มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 12 | ข้าคือมัจจุราช
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์, สิริวัฒน์69
ยม สุวรรณและสุวาน นั่งหารือกันเรื่องนายสนอยู่ภายในโถงบ้านด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด
“นายสนมันต้องขึ้นมาหาอารยา คนรักของมันแน่ๆ ครับ” สุวรรณมั่นใจ
“ครับ ถ้ารู้ว่าอารยาอยู่ที่ไหน เราก็ตามไปจับวิญญาณสนได้ไม่ยาก” สุวานเสริม
ยมถอนหายใจ “ปัญหาคือเรายังไม่รู้ว่าอารยาอยู่ที่ไหนน่ะ”
สุวานงง “อ้าว เห็นได้ไปคุย ไปถ่ายรูปกัน ผมก็คิดว่าท่านจะพอรู้บ้างแล้ว”
“เอ้อ มัวแต่กอดสาวเพลิน” สุวรรณหยอก
ด้วยความหงุดหงิดประสมกับแรงโกรธ ยมกลางร่างเป็นมัจจุราชมีเขางอกออกมา เหลียวขวับมามองหน้าสุวรรณ
เล่นเอาสุวรรณสะดุ้ง “เย้ย”
“ไอ้นี่ก็ชอบแซวให้ท่านโกรธอยู่เรื่อย”
“ก็รักหรอกจึงหยอกเล่น”
เขาของยมค่อยๆ หดกลับเข้าไป สุวานเห็นแบบนี้ชักไม่สบายใจ
“ท่านขึ้นง่ายแบบนี้ ระวังจะเผยร่างจริงให้พวกมนุษย์เห็นนะครับ”
“พวกมนุษย์ไม่ยั่วโมโหเราเท่าพวกเจ้าหรอก” ยมว่า
สุวานมองสุวรรณเซ็งๆ “ข้าโดนหางเลขไปด้วยเลยเห็นมั้ย”
สุวรรณยิ้มแห้งๆ หัวเราะแหะๆ รีบเข้าเรื่อง “แล้วอารยาเปลี่ยนที่อยู่แบบนี้ นายสนมันจะตามหา
เจอเหรอครับ”
“ความรักความผูกพันที่มีต่อกัน จะนำพาสนไปเจอกับอารยา”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่า อารยาพักอยู่ที่ไหน”
ทั้งหมดนิ่งคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่ยมจะพูดขึ้น
“พวกเขต7 รู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”
เสียงมัจจุราชเขต7 ดังขึ้น “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ มีหรือข้าจะไม่รู้”
ทั้งหมดหันไป เห็นเขต7ปรากฎกายพร้อมกับสุวรรณ7และสุวาน7
สุวานอุทานลั่น “คุณพระช่วย”
“ใครก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ” เขต7 จ้องหน้ายม
“หมายความว่ายังไง”
“ท่านท้าวให้ข้ามาเชิญพวกเจ้าลงไปสอบสวนน่ะสิ”
ทีมเขต8หน้าเครียดทั้งแถบ โดยเฉพาะยมอึ้งหนักกว่าลูกน้อง เขต7ยิ้มร้ายสะใจเบาๆ
วิญญาณสนเดินเข้ามาหน้าตึกอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ เงยหน้ามองขึ้นไปมองด้านบนหยุดที่ห้องพักของคนรัก
อารยานั่งเช็ดเครื่องสำอางหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เตรียมจะอาบน้ำเข้านอน ไม่รู้ว่าสนเดินทะลุกำแพงเข้ามาในห้องนี้
สนเห็นรูปความทรงจำระหว่างเขากับอารยาประดับ แขวน วางตั้งอยู่เต็มห้องก็อึ้งไป เดินเข้าไปดูรูปต่างๆ ความรู้สึกตื้นตันมัน จนน้ำตาซึมออกมา
“ผมคิดว่าคุณลืมผมไปซะแล้วอีก”
สนเดินเข้าไปยืนข้างๆ อารยา
“นี่คุณยังไม่ลืมผมใช่มั้ยยา คุณยังรักผมอยู่ใช่มั้ย”
อารยาเช็ดเครื่องสำอางไป โดยไม่รับรู้หรือสัมผัสได้ว่าสนอยู่ข้างๆ
“ผมรักคุณนะยา”
สนสวมกอดอารยา แต่ก็วืดผ่านกายหยาบของคนรักด้วยไม่สามารถสัมผัสกันได้ อารยาลุกเดินผ่านร่างสนเข้าไปในห้องน้ำหน้าตาเฉ้ย
สนผิดหวังที่สื่อสารกับคนรักไม่ได้ ครุ่นคิดหาทางสื่อสารกับอารยาให้ได้
ที่นรกภูมิยามนั้น ตรงบริเวณลานนหน้าวิหารของท่านท้าวพญายมแลดูสวยงามอลังการ ท้องฟ้าและบรรยากาศรอบด้านเป็นสีแดงดูเข้มขลัง ท่านท้าวประทับบนบัลลังก์เห็นไอความร้อนลอยจากกายท่านลอยคุกรุ่นยิ่งดูน่าเกรงขาม มองลงมาที่ยมในร่างเขต8 กับ เขต7
“เจ้ามีอะไรจะอธิบายมั้ย เขต8”
เขต8ก้มหน้ารับผิด ขณะที่เขต7ยืนทำหน้านิ่ง แต่ลึกๆ สะใจสมใจ อยู่ข้างๆ
“เป็นความบกพร่องของเขตผมเองครับ ผมคงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ”
“แล้วเหตุใดวิญญาณดวงนี้จึงวนเวียนอยู่ในยมโลก โดยที่ไม่มีการตัดสินใดๆ เสียที”
“วิญญาณนายสนมีปัญหาบางอย่าง ทำให้ยังตัดสินโทษใดๆ ไม่ได้ครับ ซึ่งผมกำลังตรวจสอบอยู่ ว่ามันเกิดจากสาเหตุอันใด”
“ก่อนจะตรวจสอบเรื่องบัญชีนายสน ผมคิดว่าควรจะเร่งจับวิญญาณนายสนให้ได้เร็วที่สุดก่อนนะครับ” เขต7 ว่า
“จริงดังเจ้าว่า” ท่านท้าวชี้หน้ายม “เจ้าต้องเร่งนำวิญญาณไอ้สนกลับลงมาให้เร็วที่สุด”
“ครับ ผมจะรีบตามจับวิญญาณนายสนให้ได้เร็วที่สุด” ยมว่า
“เพื่อความรวดเร็ว ผมขอร่วมตามล่าวิญญาณนายสนด้วยครับ” เขต7 อาสา
ยมไม่ยอม “ไม่จำเป็น วิญญาณนายสนอยู่ในความรับผิดชอบของเรา”
ท่านท้าวแทรกขึ้นมาทันที “ให้เขต7ช่วยตามล่านั่นแหละ จะได้เร็วขึ้น”
ยมปฏิเสธไม่ออกได้แต่ก้มหน้าน้อมรับเอาคำสั่ง “ครับ”
“ไม่ต้องห่วงนะท่านเขต8 เราเป็นตำรวจเก่า เรื่องตามจับคนร้ายเราถนัด”
เขต7ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเป็นต่อ ขณะที่ยมวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับวาจาเสียดสีของมัจจุราชคู่ปรับ
สุวรรณกับสุวานทั้งสองเขตยืนรอเจ้านายของตัวเองกันอยู่หน้าทางเข้า สุวรรณกับสุวานเขต8 มีสีหน้ากังวลทั้งคู่ ต่างจากสุวรรณกับสุวานเขต7 มีสีหน้ายิ้มกระหยิ่ม สะใจ
สุวาน8 เป็นห่วงนาย “เจ้านายจะเป็นยังไงบ้างนะนี่”
“เจ้านายเป็นคนโปรดท่านท้าว คงไม่เป็นอะไรมากหรอก” สุวรรณ8 ว่า
สุวรรณ7 ยิ้มเย้ย “ความผิดของพวกเจ้าครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ต่อให้โปรดแค่ไหน ก็ไม่รอดหรอก”
สุวาน7 ยิ้มเยาะ “ใช่ วิญญาณแค่ดวงเดียวดูแลยังไม่ได้ ข้าว่าน่าจะลดชั้นไปเป็นนิรบาลจะเหมาะกว่า”
“เฮ้ย พูดแบบนี้ตัวๆกับเพื่อนข้ามั้ย”
พร้อมกับว่าสุวาน8 ผลักสุวรรณ8 เข้าไปหาร่างบึกบึนของสุวาน7 สุวรรณ8เบรกตัวโก่ง
