มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 11 | หนีนรกมาหารัก
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์โดย สิริวัฒน์69
อารยาอึ้งกับคำถามจี้ใจดำของยมอยู่ครู่หนึ่ง จึงย้อนถามไป
“ข้อผิดพลาดที่คุณยมหมายถึงนี่คืออะไรงั้นเหรอคะ”
“ก็ความผิดพลาดที่ได้ทำกับคนรักอะไรอย่างนี้น่ะครับ”
“อืม…กว้างมากเลยนะคะ แต่ยาว่าเราทุกคนล้วนมีสิ่งผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น จะมากน้อยก็แตกต่างกันไป คุณยมว่าจริงมั้ยล่ะคะ”
“ก็จริงครับ” ยมอีกยิงคำถาม “แล้วตอนนี้คุณยามีครอบครัวแล้วรึยังครับ”
“มีแล้วค่ะ”
“เค้าชื่ออะไรเหรอครับ”
อารยาชะงัก นิ่งงันไปอีก รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกเขาละลาบละล้วง จนนิดหน่อยต้องช่วยไกล่เกลี่ย
“แฟนนิดหน่อยเค้าคงอยากรู้จักกันไว้น่ะค่ะ ไหนๆ ก็มาทำงานด้วยกันแล้ว”
“แฟนยาเค้าไม่ได้ทำงานที่เดียวกับยาหรอกค่ะ แล้วตอนนี้เค้าก็อยู่ต่างจังหวัดด้วย คงไม่มีโอกาสได้เจอกันหรอก”
“เหรอคะ...ต้องห่างกันอย่างนี้ ไม่คิดถึงกันแย่เลยเหรอคะ”
“ถึงตัวจะห่าง แต่ดวงใจของเราแบ่งครึ่งให้กัน แล้วเก็บไว้ในนี้ค่ะ”
อารยายิ้มพร้อมกับชี้ที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ด้วยสีหน้าที่ศรัทธาในความรักอย่างเต็มเปี่ยม
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันตามประสาคนไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในรักแท้ ยมยังคาใจเรื่องที่อารยาขายบ้านของสนทิ้งจึงลองหยั่งเชิงอีก
“คุณกับแฟนดูรักกันมากเลยนะครับ”
“ค่ะ เรารักกันมาก”
“ถ้ามีโอกาสเราคงได้มีโอกาสทำความรู้จักกันนะครับ”
อารยายิ้มรับหน้าเจื่อน “ค่ะ”
สไตลิสต์เดินเข้ามาตามเพื่อไปถ่ายงานต่อ
“เริ่มถ่ายต่อดีกว่าค่า เดี๋ยวต้องไปอีกหลายเซ็ต
“เชิญค่ะ”
อารยาเดินนำยมกับนิดหน่อยไปที่เซ็ตถ่ายรูปที่สไตลิสต์กับช่างภาพเตรียมไว้
อีกฟาก ต่อขี่มอเตอร์ไซค์เวสป้าคู่กาย พาดาวซ้อนท้ายมาตามท้องถนน มือข้างหนึ่งของดาวถือโทรศัพท์คอยมอง GPS แล้วชี้บอกทางให้ จนต่อเป็นห่วงต้องเตือน
“นี่ จับแน่นๆ นะ เดี๋ยวก็ตกไปหรอก”
“ไม่ตกหรอกน่า”
ต่อแกล้งเร่งเครื่องจนดาวหงายเงิบร้อง “ว้าย” รีบเกาะเอวต่อไว้แทบไม่ทัน
“แกล้งกันเหรอ”
ต่อหัวร่อ “ไม่ต้องบอกทางแล้ว เกาะแน่นๆ เถอะ”
“ไม่หลงแน่นะ”
“แน่สิ”
ดาวออกอาการเก้อเขิน ก่อนจะค่อยๆ โอบเอวต่อแน่นขึ้น ต่ออมยิ้มรู้สึกดีกับสัมผัสอันนุ่มนวลของดาว สีหน้าสองคนดูมีความสุขด้วยกันทั้งคู่
รถมอเตอร์ไซค์ต่อจอดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่นายฮ้ง ท่ามกลางบรรยากาศตึกเก่า..เห็นต่อยืนถ่ายคลิปให้ดาวโดยดาวกำลังพูดรีวิวร้านอยู่บริเวณหน้าเตา
“ค่ะ ตอนนี้ดาวอยู่ที่ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ สาขาสี่แยกโรงพยาบาลกลางค่า”
ดาวพรีเซนต์บรรยากาศการทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่โดยใช้เตาถ่านอย่างออกอรรถรส
“ถามว่าร้านนี้เด็ดยังไง ร้านนี้ได้รับรางวัลร้านอาหารประเภทบิบ กูร์มองด์ หรือร้านอาหารอร่อยคุ้ม ในราคาย่อมเยาว์ จากมิชลินไกด์ไทยแลนด์ คุณพระ มันเริ่ดตรงนี้”
ต่อยิ้มขำกับความเป็นธรรมชาติของดาว
เวลาผ่านไป เห็นดาวกับต่อนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้าน ต่อมองบรรยากาศรอบๆ ด้วยความรู้สึกชื่นชมชื่นชอบ
“บรรยากาศได้มากเลยนะเนี่ย”
“ใช่ ถ้าชอบสตรีทฟู้ด มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน”
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ร้อนๆ เสิร์ฟลงที่โต๊ะ ดาวเห็นความน่ากินถึงกับตาลุกวาว ส่วนต่อหยิบกล้องออกมาถ่ายคลิปดาว
ดาวจิ้มไก่เคี้ยวกินอย่างฟินรีวิวไปด้วย “ไก่หมักนุ่มจนเข้าเนื้อ เส้นก๋วยเตี๋ยวที่กรอบนอก นุ่มใน มันช่างเป็นเทคนิคการปรุงเส้นที่หาตัวจับยากจีจี”
ดาวเคี้ยวกินอย่างเอร็ดแอร่ม ต่อถ่ายคลิปเพลิน รู้สึกว่าดาวมีเสน่ห์เหลือเกินเวลากิน เพราะนางกินแบบมีอินเนอร์ ไม่ต้องรักษาภาพใดๆ
“มาๆ ต่อกินเดี๋ยวดาวถ่ายให้บ้าง”
ดาวหยิบกล้องจากต่อมาถ่ายตอนต่อกิน ต่อรีวิวถึงความอร่อยอย่างออกรสชาติ บรรยากาศดี๊ดีย์มีความสุขทั้งคนถ่ายคลิปและคนกิน
ที่หน้าคอมมูนิตี้มอลล์ มีรถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอดด้านหน้า ใกล้ๆกับรถของวิวัฒน์ ที่จอดอยู่ก่อนแล้ว รุจิภาเปิดประตูลงมาจากรถสวยๆ มาเจอกับวิวัฒน์ที่กำลังเดินออกมาที่รถพอดี
“อ้าว สวัสดีครับคุณรุจิ”
“สวัสดีค่ะ”
“นี่มาซื้อของหรือมาเดินเล่นครับ”
“มาหากาแฟทานน่ะค่ะ นี่จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ตอนแรกก็ว่าจะกลับเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้รู้สึกง่วงๆ ถ้าได้กาแฟซักแก้วก็น่าจะดี”
“ค่ะ”
รุจิภาแกล้งเดินผ่านวิวัฒน์ไป รู้ทันว่าเขาอยากเลี้ยงกาแฟ แต่ทำเล่นตัวบริหารเสน่ห์ปั่นหัวเล่นๆ
