xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่14

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 14 | รักแท้มีอยู่จริง

บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69

เช้าวันนี้ ก่อนเปิดร้านขนม จุกกับนิดหน่อยช่วยกันมัดหนังสือเรียนชั้นม.ปลาย ของจุก แยกเป็นกองๆ เตรียมเอาไปบริจาค

“เยอะมว้าก...สมัยพี่เรียนไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้เลย” นิดหน่อยบ่นๆ
“ก็พี่เป็นพวกอ่านหนังสือปีนึงไม่ถึงเจ็ดบรรทัดนี่”
“หนอยๆๆ ดูถูกกันแบบนี้ มาลองภูมิกันหน่อยมั้ยล่ะ”
“กะๆ กลัวที่ไหน...จัดมาสิคร๊าบ”
“มหาสมุทรอะไรเก่งเรื่องวิทยาศาสตร์” นิดหน่อยถาม
“มหาสมุทรอะไรเก่งเรื่องวิทยาศาสตร์” จุกนิ่งคิด “มหาสมุทรแอตแลนติก”
นิดหน่อยบอกว่า “ผิด”
“มันไม่มีหรอก มหาสมุทรอะไรจะเก่งวิทยาศาสตร์”
นิดหน่อยสวนออกไปว่า “มี”
“อ่ะยอม มหาสมุทรอะไร”
นิดหน่อยบอกหน้าเฉ้ย “มหาสมุทรแปลฟิสิกส์”
“นั่นมันมหาสมุทรแปซิฟิก”
นิดหน่อยรับมุก “แฮ่”
“คำถามมุกกูเกิ้ลแบบนี้ ไม่เล่นด้วยหรอก”
สมรเดินลงมาจากบ้าน
“ทำอะไรกันจ๊ะลูกๆ”
“แพ็คหนังสือเอาไปบริจาคน่ะแม่”
“บริจาคทำไม เอาไปชั่งกิโลขายสิ ได้ตังค์ด้วย” สมวรว่า
“โอ๊ย ชั่งกิโลขายจะได้ซักกี่บาทเองแม่ เอาไปบริจาคให้คนได้ความรู้ต่อมีคุณค่ากว่าตั้งเยอะ
“เรื่องของเอ็ง นี่...จะเตือนเรื่องปิดบ้านไว้หน่อย เวลาจะออกไปไหนมาไหนก็ล็อคบ้านล็อคหน้าต่างกันให้ดีๆนะรู้มั้ย วันก่อนบ้านเซียนต่ายโดนขโมยขึ้นบ้าน ขนพระไปซะหมดกรุเลย”
“โห ข่าวว่าพระดีๆ เต็มบ้านเลยนี่” จุกเสียเยแทน
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้มาเตือนนี่ไง เวลาจะออกไปไหนก็ล็อคประตู ล็อคหน้าต่างกันให้ดีๆ ล่ะ”
“โอเคค่ะ แต่จะว่าไป บ้านเราก็ไม่มีพระดีๆ มาล่อตาล่อใจพวกขโมยอยู่แล้วนะ”
“ใช่ พระดีๆ แม่เปลี่ยนเป็นเงินไปหมดแล้วนี่” จุกเหน็บ
“ชั้นมองการไกลไง ไม่อยากเก็บไว้ล่อตาล่อใจพวกหัวขโมย นี่เป็นห่วงแกทั้งสองคนรู้มั้ยเนี่ย”
นิดหน่อยกะจุกประสานเสียงพร้อมๆ กันว่า “เหรอ.....”
สมรฉุนกระแทกเสียงใส่ “เออ”
นิดหน่อยกับจุกสะดุ้งทั้งคู่
“คุยกับพวกแกแล้วเสีย’รมณ์ คุยกับต้นไม้ดีกว่า”
พร้อมกับว่า สมรเดินไปทักทายพูดคุยกับต้นว่านมงคลต่างๆ ที่อยู่ในกระถาง ขอโชคขอลาภ นิดหน่อยกับจุกมองสมรพลางส่ายหน้ายิ้มๆ

สองพี่น้องช่วยกันเปิดร้าน สวีทนิดสวีทหน่อย ด้วยสีหน้าแจ่มใส มีลูกค้า 2-3 โต๊ะแล้ว นิดหน่อยบรรจงเทลาเต้อาร์ตหน้าตาดีจัด จุกเดินเข้ามารอไปเสิร์ฟให้ลูกค้า
นิดหน่อยวางแก้วกาแฟใส่จานรอง ส่งต่อให้จุก พลางบอก
“โต๊ะสอง”
“เครครัช”
จุกเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะมุม นิดหน่อยล้างหัวชงและอุปกรณ์ที่บาร์ แล้วเดินกลับมาที่บาร์สะดุดตากับคอพี่สาว มองจ้องอย่างแปลกใจ
“เพิ่งสังเกตว่าเอาสร้อยไหลน้ำพี้มาใส่ กลัวหายแบบเซียนต่ายเหรอ”
“ก็นิดนึง แต่ประเด็นคือช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง ฝันถึงยายบ่อยม๊ากก เลยต้องเอามาใส่ซะหน่อย เผื่อยายจะให้โชคให้ลาภ”
ต่อกับดาวเดินเข้ามาในร้านตรงมาห่าสองพี่น้องที่บาร์ ต่อยิงมุกใส่
“ไหน ใครจะสั่งลาบงั้นเหรอ”
“สั่งซุปหน่อไม้เผื่อด้วยสิ อยากมาก” ดาวเสริม
“พูดกันเรื่องโชคลาภกันอยู่ค่ะ ไม่ได้จะสั่งลาบมากิน” นิดหน่อยว่า
“ว้า...” ดาวทำหน้าเซ็ง
“นี่ เพจแกก็เริ่มจะดังแล้ว เมื่อไหร่จะมารีวิวร้านให้ชั้นยะ”
“เงินมาผ้าหลุด เอ๊ย เงินมา เดี๋ยวไลฟ์สด รีวิวร้านให้เลย” ดาวแกล้ง
นิดหน่อยค้อนขวับ “โอ้โห กับเพื่อนกับฝูงนะ”
“อ๊ะๆ ไลฟ์ฟรีก็ด้ะ” ดาวหันมาหาต่อ “จัดให้เพื่อนหน่อยเนอะ”
“จัดไป”
ต่อหยิบโทรศัพท์ออกมากดเข้าแฟนเพจ และทำท่ากด Live หันมือถือมายังสองสาว
“พร้อมนะ..ห้า สี่ สาม สอง..แอ๊คชั่น”
“สวัสดีค่า...พบกับดาวอีกครั้งนะคะ วันนี้ดาวอยู่ที่ร้าน หวานนิดหวานหน่อย...แล้วนี่ก็คือนิดหน่อย เจ้าของร้านที่สวยน้อยกว่าดาวค่ะ”
นิดหน่อยยิ้มรับขำๆ ดาวเจื้อยแจ้วต่อ
“ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานค่ะ วันก่อนพาคุณพ่อมากินบราวนี่ น้ำตาลขึ้น ไปสามร้อยกว่า พาเข้าโรงบาลแทบไม่ทัน”
จุกกับนิดหน่อยมองหน้ากัน หน้าเจื่อนๆ
“แล้วกาแฟล่ะครับ เป็นไงบ้าง” ต่อถาม
“กาแฟที่นี่ก็ดีงามนะคะ เป็นอราบิก้าจากทั้งในและต่างประเทศ ดื่มแก้วเดียว นอนไม่หลับไปสามวันเจ็ดวัน”
พร้อมกับว่า นิดหน่อยเข้าไปแย่งมือถือจากต่อ
“เฮ้ย...พอเลย รีวิวแบบนี้ร้านชั้นเจ๊งกันพอดี”
ต่อขำ “ใจเย็น ต่อไม่ได้ไลฟ์ แค่ถ่ายวิดีโอไว้เฉยๆ”
“ถ้าไม่อยากให้อัพคลิปนี้ลงเพจ เอากาแฟฟรีมาสองแก้วค่ะ” ดาวบอก
“ชงเสร็จแล้วลบเลยนะเว้ย”
นิดหน่อยรีบไปชงกาแฟให้ต่อกับดาว บรรยากาศชื่นมื่นสนุกสนาน


