มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 8 | คุณคือใคร...‘นายยม’?
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ สิริวัฒน์69
นิดหน่อยพายมมาส่งโรงพยาบาล เวลานี้ฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียง ส่วนยมหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ จังหวะหนึ่งที่นิดหน่อยขยับตัวมือนิดหน่อยไปแตะโดนแขนของยมเบาๆ มีแสงมาจากสร้อยจี้ไหลน้ำพี้ที่ห้อยคออยู่วาบขึ้น ใบหน้านิดหน่อยดำดิ่งสู่ห้วงฝัน
เด็กหญิงร้องไห้อยู่กลางถนน ระเบิดหล่นจากฟ้าตกลงมาดังตู้ม
“ระวัง!”
ชายหนุ่มพุ่งเข้ากอดเด็กหญิงไว้อย่างปกป้องแล้วกลิ้งตัวพาหลบสะเก็ดระเบิด
ดวงตานิดหน่อยกระตุกนิดๆ เหมือนจะตกอยู่ในฝันที่เคยฟังซ้ำๆ จากคุณยาย
ในซอกตึกแคบๆ นั้น ชายหนุ่มกอดเด็กหญิงที่ร้องจ้าไว้แน่น
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกประเมินเหตุการณ์ เด็กหญิงสงบลงบ้างแต่ยังตัวสั่น
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด สัญญานะว่าจะไม่ออกไปไหนสัญญาสิ บอกให้สัญญาไง”
“สัญญา….แง๊” เด็กหญิงร้องไห้ด้วยความกลัว
เปลือกตานิดหน่อยกระตุกอีกเล็กน้อย
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยจี้ไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา ภาพนี้ขาดๆหายๆ เห็นสร้อยไม่ชัด
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมานะ...ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เด็กหญิงพยักหน้ารับเอาคำ
ชายหนุ่มรีบออกไป เด็กหญิงมองตามแผ่นหลังไป ร้องบอก
“พี่ชายรีบกลับมานะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ ยินเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้น
ชายหนุ่มหันกลับไปมองเด็กหญิงอย่างเป็นกังวล เด็กหญิงตกใจกลัว วิ่งออกมาหาชายหนุ่ม
“พี่ชาย”
เวลานั้นระเบิดถูกปล่อยลงจากเครื่องบินทิ้งระเบิดบนฟ้า ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปดันร่างเด็กหญิงให้กลับเข้าไปในมุมปลอดภัย
“อย่าออกมา!”
ระเบิดดังตูมใหญ่ ร่างชายหนุ่มหายเข้าไปในเปลวไฟ
นิดหน่อยสะดุ้งตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ จึงรู้ตัวว่าฝันไป เธอหันไปมองยมสีหน้าฉงน เพราะชายในความฝันหน้าตาคล้ายยมมากๆ หญิงสาวบ่นงึมงำ
“ทำไมฝันเห็นเค้าแปลกๆ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นิดหน่อยหันไปมอง เห็นสุวรรณในคราบคุณหมอ กับ สุวานปลอมเป็นนางพยาบาลพากันเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับ” สุวรรณวางมาดหมอใจดี
นิดหน่อยมองสุานด้วยสายตางงๆ ด้วยสภาพที่เห็นไม่น่าเป็นพยาบาล
สุวานมองตอบ “มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
สุวรรณหันมองสุวานแล้วถึงกับสะดุ้ง
“มีอะไรคะคุณหมอ” พยาบาลสุวานถาม
“พยาบาลหรือหมาปั๊กวะเนี่ย”
“โฟกัสที่งานค่ะคุณหมอ ไม่ใช่ที่รูปร่าง”
นิดหน่อยอธิบาย “ชั้นพยายามติดต่อญาติเค้า แต่ก็ไม่รู้จะติดต่อยังไงเลยค่ะ”
“อ๋อ เค้าไม่มีญาติหรอก” สุวานหลุดปาก
“รู้ได้ไงคะ” นิดหน่อยแปลกใจ
สุวรรณหันขวับมองสุวานตาขวาง เพราะเกือบหลุดบอกความจริงเรื่องยมออกไป
“อ๋อ อาจจะไม่มีญาติน่ะค่ะ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะเช็คดูจากบัตรประชาชนแล้ว เค้ามีสิทธิการรักษาอยู่ค่ะ” สุวานรีบบอก
“โอเคค่ะ มีอะไรก็โทร.หาเบอร์หนูตามที่แจ้งไว้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับบ้านก่อน”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวหมอดูแลให้เต็มที่เลย”
นิดหน่อยยิ้มให้สุวรรณ หันไปสะดุ้งเบาๆ กับสุวาน แล้วเดินออกจากห้องไป
“นี่คงเป็นที่มาของคำว่า สวยสะพรึงสินะ” สุวานว่า
“ทีหลังจะแต่งตัวอะไรปรึกษากันก่อนนะ อุจาดลูกตามาก”
“แหม..ไอ้หล่อ ไอ้หุ่นดี”
“ก็ดีกว่าแกล่ะวะ นี่ไปนั่งที่ฟุตบาท ขาถึงพื้นถนนมั้ยเนี่ย”
