มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 17 | ฮอลิเดย์เศร้า
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
นิดหน่อยมาตามยมถึงในบ้าน ให้ไปขึ้นรถที่หน้าร้านขนม ยมเดินลงบันไดลงมาจากชั้นบนพอดี แต่งตัวหล่อเฟว่อร์
“คุณเร็วเข้า คุณสนกับคุณอารยาเค้ามารอแล้วนะ”
“อ้าวมาแล้วเหรอ”
“โอ้โหคุณจะไปทะเลต้องแต่งตัวขนาดนี้เลยเหรอ”
“แล้วทำไม มันแปลกตรงไหน”
“ก็ร้อนจะตายคุณแต่งตัวอย่างนี้ไปไม่ได้ เดี๋ยวก็ได้เป็นลมกันพอดี”
“อะงั้น เดี๋ยวเราไปเปลี่ยน แต่เดี๋ยวขอหยิบหนังสือก่อน”
ยมเดินไปเก็บหนังสือที่โต๊กลางโซฟา
นิดหน่อยมองตามยมไปเซ็งๆ พลันชะงัก นิ่งนึก เพราะมันดูคล้ายๆ ในฝันเมื่อคืน
แม่ค้าขนมคนสวยตัดสินใจหลับตา ค่อยๆ ก้มลงมองลอดหว่างขาไปที่ยมอย่างตื่นเต้น แต่พอลืมตามองก็พบว่ายมเดินหนีไปก่อนเห็นแต่ขา นิดหน่อยหันองศาก้นเขยิบไปในทิศทางที่ยมเดินไป และกำลังจะก้มลงมองอีกครั้ง แต่ยมหันมามองพอดีเลยทำเป็นบิดขี้เกียจแก้เก้อ ยมมองฉงนว่านิดหน่อยทำอะไร เดินมาหยุดมองข้างๆ ตัว
นิดหน่อยไม่ทันเห็นก้มลงไปมองลอดหว่างขา พอเปิดตามองไม่เห็นยมก็ตกใจ ดีดตัวหันมองหา เห็นยมยืนจ้องอยู่ข้างๆ
“เธอทำอะไรของเธอ”
“เปล๊า...” นิดหน่อยปฏิเสธเสียงสูง
ยมส่ายหน้างงๆ เดินนำออกประตูบ้านไป
“เอาวะตอนนี้แหละ”
นิดหน่อยตัดสินใจก้มลงไปมองอย่างเร็ว แต่สิ่งที่เก็นคือรูปปั้นตัวใหญ่อยู่ตรงหน้า เธอตกใจหลับหูหลับตาวิ่งหนีจนจะไปชนประตู ยมหายตัวมารับ นิดหน่อยวิ่งมาชนยมจังๆ ปากประกบปากยมอย่างไม่ตั้งใจ นิดหน่อยตะลึง ทั้งคู่เหมือนตกอยู่ไหนพวังค์ ยมได้สติก่อนดึงร่างนิดหน่อยออกต่อว่าเอา
“เธอนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ”
“อีตาบ้านคุณนั่นแหละ แกล้งชั้น เร็วเข้าคนอื่นเค้ารอแล้ว”
นิดหน่อยฟาดอกยมแก้เขินก่อนจะวิ่งตื้อออกไป
ตอนสาย ดาวกับต่อเดินมาเข้าที่หน้าร้านขนมด้วยกัน เจอกับนิดหน่อยที่เดินถือกระเป๋าสัมภาระออกมาจากร้านพอดี นิดหน่อยยิ้มหยอกๆ
“แหม...ต้องมาส่งกันถึงที่เชียวนะ”
“มาส่งอะไรล่ะ ต่อจะไปกับเราด้วย”
“ฮะ...ไปด้วยกันเหรอ” นิดหน่อยตาโต
ต่อยิ้มรับ “ทำไม...ไปด้วยไม่ได้”
“ได้สิ...ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
นิดหน่อยดึงดาวไปบ่นบ้าเบาๆ กันสองคน
“นี่ แกพาต่อมาด้วยแบบนี้มันก็ครบคู่พอดีน่ะสิ”
“ทำไม กลัวต้องไปนอนกับคุณยมงั้นเหรอ”
นิดหน่อยอึกอัก “เออสิ”
ยมแต่งตัวหล่อจัดเต็ม ใส่รองเท้าหนังสวมกางเกงขายาวเข้ารูปคัทติ้งเนี้ยบ เสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยสูทเข้ารูปคูลๆ ลากกระเป๋าเดินทางมาสมทบ มาดอย่างเท่
นิดหน่อย ดาวและต่อมองยมตาค้าง อ้าปากหวอ
“คุณพระ นี่เค้าจะไปทะเลหรือไปเดินแฟชั่นวีคที่ไหนวะแก”
นิดหน่อยมองค้อน “นั่นดิ มิลานแฟชั่นวีค”
“หวัดดีครับ”
ต่อกะดาวทักตอบมองยมอึ้งๆ “หวัดดีค่ะ” / “หวัดดีครับ”
ยมชักงง “มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมมองผมแปลกๆ”
นิดหน่อยมองจ้อง “นี่เราไปเที่ยวทะเลกันนะคุณ ไม่ได้ไปเดินแบบ”
ยมพยักหน้ารับ หน้าตาย “ผมรู้”
“รู้แล้วแต่งตัวแบบนี้มาเนี่ยนะ”
“อ้าว แล้วผมต้องแต่งตัวยังไงอ่ะ”
นิดหน่อยชี้ไปที่ต่อ “นี่ไง แต่งสบายๆ แบบต่อนี่ก็พอ ถามจริง คุณเคยไปเที่ยวทะเลมั้ยเนี่ย”
ยมอึกอักๆ “เคยสิ...เค้ย”
“แล้วคุณแต่งตัวแบบนี้ไปน่ะเหรอ”
ยมพยักหน้ารับซื่อๆ “ใช่”
นิดหน่อยเหนื่อยใจ ประชดส่ง “ล้ำมากค่ะ”
ยมงงไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายประชดแดกดัน “สรุปมันดีหรือไม่ดีกันแน่”
“ที่ว่าล้ำน่ะ ชั้นประชดค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมเตรียมเสื้อผ้ามาเยอะ เดี๋ยวผมเปลี่ยนก็ได้”
ยมมองหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นรถตู้หรือรถขนของคันหนึ่งจอดอยู่ ยมลากกระเป๋าไปทันที
นิดหน่อยตาเหลือก “โอ้โห...นั่นจะไปเปลี่ยนตรงนั้นเลยเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผู้ชายน่ะ” ต่อว่า
รถตู้วิ่งเข้ามาจอด สนกับอารยานั่งมาด้วย อารยาเปิดประตูลงมาจากรถ
“พร้อมกันรึยังคะ”
“เดี๋ยวรอคุณยมแป๊บนะคะ”
“โอเคค่ะ”
ชั่วเวลาตดกลิ่นไม่ทันจาง ยมก็เดินลากกระเป๋าออกมาในชุดลำลองคูลๆ สไตล์เที่ยวทะเล
“พร้อมแล้วครับ”
นิดหน่อยประหลาดใจ “เฮ้ย..เร็วไปมั้ย”
“นั่นดิ อย่างกับเล่นมายากล” ดาวทึ่ง
“พร้อมแล้วก็ไปกันเถอะค่ะ” อารยาบอก
ทุกคนเดินขึ้นรถตู้ ก่อนที่รถตู้จะแล่นออกไป
เหตุการณ์ที่นรกภูมิเขต7
“จากการทดสอบครั้งล่าสุด ชัดเจนแล้วว่า นิดหน่อยโดนวิญญาณเข้าสิงได้ง่าย”
สุวรรณสรุปการพิสูจน์ตัวตนนิดหน่อยในครั้งที่แล้ว ต่อหน้าสุวานกับมัจจุราชเขต7 ที่นั่งหารือกันอยู่ในออฟฟิศ
“สอดคล้องกับสถิติที่ว่า คนตายแล้วฟื้น จะถูกวิญญาณเข้าสิงได้ง่าย” เขต7 ว่า
“หลักฐานเริ่มชัดแบบนี้ ท่านจะทำยังไงกับนิดหน่อยต่อครับ” สุวานถาม
“ตอนนี้เขต8 น่าจะเฝ้าระวังนิดหน่อยเป็นพิเศษ คงจะทำอะไรลำบากมากขึ้น”
ทั้งสามนิ่งงันกันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สุวรรณจะเปิดประเด็นใหม่
“ไม่รู้ว่าคิดเหมือนกันรึเปล่านะครับ แต่ผมคิดว่าท่านเขต8 กำลังหวั่นไหวกับนิดหน่อยอยู่”
สุวานงง “หวั่นไหวแบบไหน”
“เหมือนจะมีความรักน่ะสิ”
สุวานหันมามองเขต7 “ท่านคิดเหมือนกันมั้ยครับ”
มัจ7 ยิ้มกระหยิ่ม “พอรู้ว่าเราเอาวิญญาณไปสิงร่างนิดหน่อยแล้วโกรธหัวร้อนขนาดนั้น มันก็น่าจะเป็นอย่างที่สุวรรณคิดนั่นแหละ”
“ไม่น่าเชื่อเลย ว่ามัจจุราชรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างท่านเขต8 จะมาเสียท่าทำผิดกฎด้วยเรื่องแบบนี้” สุวานว่า
“กระดูกมันคนละเบอร์กัน นี่ถ้าเขต8 รักนิดหน่อยขึ้นมาจริงๆ สนุกกันใหญ่แน่”
มัจ7ยิ้มร้ายสมใจ ถ้าเขต8 รักนิดหน่อยขึ้นมาจริงๆ จะได้มีเรื่องโจมตีเพิ่มอีกเรื่อง
เช้าเดียวกัน วิวัฒน์ถือกระสุนปืนอยู่ในห้องโถงบ้าน ตรงหัวกระสุนมีอักขระขอมจารเป็นคาถาบางๆ
วิวัฒน์เอากระสุนลงอาคมใส่แม็กกาซีน จนเห็นลูกน้องเดินเข้ามา
“นายครับ”
“ว่าไง”
“ทางชายแดนส่งข่าวมาแล้วครับ ยาล็อตใหม่กำลังจะเดินทางมาถึงจุดขนถ่ายเร็วๆ นี้”
รุจิภาเดินลงมาจากบนบ้าน พอได้ยินวิวัฒน์คุยกับลูกน้องอยู่ก็หยุดแอบฟัง
“อืม...”
