เพชรา เชาวราษฎร์ "ราชินีจอเงิน” ศิลปินแห่งชาติ ปี 2561
"อี๊ด เพชรา" ชื่อเดิมว่า "เอก ชาวราษฎร์" ปัจจุบัน อายุ 76 ปี เกิดเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นชาวระยอง เธอเรียกพ่อว่า “เตี่ย” เนื่องจากเป็นคนจีน ส่วนแม่เป็นคนไทย ปี 2504 เพชรา เชาวราษฎร์คว้าตำแหน่งชนะเลิศ “เทพธิดาเมษาฮาวาย” ซึ่งจัดโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ณ เวทีลีลาศสวนลุมพินี ผู้ส่งเธอเข้าประกวดเป็น น้องสาวของพี่เขย และใช้ชื่อในการประกวดว่า “ปัทมา เชาวราษฎร์” จากนั้น ศิริ ศิริจินดาและดอกดิน กัญญามาลย์ทาบทามมาแสดงหนังเรื่องแรกคือ “บันทึกรักพิมพ์ฉวี” (พ.ศ. 2505) คู่กับมิตร ชัยบัญชา ขณะนั้น มิตรมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์อยู่ก่อนแล้ว โดยดอกดินเป็นคนตั้งชื่อ “เพชรา” ให้กับเธอเพื่อใช้ในวงการภาพยนตร์
ภาพยนตร์ของเพชราเริ่มต้น ระหว่างปี 2505 - 2521 ยุคทองของเธออยู่ระหว่าง พ.ศ. 2506 - 2513 หลัง "มิตร ชัยบัญชา" เสียชีวิตเมื่อ 8 ตุลาคม 2513 เพชราจึงได้ร่วมแสดงกับพระเอกคนอื่นๆอีกหลายคน เช่น สมบัติ เมทะนี, ไชยา สุริยัน, ลือชัย นฤนาท, นาท ภูวนัย, กรุง ศรีวิไล, ครรชิต ขวัญประชา, ยอดชาย เมฆสุวรรณ เป็นต้น จนเมื่อปี 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย เธอรับบทเป็น "แม่ของสรพงศ์ ชาตรี" ในภาพยนตร์เรื่อง “ไอ้ขุนทอง”
เมื่อใดที่เรากล่าวถึง "อมตะหนังไทย" มิตร - เพชรา คือ "ดาราคู่ขวัญ" คู่แรกของวงการบันเทิง
นิตยสาร “ภาพยนตร์และโทรทัศน์” ฉบับแรก ขึ้นปก เพชรา เชาวราษฎร์เป็นเจ้าแรก ถ่ายภาพ เพชรา ในบทของ “สาวปาดตาล” โดย ไพรัช กสิวัฒน์
เพชรา เชาวราษฎร์มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ซึ่งเป็นช่วงปลายของการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “ไทยใหญ่” ปัญหาเรื่องสายตา เริ่มจากอาการแสบตา เนื่องจากเธอต้องอยู่กับไฟที่สว่างจ้าในโรงถ่าย การทำงานของเพชรา เชาวราษฎร์แทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน และไม่ได้พบแพทย์เป็นประจำสม่ำเสมอ เนื่องจากงานถ่ายทำภาพยนตร์รัดตัวทั้งวัน ทั้งคืน
เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นเจ้าของผลงานแสดงภาพยนตร์ราว 300 เรื่อง และครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ เล่นคู่กับมิตร ชัยบัญชา
รางวัลเกียรติยศ
พ.ศ. 2508 รางวัลพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ภาพยนตร์เรื่อง "นกน้อย"
พ.ศ. 2509 รางวัลพิเศษ โล่เกียรตินิยมคู่ขวัญดาราทอง งานตุ๊กตาทอง จากภาพยนตร์เรื่อง "เงิน เงิน เงิน"
พ.ศ. 2544 รางวัลสรรพศาสตรศุภกิจ
พ.ศ. 2552 รางวัลกินรีทองคำบุคคลเกียรติยศในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพ ครั้งที่ 7 โดย ชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้รับแทน
จากทาสเทวี - หยาดเพชร
ในชีวิตจริง ชรินทร์ นันทนาคร ยืนอยู่เคียงข้างกับเพชรา แม้ในวันที่โลกมืดถึงที่สุด
“เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่งหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาดเพชรเกล็ดแก้วแววฟ้าร่วงมาจากฟ้าหรือไร
...................................................................................................
เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้วเผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใสแม้อยู่ในความมืดมน
(เพลง หยาดเพชร คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร ทำนอง สมาน กาญจนผลิน)
ในหนังสือ “คอนเสิร์ตเชิดชูครูเพลง - ครั้งที่ 2 ชาลี อินทรวิจิตร” เล่าให้ฟังว่า
“ผมแต่งเพลงนี้ให้ชรินทร์ขับร้อง เพราะรู้ว่าตั้งแต่เขาเลิกกับภรรยาคนเก่ามา เขากำลังชอบเพชราอยู่ เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เงิน เงิน เงิน” ผมบอกเขาว่าร้องให้ดีนะ ร้องแล้วคงรู้ว่าผมหมายถึงใคร เป็นเพลงเอกของภาพยนตร์ดังกล่าว ที่สุดชรินทร์ก็สมหวังในชีวิตรัก”
ถ้าจะว่าไปแล้ว เพลงนี้ไม่ได้ไพเราะแค่คำและความหมายเท่านั้น หากแต่ยังเป็น “ชีวิต” จริงของเธอในวันนี้ ดังประโยคสุดท้าย - แม้อยู่ในความมืดมน...
สมัยที่อี๊ด - เพชรา อายุเพียง 15 ปี เคยถูกทางบ้านจับหมั้นหมายกับชายคนหนึ่ง เธอตัดสินใจหนีก่อนวันวิวาห์เพียง 20 วันทั้งที่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายเตรียมงานทุกอย่างไว้แล้ว เนื่องจากสัญญาหมั้นหมายในครั้งนั้นทำให้พ่อแม่ของเธอต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก นี่เป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะลงประกวด "เทพธิดาเมษาฮาวาย"
ชรินทร์ นันทนาครร่วมงานครั้งแรกกับเพชราในภาพยนตร์เรื่อง “แพนน้อย” (2506) ทั้งคู่มีโอกาสพบกันที่บ้านดอกดิน กัญญามาลย์บ่อยครั้ง ต่อมาเมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการเริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่อง เงิน เงิน เงิน (เข้าฉายในวันที่ 28 ธันวาคม 2508 ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2509 ) เพลง "หยาดเพชร" ถูกหยอดจีบเข้ามาในหนังเรื่องนี้
เพชรา เชาวราษฎร์เคยให้สัมภาษณ์ว่า
“ตอนที่เจอเขาครั้งแรก ดิฉันรู้สึกเห็นใจเขานะคะ เพราะตอนนั้นเขามีปัญหาชีวิต แต่เราไม่ได้เกี่ยวข้องกัน จนตอนหลังเขามาเป็นดารา เป็นผู้กำกับหนัง ดิฉันจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับเขา ทุกวันนี้เรายังติดนิสัยที่ต้องรอคอยกันอยู่ เพราะสมัยรักชอบกันจะไปไหนด้วยกันแบบเปิดเผยไม่ได้ จนกระทั่งดิฉันได้แสดงหนังเรื่อง "แผ่นดินแม่" ปี พ.ศ. 2518 จึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เราสองคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย เพราะเราเป็นดาราที่อยู่ในสายตาประชาชนตลอด”
ทั้งคู่แต่งงานกันเงียบๆ เลี้ยงเพื่อนร่วมวงการเพียงไม่กี่คน
ชรินทร์ นันทนาครยังเป็นผู้สร้างหนังมาตั้งแต่ปี 2508 หนังเรื่องแรกคือ เทพบุตรนักเลง และชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่เคยห่างหายจากวงการภาพยนตร์ จนถึงปี 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เพชรา เชาวราษฎร์แสดงคือ ไอ้ขุนทอง เธอเป็นทั้งอำนวยการสร้างและแสดงเป็นแม่ของพระเอก รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี
“นันทนาครภาพยนตร์” มีภาพยนตร์ทั้งสิ้น 19 เรื่อง เรื่องเด่นอื่นๆ เช่น ลมหนาว, แมวไทย, สวรรค์วันเพ็ญ, รักเธอเสมอ, น้ำผึ้งพระจันทร์, แผ่นดินแม่, ลูกเจ้าพระยา เป็นต้น
ทุกวันนี้ ชรินทร์ นันทนาคร ยังมีคอนเสิร์ตเป็นสม่ำเสมอ ปีละครั้ง
เพชรา เชาวราษฎร์ ตาบอดสนิท ในปี 2524 และเก็บตัวเงียบ
นิตยสาร "ชีวิตต้องสู้" ของสันติ เศวตวิมล "แอบถ่าย" เรื่องราวของเธอมาเผยแพร่ (ปีที่ 1 ฉบับที่ 50 ประจำวันที่ 6-12 พย. 2536) เพราะทุกเช้าเพชราจะต้องออกมาใส่บาตรที่หน้าบ้าน แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง แต่เพชราโกรธแน่ๆ !
