มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 16 | มัจจุราชที่รัก
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
สมรง่วนอยู่ในเคาน์เตอร์ กำลังก้มหน้าอ่านสูตรกาแฟในสมุดโน้ตที่นิดหน่อยเขียนไว้
“กาแฟเย็น เอสเพรสโซ่สองช็อต นมข้นหวานหนึ่งออนซ์...”
มีลูกค้าหญิงวัยรุ่นรูปร่างอวบอ้วนมาดสก๊อย เดินตรงเข้ามาที่เคาน์เตอร์ สมรยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่า รับอะไรดีคะ”
“เอาแกรนเด ไอซ์ ลาเต้ ซอยมิล์ค โนวิป หวานน้อย เทค อเวย์แก้วนึงค่ะ” ลูกค้าสั่งคล่องปรื๋อไม่เข้ากับลุคสก๊อยเอาเลย
สมรงง “เอิ่ม...ขออีกทีซิคะ ช้าๆ”
ลูกค้าพูดใหม่ช้าๆ “แกรนเด ไอซ์ ลาเต้ ซอยมิล์ค โนวิป หวานน้อย เทค อเวย์ แก้วนึงค่ะ”
“นี่สั่งกาแฟหรือท่องอาขยานคะ”
ลูกค้าฉุน เหวี่ยงใส่เบาๆ “สั่งกาแฟสิคะ งงอะไรปะเนี่ย”
“กาแฟชื่อยาวมาก งั้นช่วยแปลให้หน่อยซิคะ”
“ลาเต้เย็นแก้วใหญ่ ใส่นมถั่วเหลือง ไม่เอาวิปครีม หวานน้อย ใส่แก้วกลับบ้านค่ะ”
“เอิ่ม..ไม่มีค่ะ”
ลูกค้างง “ไม่มีนมถั่วเหลือง”
“ไม่มีคนทำค่ะ...พอดีนิดหน่อยออกไปส่งขนมข้างนอก ถ้าเป็นกาแฟเย็นธรรมดาชงให้ได้อยู่นะคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ”
ลูกค้าหญิงเบ้ปากใส่ เดินออกไปอารมณ์เซ็งๆ สมรบ่นบ้าไล่หลังไปอย่างหงุดหงิด
“ทำเป็นสั่งกาแฟไฮโซ โอเลี้ยงก็หรูแล้วปะ นังลูก ตัวดีก็ไปซะนานเลย”
ยมเดินเข้ามาในร้าน
“อ้าว สวัสดีค่ะคุณยม”
“สวัสดีครับ”
“มาดื่มกาแฟเหรอคะ”
“ครับ แล้วนี่นิดหน่อยไม่อยู่เหรอครับ”
“นิดหน่อยออกไปส่งขนมข้างนอกน่ะค่ะ เดี๋ยวก็น่าจะกลับแล้ว จะดื่มกาแฟอะไรดีคะ”
“เอสเพรสโซ่ร้อนแล้วกันครับ”
“เออ สั่งง่ายๆ แบบนี้สิ”
ยมแปลกใจ “มีอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ...ไม่มีอะไรค่ะ รอสักครู่นะคะ”
สมรหันไปชงกาแฟ ยมมองบรรยากาศในร้านระหว่างนั่งรอนิดหน่อย
กุมารกวักเงินกวักทองเก่าๆ บนตู้ใส่มะละกอและเครื่องเคียงที่ร้านส้มตำริมทาง มีขวดน้ำแดงตั้งอยู่ข้างๆ
แม่ค้านั่งสัปหงกหลับอยู่หลังโต๊ะตำ จนเห็นอาจารย์ขาวสวมสร้อยพระ เดินนำโรเบิร์ตเข้ามา
“โอ้โห...นี่ขายดีจนเพลียหลับไปเลยเหรอ”
“จะไม่ให้ขายดีได้ยังไง นี่ กุมารกวักทรัพย์รุ่นหนึ่ง ปั้นจากดินเจ็ดป่าช้า ปลุกเสกเจ็ดวันเจ็ดคืน จะไม่ให้ลูกค้า...” อาจารย์ขาวพรีเซนต์กุมารไม่ทันจบ
แม่ค้าพูดแทรกน้ำเสียงเซ็งๆ “เงียบกริ๊บ”
“ใช่ จะไม่ให้ลูกค้าเงียบกริ๊บได้ยังไง เย้ย ว่าไงนะ”
“ลูกค้าเงียบกริ๊บค่ะจารย์ นี่หนูถวายน้ำแดงไปหลายลังแล้ว ยอดไม่กระเตื้องขึ้นมาซักนิด”
“เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง เดี๋ยวอาจารย์ขอเช็คหน่อยซิ”
“เช็คไม่มี มีแต่เงินสดค่ะ”
“จะเช็คกุมาร อย่าดึงไปฮาสิ โวะ”
อาจารย์ขาวแตะตัวกุมารแล้วหลับตาทำสมาธิ ไม่นานก็ลืมตาขึ้น
“ปัดโธ่ จะไม่ให้เงียบกริ๊บได้ยังไง คาถาที่กำกับมันเป็นเวอร์ชั่นแรกเลยนี่”
“เอิ่ม มันมีคาถาเวอร์ชั่นอื่นงั้นเหรอคะ”
“เออสิ ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่น 9.1.0 แล้ว”
“เอ๊อ...แล้วหนูต้องทำยังไงอ่ะคะ”
“ว่างก็เอากุมารทองไปที่สำนัก เดี๋ยวจารย์อัพเดทเวอร์ชั่นให้”
“ขอบคุณค่ะจารย์...แล้ววันนี้กินอะไรดีคะ”
“จารย์เอาตำปูปลาร้า”
“เผ็ดมั้ยคะ”
“ยังไม่ได้กิน จะรู้ได้ไงว่าเผ็ดหรือไม่เผ็ด” อาจารย์ขาวขำมุกตัวเอง
“โอ้ว มุกนี้ท่านได้แต่ใดมา” โรเบิร์ตถาม
“มุกกูสิวะ”
“อาจารย์คิดเอง”
“กูเกิ้ล” อาจารย์ขาวขำคิกคัก
แม่ค้ามองเซ็ง “เอ่อ...จะได้กินกันมั้ยคะ วันนี้”
“เอาตำปูปลาร้าแซ่บๆ 1 ข้าวเหนียว 2 เศรษฐกิจไม่ดี กินแค่นี้แหละ”
อาจารย์ขาวและโรเบิร์ตเดินไปนั่งที่โต๊ะ
นิดหน่อยเดินกลับจากร้านมินิมาร์ท ผ่านร้านส้มตำที่อาจารย์ขาวนั่งอยู่ โรเบิร์ตเห็นสาวสวยก็แซวไปเรื่อย
“หวัดดีจ้ะ น้องสาว”
อาจารย์ขาวหันไปมอง เห็นวิญญาณอับดุลซ้อนร่างนิดหน่อยอยู่ แต่นิ่งไว้
“กินส้มตำด้วยกันมั้ยจ๊ะ”
นิดหน่อยไม่ตอบ ก่อนจะเดินหน้านิ่งๆออกไป
“แหม หยิ่งนะเรา”
แม่ค้าเดินมาเสิร์ฟกระติ๊บข้าวเหนียว ขณะที่อาจารย์ขาวกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับวิญญาณที่เห็นดี
“เฮ้ย ตามข้ามา”
“ไปไหนเหรอครับจารย์”
“เออน่ะ อย่าเพิ่งถามมาก”
อาจารย์ขาวลุกเดินออกไป โรเบิร์ตลุกตามงงๆ โดยไม่วายถือกระติ๊บข้าวเหนียวไปจกกินด้วย
อับดุลในร่างนิดหน่อยเดินเข้ามาในตึกร้าง ขึ้นไปชั้นบนตรงจุดที่เคยคุยเรื่องงานกับเขต7
“ฉันมาแล้วจ้ะนายจ๋า อยู่ไหนกันเหรอจ๊ะ”
นิดหน่อยเดินหาพร้อมตะโกนเรียกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครออกมา
อับดุลออกจากร่างนิดหน่อยเดินตามหากลุ่มเขต7
“หายไปไหนกันหมด เฮ้ย ฉันทำงานสำเร็จแล้วนะนายจ๋า ไหนล่ะบุญตามที่ตกลงกันไว้
ทุกอย่างเงียบกริบ อับดุลเริ่มมีสีหน้าเครียด คิดว่าแผนการถูกล้มเลิกแล้ว และกลายเป็นทำงานฟรี