“เดี๋ยวสิครับ”
รุจิภายิ้มกระหยิ่ม ก่อนจะหันกลับไปหาวิวัฒน์
“คะ”
“ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมเลี้ยงกาแฟคุณสักแก้วสิ”
รุจิภานิ่งไปนิดๆ ก่อนจะบอกว่า “ก็ได้ค่ะ”
วิวัฒน์เดินไปหารุจิภาที่โต๊ะ เสิร์ฟกาแฟให้ก่อนจะนั่งลงตรงหน้า
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ได้เจอคุณรุจิหลายวันเลยนะครับ งานยุ่งเหรอ”
“เที่ยวหนักน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งกลับมาจากฟินแลนด์”
“แสงเหนือ”
“ใช่ค่ะ”
สองคนทิ้งระยะการสนทนาด้วยการจิบกาแฟ ก่อนที่วิวัฒน์จะตะล่อมถามถึงชีวิตคู่อีกฝ่าย
“ไปกับแฟนเหรอครับ”
รุจิภายิ้มขำ “ทำไมถึงคิดว่าไปกับแฟนล่ะคะ”
“ผมว่าบรรยากาศที่นั่นโรแมนติกน่ะครับ เลยคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปที่นั่นก็น่าจะไปกับคนรัก”
“รุจิชอบเที่ยวคนเดียวค่ะ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องผูกมัดอะไรกับใคร”
วิวัฒน์จ้องตาซึ้งๆ “รักสนุก ไม่ผูกพัน”
รุจิภายิ้มกรุ้มกริ่ม “ยกเว้นเรื่องผู้ชายค่ะ”
วิวัฒน์จ้องตารุจิภานิ่งนาน
“ในตารุจิมีอะไรรึเปล่าคะ จ้องไม่กระพริบเลย”
“มีเสน่ห์น่ะครับ”
“หืม”
“ผมกำลังรู้สึกว่าคุณกำลังบริหารเสน่ห์กับผมอยู่”
รุจิภาขำคิก “เสน่ห์ก็เหมือนร่างกายน่ะค่ะ ถ้าไม่เอ็กเซอร์ไซส์ซะบ้าง มันจะอ่อนแอลงทุกวันๆนะ”
“ดีจัง ผมคงต้องทำบ้างแล้วล่ะ”
“ลองดูค่ะ”
วิวัฒน์กับรุจิภาจ้องตาลึกซึ้ง หว่านเสน่ห์ใส่กันไปมา
ยมกับนิดหน่อยกำลังโพสท่าถ่ายรูปอยู่ที่ป้ายเขตบางรัก โดยท่าทางการโพสยังไม่สนิทแนบแน่น จนสไตลิสต์ต้องขอให้ทั้งสองโพสแบบสนิทแนบแน่นมากขึ้น
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยสนิทแนบแน่นกว่านี้ได้มั้ยคะ” สไตลิสต์จ๊ะจ๋า
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากัน ก่อนที่ยมจะโอบกอดนิดหน่อยเข้ามาสนิทแนบแน่น
นิดหน่อยบ่นยมเบาๆ “แน่นไปมั้ยคุณ”
สไตลิสต์ฟิน “ดีคร่า แบบนี้แหละ”
“เห็นมั้ย เค้าว่าดี”
นิดหน่อยบ่นบ้าไม่เลิก “ ถ้าจะแน่นขนาดนี้ก็สิงร่างชั้นเลยมั้ย เปลืองตัวชะมัด”
“มีอะไรกันรึเปล่าคะ” อารยาเห็นสองคนไม่นิ่งก็ร้องถามขึ้น
“อ๋อ แฟนผมเค้าอายน่ะครับ พอดีไม่ค่อยได้ออกมากอดกันให้คนอื่นเห็นแบบนี้”
“แรกๆ ก็อายแบบนี้แหละค่ะ ถ่ายไปสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ยมกับนิดหน่อยโพสท่าสนิทแนบชิด แต่ละคนยังไม่มีอินเนอร์คู่รัก
“ดีคร่า แบบนี้แหละ”
ยมกับนิดหน่อยโพสท่าถ่ายตามมุมต่างๆ เห็นพัฒนาการ จากที่มีอาการเคอะเขินก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ปิดท้ายที่มุมหนึ่ง ยมกับนิดหน่อยโพสแบบสนิทแนบชิดพร้อมกับต้องจ้องตากัน ต่างคนต่างเริ่มรู้สึกหวั่นไหวในกันและกัน
ที่ออฟฟิศนรกภูมิเขต8 สุวรรณกับสุวานพากันนั่งดูมอนิเตอร์แล้วออกอาการซี๊ดซ๊าด เพราะในจอเป็นภาพยมกับนิดหน่อยกำลังโพสท่าถ่ายรูปด้วยท่าทางสนิทแนบชิด
“แหม...เจ้านายเรานี่ไม่เบาเหมือนกันนะ” สุวรรณยิ้มย่อง
“ข้าล่ะหวั่นใจจริง กลัวเจ้านายจะหวั่นไหวไปรักแม่หนูนิดหน่อยจริงๆ เข้า” สุวานว่า
“เฮ้ยไม่หรอก เจ้านายไม่มีความรักมานานกี่ภพกี่ชาติแล้ว”
“เออใช่ ถ้าเจ้านายยังมีหัวใจ ป่านนี้หัวใจเจ้านายก็เป็นก้อนฟอสซิลไปเรียบร้อยแล้ว”
สนเดินเข้ามาดูมอนิเตอร์ เห็นภาพอารยากำลังช่วยจัดท่าทางการโพสให้ยมกับนิดหน่อยอยู่ ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
“ยา....”
สุวรรณกับสุวานหันไปมองสนอย่างเข้าใจ
“ส่วนไอ้นี่เพิ่งจะตาย หัวใจยังไม่น่าจะกลายเป็นฟอสซิล”
“ไง...เห็นหน้าแฟนแล้วหวั่นไหวขึ้นมาหรือไง” สุวานถาม
สนทำเสียงเฉยชา “หวั่นไหวอะไรครับ”
“แนะ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน”
สุวานปิดมอนิเตอร์เพื่อไม่ให้สนหวั่นไหวไปมากกว่านี้
“ปิดให้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเห็นอะไรที่มันแสลงตาแสลงใจ”
“บอกแล้วไง ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับยาอีกแล้ว”
“จริงรึ”
“ความรู้สึกดีๆ ของผมที่มีต่อยา มันหายไปตั้งแต่วันที่ยาขายเรือนหอของเราไปแล้วล่ะครับ”
“เออ ไม่รู้สึกอะไรแล้วก็ดี เพราะแกกับเค้าอยู่คนละโลกกันแล้ว ไม่มีทางได้กลับไปเจอกันอีกแน่นอน” สุวรรณบอก
สุวรรณกับสุวานหยิบบัญชีบุญ-บาปออกมาเปิดตรวจเช็ค ทำงานของตัวเองกันไป
“ไม่มีทางได้เจอกันอีกงั้นเหรอ”
สนพึมพำด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ที่สำนักอาจารย์ขาว อาจารย์วางแผ่นไวนิลลงบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง ค่อยๆ วางเข็มลงบนแผ่นเสียงนั้น แล้วเดินไปหยิบแก้วไวน์ใส่น้ำแดง ฟังเสียงบทสวดเจ้าแม่กวนอิมที่ดังคลอขึ้นมา โรเบิร์ตเดินเข้ามาเห็นแซวทันที
“ซัดไวน์แต่หัววันเลยนะครับจารย์”