สุวรรณกับสุวานเถียงกันเรื่องรูปร่างหน้าตา จนยมเริ่มขยับตัวและค่อยๆ ฟื้น ลืมตาตื่นขึ้นมา
สุวรรณถามอย่างเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างครับ”
ยมมองหาไม่เห็นนิดหน่อย “นิดหน่อยล่ะ”
“เพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้เองครับ” สุวรรณบอก
“นี่ใครเล่นงานท่านได้ขนาดนี้เลยครับเนี่ย” สุวานแปลกใจ
ยมค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งเอนบนเตียง
“น่าจะเป็นวิญญาณที่อาจารย์ขาวส่งมา”
สุวรรณยัวะ “ไอ้นี่ เห็นทีต้องบุกไปสั่งสอนมันที่สำนักซะหน่อยแล้ว”
“อย่าเพิ่ง เรายังไม่อยากให้มันรู้ว่าเราคือใคร”
“แล้วใครช่วยท่านไว้ครับเนี่ย” สุวานนึกได้ “อย่าบอกนะครับว่าผู้หญิงคนนั้น”
ยมพยักหน้ารับ “ถ้านิดหน่อยไม่ไปที่บ้าน เราคงแย่เหมือนกัน”
สุวานประหลาดใจ “มีของดีอะไร ถึงไล่วิญญาณร้ายของอาจารย์ขาวไปได้แบบนั้น”
ยมนึกถึงสร้อยที่นิดหน่อยห้อยอยู่ ว่าอาจจะเป็นเส้นเดียวกับที่เขาเคยให้เด็กน้อยคนนั้นไว้หรือไม่
ที่สำนักอาจารย์ขาวคืนเดียวกันนั้น อาจารย์ขาวอยู่ในโถงทำพิธี นั่งบริกรรมคาถา มีสายสิญจน์โยงไปที่ตะกร้าใบใหญ่ ที่ใส่ท่อนไม้แห้ง ลักษณะเป็นไม้ฟืนสำหรับย่าง
โรเบิร์ตพาวิวัฒน์เดินเข้ามานั่งดูเงียบๆ
รอจนอาจารย์ขาวสวดมนต์เสร็จ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วหันมาหา วิวัฒน์จึงเอ่ยถาม
“ฟืนสำหรับย่างทำกุมารทองเหรอครับจารย์”
“ใช่ ได้ไม้ตายพรายมาหลายชนิดเลย รับรองว่ากุมารล็อตนี้แรงแน่นอน”
“นี่ขนาดยังไม่ได้ย่าง ตอนนี้ก็แรงมากแล้วนะครับ” โรเบิร์ตบอก วิวัฒน์ขัดขึ้น “เฮี้ยน?”
“กลิ่นนี่แหละครับ”
อาจารย์ขาวสะดุ้งมุกลูกศิษย์คนสนิท
“เอามาตั้งนานแล้ว ไม่ย่างซะที”
“ก็มันเพิ่งจะได้ฤกษ์ที่ดีที่สุด คนอย่างอาจารย์ขาว ถ้าไม่ดีที่สุด ไม่ทำโว้ย”
“แหม...อาจารย์นี่เก่งสุดในสามโลกเลยนะครับ” โรเบิร์ตอวย
“โลกไหนไนบ้าง”
“เบาหวาน หัวใจ ความดัน”
อาจารย์ขาวถีบโรเบิร์ตหงายท้องไป
“มุกหมดตับแล้วก็ออกไปข้างนอกโน้น ข้าจะคุยธุระส่วนตัวกัน”
“ครับจารย์”
โรเบิร์ตรีบเผ่นออกไป
“แล้วเรื่องไอ้ยมเป็นยังไงบ้างครับ”
อาจารย์ขาวหัวเราะสะใจ “คิดว่ามันจะแน่ สุดท้ายก็เจอลูกน้องข้าจัดการซะเกือบแย่ไปเลย”
วิวัฒน์แปลกใจ “จริงเหรอครับ”
“จริงสิ ถ้าไม่มีคนเข้ามาในบ้านมันซะก่อน อาการคงหนักกว่านี้”
วิวัฒน์คิดตาม “มันก็คงเป็นพวกคนเล่นของทั่วๆ ไปสินะจารย์”
“ใช่ พวกมือใหม่น่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
วิวัฒน์มีท่าทีสบายใจมากขึ้น
ที่ออฟฟิศนรกเขต7
มัจจุราชเขต7 ปิดแฟ้มสถิติคนตายแล้วฟื้นพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มย่อง
“เสร็จชั้น”
สุวรรณกับสุวานนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง เงยหน้าหันมามองเจ้านาย บนโต๊ะทำงานท่านเขต7 มีหนังสือกองเต็มโต๊ะ
“ได้เรื่องแล้วเหรอครับ” สุวรรณถาม
“ใช่”
สุวรรณกับสุวานลุกจากโต๊ะเข้ามาหานายด้วยอาการตื่นเต้น
“ได้เรื่องยังไงบ้างครับ” สุวานซัก
“จากสถิติคนที่ตายแล้วฟื้น จะมีปรากฏการณ์แปลกเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง คือจะไม่มีเงาทอดผ่านให้เห็น”
สุวรรณฟังแล้วงง “ไม่มีเงา”
“ใช่ จะไม่มีเงาเฉพาะในคืนแรมแปดค่ำ เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งทำมุมฉากกับโลกและดวงอาทิตย์”
สุวานนึกตาม “คืนพระจันทร์ครึ่งดวง”
“ใช่ จะเป็นคืนที่ได้เห็นด้านมืดและด้านสว่างของดวงจันทร์ในเวลาเดียวกัน แล้วก็จะได้เห็นว่าใครคือคนที่เคยตายแล้วฟื้นขึ้นมา”
“ตรวจสอบเลยมั้ยครับ ว่าวันนั้นจะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์เมื่อไหร่” สุวรรณยิ้มกระหยิ่ม
“แล้วจะรออะไรล่ะ”
สุวรรณกับสุวานเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เพื่อเช็คข้อมูลว่าวันเวลาดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขต7มองลูกน้องทำงานด้วยสีหน้าเข้มขรึม