ส่วนที่นรกภูมิ บริเวณโถงหน้าวิหารท่านท้าวมัจจุราช
ยมกับเขต7 ยืนอยู่ในนั้น เบื้องหน้ามท่านท้าวที่ประทับบนบัลลังก์ โดยมีสนยืนอยู่ตรงกลาง
“ทำงานได้เร็วมาก เขต7” ท่านท้าวออกปากชม
มัจ7 ยิ้มกระหยิ่ม “เรื่องจับผู้ร้าย เป็นงานถนัดของผมอยู่แล้วครับ”
“บางทีทำงานเร็วเกินไป ก็อาจจะส่งผลเสียตามมาก็ได้นะครับ” ยมทักท้วงขึ้น
ท่านท้าวสนใจ “เจ้าหมายความว่ายังไง”
“ดวงชะตาสนยังไม่ถึงฆาตครับท่าน ตอนนี้สนนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง” ยมรายงาน
“ไม่จริง” เขต7 เถียง
“ถ้าไม่เชื่อ จะไปดูให้เห็นกับตาก็ได้นะ”
ยมมองเขต7 ด้วยสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง ฝ่ายนั้นได้แต่อึกอักไปมา
ท่านท้าวถามขึ้น “จริงรึ ที่ว่าสนยังไม่ตาย”
“จริงครับ ผมให้สุวรรณกับสุวานไปดูมาแล้ว ยืนยันว่าสนยังไม่ตายครับ” ยมว่า
“แล้วเจ้าจับสนลงมานี่ เจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรอกรึ”
เขต7 อึกอักอ้ำอึ้ง “เอ่อ...”
“เหมือนสุวรรณกับสุวานจะบอกเรื่องนี้กับท่านเขต7แล้ว แต่ท่านคงจะไม่เชื่อน่ะครับ”
เขต7หน้าเจื่อนลง ที่พลาดท่าเสียทีให้กับยมเข้าให้แล้ว
“จริงรึ เขต7”
“ก็เพราะที่ผ่านมาการทำงานของเขต8 มักไม่โปร่งใส ผมก็เลยไม่สามารถที่จะเชื่อใจได้น่ะครับ”
“ไม่โปร่งใสเรื่องอะไร”
“ก่อนหน้านี้มีคนตายในเขตของผมครับ”
ยมหันมองเขต7 หน้าเสียเห็นชัด เขต7ไม่สนใจฟ้องต่อ
“แต่พอผมขึ้นไปรับตัว วิญญาณดวงนั้นก็หายไป พบแต่ท่านเขต8 ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ”
“แล้วเจ้าเห็นเหตุการณ์อะไรบ้างรึเปล่า เขต8”
ยมอึ้งกับคำถามของท่านท้าว คิดหนักว่าจะตอบไปยังไงดี

สุวรรณกับสุวานทั้งสองเขต พากันรอลุ้นคำตัดสินจากท่านท้าวกันอยู่ที่ประตูหน้าวิหาร
“จะเป็นยังไงบ้างน้อ” สุวาน8 ชะเง้อคอยาว มองไปด้านใน
สุวาน7 ยิ้มเยาะ “ไม่ต้องลุ้นหรอก งานนี้หนีความผิดยังไงก็ไม่พ้น”
“เตรียมหางานใหม่กันได้เลย” สุวรรณ7 เย้ย
“จะมาสมัครงานที่เขตข้าก็ได้นะ จะรับไว้พิจารณาเป็นพิเศษ”
สุวรรณกับสุวานเขต7 หัวเราะกันสนุกสนาน สุวรรณกับสุวานเขต8 หน้าเจื่อนกันไป
ไม่นานนัก ยม มัจ7 และสนก็พากันเดินออกมาจากวิหารท่านท้าว
สุวาน7 รับถามอย่างตื่นเต้น “เป็นยังไงบ้างครับท่าน”
มัจจุราชเขต7 ตอบเซ็งๆ “ไอ้สนต้องกลับไปเข้าร่างของมัน”
“หมายความว่าเขตเราไม่มีความผิดแล้วเหรอครับ” สุวรรณ8 ถาม
“ใช่” เขต7 บอกเสียงเข้ม
สุวาน8ดีใจร้องลั่น “เย้ ไม่ต้องหางานใหม่แล้วโว้ย”
สุวรณ8 ยิ้มย่อง “เอ๊ เขต7 ทำงานพลาดแบบนี้ แล้วจะต้องรับผิดชอบหรือมีความผิดอะไรบ้างมั้ยน้า”
“ถ้าตกงานก็มาสมัครงานที่เขตข้าได้นะ จะรับไว้พิจารณาเป็นพิเศษ”
จากนั้น สุวรรณ8 กับสุวาน8 ก็หัวเราะคิกคัก ทำหน้าทำตาเยาะเย้ยสุวรรณ7 กับสุวาน7 ซึ่งเป็นฝ่ายหน้าเจื่อนกันไปแทน
“อย่าเพิ่งลิงโลดกันไป เดี๋ยวน้ำลดตอผุดขึ้นมาจะขำกันไม่ออก” เขต7ว่า
สุวรรณ8 งง “น้ำลดตอผุดอะไรไม่ทราบครับ”
“ก็เรื่องวิญญาณที่หายไปในเขตของข้ายังไงล่ะ ตอนนี้ท่านท้าวให้ข้าตามสืบได้อย่างเต็มที่แล้ว”
สุวรรณ8 กับสุวาน8 หน้าเสียหันไปมองหน้ายม เห็นเขาหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ
“แบบนี้ก็ได้สนุกกันเต็มที่เลยสิครับ” สุวาน7 ยิ้มย่อง
“ใช่ จะไม่มีใครมาขวางเราเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มาอีก แต่ถ้ายังจะมาขวาง คงรู้นะ ว่าผลจะเป็นยังไง”
เขต7จ้องหน้ายมอย่างเชือดเฉือดและเป็นต่อ

ภายในโถงบ้านรุจิภา เต็มไปด้วยลูกโป่งในบรรยากาศงานวันเกิด รุจิภาแต่งตัวโทนสีขาว เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ยิ่งเห็นบรรยากาศบ้านก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นสดใสมากขึ้นไปอีก
“เฮลโล ไปไหนกันหมด”
แม่บ้านเดินเข้ามาหารุจิภา
“มาแล้วค่า”
รุจิภามองบรรยากาศรอบๆ “ฝีมือใครเนี่ย”
“อ๋อ คุณท่านสั่งให้คนมาทำตั้งแต่เช้ามืดเลยน่ะค่ะ”
รุจิภายิ้มแค่นๆ “งานเซอร์ไพรส์นี่ต้องยกให้เลย แล้วของทำบุญล่ะ พร้อมรึยัง”
“วางรออยู่ที่หน้าบ้านแล้วค่ะ”
“โอเค”
รุจิภาเดินไปนั่งรอพ่อกับแม่ที่โซฟา แม่บ้านหน้าเสีย เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่รุจิภาไม่อยู่บ้านทั้งคู่
“คุณหนูจะไปเลยมั้ยคะ เดี๋ยวจะได้เรียกคนขับรถมารอ”
“เดี๋ยว รอคุณพ่อกับคุณแม่ก่อนสิ”
แม่บ้านอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง “เอ่อ...คุณผู้ชายมีประชุมกับผู้ถือหุ้นด่วนค่ะ เพิ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เอง ส่วนคุณผู้หญิงยังไม่กลับจากฝรั่งเศสเลยค่ะ แต่ก็ฝากของขวัญวันเกิดมาให้นะคะ”
แม่บ้านเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่วางอยู่เอามาให้รุจิภา
“นี่ค่ะ แมสเซนเจอร์มาส่งให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
รุจิภาฉีกกระดาษห่อของขวัญดู เห็นกล่องกระเป๋าแบรนด์เนม เธอส่งคืนให้แม่บ้านไปอย่างเซ็งๆ
“อ้าว ไม่ชอบเหรอคะ”
“กระเป๋าเต็มบ้านจนคนแทบจะไม่มีที่นอนอยู่ละ แต่ที่ไม่เคยเต็มเลยก็คือความพร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัว”
รุจิภาลุกเดินกลับขึ้นห้องไป
“แล้วของทำบุญล่ะคะ”
“ใครจะทำก็ทำ ชั้นไม่ทำแล้ว”


