“งั้นขอให้คุณอาวรณ์หายเร็วๆ นายเองก็ดูแลตัวเองด้วย”
อาวรณ์สงสารสามีที่ตนเองเคยร้ายและสร้างเรื่องให้กับสามีมาตลอด
“ฉันขอโทษนะ ที่เคยสร้างเรื่องให้คุณตลอด ถ้ามีโอกาสฉันจะปรับตัว เป็นเมียที่ดีของคุณ บุญฉันเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นเมียคุณ”
“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว”
อาวรณ์ก้มลงกราบเท้าสามี
“ฉันขออโหสินะคุณ ฉันลาละ”
สุวรรณหลับตา เหมือนตั้งจิตส่งอาวรณ์ไปลงนรก
รุ่งเช้า นิดหน่อยถือปิ่นโตกับข้าว ลากจุกที่ขัดขืนออกมาที่ประตูร้าน
“เดี๋ยวก่อนพี่ จะไปไหนแต่เช้า”
“เออน่า”
“จะไปหาแม่เหรอ”
ยมเดินเข้ามาสมทบ บอกขึ้นว่า “ไม่ใช่”
“พี่ยมรู้ได้ยังไง”
“ก็แค่เดา ตกลงจะไปไหน”
“ไม่บอก” นิดหน่อยเร่งจุก “จะไปไม่ไป”
“ไม่ไป” จุกทำเป็นเล่นตัว
“ไปเถอะฉันขอ” นิดหน่อยอ้อน
“ไปเถอะจุก”
ยมยิ้มให้จุก ยินดีที่ครอบครัวนี้จะมีความสุขขึ้นมาอีกขั้น
นิดหน่อยเดินนำไป จุกทำหน้างอแง แต่สุดท้ายก็ยอมตามไป
“ฉันไปด้วยนะ” ยมบอก
“ไปทำไม”
“ไปให้กำลังใจ”
ยมจ้องหน้านิดหน่อยยิ้มๆ นิดหน่อยยิ้มเขินอาย
“จะไปก็รีบๆ”
ทั้งสามเดินออกไปด้วยกัน โดยมีโรเบิร์ตเอามือถือแอบถ่ายรูปอยู่มุมหนึ่ง
อาจารย์ขาวขยายดูสร้อยจากรูปในไอแพด
“สร้อยไหลน้ำพี้จริงๆ ด้วย”
“มันคืออะไรหรืออาจารย์”
“ของที่มีพุทธคุณยอดเยี่ยมที่สุด ถ้าข้าได้มาอยู่กับข้ารับรองว่าพวกเรารวยไม่รู้เรื่องแน่ๆ”
อาจารย์ขาวตาลุกวาวด้วยความโลภ
ฝ่ายยุพาถือมือถือลงบันไดมา เห็นชนกนั่งดูรูปในไอแพดอยู่ในโถงบ้านจึงเดินไปเอาเรื่อง
“ถ้าคุณยังลืมลูกลืมเมียไม่ได้ คุณจะมาอยู่กับฉันทำไม”
ยุพาโชว์มือถือใส่หน้าผัว
“ไม่ต้องทำงง ฉันเห็นคุณคุยไลน์กับลูกชายคุณหมดแล้ว ทำไม อยากกลับไปคืนดีกับเมียเก่า แล้วก็ไปให้ความอบอุ่นลูกใจแตกของคุณรึไง
ชนกโมโหที่ยุพาด่าว่าลูก
“ลูกผมไม่ได้ใจแตก คุณต่างหาก”
“คุณชนก”
ชนกส่งมือถือให้ยุพาดู ยุพาเลื่อนดู เห็นรูปตัวเองตอนนัวเนียกับผู้ชายหลายรูปก็ฉุนกึก
“นี่คุณให้คนสะกดรอยตามฉันเหรอ”
“ไม่งั้นผมจะรู้เหรอว่าคุณชั่วขนาดนี้”
“ชั่ว คุณกล้าว่าฉันขนาดนี้แลยเหรอ”
“ทำไมผมจะไม่กล้า”
“ดีเหมือนกัน ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว”
“ใครกันแน่ที่ต้องทน”
“ฉันสิ ต้องทนผัวแก่ๆ จะตายวันตายพรุ่ง อย่างแก สมบัติก็ไม่ยกให้ฉันซะที”
ชนกหน้าเครียด โกรธจัด
“ผมถามจริงๆ นะยุพา คุณเคยรักผมบ้างมั้ย”
“รัก...แต่ไม่ใช่คุณ เป็นสมบัติของคุณ”
ชนกหน้าเสีย ยุพาเดินเข้าไปใกล้ๆ ชนก กระซิบข้างหู
“ที่ทนอยู่ทุกวันก็เพราะเงิน และตอนนี้ฉันเห็นคนอื่นที่เงินเยอะกว่าคุณ แถมยังหนุ่มและหล่อกว่าคุณเยอะ ลาก่อนไอ้แก่”
ยุพาเดินออกไป พร้อมๆ กับมีเสียงล้มดังโครมใหญ่