เขต7กับยมเดินออกมาจากในวิหารมาสมทบ สุวรรณ8 รีบถาม
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“เราต้องรีบตามจับวิญญาณสนกลับลงมาให้เร็วที่สุด” ยมบอกลูกทีม
เขต7ยิ้มบอกกับลูกน้องตัวเองว่า “งานนี้เราจะร่วมวงล่าด้วย เตรียมตัวให้พร้อมนะ”
สุวรรณ7 กะ สุวาน7 รับเอาคำพร้อมๆ กัน “ครับ”
“อย่างที่บอก เรื่องจับผู้ร้ายเราถนัดมาก เรากัดไม่ปล่อยแน่”
เขต7ตบไหล่ยมเบาๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์สำทับนัยยะเรื่องนิดหน่อยด้วยว่า นั่นก็กัดไม่ปล่อยเช่นกัน
ยมยิ้มเยาะเบาๆ “ก็ลองดูแล้วกัน ว่าจะคว้าน้ำเหลวเหมือนที่ผ่านๆ มารึเปล่า”
สุวรรณ8กับสุวาน8 สะใจยิ้มตามนาย
เขต7ฉุนกึก “เรื่องนิดหน่อยยังแค่เริ่มต้น! ไว้มีหลักฐานชัดเมื่อไหร่ ยิ้มไม่ออกกันแน่”
สุวรรณ8กับสุวาน8 หุบยิ้มทันที
“ก็ลองดูแล้วกัน” ยมบอก
“ได้”
ยมกับเขต7เดินเข้าหาและจ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมกัน
สุวรรณ7กับสุวรรณ8 เดินเข้าหาและจ้องหน้ากันอีกคู่ และแน่นอน สุวาน7กับสุวาน8เดินเข้าหาและจ้องหน้ากันด้วย แต่สุวาน8เจอแต่เป้ากางเกงสุวาน7 ไม่เห็นหน้า เพราะเตี้ย
“เฮ้ย แน่จริงก็ออกมาสิวะ”
“อยู่นี่โว้ย”
สุวาน8เงยหน้ามอง สะดุ้งนิดๆ
ทั้ง2เขตยืนจ้องหน้าอย่างท้าทายกันนิ่งนาน
เช้านี้ที่สำนักอาจารย์ขาว เจ้าสำนักนั่งอ่านตำราดูดวงอยู่ โรเบิร์ตเดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้
“อุ๊ย เปิดตำราดูดวงแบบนี้ จะดูให้ใครเหรอครับ”
“เปิดอ่านหาความรู้เพิ่มเติมเฉยๆ” อาจารย์บอก
“ไหนๆ ก็เปิดตำราแล้ว ดูให้ผมหน่อยสิจารย์”
“เกิดราศีอะไรล่ะ”
“ถ้าผมบอกไปจะโดนถีบมั้ยครับ”
“ไม่”
“ไม่โดน”
อาจารย์ขาวถีบโรเบิร์ตกระเด็นไป “ไม่เหลือน่ะสิ”
โรบิ้นนำยุพาเดินเข้ามานั่งตรงหน้าอาจารย์
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
“แหม...หายไปหลายวันเลย คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“มาสิคะ แต่ไม่ได้มาทำเสน่ห์ใส่สามีหรอกนะคะ”
“อ้าว แล้ววันนี้มาทำอะไรล่ะจ๊ะ”
“จะมาลงนะหน้าทองน่ะค่ะ…อยากมีเสน่ห์ ให้คนรักคนหลงงี้”
อาจารย์จ้องนมยุพา “แหม...ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยแล้วนะ ยังจะเพิ่มอีกเหรอ”
“หมายถึงเสน่ห์หนูเหรอคะอาจารย์”
อาจารย์ขาวกลืนน้ำลายเอื๊อก “ก็เสน่ห์นี่แหละจ๊ะ”
“ขอเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วกันค่ะ อยากมั่นใจมากกว่านี้”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวจารย์จัดให้ชุดใหญ่ไฟกระพริบเลย”
ยุพายิ้มย่องดีใจ
นิดหน่อยตื่นแต่เช้ามารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน จนเห็นสมรจะเดินออกมาจากในบ้าน พร้อมแก้วกาแฟมานั่งที่โต๊ะสนามจิบกาแฟชมสวนอย่างอารมณ์ดี
“เอ้อ...อากาศดีๆ น่าปิดบ้านไปเที่ยวพักผ่อนกันหน่อยนะลูก”
นิดหน่อยยิ้มให้ “นั่นสิ หนูก็คิดอยู่เหมือนกัน”
สมรตื่นเต้น “ไปไหนกันดีล่ะ...ทะเลมั้ย”
“อืม..ก็ว่าจะชวนไปเที่ยวกระบี่กันอ่ะนะแม่”
สมรยิ้มย่อง “เริด”
“แต่ดูเงินในบัญชีแล้ว คงพาไปได้แค่สวนสยาม”
สมรเซ็งฝันค้าง “ค่ะ”
จุกเดินลงมาจากบนบ้าน สีหน้าเบิกบานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นิดหน่อยหันไปเห็น
“ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยนะ...มีไรป่าวเนี่ย”
“ผลแอดมิชชั่นออกมาแล้ว”
“เหรอ..แล้วติดที่ไหน”
สมรลุกมาหาจุกด้วยอาการลุ้นจัด
“จุฬาฯ”
สมรร้อง “เย้” หันไปหานิดหน่อย พากันดีใจกระโดดโลดเต้นกันสองคน
“แล้วติดคณะอะไร” นิดหน่อยซัก
“สถาปัตย์น่ะ”
นิดหน่อยร้อง “เย้”
สมรกับนิดหน่อยเคลิ้มดีใจกระโดดโลดเต้น ก่อนจะค่อยๆ ซึมลง แล้วหันมาถามจุกอีกครั้ง
“ติดคณะอะไรนะ”
“สถาปัตย์น่ะแม่”
“มันใช่คณะเดียวกับ...ที่ไอ้ชนกมันทำงานอยู่รึเปล่า” สมรหันมาถามนิดหน่อย
“ใช่แม่” นิดหน่อยยิ้มเจื่อนๆ
สมรจ้องหน้าจุกแหวใส่ “นี่แกอยากเป็นเหมือนพ่อแกเหรอจุก”
“เหมือนแบบไหนล่ะแม่”
“ก็เจ้าชู้ ไม่มีความรับผิดชอบให้ครอบครัวยังไงล่ะ”
“คณะนี้มันไม่ได้มีหลักสูตรความเจ้าชู้สอนนะแม่” จุกเซ็งเลยกวนกลับ
“กวนชั้นเหรอ”
“ไม่ได้กวน จุกพูดจริงๆ นิสัยส่วนตัวมันไม่เกี่ยวกับว่าเรียนคณะอะไรหรอกนะแม่” จุกว่า
นิดเหน่อยเห็นด้วย “ก็จริงของจุกนะแม่”
สมรโมโห “นี่แกก็เห็นด้วยกับน้องแกเหรอ”
นิดหน่อยอึกอักใหญ่โดนหางเลข “เอ่อ”
“คงจะโดนพ่อแกแอบล้างสมองกันหมดแล้วล่ะสิ มันจ่ายมาเท่าไหร่ล่ะ”
สมรเดินหงุดหงิดเข้าบ้านไป นิดหน่อยมองหน้าจุกพลางถอนใจเซ็งๆ พลอยซวยไปด้วย
อีกฟาก อารยาเดินเข้าเขตออฟฟิศไป วิญญาณนายสนเดินตาม พอถึงหน้าประตูก็เจอวิญญาณเจ้าที่ปรากฏกายมาขวางไว้
“จะไปไหน”
“ผมจะตามแฟนเข้าไปข้างในน่ะครับ”
“ใครแฟนเจ้า”
“ก็อารยา ผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้าไปข้างในเมื่อกี๊นี้น่ะครับ”
สนจะเดินเข้าไป แต่เจ้าที่ขวางทางไว้
“เข้าไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะท่าน”
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ส่วนบุคคล แล้วเจ้าก็ไม่เหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าไป”
“ผมจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆ แฟนของผมเฉยๆ ไม่ได้จะสร้างความวุ่นวายอะไรหรอกนะท่าน”
เจ้าที่ไม่ยอม “ไม่ได้ คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี”
สนอ้อนวอน “ได้โปรดเถอะท่าน ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับที่นี่”