“ไวน์ป้ามึงสิ นี่น้ำแดงโว้ย คนมาแก้บนเยอะ จะเททิ้งก็เสียดาย”
อาจารย์ขาวจิบน้ำแดงพร้อมกับทำหน้าเหยเก
โรเบิร์ตมองฉงน “ทำไมต้องทำหน้าเหยเกด้วยจารย์”
“มันเป็นฟีลลิ่ง นี่มึงเป็นกองเซ็นเซอร์รึไงวะ” อาจารย์มองเขม่น
โรเบิร์ตจ๋อย “แหะๆ”
ระหว่างนี้โรบิ้นผู้ช่วยโรเบิร์ตเดินนำผัวเมียคู่หนึ่งเดินเข้ามา นางเมียกอดทารกแรกเกิดไว้ในอ้อมอก
อาจารย์ขาวยิ้มต้อนรับ “อ้าว เชิญๆ...วันนี้มาทำอะไรกันจ๊ะ”
“พอดีลูกเพิ่งคลอดน่ะครับอาจารย์ เลยจะมาขอให้อาจารย์ตั้งชื่อเพื่อเป็นศิริมงคลหน่อย” ผัวว่า
“ได้สิ เดี๋ยวอาจารย์จะตั้งชื่อมงคลให้นะ โตขึ้นจะได้เรียนเก่งๆ เป็นเจ้าคนนายคน”
ผัวกะเมียมองหน้ากัน อย่างตื่นเต้นดีใจ
อาจารย์ขาวหยิบ IPad Pro พร้อมปากกามาเตรียมตั้งชื่อให้เด็ก
“ชื่อที่มงคลสำหรับลูกมากที่สุด อาจารย์ว่าต้องมาจากชื่อพ่อกับชื่อแม่นี่แหละในฐานะเป็นผู้ให้กำเนิด” อาจารย์หันมาถามนางเมีย “เอาชื่อแม่มาก่อนละกัน...ชื่ออะไรล่ะเรา”
“หนูชื่ออัปสรค่ะ”
“อัปสร นางฟ้านางสวรรค์ เริ่มชื่อแม่ก็มงคลสุดๆ แล้ว...แล้วพ่อล่ะ ชื่ออะไร”
“ปรีดา ครับอาจารย์”
“ปรีดา....ต่อไปลูกก็จะได้มีความอิ่มเอมปรีดาจากพ่อนะ”
อาจารย์ขาวทวนชื่อแล้วเขียนชื่อเด็กลงใน IPad
“แม่ชื่ออัปสร พ่อชื่อปรีดา...ชื่อลูกก็ต้องเป็น”
อาจารย์ขาวหัน IPad มาให้ทุกคนดู
โรบิ้นอ่านชื่อดังๆ “อัปปรี”
“แหม ดี๊ดี...” โรเบิร์ตเคลิ้มแล้วสะดุ้งโหยง “เย้ย มันจะดีเหรอจารย์”
“นั่นสิ โคตรไม่เป็นมงคลเลยนะคะอาจารย์” เมียบ่น
“เอ่อ...สงสัยกรณีนี้จะใช้ชื่อพ่อกับชื่อแม่ไม่ได้ซะแล้ว” อาจารย์บอก
“แล้วเอาไงดีล่ะครับจารย์” ผัวถาม
วิวัฒน์เดินเข้ามา ยกมือไหว้อาจารย์ขาว
“เดี๋ยวผมไปรอที่ห้องนะครับ”
“ได้ เดี๋ยวอาจารย์ตามไป”
วิวัฒน์เดินเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคยกัน
“เดี๋ยวอาจารย์ให้มือขวากับมือซ้ายช่วยตั้งให้แล้วกันนะ” อาจารย์ขาวมองโรเบิร์ตกะโรบิ้น
“จะดีเหรอครับจารย์” ผัวท่าทางไม่เชื่อถือนัก
“ดีสิ สองคนนี้อาจารย์ปั้นมากับมือ มั่นใจได้”
อาจารย์ขาวลุกเดินตามวิวัฒน์เข้าไปด้านในเลย ผัวกะเมียมองหน้าโรเบิร์ตที โรบิ้นที อย่างไม่ค่อยจะเชื่อมือสักเท่าไหร่
ที่ห้องส่วนตัวในสำนัก อาจารย์ขาวรินน้ำชาใส่แก้วพลางเอ่ยถามวิวัฒน์
“ส่งมองกุมารทองเรียบร้อยดีนะ”
อาจารย์ขาวนั่งจิบชาไป วิวัฒน์นั่งอยู่ใกล้ๆ
“เรียบร้อยครับ”
“เรียบร้อยก็ดีแล้ว...แหม แต่ยังคาใจเรื่องกุมารทองล็อตที่แล้วไม่หาย”
“มันไม่มีทางหายหรอกจารย์ จนกว่าเราจะรู้ว่ามันเป็นฝีมือของไอ้ยมจริงๆ รึเปล่า”
“ใช่ อาจารย์ว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องรุกคืบอะไรกันสักอย่าง”
“เรื่องนี้ผมคิดไว้แล้วครับ”
"จะทำยังไงรึ”
วิวัฒน์ยิ้มกริ่มมีแผนชั่วในใจ
“อืม...ก็ดีนะ อาจารย์ว่า”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”
“อ้าว ก็พูดมาซะหน่อยซิ เล่นยิ้มกริ่มทิ้งท้ายเป็นละครแบบนี้จะรู้เรื่องกันมั้ยล่ะ”
“ในเมื่อมันเหยียบจมูกเรา เราก็ไปเหยียบจมูกมันบ้างสิครับ”
“ให้อาจารย์ไปที่บ้านมันเลยมั้ยล่ะ”
“ผมเปิดทางไว้ให้บ้างแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อาจารย์ได้ไปสมใจแน่”
“แหม...ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ”
อาจารย์ขาวกับวิวัฒน์ยิ้มชั่วออกมาด้วยกันทั้งคู่
อีกด้านหนึ่ง ดาวกับต่อจอดมอเตอร์ไซค์นั่งคุยกันที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาภายในเอเซียทีค ดาวเลื่อนภาพในกล้องดูไปพลางๆ ระหว่างคุยกับต่อ
“วันนี้ได้รูปเยอะม๊าก น่าจะอัพได้เป็นเดือนเลยนะเนี่ย”
“พวกคลิปเดี๋ยวเราเอาลงคอมแล้วตัดต่อให้นะ”
“ต่อตัดวิดีโอเป็นด้วยเหรอ”
“ก็เคยตัดตอนทำหนังสั้นกับเพื่อนๆ สมัยเรียนน่ะ”
“ดีจัง”
“แล้วจะทำเพจนี่มีชื่อเพจรึยังเนี่ย”
“ยังเลย...ช่วยคิดหน่อยสิ”
“อื้อ” ต่อคิดปราดเดียว “มูมมามตามไปชิม”
ดาวยิ้ม “ถ้าขึ้นต้นว่ามูมมาม ลงท้ายก็ไม่ต้องชิมแล้ว แดรกเลยเหอะ”
“โอเค งั้นชื่อเพจมูมมามตามไปแดรก”
“จะบ้าเหรอ..ประชดเว้ย”
“งั้นชื่อเพจไรดีล่ะ” ต่อคิดๆ
ดาวคิดแต่ก็คิดไม่ออก “โอ๊ย นึกไม่ออกอ่ะ นี่ใช้ความคิดมากๆ หิวอีกแล้วเนี่ย”
"นั่นสิ เวลาคิดงานไม่ออก เราก็หิวเหมือนกัน ไม่รู้เป็นยังไง”
“ทุกอย่างเยียวยาด้วยอาหารค่ะ” ดาวพูดเรื่อยเปื่อย
ต่อปิ๊ง หันขวับมองดาว ดีดนิ้วเปาะ
“อะไรเหรอ”
"อันนี้เลย โดน”
“อะไรโดน”
“ก็ทุกอย่างเยียวยาด้วยอาหารไง คนเราไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เครียด คิดไรไม่ออก พอได้อาหาร อาหารจะเยียวยาทุกอย่างให้ดีขึ้น”
“ดูมีคอนเซ็ปต์ดีนะ”
“ทุกอย่างเยียวยาด้วยอาหาร มันจะยาวไปหน่อย” ต่อท้วงพลางคิด
“งั้นตัดคำว่าอาหารออกมั้ย เพราะคอนเทนท์เพจเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว”
“ก็ดีนะ” ต่อเห็นด้วย
“โอเค สรุปชื่อเพจ ทุกอย่างเยียวยาด้วย...!”