นิดหน่อยเสิร์ฟกาแฟพร้อมขนมให้ลูกค้าที่โต๊ะเสร็จ หันมาเห็นวิวัฒน์เดินเข้ามาในร้าน ก็หน้าตึงใส่เบาๆ
“สวัสดีจ้ะ”
“หวัดดี”
นิดหน่อยเดินหน้าบูดมาที่เคาน์เตอร์ วิวัฒน์ตามมานั่งที่หน้าบาร์
“หน้าตึงจัง เพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาเหรอ”
“จะสั่งอะไรมั้ยคะ”
“เอสเพรสโซ่ร้อนแล้วกัน”
นิดหน่อยกดผงกาแฟใส่ก้านชง ท่าทางดูไม่สนใจจะเสวนากับวิวัฒน์นัก
“ช่วงนี้ได้เจอไอ้...เอิ่ม คุณยมบ้างรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
นิดหน่อยตัดบทด้วยการหันไปชงกาแฟต่อ เอาแก้วเอสเพรสโซ่ร้อนไปรอน้ำกาแฟ โดยไม่มองหน้า เขา
วิวัฒน์ประเมินท่าทีนิดหน่อยดูออกว่าไม่สนใจตัวเองสักนิด เลยพูดเข้าเรื่องยม
“ไม่ค่อยได้เจอกันก็ดีแล้ว เพราะอยู่ใกล้มันมากๆ ไม่ค่อยจะปลอดภัยสักเท่าไหร่”
นิดหน่อยชักเริ่มสนใจ “ปลอดภัยยังไง”
“ก็มันไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ”
นิดหน่อยเอาแก้วกาแฟเสิร์ฟให้วิวัฒน์ ไม่ให้ราคาคำพูดอีกฝ่ายนัก
“ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นไอร่อนแมนเหรอ”
“นี่ซีเรียสนะ ไม่รู้สึกบ้างเหรอ ว่าหมอนี่ไม่ใช่คนธรรมดา”
นิดหน่อยนิ่งไปเล็กน้อย เพราะรู้สึกอยู่บ้างเหมือนกัน
“คุณกำลังจะบอกอะไรชั้น ก็พูดมาให้ชัดๆ เลยดีกว่า”
“พูดไปตอนนี้คุณก็คงไม่เชื่อหรอก” วิวัฒน์เล่นลิ้น
ต่อมอยากรู้ของนิดหน่อยทำงานหนัก
“บอกมาขนาดนี้แล้วก็บอกเถ๊อะ แหม...ทำเป็นมาพูดให้น่าติดตาม”
วิวัฒน์โพล่งขึ้น “ถ้าผมบอกว่ามันเป็นมัจจุราช คุณจะเชื่อมั้ยล่ะ”
“มัจจุราช!”
“ใช่ เชื่อผมมั้ยล่ะ”
นิดหน่อยอึ้งนิ่งงันไป ขณะที่วิวัฒน์ยิ้มสมใจ

อีกฟาก สนนั่งอยู่ในโบกี้รถไฟฟ้ามองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าสุขใจ ที่จะได้กลับเข้าร่าง
สุวรรณและสุวานนั่งอยู่กับยมห่างจากสนไม่มากนัก สุวรรณกับสุวานกำลังว้าวุ่นหนัก ขณะที่ยมดูนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการหวั่นใจอะไรออกมามากนัก
“ถ้าพวกเขต7มีหลักฐานไปยืนยันกับท่านท้าว ว่าท่านช่วยนิดหน่อยไว้ในคราวนั้น เป็นเรื่องใหญ่แน่” สุวานกังวลมาก
“ตอนนี้พวกเขต7 มีอิสระในการไขปมนี้มากขึ้น งานหนักก็ตกอยู่ที่พวกเราแล้วล่ะ” สุวรรณก็พอกัน
“โอ๊ย..ทำไงดีวะเนี่ย”
“ไม่อยากจะคิดเลย ถ้าความผิดครั้งนี้ถึงขั้นยุบเขต8 มันจะเป็นยังไง”
สุวรรณจินตนาการเลยเถิดไปถึงวันที่ความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย และถูกท่านท้าวลงทัณฑ์

โดยสุวรรณกับสุวานถูกลดชั้นมาเป็นกรรมกร ต้องมานั่งตอกหินขนไปทำทางเดินในนรก บรรยากาศร้อนระอุ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกสุวรรณ7 กับสุวาน7 เอาแส้เฆี่ยนเป็นระยะ
“ทำงาน อย่าอู้”
“ก็ทำอยู่เนี่ย”
“เถียงเหรอ”
ขาดคำ สุวาน7 ใช้แส้เฆี่ยน สุวาน8ร้องไห้งอแงเข้ามาซบสุวรรณ8
สุวรรณกับสุวานเขต7 เฆี่ยนตีสุรรณกับสุวานเขต8 หัวเราะอย่างสนุกสนาน
ยมในสภาพกรรมกร เดินแบกหินมา ทรุดล้มลงต่อหน้าสุวรรณ8กับสุวาน8
“ไหวมั้ยครับท่าน”
ยมเงยหน้ามองสุวรรณ8 ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เจ้านั่นแหละ ไหวมั้ย”

สุวรรณดึงความคิดกลับมา เห็นยมมองจ้องตาเขม็งอยู่ ถึงกับสะดุ้งหน้าเจื่อนจ๋อย
ยมอ่านออก “กลัวจนเพี้ยนไปแล้วรึไง”
“แหะๆ ก็มันอดหลอนไม่ได้นี่ครับ”
ยมยิ้ม “จะหลอนไปทำไม ทุกปัญหาต้องมีทางออกอยู่เสมอ”
“ท่านคิดทางออกไว้ได้แล้วเหรอครับ”
ยมหัวเราะหึๆ สุวรรณกับสุวาน ใจโล่ง
“ยังหรอก”
สุวรรณ กะ สุวาน ร้อง “เย้ย” พร้อมๆ กัน
“หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ ยังจะมาล้อเล่นกันอีกนะครับ” สุวานมองค้อน
“เออน่ะ เคยทำให้ผิดหวังเหรอ”
ยมยิ้มแย้มทำใจดีสู้เสือ สุวรรณกับสุวานเห็นท่าทีของนายก็พลอยสบายใจขึ้น