เจ้าที่เสียงแข็งใส่ “ไม่ได้ กลับที่ของเจ้าไปซะ”
“ครับ”
สนจำใจต้องถอยร่นออกไปอย่างผิดหวัง
ด้านอาจารย์ขาวพรมน้ำมนต์ หลังจากลงนะหน้าทองให้ยุพาเสร็จ
“พุทโธ จับจิต ธัมโม จับใจ สังโฆ รักใคร่...พุทโธ มามา ธัมโม มามา สังโฆ มามา...นะเมตตา เพี๊ยง”
“สาธุค่ะอาจารย์”
อาจารย์ขาวหยิบลิปสติกแท่งสีผึ้งลงอาคมยื่นให้ยุพา
“เอ้านี่ รับไป”
“ลิปสติกเหรอคะอาจารย์”
“ไม่ใช่ลิปสติกธรรมดา นี่คือสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วนี่คาถา”
ยุุพารับลิปสติกกับใบคาถาจากอาจารย์ขาวมา
“ว่าคาถาแล้วก็ทาให้ทั่วริมฝีปาก รับรองคนรักคนหลง”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
โรบิ้นเดินนำรุจิภาเข้ามาในจังหวะนี้
รุจิภาร้องทักทายเสียงหวาน “สวัสดีค่ะอาจารย์”
“สวัสดีคุณรุจิภา”
ยุพาหันไปมองพอเห็นเป็นรุจิภา ต่างฝ่ายต่างก็สบตาไว้เชิงใส่กัน รุจิภาทำเป็นไม่สนใจยุพา
“รุจิมารับอาจารย์ไปที่บ้านน่ะค่ะ”
“อ้อ อาจารย์เสร็จพิธีพอดีเลย”
อาจารย์ขาวหยิบลิปสติกมหาเสน่ห์ยื่นให้รุจิภา
“อาจารย์ทำสีผึ้งมหาเสน่ห์ เอาไปใช้สิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รุจิยังไม่จำเป็นต้องใช้น่ะค่ะ”
รุจิภาชำเลืองมองพูดกระทบยุพา ฝ่ายนั้นรีบกำลิปสติกซ่อนในมือ
“ไปกันเลยมั้ยคะอาจารย์”
“ไปสิ”
“จะรอดูรีวิวสีผึ้งมหาเสน่ห์นะคะ คุณยุพา”
อาจารย์ขาวแปลกใจ “อ้าวรู้จักด้วยเหรอ”
“เพิ่งรู้จักกันน่ะค่ะ ยังไม่ได้สนิทอะไร”
ยุพาปั้นยิ้มให้
“ต่อไปนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ คุณรุจิ”
รุจิภาปั้นยิ้มตอบ “ค่า...คุณยุพา”
“ภายใต้รอยยิ้มเหมือนมีมีดโดนแฝงอยู่ ไปดีกว่า ประเดี๋ยวจะเสียฤกษ์”
อาจารย์ขาวบ่นกับตัวเอง พยักหน้าให้รุจิภาแล้วเดินนำออกไป รุจิภามองยุพาด้วยสายตาเชือดเฉือนก่อนจะเดินนวยนาดตามอาจารย์ขาวออกไป
ทิ้งให้ยุพายืนคุมแค้นอยู่ลำพัง
ยมกับสุวรรณและสุวานนั่งมาในโบกี้รถไฟด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทั้งแถบ ด้วยปัญหาประดังประเดมาใส่รอบทิศ
“ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว..เฮ้อ” สุวรรณถอนใจเฮือกใหญ่
“ตอนนี้ไอ้พวกเขต7 ก็จ้องเราตาเป็นมันกันเลย พลาดมานี่โดนซ้ำกันอ่วมแน่” สุวานกังวล
ยมปลอบ “ใจเย็นๆ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดมักเกิดปัญหานะ”
“สติมา หมาไม่กัด” สุวรรณเสริม
สุวานจบให้ว่า “คุมสติไม่ถนัด ก็กัดกับหมา”
จากนั้นสุวรรณกับสุวานก็จ้องหน้าร้องแฮ่ใส่กันเหมือนหมา เลยถูกยมจับหัวโขกกัน
“มันใช่เวลามาเล่นกันมั้ย”
“หยอกเล่นคลายเครียด สติจะได้ไม่เตลิดไงครับ
“แล้วท่านมีแผนจับวิญญาณนายสนหรือยังครับ”
“ก่อนจะตามหาวิญญาณสน ไปช่วยกันต้อนรับอาจารย์ขาวกันหน่อยดีกว่า”
“จะให้ผมกับสุวานไปที่บ้านด้วยเหรอครับ”
“ใช่”
“แต่อาจารย์ขาวเคยเจอผมกับสุวรรณครั้งนึง ตอนที่มีวิญญาณหลุดออกมาอาละวาด ผมเกรงว่ามันจะจำเราได้น่ะสิครับ”
“ใช่ครับ แล้วครั้งนั้นมันก็รู้ด้วยว่าเราเป็นใคร แบบนี้ไม่เท่ากับเปิดตัวพวกเราเหรอครับ”
“ในเมื่อมันกระสันอยากจะรู้ว่าเราคือใคร เราก็อยากจะช่วยบอกใบ้ให้มันสักหน่อย”
ยมบอกด้วยสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง
วันทำบุญบ้านมาถึง รถของรุจิภาแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านตามเวลานัดไว้ รุจิภาเปิดประตูลงมาจากรถ ตามด้วยอาจารย์ขาวและลูกศิษย์ทั้งสอง
“รถไม่อยู่ สงสัยคุณยมออกไปข้างนอกน่ะค่ะ”
“อ้าว ไม่ได้นัดกันไว้เหรอ”
“นัดค่ะ คิดว่าคงออกไปแถวๆนี้น่ะค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ”
โรเบิร์ตทำท่าขนลุกซู่ “ขนลุก”
อาจารย์ขาวหันมามอง “สัมผัสอะไรได้เหรอ”
“ปวดขรี้ครับจารย์ อั้นมาตั้งแต่ในรถแล้ว”
อาจารย์ขาวถีบโรเบิร์ตจนเซไป “โธ่ไอ้นี่”
“ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอครับ” โรเบิร์ตหันมาถามรุจิภา
“ก็คงต้องเข้าข้างนอกก่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวเดินตรงไป เลี้ยวขวา แล้วก็เลี้ยวซ้ายสองที แล้วก็ตรงไปอีกหน่อย ห้องน้ำจะอยู่ซ้ายมือค่ะ”
“มีทางที่เร็วกว่านี้มั้ยครับ ไม่ไหวแล้ว”
“มีค่ะ เดี๋ยววิ่งตรงไป เลี้ยวขวาแล้วก็เลี้ยวซ้ายสองที แล้วก็ตรงไปอีกหน่อย ห้องน้ำจะอยู่ซ้ายมือค่ะ”
“โอ้ว ต่างกันแค่เดินกับวิ่ง ขอบคุณมากครับ”
โรเบิร์ตวิ่งจู๊ดไปเข้าห้องน้ำ
รถยมแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เห็นยมสุวรรณและสุวานลงมาจากรถ
“รอนานมั้ยครับ”
“ไม่นานค่ะ” รุจิภามองสุวรรณกะสุวานสีหน้างงๆ “แล้วนี่พาใครมาด้วยคะเนี่ย”
“พาร์ทเนอร์ธุรกิจผมน่ะครับ” ยมแนะนำสุวรรณกับสุวาน “คนนี้ชื่อวรรณครับ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ ส่วนคนนี้ชื่อวานครับ ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก”
“ชื่อวาน แปลกดีนะคะ”
อาจารย์ขาวยิงมุกใส่ “วานไปซื้อโอเลี้ยงให้ถุงได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ รอแป๊บ” สุวานเคลิ้มแป๊บๆ นึกได้ก็จ้องหน้าอาจารย์ขาวทำเป็นงงๆ “เอ่อ คุณเป็นใครครับเนี่ย”
รุจิภาแนะนำ “รุจิจะแนะนำให้รู้จักนะคะ นี่อาจารย์ขาวค่ะ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิธีกรรมต่างๆ”
“ได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์มาสักพักแล้ว ได้เจอตัวจริงซะทีนะครับ” ยมทักหน้านิ่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ครับ เค้าลือว่ากุมารทองของอาจารย์เจ๋งมาก เพื่อนผมสองคนนี้เค้าก็อยากจะพิสูจน์ว่าจะเจ๋งสักแค่ไหน”