“แต่ครั้งนี้เปลี่ยนจุดขนถ่ายนะครับ เห็นว่าจะลำเลียงมาทางเรือ แล้วขึ้นพักที่บ้านริมทะเลหลังหนึ่ง ส่วนพิกัดของบ้าน เดี๋ยวจะส่งมาให้อีกทีครับ”
“โอเค แจ้งกลับไปว่าทางเราสแตนด์บาย เดี๋ยวชั้นจะไปขนมาด้วยตัวเอง”
“ครับนาย”
รอจนลูกน้องเดินออกไป รุจิภาเดินเข้าไปหาวิวัฒน์ ท่าทางซีเรียสจริงจัง
“เมื่อกี๊คุณคุยเรื่องอะไรกับลูกน้องคะ”
วิวัฒน์บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องงานน่ะ”
“รุจิได้ยินเรื่องยา...ยาอะไรเหรอคะ”
วิวัฒน์นิ่งไปครู่หนึ่ง อยากจะลองใจว่ารุจิภาอยู่ในโอวาทสักแค่ไหน เลยบอกความจริงออกไป
“ยาบ้าน่ะ”
“อ๋อ...”
รุจิภาเพียงพยักหน้า แล้วเข้าไปนั่งกอด ออดอ้อนออเซาะวิวัฒน์
“หิวรึยังคะ ออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันมั้ย”
“ไปรอผมที่รถเลย เดี๋ยวผมตามออกไป”
“โอเคค่ะ”
รุจิภาหอมแก้มวิวัฒน์แล้วเดินออกจากบ้านไป
วิวัฒน์ยิ้มย่องสมใจ ที่รุจิภาต้องมนต์จนไม่มาก้าวก่ายเรื่องงานของตัวเอง
รถตู้วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักริมทะเลหลังนั้น เป็นบ้านหลังใหญ่ประมาณ 3-4 ห้องนอน ทุกคนทยอยลงจากรถ
สนลงมาเป็นคนสุดท้ายมีอาการอ่อนเพลียจากการเดินทางให้เห็น ทำท่าเหมือนหน้ามืด แต่อารยาช่วยประคองไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ สงสัยเพราะนั่งรถมานานน่ะ”
“ดมยาหม่องหน่อย จะได้สดชื่น”
อารยาเอายาหม่องมาแต้มจมูกให้สนอย่างแผ่วเบา
ยมมองดูสนกับอารยาแล้วยิ้มออกมาบางๆ รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ทั้งสองมีให้กัน
นิดหน่อยมองดูยมแล้วยิ้มบางๆ ที่ได้เห็นมุมอ่อนโยนของเขา
ยมเห็นนิดหน่อยกำลังจ้องมองอยู่ก็สะดุ้งนิดๆ แก้เก้อด้วยการช่วยคนขับรถยกกระเป๋าสัมภาระลง
ระหว่างนี้ มีแม่บ้านถือกุญแจเดินเข้ามาถามหาอารยา
“คุณอารยาคนไหนคะ”
อารยายกมือแสดงตัว “ชั้นเองค่ะ”
แม่บ้านส่งกุญแจให้ “นี่กุญแจห้องค่ะ แยกชุดมาให้ 3 ห้องนอน”
“ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีค่ะ มีอะไรก็โทรหาได้ตลอดเวลานะคะ”
“ค่ะ”
แม่บ้านเดินออกไป อารยาเริ่มแจกจ่ายกุญแจห้องส่งกุญแจให้ต่อ
“นี่ของคุณต่อกับคุณดาวค่ะ”
ต่อรับกุญแจมา ยิ้มบอก “อ๋อ เดี๋ยวผมนอนกับคุณยมน่ะครับ”
“อ้าว แล้วคุณนิดหน่อยล่ะคะ”
“นิดหน่อยนอนกับดาวน่ะค่ะ”
อารยามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะยังเข้าใจว่ายมกับนิดหน่อยเป็นแฟนกันอยู่
“พอดีมีเรื่องเม้าท์มอยกันตามประสาผู้หญิงน่ะค่ะ นอนห้องเดียวกันเม้าท์กันได้เต็มที่หน่อย”
“อ๋อ” อารยาส่งกุญแจห้องให้นิดหน่อย “นี่ค่ะ กุญแจ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เก็บสัมภาระเสร้จแล้วค่อยมารวมตัวกันตรงนี้นะครับ”
ยม สน และอารยาพากันเดินเข้าไปในบ้าน นิดหน่อยแอบกระซิบต่อ
“อย่าลืมที่คุยกันไว้นะ”
“ได้ เดี๋ยวจะคอยดูให้”
ดาวไม่รู้เรื่อง “ดูอะไรเหรอ”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”
ต่อ ดาวและนิดหน่อยพากันเดินเข้าไปในบ้าน
ดาวมีสีหน้าประหลาดใจ หลังจากรู้ว่านิดหน่อยบอกให้ต่อสังเกตพฤติกรรมของยม
“ฮะ ให้ต่อดูพฤติกรรมคุณยมงั้นเหรอ”
นิดหน่อยเอาสัมภาระออกจากกระเป๋าไปพูดไป
“ทำไมดูตกใจเบอร์นั้น”
“ก็ชั้นงงนี่ จะดูพฤติกรรมคุณยมเค้าเพื่อ” ดาวเอะใจ “เอ๊ะ ดูพฤติกรรมกันแบบนี้ อย่าบอกนะว่า…”
“ว่าอะไร”
“ว่าชอบเค้าเข้าให้แล้วน่ะสิ”
นิดหน่อยเสียงสูง “บ๊า”
“ถ้าไม่ชอบเค้า แล้วแกจะดูพฤติกรรมเค้าไปทำไม”
“ชั้นให้ต่อดูพฤติกรรมเค้าก็เพราะคุณยมเค้าไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ”
“ไม่ธรรมดายังไง”
นิดหน่อยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “มีคนลือกันว่าคุณยมมีพลังวิเศษน่ะสิ”
“เหรอ ยืมมาแต้มสิวหน่อยสิ ชั้นลืมเอามาน่ะ”
“ไม่ใช่ผงวิเศษ พลังวิเศษ เวทย์มนต์คาถาอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ”
ดาวไม่เชื่อนัก “หน้าตาอ๊ปป้าอย่างคุณยมเนี่ยนะ จะมีอะไรอย่างที่แกว่า ไม่อยากจะเชื่ออ่ะ”
“ชั้นถึงจะต้องพิสูจน์นี่ไง”
นิดหน่อยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย ที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้
นิดหน่อยนั่งใช้ความคิดอยู่ คิดถึงตอนที่ยมวาร์ปมารับเธอได้เหมือนหายตัวมารับ ตั้ง 2 ครั้ง 2 ครา โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เธอจึงอยากพิสูจน์ว่าถ้าเธอจะตกลงไปในน้ำ เค้าจะมาช่วยมั้ย
นิดหน่อยเตี๊ยมกับต่อ ให้คอยถ่ายคลิปวิดีโอด้วยมือถือให้ ทั้งคู่ค่อยๆ ย่องออกมาจากห้องพัก จนเห็นยมยืนอยู่ตรงริมสระว่ายน้ำ จึงทำเป็นเดินมายืนใกล้ๆ มองหน้ายมชวนคุย
“อากาศร้อนจังเลยเนาะคุณ”
ยมไม่ตอบอะไร เหมือนกำลังคิดเพลินๆ
“ชั้นรู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมยังไงไม่รู้”
“ถ้าเค้ามารับฉันไว้แปลว่าเค้าต้องมีพลังพิเศษแน่ๆ เธอถ่ายไว้นะต่อ” เธอบอกต่อก่อนหน้านี้
นิดหน่อยแกล้งเป็นลมล้มพับไปที่พื้นตั้งหลายที แต่ยมก็ยังไม่ได้ยิน แถมเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
“หรือมันไกลไปอ่ะ ลองเขยิบเค้าไปใกล้ๆ อีกหน่อยดีกว่า” เธอพึมพำเบาๆ
ต่อยกกล้องเตรียมพร้อมถ่าย นิดหน่อยตัดสินใจทิ้งตัวลงในสระ ยมเพียงหันมามอง เห็นนิดหน่อยตกลงในสระว่ายน้ำเปียกปอนทั้งตัว และทะลึ่งพรวดขึ้นมาร้องโวยวาย
“ทำไมคุณไม่ช่วยชั้นอะ”
ยมหันมามองยิ้มๆ อย่างรู้ทัน แล้วเดินจากไป นิดหน่อยเจ็บใจมองหน้าต่อเซ็งๆ ต่อหัวเราะขำๆ
ฝ่ายสนนอนหนุกตักอารยานั่งอยู่บนม้านั่งริมชายหาดสองต่อสอง อารยาปอกแอปเปิ้ลป้อนให้สน บรรยากาศรายรอบโรแมนติกเต็มไปด้วยความสุข