หน้าจอไอแพดเปิดเว็บพันทิป ห้องบางรัก กระทู้ที่ดาวตั้งและโพสต์เอาไว้ว่า
“เมื่อผู้ชายลืมภาระ หน้าที่ที่จะต้องทำ เพื่อมาช่วยผู้หญิงคนนึงตามหาหมาที่หายไป..แบบนี้ผู้ชายคิดอะไรกับเรารึเปล่าคะ”
ดาวอยู่ในเคาน์เตอร์ร้านมินิมาร์ท กำลังไล่อ่านคอมเม้นต์ด้วยสีหน้ายิ้มนิดๆ เพราะส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกคือ คิดว่าฝ่ายชายมีใจให้
พนักงานหญิงลูกน้องของดาวเดินเข้ามา วางถุงใส่กับข้าวของตัวเองบนเคาน์เตอร์ แล้วแอบดูคอมเม้นท์ เพราะเห็นดาวออกอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แรกๆ รู้จัก สักพักเป็นเพื่อน นานๆ ไปใจเตือน เป็นมากกว่าเพื่อนได้มั้ย”
“เออ คอมเม้นต์นี้น่ารักเนอะ” ดาวเคลิ้มนิดๆ จนรู้ตัว “เย้ย”
ดาวหันไปมองลูกน้อง แก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ...ชั้นอ่านกระทู้ของคนอื่นน่ะ ใครก็ไม่รู้ตั้งไว้ น่ารักดี”
ลูกน้องอ่านกระทู้ “เมื่อผู้ชายลืมภาระหน้าที่ที่จะต้องทำ เพื่อมาช่วยผู้หญิงคนนึงตามหาหมาที่หายไป..แบบนี้ผู้ชายคิดอะไรกับเรารึเปล่าคะ…อุ๊ย จะไปเหลือเหรอคะแบบนี้”
“เธอว่าผู้ชายคิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“คิดสิคะ ถ้าไม่คิดจะทิ้งงานมาตามหาหมาเหรอ” พูดๆไป ลูกน้องรู้สึกคุ้นๆ “เอ๊ะ เรื่องนี้มันคุ้นๆ ยังไงอยู่นะ เหมือนกับตอนหมาคุณดาวหายรึเปล่า”
ดาวออกพิรุธเต็มๆ เล่นใหญ่ “บ๊า เหมือนกันซะที่ไหน ดูชื่อสิ ไม่ใช่ชั้นซะหน่อย”
“แหม เค้าใช้นามแฝงกันทั้งนั้นล่ะค่ะ”
ดาวหันมาทำตาเขียวใส่พนักงาน
“โอเคค่ะ ไม่ใช่คุณดาว” ลูกน้องอ่านกระทู้ต่อ “ผู้ชายทอดสะพานมาขนาดนี้ ข้ามด่วนค่ะ”
เสียงต่อดังแทรกขึ้น “ข้ามสะพานอะไรกัน”
ต่อเดินจากฝั่งตู้แช่วางของเพื่อคิดเงิน ดาวรีบเก็บไอแพด พนักงานก็มองงงๆ ว่าทำไมต้องรีบขนาดนั้น
“ไม่มีอะไร กำลังไปทำงานเหรอ”
“อื้ม”
ดาวหยิบของใส่ถุงให้ต่อโดยที่ยังไม่ได้สแกนบาร์โค้ดคิดเงิน
“อ่ะ”
“ยังไม่ได้คิดเงินเลย” ต่อท้วง
“อ้าวเหรอ”
ดาวหยิบของออกจากถุงมาสแกนคิดเงิน ท่าทีดูตื่นเต้น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่
“เป็นอะไรปะเนี่ย”
“ป่าวนี่ เราดูไม่ปกติตรงไหนเหรอ”
พนักงานหนิงบ่นเบาๆ “ทุกตรงล่ะค่ะ”
ดาวคิดเงินเสร็จยื่นของให้ต่อ แต่ดันหยิบถุงกับข้าวที่พนักงานวางไว้ก่อนหน้านี้รวมไปด้วย
“ถุงนั่นไม่ใช่ของเราสิ”
“นั่นกับข้าวหนูค่ะ” ลูกน้องบอก
“อุ๊ย”
ต่อจ่ายเงินให้ดาว รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอาการแปลกๆ
“โอเคนะ”
“โอเค๊”
ต่อยิ้มให้ดาว แล้วเดินออกร้านไป ดาวมองตามก่อนจะหันมาสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นสายตาลูกน้องมองจ้องเธออยู่
ส่วนที่ร้าน SweetนิดSweetหน่อย สาวสวยเจ้าของร้านกำลังจัดขนมขึ้นชั้นในร้าน
ยมเปิดประตูเข้ามา สีหน้าอาการดูเป็นปกติเกือบจะสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว
เสียงกระดิ่งจากประตูเรียกให้นิดหน่อยหันมามอง “อ้าวคุณ หมอให้ออกจากโรงบาลแล้วเหรอ”
ยมพยักหน้าให้ ยิ้มอ่อนโยน “ครับ”
ยมพยายามมองที่คอนิดหน่อยเพื่อดูสร้อย แต่โชคร้ายนิดหน่อยถอดเก็บไว้แล้ว
“แล้วคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ โอเคแล้วใช่มั้ย”
“ครับ ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยผมไว้”
“ไม่เป็นไรหรอก เอ้อ สรุปคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่ชั้นก็ยังงงๆอยู่เลย”
ยมนิ่งไปครู่หนึ่ง คิดว่าจะเล่ายังไงดี สุดท้ายตัดสินใจเล่า เพื่อหาข้อมูลเรื่องสร้อยจี้ไหลน้ำพี้
“คุณเชื่อเรื่องผีมั้ย”
“อืมม์ แรกๆก็ห้าสิบห้าสิบนะ...แต่พอเริ่มมีเหตุการณ์พัวพันกับเรื่องพวกนี้หลายครั้ง ก็เริ่มเชื่อละ”
“คืนนั้นผมโดนวิญญาณตนหนึ่งทำร้าย แต่โชคดีที่คุณเข้ามาช่วยได้ทัน