สุวรรณกับสุวานยิ้มให้กัน อาจารย์ขาวอึ้งไปนิดๆ เมื่อเจอคำท้าทายจากยมและเพื่อน
“ถ้าอยากจะลองก็เชิญที่สำนักได้ตลอดเวลานะ” อาจารย์ขาวจ้องหน้าสุวรรณกับสุวาน “แต่ผมว่าผมคุ้นหน้าเพื่อนคุณสองคนนี้มากเลย เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน”
“เอ่อ...ทำพิธีกันก่อนดีมั้ยคะ รุจิกลัวจะเสียฤกษ์”
“เชิญครับ”
ยมเดินนำเข้าบ้านไป อาจารย์ขาวเดินตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด ว่าเคยเจอเพื่อนยมที่ไหนมาก่อน
จุกเดินเข้ามาในออฟฟิศทุกอย่างดูปกติในเบื้องแรก ก่อนที่พนักงานทุกคนจะลุกขึ้นมายิงเปเปอร์ชู้ตพร้อมๆ กัน
เล่นเอาจุกงง “อะไรกันครับเนี่ย”
ต่อกับชนกพากันเดินปรบมือออกมา
“ขอแสดงความยินดีกับนิสิตสถาปัตป้ายแดงด้วยครับ”
ทุกคนปรบมือให้อย่างจริงใจ จุกอึ้งระคนงงว่าต้องยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ
“ยินดีด้วยนะลูก” ชนกยิ้มปลื้ม
“ไม่ต้องยินดีกันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ ผมไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”
“เฮ้ย..พูดได้ไงว่าไม่สำคัญ คุณชนกเค้าหวังไว้มากเลยรู้ป่าว” ต่อว่า
“ปะ ไปคุยกันที่ห้องพ่อดีกว่า ต่อด้วย”
ชนกพาจุกเดินไปคุยกันต่อที่ห้อง ต่อก็เดินตามไปติดๆ
ไม่นานต่อมาชนกเดินนำจุกกับต่อเข้ามานั่งคุยกันตรงมุมรับแขกในห้อง
“แล้วพี่กับแม่เราเค้าดีใจกันรึเปล่า”
จุกอ้อมแอ้มตอบพ่อ “ก็ดีใจนะครับ”
“ไม่ต้องโกหกพ่อหรอก พ่อเดาว่าแม่เราเค้าต้องโวยวายแน่นอน”
“แล้วน้าสมรเค้าจะโวยวายเรื่องอะไรล่ะครับ” ต่อถาม
“ก็กลัวว่าจุกจะเจ้าชู้เหมือนกับชั้นน่ะสิ ใช่มั้ยจุก”
“ครับ แต่เดี๋ยวแม่ก็หายงอนเองแหละครับ”
“โอเค ปล่อยเค้าไปก่อน แล้วคืนนี้มีโปรแกรมไปไหนรึเปล่า”
“ไม่มีครับ ทำไมเหรอ”
“พ่อจะชวนกินข้าวน่ะ ถือเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับลูก ต่อไปด้วยกันสิ”
“ได้ครับ” ต่อยิ้มรับเอาคำ
“ว่าไงลูก ไปมั้ย”
จุกครุ่นคิดอีกเล็กน้อย ต่อพยักหน้าเชิงบอกให้ตอบรับ
“โอเคครับ”
ชนกลูบหัวลูกชายยิ้มดีใจ จุกยิ้มตอบบางๆ กำแพงความเกลียดชังที่มีต่อพ่อยิ่งบางลงเรื่อยๆ
ฟากอาจารย์ขาวเดินพรมน้ำมนต์ไปทั่วบ้าน มีโรบิ้นถือขันน้ำมนต์ให้ และโรเบิร์ตคอยดูแล ขณะที่รุจิภาเดินตามดูห่างๆ ส่วนยมกับสุวรรณและสุวานก็คอยจับตามองหาจังหวะลองดีกับอาจารย์ขาว
“จากนี้ไป คนที่อยู่บ้านหลังนี้ ก็จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข”
ยมหันไปมองโคมไฟดวงหนึ่ง จู่ๆ หลอดไฟในโคมนั้นก็ระเบิดปัง ทุกคนต่างตกใจ
“โอ้โห อาจารย์นี่อาคมแก่กล้ามากนะครับ พูดจบปุ๊บ หลอดไฟระเบิดรับปั๊บ” สุวรรณเหน็บ
สุวานแดกดันต่อ “นั่นสิ อย่างกับยิงปืนสลุตเอาฤกษ์เอาชัยเลยนะครับ”
รุจิภาท้วงว่า “เอ่อ...แต่ข้าวของเสียหายแบบนี้ ไม่น่าจะใช่ลางดีมั้งคะ”
“คงเป็นเหตุบังเอิญน่ะ ไม่ใช่เพราะอาจารย์หรอก” อาจารย์ขาวบอก
ยมหันไปมองโคมไฟอีกมุมหนึ่ง จู่ๆ หลอดไฟก็ระเบิดอีกปัง
อาจารย์ขาวหันขวับมองหน้ายม แต่ยมก็ทำหน้ามึนงงใส่
รุจิภาแปลกใจ “เอ่อ...อาจารย์สวดคาถาอะไรผิดหรือเปล่าคะ มันดูเฮี้ยนๆ ยังไงชอบกล”
อาจารย์ขาวเหล่ยมอย่างรู้เท่าทัน “คนมีของอย่าลองดี สตรีมีครรภ์อย่าร้องทัก”
โรเบิร์ตกะโรบิ้นยิงมุกอับดุลรับส่งกันขึ้นมาทันควัน
“อับดุลเอ๊ย”
“เอ๊ย” โรบิ้นรับ
“หญิงรู้จัก”
“รู้จัก”
อาจารย์ขาวหงุดหงิดปนรำคาญ จับหัวโรเบิร์ตกับหัวโรบิ้นโขกกัน ตะเพิดให้ออกไป
“มึงสองคนไปรู้จักกันข้างนอกไป”
“ก็เห็นอาจารย์ออกแขก คิดว่าอาจารย์จะเรียกอับดุล” โรเบิร์ตยิ้มแหะๆ
“ไอ้ที่ระเบิดรอบสองนี่คงไม่ใช่บังเอิญแล้วมั้งคะ แล้วในที่นี้ก็ไม่มีใครมีของนอกจากพวกอาจารย์”
รุจิภาตั้งข้อสังเกต เล่นเอาอาจารย์ขาวอึกอัก อ้ำอึ้งไปไม่เป็น จนยมต้องแก้ให้ว่า
“ระบบไฟฟ้าอาจจะมีปัญหาก็ได้ครับ”
“คุณยมคิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ ผมมองทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์น่ะครับ” ยมมองหน้าอาจารย์ขาวนิ่งๆ “เรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่”
สุวานกลับบอกว่า “แต่ผมเชื่อนะ โดยเฉพาะกุมารทองของอาจารย์ขาวนี่ อยากลองมากเลย”
อาจารย์ขาวมองยมและสุวรรณ สุวาน รู้สึกว่าตั้งใจพูดถึงกุมารทองอย่างมีนัยยะท้าทายเป็นพิเศษ
กลับถึงสำนัก อาจารย์ขาวทิ้งตัวลงนั่งอย่างหัวเสีย
“มันจะต้องเป็นฝีมือไอ้ยมแน่ๆ”
วิวัฒน์ โรเบิร์ตและโรบิ้นนั่งกันอยู่พร้อมหน้า
“อาจารย์แน่ใจนะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“หลอดไฟระเบิดติดกันแบบนั้น ไม่บังเอิญแน่นอน”
“ใช่ครับ ผมว่ามันจงใจท้าทายเราตลอดเวลาเลย” วิวัฒน์มั่นใจ
“ใช่ โดยเฉพาะเรื่องกุมารทอง อาจารย์ถึงเชื่อว่าเป็นเพราะพวกมันนี่แหละ กุมารทองล็อตนั้นถึงมีปัญหา”
“แต่พวกมันเป็นนักธุรกิจ ไม่น่าจะมีฤทธิ์เดชอะไรนะครับ” โรเบิร์ตท้วง
“มันอาจจะไม่ใช่นักธุรกิจอย่างที่มันอ้างก็ได้” วิวัฒน์ว่า
“เอ...แล้วมันเป็นใครล่ะครับ”
“ไอ้สองตัวเพื่อนไอ้ยมนี่มันคุ้นหน้ามาก นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน”
อาจารย์ขาวคิดหนัก พยายามนึกว่าเคยเห็นสุวรรณกับสุวานที่ไหน
วิวัฒน์เองก็มีสีหน้าเครียดเคร่ง เริ่มรู้สึกว่ากำลังเจอศัตรูที่ไม่ธรรมดา
ทางด้าน ยม สุวรรณและสุวานนั่งคุยกันอยู่ที่มุมเงียบๆ ในบ้าน