“หวานมั้ย”
“มาก”
สนจับมืออารยาแล้วจุ๊บที่ปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา เหมือนชิมรสมือของอารยา
“แต่หวานกว่าแอปเปิ้ล ก็มีแต่ยานี่แหละ”
อารยาเขิน สบตาสนเป็นประกาย “ยารักพี่สนนะ..รักที่สุดเลย”
“พี่ก็รักยาจ้ะ”
อารยากับสนสวมกอดกันอย่างมีความสุข
ยมยืมมองสนกับอารยาจู๋จี๋กันอยู่ที่มุมหนึ่ง พลอยสุขใจกับภาพที่เห็น
สนกระแอมกระไอด้วยความรู้สึกระคายคอ
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“คอแห้งๆ น่ะ”
อารยามองหาน้ำในตระกร้า “ไม่ได้เอาน้ำมาอีก งั้นเดี๋ยวยาไปเอาน้ำมาให้นะ”
“จ้ะ”
อารยาลุกเดินออกไป ยมเดินเข้าไปนั่งคุยกับสน
“เป็นยังไงบ้าง”
“ดีครับ ขอบคุณนะครับ ที่มาเที่ยวด้วยกัน”
ยมมองออกไปที่ท้องทะเล “ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะ”
สนมองออกไปลิบตาที่ท้องทะเลด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เมื่อนึกถึงความหลังที่ยังประทับใจ
“ยาชอบทะเลน่ะครับ และทะเลก็เป็นที่ที่เราได้เจอกันครั้งแรก”
“อ๋อ...”
“ผมอยากให้การมาเที่ยวครั้งนี้ อยู่ในความทรงจำของยาตลอดไปครับ”
“นี่นายสนใจอารยามากกว่าตัวเองอีกนะเนี่ย”
สนมองหน้ายม “นี่แหละครับรักแท้ ที่ผมเคยเถียงกับท่านตอนลงไปนรกใหม่ๆ ไงครับ”
“การสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง คือความรักอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ สำหรับผม มันคือความรักที่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่ารักแท้นั่นเอง”
อารยาถือขวดน้ำเดินเข้ามาพร้อมกับนิดหน่อย พอเห็นยมกับสนกำลังคุยกันก็พากันหยุด ยังไม่เข้าไปขัดจังหวะ
ยมตบไหล่สนให้กำลังใจ มีพลังบุญส่งจากยมไปที่สนด้วย ทำให้เขาดูสดชื่นขึ้น
“ขอให้นายกับอารยามีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่นะ”
“ขอบคุณนะครับ”
อารยายิ้มชื่นกับภาพยมปลอบและให้กำลังใจสน
“คุณยมดูเป็นห่วงพี่สนเหมือนกับคนที่รู้จักกันมานานเลยนะคะ มิน่าล่ะ พี่สนถึงอยากให้คุณยมมาเที่ยวด้วยกัน”
“มีมุมอ่อนโยนแบบนี้กับเค้าเหมือนกันนะ”
นิดหน่อยพึมพำเบาๆ มองจ้องยมที่กำลังตบไหล่พูดให้กำลังใจสน คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา
ที่บ้านวิเวกเย็นเดียวกันนั้น อาวรณ์นั่งดูโฆษณานาฬิกาหรูในนิตยสารอยู่ที่โซฟาโถงรับแขก ไม่นานนักวิเวกกลับจากที่ทำงานเดินเข้าบ้านมา ลงนั่งข้างๆ เมีย
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอคุณ”
“จะให้ออกไปไหนล่ะคะ พูดอย่างกับชั้นเป็นคนชอบหนีเที่ยวอย่างนั้นแหละ”
“ผมไม่ได้ว่าคุณชอบหนีเที่ยว ก็คิดว่าจะออกไปทำบุญกับเพื่อนๆอีกน่ะ”
“อ๋อ...มองเมียแง่ดีแบบนี้ น่ารักจริงๆ”
“แล้วไปตัดหวายลูกนิมิตมาเป็นไงบ้างล่ะ”
อาวรณ์ยิ้มหน้าบาน “อิ่มบุญสิคะ ดูหน้าอันผ่องใสของชั้นสิ ไม่ต้องไปเมโสหน้าใสให้เสียเวลาเลย”
“ดีแล้วล่ะ คนเราสวยออกมาจากข้างในน่ะดีที่สุดแล้ว แล้วดูนาฬิกาอยู่เหรอ”
“ก็เล็งๆ ไว้น่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะมีใครใจดีซื้อให้รึเปล่า”
“ชอบเรือนไหนก็บอกสิ เดี๋ยวผมซื้อให้”
“น่ารักที่สุด มากอดทีซิ”
อาวรณ์กับวิเวกโผเข้ากอดกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พอลับหลังอาวรณ์มีสีหน้าเข้มขรึมนึกในใจว่ามึงไม่ได้แอ้มกูหรอกว๊อย
เช่นกัน วิเวกมีสีหน้าเข้มขรึม นึกในใจว่าถ้าพลาดมาถึงเป็นเมียก็จะเอาเข้าคุกได้เว้ยเฮ้ย
อาวรณ์ดันร่างสามีออกมามองจ้อง วิเวกรีบเปลี่ยนสีหน้าเข้มขรึมเป็นยิ้มแย้ม
“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“ซาบซึ้งน่ะค่ะ อยากสบตาเธออีกสักครั้ง อ่ะ กอดต่อ”
อาวรณ์ดึงวิเวกมากอดอีกครั้ง สองผัวเมียต่างทำหน้าเจ้าเล่ห์ลับหลังกัน
ที่เขต7 สุวานนั่งเปิดดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน สุวรรณเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสาร 2 ซอง
มองหาเขต7 “เจ้านายล่ะ”
“อ้าว ไม่ได้ออกไปกับเจ้าอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่นะ ข้าเพิ่งมาจากเขต6 ไปเอาเอกสารการประชุมใหญ่มา”
“เอ๊ะ แล้วเจ้านายหายไปไหนล่ะนี่” สุวาน7 แปลกใจ
“คงไปทำธุระที่ไหนสักที่นั่นแหละ”
สุวรรณยื่นเอกสารซองหนึ่งให้กับสุวาน
“ทางเขต6 ฝากมา ให้เราเอาไปส่งที่เขต8 ให้หน่อยน่ะ”
“ให้ข้าเอาไปงั้นเหรอ”
“ใช่ ข้าขี้เกียจไปเจอพวกนั้นน่ะ คุยกันไม่ค่อยจะเข้าหู”
สุวานยิ้ม รับซองเอกสารไป “ได้ ข้าจัดการให้เอง”
สุวานเดินออกจากห้องไป
ยามเย็นวันนั้น ยมนั่งอยู่ที่มุมสงบมุมหนึ่งริมทะเลลำพัง คำพูดที่คุยกับสนดังขึ้นในห้วงความคิด
“ผมอยากให้การมาเที่ยวครั้งนี้ อยู่ในความทรงจำของยาตลอดไปครับ”
“นี่นายสนใจอารยามากกว่าตัวเองอีกนะเนี่ย”
“นี่แหละครับรักแท้ ที่ผมเคยเถียงกับท่านตอนลงไปนรกใหม่ๆไงครับ”
“การสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง คือความรักอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ สำหรับผม มันคือความรักที่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่ารักแท้นั่นเอง”
ยมครุ่นคิด ระยะหลังมานี้ คิดถึงนิดหน่อยมากกว่าตัวเองบ่อยครั้ง
“การสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองคือความรัก..แล้วที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ล่ะ”
ยมครุ่นคิดด้วยอาการเริ่มสับสนสุดจะประมาณ
สุวาน7 กำลังจะเดินเข้าไปในออฟฟิศเขต8 แต่ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของสุวาน8 ดังขึ้น
“ไม่นะท่าน!”