“จัดไป”
ต่อกับดาวเหลียวมองวิวรอบตัว พูดคุยหยอกล้อกันมีบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งโอบล้อมเอาไว้
ฟากยมกับนิดหน่อยหลังถ่ายรูปพรีเว้ดดิ้งเสร็จก็พากันมาเดินซื้อของ เวลานี้อยู่ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของคอมมูนิตี้มอลล์ ยมช่วยเข็นรถพวกวัตถุดิบทำขนมให้
“คุณอารยาเค้าก็ดูเป็นคนศรัทธาเรื่องความรักดีนะ”
“พูดให้ดูดี ใครก็พูดกันได้”
“อคติ”
“ทำไม เริ่มเชื่อในรักแท้กับเค้าบ้างแล้วเหรอ”
นิดหน่อยอึกอัก “รักแท้สำหรับคนอื่นอาจจะมีอยู่จริง แต่สำหรับชั้น..โน้ว”
ยมได้แต่ยิ้มอ่อน ไม่พูดอะไรขัด นิดหน่อยเช็คของในรถเข็น ดูว่ายังขาดอะไรอีกบ้าง
“เฮ้ย ชั้นลืมซื้อน้ำตาลไอซิ่ง คุณรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวชั้นมา”
“ครับ”
นิดหน่อยรีบเดินแยกออกไปทางหนึ่ง โดยที่ยมยืนรออยู่
ระหว่างนี้ยุพาเดินถือตะกร้าของพร้อมกับก้มหน้าแชทไลน์ จนมาชนกับยมที่ยืนอยู่
“ว้าย”
ยมประคองยุพาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ยุพาเงยหน้ามอง พอเห็นยมก็ตะลึงในความหล่อ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ขอโทษนะครับ”
“ยุพามัวแต่ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ยุพาสิคะต้องขอโทษคุณ…”
“ยมครับ”
“ชั้นยุพานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ยุพายื่นมือขอเช็คแฮนด์ แต่ยมยังไม่ทันจับมือด้วย เพราะนิดหน่อยเดินกลับมาเสียก่อน พร้อมถุงน้ำตาลไอซิ่ง
“ไปคุณ กลับบ้าน”
ยุพาหันไปมอง พอเห็นเป็นนิดหน่อยก็อึ้งเล็กน้อย
“นี่รู้จักกันเหรอคะ”
“ครับ ผมมาด้วยกันน่ะ”
“ไปคุณ...กลับ”
นิดหน่อยจูงยมเดินออกไป แทบไม่ได้มองหน้ายุพาเพราะเหม็นขี้หน้ามาก
ยุพามองตามอึ้งๆ “แฟนนังนิดหน่อยเหรอ”
สองคนอยู่ตรงเคาน์เตอร์คิดเงิน นิดหน่อยหน้าบึ้งตึง ขณะที่ยมงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใครเหรอคุณ”
“เมียน้อยพ่อชั้น”
ยมเห็นนิดหน่อยหน้าตาบึ้งตึงก็ไม่กล้าถามซอกแซกอะไรอีก
นิดหน่อยเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับถุงใส่ของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เห็นจุกกำลังอ่านหนังสือเตรียมความพร้อมสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมอยู่ วางของเสร็จก็เดินเข้ามาหาน้อง
“สรุปเลือกสถาปัตย์ไปเหรอ”
จุกพยักหน้า “อื้ม”
“หวังว่าแม่คงไม่งอนเอานะ”
“ทำไมต้องงอนด้วยล่ะพี่”
“อ้าว ก็พ่อ เอ๊ย อดีตพ่อน่ะ เค้าก็จบสถาปัตย์เหมือนกัน”
“ก็เลยจะไปโยงกับพ่อ แล้วก็งอนจุกงี้”
“ก็สังหรณ์ว่าจะเป็นอย่างนั้น” นิดหน่อยมองหาสมร “แล้วแม่ล่ะ”
“ขึ้นไปอาบน้ำน่ะ ยังไม่ลงมาเลย”
“เม้าท์ไรชั้นยะ”
จุกกับนิดหน่อยหันไปมอง เห็นสมรเดินลงมาจากบ้านมาสก์ครีมเต็มหน้า
สองคนสะดุ้งร้องขึ้นพร้อมกัน “เย้ย”
“คน ไม่ใช่ผี..ตกใจไรขนาดนั้น”
“ไม่เห็นแม่มาสก์หน้านานเลย ได้ของดีอะไรมาเหรอ”
“อ๊ะ ครีมนี่ไม่ใช่ธรรมดานะคะ มันพิเศษสุดๆ”
“มันใส่ไข่ดาวสองฟองเหรอแม่” จุกถาม
“ไข่ดาวสองฟอง โปะไข่เจียวแถมอีกฟองนึง จะบ้าเหรอ นี่ครีม ไม่ใช่อาหารตามสั่ง”
“แล้วมันพิเศษยังไงอ่ะแม่”
“มันเป็นครีมที่มีสารสกัดจากแมงกระพรุนประเทศเนปาลน่ะสิ”
“สารสกัดจากแมงกระพรุนประเทศเนปาล” นิดหน่อยเซ็ง
“ใช่ ชั้นนำมั้ยล่ะ หน้าชั้นจะต้องตึงกว่าก้นเด็กอีก คอยดูสิ”
“โดนหลอกแล้วล่ะแม่ เนปาลมีแมงกระพรุนซะที่ไหนล่ะ ที่นั่นไม่มีทะเล”
“จริงเหรอจุก”
“จริงครับ...แม่ไปซื้อมาจากไหนเนี่ย”
“ก็ซื้อตามเฟสบุ๊คนี่แหละ..เห็นคนกดไลค์กดแชร์เยอะก็คิดว่าดี”
สมรเช็ดครีมที่พอกออกอย่างอารมณ์เสีย นิดหน่อยหยิบคูปองทำหน้าจากกระเป๋ายื่นให้สมร
“อ่ะแม่ คอสท์ทำหน้า ร้านนี้ดี เชื่อถือได้”
สมรมองค้อน งอนๆ “จะเอามาง้อชั้นงั้นเหรอ นี่ยังไม่หายโกรธนะบอกเลย”
“ไม่เอาเหรอ”
นิดหน่อยทำท่าจะเก็บเข้ากระเป๋า แต่สมรรีบคว้าไปอย่างไว
“โห ชุดใหญ่เลยนี่ ขี้งกอย่างแกไม่น่าซื้อนะ”
“ชมหรือด่าเนี่ยแม่”
“ชมจากใจเลย”
สมรเดินยิ้มขึ้นบ้านไป จุกกับนิดหน่อยมองหน้ากันยิ้มๆ ดีใจที่แม่หายงอน
นิดหน่อยเปิดประตูเข้ามาในห้อง จัดการเอาของออกจากกระเป๋า รวมถึงเอกสารจากบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์
นิดหน่อยดูเอกสารต่างๆ แล้วอมยิ้ม ตาเป็นประกาย นึกถึงเหตุการณ์ในรถกับยม
ในรถของยมที่แล่นมาตามถนน นิดหน่อยนั่งดูโบร์ชัวร์แพคเกจแต่งงานในมืออย่างตั้งใจ ยมแอบมองยิ้มๆ
“ท่าทางคุณไม่เหมือนคนไม่อยากแต่งงานเลยนะ”
“ทำไม?”