“อุตส่าห์เสี่ยงเจ็บตัว ทำงานฟรีซะแล้วมั้ง” อับดุลตะโกนก้อง “เฮ้ย...ถ้าอยู่ที่นี่ก็แสดงตัวออกมาสิจ๊ะ ฉันทำงานสำเร็จแล้ว เอาบุญมาแลกกันสิ”
อับดุลหยุดเดินหาแล้วครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี
“หลอกฉันให้ทำงานอย่างนั้นเหรอ!? ได้”
อับดุลกลับเข้าร่างนิดหน่อยพาเดินตรงไปที่ขอบตึก
ระหว่างนี้ที่หน้าตึก มีชายเก็บขยะกำลังเดินเก็บขวดตามพื้นอยู่ จนกระทั่งมองขึ้นไปเห็นนิดหน่อยยืนอยู่ที่ขอบตึก
“เฮ้ย นั่นจะทำอะไรน่ะ กลับเข้าไป”
“แกนั่นแหละออกไป อย่ามายุ่ง” นิดหน่อยตะโกนบอก
ชายเก็บขยะทำท่าจะเดินเข้าไปในตึก
นิดหน่อยขู่ “ขืนแกก้าวเข้ามาในนี้ ฉันจะกระโดดเดี๋ยวนี้แหละ”
อาจารย์ขาวและโรเบิร์ตเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งบริเวณชั้นล่าง อาจารย์ส่งสัญญาณให้โรเบิร์ตเงียบ แล้วย่องนำเข้าตึกไป โดยที่นิดหน่อยไม่เห็นเพราะมัวจ้องคนเก็บขยะอยู่
“ออกไป” นิดหน่อยตวาดลั่น
ชายเก็บขยะค่อยๆ ล่าถอยเดินออกไป
“ถ้าไม่ออกมาทำตามที่สัญญากันไว้ ฉันจะพานังนี่กระโดดลงไปข้างล่างนะ”
นิดหน่อยหน้าตาขึงขัง เตรียมที่จะกระโดดตึก
ทีมเขต7 เดินเข้ามาบริเวณหน้าร้านขนม
“ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอครับ” สุวรรณงง
“ไม่อยากรู้เหรอ ว่านิดหน่อยคล้องสร้อยอะไรอยู่”
“ก็อยากรู้เหมือนกันครับ เพราะสร้อยนั่นไม่ใช่สร้อยธรรมดาแน่ๆ”
“เข้าไปดูให้เห็นกับตา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ” สุวานว่า
เจ้าที่ปรากฏตัวต่อหน้าทีมเขต7
“มีธุระอันใด ถึงมาที่นี่กันหรือท่าน”
สุวรรณกับสุวานมองหน้าเขต7 เชิงบอกให้นายชี้แจงเองจะดีกว่า
“ข้ามีงานต้องทำนิดหน่อย”
“งานอะไรหรือท่าน เผื่อว่าเราจะช่วยท่านได้”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
เจ้าที่พยักหน้ารับทราบ “คิดว่าเป็นเรื่องวิญญาณเร่ร่อนซะอีก”
เขต7 สะดุดหู “วิญญาณเร่ร่อนที่ไหน”
“วิญญาณจากไหนก็ไม่ทราบครับ แต่มันเพิ่งมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง”
“ลักษณะมันเป็นยังไง” สุวรรณสนใจ
“หน้าแขกๆ ฟันเหยินๆ” เจ้าที่บอก
สุวรรณกับสุวานหันมองหน้าเขต7 พร้อมกัน
สุวานมั่นใจ “ไอ้อับดุลแน่ๆ”
สุวรรณหันมาถามเจ้าที่ “แล้วมันมาทำไม ท่านรู้มั้ย”
“มันว่ามันผ่านมาเฉยๆ น่ะครับ ข้าก็เลยไล่มันไปที่อื่น”
“มันกลับมาอีกทีแบบนี้ ไม่น่าจะผ่านมาเฉยๆ นะครับ” สุวานไม่วางใจ
เขต7 มีสีหน้าครุ่นคิด ว่าจะเอายังไงต่อไป
อับดุลในร่างนิดหน่อยขยับมาเหยียบที่ขอบตึก ดูหมิ่นเหม่พร้อมที่จะตกลงไปข้างล่างทุกขณะ แถมตั้งท่าเตรียมจะกระโดดลงไป
“ว่ายังไง! ไม่ออกมากันใช่มั้ย…งั้นฉันกระโดดละนะ”
อาจารย์ขาวตกใจร้องลั่น “เฮ้ย”
นิดหน่อยตกใจจนเสียหลัก ทำท่าจะตกลงไปข้างล่าง
โรเบิร์ตเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปคว้ำแขนนิดหน่อยดึงกลับเข้ามาในตึก สองคนกลิ้งโค่โล่ลงไปกองที่พื้น ก่อนที่นิดหน่อยจะลุกขึ้นมาโวยวายอาจารย์ขาว
“เฮ้ย มายุ่งกับฉันทำไม”
อาจารย์ขาวจ้องหน้าเขม็ง ถามเสียงขุ่น “แกมาสิงร่างนังหนูนี่เพื่ออะไรวะ”
อับดุลไม่พอใจ “แกเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วยวะ”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่รู้จักอาจารย์ขาวซะแล้ว”
อับดุลในคราบนิดหน่อยมีสีหน้าตกใจ
“อาจารย์ขาว”
อาจารย์ขาวหัวเราะขำ “นึกออกขึ้นมาแล้วล่ะสิมึง”
“อีนี่สอนวิชาอะไรเหรอจ๊ะ ช่วยสอนภาษาไทยให้อับดุลหน่อยสิจ๊ะนายจ๋า”
“ภาษาไทยที่หมูเลย” อาจารย์ขาวเคลิ้ม2วิแล้วช็อต “ไอ้บ้า ข้าเป็นหมอผี ไม่ใช่อาจารย์สอนหนังสือ”
นิดหน่อยมองตาขวาง “ต้องการอะไรจากข้า”
“ออกจากร่างแม่หนูนี่ แล้วกลับสำนักไปกับข้า”
“ไม่ออก”
“จะลองดีกับอาจารย์ขาวงั้นเหรอ โรเบิร์ต เอาข้าวสารเสกมา”
โรเบิร์ตยื่นกระติ๊บข้าวเหนียวมาให้ อาจารย์ขาวรับไปโดยไม่มอง ก่อนจะจกข้าวในกระติ๊บมากำและร่ายมนต์ จนเริ่มรู้สึกเหนียวๆ ที่มือ
“ไอ้บ้า เอ็งเอาข้าวเหนียวมาจากไหนวะ”
“ร้านส้มตำไงครับ”
“ข้าจะเอาข้าวสารเสก”
“ข้าวสารเสกอยู่ที่สำนักไงครับ ก็เห็นว่ามากินส้มตำเฉยๆ เลยไม่ได้เอาอุปกรณ์ปราบผีมา”
“มึงนี่ไม่มีความเตรียมพร้อมอะไรสักอย่าง”
อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตหันไป เห็นนิดหน่อยกำลังปีนไปที่รึมตึกจุดกระโดดตึกอีกครั้ง ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชากไว้ บรรยากาศวุ่นวาย
ด้านสมรมองไปที่หน้าร้านด้วยสีหน้าว้าวุ่น เมื่อรู้สึกว่านิดหน่อยออกไปนานเกินไป
“เอ๊ะ ทำไมนิดหน่อยมันออกไปนานจังนะ”
“ออกไปส่งของที่ไหนเหรอครับ”
“ร้านมินิมาร์ทของดาวนี่เองค่ะ ไม่น่าจะนานขนาดนี้”
ชาวบ้านคนรู้จักกันเดินเข้ามาหน้าตาตื่น
“พี่หมอน”
“อะไร มีอะไร”
“นิดหน่อยพี่ นิดหน่อยมันจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย”
ยมลุกพรวดขึ้นทันที ตกใจมาก
“เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้!”