ฝ่ายทีมเขต 7 นั่งประชุมกันอยู่ในออฟฟิศที่นรกภูมิ ด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด
“เอาละ ใครมีข้อมูลอะไรน่าสนใจ เอามากองกันตรงนี้เลย”
“เรื่องเงานิดหน่อยในคืนเดือนแรมอีกไม่นานก็จะถึงวันนั้นแล้วนะครับ” สุวรรณบอก
“วิธีนี้โอกาสพลาดแบบครั้งที่แล้วสูง มีวิธีอื่นอีกมั้ย”
“จากที่ผมดูข้อมูลสถิติมา คนที่ตายแล้วฟื้น จะถูกผีเข้าง่ายกว่าคนปกติทั่วไปอยู่พอสมควรครับ” สุวานว่า
“ข้าก็อ่านเจอมาเหมือนกัน แต่วิธีนี้มันก็ไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์นะ ว่าคนที่ถูกผีเข้าง่าย จะเป็นคนที่เคยตายแล้วฟื้น”
“แต่มันก็ช่วยคัดกรองได้ประมาณนึง ว่านิดหน่อยน่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มของคนที่เคยตายแล้วฟื้น”
เขต7 สนใจ “ก็จริงของสุวานนะ..สุดท้ายแล้ววิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่เราจะเอามาใช้ยืนยันอยู่ดี งานนี้เราต้องทำหลายๆ วิธีเพื่อให้พวกเขต7 ดิ้นไม่หลุด”
เห็นสีหน้ามุ่งมั่นจริงจังของนาย สุวรรณกับสุวานก็พลอยฮึกเหิมไปด้วย


ด้านวิวัฒน์วางแก้วกาแฟลง แล้วจิบน้ำเปล่าล้างปาก จ้องหน้านิดหน่อยที่อึ้งนิ่งงันไปนานสองนาน ตั้งแต่เขายืนยันว่ายมเป็นมัจจุราช
“ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่ก็ลองดูกันต่อไปก็แล้วกัน”
วิวัฒน์หยิบแบงค์พันยื่นให้เป็นค่ากาแฟ
“ไม่ต้องทอนนะ”
นิดหน่อยนับเงินทอน แล้ววางให้วิวัฒน์อย่างรวดเร็ว
“ชั้นไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร”
“ก็ผมพอใจที่จะให้คุณ”
“แต่ชั้นไม่พอใจที่จะรับไว้...ถ้าไม่เอา ชั้นจะเอาเงินทอนนี่ไปทำบุญ”
“ถามจริง เกลียดอะไรผมนักหนาเนี่ย” น้ำเสียงเย็นชาบวกท่าทีตัดรอนของนิดหน่อย ทำให้วิวัฒน์ชักเริ่มหงุดหงิด “ชาติที่แล้วผมเคยไปแหย่รังแตนที่บ้านคุณ หรือว่าเคยเตะชามข้าวหมาที่บ้านคุณเหรอ”
“ชั้นจะไปรู้เรื่องชาติที่แล้วได้ยังไง ชั้นรู้แต่ว่าชาตินี้ ชั้นจะไม่ขอมีแฟน เก็ตปะ”
วิวัฒน์อึ้งไม่อยากเชื่อหู “จริงเหรอ”
ดาวเดินเข้ามาพอดี
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แกรนด์โอเพนนิ่งเลยแล้วกัน”
พร้อมกับว่านิดหน่อยเดินเข้าไปโอบกอดดาว
“ชั้นไม่ชอบผู้ชาย แล้วนี่ก็แฟนชั้น จบนะ”
“เฮ้ย...อะไรอ่ะแก”
นิดหน่อยแอบหยิกหลังดาวเบาๆ ส่งซิก อีกฝ่ายเก็ตทันที
“ไปไหนมาคะที่รัก”
“ไม่ได้ไปไหนมาหรอก ตั้งใจมาช่วยเตงดูร้านนี่แหละ”
นิดหน่อยจับคางดาวบิดเบาๆ “น่ารักที่ซู๊ดด”
วิวัฒน์มองสองสาวด้วยสีหน้าอึ้งๆ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าดาวกับนิดหน่อยเป็นแฟนกันจริงๆ
“ทีนี้เข้าใจแล้วนะคะ ว่าทำไมชั้นถึงไม่ชอบให้คุณมายุ่งวุ่นวายอะไรกับชั้น”
“ถามจริง ใครเป็นหญิงใครเป็นชาย”
นิดหน่อยกะดาวทำท่าเสยผมแบบทัดดาว เจ้าฮะ พร้อมๆ กัน “ผมเองฮะ”
สองสาวสะดุ้งทั้งคู่ จนนิดหน่อยต้องรีบแก้ต่าง แถไปน้ำขุ่นๆ
“เอ่อ...เราสลับวันคู่วันคี่กันน่ะ”
“ใช่ๆ วันคู่นิดหน่อยเป็นผู้ชาย ส่วนวันคี่เป็นหน้าที่ผมเองฮะ”
ดาวหันมาสบตานิดหน่อยหวานซึ้ง เล่นเอาวิวัฒน์ขนลุก
“ขนลุก”
วิวัฒน์มองสองสาวแอลจีบีทีปุบปุบหน้าตาเหยเก ก่อนจะเดินออกจากร้านไป นิดหน่อยถอนหายใจโล่งอก ดาวส่ายหน้ายิ้มขำๆ

ขณะที่อารยากำลังทำกายภาพขยับขาของสนไปมา อยู่นั้น ยมเดินนำสนกับสุวรรณและสุวานมาเข้ามาหยุดที่ฉากบังตาในห้องฉาก โดยที่อารยาไม่เห็น
ยม สน สุวรรณและสุวานมองไปที่อารยา ซึ่งกำลังทำกายภาพให้สนอยู่ ต่างสัมผัสถึงพลังความรักที่อารยามีต่อสนได้ นาฬิกาชีวิตบนหัวสน เหลือเพียง 135 ชั่วโมง
“ที่ผ่านมาเราเข้าใจในตัวอารยาผิดไปเยอะเลยนะครับ” สุวรรณว่า
“ดูแลสนทั้งที่ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกมั้ย...นับถือหัวจิตหัวใจจริงๆ” สุวานซึ้งสุดๆ
สนดีใจจนน้ำตาไหลรินอาบแก้ม
“เวลาเจ้าเหลืออีกไม่มากแล้ว ใช้ทุกวินาทีกับคนรักของเจ้าให้คุ้มค่าที่สุดเถอะ รีบกลับเข้าร่างซะไป”
“ครับท่าน”
วิญญาณสนเดินไปที่ข้างเตียง ขณะที่อารยากายภาพร่างสนอย่างตั้งใจ
“รักแท้ที่ไอ้สนมันพร่ำเพ้อมาตลอด มันสวยงามอย่างนี้นี่เอง” สุวรรณซึ้งใจ
“ใช่...รักแท้มีอยู่จริง”
วิญญาณสนยืนมองอารยาที่กำลังกายภาพให้อยู่ใกล้ๆ
ยมรับรู้ถึงพลังความรักของสน และรู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นมาภายในใจอย่างบอกไม่ถูก

นิดหน่อยทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“เฮ้อ...ครั้งนี้คงจะเลิกตื๊อชั้นได้ซะทีนะ”
ดาวนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงหน้า บ่นว่านิดหน่อยด้วยสีหน้าขุ่นเคืองปนขำนิดๆ
“ข่ะ อ้างเอาชั้นเป็นแฟนแบบนั้น ถ้ายังมาตื้ออีกก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วล่ะ”
“ก็ไม่แน่หรอก”
“เอาน่ะ เราเชื่อว่า สิ่งที่เหมือนกันมักจะดึงดูดเข้าหากัน”
นิดหน่อยมองฉงน “คือไร”
“ก็คนที่โหยหาความรักอย่างวิวัฒน์ ก็ต้องเจอคนที่โหยหาความรักเหมือน กันน่ะสิ”
นิดหน่อยเซ็งรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนแดกดัน “อ๋อ...ชั้นไม่ใช่คนโหยหาความรักว่างั้นเถอะ”
“ใช่ แกไม่โหยหาความรัก เพราะแกเป็นความรักเสียเองน่ะสิ”
นิดหน่อยงงอิ๊ก “อ้าว เป็นคนอยู่ดีๆ ชั้นกลายเป็นความรักไปได้ยังไง”
“ชั้นหมายถึงว่าแกเป็นคนที่รักตัวเองมาก แล้วก็มากพอที่จะเป็นผู้ให้กับคนรอบข้างน่ะ...ต่อให้ไม่วิ่งหาความรัก ความรักก็จะวิ่งเข้ามาหาแกเอง”
“ไม่ ชั้นจะไม่มีความรักกับใคร นอกจากครอบครัวแล้วก็เพื่อนเท่านั้น”
“แกห้ามความรักไม่ให้วิ่งเข้ามาหาไม่ได้หรอก แต่แกเลือกได้นะ ว่าจะเก็บรักษาความรักแบบไหนไว้”
นิดหน่อยทำเป็นทำงานกลบเกลื่อน ไม่สนใจในสิ่งที่ดาวพูด ดาวส่ายหน้าเซ็งๆ กับกำแพงความรักที่หนาของนิดหน่อย