นิดหน่อยเดินเข้าบริเวณบ้านชนกมากับจุกและยม นิดหน่อยมีท่าทีตื่นเต้นถึงกับหยุดเดิน จุกเดินนำไป
“กลัวเหรอ”
“อืม”
“การมาที่นี่สำหรับคุณยากที่สุดแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ไม่มีอะไรยากหรอก”
นิดหน่อยพยักหน้ารับ จุดหันมาเร่ง
“รีบมาเร็วสิ”
นิดหน่อยกับยมเดินตามไป
นิดหน่อย จุก ยม เดินเข้ามาในโถงบ้านชนกแล้ว จุกตะโกนเรียกหา
“พ่อครับ พ่อ”
ทุกอย่างเงียบกริบ ทั้งสาม มองไปรอบๆ บ้านแต่ไม่เจอใคร ยมหันไปมองมุมหนึ่งเห็นวิญญาณชนกในสภาพเลือดอาบโชกหัวยืนอยู่ก็ตกใจ
“คุณชนก”
จุกกับนิดหน่อยมองตามยมไปแต่มองไม่เห็น
“เลือด”
นิดหน่อยมองไปเห็นเลือดไหลนองออกมาจากมุมหนึ่ง สามคนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“พ่อ” จุกร้องลั่น
ชนกนอนนิ่งหัวแตกเลือดไหลนองเต็มพื้น นิดหน่อยช็อก ยมมองไป เห็นวิญญาณชนกมองไปที่มุมหนึ่ง ยมมองตามเห็นชายเสื้อของยุพา
ยุพาขวัญเสีย หวาดกลัวสุดขีด ค่อยๆ เดินออกไป
จุกกอดพ่อร้องไห้ นิดหน่อยทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง
วิเวกจับมืออาวรณ์อยู่ตลอดเวลา จนกระมั่งนิ้วมืออาวรณ์เริ่มกระดิก
“คุณอาวรณ์”
วิเวกดีใจมาก กดสัญญาณเรียกหมอ อาวรณ์ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“คุณอาวรณ์”
วิเวกกอดอาวรณ์อย่างดีใจ
“ฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
“ฉันขอโทษ”
สุวรรณแว่บออกมา อาวรณ์มองหน้าสุวรรณเชิงขอบใจ ร่างสุวรรณหายไป
ยุพาช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนีมาอยู่ที่บ้านวิวัฒน์ ซุกตัวอยู่มุมห้องยังหวาดกลัวไม่หาย
“คุณคะคุณ”
ยุพาเนื้อกลัวตัวสั่นสะท้าน ลูกน้องวิวัฒน์ส่ายหน้า กดโทร.หาเจ้านาย
อาวรณ์เซ็นเอกสารอยู่ วิเวกมองสงสัย
“คุณจะทำอะไร”
“ฉันจะยกหนี้ให้ทุกคนค่ะ”
วิเวกแปลกใจ
“ฉันได้จากพวกเขามามากแล้ว ต่อไปเงินที่ฉันมีฉันจะแบ่งไปบริจาคแล้วทำประโยชน์ให้สังคมและคนอื่นๆ บ้าง”
วิเวกยิ้มดีใจ จับมือาวรณ์มากุมลูบเบาๆ “เมียคนเดิมของผมกลับมาแล้วสินะ”
“ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องบอกคุณ”
“เรื่องอะไร”
ด้านนิดหน่อย จุก และยมยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ ยมนิ่งกว่าใครเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“พ่อต้องไม่เป็นอะไร พ่อต้องไม่เป็นอะไร”
จุกเดินวนไปวนมาอย่างร้อนใจ นิดหน่อยเครียดจัด เสียใจเหลือแสน จนเห็นหมอเดินออกมา
“พ่อผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“เสียใจด้วยนะครับ คนไข้เส้นเลือดในสมองแตก และเสียเลือดมากหมอช่วยไว้ไม่ทันครับ”
จุกเซอย่างหมดแรง นิดหน่อยดึงน้องมากอด พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“พ่อ...”