“จริงพี่ รีบไปห้ามมันเถอะ ดูท่ามันจะกระโดดจริงๆ นะ”
“อ๊ายย..ก็รีบนำชั้นไปสิ ไป๊”
สมรกับยมรีบพากันออกจากร้าน ปิดล็อกร้านแล้วพุ่งไปทางตึกร้าน
ด้านเขต7 มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่สุวรรณจะเอ่ยขึ้น
“ให้ผมออกตามหาไอ้อับดุลมั้ยครับ”
ยม สมรและชาวบ้านวิ่งออกมาจากหน้าร้าน มุ่งหน้าไปทางใด
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นกันไปแบบนั้น” เจ้าที่งง
“ท่านเขต8ตามไปด้วยแบบนั้น น่าจะเกี่ยวกับนิดหน่อยนะครับ”
“ตามไปสิ”
เขต7 เดินนำสุวรรณและสุวานออกไป
บริเวณหน้าตึกร้าง มีไทมุงชาวบ้านชายหญิงร่วมสิบคนจับกลุ่มมองขึ้นไปบนตึก ซึ่งอาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตกำลังยื้อยุดฉุดกระชากนิดหน่อยที่พยายามจะกระโดดตึกอยู่
“ไอ้โรเบิร์ต เอ็งจับแม่หนูนี่ไว้แน่นๆ นะ”
อาจารย์ขาวถอดสร้อยพระของตัวเองออกมาพนมมือสวดมนต์พึมพำสักครู่หนึ่ง โรเบิร์ตยื้อนิดหน่อยสุดแรง พอเห็นว่านานไปก็ทักอาจารย์ขาว
“สวดคาถาอะไรน่ะจารย์”
“เฮี้ยนแบบนี้ต้องชินบัญชรสิวะ”
“โอ๊ย ถ้าสวดชินบัญชรจบ ก็เตรียมไปกินข้าวต้มงานศพนังนี่ได้เลยจารย์ นะโมสามจบก็พอแล้ว”
“เออ ก็ได้วะ”
อาจารย์ขาวคล้องสร้อยพระที่คอนิดหน่อย นิดหน่อยนิ่ง หยิบพระอาจารย์ขาวมาดูหน้าตาเฉย
“พระอะไรอ่ะ”
“หลวงพ่อยิ้ม วัดเศร้าสร้อย” อาจารย์บอก
“สวย...แท้มาจากบ้านเลยนะนี่ ปล่อยมั้ยจ๊ะนายจ๋า”
“พระสามแสน กรอบเลี่ยมทองแถมให้ฟรี”
นิดหน่อยกัดกรอบพระ “ปลอมสนิท ปาหัวหมามาจะด่ามั้ยเนี่ย”
อาจารย์ขาวงง “เดี๋ยว นี่มึงไม่กลัวเลยเหรอ”
เริ่มเห็นร่างอับดุลที่ซ้อนร่างนิดหน่อยอยู่วูบวาบไปมา
“ถามไม่เกียรติสารรูปกูเลย แขกจ๋าขนาดนี้ จะกลัวพระมึงมั้ยจ๊ะนายจ๋า”
อาจารย์ขาวยัวะ “ขึ้นมึงขึ้นกูแบบนี้ มึงก็ไม่ต้องมาจ๊ะนายจ๋าแล้วไอ้ห่า”
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับกู กูจะเอานังนี่ไปอยู่ด้วย”
นิดหน่อยทำท่าจะกระโดดตึกอีก อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตช่วยกันดึงไว้
“ปล่อยกู!”
เสียงยมดังขึ้นอย่างดุ “หยุด”
นิดหน่อยชะงักกึก ทุกคนจะหันไปมอง เห็นยมเดินหน้าเข้มเข้ามาพร้อมกับสมร
“นิดหน่อย แกจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายทำไม”
ยมหันไปบอก “นิดหน่อยโดนวิญญาณอื่นเข้าสิงอยู่ครับ”
สมรตกใจสุดขีด “ฮะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ยมขยับเดินเข้ามาหานิดหน่อยช้าๆ ขณะที่อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตค่อยๆถอยออกไป และจับตาดูยมว่าจะโชว์ออฟอะไร
“ออกจากร่างนิดหน่อยเดี๋ยวนี้”
“แกเป็นใคร!”