การปรากฏตัวในปี 2552
ปี 2552 เพชรา เชาวราษฎร์ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในรอบ 30 ปีในรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" และในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ “มิสทิน” จัดทำแคมเปญการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคมครั้งใหญ่ โดยนำเพชรา เชาวราษฎร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องสำอาง โดยเห็นชอบร่วมกันที่จะนำรายได้ให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
โฆษณาชิ้นนี้จะปรากฏครั้งแรกแก่สาธารณชน ณ วันที่ 30 กันยายน ในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 เป็นรายการแรก นอกจากนี้ เพชรา เชาวราฎร์ยังได้ถ่ายแฟชั่นที่ โรงแรมโอเรียนเต็ล เพื่อขึ้นปกนิตยสาร LIPS กับเครื่องเพชร 700 ล้านของแฟรงค์ จิวเวลรี
Lips ฉบับพิเศษเล่มนี้มี 4 ปกให้ผู้อ่านได้เลือกซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก วางแผงในวันที่ 7 ตุลาคม 2552
ผู้อยู่เบื้องหลังการนำเพชราสู่สาธารณชนในครั้งนั้น คือ "เอ" ศุภชัย ศรีวิจิตร และเฮเลน
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 กระทรวงวัฒนธรรม แถลงข่าวการประกาศยกย่อง 12 ศิลปินแห่งชาติ ปี 2561 ทางด้านสาขาศิลปะการแสดง ประเภทภาพยนตร์และละคร ได้แก่ "นางเอก ชาวราษฎร์" หรือชื่อทางการแสดงว่า "เพชรา เชาวราษฎร์"
"ดาราชาย-หญิง" มโนจากฟัง "เสียง" !
ความนี้คัดลอกจาก หนังสือพิมพ์ อินไซด์ทีวี ประจำวันที่ 1- 7 สิงหาคม 2535 หน้า 3
เพชรา เชาวราษฎร์พูดถึงดารานักแสดงชาย - หญิงยอดนิยมของวงการโทรทัศน์ทุกวันนี้ จากการฟังเสียงและจินตภาพขึ้นในใจด้วยตนเอง ซึ่งค่อนข้างชัดเจนเหมือน “ตาเห็น” หรือคุณคิดอย่างไร?