เปลือกตาของสนค่อยๆ ขยับนิดๆ แต่ยังไม่ลืมตา
อารยาขยับแขนของสนบริหารข้อต่างๆ ยมกับสุวรรณและสุวานยืนดูอยู่ห่างๆ
ครู่ต่อมามือของสนขยับมาจับแขนอารยาอย่างแผ่วเบา อารยาหันขวับไปมอง เห็นสนค่อยๆ ขยับเปลือกตา พยายามจะลืมตาขึ้น อารยาดีใจเหลือแสน
“สน”
สนค่อยๆ ลืมตาขึ้น คลี่ยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะเปล่งเสียงอันแหบพร่าเรียกคนรักออกไป
“ยา...”
“คุณฟื้นแล้ว”
อารยารีบรินน้ำใส่แก้วเอาหลอดใส่แล้วมาป้อนให้สนดูด ยมกับสุวรรณและสุวานมองไปยังสองคนด้วยความรู้สึกยินดี
“นี่ยาฝันไปรึเปล่าเนี่ย”
“ผมกลับมาแล้วยา นี่คือเรื่องจริง”
อารยากับสนสวมกอดกันแน่น ยมได้เห็นวินาทีแห่งความดีใจของสองคนก็พลอยรู้สึกอิ่มเอมไปด้วย

ค่ำคืนนี้ รุจิภาแวะมาดริงค์ ดื่มด่ำบรรยากาศคลอเสียงดนตรีที่บาร์เหล้าของวิวัฒน์ ตรงมุมเดิมของเคาน์เตอร์บาร์ และบาร์เทนเดอร์เพิ่งชงเหล้าแก้วใหม่ ก่อนที่วิวัฒน์จะหยิบแก้วเหล้านั้นมาวางให้รุจิภา
“ซิงเกิ้ลมอลท์ได้แล้วครับ”
รุจิภาหันไปมองในบาร์ เพิ่งเห็นว่าวิวัฒน์เป็นคนเสิร์ฟเหล้าให้
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“ก็เพิ่งจะมานี่แหละครับ คุณรุจิล่ะครับ มานานรึยัง”
“นี่เพิ่งจะแก้วที่สองน่ะค่ะ”
“งั้นผมขอนั่งด้วยสิครับ”
“เชิญค่ะ”
วิวัฒน์นั่งลงที่หน้าบาร์ บาร์เทนเดอร์รินวิสกี้ออนเดอะร็อคส่งให้วิวัฒน์อย่างรู้ใจ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับ” วิวัฒน์ยกแก้วชน
“เฮ้ย รู้ได้ไงคะ ว่าวันนี้วันเกิดรุจิ”
“ถ้าผมใส่ใจใครเป็นพิเศษ ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ผมจะไม่รู้หรอกครับ”
รุจิภาหน้าตาอึ้งไป รู้สึกดีที่มีคนใส่ใจเป็นพิเศษ
“ขอให้สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยแต่ความสุขนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
วิวัฒน์กับรุจิภาชนแก้วกันแล้วยกดื่ม
กุมารทองนั่งห้อยขาอยู่บนบาร์ ใกล้ๆ กับวิวัฒน์ นั่นเอง

ในเวลาเดียวกัน จุกนั่งอยู่ตรงโซฟามุมร้าน ดูรูปถ่ายชนกที่มีวิญญาณติดมาด้วย คำพูดของต่อเมื่อวันก่อนก็ชวนให้คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับผู้เป็นพ่อ
“ตอนนี้คุณชนกดูน่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะ”
“ยังไงเหรอพี่ต่อ”
“แกดูไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงก็ไม่รู้น่ะ ล่าสุดนัดคุยกับลูกค้ารายใหญ่ แต่ก็เทลูกค้าต่อหน้าต่อตา ไม่ยอมคุยด้วยซะงั้น”
จุกไม่สบายใจหนัก คิดหาวิธีช่วยชนก
นิดหน่อยเดินเข้ามาพอดี จุกรีบเก็บมือถือเพราะไม่อยากให้พี่รู้เรื่องพ่อ นิดหน่อยเห็นจุกท่าทางมีพิรุธ
“เฮ้ย ดูคลิปโป๊อยู่เหรอ”
“ว่าไปเรื่อย คลิปโป๊อะไรล่ะ”
จุกหยิบหนังสือข้างๆ ตัวมาอ่านกลบเกลื่อน นิดหน่อยนั่งลงข้างๆ เพื่อถามเรื่องยมที่ยังคาใจอยู่
“ถามไรหน่อยสิ”
“อะไรเหรอ”
“ถ้าพี่บอกว่านายยมไม่ใช่คนธรรมดา แกจะเชื่อพี่มั้ย”
“ไม่ธรรมดายังไงอ่ะ”
นิดหน่อยนิ่งไปเล็กน้อย เพราะตัวเองก็ยังไม่เชื่อและรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ
“ไอ้วิวัฒน์มันบอกว่านายยมเป็นมัจจุราช”
จุกตกใจ “มัจจุจาช”
“ใช่...ไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ย”
“จุกก็ยอมรับนะ ว่ารู้สึกว่าพี่ยมเค้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่เรื่องมัจจุราชนี่ มันไกลกว่าที่คิดไว้เยอะ”
“นั่นสิ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าหน้าอ๊ปป้าอย่างนายนั่น จะเป็นมัจจุราชไปได้ยังไง”
“แล้วเพราะอะไรพี่วิวัฒน์ถึงมาบอกพี่แบบนี้ล่ะ”
“ไม่รู้สิ อยู่ดีๆ ก็มาบอกพี่แบบนี้”
จุกครุ่นคิด “อาจจะไม่หวังดีอะไรกันอยู่รึเปล่า จริงๆ จุกก็เคยถามพี่ยมตรงๆ นะ เพราะจุกก็รู้สึกมานานแล้วว่าพี่ยมมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่”
“แล้วฮีว่ายังไงบ้าง”
“พี่เค้าก็บอกว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไปน่ะ แต่ยอมรับว่ามีวิชาอาคมติดตัวอยู่บ้าง”
“หน้าตาไม่น่าเป็นพวกเล่นของเลย”
นิดหน่อยหายข้องใจเรื่องยมเป็นมัจจุราช แต่ก็เชื่อว่ายมต้องเป็นคนมีอาคมติดตัว

ตึกร้างเงียบอันสงัด มัจจุราชเขต7 สุวรรณและสุวานนั่งประชุมงานกันอยู่ในตึกบัญชาการนี้
“เจ้าทั้งสองช่วยกันออกไปหาวิญญาณมาคุยกับข้าหน่อย”
“ท่านจะเอามาเข้าสิงนิดหน่อยเหรอครับ” สุวรรณถาม
“ใช่”
“มันจะไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ” สุวานนึกกังวล
“จะมีปัญหาอะไร”
“ก็ถ้าเกิดเข้าสิงแล้วมีปัญหากับนิดหน่อย ผมกลัวว่าเราจะกลายเป็นมีความผิดน่ะสิครับ”
“ก็เลือกวิญญาณที่มันไม่เฮี้ยนสิ เอาที่ดูแล้วว่านอนสอนง่ายหน่อย”
“ได้ครับ”
“เดี๋ยวข้าจะรออยู่ที่นี่แหละ รีบไปรีบกลับ”
“ครับท่าน”
สุวรรณกับสุวานพากันเดินออกไป เขต7 ยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายออกมา


ค่ำคืนเดียวกันนั้นยมนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียวตรงมุมหนังสือภายในโถงบ้าน ภาพความรักระหว่างสนกับอารยายังติดตาตรึงใจยมอยู่ไม่คลาย
ตอนเห็นอารยาทำกายภาพให้สน ยมมองจ้อง รู้สึกดีกับภาพที่เห็น
ยมนึกไปถึงเหตุการณ์วันที่เขากำลังโดนวิญญาณที่อาจารย์ขาวส่งมา เล่นงานหนัก จนกระทั่งนิดหน่อยจะเข้ามาขัด ทำให้วิญญาณหนีหายไป แล้วนิดหน่อยเข้ามาประคองร่างยมไว้
สีหน้ายมดูนิ่งเฉย แต่ในใจเริ่มรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
ภาพสนกับอารยาสวมกอดกันอย่างมีความสุข หลังจากที่สนฟื้นจากอาการเจ้าชายนิทรา
ยมยังประหวัดถึงความใกล้ชิดตอนถ่ายพรีเวดดิ้งกับนิดหน่อย โดยเฉพาะในจังหวะที่ยมกับนิดหน่อยโอบกอดใกล้ชิดกันตามที่แมกเก้สไตลิสต์กำกับ
ยมพรายยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ใกล้ชิดกับนิดหน่อย มันทำให้เกิดความรู้สึกชุ่มฉ่ำในใจคล้ายๆ กันคู่สนและอารยา
สุวรรณกับสุวานเดินเข้ามาเห็นยมกำลังอมยิ้มมีความสุข
“ภาพไอ้สนกับอารยายังติดตราตรึงใจอยู่เหรอครับ”
ยมพยักหน้ารับ “ใช่ เราไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย มันหวิวๆข้างในยังไงบอกไม่ถูก”
“นี่แหละครับ ความรู้สึกของความรัก” สุวานว่า
“เหรอ”
“ครับ ท่านเป็นมัจจุราชมาหลายภพหลายชาติ อาจจะลืมความรู้สึกนี้ไปแล้ว แต่ผมเพิ่งจะตายไม่นาน ยังพอจะจำความรู้สึกแบบนี้ได้อยู่ครับ”
สุวรรณสะดุดหู “เดี๋ยวนะครับ ท่านบอกท่านรู้สึกหวิวๆ ข้างใน ท่านรู้สึกหวิวๆ กับใครเหรอครับ”
ยมอึกอักๆ “เอ่อ...ก็รู้สึกกับคู่ของสนกับอารยาไง”
สุวรรณตกใจ “หา...อย่าบอกนะครับว่าท่านเกิดแอบชอบอารยาขึ้นมา”
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่อารยางั้นก็ไอ้สนสิครับ” สุวรรณคิดไปโน่น
“คุณพระ” สุวานตกใจ
“ไอ้บ้า ไปกันใหญ่แล้ว”
“ก็ท่านบอกว่ารู้สึกหวิวๆ ก็แสดงว่าท่านมีความรักไงครับ ถ้าไม่ใช่กับสนหรืออารยา แล้วท่านรู้สึกกับใครล่ะครับ” สุวรรณยิ้มกริ่ม
“ไม่รู้สึกกับใครทั้งนั้นแหละ โวะ”
ยมตัดบทลุกหนีไป สุวรรณกับสุวานมองตาม เห็นพิรุธบางอย่างในท่าทีฉุนเฉียวนั้น

เช้าวันนี้ วิวัฒน์นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในห้องนอนที่บ้าน รุจิภานอนอยู่ข้างๆ
รุจิภาค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ทบทวนเหตุการณ์ จนหันไปเห็นว่าวิวัฒน์นอนกอดตนอยู่ก็ตกใจลุกพรวดขึ้นมาโวยวาย ใช้ผ้าห่มคลุมกาย
“เฮ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย”
วิวัฒน์งัวเงียลุกขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ”
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย”
“ก็บ้านผมไง”
“แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
วิวัฒน์ยิ้มกรุ้มกริ่ม โอบกอดรุจิภา
“จำอะไรไม่ได้จริงๆเหรอครับ ให้ผมเล่าให้มั้ย”
“ไม่ต้อง ชั้นจะกลับบ้าน”
รุจิภาคว้าเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ วิวัฒน์ยิ้มกรุ่มกริ่มเห็นรุจิภาเป็นของตาย

ไม่นานต่อมา วิวัฒน์แต่งตัวหล่อ เดินลงมาจากชั้นบน เจอลูกน้องยืนรออยู่ที่โถงบันได
“คุณรุจิกลับไปแล้วใช่มั้ย”
“ครับนาย นั่งแท็กซี่กลับไปแล้วครับ”
“มารอคุยอะไรกับชั้นรึเปล่า”
“เรื่องยาล็อตแรกที่จะเข้ามาน่ะครับ นายจะให้ใครไปทำงานนี้ครับ”
วิวัฒน์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“เดี๋ยวชั้นไปเองดีกว่า”
“หะ นายจะไปลุยเองเลยเหรอครับ”
“ใช่ ตอนนี้ยังไม่มีใครที่เชื่อมือได้ เกิดเจอด่านกลางทางเดี๋ยวจะยุ่งกันไปใหญ่”
“แล้วนายจะไปกับใครครับ ให้ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย”
วิวัฒน์ก้มมองกุมารทองที่อยู่ข้างๆ
“ไปกับสุรเดชก็เหลือแหล่แล้ว”
วิวัฒน์เดินยิ้มร้ายออกจากบ้านไปกับกุมารทองลูกรัก

ส่วนที่ร้านขนมยามนั้น จุกเสิร์ฟกาแฟที่โต๊ะลูกค้าเสร็จ หันไปเจอยมเดินเข้ามาในร้านพอดี เด็กหนุ่มยิ้มไหว้ทักทาย
“อ้าว...หวัดดีครับพี่ยม”
“หวัดดีจุก”
“มาหาพี่นิดหน่อยเหรอครับ”
ยมมองหารอบร้าน “ใช่ นิดหน่อยไม่อยู่เหรอ”
“พี่นิดหน่อยออกไปส่งกาแฟน่ะครับ เดี๋ยวก็กลับ...พี่ยมนั่งรอก่อนก็ได้นะ”
ยมไปนั่งรอที่เคาน์เตอร์ จุกเข้าไปทำงานในบาร์
“กินอะไรมั้ยครับ”
“ไม่ล่ะ”
จุกมองหน้ายมแล้วนึกถึงเรื่องรูปถ่ายชนกที่ติดวิญญาณขึ้นมาได้
“พี่ยมครับ ผมรบกวนพี่ดูนี่ให้หน่อยสิ”
จุกหยิบโทรศัพท์ออกมากดเปิดรูปชนก ยื่นให้ยมดู
“นี่ครับพี่...พี่เห็นอะไรมั้ยครับ”
ยมมองปราดเดียว “วิญญาณนี่”
“วิญญาณอะไรพี่พอจะรู้มั้ยครับ”
ยมครุ่นคิด “น่าจะเป็นมนต์ดำของพวกหมอผีน่ะ”
“มนต์ดำเหรอครับ แล้วเค้าต้องการอะไรจากพ่อผมล่ะ”
ยมไม่ทันได้มอบความกระจ่างให้ จังหวะนี้นิดหน่อยเดินเข้ามาในร้านพอดี จุกจึงรีบเก็บมือถือเพื่อไม่ให้พี่สาวรู้ว่าคุยเรื่องชนกอยู่
“อ้าวคุณ มีธุระอะไรกับชั้นรึเปล่า”
“จะชวนออกไปธุระข้างนอกน่ะ”
นิดหน่อยแปลกใจ “จะไปเหรอ”
ยมไม่บอกว่าจะชวนไปที่ไหน