อาจารย์ขาวหูผึ่งรอ ลุ้นว่ายมจะตอบอะไรออกมา
“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ยมเหล่มาทางอาจารย์ขาวแว่บหนึ่ง “รู้ไปรอยหยักในสมองก็ไม่ได้ลึกขึ้น”
อาจารย์ขาวสะดุ้งนิดๆ “ไอ้ท่อนหลังนี่มันว่าแดกข้ารึเปล่าวะ”
“วิญญาณไม่มีสมองไม่ใช่เหรอจารย์”
อาจารย์ขาวมองยมตาขุ่น “มีแทงกระทบชิ่งเป็นสนุกเกอร์เลยนะ”
“ออกมาจากร่างนิดหน่อยซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ยมฉุนขาด
“แกจะทำอะไรฉันได้ ไอ้หน้าจืด” ผีอับดุลไม่ยอม
ยมปรี่เข้าไปจับข้อมือนิดหน่อย ออกแรงกระชากเต็มแรงจนวิญญาณอับดุลออกจากร่างนิดหน่อย ลงมากลิ้งที่พื้น คาตาอาจารย์ขาว
“โอ้โห เล่นง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
ยมผละจากอับดุล รีบเข้าไปประคองร่างนิดหน่อย สมรวิ่งตามเข้ามาดูอีกคน
“นิดหน่อย แกเป็นยังไงบ้าง”
อับดุลเงอะๆ งะๆ ก่อนจะวิ่งหนีไป ยมหันขวับไปมอง
“ดูนิดหน่อยไว้นะครับ เดี๋ยวผมมา”
“ค่ะ”
ยมรีบตามอับดุลไป
“เอาไงต่อจารย์”
“ช็อตเด็ดยังไม่จบ ตามไปสิวะ”
อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตแอบย่องตามยมไป
ในตึกร้างบริเวณชั้น1 ทีมเขต7 เดินเข้ามาในนั้น เจอกับอับดุลที่หนีลงมาพอดี
“ไอ้อับดุล”
“พวกนายไปอยู่ที่ไหนกันมา ฉันตามหาตั้งนาน”
“ตามหาพวกข้าทำไม” เขต7 แปลกใจ
ยมเดินเข้ามา โดยที่ทีมเขต7 ยังไม่มีใครเห็น
“เอ้า ก็ฉันทำงานสำเร็จแล้ว ฉันเข้าสิงผู้หญิงคนนั้นได้ ไหนล่ะจ๊ะ บุญของฉันน่ะ”
ยมโกรธจัดเขาค่อยๆ งอกออกมา ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อเขต 7
“นี่ท่านส่งวิญญาณไปเข้าสิงนิดหน่อยอย่างนั้นเหรอ”
เขต7 มีอารมณ์ขึ้นมาเช่นกัน เขางอกเผยร่างแท้ออกมา
“ก็มันเป็นงานของข้า”
“แต่ท่านล้ำเส้น ถ้านิดหน่อยเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ”
“ล้ำเส้นยังไง”
“เมื่อกี๊นิดหน่อยพยายามจะกระโดดตึกเพราะวิญญาณที่ท่านส่งไป”
เขต7 หันขวับไปมองผีอาบัง อับดุลเห็นท่าไม่ดีจะเดินหนี แต่สุวรรณกับสุวานล็อคตัวไว้ทัน
อาจารย์ขาวกับโรเบิร์ตย่องมาซุ่มดู พอเห็นร่างจริงของยมกับเขต7 ถึงกับตะลึงตาค้าง
“โอ้โหเฮ้ย เขางอกเป็นกระทิงเขาใหญ่เลย”
“ชัดแล้วจารย์ ไอ้ยม เอ๊ย ท่านยมเป็นมัจจุราช”
เขต7 รู้ตัวว่าพลาด แต่ก็ยิ้มกลบเกลื่อนและเบี่ยงเบนประเด็นไปที่ยม
“หัวร้อนโกรธแทนกันขนาดนี้ คิดอะไรเกินเลยกับนิดหน่อยเข้าแล้วล่ะสิ”
“ไม่ต้องมาเบี่ยงเบนประเด็น เรื่องนี้ถ้ารู้ถึงท่านท้าว ท่านมีปัญหาแน่”
เขต7 อึ้งไป สุวรรณกับสุวานก็พากันหน้าเสียทั้งคู่
ฝั่งอาจารย์ขาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปยมกับมัจจุราชเขต 7 รัวๆ
“ชัตเตอร์ ถ่ายติดมัจจุราชมั้ยล่ะมึง”
เขต7 ตั้งสติได้ ยิ้มกลบเกลื่อน ทำเหมือนไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร
“ถ้าอยากจะฟ้องก็ตามลงไปฟ้องได้..ข้าต้องไปทำงานต่อละ” เขต7 สั่งการกับสุวรรณและสุวาน “เอาไอ้นี่ลงไปนรก”
“เฮ้ย เอาฉันลงไปทำไมจ๊ะนายจ๋า แล้วบุญที่ตกลงกันไว้ล่ะ” อับดุลโวยวาย
“แกทำเกินที่ตกลงกันไว้”
เขต7 เดินนำสุวรรณและสุวานออกไป ยมพยายามระงับอาการโกรธ และเขาที่งอกอยู่ค่อยๆ หดกลับเข้าไป
อาจารย์ขาวแอบถ่ายอยู่ด้านหลังสองมัจจุราชอย่างตื่นเต้น
อาวรณ์เอาเงินปึกใหญ่ใส่เครื่องนับเงินส่วนตัวที่บ้าน มีแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
“เงินเยอะเลยนะคะคุณนาย”
“เงินค่าเช่าที่ที่ห้างของชั้นน่ะ”
แม่บ้านกระแซะเข้าไปถาม “คุณนายพอจะมีแบงค์ห้าร้อยซักสองใบมั้ยคะ”
“จะแลกเหรอ เอาสิ” อาวรณ์ยื่นแบงค์ 500 ให้สองใบ
“จะยืมน่ะค่ะ แหะๆ” แม่บ้านจะดึงแบงค์ไป
อาวรณ์ชักกลับทันที “เนียนโนะ เดี๋ยวปั๊ดหลังแหวน”
อาวรณ์ทำท่าจะหลังแหวนใส่แม่บ้าน แม่บ้านรีบเผ่นออกไป
วิเวกเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับถุงใส่กระเป๋าแบรนด์เนมดัง
“หอบอะไรมาล่ะคะนั่น”
“ผมซื้อกระเป๋ามาฝากน่ะ”
วิเวกยื่นถุงใส่กระเป๋าให้ อาวรณ์รับไปพอเห็นว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงก็ตื่นเต้นดีใจมาก
“คุณพระ นี่คุณซื้อกระเป๋านี่ให้ชั้นงั้นเหรอ”
“ชอบมั้ยล่ะ”
“ถามได้ ใครไม่ชอบก็บ้า....แล้ว”
“ชอบก็ดีแล้ว ไว้เดี๋ยวผมจะซื้อมาให้อีกนะ”
“นี่คุณกินยาไม่ได้เขย่าขวดรึเปล่าเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาซื้อของแพงๆ ให้ชั้นแบบนี้คะ”
วิเวกยิ้มกริ่ม เดินเข้าไปโอบกอดเมีย
“ชีวิตคนมันสั้นนัก อะไรที่ทำแล้วตัวเองและคนรอบข้างมีความสุข ก็รีบๆ ทำซะเถอะคุณ”
อาวรณ์ปลื้มปริ่ม “สามีแห่งชาติ”
“ใช้กระเป๋าใบนี้ทุกวันเลยนะ ถ้าเบื่อเดี๋ยวผมซื้อใบใหม่มาให้อีก”
“โอเคค่ะ ชั้นจะถือทุกวันเลย”
อาวรณ์ปลื้มปริ่มกับกระเป๋า วิเวกยิ้มในสีหน้ามีแผนการบางอย่างในใจ
โดยที่สน.ก่อนหน้านี้ ลูกน้องวิเวกยื่นกล่องใส่กระเป๋าแบรนด์เนมให้
“เรียบร้อยแล้วครับท่าน”
วิเวกเปิดกล่องใส่กระเป๋า หยิบกระเป๋าออกมาดู
“เครื่องดักฟังฝังไว้ตรงไหนเนี่ย”
ลูกน้องชี้จุดฝังเครื่องดักฟัง ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใหญ่กว่าซิมการ์ดโทรศัพท์ไม่มาก
“ตรงนี้ครับ เป็นเครื่องดักฟังระยะไกล ทำงานโดยใช้ซิมโทรศัพท์”
วิเวกพยักหน้าเข้าใจ “เวลาจะดักฟังก็แค่โทร.เข้าไปใช่มั้ย”
“ใช่ครับ” ลูกน้องยื่นกระดาษจดเบอร์ให้ “นี่ครับ เบอร์โทร.”