“ชั้นเนี่ยนะช่วย ชั้นเข้าไปยังไม่ทันเห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ได้ยินแต่เสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น”
“สร้อยที่คุณห้อยคอทำให้วิญญาณตนนั้นหนีไปน่ะ”
นิดหน่อยไม่อยากเชื่อ “สร้อยชั้นน่ะเหรอ”
“ใช่ ผมขอดูสร้อยเส้นนั้นหน่อยได้มั้ย”
นิดหน่อยส่ายหน้า “ชั้นถอดเก็บไปแล้ว”
“แล้วคุณได้สร้อยเส้นนั้นมาจากไหนเหรอ”
นิดหน่อยไม่ชอบใจ รู้สึกว่ายมถามล้วงลึกเกินไป “คุณถามทำไม”
“มันคล้ายกับ...” ยมเงียบไป ตัดสินใจไม่พูดความจริงทั้งหมด
“คล้ายกับอะไร”
ยมอึกอักๆ “เอ่อ...คล้ายกับที่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนน่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”
“ก็คงเคยเห็นตามร้านขายสร้อยที่ไหนซักที่นั่นแหละ เพราะชั้นก็ซื้อมาจากร้านขายสร้อยทั่วๆ ไป”
“จริงเหรอ”
“เชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ”
นิดหน่อยหันไปจัดขนมต่อ ยมออกอาการเสียดาย อยากจะคุยเรื่องสร้อยต่อให้หายคาใจ
ยมกลับมาบ้าน นั่งคิดถึงตอนเจอเทวดาในคราบชายพเนจรที่ใต้สะพานแขวนคืนนั้น
“เด็กคนนั้นมีความสุขดี”
“แล้วเค้าอยู่ที่ไหน
ชายพเนจรมองไปบนท้องฟ้า “อยู่บนสวรรค์”
“ถึงว่าสิ เราไม่ได้ข่าวเด็กคนนั้นอีกเลย แล้วเธอจะไม่ได้กลับมาเกิดที่โลกมนุษย์อีกแล้วใช่รึไม”
“ใช่ เธอจะอยู่บนนั้นตลอดไป”
ยมซึมลงไปถนัดตา คงเป็นเรื่องยาก ที่เราจะได้พบกันอีก
“แต่เธอก็ยังคาดหวังที่จะได้พบกับท่านอีกนะ...แม้จะไม่ใช่การพบด้วยตัวเองก็ตาม”
“หมายความว่ายังไง”
“เธอมีตัวแทนอยู่บนโลกมนุษย์ ตัวแทนที่ก็รอจะได้พบท่านอยู่เช่นกัน”
“ใครกัน”
“เราบอกท่านได้เท่านี้ ที่เหลือให้โชคชะตาเป็นสิ่งนำพาท่านทั้งสอง ให้ได้พบกันนะท่าน "
ยมนั่งครุ่นคิดหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่มุมมืดภายในโถงรับแขกบ้านเช่า
ระหว่างนี้รุจิภาเดินถือวิสาสะเข้ามาในบ้าน เห็นยมนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่มุมมืดคนเดียว
“อุ๊ย นั่งทำอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียวคะ”
“อ้าว คุณรุจิ”
ยมลุกขึ้นเดินออกมาจากมุมมืด
“มีเรื่องเครียดอะไรอยู่รึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณรุจิมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า”
“พอดีผ่านมาแถวนี้น่ะค่ะ แล้วเห็นรถคุณยมจอดอยู่ ก็เลยแวะมาชวนไป” รุจิภายิ้มกรุ้มกริ่ม “กิน...ข้าวกันน่ะค่ะ”
ยมมองหน้ารุจิภาอย่างค้นหาเพราะสัมผัสได้ว่ารุจิภามีอะไรบางอย่างในการมาครั้งนี้
ยมเห็นภาพรุจิภาในชุดเสื้อผ้าชุดเดียวกันนี้นั่งอ่าน “ตำราร้อยเล่มเกวียน” อยู่ที่เตียงริมสระน้ำภายในบ้าน
“พุ่งล้มในกรอบเขตโทษ เพื่อเรียกจุดโทษจากคุณผู้ชาย”
รุจิภาเงยหน้าจากหนังสือ พรายยิ้มออกมา รุจิภาฝันหวานเตลิดไปไกลว่า แวะไปหายมที่บ้าน และชวนเขาไปทานข้าว
“ไปกินที่ไหนกันดีครับ”
“เดี๋ยวรุจิพาไปค่ะ รุจิจองโต๊ะไว้แล้ว”
ยมยิ้มบางๆ “ครับ”
ทั้งสองออกเดินพร้อมๆกัน ก่อนที่รุจิภาจะทำท่าเสียหลักเหมือนจะลื่นล้ม
“ว้าย”
รุจิภาทิ้งตัวหงายท้อง ยมพุ่งเข้ามาช้อนร่างรุจิภาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ตั้งแต่คุณย้ายมาอยู่บ้านนี้ พื้นบ้านลื่นขึ้นเยอะเลยนะคะ”
“ก็ผมมันหล่อลื่นนี่ครับ” ยมยิงมุก
ยมกับรุจิภาประสานสายตากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ ขยับหน้าเข้าหากันช้าๆ จนเกือบจะจูบกัน
ยมมองรุจิภาที่กำลังเคลิบเคลิ้มฝันเองฟินเองในจินตนาการของตัวเอง ยมรอไม่ไหวก็เลยทักขึ้น
“ไปกินที่ไหนกันดีครับ”
รุจิภาสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“อ๋อ...เดี๋ยวรุจิพาไปค่ะ รุจิจองโต๊ะไว้แล้ว”
“เชิญครับ
ทั้งสองออกเดินพร้อมๆ กัน ก่อนที่รุจิภาจะทำท่าเสียหลักเหมือนจะลื่นล้ม
“ว้าย...”