วิญญาณชนกมองภาพนั้นอยู่ข้างๆ สุวรรณ ยมมองสงสาร
ยมเดินตามหานิดหน่อยมาตามทางเดินในตึกผู้ป่วย จนเห็นนิดหน่อยนั่งเศร้าอยู่มุมหนึ่ง
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
“เปล่า”
ยมเดินมานั่งข้างๆ นิดหน่อย
“อยากร้องก็ร้อง กับฉันเธอไม่ต้องเข้มแข็งตลอดก็ได้
ยมดึงหัวนิดหน่อยมาซบไหล่ตน นิดหน่อยสุดกลั้นทำนบน้ำตาพังทลาย เธอปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างรุนแรง
“ฉันคงไม่มีโอกาสได้ขออโหสิกรรมพ่อแล้ว”
“ทุกคนต้องมีโอกาสนั้น”
ภายในห้องเก็บรักษาศพของโรงพยาบาล จุกร่ำไห้กราบเท้าพ่อที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องนั้น วิญญาณชนกยืนอยู่ข้างๆ สุวรรณที่มารอรับ ชนกลูบหัวลูกชายแล้วยิ้ม
ยมเดินเข้ามากับนิดหน่อย พยักหน้าให้เธอเข้าไปกราบศพพ่อ นิดหน่อยเดินเข้าไปก้มกราบเท้า
“นิดหน่อยขอโทษ ที่นิดหน่อยมัวแต่โกรธพ่อที่พ่อทิ้งพวกเรากับแม่ไป จนลืมมองเห็นถึงความเป็นลูก ที่ต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่อุ้มชูเรามา ตอนนี้นิดหน่อยคิดได้แล้ว นิดหน่อยขอโทษพ่อ...และขออโหสิกรรมให้พ่อทุกอย่าง และขอให้พ่ออโหสิกรรมให้นิดหน่อยด้วย”
ชนกพยักหน้ารับอยู่มุมหนึ่งร่ำไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน
“สิ่งเดียวที่นิดหน่อยจะทำให้พ่อได้ในฐานะลูกก็คือ ขอให้พ่อไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงน้อง ไม่ต้องห่วงแม่ นิดหน่อยจะดูแลทั้งสองคนเอง”
จุกปล่อยโฮ ชนกก็ปล่อยโฮตาม
“นิดหน่อยรักพ่อค่ะ”
จุกเงยหน้าขึ้น เห็นวิญญาณพ่ออยู่ตรงหน้า
“พ่อ”
นิดหน่อยมองหาแต่ไม่เจอ สุวรรณพยักหน้าให้ชนกเชิงบอกว่าหมดเวลาแล้ว
“บอกพี่เค้าด้วยว่าพ่ออโหสิกรรมให้ และพ่อก็รักลูกเสมอมา”
จุกร้องไห้โฮ พยักหน้ารับเอาคำ วิญญาณชนกหายไป จุกร้องออกมาสุดเสียง
“พ่อ.....”
“ไหนพ่อ พ่ออยู่ไหน พ่อจ๋า”
“พ่อไปแล้วพี่”
“นิดหน่อยขอโทษ”
จุกจับมือพี่สาวมากุมพลางบอก
“พ่อบอกว่าอโหสิกรรมให้พี่ และพ่อรักพี่เสมอมา”
จุกกับนิดหน่อยโผกอดกัน ยมมองด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
“จงทำดีต่อกันเถิดเมื่อยังมีโอกาสและลมหายใจ”
อ่านต่อ ตอนที่21