“ก็เรื่องธีมงาน เรื่องชุด เรื่องถ่ายพรีเวดดิ้ง คุณดูพร้อมมาก”
นิดหน่อยอึกอัก “เอ้า...ฉันต้องแสดงให้สมบทบาทหน่อยสิ เล่นไม่เต็มที่ เดี๋ยวโดนหักค่าตัว”
ยมมองกวนๆ “เหรอ”
นิดหน่อยเม้งกระแทกเสียงใส่ “ค่ะ”
“จริงๆ แล้วเรื่องแต่งงานเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงทุกคน คุณแค่มีประสบการณ์ไม่ดีเรื่องพ่อคุณ คุณก็เลยสร้างกำแพงไว้ป้องกันตัวเองมากกว่า”
นิดหน่อยอึ้ง เมื่อโดนยมจี้ถูกจุด
นิดหน่อยหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาเมื่อนึกถึง
“ชั้นไม่อยากแต่งงานเว้ย”
พร้อมกับว่านิดหน่อยทำท่าจะทิ้งเอกสารลงถังขยะ แต่แล้วก็ชะงัก
“เผื่อต้องใช้อีก ไม่ได้อยากแต่งหรอกนะ”
นิดหน่อยเก็บเอกสารต่างๆ เข้าลิ้นชัก
ฟากฝั่งยมนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวที่มุมอ่านหนังสือ กำลังคิดถึงเหตุการณ์ช่วงถ่ายพรีเวดดิ้งกับนิดหน่อย
ยมกับนิดหน่อยโพสท่าถ่ายตามมุมต่างๆ เห็นพัฒนาการ จากที่มีอาการเคอะเขินก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ปิดท้ายที่มุมหนึ่ง ยมกับนิดหน่อยโพสแบบสนิทแนบชิดพร้อมกับต้องจ้องตากัน ต่างคนต่างเริ่มรู้สึกหวั่นไหวในกันและกัน
ยมยิ้มบางๆ เริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับนิดหน่อยมากขึ้นเป็นลำดับ
สุวานเดินเข้ามาในโถงรับแขก เห็นยมกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สีหน้าละมัยอยู่ จึงกระแอมกระไออย่างรุนแรงจนยมเซ็ง
“กระโถนมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขึ้นมานี่มีอะไร”
“ก็จะมาถามความคืบหน้าเรื่องอารยาหน่อยน่ะครับ เห็นวันนี้ไปถ่ายรูปกันกระหนุ๊งกระหนิ๊ง สงสัยจะคืบหน้ากันไปเยอะ เพราะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร”
สุวานจ้องจับผิด ยิ้มๆ “ก็ท่านกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ล่ะครับ”
ยมอึกอัก “ก็เรื่องอารยาน่ะสิ กำลังคิดว่าบัญชีสนมีปัญหาเป็นเพราะอะไรกันแน่”
“จริงๆ ที่ขึ้นมานี่ ก็จะมาเตือนท่านเรื่องนี้น่ะครับ ผมกับสุวรรณเห็นท่านกับนิดหน่อยในวันนี้แล้ว กลัวใจจริงๆ”
“เรารู้บทบาทหน้าที่ตัวเอง แล้วก็รู้กฎข้อห้ามต่างๆ ทั้งหมดดี เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”
ยมหยิบหนังสือมาอ่านเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง ขณะที่สุวานมองยมด้วยอาการกลัวใจ ว่ายมจะเกิดไปรักนิดหน่อยเข้าจริงๆ
สุวานบ่นงึมงำ
“รู้กฎแต่ก็แหกตล้อด มันน่าห่วงตรงนี้แหละ”
ยมชำเลืองมองตาขวาง สุวานก้มหน้าจ๋อยไป
ภายในสถานีรถไฟฟ้ายมโลกเขต8ตอนนั้น
สนเดินขึ้นบันไดเลือนเข้ามาในโถงสถานีนั้น มีนิรบาลยืนยามเฝ้าดูแลความเรียบร้อย เหมือนรปภ.ตามสถานีรถไฟฟ้าบนโลกมนุษย์ยังไงยังงั้น
สนมีท่าทีลังเลนิดๆ คิดว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจทำเนียนๆ เดินเข้าไป
“เจ้าจะไปที่ใด”
“ผมอยากนั่งรถไฟเล่นหน่อยน่ะ”
สนทำเนียนจะเดินเข้าไป นิรบาลขวางทางไว้
“ไม่มีบัตร เข้าไปไม่ได้”
“แต่เราไม่ใช่วิญญาณที่ต้องโทษนะท่าน บัญชีของเรามีปัญหาอยู่ ท่านมัจจุราชบอกให้เราไปที่ไหนก็ได้”
“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในนี้ ผู้จะผ่านเข้าออกจุดนี้ได้ ต้องมีบัตรโดยสารเท่านั้น”
“ครับ”
สนค่อยๆ ถอยฉากออกมาหยุดยืนคิดหาวิธีที่มุมหนึ่ง
“จะหาบัตรผ่านจากไหนได้นะ”
สนครุ่นคิดหาวิธีหาบัตรผ่าน ไม่นานก็เห็นสุวานเขตอื่นๆ คุมวิญญาณมาใช้บัตรผ่านประตูเข้าไปในสถานี
สนยิ้มเจ้าเล่ห์ มีแผนการในใจ
ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ สภาพตึกกลางเก่ากลางใหม่ค่อนไปทางเก่า ราคาห้องเช่าดูไม่แพงมาก
ในห้องหนึ่ง อารยากลับจากออฟฟิศตอนค่ำ เปิดประตูเข้ามาในห้อง ข้าวข้องประดามีทั่วทั้งห้อง เต็มไปด้วยภาพความทรงจำดีๆ ระหว่างเธอกับสน
อารยาวางกระเป๋าถือด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เธอเหลียวไปมองรูปถ่ายสน ที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ทั่วห้องช้าๆ และเดินไปหยุดพูดกับรูปถ่ายของสนใบหนึ่ง
“ยายังรอคุณอยู่นะคะ เมื่อไหร่คุณจะกลับมาซะที”
อารยามองรูปสนยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความถวิลหาคนรัก
ภายในร้านมินิมาร์ทของดาว พนักงานสาวจัดของขึ้นชั้นอยู่ในนั้น ก่อนจะหันไปเห็นดาวเดินเข้ามา
“เย้...คุณดาวกลับมาแล้ว”
“กลับดึกเลย โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณดาว ถ้าคุณดาวกลับเช้า หนูก็จะเฝ้าร้านจนถึงเช้านั่นแหละ”
“โอ๊ย ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ทีหลังถ้าเลยเวลาทำงานจะกลับก่อนก็ได้นะ พี่เกรงใจน่ะ เผื่อจะอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆ บ้าง”
“อ๋อไม่เป็นไรค่ะ ปกติหนูเป็นคนไม่เที่ยวค่ะ เพื่อนชวนไปไหนนี่บอกปัดตลอด”
“บอกปัดว่าไม่ไป”
“ปัดแก้มแป๊บนะแกร เดี๋ยวตามไป แฮร่”
“เฮ้อ เปิดร้านหมูกระทะอีกร้านน่าจะดี”
“เป็นยังไงบ้างคะ” พนักงานยิ้มกริ่ม “วันนี้คืบหน้ายังไงบ้าง
“เรื่องร้านอาหารน่ะเหรอ ก็ได้ภาพมาทำ...”