ฉัตรชัย เปล่งพานิช - เราไม่เคยเจอตัวเขาหรอก แต่ฟังจากการแสดง เราคิดว่าเขาเป็นแมนดี และถ้าสังเกตนำเสียงนะ เป็นคนหนักแน่น ทำอะไรทำจริงๆ
วรุต วรธรรม - เป็นหนุ่มทรงสเลนเดอร์ สมัยใหม่
ยุรนันท์ ภมรมนตรี - เราว่าเขาเป็นคนน่ารัก รูปหล่อ คุยอะไรตรงไปตรงมา จริงใจ
ลิขิต เอกมงคล - เป็นคนจริงจังกับชีวิตมากๆ เลย ไม่ค่อยชอบหวือหวาอะไร จริงจังซะมาก ไม่นึกว่าดารารุ่นนี้จะมีคนอย่างลิขิตอะไรแบบนั้น
จอนนี่ แอนโฟเน่ - ได้ยินแต่เสียงเล่นละคร รู้สึกว่าเขาเป็นวัยรุ่น รุ่นใหม่ทั่วๆไป ก็แบบนี้แหละ
สันติสุข พรหมศิริ - รู้สึกเป็นคนดีนะ ไม่ลอกแลกหลุกหลิก เป็นคนจริงจัง จริงใจ
รอน บรรจงสร้าง - ตอนที่เล่นละครแรกๆ เขาบอกว่ารูปหล่อ เล่นละครไม่เก่ง มาตอนหลังนี้เขาบอกว่า เล่นเก่งมากแล้ว
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง - เขาก็เหมาะบางบทบาทนะ ไม่ทั่วๆ ไป
จินตหรา สุขพัฒน์ - น่ารัก น้ำเสียงเขาเป็นคนจริงจัง ไม่หลุกหลิกลอกแลก เป็นคนใจบุญด้วยนะ รับผิดชอบต่องานและตรงต่อเวลา ดาราต้องเป็นอย่างนี้ถึงจะอยู่ยงคงกระพัน
สินจัย หงษ์ไทย - ดีนี่เท่าที่ฟังๆ ดู เพราะว่าผู้หญิงนี่นะ เข้ามาอยู่ในวงการตอนนั้นมันต้องหาสังกัดที่ตัวเองไว้วางใจ หาหลักที่พักพิงได้ เชื่อถือได้ใช่ไหม เขาก็เล่นดีนะ
กมลชนก โกมลฐิติ - รู้สึกเขาก็ดีนี่ เขาก็เก่ง แต่ฟังน้ำเสียงเขาแล้วมันไม่ถึงบทบาทเท่าจินตหราน่ะ เพราะเราฟังเขาน้อยเกินไปรึไงไม่รู้ แต่คู่กรรมนี่ฟังเขา รู้สึกเขาเล่นได้ดีมากๆ เลย
จริยา สรณคมน์ - ช่อง 3 ไม่ค่อยได้ดู เพราะฟังแค่ช่องหนึ่งเราก็พอแล้ว หลับๆ ตื่นๆ ก็ฟังตอนที่นกเขาจะบินนั่นแหละ เขาเปิดคอนเสิร์ตใหญ่โตมากไม่ใช่รึ
มนฤดี ยมาภัย - ตอนที่เขาเล่นดาวพระศุกร์นะ อย่าบอกใครเลย หนังก็หนังเหอะ สวดผีก็ต้องเอาทีวีไปตั้งจริงๆ นะ ขนาดที่ศูนย์อิสลามมีงานใหญ่ใกล้ๆ บ้านนี่นะ มีหนังฟรีก็ยังดูดาวพระศุกร์ก่อนถึงจะมาดูหนังจอ ว่ากันจริงๆ เขาเล่นดีด้วยนะ
ชไมพร จตุรภุช - คนนี้รู้สึกเขาเจ้าบทบาทดีนะ น้ำเสียงเขามีหวาน ทั้งเซ็กซี่ ทั้งเศร้า เขาพร้อมนะ
ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี - น้ำเสียงเขาฟีลลิ่งดีมากๆ
มาช่า วัฒนพานิช - น้ำเสียงก็ดีนะ เขาว่าเล่นดีนี่
หัทยา เกษสังข์ - เขาก็ดีนี่ ตอนหลังเขาเล่นคดีแดงเป็นประจำ เขาแคล่วคล่องว่องไวดี แต่ไม่ได้ฟังรายการวิทยุของเขา เป็นคนมั่นใจในตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกที่ทำมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากๆ จากการพูดการจา ปฏิภาณไหวพริบในการพูดการแสดง เขาทำได้ทุกอย่างที่เขาอยากทำ เขาคงสมาร์ทแหละ ไม่อ้วน ไม่ผอม ไม่สูงมาก อย่างดีก็ราวๆ 160 กว่าเซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัมนิดหน่อย