วิเวกรับกระดาษมา “ขอบใจมาก”
“ท่านจะจับภรรยาท่านจริงๆ เหรอครับ”
วิเวกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องเมียชั้นก็แค่เรื่องรอง เรื่องหลักจริงๆ คือบ่อนใหญ่ที่มันลอดหูลอดตาเราอยู่ทุกวันนี้ต่างหากล่ะ”
วิเวกมีสีหน้าเข้มขรึม เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะทลายบ่อนนี้ให้จงได้
สมรประคองนิดหน่อยที่มีอาการอ่อนเพลียเข้ามานั่งตรงโซฟาในร้าน มียมตามมาติดๆ สำรวจตามตัวลูกสาวเห็นมีรอยข่วนแดงหรือช้ำเป็นจ้ำๆ ที่แขน ตอนฉุดกระชากกับอาจารย์ขาวและโรเบิร์ต
“ดูซิ แขนเขินช้ำเป็นจ้ำๆ หมดเลยเนี่ย เจ็บมั้ยลูก”
นิดหน่อยยิ้มอ่อนแรง “ไม่เป็นไรแล้วล่ะแม่ ช้ำแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”
สมรประคองนิดหน่อยนั่งสบายๆ แล้วหันไปขอบคุณยมอีกครั้ง
“ต้องขอบคุณคุณยมจริงๆ นะคะ ถ้าไม่ได้คุณยม ไม่รู้ว่านิดหน่อยจะเป็นยังไงบ้าง”
นิดหน่อยมองยมด้วยแววตาซึ้งใจ ที่เขามาช่วยเธอไว้
“ไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยปลอดภัยผมก็ดีใจ”
นิดหน่อยยิ้มบางๆ รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของยม
สมรนึกขึ้นได้ว่ามีนัด
“อุ๊ย นัดนังหวีไว้นี่หว่า แกไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไรแล้วแม่ แม่กลับไปดูบ้านเถอะ
“เออ” สมรหันมาลายม “ถ้าอย่างนั้นชั้นขอตัวนะคะ”
ยมพยักหน้ายิ้มรับเอาคำ มองตามสมรเดินออกจากร้านไป
ส่วนนิดหน่อยลอบมองยมยิ้มๆ พอยมหันกลับมาเห็น นิดหน่อยถึงกับสะดุ้งนิดๆ หุบยิ้มแทบไม่ทัน ทำเป็นเสมองไปด้านอื่นแทน ยมมองที่คอนิดหน่อย ไม่เห็นสร้อยไหลน้ำพี้ก็เลยสงสัย
“สร้อยที่ใส่อยู่หายไปไหนเหรอ”
“อ๋อ...จุกยืมไปใส่น่ะค่ะ บอกว่าช่วงนี้เห็นผีบ่อย”
ยมพยักหน้ารับ ในใจก็ยังแอบห่วงนิดหน่อยอยู่
จังหวะนี้อารยาเดินเข้ามาในร้าน ตรงมาหาทั้งคู่
“สวัสดีค่ะ คุณยม คุณนิดหน่อย”
“สวัสดีค่ะคุณยา...นี่มาได้ยังไงคะเนี่ย”
“เปิด GPS ตามพิกัดร้านมาน่ะค่ะ”
“โอ้ว์...ตั้งใจมาแบบนี้ อยากมากินขนมหรือว่าอะไรคะเนี่ย”
“อยากมากินขนมด้วยค่ะ แต่หลักๆ คือจะมาชวนไปเที่ยวด้วยกันน่ะค่ะ”
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันอึ้งๆ งงๆ เล็กน้อย
“เที่ยวที่ไหนคะ”
“สมุทรสงครามค่ะ พอดีพี่สนอยากไป ก็เลยให้ยามาชวนคุณยมกับคุณนิดหน่อยไปด้วยกัน”
นิดหน่อยแปลกใจ “ทำไมคุณสนถึงอยากชวนให้เราไปด้วยล่ะคะ คุณยาไปกับคุณสนสองต่อสองมันน่าจะเหมาะกว่านะ”
“พี่สนคงอยากให้ไปกันหลายๆ คน จะได้ไม่เหงาน่ะค่ะ แล้วที่สำคัญ พี่สนบอกว่าถูกชะตากับคุณยม ก็เลยอยากให้ไปด้วยกัน”
“เอ่อ...” ยมอ้ำอึ้งหันมาหานิดหน่อย “คุณว่าไงล่ะ”
นิดหน่อยมีอาการลังเล
“ไปด้วยกันนะคะคุณนิดหน่อย...คุณยม”
นิดหน่อยกับยมมองหน้ากัน ครุ่นคิดตัดสินใจ อารยาลุ้นรอคำตอบ
ชนกเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียด เสียงที่คุยกับจุกดังขึ้นในห้วงความคิด
“ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคนรู้จักมาแล้วครับ เค้าว่าพ่อโดนทำของใส่”
“ทำของเหรอ”
ชนกเดินค้นหาหลักฐานตามมุมต่างๆ ของห้อง แต่ก็ไม่เจออะไร
“ครับ เป็นพวกเสน่ห์มนต์ดำน่ะ...”