แต่ยมหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้รุจิภาหงายตึงไปนอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น ยมหันกลับมาดูแสร้งทำหน้าตื่นตกใจ รีบเข้ามาดูอาการ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“พื้นมันลื่นน่ะค่ะ ทำไมคุณยมไม่ช่วยรุจิล่ะคะ”
“ผมลืมหยิบกระเป๋าสตางค์มาน่ะครับ เลยจะกลับไปเอา”
“โอ๊ย...ผิดคิวอย่างแรงเลย ฮือออ”
“ไหวมั้ยครับ หรือจะเปลี่ยนจากร้านอาหารเป็นโรงพยาบาลดี”
“ไหวค่ะไหว”
รุจิภาลุกขึ้นโดยมียมช่วยประคอง รุจิภาไม่วายฉวยจังหวะนี้ซบแขนออเซาะยมเดินไป
ที่ร้านขนม ต่อมาช่วยดูร้านให้ เวลานี้ส่งถุงขนมให้กับลูกค้าหญิงพร้อมกับรับเงินมา
“ขอบคุณมากนะครับ”
ลูกค้าหญิงเดินออกจากร้านไป
นิดหน่อยเดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมกับถาดขนมชุดใหม่ที่เพิ่งอบเสร็จ กลิ่นหอมฉุย
“ต่อมาช่วยขายทีไร ขายดีทุกทีเลย...แม่ยกเยอะนะเรา”
“นี่ เราไม่ใช่พระเอกลิเกนะ”
“แต่หน้าหวานแบบพระเอกลิเกอยู่นะเรา..ไหนลองแนะนำตัวซิ”
“สมมุตินามตามท้องเรื่อง ตัวเรามีนามว่า เกษมสันต์ พ่อชื่อ เกษมศักดิ์ แม่ชื่อ เกษมศรี น้องชายชื่อ เกษมสุข น้องสาวชื่อ เกษมสวาท ครั้นพอพ่อกับแม่เราเสียชีวิต น้องชายกับน้องสาวก็ตายตามพ่อแม่ไป และทิ้งให้เราอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย” ต่อทำท่าปาดน้ำตาอ้อยสร้อยชวนให้สงสารแบบพระเอกลิเก
นิดหน่อยหัวเราะก๊าก “เออ ชอบๆๆ”
ต่อเห็นนิดหน่อยหัวเราะมีความสุขก็ดีใจที่ช่วยให้พี่สาวเบิกบานได้
“มาช่วยงานไม่พอ มาทำให้หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีก ดีจัง”
“เห็นนิดหน่อยมีความสุขแบบนี้ ต่อเองก็แฮปปี้ไปด้วยนะ”
“ขอบใจนะ ตั้งแต่รู้จักกันมา ต่อช่วยเราหลายอย่างเลย แล้วทุกครั้งก็ไม่เคยหวังอะไรตอบแทน”
ต่อหลุดปากบ่นออกมา “จริงๆ ก็มีหวังบ้างอ่ะแหละ”
“หวัง หวังอะไรอ่ะ”
ต่ออึกอักอ้ำอึ้ง อยากจะเผยความในใจแต่ก็ยังไม่กล้าพอ
วิวัฒน์เดินเข้ามาในร้าน ตัดบทสนทนาระหว่างต่อกับนิดหน่อยที่ยังค้างคาอยู่
“สวัสดีจ้ะนิดหน่อย”
นิดหน่อยยิ้มทักรักษามารยาท “สวัสดีค่ะ มาซื้อขนมเหรอคะ”
“วันนี้พี่จะไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าน่ะ ก็เลยแวะมาเหมาขนมไปแจกเด็กๆ หน่อย” วิวัฒน์หันมาทักทายต่อ “วันนี้ไม่มีงานทำเหรอ ถึงมาช่วยนิดหน่อยเฝ้าร้านได้”
“มีหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับใครรึเปล่า”
นิดหน่อยปรามไม่อยากมีเรื่อง “ไม่เอาน่ะต่อ เชิญเลือกขนมดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องเลือกหรอกครับ เพราะพี่เหมาทั้งหมดนี่อยู่แล้ว ช่วยกันใส่ถุงเลยดีกว่า”
วิวัฒน์หยิบเงินออกมานับโชว์ป๋าให้ต่อดู
ต่อออกอาการไม่พอใจ นิดหน่อยสะกิดให้ต่อช่วยเอาขนมใส่ถุงให้วิวัฒน์
มัจจุราชมัจ7 นั่งหน้าขรึมอยู่ที่โต๊ะทำงานในที่ออฟฟิศนรกภูมิเขต7 พลางคิดถึงสมัยที่เคยนำดวงวิญญาณยมลงมารับโทษใหม่ๆ
มัจจุราชเขต7 เดินหน้านิ่งเข้ามาหา
“เรามารับเจ้า…วิญญาณบาป”
ชายหนุ่มงุนงง “คุณเป็นใคร? รับไปไหน? ผมไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ผมต้อง…”
เขต7สวนขึ้นน้ำเสียงประชด “กลับไปขโมยทองในร้านงั้นรึ”