สุวาน7 หยุดกึกทันที หลบมุมแอบฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
สุวรรณ8 ลุกจากโต๊ะทำงานมาหาสุวาน8
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
“เจ้านายกำลังสงสัยว่าตัวเองมีความรักอยู่น่ะสิ”
“เฮ้ย มีความรักกับใคร”
“เจ้านายไม่ได้พูดชื่อขึ้นมา แต่ดูท่าแล้วจะเป็นนิดหน่อยรึเปล่า”
สุวาน7 หูผึ่ง นิ่งฟังอย่างตั้งใจ
“เฮ้ย จะใช่เหรอ”
“ถ้าไม่ใช่นิดหน่อยแล้วจะเป็นใครล่ะ”
“เอาอีกแล้วนะเจ้านาย จะทำผิดกฎอีกแล้วเหรอ” สุวรรณหนักใจ
“เอาไงดีล่ะ ถ้าเจ้านายเกิดมีความรักขึ้นมานี่ยุ่งเลยนะ”
“ใจเย็นๆ อาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้”
สุวาน7 รีบหันตัวเดินกลับออกไปโดยเร็วพร้อมข่าวเมาท์ข่าวใหญ่สะเทือนนรก
ด้านยมสูดลมหายใจลึกๆ พูดบอกกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ เราไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับนิดหน่อย”
ยมลุกเดินออกไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ
ที่นรกภูมิเขต7 เขต7 ยิ้มย่อง เมื่อฟังรายงานจากสุวาน7 จบลง
“เขต8กำลังจะมีความรักอย่างนั้นเหรอ”
สุวานกับสุวรรณนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ผมได้ยินมันคุยกันว่า อาจจะเป็นนิดหน่อยด้วยซ้ำนะครับ”
“จริงสิ”
“ใช่ ถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องวิญญาณที่หายไปในเขตเรา ก็น่าเชื่อว่าจะเป็นนิดหน่อยนี่ล่ะ”
“อะไรๆ มันชักจะเข้าเค้ามากขึ้นทุกทีนะครับท่าน”
“ใช่ ชัดเจนขนาดนี้ ไม่น่าเป็นอย่างอื่นไปได้”
เขต7 ยิ้มร้าย เมื่อนึกถึงเรื่องที่ยมทำให้เสียหน้าเรื่องสนต่อหน้าท่านท้าวครั้งก่อน
“ครั้งก่อนทำข้าเสียหน้าเรื่องไอ้สนต่อหน้าท่านท้าว ครั้งนี้ข้าจะเอาคืนอย่างสาสมเลยทีเดียว”
“ท่านจะทำยังไงเหรอครับ” สุวรรณอยากรู้จัด
“หาทางนำวิญญาณนิดหน่อยลงมาสอบสวน”
เขต7 บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย จะนำวิญญาณนิดหน่อยลงมาสอบสวนให้จงได้
ที่ท่าเรือริมทะเล เห็นคนงานชายฉกรรจ์ 4 คน กำลังช่วยกันขนลังใส่ยาบ้าหลายลังขึ้นจากเรือเร็วที่จอดเทียบท่าอยู่ ชายหัวหน้าคนงานเดินจากบนฝั่งสั่งการ
“รีบๆ กันหน่อย เดี๋ยวใครมาเห็นจะผิดสังเกต”
“ครับลูกพี่”
คนงานช่วยกันยกลังคนละหลายใบ เดินมุ่งหน้าไปที่บ้านพักริมทะเลหลังหนึ่ง สภาพเหมือนบ้านพักคนรวยทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต
กุ้ง หอย ปู ปลา วางบนตะแกรงย่าง เหนือกองถ่านแดงฉาน
สนและยมช่วยกันปิ้งย่างอาหารทะเลเหล่านี้ คนอื่นๆ จับกลุ่มกินกันอยู่ใกล้ๆ บรรยากาศชื่นมื่นสนุกสนาน
นิดหน่อยมองไปที่สน “คุณสนดูดีขึ้นมากเลยนะคะ เหมือนไม่ได้ป่วยอะไรเลย”
“ค่ะ ยาก็ภาวนาขอให้พี่สนดีขึ้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ”
“มีกำลังใจดีๆ จากคนรอบข้างแบบนี้ไม่ต้องห่วงค่ะ ดาวเชื่อว่าจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
อารยามองไปยังสน ด้วยสีหน้ามีความสุขสุดจะประมาณ
ยมกับสนที่กำลังปิ้งอาหารทะเลกันอยู่ สบตากัน ถึงช่วงเวลาสำคัญที่วางแผนกันไว้
“พร้อมรึยัง”
“ผมซ่อนดอกไม้ไว้ในบ้านน่ะครับ เดี๋ยวเข้าไปเอาก่อนนะ”
“เสียเวลาน่ะ เดี๋ยวเราจัดการให้”
ยมเนรมิตช่อดอกไม้สีขาวต่อหน้าต่อตาสน จนสนตะลึง
“ตะลึงอะไร คนที่ควรจะต้องเซอร์ไพร์สคืออารยา ไม่ใช่เจ้า” ยมยื่นช่อดอกไม้ให้สน “เอาไปสิ”
สนรับช่อดอกไม้ไป “ขอบคุณท่านมากๆ นะครับ”
สนเดินตรงเข้าไปหาอารยาโดยซ่อนช่อดอกไม้ไว้ด้านหลัง
ยมเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลับตาทำสมาธิเนรมิตบรรยากาศโรแมนซ์
ท้องฟ้ามืดมิดเหนือบ้านพักขณะที่สนเดินเข้าไปหาอารยา ปรากฏทางช้างเผือกสุกสกาวสว่างไสวขึ้นมา สนเดินๆ อยู่ต้องหยุดเงยหน้ามอง แล้วหันกลับไปมองยมเชิงขอบคุณ ยมขยิบตาข้างเดียวให้
นิดหน่อยเงยหน้าไปเห็นทางช้างเผือก ก็ตื่นเต้นใหญ่เรียกให้ทุกคนดู
“ทางช้างเผือก”
“เฮ้ย จริงด้วย มาได้ไงอ่ะ” ดาวทึ่งมาก
“นั่นสิ เมื่อกี๊ฟ้ายังมืดๆ อยู่เลย” ต่อก็ทึ่ง
ทุกคนเงยหน้ามองทางช้างเผือกบนฟ้าด้วยอาการตื่นตาตื่นใจ สนเดินเอามือไพล่หลังซ่อนดอกไม้เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าอารยา
อารยางงๆ อึ้งๆ “อะไรเหรอพี่สน”
สนยื่นช่อดอกไม้ให้ “พี่รักยานะ”
อารยาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก จนยมเดินเข้ามาสมทบอีกคน
“รับไว้สิครับคุณยา”
“นี่คุณยมวางแผนกับพี่สนเหรอคะ”
ยมยิ้มรับบางๆ ไม่ตอบอะไรออกมา
“ใช่ คุณยมช่วยพี่วางแผนครั้งนี้เองแหละ”
นิดหน่อยเหลียวไปมองยมด้วยแววตาประทับใจและชื่นชม
“ขอบคุณนะคุณยม”
“ด้วยความยินดีครับ”
อารยารับช่อดอกไม้จากสน ฉับพลันทันใดนั้น พลุก็ถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทุกคนหันไปมอง เห็นว่ามีพนักงานรีสอร์ตแห่งนี้เป็นคนจุด
ใต้แสงสุกสกาวจากทางช้างเผือกและพลุที่ถูกจุดขึ้นสว่างไสว ทุกคนล้วนมีความสุขในบรรยากาศแสนโรแมนติกนี้
นิดหน่อยลอบมองยมด้วยสีหน้าปลาบปลื้มชื่นชม
ด้านวิวัฒน์อยู่ที่บ่อน หัวเราะเบาๆ อย่างขำขัน หลังจากอาวรณ์เล่าเรื่องดัดหลังวิเวกให้ฟัง
“นี่มันมิชชั่นอิมพอสซิเบิลรึเปล่าเนี่ย”
สองคนคุยกันอยู่ตรงมุมเครื่องดื่มภายในบ่อน
“ยังจะมาขำอีก พี่เธอเค้าลงทุนดักฟังขนาดนี้ เค้าไม่ใช่มาเล่นๆ แล้วนะเนี่ย”
“ยังไม่ทันจะได้ดักฟังอะไรเลย พี่ก็จับพิรุธพี่วิเวกได้ก่อนแล้ว แบบนี้จะให้ผมเครียดไปทำไมล่ะครับ”