“นี่ยุพากล้าทำกับพ่อถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
ชนกเดินมาที่เตียงนอน ค้นดูตามใต้หมอนไม่เจออะไร จนก้มลงไปดูที่ใต้เตียง ชนกอึ้งเล็กน้อย เมื่อสายตาเห็นอะไรบางอย่าง
ที่ใต้เตียงมีหุ่นเทียนเรียกจิตวางซุกอยู่ตรงกับตำแหน่งหมอนชนกพอดี ชนกเอื้อมมือหยิบ ดูหุ่นขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะสบถออกมาเบาๆ ด้วยอารมณ์โกรธ
“ยุพา”
ชนกหน้าเครียด คิดหนัก ว่าจะทำยังไงกับยุพาดี
อาจารย์ขาวนั่งเลื่อนดูรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ที่หน้าจอ เป็นภาพที่อาจารย์ขาวถ่ายเหตุการณ์ยมกำลังคุยกับเขต7 ที่ตึกร้าง แต่ภาพที่ได้มา
เสียทุกภาพ เหมือนแสงสีแดงๆ โอเวอร์ๆ จนมองไม่ออก
“นี่กล้องไม่ดีหรือเป็นเพราะฤทธิ์เดชมัจจุราชกันวะเนี่ย จะส่งไปขายราย การเดอะ ช็อก ซะหน่อย จบกัน”
โรเบิร์ตกับโรบิ้นเดินนำยุพาเข้ามาหาอาจารย์ขาว
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
“อ้าว สวัสดีจ้ะ คุณยุพา เป็นยังไงบ้าง หุ่นเทียนเรียกจิตของอาจารย์ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมั้ย”
“เริดมากค่ะอาจารย์ สามีรักสามีหลงสุดๆ”
อาจารย์ขาวหัวเราะคิกคักพูดไปขำไป “มันแน่นอนอยู่แร้วว หุ่นเทียนเรียกจิตของอาจารย์ขาว ถ้าลองได้สำแดงฤทธิ์เดชแล้วล่ะก็ ต่อให้มีจีพีเอสก็หลงจนหาทางออกไม่เจอ”
“นั่นขำหรือจะขาดใจตายคะจารย์”
“ขำสิวะ..แหม...” อาจารย์กัดฟัน บ่นเบาๆ อารมณ์หมั่นเขี้ยว “แซวแบบนี้ เดี๋ยวก็แหกศีลจำทำเมียซะเรย”
“แหกอะไรนะคะ”
“อ๋อ เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร แล้วนี่มาหาอาจารย์มีเรื่องอะไรให้ช่วยอีกรึเปล่า”
“อ๋อ...คือว่าอยากจะให้ช่วยเรื่องหุ่นนี่แหละค่ะ ยุพาเห็นมันเวิร์กขนาดนี้ ก็เลยอยากจะทำกับคนที่หมายปองไว้อยู่”
“อ้าว นี่มีใครหมายปองไว้อีกล่ะเนี่ย แล้วสามีหนูล่ะจ๊ะ”
“โอ๊ย รายนั้นน่ะหนูลองยาค่ะ เป้าหมายจริงน่ะคือคนนี้”
“ใครรึ”
“คุณยมน่ะค่ะ”
อาจารย์ขาว โรเบิร์ตและโรบิ้นหันมามองหน้ากันสีหน้าเจื่อนๆ
“มีอะไรกันเหรอคะ ทำไมหน้าตาเจื่อนๆ กันแบบนั้นล่ะ”
“หุ่นอาจารย์คงทำอะไรเป้าหมายของหนูรายนี้ไม่ได้หรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ก็เพราะเป้าหมายหนูรายนี้ไม่ใช่คนน่ะสิ”
ยุพาเขิน สะเทิ้นอาย “จะบอกว่าไม่ใช่คน แต่เป็นเทพบุตรใช่มั้ยคะ แอร๊ยย”
“เป็นมัจจุราช” อาจารย์ขาวบอกเสียงเข้ม
“มัจจุราชชั้นรักเทอว์” ยุพาเคลิ้มแล้วช็อตเมื่อนึกออก “เย้ย! มัจจุราชเหรอคะ”
“ใช่” อาจารย์ขาวกดโทรศัพท์มือถือเปิดรูปให้ดู “เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ดูรูปพวกนี้สิ”
ยุพารับมือถือจากอาจารย์ขาวไปเลื่อนดูรูป
“รูปอาจจะไม่ชัด แต่อาจารย์เห็นมากับตาตัวเองแล้ว นายยมของหนูน่ะ เขายาวกว่ากระทิงเขาใหญ่ซะอีก”
“จริงเหรอคะอาจารย์”
“เอาอาจารย์ไปสาบานที่ไหนก็ได้”
ยุพาดูรูปในโทรศัพท์ พยายามซูมดูรายละเอียดต่างๆ ด้วยสีหน้าอึ้งหนัก
คืนเดียวกัน อาวรณ์แต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก โดยถือกระเป๋าที่วิเวกซื้อให้ลงบันไดมาด้วย
วิเวกนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาห้องรับแขก พอเห็นเมียรักก็ยิ้มทักทาย
“จะออกไปไหนเหรอคุณ”
อาวรณ์ยิ้มตอบ “ออกไปงานตัดหวายลูกนิมิตน่ะค่ะ”
วิเวกลุกขึ้น เหมือนอยากจะไปด้วย
“เหรอ ผมไปด้วยคนสิ ไม่ได้ทำบุญนานแล้วเนี่ย”
อาวรณ์อึกอักครู่หนึ่ง “เอ่อ...เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันนะคุณ พอดีวันนี้ชั้นไปกับแก๊งเพื่อนสาวน่ะ ถ้าคุณไปด้วย จะอึดอัดเปล่าๆ”
“เหรอ...”
“ใช่...ไว้ครั้งหน้านะ นะๆ”
“โอเคๆ” วิเวกนั่งลงพร้อมหน้าเซ็งๆ
“ชั้นไปก่อนนะ แล้วจะทำบุญเผื่อ”
“จ้ะ”
อาวรณ์เดินออกไป วิเวกยิ้มกริ่ม มองตามกระเป๋าซ่อนเครื่องดักฟังที่เมียถือไปด้วยอย่างสมใจ
ยุพาลงรถ เดินเข้าไปในบ้าน เห็นชนกกับทนายลุกขึ้นยืน หลังจากเซ็นเอกสารกันเสร็จ
“เดี๋ยวเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมจะแจ้งคุณชนกอีกทีนะครับ”
“ขอบคุณมากคุณทนาย”
ทนายไหว้ทักยุพา “สวัสดีครับคุณยุพา”
“สวัสดีค่ะคุณทนาย มาเซ็นเอกสารอะไรกันเหรอคะ”
“ก็ตามที่เราคุยกันไว้ไง”
ยุพามีสีหน้าตื่นเต้น คิดว่าชนกเซ็นยกทรัพย์สินให้ตามที่ตกลงกันไว้
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ชนกตบไหล่ทนาย “ขอบคุณมาก”
ทนายยกมือไหว้ชนกกับยุพา แล้วเดินออกจากบ้านไป
“นี่คุณเซ็นยกทรัพย์สินให้ชั้นทั้งหมดแล้วเหรอคะ” ยุพาตื่นเต้นสุดๆ
ชนกยิ้มให้ “ก็บางส่วนก่อนนะ พอดีมันมีหลายอย่าง ต้องใช้เวลานิดนึง แต่เดี๋ยวผมจะทยอยจัดการให้จนครบแหละ
ยุพาดีใจโผเข้ากอดชนก
“ขอบคุณนะคะที่รัก”
“จ้า”
ลับหลังชนกทำหน้าสะอิดสะเอียนในความโลภของเมีย โดยที่ยุพาไม่เห็น ยุพาละตัวมามองหน้า ชนกรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที
“น่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวคืนนี้จัดชุดคอมโบ้ให้ดีกว่า”
“ขึ้นไปอาบน้ำรอเลยจ้ะ เดี๋ยวผมตามไป”
“รีบตามขึ้นไปนะคะ”
ยุพาเดินขึ้นบ้านไป ชนกยิ้มกริ่มเมื่อการซ้อนแผนยุพาเป็นไปได้ด้วยดี
ก่อนหน้านี้ชนกถือหุ่นเทียนเรียกจิตอยู่ในมือ คุยโทรศัพท์มือถือกับจุก
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะซ้อนแผนยุพาซะหน่อย”
เสียงจุกดังลอดออกมา “พ่อจะทำยังไงครับ”
ชนกก้มลงวางหุ่นเทียนเรียกจิตไว้ที่เดิม เพื่อไม่ให้ยุพาไหวตัวทัน
“ถ้าหุ่นนี่หมดพลังอำนาจแล้ว พ่อก็จะวางมันไว้ที่เดิม แล้วพ่อก็จะทำเป็นหลงรักยุพาเค้าเหมือนเดิม”
“แล้วยังไงต่อครับ...”
ชนกยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ มีแผนการเด็ดในใจ
จุกยื่นสร้อยคืนให้กับนิดหน่อย
“อ่ะ..คืน”
นิดหน่อยรับสร้อยไปตรวจเช็คความเรียบร้อย
“แหม...ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า”
“ไม่ได้ นี่ของรักของหวง ต้องเช็คเพื่อความชัวร์”
นิดหน่อยเช็คสร้อยต่อ ก่อนที่จุกจะนึกเรื่องนิดหน่อยโดนผีเข้าขึ้นมาได้
“เอ้อ...แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงโดนผีเข้าได้ล่ะ”
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นมันไม่รู้ตัวเลยอ่ะ”
นิดหน่อยสวมสร้อยไหลน้ำพี้ที่คอตัวเอง
“แม่ก็เล่าให้ฟังบ้างแหละ โดยเฉพาะตอนที่พี่ยมช่วยพี่ แม่บอกว่าพี่ยมทำท่าเหมือนกระชากวิญญาณออกจากร่างพี่เลยนะ”
“เหรอ”
“ใช่ พอกระชากแล้วพี่ก็หมดสติไปเลย”
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นั่นสิ ถ้ามันจะง่ายขนาดนั้น จุกว่าพี่ยมไม่ใช่คนมีอาคมธรรมดาซะแล้วล่ะ ขนาดอาจารย์ขาวอยู่ตรงนั้นยังทำอะไรไม่ได้เลย”
นิดหน่อยอึ้งไป เริ่มมั่นใจว่ายมเป็นมากกว่าคนเล่นของที่มีอาคมทั่วๆ ไป
ขณะเดียวกัน วิเวกนั่งรอเวลาเงียบๆ อยู่คนเดียวที่โซฟาโถงรับแขกที่บ้าน แม่บ้านเดินผ่านมาทัก
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะท่าน”
“เดี๋ยวสักพักก็นอนละ ขอนั่งเงียบๆคนเดียวอีกสักแป๊บนึง”
“ค่ะท่าน” แม่บ้านเดินออกไป
วิเวกดูนาฬิกาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก เสียงสัญญาณโทร.เข้าดัง ขึ้นก่อนจะเป็นเสียงตื๊ด1 ที แล้วได้ยินเสียงบรรยากาศงานบุญฝังลูกนิมิตดังมาจากปลายสาย
“เฮ้ย นี่ไปทำบุญจริงๆ เหรอเนี่ย”
วิเวกอึ้งหนัก คาดไม่ถึงว่าอาวรณ์จะไปงานทำบุญฝังลูกนิมิตจริงๆ
แท้จริงแล้ว กระเป๋าที่วิเวกซื้อให้อาวรณ์วางอยู่ที่เบาะหลังรถซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถของบ่อนแห่งนั้น ใกล้ๆ กันมีไอแพดเปิดคลิป You tube งานปิดทองฝังลูกนิมิตวาง อยู่ใกล้ๆ กัน
ส่วนอาวรณ์นั่งดื่มเหล้าด้วยอารมณ์กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มในบ่อน
“คิดว่าชั้นจะตามคุณไม่ทันอย่างนั้นเหรอ จากคนเฉิ่มๆ เชยๆ ขี้งก ขี้เหนียว ยิ่งกว่าฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้า ทำมาเป็นเมคโอเวอร์ตัวเอง แต่งตัวด้วยของแบรนด์เนม แถมยังซื้อกระเป๋าแพงๆ ให้ชั้นอีก ไม่ได้กินชั้นหรอกเว้ย”
นักเลงคุมบ่อนยืนกุมไข่อยู่ข้างๆ ฟังอาวรณ์พูดคนเดียวมานานแล้ว
“คุยกับใครเหรอครับคุณนาย”
อาวรณ์สะดุ้งเบาๆ “ฉันคุยกับตัวเอง”
“แหม...อย่างกับนางร้ายในละครเลยนะครับ”
“พูดดีๆ นางร้ายหรือนางเอก”
นักเลงยิ้มหน้าเจื่อนๆ “นางเอกครับ แหะๆ”
“แล้วนี่วิวัฒน์เข้ามาบ้างมั้ยเนี่ย”
“วันนี้ยังไม่เห็นเข้ามาเลยนะครับ”
“โอเค...ช่วงนี้ก็กวดขันเรื่องความปลอดภัยกันหน่อยนะ เพราะกลิ่นเริ่มโชยไปถึงตำรวจแล้ว”
“ครับคุณนาย”
“มีอะไรก็ไปทำไป ชั้นขอนั่งเงียบๆ คนเดียวหน่อย”
“ครับ”
นักเลงคุมบ่อนเดินออกไป
“แน่จริงก็จับชั้นให้ได้นะ แคชมี อิฟ ยู แคน ไอ้แก่”
อาวรณ์หัวเราะหึๆ ยิ้มกระหยิ่ม มั่นใจว่าวิเวกไม่มีทางจับตัวเองได้
ดาวย้อนถามกลับไปเสียงดังว่า
“สมุทรสงครามเหรอ”
นิดหน่อยยืนคุยอยู่กับดาวที่เคาน์เตอร์ในร้าน
“เออ ไปด้วยกันมะ”
“แล้วมีใครไปบ้างอ่ะ”
“ตอนนี้ก็มีคุณอารยา คุณสน ชั้น...แล้วก็คุณยมน่ะ”
ดาวยิ้มกระหยิ่มมองจ้องหน้านิดหน่อย
“อะไร”
“ก็ครบคู่แล้ว จะชวนชั้นไปเป็นส่วนเกินเพื่อ”
“นี่...ชั้นกับคุณยมไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ”
ดาวลากเสียงล้อยาว “หรา.......”
นิดหน่อยหมั่นไส้ เอานิ้วป้ายปากดาว
“อ๊ายย..นิ้วสกปรกมั้ยเนี่ย”
“เพิ่งแคะขี้มูกมาน่ะ”
เห็นดาวอึ้งๆ นิดหน่อยยิ้มบอก
“ล้อเล่น...นะ..ไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อย ชั้นไม่อยากไปแบบครบคู่แบบนี้อ่ะ...มันหยึยๆ ไงไม่รู้”
ดาวยิ้มขำ พูดดักคอ “อารมณ์แบบนี้มีสองอย่าง คือไม่คิดอะไรกับคุณยมเค้าจริงๆ กับแอบคิดอยู่ แล้วกลัวใจตัวเองจะหวั่นไหวไปกับเค้า”
นิดหน่อยยืนยันหนักแน่น “ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับเค้า”
“อะเคร จะพยายามเชื่อนะ”
“แล้วไง สรุปจะไปกับชั้นมั้ย”
“ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก...ไปดีมั้ยน้า”
ดาวครุ่นคิดตัดสินใจ ทำเป็นเล่นตัว
ด้านวิวัฒน์เดินเข้ามาในห้องนอน ตรงมายังเตียงนอนด้วยสีหน้าเข้มขรึม เพ่งมองหาบางอย่างบนหมอน และที่นอน ก่อนจะหยิบเส้นผมของผู้หญิงที่ตกอยู่บนที่นอนขึ้นมาดู ยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ
โดยในคืนวันเกิดรุจิภา คืนนั้น วิวัฒน์กับรุจิภานัวเนียกันอย่างรุนแรง บางจังหวะสองคนจิกผมกันเบาๆ จนผมร่วงลงมาบนที่นอนทั้งสองฝ่าย
วิวัฒน์มองเส้นผมในมือ พูดออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นแค้นในใจ
“คนอย่างชั้นเสียอะไรไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้”
กุมารทองสุรเดชนั่งยองๆ มองหน้าวิวัฒน์อยู่บนที่นอน
“พ่อจะเอาผมนี่ ไปทำเสน่ห์เหรอจ๊ะ”
“ใช่”
“แต่พ่อโกรธกับอาจารย์ขาวอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วอาจารย์เค้าจะทำให้มั้ย”
“หมอผีมีแค่อาจารย์ขาวคนเดียวซะที่ไหนล่ะ”