พนักงานสวนออกไปว่า “เนื่องคุณต่อค่ะ”
“แหม่..เบรคซะหัวทิ่มเลยนะ”
“เดี๋ยวขอสัมภาษณ์หน่อยนะคระ” ลูกน้องสาวทำท่ายังกะกำลังสัมภาษณ์ดาราดัง “ร่วมงานกันวันนี้ คิดว่ามีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กันขึ้นไปอีกระดับรึเปล่าคะ
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ เป็นเพื่อนกันปกติ” ดาวตอบ
“แต่หลายคนแอบจิ้นคุณดาวกับคุณต่อ เพราะรู้สึกว่าเคมีตรงกัน อันนี้แฟนคลับพอจะมีลุ้นกันบ้างมั้ยคะ” พนักงานซักต่อ
“ยัง...ยัง”
“ยังไม่มีลุ้นเหรอคะ”
“ยังไม่หยุดถามอีก ก็บอกแล้วว่าเป็นเพื่อนกัน”
“โห เราก็อุตส่าห์จิ้น”
“จิ้นเจิ้นอะไร เราเป็นเพื่อนกันมานานมาก...แล้วเป็นเพื่อนมันก็โอเคอยู่แล้ว”
“แน่ใจน้า ว่าโอเค” ลูกน้องสาวจ้องจับผิด
“กลับบ้านไปได้แล้วไป..เดี๋ยวก็ให้อยู่ยันเช้าซะเลยนี่”
“อุ้ย งั้นหนูลาล่ะค่ะ”
พนักงานรีบเก็บของแล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้ดาวยืนอมยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว
ทางด้านต่อเสียบการ์ดกล้องเข้ากับคอมพิวเตอร์ ดึงข้อมูลจากการ์ดลงคอม เพื่อเลือกมาตัดต่อ
ต่อคลิกไฟล์วิดีโอ กด Play เพื่อเช็คภาพ เป็นคลิปดาวขณะกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย ต่อนั่งดูคลิปดาวเพลิน รู้สึกชื่นชอบในความเป็นธรรมชาติของดาว
เขานึกถึงภาพตอนขี่มอเตอร์ไซค์กุ๊กกิ๊กกับดาวมาตามท้องถนน แล้วนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
เช้าวันนี้ ยุพาเดินลงบันไดมาที่โถงชั้นล่างในชุดนอน บ่นบ้าอยู่คนเดียว
“มันบ้านคนหรือว่าบ้านผีสิงกันวะเนี่ย หายไปไหนกันหมด”
แม่บ้านรีบวิ่งเข้ามาหารับใช้
“มาแล้วค่ะคุณยุพา”
“เห็นคุณชนกมั้ย”
“เอ่อ ตั้งแต่ตื่นมาก็ยังไม่เห็นเลยนะคะ สงสัยจะไม่ได้กลับบ้าน”
ยุพาฉุนกึก “ไปกกเด็กอยู่ที่ไหนล่ะ”
“อาจจะเคลียร์งานอยู่ที่ออฟฟิศก็ได้มั้งคะคุณผู้หญิง เห็นช่วงนี้แกบ่นๆ ว่างานยุ่งมาก”
ยุพาคุมแค้น “ตอแหล เงินเดือนที่ต้องให้ชั้นลดลงทุกเดือนๆ ถ้างานยุ่งจริง เงินก็ต้องเยอะตามสิ”
แม่บ้านยิ้มหน้าเจื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย
“เช้านี้คุณผู้หญิงจะทานอะไรดีคะ
“เอาง่ายๆ ก็ได้...ข้าวต้มหมู”
“ค่ะ”
“ไม่ใส่ผัก”
แม่บ้านยิ้มรับเอาคำ
“ไม่ใส่กระเทียม”
แม่บ้านยังยิ้มรับ
“ไม่ใส่หมู”
แม่บ้านเริ่มหน้าเจื่อน
“ไม่ใส่ข้าว”
“อ้าว แล้วจะกินยังไงล่ะคะ”
“ไม่กินไงล่ะโว๊ย เบื่อ จะไปไหนก็ไป ไป๊”
แม่บ้านรีบเดินหนีออกไปทันควัน ทิ้งยุพาให้ยืนกำมือกัดฟันกรอดๆ
“ในเมื่อคุณมีได้ ชั้นก็มีได้...เลวมาก็เลวกลับค่ะ ไม่โกง”
ยุพายิ้มย่อง เพราะมีเป้าหมายใหม่ที่เล็งไว้อยู่แล้ว
รถของยุพาขับแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านขนมของนิดหน่อย ก่อนที่ยุพาจะเปิดประตูออกมาจากรถด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
จุกกำลังซ้อมเทโฟมนมทำลาเต้อาร์ต ลายใบไม้อยู่ในร้าน พอทำเสร็จก็ยืนภูมิใจในผลงานตัวเอง มีลูกค้านั่งอยู่ 2-3 โต๊ะ ขณะยุพาเดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีจ้ะจุก”
จุกอึ้งเล็กน้อย
ยุพานั่งที่หน้าบาร์ชงกาแฟ จุกอึดอัดไม่อยากเสวนาด้วยนักแต่ก็ต้องคุยตามมารยาท
“อยู่ร้านคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ครับ คุณมีธุระอะไรรึเปล่า”
“พอดีผ่านมาแถวนี้น่ะจ้ะ ก็เลยแวะหากาแฟแก้ง่วงหน่อย ขายให้ชั้นได้ใช่มั้ย”
“รับอะไรดีล่ะครับ”
“เอาลาเต้เย็นแล้วกันจ้ะ”
“สักครู่นะครับ”
จุกหันไปชงกาแฟ ระหว่างนี้ยุพาคิดหาวิธีตะล่อมถามข้อมูลของยมจากจุก
“เอ้อ วันก่อนเห็นนิดหน่อยไปเดินซื้อของกับใครก็ไม่รู้ ดูหล่อๆตี๋ๆ แฟนใหม่เหรอ”
จุกตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทนมสดจนเกือบเต็ม
“พี่ต่อน่ะเหรอครับ”
“ต่อน่ะเคยเห็นอยู่...แต่คนนี้ตี๋กว่า แล้วก็ดูแพง ดูรวยกว่าเยอะเลย”
“อ๋อ งั้นน่าจะเป็นพี่ยมน่ะครับ”
“เออใช่ ชื่อยมนี่แหละ สรุปเป็นแฟนนิดหน่อยเหรอ”
จุกเทช็อตกาแฟใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ
“ไม่ใช่ครับ พี่ยมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวๆ นี้น่ะ”
จุกเสิร์ฟกาแฟพร้อมกับเหยือกน้ำเชื่อมเล็กๆให้ยุพา
“ปรุงหวานตามชอบนะครับ”
ยุพาไม่สนใจกาแฟนัก “คุณยมเค้าอยู่แถวนี้งั้นเหรอ”
“ครับ มีอะไรรึเปล่า”
“อ๋อ...พอดีเพื่อนพี่เป็นเอเจนซี่บริษัทโฆษณาน่ะ เค้าอยากได้พรีเซนเตอร์ให้สินค้าตัวนึง ซึ่งพี่มองว่าคุณยมน่าจะเหมาะ ก็เลยอยากจะไปทาบทามดู”
“อ่อครับ”
“บอกพี่ทีสิ ว่าบ้านคุณยมเค้าอยู่ที่ไหน”
จุกนิ่งคิดว่าจะบอกที่อยู่ของยมดีไหม ขณะที่ยุพาก็ทำหน้าตาปกติ แต่ลุ้นหนักในใจ
ยมกับนิดหน่อยมากันมานั่งอยู่ที่มุมรับแขกบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ อารยาวางรูปถ่ายพรีเวดดิ้งของยมกับนิดหน่อยลงบนโต๊ะกลางให้ดู พบว่าทุกรูปเสียหมด และเสียตรงรูปยมคนเดียว
“นี่ค่ะ เสียทุกรูปเลย”
นิดหน่อยดูรูปถ่ายด้วยสีหน้าแปลกใจ เช่นเดียวกับอารยา สไตลิสต์และช่างภาพที่ก็งงงันกันไปหมด ยกเว้นยม ที่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร
“แปลกมาก ทุกรูปเสียเฉพาะภาพคุณ”
นิดหน่อยหันไปมองยมเชิงถาม ยมตีหน้ามึน ทำไม่รู้เรื่องใส่
“นั่นสิ เป็นเพราะอะไรเหรอ กล้องเสียรึเปล่า”
“กล้องชุดนี้ผมเบิกใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะครับ ไม่เสียแน่นอน” ช่างภาพบอก
“ใช่ค่ะ ก่อนเอามาถ่ายเราก็ลองเช็คแล้ว ไม่มีปัญหาเลยค่ะ” อารยาว่า
“ฟิล์มไม่ได้บูดนะคะ” นิดหน่อยถาม
“ฟิล์มใหม่ครับ ไม่บูดล้านเปอร์เซ็นต์” ช่างภาพการันตีแรง
“ถ้าเป็นกรณีฟิล์มบูดก็แปลกมากอยู่ดีค่ะ มันไม่น่าจะเสียเฉพาะรูปคุณยมทุกรูปแบบนี้”
“นั่นสิ” นิดหน่อยหันไปมองยม “คุณเล่นของอะไรมั้ยเนี่ย”
“หน้าผมเหมือนคนเล่นของตรงไหน”