“แหม..ก็ไม่รู้ว่าวิเวกมันจะมาไม้ไหนอีก เกิดพี่พลาดขึ้นมา มันจะยุ่งเอานะ ยังไงระวังตัวกันไว้หน่อยก็ดี”
“โอเคครับ ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
อาวรณ์จิบเหล้าคลายเครียด
“แล้วนี่พี่บอกพี่วิเวกว่าออกมาทำอะไรครับ”
“ก็ออกมาทำบุญเหมือนเดิมนั่นแหละ”
วิวัฒน์ขำ “เปลี่ยนมุกบ้างก็ดีนะพี่ เดี๋ยวโป๊ะแตกซะ”
“ทำไม เบ้าหน้าพี่นี่มันไม่ธรรมะธรรมโมเลยรึไง”
“แหม...ที่ผ่านมาพี่เข้าวัดบ่อยมั้ยล่ะครับ ถ้าเล่นมุกเดิมซ้ำๆ แบบนี้ ผมว่าพี่วิเวกต้องสงสัยแน่ๆ”
“เออ..มันก็จริงของเธอนะ”
อาวรณ์คิดต่อทันที ว่าต่อไปจะใช้มุกอะไรมาหลอกสามี
อีกฟาก ท่านวิเวกนั่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังถือโทรศัพท์รอสายอยู่ แต่ยังเป็นเสียงพระสวดมนต์ดังมาจากปลายสายเครื่องดักฟัง
“เฮ้ย ไปทำบุญจริงๆ เหรอเนี่ย”
วิเวกกดตัดสายด้วยสีหน้าแปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าอาวรณ์จะไปทำบุญจริงๆ
ที่ลานปิ้งย่าง ทุกคนเตรียมจะแยกย้ายกันเข้าห้องพักผ่อน
“พรุ่งนี้เช้าเจอกันสักแปดโมงนะคะ” อารยาเอ่ยขึ้น
“โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ”
“เช่นกันค่ะทุกคน”
อารยากับสนเดินแยกกันไปก่อน นิดหน่อยหันไปหาดาว
“แกขึ้นห้องไปก่อนนะ เดี๋ยวชั้นคุยกับคุณยมแป๊บนึง”
“เคร”
ดาวกับต่อพากันเดินออกไปพร้อมๆ กัน
“มีอะไรจะคุยกับผมงั้นเหรอ”
นิดหน่อยยิ้ม “ขอบคุณนะ ที่ทำให้ทุกๆ คนมีรอยยิ้มในวันนี้”
ยมงง “ผมทำอะไรงั้นเหรอ”
“ก็ซีนโรแมนติกระหว่างคุณสนกับคุณอารยานั่นไง คุณช่วยให้เค้าสองคนได้มีค่ำคืนที่น่าจดจำมากๆ เลยรู้มั้ย”
ดาวกับต่อยังไม่ขึ้นบ้าน ซุ่มดูยมกับนิดหน่อยอยู่ที่มุมหนึ่ง
“นิดหน่อยไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน”
ดาวยิ้มขำๆ “หมดกัน กำแพงความรักที่เคยแข็งแกร่ง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
ดาวจูงแขนต่อเดินขึ้นบ้านพักไป ทิ้งสองคนให้คุยกันอยู่สองต่อสอง
“เค้าสองคนเจอเรื่องร้ายๆ กันมามากแล้ว ผมอยากให้เค้ามีห้วงเวลาดีๆ ให้เป็นที่น่าจดจำบ้างน่ะ”
นิดหน่อยเผลอจับมือยมด้วยความประทับใจ ยมมองนิดหน่อยอึ้งๆ
“คุณไม่ได้แค่ทำให้เค้าสองคนมีห้วงเวลาที่น่าจดจำหรอก แต่คนอื่นๆ รวมทั้งชั้น จะจดจำห้วงเวลาดีๆ แบบนี้ตลอดไป”
“ผมดีใจนะ ที่คุณชอบ”
นิดหน่อยพยักหน้ายิ้ม
จู่ๆ ยมก็มีอาการวูบ ซวนเซนิดๆ อันเป็นผลจากการใช้พลังพิเศษช่วยสน
“เป็นอะไรน่ะคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่เป็นอะไรได้ไง ดูคุณเพลียๆ นะ ปะ เข้าไปพักผ่อนเถอะ”
นิดหน่อยประคองยมเดินเข้าไปในบ้านพัก ยมรู้สึกดีกับท่าทีห่วงใยของนิดหน่อย
ช่อดอกไม้ที่สนให้อารยาถูกวางที่โต๊ะหัวเตียงอย่างแผ่วเบา สนกับอารยานั่งสบตากันอยู่บนเตียง ใต้แสงไฟสลัวๆ ขับให้บรรยากาศยิ่งโรแมนติก
“รู้มั้ย ว่ายาคือคนเดียวทำให้รู้สึกว่า การอยู่ด้วยกันทุกวันมันมีค่ามาก”
อารยาซึ้งใจ “สนก็ทำให้ยารู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันนะ”
สนเขี่ยปอยผมให้อารยาอย่างแผ่วเบา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าอารยาโดยไม่กระพริบ ราวกับว่าจะต้องลาจากกันไปแล้ว
“ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน จะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่มีแล้ว ความรักของที่มีต่อยา จะตราตรึงอยู่ตราบนิจนิรันดร์”
สนกับอารยาค่อยๆ เอียงหน้าเข้าหากัน บรรจงจูบกันอย่างละมุนละไม มือสนกับอารยาสอดประสานบีบกันอย่างนุ่มนวล ร่างเอนลงไปบนที่นอนช้าๆ
ดอกไม้ช่อสวยที่ยมเนรมิตให้ วางอยู่บนหัวเตียงส่งกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่วห้อง
รุ่งเช้าท้องฟ้าบริเวณหน้าที่พัก เห็นนิดหน่อยกับดาวเดินออกมาเจอกับต่อและยมที่ยืนรออยู่
“มอร์นิ่งค่ะคุณยม”
“มอร์นิ่งครับ”
“เป็นยังไงบ้างคุณ รู้สึกดีขึ้นมั้ย” นิดหน่อยถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วครับ”
ยมกับนิดหน่อยยิ้มให้กัน ต่อกับดาวแอบมองท่าทียมกับนิดหน่อย สองคนรู้ตัว เลยตีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อารยาเดินออกมาพร้อมกับสน
“สวัสดีค่ะทุกคน”
“สวัสดีค่ะ เดี๋ยวเช้านี้เราจะไปหาอะไรกินที่ตลาดปลากันนะคะ”
“เอ่อ ยากับสนขอตัวนะคะคุณนิดหน่อย พอดีว่าจะไปเดินเล่นที่ชายหาดกันน่ะค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ คุณยากับคุณสนตามสบายเลยนะคะ”
สนเผลอหลุดปากแซวยม “พาคุณยมเค้าเที่ยวเยอะๆ ครับ เพราะที่ที่เค้ามาไม่มีอะไรแบบนี้หรอก”
ทุกคนหันขวับมามองยมเป็นตาเดียวกัน เล่นเอายมอ้าปากหวอ ไม่รู้จะพูดยังไง
“หมายความว่ายังไงเหรอ” อารยาหันมาทางคนรัก
สนอึกอัก “เอ่อ...ก็คุณยมมาจากกรุงเทพฯไงยา ก็เลยไม่ค่อยเจอทะเลหรือบรรยากาศอะไรแบบนี้”
“แหม...แล้วก็พูดอย่างกับคุณยมเค้ามาจากดาวอังคารอย่างนั้นแหละ”
“เราไปเดินเล่นกันเลยมั้ย” สนรีบตัดบท
“ขอตัวก่อนนะคะ”
สนกับอารยาพากันเดินออกไป
“งั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ”
นิดหน่อย ต่อและดาวพากันเดินออกไปทางสะพานปลา
ยมชะงัก เมื่อสายตามองไปไปเห็นชายพเนจร แต่งตัวคล้ายชุดแขกสีขาวยาวๆ เดินอยู่ที่ชายหาดไกลออกไป มีพลังงานบางอย่างบอกให้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
นิดหน่อยเดินกลับมาตามยม