แม็กเก้สไตลิสต์สาวเกร๋ประจำพรีเวดดิ้ง มีสีหน้าตื่นตกใจเล็กน้อย หลังจากยมบอกยกเลิกงานแต่งงาน
“ยกเลิกงานแต่งงานเหรอคะ”
ยมกับนิดหน่อยนั่งคุยอยู่กับแมกเก้ตรงมุมรับรองแขกในออฟฟิศ
“ครับ ยกเลิกงานทุกอย่างไปก่อนครับ”
แม็กเก้แปลกใจ “เพราะอะไรล่ะคะ งานก็คืบหน้าไปเยอะแล้วนะคะเนี่ย”
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากัน
“คือเราคิดว่าเราอยากเป็นแค่เพื่อนกันไปก่อนน่ะครับ” ยมบอก
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวขอลองเป็นเพื่อนกันอีกแป๊บนึง ถ้าอยากเป็นแฟนเดี๋ยวค่อยมาแต่งงานกันใหม่”
“แหม...เหมือนเล่นพ่อแม่ลูกกันเลยนะคะ” แม็กเก้แซวขำๆ
“แล้ววันนี้คุณอารยาไม่มาทำงานเหรอคะ”
“คุณยาลาดูแลแฟนน่ะค่ะ”
“อ้าว แฟนคุณยาเป็นอะไรเหรอคะ”
“เป็นมะเร็งน่ะค่ะ” แม็กเก้บอก
นิดหน่อยหันมองหน้ายม สีหน้าตกใจกับข่าวนี้อยู่ไม่น้อย
“เฮ้ย เราไปเยี่ยมกันหน่อยมั้ยคุณ”
ยมพยักหน้ารับเอาคำทันที เพราะตนอยากไปเยี่ยมสนอยู่แล้ว

ยินเสียงอาวรณ์ด่าแม่บ้านดังออกมาจากในบ้านท่านวิเวก
“โอ๊ย ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจชั้นซักอย่าง”
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โถงรับแขก อาวรณ์กำลังบ่นบ้าด่าแม่บ้านที่ซื้อผักมาผิด
“ชั้นสั่งให้ซื้อกุ้ยช่าย ไม่ใช่คึ่นช่าย”
“ขอโทษค่ะ ก็หนูได้ยินว่าช่ายๆ”
“แต่อันนี้มันไม่ช่ายย สมองแกนี่มันเหมือนซองมันฝรั่งทอดซะจริง”
“ดูหีบห่อสวยงามเหรอคะ”
“กลวง ตายแล้วอย่าเอาร่างกายไปบริจาคนะ เดี๋ยวนักศึกษาจะตกใจ อาจารย์ใหญ่ไม่มีสมอง”
แม่บ้านจ๋อย “อุ้ย”
“ไปให้พ้นหน้าชั้นเลยไป ไป๊”
แม่บ้านเดินจ๋อยๆออกไป
วิเวกเดินลงมาจากบนบ้าน สะพายกระเป๋าข้างแบรนด์เนม ไม่เท่านั้นข้อมือยังมีนาฬิกาโรเล็กซ์ซับมารีนประดับ อาวรณ์เห็นแว่บแรกก็สะดุดตาอย่างแรง
“อุ๊ยตาย เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะเนี่ย”
“ทำไม ผมดูแปลกไปงั้นเหรอ”
“มาก นี่ไปจับพวกสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แล้วแอบเอาของกลางมาใช้เหรอเนี่ย”
“จะบ้าเหรอ นี่ของแท้ ทำไม หนังหน้าผมนี่ดูเป็นพวกใช้ของก๊อปอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ร้อยวันพันปีคุณไม่เคยใช้ของแพงๆพวกนี้นี่ อยู่ๆ มาใช้ชั้นก็งงเด๊ งงเด๊”
“ก็เห็นพรรคพวกที่ใหญ่ๆ โตๆ เค้าใช้กัน ผมก็ลองใช้ดูบ้างน่ะ เป็นไง ดูมีสง่าราศีขึ้นมั้ย”
“ที่สุด น่าจะคิดแบบนี้ได้ตั้งนานแล้วนะ ทำตัวเป็นตาแก่เชยๆ อยู่ได้ตั้งนาน”
“เอาไว้เราหาเวลาไปช็อปปิ้งกัน”
“อะเครค่ะ”
วิเวกเดินออกจากบ้านไปด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม ขณะที่อาวรณ์ก็ยิ้มย่องย่ามใจ

ทันทีที่ถึงสน. ตำรวจลูกน้องวางถุงซิปล็อคใส่ชิปจากบ่อน ที่เจอในกระเป๋าอาวรณ์ก่อนหน้านี้ลงบนโต๊ะในห้องทำงานท่านวิเวก ในนั้นมีเทพเจ้ากวนอูองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนชั้นหลังโต๊ะ
“ผลตรวจเป็นยังไงบ้าง”
ลูกน้องสีหน้าหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะรายงานผลให้นายทราบ
“ผลดีเอ็นเอบนชิปเทียบกับเส้นผมคุณอาวรณ์ ผลออกมาตรงกันครับ”
“สรุปว่าเมียผมเข้าบ่อนสินะ”
“จะเป็นบ่อนแถบชายแดนรึเปล่าครับ”
“เมียผมไม่ได้ไปไหนไกลขนาดนั้น ต้องเป็นบ่อนในท้องที่เรานี่แหละ”
“แต่เราก็เพิ่งจะทลายบ่อนในพื้นที่กันมานะครับ”
“อันนั้นมันบ่อนลูก บ่อนแม่น่าจะอยู่ที่ไหนสักที่นี่ละ”
“เดี๋ยวผมจะลองหาข่าวดูนะครับ”
“ให้คนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุด ผมไม่อยากให้ตัวการใหญ่ไหวตัว” ท่านวิเวกกำชับ
“ครับท่าน”
ตำรวจลูกน้องตบเท้าเคารพ แล้วเดินออกจากห้องไป
วิเวกมีสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง เหลียวไปมองที่พักตร์เทพเจ้ากวนอูนิ่งนาน


อารยานั่งป้อนส้มให้สนอยู่ข้างเตียง บรรยากาศอบอุ่นอวลไอไปด้วยความรัก จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น อารยาลุกเดินไปเปิดประตูให้ เห็นยมกับนิดหน่อยยืนอยู่หน้าห้องก็แปลกใจ
“อ้าว คุณยม คุณนิดหน่อย มาได้ไงคะเนี่ย”
“ผมไปที่บริษัทคุณมาน่ะครับ พอรู้ว่าแฟนคุณป่วยก็เลยมาเยี่ยม”
“ขอบคุณมากนะคะ เชิญด้านในก่อนค่ะ”
อารยาเดินนำยมกับนิดหน่อยเข้ามาในห้อง
“เป็นยังไงบ้างสน”
อารยากับนิดหน่อยเหลียวขวับไปมองยมพร้อมกัน แปลกใจว่ารู้จักกับสนตั้งแต่เมื่อไหร่
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“นั่นสิคะ รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
ยมอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง “อ๋อ...ก็คุณยาเคยบอกผมว่าแฟนคุณชื่อสนไงครับ จำไม่ได้เหรอ”
อารยางงพยายามนึกว่าเคยรู้จักกันที่ไหน “จำไม่ได้น่ะค่ะ ยาเคยบอกตอนไหนเหรอคะ”
ยมอ้ำอึ้ง ในขณะที่นิดหน่อยมองยมด้วยแววตาสงสัย
สนลุกจากเตียง แล้วค่อยๆ เดินไปหายมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ช่างเถอะยา ผมว่าผมรู้สึกถูกชะตากับเค้ายังไงก็ไม่รู้”
ยมยิ้มๆ “ชาติที่แล้วเราอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก็ได้นะครับ”
“ก็อาจจะเป็นได้” เขาหันไปหาอารยา “เดี๋ยวผมมานะ ผมขอคุยกับคุณยมส่วนตัวนิดนึง”
ยมพาสนเดินออกไปจากห้อง นิดหน่อยกับอารยามองตามด้วยสายตางุนงงเล็กน้อย