“เอาล่ะ เดี๋ยวเจ้าสองคนไปตามหาวิญญาณสนกันได้แล้ว”
“เอ่อ แล้วจะเริ่มจากที่ไหนก่อนดีครับ” สุวานถามขึ้น
“ที่ทำงานของอารยาก่อน สุวรรณรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“ที่เดียวกับที่ขับรถสะกดรอยตามไปในวันนั้น ใช่มั้ยครับ” สุวรรณถาม
“ใช่ เริ่มตามจากที่ทำงานไปให้ถึงที่พัก ภารกิจแรกเอาแค่นี้ก่อน”
“แล้วถ้าเจอสนล่ะครับ” สุวานซัก
“อย่าเพิ่งทำอะไร เราอยากรู้ว่าบัญชีสนมีปัญหาเพราะอะไรก่อน”
“เอ่อ ถ้าเกิดช้าแล้วจะไม่โดนพวกเขต7 ตัดหน้าไปซะก่อนเหรอครับ”
สุวรรณเห็นด้วย “นั่นสิครับ ถ้าพวกนั้นชิงจับวิญญาณสนไปได้ก่อน เขตเราจะมีปัญหานะครับท่าน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นยังช้ากว่าเราอยู่หลายก้าว เราน่าจะยังพอมีเวลาอยู่”
“คุยอะไรกันอยู่คะ” รุจิภาส่งเสียงนำแล้วจึงเดินยิ้มเข้ามาหา “หาตั้งนาน มาหลบมุมคุยกันอยู่ตรงนี้เอง”
“เราคุยเรื่องธุรกิจกันนิดหน่อยน่ะครับ”
“อุ๊ย นี่รุจิมากวนรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ พวกเรากำลังจะกลับกันพอดี” สุวรรณว่า
“แล้วจะกลับกันยังไงคะเนี่ย คุณยมไปส่งเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคนขับรถมารับที่หน้าปากซอยน่ะครับ” สุวรรณบอก
“อ้าว ไม่ให้มารับที่บ้านล่ะคะ จะต้องเดินตากแดดออกไปรอทำไม”
“เราอยากเดินดูที่ทางแถวนี้ด้วยน่ะครับ เผื่อจะมีลู่ทางทำธุรกิจอะไรบ้าง”
สุวานบอกแล้วเดินออกไปกับสุวรรณ รุจิภามองตามรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก
เวลาเดียวกันนั้น ชนกแต่งตัวเตรียมจะออกไปกินข้าวกับจุกตามที่นัดไว้ ด้วยสีหน้าแช่มชื่นสุขใจ
ยุพาขับรถแล่นเข้ามาจอดที่โรงรถ หยิบลิปสติกสีผึ้งมหาเสน่ห์ออกมาดู คิดว่าจะทดลองใช้กับผัวเป็นรายแรก
“ลองเลยแล้วกัน”
ยุพาหยิบแผ่นคาถาออกมา ร่ายมนต์กำกับ
“พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ”
ยุพาบรรจงทาสีผึ้งที่ปากช้าๆ
ชนกเดินลงบันไดมาก้มหน้าจัดเสื้อผ้าไปด้วย ยุพาเดินเข้ามาในโถงบ้าน เห็นชนกกำลังจะออกไปข้างนอกจึงถามเสียงแข็ง
“จะออกไปไหนคะ”
“ไปธุระ”
ชนกเสียงแข็งใส่ แต่ครั้นพอเงยหน้ามาสบตายุพา ก็เกิดอาการตะลึงพรึงเพริด โดนมนต์สะกดจังๆ
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” น้ำเสียงชนกเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานนน
“ต้องมีธุระด้วยเหรอคะ”
ชนกโอบกอดยุพาจ้องตาซึ้งๆ “ผมก็ถามดูน่ะ จะมีหรือไม่มีก็ได้”
“ไม่มีหรอกค่ะ แค่กลับมาเหนื่อยๆ แล้วอยากนอนกอดสามีน่ะ”
“ได้สิ ผมก็อยากอยู่กับคุณเหมือนกัน”
“อ้าว เห็นแต่งตัว ไม่ออกไปไหนแล้วเหรอคะ”
“ผมก็แต่งตัวรอคุณกลับมานี่แหละ”
“ไม่จริงอ่ะ เมื่อกี๊ยังทำหน้าซีเรียสเสียงแข็งใส่ชั้นอยู่เลย”
ชนกยิ้มอ้อนเมีย “ผมไม่ได้ซีเรียส...แต่อาจจะเครียด ถ้าไม่ได้ซียูนะ”
ยุพาใส่จริตกรี๊ดกร๊าด “แอร๊ยย”
“ขึ้นบ้านกันดีกว่า”
ชนกกอดประคองยุพาเดินขึ้นชั้นบนไป
ตรงโต๊ะมุมร้านอาหารนั้น พนักงานรินน้ำใส่แก้วให้ต่อกับจุกที่นั่งรอชนกอยู่ในร้านอาหารตกแต่งดูดี
พนักงานชายท่าทีนอบน้อม รอจดเมนู “สั่งอาหารเลยมั้ยครับ”
“เดี๋ยวรอมาครบค่อยสั่งดีกว่าครับ” ต่อบอก
พนักงานยิ้มรับก่อนจะเดินออกไป
“นิดหน่อยเป็นไงบ้าง” ต่อถามขึ้น
“ก็สบายดีครับ”
“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย วันนี้น่าจะลองชวนมากินด้วยกันนะ”
“พูดเหมือนจะยอมมาด้วยกันง่ายๆ อย่างนั้นแหละ”
“นั่นสิ แต่จุกยอมมาด้วยแบบนี้ คุณชนกก็ดีใจแย่แล้วล่ะ”
“ผมแค่จะลองให้โอกาสพ่อดูน่ะ”
“ดีแล้ว คุณชนกเค้าก็อยากพิสูจน์ตัวเองให้จุกกับนิดหน่อยเห็นอยู่นะ”
จุกยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เอ้อ เพจที่พี่ต่อ Invite มาน่ะ จุกกดไลค์ให้แล้วนะ”
“เหรอ...ขอบใจนะ”
จุกมองต่อด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “ยังไง...ยังไง”
“ยังไงอะไร”
“ก็กับพี่ดาวน่ะยังไง...ยังไง”
“ไม่มีอะไร พอดีว่างก็เลยไปช่วยถ่ายคลิปให้น่ะ”
"เหรอ” จุกยิ้มล้อ
ต่อเสหยิบเมนูมาดู “เออ เตรียมสั่งอาหารดีกว่า คุณชนกมาถึงท่านน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
จุกเหล่มองต่อจับพิรุธยิ้มๆ ต่อต้องคอยเอาเมนูบังหน้า
คนที่สองหนุ่มรอ กำลังนอนกกกอดยุพาอยู่บนเตียง ไฟราคะเพิ่งมอดดับลงไป ชนกกุมมือยุพาขึ้นมาหอมฟอดใหญ่
“ชื่นใจจังเลย”
“นิ้วชั้นแห้งเหี่ยวแบบนี้ น่าชื่นใจตรงไหนคะ” ยุพาทำเป็นตัดพ้อ
“แห้งเหี่ยวอะไร ออกจะเต่งตึง”
“ไม่จริง นิ้วหรือแง่งขิงก็ไม่รู้เนี่ย ดูไม่มีสง่าราศีเอาซะเลย” ยุพายกมือขึ้นมาดูสีหน้าเศร้า
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ครีมดีๆ สักกระปุกมั้ย”
“ครีมช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแหวนเพชรซักวงก็ว่าไปอย่าง”
“แหวนเพชรเลยเหรอ” ชนกอึ้งไปนิดๆ
“ทำไม...ซื้อให้ชั้นไม่ได้เหรอคะ”
“ได้สิจ๊ะ..เดี๋ยวพรุ่งนี้จัดให้นะ”
ยุพาหอมแก้มผัวฟอดใหญ่ “ขอบคุณนะคะ”
“แต่คืนนี้ขอจัดก่อนได้มั้ย”
“ก็จัดสิคะ รออะไรล่ะ”
ชนกโผเข้าซุกไซร้ยุพา ชวนกันเล่นผีผ้าห่มต่อ
อีกฟาก ต่อคอยชะเง้อมองไปที่ประตูทางเข้าร้าน ส่วนจุกดูนาฬิกา พบว่าเลยเวลานัดมากแล้ว
“เลยเวลานัดมานานมากแล้วนะพี่ต่อ”
“นั่นสิ...เดี๋ยวลองโทร.หาหน่อยดีกว่า”
ต่อหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาชนก ได้ยินแต่เสียงตามสาย
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ...”