“มีอะไรเหรอคุณ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรก็ไปสิ”
นิดหน่อยจูงแขนยมเดินไปสมทบดาวกะต่อ
ยม กะ นิดหน่อย ถือขวดน้ำดื่มที่แวะซื้อจากริมทาง เดินคุยกะต่อและดาวมาตามชายหาด
“คุณยมไม่ชอบทะเลเหรอคะ ถึงไม่ค่อยได้มาน่ะ” ดาวชวนยมคุย
“ก็ชอบนะครับ แต่ด้วยงานที่ยุ่ง ก็เลยไม่มีโอกาสได้มาสักเท่าไหร่”
“แต่รู้ใช่มั้ยคะ ว่าน้ำทะเลน่ะเค็ม”
ยมบอกหน้าตาย “น้ำทะเลเค็มจริงๆ เหรอครับ ตอนเด็กๆ ครูเคยสอน แต่โตมาก็ยังไม่มีโอกาสได้ชิมซะที”
ต่อ ดาวและนิดหน่อยมองหน้ากันอึ้งๆ
ยมยิ้มขัน “หยอกเล่นนะครับ รู้ครับว่าน้ำทะเลน่ะเค็ม”
“หยอกเนียนนะครับ เอาซะเชื่อเลย” ต่อว่า
นิดหน่อยมองหมั่นไส้ยมนิดๆ แอบเทน้ำในขวดทิ้ง แล้วย่องจากกลุ่มไปกรอกน้ำทะเลใส่ขวด
ยม ดาวและต่อ เดินไปคุยไปโดยไม่สังเกตุ นิดหน่อยรีบวิ่งเข้ามารวมกลุ่มเนียนๆ ยื่นขวดน้ำให้ยม
“อ่ะคุณ กินน้ำหน่อยสิ”
“ผมยังไม่หิวน่ะ”
“ช่วยกินให้หมดหน่อย ชั้นจะได้เอาไปทิ้ง ขี้เกียจถือน่ะ”
ยมพยักหน้ารับ หยิบขวดน้ำไปเปิดดื่มหน้าตาเฉยๆ นิดหน่อยอ้าปากหวอ
“อ่ะ หมดละ”
“คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ”
ยมตอบพาซื่อ “ก็สดชื่นดี”
ดาวแปลกใจท่าทีเพื่อน “มีอะไรเหรอแก”
นิดหน่อยกระซิบบอกดาวเบาๆ ว่า “ชั้นแกล้งเอาน้ำทะเลให้เค้าดื่ม”
แต่ดาวกลับย้อนถามเสียงดังลั่น “แกแกล้งเอาน้ำทะเลให้คุณยมดื่ม”
ยมมองจ้องนิดหน่อยได้ยินที่เธอกระซิบบอกดาว นิดหน่อยหันไปค้อนดาว ก่อนจะหันมามองยมด้วยท่าทางแปลกใจ
“ทำไมคุณกินน้ำทะเลได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ”
ยมหาคำแก้ตัว “รู้สึกสิ ปกติเรากินเค็มอยู่แล้วน่ะ แล้วเมื่อกี๊ก็คิดว่าเป็นน้ำเกลือแร่”
ต่อยิ้มขำ “โอ้โห..กลับไปก็ไปเช็คค่าไตหน่อยก็ดีนะครับ”
ยมพยักหน้ายิ้มตอบ “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
ยมมองนิดหน่อยนึกเคืองนิดๆ เดินนำออกไปเลย
“แกก็เล่นแรงไปหน่อยนะ เกิดเค้าเป็นโรคไตขึ้นมาจะว่ายังไง”
“โอ๊ย เค้ารวยน่ะ มีเงินฟอกไตสบายๆ อยู่แล้ว”
นิดหน่อย ดาวและต่อเดินตามยมไป
ที่สะพานปลาคึกคักจอแจมาก เห็นชีวิตชาวประมงที่นำปลาที่จับได้มาวางขายกันอย่างสุขใจ
ยม นิดหน่อย ต่อและดาวเดินชมบรรยากาศในสะพานปลาอย่างตื่นตาตื่นใจตามจริตใครมัน ต่อ นิดหน่อยและดาวตื่นตากับกุ้งหอยปูปลาตัวเป็นๆ ส่วนยมจะตื่นตาตื่นใจกับชีวิตผู้คนมากมี
“โห น่ากินทั้งนั้นเลยอ่ะ สงสัยเย็นนี้ได้กินซีฟู้ดปิ้งย่างกันอีกรอบละ”
ยมเดินดูรอบๆ เพลินๆ ค่อยๆ ห่างจากกลุ่มนิดหน่อยไปช้าๆ โดยพวกนิดหน่อยไม่ได้สังเกต
“รู้มั้ย อาหารทะเลอะไรสะอาดที่สุด” ดาวยิงมุกถามตอบ
นิดหน่อยตอบว่า “ปลา”
“ผิดค่ะ”
ต่อตอบว่า “กุ้ง”
“โน้ว”
นิดหน่อยยอม “อ่ะ ยอม”
“คำตอบคือ หอย”
ต่อแย้ง “ใช่เหรอ หอยมันอยู่กับดินกับทราย ไม่น่าจะสะอาดกว่ากุ้งหรือปลานะ”
“อ้าว ก็หอยมันมีอย. มันก็ต้องสะอาดปลอดภัยกว่าสิ”
นิดหน่อยงง “หอยมีอย.”
“ก็ ห...อ...ย หอยไงล่ะ”
นิดหน่อยกับต่อไม่หืออือ แกล้งเงียบใส่ดาว
“โห เงียบใส่แบบนี้ ไม่ยืนไว้อาลัยให้ชั้นซะเลยล่ะ”
นิดหน่อยกับต่อแกล้งยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
“ชั้นประชด” ดาวบอก
ต่อมองหายมไม่เห็น “อ้าว คุณยมหายไปไหนแล้วเนี่ย”
“นั่นสิ เดี๋ยวก็หลงไปไหนไกลอีก รออยู่แถวๆ นี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา”
นิดหน่อยเดินแยกออกไปตามหายม
ที่สะพานปลาอีกมุม ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก ยมเดินชมบรรยากาศเรือที่จอดเทียบท่าอยู่
เทวทูตในคราบชายพเนจรเดินสวนผ่านไป มีออร่าสีขาววูบขึ้นมารอบตัวชายนั้น ยมมัวแต่มองเรือจึงไม่ได้เห็นชายพเนจรแต่แรก ต้องรีบหันหลังไปมอง
ชายพเนจรเดินไปช้าๆ ไม่ได้หันกลับมามอง ยมจะเดินตามชายนิรนามไป แต่มีเสียงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดของเด็กดังขึ้น ทำเอายมที่จะเดินตามชายนิรนามไปถึงกับชะงักกึก
นิดหน่อยเดินตามหายมอยู่ ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ จึงเดินตามเสียงไป
เด็กชายนั่งร้องไห้เอามือกุมเท้าเลือดอาบ ที่แท้โดนเปลือกหอยบาดจนได้แผลฉกรรจ์
ยมวิ่งเข้ามาดูอาการ เห็นแผลเปิดกว้าง เลือดไหลไม่หยุด
นิดหน่อยเดินตามเสียงมา หยุดมองอยู่ไกลๆ เห็นเด็กน้อยอยู่กับยม ที่เท้ามีเลือดไหลมากมาย
“หลับตาสิไอ้หนู” ยมบอก
นิดหน่อยเดินเข้ามาหายมช้าๆ
“หลับตาสิ แล้วจะหาย..เชื่อชั้น”
เด็กน้อยแข็งใจหลับตาตามที่ยมบอก
ยมเอามือจับที่ปากแผล ส่งผลให้เลือดไหลกลับเข้าไป แผลปิดสนิท นิดหน่อยวิ่งมาถึงพอดี
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคุณ ทำไมเด็กเลือดไหลเยอะขนาดนั้น”
“เลือดอะไรเหรอ”
ยมเอามือออกจากเท้าเด็ก บาดแผลที่เคยมีหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งเด็กและนิดหน่อยมองหน้ายมงงๆ
“เฮ้ย เมื่อกี๊ชั้นว่าชั้นเห็นเลือดเต็มเท้าเด็กเลยนะ”
“เลือดที่ไหนคุณ ไม่มีซะหน่อย จริงมั้ยไอ้หนู”
เด็กมองยมอึ้งๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
นิดหน่อยมองยมอย่างค้นหา ความคิดที่ว่าเขามีพลังพิเศษยิ่งมีเค้าความเป็นจริงมากขึ้น
“สาบานได้ว่า เมื่อกี๊ชั้นเห็นเลือดเต็มขาเด็กเลย”
“เลือดอะไรล่ะ ที่คุณเห็นน่ะเป็นสาหร่ายทะเลสีแดงที่พันขาเด็กต่างหาก” ยมแถไปโน่น
“แล้วไหนล่ะ สาหร่ายที่คุณว่า”
ยมอึกอักอ้ำอึ้งครู่เดียว “ผมโยนทิ้งทะเลไปแล้วน่ะสิ”