ชายหนุ่มตกใจ อึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเถียงออกไป “บ้า ใครจะทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้น”
“ก็คนชั่วไง มิจฉาชีพที่หากินบนความตายของผู้อื่นอย่างเจ้ายังไงล่ะ”
“พูดอะไร ผมไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น”
“นอกจากลักขโมยแล้ว เจ้ายังโกหก” มัจจุราชเขต7 ชี้หน้าด่าชุดใหญ่ “เจ้าชู้ มักมากในกาม ผีพนัน ดื่มสุรา เหยื่อของเจ้ามีชีวิตอยู่แต่เหมือนตายทั้งเป็น ไม่ต่างจากถูกเจ้าฆ่า”
ชายหนุ่มอึ้ง
“ทั้งชีวิตเจ้าทำผิดศีลทั้งห้าข้อมาตลอด เจ้าเป็นวิญญาณบาปที่สมบูรณ์แบบมาก” มัจจุราชเขต7ยิ้มเยาะ
“คุณพูดอะไร มั่วแล้ว ผมคนดีนะ” ชายหนุ่มเถียงออกไป
“แค่ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผู้ยังไม่ถึงที่ตาย ไม่สามารถลบล้างกับบาปที่เจ้าทำไว้ได้ทั้งหมดหรอก”
เขต7 นิ่งนึก ดูแคลนในใจว่ายมคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆ
“สันดารโจรกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างเจ้า มันแก้ไม่หายหรอก”
สุวรรณเดินเข้ามารายงาน
“ได้เรื่องแล้วครับท่าน”
“ว่ามา”
“วันที่ท่านให้ผมไปหา มันกำลังจะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ในไม่ช้านี้ครับ เราควรรีบขึ้นไปเตรียมการเสียแต่ตอนนี้เลย”
“ดี งั้นรีบไปเตรียมตัวกันให้พร้อม จะได้ปิดจ็อบนี้กันซะที”
“ครับ”
สุวรรณเดินออกไป
“เสร็จชั้นแน่ ไอ้เขต8”
เขต7 ยิ้มร้ายมั่นใจว่าจะจัดการเขต8อยู่หมัด
ในร้านหรูบรรยากาศเลิศ พนักงานเสิร์ฟสเต็กปลาให้กับรุจิภา เสิร์ฟสลัดผักให้กับยม ก่อนจะเดินออกไป รุจิภามองจานสลัดยมด้วยความรู้สึกงุนงง
“นี่คุณยมไม่ทานเนื้อสัตว์เลยเหรอคะ”
“ใช่ เราไม่ทานเนื้อสัตว์”
“มิน่า ผิวพรรณถึงดูดีมาก แต่เอ๊ แถวบ้านไม่ค่อยมีอาหารมังสวิรัติขาย แล้วอย่างนี้คุณยมทำยังไงคะเนี่ย”
“ก็ทำกินเองที่บ้านน่ะครับ”
“ดูลำบากจัง ถ้าว่างก็ขอเชิญที่บ้านรุจินะคะ รุจิจะให้เชฟที่บ้านทำให้ทาน”
“มีเชฟอยู่ที่บ้านเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ที่บ้านคุณพ่อกับคุณแม่รุจินะคะ” รุจิภาสบตายมลึกซึ้ง “แต่ถ้าไปที่คอนโดรุจิ
ก็จะได้ชิมรุจิ เอ๊ย ชิมฝีมือรุจิค่ะ”
ยมยิ้มรับบางๆ
ระหว่างนี้อารยาเดินเข้ามากับผู้ชายคนหนึ่ง มานั่งโต๊ะที่ไม่ห่างจากยมมากนัก
ยมมองไปที่อารยา รู้สึกคุ้นหน้า พยายามนึกว่าเธอคือใคร จนนึกถึงนายสนขึ้นมา
สนอนอยู่บนเตียง ส่วนอารยานั่งกุมขมับคุยโทรศัพท์กับเพื่อนทั้งน้ำตา อยู่ตรงโซฟา
“โอเค ฉันฝากด้วยแล้วกันนะ ขายได้ก็จะรีบขายเลย ขาดทุนก็ช่างมัน”
เปลือกตาตาสนขยับนิดๆ เขาเริ่มรู้สึกตัว
อารยาหยิบคู่มือดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมามองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ขอบใจมากแก ได้เรื่องยังไงรีบส่งข่าวนะ”
นิ้วสนขยับเล็กน้อย
“อืม...หวัดดี”
อารยาวางสายปล่อยโฮออกมาเงียบๆ
ยมนึกออก มองไปที่อารยา ทวนชื่อเธอออกมาเบาๆ
“อารยา”
รุจิภาแปลกใจ “ใครเหรอคะ”
“อ๋อ..แฟนเก่าของคนรู้จักกันน่ะครับ”
รุจิภามองไปที่โต๊ะอารยา เห็นกำลังคุยกับผู้ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“นั่นคงจะเป็นแฟนใหม่สินะ คุยกันออกรสออกชาติเชียว”