“จะไปรู้เหรอ ก็มันแปลกจริงๆ นี่”
“แล้วจะทำยังไงกันต่อไปครับ”
“ก็คงต้องถ่ายกันใหม่น่ะค่ะ” อารยาบอก
“คุณพระ” นิดหน่อยอุทาน
“เปลี่ยนจากกล้องฟิล์มเป็นกล้องดิจิตอลก็ได้นะครับ รูปเสียจะได้เช็คได้เลย” ช่างภาพเสนอ
“ใช่ค่ะ ถ้าอยากได้ลุคฟิล์ม เดี๋ยวให้ทีมเราแต่งภาพให้ได้” อารยาเสริม
ยมกับนิดหน่อยมองหน้ากันเอง ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ไม่นานต่อมา ยมกับนิดหน่อยเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ นิดหน่อยดูภาพยมในมือ ยังคงแคลงใจไม่หาย
“นี่ยังไม่หายสงสัยอีกเหรอ”
“ก็มันแปลกนี่ ไม่ใช่เฉพาะรูปชั้นนะ รูปคนเดินผ่านไปผ่านมาแถวๆนั้นก็ติดหมด ยกเว้นคุณคนเดียว”
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ”
“อุบัติเหตุเหรอ ถ้าใช่ก็น่าจะหนึ่งในล้านเลยแหละ อย่างกับรูปถ่ายติดวิญญาณ”
“วิญญาณอะไรจะหล่อแบบนี้” ยมยิ้มอ่อน
นิดหน่อยหมั่นไส้ “มั่นหน้านะคะ”
ยมแกล้งจ้องตานิดหน่อยใกล้ๆ “หรือไม่จริง”
นิดหน่อยเจอจ้องหน้าใกล้ๆก็ออกอาการเขิน ก่อนจะรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“รีบกลับได้แล้ว ชั้นมีงานต้องทำอีกเยอะ”
ยมขับรถออกจากบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ เข้าถนนใหญ่ มุ่งหน้ากลับบ้านไป
รุจิภาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านยม หล่อนเปิดประตูลงจากรถ มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ เมื่อไม่เห็นรถยมจอดอยู่ ประตูบ้านก็ปิดเงียบ
“อ้าว ไม่อยู่เหรอเนี่ย”
รถยุพาขับเข้ามาจอดใกล้ๆ รถรุจิภา ลงรถมาถาม
“นี่บ้านคุณยมรึเปล่าคะ”
รุจิภานิ่งไปนิดนึง จะบอกว่าบ้านตัวเอง แต่ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน
“ค่ะ คุณมีธุระอะไรกับคุณยมงั้นเหรอ”
ยุพามองรุจิภาหัวจดเท้า “แล้วคุณเป็นเป็นใครคะ น้องสาวคุณยมเหรอ”
รุจิภายิ้มย่อง “ไม่ใช่น้องสาวหรอกค่ะ เป็นเพื่อนน่ะ...”
“อ๋อ...”
รุจิภาเน้นคำ “เพื่อนสนิท”
ยุพาหน้าเจื่อนไป “เหรอคะ”
“ยมเค้าไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ”
“เดี๋ยวก็คงกลับมามั้งคะ ชั้นจะรอ”
รุจิภาชักเริ่มไม่พอใจ
“ชั้นเกรงว่าอีกนานกว่าจะกลับนะคะ ถ้ามีธุระอะไรก็ฝากเรื่องไว้กับชั้นได้ เดี๋ยวชั้นบอกกับยมให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นจะรอ”
“ถ้าอยากจะรอ ก็ออกไปรอนอกบ้านได้นะคะ”
ยุพาไม่พอใจ “จะรอนอกบ้านหรือบนบ้าน ชั้นว่าเจ้าของบ้านควรจะเป็นคนตัดสินรึเปล่าคะ”
“อ๋อ...ชั้นนี่แหละค่ะ เจ้าของบ้าน”
ยุพาอึ้งไป
“คุณยมเช่าบ้านของชั้นอยู่น่ะค่ะ”
ยุพาอั้งหนัก
“จะต้องให้ชั้นตัดสินอีกมั้ยคะ ว่าจะให้คุณรอตรงนี้...หรือว่าข้างนอก”
ยุพาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองแรงใส่อีกฝ่าย ในขณะที่รุจิภาเชิดหน้า วางตัวสูงส่งใส่ยุพา
ที่ร้านอาหารแห่งนั้น ตรงโต๊ะมุมร้านอาหารเต็มโต๊ะ ชนกตักกับข้าวให้จุกทานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ในขณะที่จุกมีสีหน้ายังนิ่งเฉย
“กินเยอะๆ นะลูก”
“ครับ”
จุกยิ้มอ่อน กินกับข้าวที่พ่อตักให้ ชนกเห็นแล้วก็อิ่มเอิบใจ
“ที่บ้านเป็นยังไงกันบ้าง”
“ก็เรื่อยๆ น่ะครับ”
ชนกถอนหายใจ “เสียดายนะ ที่นิดหน่อยไม่ได้มาด้วยกัน”
“พี่นิดหน่อยไม่มีทางมากินกับพ่อหรอก พ่อก็น่าจะรู้ดีนี่”
“ขอบใจนะ ที่เจียดเวลามากับพ่อ”
“ผมเดินทางสายกลางน่ะครับ ไม่อยากฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นพิเศษ”
ชนกยิ้ม “ดีแล้วล่ะลูก”
“แม้ว่าบางที การอยู่ตรงกลางมันจะอึดอัดก็ตาม”
ชนกซึมลง เห็นใจจุก “แม่กับพี่เราเค้าทิฐิสูงมาก พ่อก็ได้แต่เฝ้ารอว่าสักวัน ทิฐินั้นจะลดลงไปบ้าง”
“จะมีวันนั้นเหรอครับ”
ชนกถอนหายใจนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คนเราจะมีชีวิตอยู่เห็นหน้ากันได้นานสักเท่าไหร่เชียว สู้อยู่ให้จดจำจากกันให้คิดถึงจะดีกว่า”
จุกมองชนกด้วยสายตาสงสัย รู้สึกว่าชนกดูเปลี่ยนไป
“กินข้าวเถอะลูก กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
ชนกตักกับข้าวให้ลูกชาย ตัวเองก็ตักกินข้าวอย่างมีความสุข
รถยมแล่นเข้ามาจอดในบ้าน ใกล้ๆ กับรถของรุจิภาที่จอดอยู่จุดเดิม ยมเปิดประตูลงจากรถ มองไปที่รถรุจิภาแล้วแอบถอนหายใจเบาๆ
รุจิภาเดินดูสวยรอบบริเวณบ้านระหว่างรอ จนเห็นยมเดินเข้ามาหา
“ไปไหนมาคะ ปล่อยให้รุจิรอตั้งนานเลย”
“ทำธุระมาน่ะครับ คุณรุจิมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า”
รุจิภามองรอบๆ บ้าน “รุจิอยากจะทำบุญบ้านหลังนี้หน่อยน่ะค่ะ พอดีไม่ได้ทำนานแล้ว”
“ครับ”
“รุจิก็เลยจะมาถามคุณยมก่อนน่ะค่ะ ว่าสะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกครับ จะทำเมื่อไหร่ก็เชิญได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ พิธีก็ไม่เยอะอะไรหรอกค่ะ ช่วงเช้าก็จะใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน แล้วพอสายๆหน่อย ก็จะเชิญอาจารย์มาปัดเป่าสิ่งไม่ดีในบ้าน”
“อาจารย์”
“พอดีมีเพื่อนแนะนำอาจารย์ท่านนึงมาน่ะค่ะ เค้าว่าเก่งมาก”
“ใครเหรอครับ”
“ชื่ออาจารย์ขาวน่ะค่ะ”
ยมอึ้งนิดๆ “อาจารย์ขาว”
“ค่ะ คุณยมรู้จักรึเปล่าคะ”
“เคยได้ยินชื่อน่ะครับ แต่ก็อยากจะรู้จักอยู่เหมือนกัน”
ยมมีสีหน้าครุ่นคิด สงสัยว่าอาจารย์ขาวจะมาไม้ไหน
เหตุการณ์ที่นรกภูมิเขต8 สุวรรณกับสุวานเดินเข้ามาในห้อง สุวานแยกไปนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง ก่อนจะร้องอุทานออกมา
“โอ๊ะ”
“เป็นอะไร ริดสีดวงแตกเหรอ”
“ริดสีดวงบ้าอะไรล่ะ”
สุวานหยิบบัตรรถไฟฟ้าที่หักออกจากกระเป๋ากางเกง(ด้านหลัง)
“บัตรรถไฟข้า...โอ้ ไม่นะ”
“โธ่ ไอ้อ้วนเอ๊ย ไม่ระวังเลย” สุวรรณด่า
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกอ้วน แบบนี้เรียกสัดส่วนน่ารักโว้ย”
“เหรออ..”