นิดหน่อยมองยมด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย
ทางด้านสนกับอารยาเดินเคียงคู่กันมาริมชายหาดใกล้บ้านพักที่ใช้เก็บยาบ้า
“ได้มาเดินด้วยกันแบบนี้ ทำให้นึกถึงวันแรกที่เราเจอกันนะ”
อารยาพยักหน้ายิ้มๆ “นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่าเราจะเดินทางมาได้ไกลจนถึงวันนี้”
“เดินคนเดียวอาจจะไปได้ไว แต่เดินด้วยกันเราจะไปได้ไกลนะยา”
สนกับอารยาเดินยิ้มกันไป ก่อนที่สนจะเริ่มออกอาการอ่อนเพลีย
“เป็นอะไรเหรอพี่”
“รู้สึกเพลียๆ นิดหน่อยน่ะ”
อารยามองไปเห็นที่นั่งใต้ต้นไม้มุมร่มรื่นใกล้ๆ
“งั้นไปนั่งพักตรงโน้นก่อนดีกว่า”
อารยาประคองสนมานั่งพักที่ม้านั่ง พลางถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างพี่”
สนยิ้มให้ “ไม่เป็นมากหรอก นั่งพักสักแป๊บเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
จู่ๆ มีปลายกระบอกปืนโผล่มาจ่อที่ด้านหลังสน อารยาตกใจเมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนยืนมองมาอย่างประสงค์ร้าย
“พี่สน”
ชายทั้ง5 เดินออกมาเป็นแผง สนลุกขึ้นดันอารยาไปอยู่ด้านหลังอย่างปกป้องตามสัญชาตญาณ
“แกสองคนมาแถวนี้ทำไม” ชาย1 หัวหน้าทีม ถามขึ้น
“ผมเดินเล่นกันมาน่ะครับ รู้สึกเหนื่อยๆ ก็เลยมานั่งพักตรงนี้”
ชาย1 มองสนกับอารยาอย่างไม่วางใจ “เดินผ่านมางั้นเหรอ”
“ใช่ครับ เดี๋ยวผมก็จะไปละ”
สนทำท่าจะจูงอารยาเดินกลับไปทางที่มา แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ขวางไว้
“เดี๋ยว”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ขอค้นตัวหน่อย”
“ทำไมต้องค้นด้วยล่ะครับ”
“เฮ้ย นี่ขอกันดีๆ แล้ว ก็อย่ามาถามมากสิวะ” ชาย1 ยัวะ
อารยาเห็นท่าไม่ดีใช้หลังสนกำบังควักโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความทางไลน์หานิดหน่อย โดยที่กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ทันสังเกต อารยาพิมพ์ข้อความ SOS ส่งไปที่ไลน์ของนิดหน่อยอย่างรวดเร็ว
“ผมแค่นักท่องเที่ยวธรรมดาครับ ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไรก็ยอมให้คนดีๆ สิวะ”
อารยากดแชร์โลเคชั่นตามไป กลุ่มชายฉกรรจ์เข้าล้อมกรอบสนกับอารยา
“ผมบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิพี่”
“เรื่องมากนัก งั้นจับตัวมันทั้งคู่ไป” ชาย1 โมโห สั่งลูกน้อง
ชายฉกรรจ์คุมตัวสนกับอารยาและยึดเครื่องมือสื่อสารไว้ทั้งหมด
ยม นิดหน่อย ต่อและดาวพากันเดินเล่นมาตามชายหาด ดาวเล็งมุมสวยให้นิดหน่อยถ่ายรูปให้
“เฮ้ย มุมนี้สวยอ่ะ ถ่ายรูปให้ชั้นหน่อยสิ”
“อะเคร โพสท่ารอเลยค่ะ”
ดาวกับต่อโพสท่ารอให้นิดหน่อยถ่ายรูปให้
นิดหน่อยควักมือถือออกมาถ่ายรูป แต่ที่หน้าจอมีไลน์จากอารยาเด้งขึ้นมา
“เดี๋ยวนะ คุณยาไลน์มาน่ะ”
นิดหน่อยเปิดอ่านข้อความไลน์แล้วตกใจเล็กน้อย
“เฮ้ย”
“มีอะไรเหรอครับ”
นิดหน่อยโชว์ไลน์ในมือถือให้ทุกคนดู “คุณยาไลน์ข้อความนี่มาให้ชั้นน่ะค่ะ”
ทุกคนกรูเข้ามาดูข้อความ
“SOS มันสัญญาณขอความช่วยเหลือนี่” ต่อว่า
ดาวหน้าเสีย “เกิดเรื่องอะไรกับคุณยางั้นเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่แชร์โลเคชั่นมาด้วย”
ทุกคนยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก
“น่าจะต้องการให้เราตามไปช่วยรึเปล่า” ต่อบอก
“งั้นรีบตามไปดูกันเถอะครับ”
นิดหน่อยกดเปิดโลเคชั่น แล้วเดินนำทุกคนออกไป
ในบ้านพักริมทะเลที่เก็บยาบ้าเวลานั้น สนและอารยาถูกชายฉกรรจ์ 2 คนจับโยนเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง สนถลาเข้าหาสองชายฉกรรจ์โมโหที่มันทำกับอารยาอย่างรุนแรง
“เฮ้ย!”
ชาย4 ถีบสนลงไปกองกับพื้นพร้อมกับชี้หน้าขู่
“มึงอย่า ไม่อยากตายก็อยู่นิ่งๆ ไว้”
อารยาต้องคอยห้ามสน “ใจเย็นนะสน”
ชาย3เดินเข้ามารายงานเรื่องที่ให้ติดต่อกับวิวัฒน์กับชาย1
“ติดต่อคุณวิวัฒน์ยังไม่ได้นะพี่”
“เหรอ งั้นก็พยายามติดต่อเรื่อยๆ” ชาย4
“ครับพี่”
ชาย4 กับชาย5 “เฝ้ามันไว้ให้ดีนะ”
“ครับพี่”
ชาย4 เดินออกไปกับชาย3 ให้ชาย5 ปิดประตูและยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง
สนกับอารยาถูกขังอยู่ในห้อง
“เป็นยังไงบ้างยา เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่ค่ะ” อารยาพูดบอกสนเบาๆ “พี่สนไม่ต้องห่วงนะ ยาแอบไลน์ไปหาคุณนิดหน่อยแล้ว เดี๋ยวเค้าคงหาคนมาช่วยเราออกไปนะ”
อารยากับสนสวมกอดกันแน่น
ฟากนิดหน่อยเดินนำทุกคนมาหยุดที่จุดซึ่งสนและอารยาส่งโลเคชั่นมาบอกว่า ก่อนจะถูกจับตัวไป
“ตรงนี้เลยค่ะ”
ต่อกวาดตามองไปรอบๆ หาร่องรอย “แล้วคุณสนกับคุณยาล่ะ”
“น่าจะมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้นแล้วล่ะ”
ยมหันไปมองที่บ้านริมทะเลหลังหนึ่ง ยินเสียงของสนกับอารยาคุยกันดังขึ้นในจิต
“สนเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่นะ”
ยมเอ่ยขึ้น มองไปทางบ้านหลังนั้น “สนกับอารยาอยู่ในบ้านหลังนั้น”
ต่อ ดาวและนิดหน่อยมองยมด้วยอาการแปลกใจ
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เอาเถอะน่ะ พวกคุณไปแจ้งตำรวจให้ไปที่บ้านหลังนั้นก็แล้วกัน เดี๋ยวระหว่างรอตำรวจ ผมจะลองเข้าไปในบ้านหลังนั้นก่อน”
“เดี๋ยวเราไปกับคุณยมเอง ดาวกับนิดหน่อยรีบไปแจ้งตำรวจเถอะ” ต่อบอกสองสาว
“โอเค ตามนั้น” นิดหน่อยมองหน้ายม “ระวังตัวนะ”
“ครับ”