ยมนึกถึงตอนทะเลาะกับสนเรื่องรักแท้ มัจจุราช8ตบบัลลังก์ด้วยความโมโห
“โง่มาก โง่ที่สุด”
“ผมทำเพื่อคนที่ผมรัก ผมโง่ตรงไหน”
“เจ้าฆ่าตัวตายต่างหากล่ะ”
มัจจุราช8 ชี้ไปเหนือหัวสนที่มีตัวเลขบอกอายุลอยอยู่ เห็นว่าตัวเลขยังไม่ถึง 00.00.00 แต่อยู่ที่ 15.08.75
“ตัวเลขนั่นมันฟ้องอยู่ชัดๆ ว่าเจ้ายังไม่สิ้นอายุขัย”
“แต่ผมทำเพราะความรัก”
“เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี”
“ไม่จริง ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ส่วนรักแท้เป็นรักนิรันดร์”
ยมยังคงมองจ้องไปที่อารยา เห็นเธอกำลังคุยกับผู้ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
นึกถึงคำของสนขึ้นมาอีก “ผมพิสูจน์ให้ท่านดูได้ แต่มัจจุราชอย่างท่านจะเข้าใจรึเปล่า ว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
“บังอาจ เจ้ากล้าสบประมาทเรางั้นรึ”
“ไม่ได้สบประมาท มัจจุราชไม่ใช่คน ไม่มีหัวใจ จะเข้าใจความรักของ คนได้ยังไงกัน”
ยมยิ้มหยันด้วยความสมเพชเวทนาสน ที่บูชาความรักจนขาดสติถึงขั้นฆ่าตัวตาย
“ฮึ นี่เหรอ รักแท้ของเจ้า”
รุจิภามองยมด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะดูมีอินเนอร์มากเป็นพิเศษ
อีกฟาก โรเบิร์ตยกลังกระดาษมาวางกองกับลังอีก 4 ลัง ที่วางอยู่ก่อนหน้านี้ อาจารย์ขาว วิวัฒน์และอาวรณ์นั่งอยู่ภายในโถงสำนัก
“หมดแล้วครับ” โรเบิร์ตบอก
“เห็นวิวัฒน์บอกว่า กุมารล็อตนี้พิธีสมบูรณ์มากเลยเหรอคะจารย์”
“ใช่ ล็อตนี้ขลังแม้กระทั่งฟืนที่ใช้ย่าง อาจารย์ใช้ไม้ตายพรายลงอาคมแบบจัดหนักจัดเต็ม”
“ก่อนส่งให้ลูกค้า ลองเทสต์กันหน่อยมั้ยครับ ว่าจะขลังสักแค่ไหน” วิวัฒน์ว่า
อาจารย์ขาวเห็นด้วย “โรเบิร์ต เอาอุปกรณ์มาซิ”
“ครับจารย์”
โรเบิร์ตหยิบเครื่องมือวัดดัชนีผี เหมือนที่เห็นรายการผีทางทีวี มายื่นให้อาจารย์ขาว
อาจารย์หยิบตัวอย่างกุมารทองออกมาจากกล่อง เครื่องวัดส่งเสียงดังยาว ก่อนจะช็อตคามืออาจารย์ขาว
“ว้าย” อาวรณ์ผวา
“ไงล่ะ แรงจนเครื่องพังเลย” อาจารย์ขาวว่า
“โอเคครับ พลังแรงแบบนี้ ลูกค้าประทับใจแน่นอน” วิวัฒน์ชอบใจ
“เดี๋ยวขนไปไว้ที่อพาร์ตเมนต์คุณอาวรณ์เลยนะ”
อาวรณ์อิดออด “เอ่อ..จะดีเหรอคะอาจารย์”
“มันจะดีนะ เพราะที่นี่ของเยอะ อาจารย์ไม่มีที่เก็บแล้ว”
“แล้วอพาร์ตเมนต์ชั้นจะไม่วุ่นวายเหรอคะ เด็กๆ พลังแรงซะขนาดนี้ กลัวว่าจะอยู่ไม่เป็นสุขกันน่ะสิ” อาวรณ์กังวล
“ไม่มีอะไรหรอก ที่กล่องอาจารย์มียันต์กำกับไว้หมดแล้ว”
วิวัฒน์เสริมว่า “เอาไว้ที่อพาร์ตเมนต์ก็ดีครับพี่อาวรณ์ เพราะผมว่าจะนัดส่งของกันที่นั่นเลย”
“ถ้าอาจารย์ว่าไม่มีอะไรก็ตามนั้นค่ะ”
อาวรณ์ยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกไม่มั่นใจนัก
อารยากับลูกค้าเดินออกมาจากร้านอาหารนั้น
ยมกับรุจิภาเดินตามออกมาไล่ๆ กัน ยมมองไปที่อารยากับลูกค้า เห็นสองคนกำลังเดินไปยังรถที่จอดอยู่บริเวณนั้น
“เดี๋ยวคุณรุจิกลับไปก่อนนะครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องไปจัดการต่อ”
“อ้าว ธุระที่ไหนล่ะคะ ให้รุจิไปส่งก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองสะดวกกว่า”