“ปิดเครื่องเหรอ”
ต่อแปลกใจกดโทร.หาชนกอีกครั้ง แต่ก็ได้ยินเสียงเดิม
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ...”
ต่องงหนัก “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
จุกถอนหายใจอย่างผิดหวัง “พ่อก็คือพ่อ นิสัยเดิมไม่มีวันเปลี่ยน”
“อาจจะมีปัญหาอะไรก็ได้มั้ง รออีกหน่อยแล้วกัน”
จุกพยักหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดเข้าโลกโซเชียลระหว่างรอ ต่อเห็นจุกก้มหน้าดูโทรศัพท์ก็กดเข้าเฟสบุ๊คบ้าง
ภาพที่หน้าจอโทรศัพท์ของต่อ เป็นภาพดาวอัพเฟสบุ๊ครูปขณะกำลังคีบเนื้อย่าง ทำหน้าฟินจัด พร้อมแคปชั่น “โลกมันอยู่ยาก ถ้ามีเนื้อย่างก็อยู่ได้”
ต่ออมยิ้ม กดรูปหัวเราะที่โพสของดาว แล้วเลื่อนดูโพสอื่นๆ จนเห็นฟีดจากเฟสบุ๊คของชนกที่ยุพาแท็กมา เป็นรูปขณะกำลังนอนซบกันอยู่บนเตียง พร้อมแคปชั่น “หน้าหนาวต้องยกให้ภาคเหนือ แต่ถ้าน่ารักอย่างเหลือๆ ต้องยกให้เธอ”
และเวลาที่โพส ประมาณห้านาทีที่ผ่านมานี้เอง
จุกมองไปที่ต่อ เห็นต่อสีหน้าอึ้งๆ
“มีอะไรรึเปล่าพี่ต่อ”
“ไม่ต้องรอแล้วล่ะ”
ต่อส่งโทรศัพท์ให้ดู จุกรับไปพอเห็นภาพชนกกับยุพาก็ออกอาการเซ็งขึ้นมาทันที
“ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้”
จุกหน้าเครียดจัด เสียความรู้สึกกับชนกมากๆ
ส่วนที่ดาดฟ้าอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น สนนั่งคุยอยู่กับเจ้าที่อยู่ที่ขอบตึก ด้วยท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น
“เจ้านี่ใจเด็ดไม่เบานะ หนีขึ้นมาจากนรกได้นี่ไม่ธรรมดา”
“ถ้าผมไม่มีแรงผลักดัน ผมคงไม่กล้าหนีขึ้นมาบนนี้หรอกครับ”
“แม่หนูอารยานั่นน่ะเหรอ”
“ครับ...ยาคือแรงผลักดันเดียวที่ผมมีอยู่ในตอนนี้”
“แล้วเค้ารู้หรือเปล่า ว่าเรากลับมาหาเค้าแล้ว”
สนส่ายหน้าเซ็งๆ “ไม่รู้ครับ ผมพยายามสื่อสารกับเขาแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“แฟนเจ้าอาจจะอยู่ในช่วงจิตแข็งน่ะ”
“เหรอครับ แล้วท่านมีวิธีไหนที่จะทำให้ผมสื่อสารกับยาได้บ้างมั้ยครับ”
เจ้าที่นิ่งคิด “ก็ต้องทำให้จิตเค้าอ่อนลงน่ะ”
“ทำให้จิตอ่อนลง ทำยังไงเหรอครับ”
“คนส่วนใหญ่จะจิตอ่อนลงได้ก็ตอนดวงตก หรือไม่ก็ตอนป่วยน่ะ”
สนครุ่นคิดหาวิธีทำให้อารยาจิตอ่อนลง
ด้านอารยานั่งมาในรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นช้าๆ เข้ามาในซอยห้องพัก โดยไม่รู้ตัวว่าสุวรรณกับสุวานนั่งอยู่ที่ฝากระโปรงท้ายรถแท็กซี่
“สงสัยใกล้จะถึงแล้ว” สุวานมองไปรอบๆ
“นั่นสิ ก็ไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่นะ”
“แต่แปลกนะ คิดว่าจะเจอไอ้สนที่ที่ทำงานของอารยาแต่กลับไม่เจอ เอ๊ะ หรือว่ามันไม่ได้ขึ้นมาหาอารยา”
“ไม่ขึ้นมาหาอารยาแล้วจะขึ้นมาหาใครล่ะ” สุวรรณว่า
“อ้าว มันอาจจะขึ้นมาหากงหากิ๊กของมันก็ได้”
“พูดไปเรื่อย...คนบูชารักแร้”
สุวานแก้ให้ว่า “รักแท้”
“เออ คนบูชารักแท้อย่างมัน ไม่มีกงมีกิ๊กกับเค้าหรอก”
“แล้วทำไมไม่เจอไอ้สนล่ะ อุตส่าห์หนีขึ้นมาจากนรก มันน่าจะอยู่ข้างๆ แฟนมันไม่ยอมห่างเลยนะ”
“มันคงเข้าไปในที่ทำงานอารยาไม่ได้น่ะสิ”
“เออ...ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
อารยานั่งมองเหม่อ ทอดสายตามองออกไปนอกรถ
รถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าตึกอพาร์ตเมนต์ อารยาลงจากรถ สุวรรณกับสุวานกระโดดลงจากฝากระโปรงท้าย มองอารยาที่เดินเข้าไปด้านใน สุวานทำท่าจะเดินตามเข้าไปถูกสุวรรณรั้งคอเสื้อไว้
“จะไปไหน”
“ก็จะไปดูว่าไอ้สนอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่าน่ะสิ”
“อย่าทำเกินคำสั่งเจ้านาย ภารกิจวันนี้คือรู้ที่อยู่ของอารยาเท่านั้น”
“แหม...กลิ่นวิญญาณไอ้สนแตะอยู่ที่ปลายจมูกเนี่ย”
“อย่าทำให้เสียงานใหญ่ เดี๋ยวไอ้สนมันไหวตัวแล้วหนีไปอีก มันจะยุ่งกันใหญ่"
สุวานมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง เสียดายโอกาส
“ไป กลับ”
สุวรรณลากสุวานพากันเดินออกไป
เช้าแล้ว อารยายังนอนซมอยู่บนเตียงด้วยอาการหนาวเหน็บจากพิษไข้ ร่างของเธอมีอาการสั่นเล็กน้อย สนนั่งมองอารยาอยู่ ด้วยความสงสาร
“โทษทีนะยา...พี่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
อารยาค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนาวเหน็บ ก่อนจะคลำหารีโมทแอร์ พอเจอก็หยิบมาดู พอพบว่ารีโมทถูกปรับอุณหภูมิอยู่ที่ 15 องศาก็งง
“อะไรเนี่ย”
อารยาปิดแอร์แล้วลุกขึ้นมานั่งหนาวสั่น สนนั่งมองอารยาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ด้านชนกเดินเข้ามาในออฟฟิศด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ต่อรออยู่ก็รีบลุกไปหาไหว้ทัก
“สวัสดีครับ”
ชนกรับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่รู้ตัวว่าผิดนัดเมื่อคืนนี้