นิดหน่อยกับดาวเดินแยกไปทางถนนใหญ่เพื่อไปแจ้งตำรวจ ต่อกะยมเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านริมทะเล
แม้จะมีชายฉกรรจ์ 3 คน เดินตรวจตราอยู่รอบบริเวณบ้าน ยมกับต่อก็หาช่องโหว่ พากันกระโดดเข้ามาในบริเวณบ้านได้สำเร็จ
“นายไปทางนั้น เดี๋ยวชั้นจะอ้อมไปทางโน้น”
“โอเคครับ”
ยมกับต่อแยกกันไปอย่างเงียบๆ
ต่อดันเดินเหยียบกิ่งไม้ ทำให้ชายฉกรรจ์3 ที่ตรวจตราอยู่ใกล้ๆ ไหวตัว
“เฮ้ย”
ชาย3 เล็งปืนใส่ต่อ พร้อมจะยิงทันที ยมยกมือขึ้น หันไปทางชายคนที่กำลังเล็งปืนจะยิงต่อ
จู่ๆ ชาย3 ก็หันปืนไปยิงสองข้างขาชาย2 และ ชาย1 ที่วิ่งกรูกันมาคนละ 2 นัด จนชายทั้ง 2 ลงไปร้องโอยโอยอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะลั่นไกใส่ขาตัวเองจนลงไปกองที่พื้นอีกคน ต่อมองยมอึ้งๆ
“รีบเข้าไปในบ้านกันเร็ว”
ยมกับต่อรีบพากันเข้าไปในบ้าน
ยมกับต่อย่องเข้ามาในบ้าน พบว่าบรรยากาศเงียบผิดปกติ
“มันเงียบผิดปกตินะ”
“พวกมันอาจจะหนีกันไปหมดแล้วก็ได้ครับ”
ต่อกับยมเดินไปเจอชายฉกรรจ์ 2 คน ยืนถือปืนคุมตัวสนกับอารยารออยู่
“คุณสน คุณยา”
ชาย4 ตะคอกถาม “พวกแกเป็นใคร”
“แล้วแกล่ะเป็นใคร ถึงมาจับเพื่อนเราไว้แบบนี้” ยมจ้องหน้าพวกมัน
“เพื่อนแกมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เอง ช่วยไม่ได้เว้ย” ชาย5 บอกเสียงดัง
“เราแค่มาเที่ยวกันเฉยๆ ปล่อยพวกเราไปเถอะ” ต่อขอร้องดีๆ
“ปล่อยให้พวกมึงไปแจ้งตำรวจมางั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
ยมขาอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น เนื่องจากอ่อนแรงจากการใช้พลังพิเศษไปเยอะ
ต่อประคองยม “เป็นอะไรครับ”
ยมฝืนส่ายหน้าบอก “ไม่เป็นไร”
ชาย5ถือปืนเดินเข้ามาคุมตัวต่อ ยมออกแรงสู้แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง โดนชาย5ถีบหงายหลังไปกองที่พื้น
ที่นรกภูมิ จอมอนิเตอร์ในออฟฟิศเขต8 เห็นใบหน้ายมมองเหมือนขอความช่วยเหลือจากสุวรรณและสุวาน แต่ปรากฏว่าทั้งห้องว่างเปล่า ไม่มีสองกุมภัณฑ์เขต8 อยู่ในนั้น
ยมนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่มุมหนึ่ง ขณะที่ชาย5 ถือโทรศัพท์โทร.หาวิวัฒน์อยู่ มีเสียงสัญญาณรอสาย แต่ไม่มีใครรับ
“คุณวิวัฒน์ไม่รับสายเลยพี่ เอาไงดี”
ชาย4 คิดปราดเดียว “เก็บมันให้หมด แล้วเอาศพไปทิ้งที่เกาะ”
“แกจะฆ่าชั้นก็ได้ แต่ปล่อยแฟนชั้นไปเถอะ” สนขอร้อง
“ไม่นะพี่สน ถ้าจะตาย ยาก็ขอตายไปพร้อมๆ กับพี่”
“ปากดีนัก งั้นมึงตายคนแรกเลยแล้วกัน”
ชาย4ดึงอารยาออกไปเตรียมจะยิงคนแรก สนฮึดสู้เพื่อไปปกป้องเมียรักแต่ก็โดนชาย5กระทืบไม่ยั้ง
“พอแล้ว อย่าทำพี่สนอีกเลย”
ต่อจะไปช่วยสน แต่ชาย5 ก็เอาปืนจ่อไว้
“คิดว่าเร็วกว่าลูกปืนกู ก็ลุกไปช่วยเพื่อนมึงสิ”
ต่อจำต้องนิ่งไว้ ยมพยายามลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีไม่พอ
สนกระอักเลือด อารยาจะเข้าไปดูอาการ แต่ก็ถูกชาย4 จิกผมไว้ ไม่ให้เข้าไปหา
อารยาโมโหมากกวัดแกว่งมือตบตีไม่ยั้ง และตบเข้าที่หน้าชาย4 เต็มๆไปหนึ่งฉาด
“ตบกูเหรอ”
ชาย4 ขึ้นลำปืนเล็งไปที่อารยา
“ยา”
สนรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย พุ่งตัวเข้าไปบังกระสุนให้คนรัก ร่างสนล้มลงในวงกอดของอารยา
เสียงไซเรนรถตำรวจดังกระหึ่มขึ้น ชาย4 กับชาย5 พากันวิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที
อารยาก้มมอง เอามือลูบหน้าสนด้วยความรัก
“ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
ยมรวบรวมกำลังยันตัวเองขึ้นมา พอเห็นสนโดนยิงอยู่ในอ้อมกอดอารยาก็อึ้งไป
สนรวบรวมพลังพูดคำพูดสุดท้ายกับอารยา “พี่...รัก...ยานะ”
สนขาดใจตายในอ้อมกอดอารยา
“สน”
อารยาร้องไห้ตะโกนเรียกสนอย่างบ้าคลั่ง ยมใจหายมองภาพตรงหน้านิ่งนาน เข้าใจความหมายในคำพูดสนที่เคยพูดไว้เมื่อเจอกันครั้งแรกในนรก
มัจจุราชเขต8 ตบโต๊ะปัง ด้วยความโมโห
“โง่มาก โง่ที่สุด”
“ผมทำเพื่อคนที่ผมรัก ผมโง่ตรงไหน”
“เจ้าไม่ได้ทำเพื่อคนรัก เจ้าฆ่าตัวตายต่างหาหล่ะ”
“แต่ผมก็ทำเพราะความรัก”
“ความรักเป็นเรื่องเหลวไหล”
“ไม่จริง ความรักเป็นสิ่งสวยงาม และรักแท้ก็คือรักนิรันดร์”
ยมมองอารยากอดศพสน ก่อนที่แสงสว่างวาบจะส่องลงมาที่ร่างสน
ดาวกับนิดหน่อยเดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจ..ทันใดนั้น ทุกคนถูกฟรีซนิ่ง มีเพียงยมและอารยาเท่านั้น ที่มองเห็นแสงที่สว่างวาบลงมา
วิญญานสนปรากฎขึ้นตรงหน้าอารยา
“พี่สน”
“ยา”
ร่างชายพเนจรชุดขาว แท้จริงคือเทวทูตปรากฏขึ้น เพื่อมารับวิญญาณสน ยมจำได้
“ท่าน”
เทวทูตคำนับทำความเคารพยมเป็นการให้เกียรติในกัน แล้วบอกกับสน
“เราต้องไปกันแล้วละ”
“ดูแลตัวเองดีๆ นะยา พี่ต้องไปแล้ว”
อารยาร้องไห้น้ำตาเต็มตา “ไม่นะพี่สน อย่าเพิ่งไป”
“ไม่เอา อย่าร้องไห้สิยา ยาต้องเข้มแข็งเพื่อตัวเองและเพื่อพี่นะ ถ้ายาอ่อนแอแบบนี้ พี่คงไปอย่างไม่สบายใจ”
“ค่ะ ยาจะเข้มแข็งเพื่อพี่นะ”
“ลาก่อนนะยา วันนึงเราคงได้พบกันอีก”
สนยิ้มให้พลางโบกมือลา ดวงวิญญาณของสนหายวับไปกับเทวทูต ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ
อารยากอดศพสนพูดพร่ำว่าจะเข้มแข็งเพื่อสนอยู่อย่างนั้น เป็นที่น่าเวทนา
ทุกคนอึ้งไปทั้งแถบ ต่อเดินเข้าไปโอบกอดดาวที่ยืนช็อกอยู่ ส่วนยมเองก็เข้าไปโอบกอดนิดหน่อย ที่มีอาการเดียวกันกับดาว
บรรยากาศแสนเศร้าและหดหู่สุดจะประมาณ
อ่านต่อ ตอนที่18