“หมายความว่าพ่อจะไม่ง้ออาจารย์ขาวแล้ว”
“ไม่จำเป็น”
วิวัฒน์แสยะยิ้ม ไม่ให้ความสำคัญกับอาจารย์ขาวอีกแล้ว
ยมนั่งอ่านหนังสือฮาวทู พยายามเรียนรู้ความรักของมนษย์อยู่ที่โต๊ะสนามในสวนสวยหน้าบ้าน ก่อนที่รุจิภาจะเดินยิ้มเข้ามาหา
“มอนิ่งค่ะคุณยม”
“สวัสดีครับคุณรุจิ”
รุจิภามองหนังสือในมือยม “อุ๊ย อ่านฮาวทูความรักแบบนี้ กำลังอินเลิฟอยู่เหรอคะ กับใครน๊า”
“เปล่าหรอกครับ ก็แค่ศึกษาไว้เฉยๆ น่ะ”
รุจิภามองหน้ายมยิ้มๆ วันนี้ตั้งใจมาเปิดใจกับเขาอยู่แล้ว
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
รุจิภานั่งลงข้างๆ ยม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รุจิมีอะไรจะสารภาพน่ะค่ะ”
ยมหน้าเสีย สังหรณ์ว่าอีกฝ่ายจะสารภาพรัก “สารภาพอะไรเหรอครับ”
“รุจิชอบคุณยมค่ะ”
ยมอึ้ง นิ่งงันไป
“จริงๆ คุณยมก็น่าจะรู้สึกมาสักพักแล้ว ว่ารุจิคิดยังไงกับคุณยม แต่เพื่อความชัดเจน รุจิก็อยากบอกคุณยมต่อหน้าตรงนี้น่ะค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ ที่มีความรู้สึกดีๆ กับผม แต่ผมคงรักใครมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ”
รุจิภาอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณยมมีคนรักอยู่แล้วเหรอคะ”
“ยังครับ”
“อ้าว แล้วทำไมคุณยมรักใครมากกว่าเพื่อนไม่ได้ล่ะคะ”
ยมอึกอัก ไม่รู้จะอธิบายยังไง “อืมม..ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจนะครับ แต่เอาเป็นว่า วันนึงคุณรุจิจะเข้าใจเอง ว่ามันเป็นเพราะอะไร”
รุจิภาอ้ำอึ้งด้วยอารมณ์ผิดหวัง จนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
กลางแสงสียามราตรีผู้คนพลุกพล่าน แต่ละคนต่างเร่งรีบที่จะกลับบ้านกัน
รุจิภาเดินทอดอารมณ์มาช้าๆ ตามท้องถนนท่ามกลางบรรยากาศขวักไขว่ของผู้คน เสียงของยมยังคงดังก้องอยู่ในหัว
“ขอบคุณนะครับ ที่มีความรู้สึกดีๆ กับผม...แต่ผมคงรักใครมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ”
“คุณยมมีคนรักอยู่แล้วเหรอคะ”
“ยังครับ”
“อ้าว แล้วทำไมคุณยมรักใครมากกว่าเพื่อนไม่ได้ล่ะคะ”
“อืมม...ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจนะครับ แต่เอาเป็นว่า วันนึงคุณรุจิจะเข้าใจเอง ว่ามันเป็นเพราะอะไร”
รุจิภาเดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่นานร่างก็มีอาการกระตุกเบาๆ เหมือนผีเข้า
ดวงตารุจิภาเบิกโพลงเล็กน้อย ยิ้มบางๆ ออกมา ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเลย
รุจิภานอนซบกับอกวิวัฒน์ โดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า
วิวัฒน์ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น พอวิวัฒน์ขยับตัว รุจิภาก็สะลึมสะลืองัวเงีย พร้อมกับกอดไม่ให้วิวัฒน์ลุกไปไหน
“อย่าเพิ่งลุกสิคะ นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
“ผมมีงานต้องเคลียร์แต่เช้าน่ะ”
รุจิภาออดอ้อน “ไม่เอา นอนเป็นหมอนข้างให้รุจิกอดต่ออีกหน่อยน๊า”
“อย่างอแงสิ ถ้าผมไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงคุณล่ะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวรุจิเลี้ยงคุณเอง”
วิวัฒน์ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะลุกขึ้น
“ถ้าอยากนอนต่อก็นอนไปก่อน เดี๋ยวผมลงไปคุยงานกับลูกน้องหน่อย”
“เสร็จแล้วรีบขึ้นมานะคะ”
“อืม”
รุจิภายิ้มรับ ตาปรือๆ แล้วผล็อยหลับไป
วิวัฒน์มองรุจิภา แสยะยิ้มออกมาเห็นเป็นของตาย แล้วเดินออกห้องไป
นิดหน่อยสะพายเป้สัมภาระเข้ามาในบ้านยม เตรียมจะไปฮอลิเดย์ที่สมุทรสาครวันนี้ ยมเดินลากกระเป๋าลงมาจากชั้นบน เตรียมพร้อมจะไปเที่ยวเช่นกัน
“อ้าว มาแล้วเหรอคุณ”
นิดหน่อยมองไปรอบๆ “แล้วคุณสนกับอารยาล่ะคะ”
“ยังมาไม่ถึงเลย แล้วคุณทานอะไรมารึยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวสองคนนั้นก็คงมาถึง”
ยมยืนเลือกหนังสือที่ชั้น เอาติดตัวไปอ่านระหว่างทาง
นิดหน่อยมองยมด้วยสีหน้าครุ่นคิด คำพูดตอนคุยกับจุกดังก้องขึ้นในหัว
“แม่ก็เล่าให้ฟังบ้างแหละ โดยเฉพาะตอนที่พี่ยมช่วยพี่ แม่บอกว่าพี่ยมทำท่าเหมือนกระชากวิญญาณออกจากร่างพี่เลยนะ”
“เหรอ”
“ใช่ พอกระชากแล้วพี่ก็หมดสติไปเลย”
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นั่นสิ ถ้ามันจะง่ายขนาดนั้น จุกว่าพี่ยมไม่ใช่คนมีอาคมธรรมดาซะแล้วล่ะ ขนาดอาจารย์ขาวอยู่ตรงนั้นยังทำอะไรไม่ได้เลย”
นิดหน่อยครุ่นคิดตัดสินใจเด็ดขาดจะพิสูจน์ความจริง
“เอาวะ ลองดู”
นิดหน่อยก้มหัวมองลอดหว่างขา เห็นยมในคราบมัจจุราชตามนโนของนาง ถึงกับตะลึงตาค้าง
“คุณพระ”
ยมมองมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ดวงตามีเปลวไฟดูน่ากลัวขึ้นไปอิ๊ก
“นั่นเจ้าทำอะไรของเจ้า”
นิดหน่อยสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา พอมองไปรอบๆ พบว่านางฝันไป
“ฝันไปรึนี่”
นิดหน่อยถอนหายใจโล่งอก พอเริ่มมีสติก็คิดใคร่ครวญเรื่องยมอีกครั้ง
“ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ ว่านายเป็นมัจจุราชจริงๆ อย่างที่เค้าว่ากันรึเปล่า”
นิดหน่อยมีสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมายที่จะพิสูจน์หาความจริงเรื่องนี้
อ่านต่อ ตอนที่17