“หวัดดี มีงานอะไรจะคุยกับชั้นรึเปล่า”
“ไม่มีครับ เมื่อคืนจุกโกรธคุณชนกมากเลยรู้มั้ยครับ”
ชนกงง “โกรธ โกรธชั้นเรื่องอะไร”
“ก็คุณชนกนัดจุกกินข้าวฉลองที่เข้ามหาลัยได้ไงครับ ผมกับจุกรอที่ร้านตั้งนาน แต่คุณชนกก็ไม่ได้ไป”
ชนกหงุดหงิดใส่ “ชั้นติดธุระสำคัญน่ะ”
“ครับ แต่ผมจะบอกคุณชนก ว่าจุกเห็นภาพที่คุณยุพาแท็กคุณชนกในเฟสบุ๊ค”
ชนกโวยวาย “ส่องเหรอ นี่จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของชั้นมากไปแล้วนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเห็นคุณชนกตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองให้จุกเห็น แล้วจุกก็เริ่มจะใจอ่อนอยู่แล้ว”
“มันจะใจอ่อนหรือใจแข็งก็ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น โอเค๊”
ชนกเดินเข้าห้องทำงานไปอย่างหัวเสีย ต่อยืนมองตามอย่างอึ้งๆ ที่อยู่ๆ ชนกก็เปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน
ในแสงแดดแผดกล้า อารยาเดินเข้าไปในออฟฟิศด้วยสีหน้าท่าทีไม่สู้ดี เริ่มมีอาการไข้นิดๆ
ช่างภาพนั่งเช็ดทำความสะอาดกล้องของอยู่ที่โซฟา อารยาจึงเดินเข้ามาคุยด้วย
“เรื่องถ่ายพรีเวดดิ้งคุณยมกับคุณนิดหน่อย สรุปเปลี่ยนเป็นกล้องดิจิตอลนะ”
“โอเคพี่...แล้วก็ปรับโทนภาพเป็นฟิล์มเอาใช่มั้ย”
“ใช่”
“แล้วนัดถ่ายอีกทีเมื่อไหร่ครับ”
“เดี๋ยวนัดวันชัวร์ๆ กันอีกที”
“โอเคครับ”
อารยาหันหลังจะเดินไปที่โต๊ะ แต่เกิดหน้ามืด ซวนเซ ช่างภาพเห็นรีบลุกไปประคองไว้ทัน
“เป็นอะไรป่าวพี่
“เหมือนจะไม่สบาย”
“นั่นสิ ตัวร้อนๆ นะ”
“เจออากาศหนาวๆ ร้อนๆ น่ะสิ...เดี๋ยวกินพาราน่าจะดีขึ้น”
“โอเคพี่ เทคแคร์นะ”
อารยาเดินออกไป ช่างภาพก็นั่งเช็ดกล้องต่อ
วันเดียวกัน รถยุพาแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน ใกล้กับรถสปอร์ตของยมที่จอดอยู่ ยุพานั่งนิ่งในรถ มองลิปสติกสีผึ้งมหาเสน่ห์ในมือ เตรียมที่จะใช้กับยมอีกคน
“หนูลองยาอย่างไอ้ชนกเสร็จไปรายนึงแล้ว เป้าหมายจริงอย่างคุณก็ไม่น่ารอดนะ คุณยม”
ยมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนสวย ก่อนที่ยุพาจะเดินนวยนาดยิ้มแย้มเข้ามาทักทาย
“มอร์นิ่งค่ะ”
ยมงงเล็กน้อยว่ามาได้ไง “อ้าว...สวัสดีครับ”
“พอดียุพามาธุระแถวๆ นี้น่ะค่ะ ผ่านมาเห็นบ้านเปิดอยู่ก็เลยแวะมาทักทาย”
“เห็นนิดหน่อยบอกว่าคุณเป็นแฟนใหม่ของพ่อเค้าเหรอครับ” ยมถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ยุพานิ่งไปเล็กน้อย แอบแปลกใจที่ยมยังไม่มีท่าทีหลงใหลในตัวเธอ ก่อนจะพูดคุยกับยมต่อ
“ใช่ค่ะ” ยุพาตีหน้าเศร้า “พายอมรับนะคะ ว่าพาเป็นคนแย่งชนกมาจากแม่ของนิดหน่อย แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ ตอนนั้นพาไม่รู้จริงๆ ว่าชนกเค้ามีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว พอมารู้อีกที ก็ถลำลึกจนถอนตัวไม่ได้แล้ว”
ยมพยักหน้ารับทราบตามมารยาท ไม่ได้อยากรู้เชิงลึกสักเท่าไหร่
“ถึงตอนนี้พารู้ซึ้งแล้วค่ะ ว่าพาเดินทางผิดมาตลอด”
ยมรู้เท่าทัน “รู้ว่าเดินทางผิด ก็เลยจะเลือกทางเดินเส้นใหม่ให้กับตัวเอง”
ยุพายิ้มกริ่ม คิดว่ายมเดินมาเข้าทางที่ตัวเองได้ปูทอดไว้ให้
“ใช่ค่ะ พาก็ได้แต่หวังว่าจะได้เจอใครสักคนที่รักพาจริง ไม่เจอคนเจ้าชู้แบบชนกอีก”
ยุพาจ้องตายมลึกซึ้งอ่อยเต็มสูบ แต่ยมก็ยังเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรยุพาประหลาดใจมาก คิดในใจ
“เอ๊ะ ทำไมนิ่งแบบนี้ล่ะ มันต้องมีอาการอะไรบ้างแล้วสิ”
“เสน่ห์มนต์ดำ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
ยุพาตกใจ รีบปฏิเสธ “เสน่ห์มนต์ดำอะไรคะ”
“ผมคงไม่ต้องบอกว่ามันคืออะไร แต่จะเตือนด้วยความหวังดี ว่าของพวกนี้ถ้าใช้ในทางไม่ดี วันนึงผลร้ายมันจะย้อนเข้าตัว แล้วคุณก็จะรู้ว่าคุณเลือกเดินทางผิดอีกครั้ง”
ยุพามองยมด้วยสีหน้าอึ้งๆ แปลกใจว่าเขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนเล่นของ
ที่นรกภูมิเขต7 สุวรรณกับสุวานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังค้นข้อมูลกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดจากคอมพ์ตรงหน้า จนมัจจุราชเขต7 เดินเข้ามา
“ได้เรื่องอะไรกันบ้างรึยัง”
“เจอตำแหน่งบ้านที่ใช้เป็นเรือนหอของนายสนกับอารยาแล้วครับ” สุวรรณรายงาน
“เหรอ อยู่ที่ไหน”
“บ้านถูกขายให้คนอื่นไปแล้วครับ ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปที่นั่น”
สุวาน7 เสริมว่า “ส่วนที่อยู่ใหม่ของอารยา ยังตามหาไม่พบครับ”
เขต7เดินครุ่นคิดวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่ง
“เอาอย่างนี้ เจ้าทั้งสองส่งข้อมูลของสนเท่าที่เรามีอยู่ ไปให้กับประธานสภาเจ้าที่ ให้พวกเจ้าที่บนโลกมนุษย์ช่วยกันสอดส่องและแจ้งเบาะแสของสนมาที่เขตเรา”