ยามเย็นตะวันโพล้เพล้ สนยืนคุยอยู่กับยมบนดาดฟ้าตึก
“ร่างกายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ทรงๆอยู่น่ะครับ”
“แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับเราอย่างนั้นเหรอ” สนคุกเข่าต่อหน้า เล่นเอายมตกใจ “เฮ้ย คุกเข่าทำไม”
“ผมรู้ตัวว่ายังมีชีวิตเหลืออยู่ได้อีกไม่นาน ผมขอเวลาชีวิตเพิ่มอีกสักหน่อยได้มั้ยครับ”
“อย่าทำแบบนี้เลยสน”
“นะครับท่าน ช่วยให้ผมมีเวลาได้อยู่กับอารยามากขึ้นอีกหน่อยเถอะนะครับ”
ยมค่อยๆ ดึงสนขึ้นมายืนคุยกันเหมือนเดิม
“ไม่ได้หรอกสน มันเป็นกรรมของเจ้า ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
สนก้มหน้าด้วยความผิดหวัง
“มีอีกเรื่องที่เราอยากจะเตือนเจ้าไว้”
“อะไรเหรอครับ”
“ช่วงเวลาที่เหลือก็หมั่นทำบุญเยอะๆ เพราะแม้ว่าเจ้าจะฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ แต่ความผิดก็ถือว่าเกิดขึ้นแล้ว”
“ครับ”
สนรับคำเสียงอ่อย เสียดายวันเวลาในชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิด ยมตบไหล่ให้กำลังใจ

ฝ่ายนิดหน่อยมองอารยาด้วยสีหน้าทึ่งจัด นับถือในหัวจิตหัวใจ หลังจากรู้เรื่องราวหมดแล้ว
“หัวจิตหัวใจคุณยานี่แกร่งมากเลยนะคะ รอคนรักกลับมา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ยามีความเชื่อน่ะค่ะ เชื่อว่าวันนึงเค้าจะกลับมา มันก็เลยเป็นพลังใจให้ยาอดทนที่จะรอเค้า”
นิดหน่อยประทับใจ “ถ้าเป็นนิดหน่อย ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้แบบคุณยารึเปล่า”
อารยาพรายยิ้ม “ได้สิคะ ถ้าคุณนิดหน่อยได้เจอคนดีๆ และรักเค้าอย่างที่ยาเป็น คุณนิดหน่อยก็จะทำแบบยานี่ล่ะ”
“บนโลกนี้จะมีคนดีๆ แบบนั้นสักกี่คนกันคะ มันก็เหมือนซื้อหวยนั่นแหละ การถูกรางวัลที่หนึ่งมันยากพอๆ กับการเจอผู้ชายดีๆ สักคน
อารยาจำ “เปรียบกับรางวัลที่หนึ่งเลยเหรอะคะ”
“ใช่ค่ะ นิดหน่อยว่าผู้ชายดีๆ ก็คือรางวัลที่หนึ่งนี่ล่ะ”
“ฟังดูท้อแท้นะคะ แต่ถ้ามองมุมบวก ผู้ชายคนนั้นก็มีอยู่จริงในทุกๆ งวด”
“เดือนนึงได้ลุ้นตั้งสองครั้ง ถึงไม่ได้เจอ ขอให้ได้เฉียดก็ยังดี”
“คุณนิดหน่อยเจอคุณยมแล้ว จะต้องลุ้นอะไรอีกล่ะคะ จริงมั้ย”
“ค่ะ”
นิดหน่อยอึ้ง หน้าเสียนิดๆ ในใจยังรู้สึกผิดที่ร่วมมือกับยมมาโกหกอารยาเรื่องจะแต่งงาน

เจต7 ยืนอยู่ในตึกร้าง ทอดสายตามองออกไปยังเบื้องหน้า
สุวรรณกับสุวานเดินนำวิญญาณเข้ามาหา เป็นวิญญาณผู้หญิงผมยาวในชุดขาวเหมือนผีจูออน
“มาแล้วครับท่าน”
เขต7 หันไปเจอถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
“หายกันไปนาน นี่ไปเอามาจากญี่ปุ่นเลยเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่จูออนครับท่าน” สุวานบอก
“จะเริ่มเลยมั้ยครับ” สุวรรณถาม
เขต7 เดินเข้าไปหาวิญญาณสาว
“เคยสิงคนรึเปล่า”
“เคยไปแต่สิงห์บุรี”
เขต7 หันขวับมองสุวรรณกับสุวาน เชิงถามว่าเมิงไปพาใครมา
“ก็ท่านบอกให้หาวิญญาณที่ไม่เฮี้ยนมานี่ครับ” สุวานว่า
“แล้วมันจะสิงคนเป็นมั้ยเนี่ย”
“เดี๋ยวผมสอนให้ก็ได้ครับ ไม่น่ายาก” สุวรรณอาสา
“หน้าที่ของเจ้าคือเข้าสิงเป้าหมายของข้า โดยห้ามทำอันตรายใดๆ เด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“แล้วข้าจะได้อะไรตอบแทน”
“เรื่องนี้ หลังจากเสร็จงานค่อยมาว่ากัน”
เขต7 บอกด้วยสีหน้าเข้มขรึม

นิดหน่อยกับยมออกจากห้องอารยา และกำลังเดินตรงมาที่ลานจอดรถอพาร์ตเมนต์
“คุณอารยาเค้าดูเป็นคนจิตใจดีมากเลยนะคุณ”
“ใช่ เค้ารักสนมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ”
“คุณกับคุณสนเหมือนรู้จักกันมานานนะ”
“คนเราถ้าถูกชะตากัน ต่อให้เพิ่งรู้จักกัน ก็เหมือนว่ารู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี ขณะที่หลายๆ คน รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี แต่กลับไม่รู้จักกันเลย”
“ไม่ต้องมาทำพูดจาคำคมกลบเกลื่อน ยิ่งรู้จักคุณ ชั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณเป็นคนแปลกๆ และเรื่องหลอกคุณอารยาว่าจะแต่งงานเพื่อมาสืบอะไรก็ไม่รู้ อันนี้ก็แปลกๆ นี่คุณเป็นใครกันแน่”
ยมอึกอักอ้ำอึ้ง ขณะที่นิดหน่อยจ้องจับพิรุธอยู่
จู่ๆ มีหนูวิ่งออกมาจากท่อใกล้ๆ จุดที่นิดหน่อยยืนอยู่ นิดหน่อยกรี๊ด กระโดดหลบด้วยความกลัวก่อนจะเสียหลักล้ม ยมช่วยประคองรับไว้ได้ทัน หน้าสองคนใกล้แค่คืบ ตาจ้องตานิ่งนาน
นิดหน่อยเป็นฝ่ายหลบตายม ก่อนที่จะเคลิ้มไปมากกว่านี้ ยมละสายตาจากนิดหน่อยมาสะดุดกับสร้อยไหลน้ำพี้ที่หลุดห้อยออกมาจากเสื้อ ยมจำได้แม่นว่าเป็นสร้อยที่ให้ไว้กับเด็กคนหนึ่ง
“สร้อยนี่”
“มีอะไรกับสร้อยชั้นงั้นเหรอ”

ยมมองสร้อยอึ้งๆ มั่นใจว่าเป็นเส้นเดียวกับที่ให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ นิดหน่อยก็มองยมงงๆ

อ่านต่อ ตอนที่ 14


กำลังโหลดความคิดเห็น