“เออ..ถึงจะไม่น่ารักตะมุตะมิ แต่ก็น่ารักอิอินะ บอกเลย”
“ขึ้นไปโลกมนุษย์บ่อยๆ มีศัพท์แปลกๆ มาอยู่เรื่อยนะ”
พร้อมกับว่าสุวรรณหยิบกล่องใส่บัตรรถไฟที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาโชว์สุวาน
“นี่ แกต้องใส่กล่องแบบนี้ ถึงจะปลอดภัย ไม่หักงอ”
สุวานคว้าหมับ “เออ งั้นขอเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย ไม่ให้”
สุวานเปิดดูด้านใน ไม่เห็นมีบัตรรถไฟอยู่ในกล่อง
“อ้าว บัตรเจ้าเก็บไว้ไหนเนี่ย”
“ก็เก็บไว้ในนี้น่ะสิ”
“ไหนล่ะ นี่มีแต่กล่อง” สุวานย้ำ
สุวรรณตกใจ “เฮ้ย หายไปไหนล่ะเนี่ย”
สุวรรณกับสุวานช่วยกันหาบัตรรถไฟฟ้ากันวุ่นวาย
อีกฟาก สนนั่งยิ้มกริ่มอยู่ในโบกี้รถไฟฟ้ามุ่งหน้าสู่โลกภูมิ ในมือถือบัตรรถไฟฟ้าที่ขโมยมาจากสุวรรณ
โรเบิร์ตบีบนวดให้อาจารย์ขาวอยู่ในสำนัก
“เฮ้ย เอ็งเห็นทะเบียนบ้านของอาจารย์บ้างมั้ยวะ”
“อ้าว จารย์เก็บไว้ที่ไหนล่ะครับ” โรเบิร์ตงง
“ก็ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานนั่นแหละ แต่มาหาดูอีกทีไม่เจอแล้ว ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน”
“ลองหาดูทั่วรึยังครับ”
“หาจนทุกตารางเซ็นติเมตรแล้ว”
“ถ้าหาทั่วบ้านแล้วยังไม่เจอ ลองเข้ากูเกิ้ลหาดูสิครับ ในนั้นเข้าไปหาอะไรก็เจอ” โรเบิร์ตบอก
“กูเกิ้ลเหรอ เจอกูถีบหน่อยเป็นไง..ไอ้นี่” อาจารย์ขาวถีบโรเบิร์ตเปรี้ยง
โรบิ้นเดินถือกาน้ำชาเข้ามาหา ท่าทางอิดโรยเล็กน้อย
อาจารย์ขาว หันไปมอง “ไอ้นี่ก็อีกคน นับวันยิ่งดูเป็นติสท์ๆ ขึ้นทุกวันนะ”
โรบิ้นยิ้มยืด ภูมิใจ “ผมดูเป็นคนติสท์ๆ อาร์ตๆ เหรอครับ”
“ติสท์ยานี่แหละ” จารย์ว่า
โรบิ้นร้อง “แฮ่!”
“อย่าเชียวนะโว้ย เรื่องยาเนี่ย เดี๋ยวจะพาความซวยมาถึงข้า”
“ช่วงนี้ผมนอนน้อยน่ะครับจารย์ ยาเยอผมไม่แตะอยู่แล้ว” โรบิ้นยืนยัน
“เออ ดี”
วิวัฒน์เดินขึ้นเรือนตรงเข้ามาหาพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
"ยิ้มกริ่มเข้ามาเลย มีข่าวดีอะไรรึเปล่า”
“คุณรุจิตอบตกลงให้อาจารย์ไปทำพิธีปัดรังควาญที่บ้านแล้วนะครับ”
“บ้านที่ไอ้ยมอยู่น่ะเหรอ”
“ใช่ครับ”
“ไอ้ยมมันไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”
“ไม่เห็นคุณรุจิว่าอะไรนะครับ สงสัยมันก็อยากจะเจออาจารย์อยู่เหมือนกัน”
“อยากเจอข้าเหรอ...ดี เราจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นอีกหน่อย
อาจารย์ขาวยิ้มกระหยิ่มยินดี
ยมนั่งครุ่นคิดสีหน้าเคร่งเครียด เรื่องที่อาจารย์ขาวจะมาที่บ้าน สุวรรณกับสุวานเดินเข้ามาหา สีหน้าเจื่อนๆ จ๋อยๆ ด้วยกันทั้งคู่
“มา...ช่วยกันคิดวางแผนอะไรกันหน่อยซิ
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ไอ้อาจารย์ขาวมันกำลังจะมาที่นี่น่ะสิ” ยมว่า
“อ้าว มันจะมาทำไมเหรอครับ”
“คุณรุจิภาเชิญมันมาปัดเป่าสิ่งไม่ดีที่บ้านนี้ แต่ดูลักษณะแล้วน่าจะตั้งใจมาที่นี่อยู่แล้ว เลยใช้คุณรุจิเป็นเครื่องมือ” ยมประเมินสถานการณ์
“นี่มันตั้งใจมาเหยียบจมูกท่านเลยนะครับ” สุวานฮึดฮัด
“ก็ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนเหมือนกัน ถึงต้องเรียกเจ้าสองคนมาคุยกันนี่ไง”
สุวรรณกับสุวานมองหน้ากัน สีหน้าเจื่อนจ๋อยกว่าเดิม เพราะมีเรื่องที่กำลังหนักใจเป็นทุนอยู่แล้ว
ยมสังเกตุเห็น “มีอะไรกัน”
สุวานกระซิบสุวรรณ “เจ้าพูดสิ”
สุวรรณกระซิบสุวาน “เจ้าแหละพูด”
สุวานกระซิบสุวรรณอีกว่า “แต่ความผิดเจ้านะ”
ยมรำคาญ “ใครพูดก็ได้ ถ้าเกี่ยงกันอีก จะโดนทั้งคู่”
สุวานกับสุวรรณสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนสุวรรณจะเป็นคนพูด
“คือว่าบัตรรถไฟของผมหายไปน่ะครับท่าน”
“อ้าว หายก็ทำใหม่สิ ทำไมต้องทำหน้าเครียดกันขนาดนั้นด้วย”
“ที่ต้องเครียดก็เพราะว่า มันหายไปพร้อมกับเจ้าสนน่ะครับ”
“ว่าไงนะ”
“ครับ บัตรรถไฟผมหายไปพร้อมกับนายสน คิดว่านายสนคงแอบขโมยไปเพื่อขึ้นมายังโลกมนุษย์น่ะครับ” สุวรรณบอก
ยมแปลกใจ “สนมันจะขึ้นมาทำอะไรบนโลกมนุษย์”
“เอ่อ...ก็คงจะมาหาอารยาล่ะมังครับ” สุวานว่า
ในหัวยมเวลานี้ ความกังวลเรื่องอาจารย์ขาวหายไปจนสิ้น เมื่อมาเจอเรื่องสนหนีจากนรกมาหาคนรัก
อ่านต่อตอนที่ 12