“ครับท่าน”
สุวรรณกับสุวานเริ่มทำงานที่รับมอบหมายในทันที
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าอดีตโจรอย่างเจ้า หรืออดีตตำรวจอย่างข้า ใครจะจับไอ้สนได้ก่อนกัน”
เขต7 ยิ้มร้ายด้วยความมั่นใจ ว่าจะจับวิญญาณสนได้ก่อนยม
กลับจากออฟฟิศ ชนกเอาแต่นั่งชะเง้อคอมองยุพาอยู่ที่โถงกลางบ้านด้วยความคิดถึงคะนึงหา พอเห็นยุพาเดินเข้ามาในบ้าน ก็ปรี่เข้าไปหาทันที
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ไปไหนมาเนี่ย ให้ผมนั่งรอตั้งนาน”
“ไปธุระมาน่ะค่ะ แล้วมานั่งรอชั้นนี่มีธุระอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
“ไม่มีหรอก ก็จะรอทานข้าวพร้อมกับคุณนี่ไง ผมให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว ไปกินกันเลยมั้ย”
ยุพานิ่งไป เมื่อดูอาการชนกก็ยังหลงใหลรักใคร่หล่อนดีอยู่ แต่ทำไมกับยมถึงไม่มีอาการแบบนี้
“มีอะไรรึเปล่า”
“ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับชั้นบ้างคะ”
ชนกกอดยุพา “ถามอะไรแบบนี้ นี่คุณไม่รู้เลยเหรอ ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
“โอเคค่ะ คุณไปตักข้าวรอชั้นก่อน เดี๋ยวชั้นตามไป”
“รีบตามไปนะ”
ยุพาพยักหน้ารับ ชนกเดินออกไป ยุพาครุ่นคิดด้วยความแปลกใจ
“เสน่ห์มนต์ดำ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
ยุพาตกใจ รีบปฏิเสธ “เสน่ห์มนต์ดำอะไรคะ”
“ผมคงไม่ต้องบอกว่ามันคืออะไร แต่จะเตือนด้วยความหวังดี ว่าของพวกนี้ถ้าใช้ในทางไม่ดี วันนึงผลร้ายมันจะย้อนเข้าตัว แล้วคุณก็จะรู้ว่าคุณเลือกเดินทางผิดอีกครั้ง”
ยุพามีสีหน้าเคร่งเครียด คิดไม่ตกว่ายมรู้ได้ยังไง
“คุณเป็นใครกันแน่”
สุวรรณกับสุวานยืนรอยมอยู่ที่รถ ทั้งคู่ร้อนใจอยากจะไปจัดการเรื่องสนให้เสร็จเร็วๆ
“แหม...ตั้งแต่โดนแม่หนูนิดหน่อยปรับลุคนี่ แต่งตัวนานเหลือเกินนะเจ้านายเรา” สุวรรณว่า
“นั่นสิ ข้านี้กลัวจะโดนพวกเขต7ชิงจับไอ้สนไปได้ก่อนซะจริงๆ”
“บ่นไรกัน”
ยมเดินออกมาที่รถ
“รีบๆหน่อยเถอะครับท่าน ผมนี่ร้อนใจกันไปหมดแล้ว”
“จะรีบไปไหน ห้องมันไม่ได้หนีไปไหนได้หรอก”
สุวรรณกับสุวานสอดส่องดูรอบตัว กลัวว่าพวกทีมเขต7 จะสะกดรอยตามมา
“มองหาอะไรกัน”
“อ๋อ...มองดูพวกเขต7 น่ะครับ เผื่อมันจะซุ่มอยู่แถวๆ นี้”
“ครับ...เกิดมันตามเราไปจนรู้ที่อยู่ของอารยาล่ะยุ่งเลย”
“อีโก้สูงอย่างเขต7 คงไม่ใช้วิธีเดินตามรอยเราหรอก มันกระจอกและดูไม่มีศักดิ์ศรีเกินไป” ยมว่า
“ขอให้จริงอย่างท่านว่าเถอะครับ”
“ไว้ไปคุยกันในรถเถอะครับ รีบไปกันก่อนเถอะ”
ยม สุวรรณและสุวานพากันขึ้นรถนั่งซ้อนตักกันอย่างเก่า ก่อนที่รถของยมจะแล่นออกจากบ้านไป
อารยารินน้ำใส่แก้วกินยาแก้ไข้ อาการยังไม่ดีขึ้น หายใจฟึดฟัดเพราะเริ่มมีน้ำมูก อารยาเดินไปที่เตียงด้วยอาการอิดโรย จะล้มตัวลงนอน
สนปรากฎตัวขึ้นในห้องเรียกคนรัก “ยา”
อารยาหันกลับไปมองทางเสียง “สน”
สนดีใจ “คุณเห็นผมแล้วเหรอ”
อารยาอึ้งตะลึงตาค้าง ก่อนจะเป็นลมล้มตึงไปนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“ยา”
สนพยายามเรียกอารยา แต่เธอก็ไม่ได้สติ
ทางด้านอาจารย์ขาวนั่งสมาธิอยู่บริเวณโถงพิธีกรรม เรื่องยมและเพื่อนผุดขึ้นมาหลอกหลอน
“ได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์มาสักพักแล้ว ได้เจอตัวจริงซะทีนะครับ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ครับ เค้าลือว่ากุมารทองของอาจารย์เจ๋งมาก เพื่อนผมสองคนนี้เค้าก็อยากจะพิสูจน์ว่าจะเจ๋งสักแค่ไหน”
สุวรรณกับสุวานยิ้มทัก อาจารย์ขาวอึ้งไปนิดๆ รับรู้ถึงคำท้าทายจากยม
อาจารย์ขาว ยังหลับตาอยู่ในสมาธิ พยายามนึกว่าเคยเห็นสุวรรณกับสุวานที่ไหน จนเหตุการณ์หนึ่งแว่บเข้ามาในห้วงความคิด
ในตอนนั้น อาจารย์ขาวหว่านแหอาคมจับวิญญาณได้รวดเดียวหลายดวงราวกับจับปลา หัวเราะสะใจออกมาลั่นซอย
“โอ้โห วิญญาณหรือปลากระดี่วะเนี่ย ชุมจริงๆ”
สุวรรณกับสุวานเขต8 เดินแสดงตัวออกมา
“วิญญาณพวกนั้นเป็นของเรา โปรดส่งคืนให้เราบัดเดี๋ยวนี้”
อาจารย์ขาวฉุน “เฮ้ย...เอ็งสองคนเป็นใคร กล้าดียังไงมาสั่งข้า...ไม่รู้เหรอว่าข้าคือใคร”
“หึ พูดแบบนี้ก็แสดงว่าแกก็ไม่รู้จัก ว่าข้าคือใคร”
“แล้วแกสองคนเป็นใคร” อาจารย์ถามเสียงขุ่น
“ไม่บอก”
โรเบิร์ตลูกศิษย์รับมุกตลกร้อง “แฮ่”
“มึงจะแฮ่ทำไม มึงเป็นตลกเหรอ”
“ก็มันกวนโอ๊ยอาจารย์น่ะครับ”
“วิญญาณพวกนี้ข้าจับได้ มันก็ต้องเป็นของข้า” อาจารย์ไม่ยอม
“วิญญาณบาปพวกนี้ต้องลงไปรับการตัดสินโทษในนรก”
อาจารย์ขาวสะดุดหู อึ้งไปเลย “อย่าบอกนะ ว่าท่านสองคือ…”
สุวานพยักหน้ารับ “ส่งวิญญาณพวกนั้นให้เรา แล้วกลับสำนักเจ้าไปซะ”
อาจารย์ขาวดึงสติตัวเองกลับออกมา ลืมตาโพลงด้วยความตกใจถึงขีดสุด
อ่านต่อ ตอนที่ 13