แท็กซี่แล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ ยมเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว และเห็นเป็นสุวรรณที่ปลอมตัวเป็นคนขับรถ
“ไปไหนครับ”
“ตามรถคันนั้นไป”
สุวรรณมองไปยังรถที่อารยานั่งอยู่ เห็นรถกำลังเลี้ยวจากที่จอดออกถนนใหญ่
รุจิภายืนมองแท็กซี่ที่ขับออกไปอย่างเซ็งๆ
ในรถแท็กซี่ สุวรรณกำลังขับรถตามรถของอารยาไปตามท้องถนน
“ท่านจะตามแฟนนายสนไปเพื่ออะไรเหรอครับ ในเมื่อตอนนี้ นายสนก็รู้ความจริงเรื่องบ้านที่ถูกขายไปแล้ว”
“ตอนนี้บัญชีของสนยังมีปัญหา ตัดสินอะไรยังไม่ได้ไม่ใช่รึ”
“ใช่ครับ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร ผมกับสุวานช่วยกันหาแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เราถึงต้องตามอารยามานี่ไง เผื่อจะเจอปัญหาที่แท้จริง ว่าปัญหามันเกิดจากอะไรกันแน่”
สุวรรณคิดตาม “ก็เป็นไปได้นะครับ”
“แล้วมีความเคลื่อนไหวของมัจจุราชเขต7 บ้างมั้ย”
“ไม่มีเลยครับ อยู่ๆ ก็เงียบหายไปเลย”
“แปลก”
“ใช่ครับ เงียบๆ แบบนี้ กลัวจะเป็นคลื่นใต้น้ำเหมือนกัน”
ยมครุ่นคิดไม่ตก ว่าเขต7 คู่ปรับจะมาไม้ไหนอีก
รถยนต์ที่อารยานั่งมาด้วย จอดที่หน้าตึกบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ อารยาเปิดประตูออกมาจากรถ ก่อนจะกล่าวขอบคุณลูกค้าที่ขับรถมาส่ง
“ขอบคุณนะคะ”
แท็กซี่แล่นเข้ามาจอดไม่ห่างจากจุดที่ลูกค้าอารยาจอดรถ ยมมองไป เห็นอารยาเดินเข้าไปในตึก ขณะที่รถลูกค้าแล่นออกไป
“จะตามใครไปดีครับ” สุวรรณถาม
“ไม่ต้อง กลับก่อน”
“อ้าว อุตส่าห์ตามมาถึงนี่แล้ว ไม่ตามต่อเหรอครับ”
“อารยาน่าจะทำงานอยู่ที่นี่แหละ เอาไว้ค่อยมาตามต่อวันหลัง”
“ครับ”
สุวรรณขับรถออกไป
ภายในตึกร้างแห่งหนึ่งละแวกบ้านเช่าของยม มัจจุราชเขต7 พร้อมสุวรรณ7และสุวาน7 พากันเดินเข้ามา
“เซฟเฮาส์เราเหรอครับ” สุวานมองไปรอบๆ ความรกร้าง
“ใช่ งานนี้ท็อป ซีเคร็ทนะ ห้ามเคลื่อนไหวอะไรให้พวกเขต8 รู้เด็ดขาด”
“ครับท่าน” สุวรรณรับเอาคำ
“แล้วแผนการเป็นยังไงบ้างครับ” สุวานถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หลอกล่อให้นิดหน่อยออกมาโดนแสงจันทร์ให้ได้ก็เท่านั้น”
สุวาน พยักหน้า “งั้นก็ไม่ยาก”
“แต่มันก็ไม่ง่ายอยู่เหมือนกัน”
สุวรรณกับสุวานมองหน้าเขต7 ด้วยสีหน้าสงสัย
“เพราะเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงตีสองถึงตีสี่”
สุวรรณกับสุวานมองหน้ากัน รู้สึกหนักใจขึ้นมานิดๆ
สุวานครุ่นคิด “ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมมีวิธี”
“ดี ถ้าอย่างนั้นข้ายกหน้าที่นี้ให้กับเจ้า” เขต7 บอก
“แล้วถ้านิดหน่อยคือวิญญาณที่หายไปจริงๆ ล่ะครับ” สุวรรณถาม
“ก็นำวิญญาณนิดหน่อยลงไปตัดสินที่เขตของเราสิ” เขต7 บอก
“แล้วท่านเขต8ล่ะครับ”
“เขต8น่ะเหรอ นอกจากจะขวางข้าไม่ได้แล้ว ก็จะโดนโทษหนักตามมาอีกด้วย”
เขต7 มีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ฝ่ายยมสีหน้าเคร่งเครียด กำลังคิดถึงตอนที่นิดหน่อยเข้ามาในบ้าน
วิญญาณผีตายโหงโมโห กรีดร้องอย่างคุ้มคลั่ง บีบคอยมอย่างรุนแรง
นิดหน่อยเปิดประตูเข้ามาในบ้านพอดี แสงจากจี้ไหลน้ำพี้ที่ห้อยคออยู่เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่ว
วิญญาณผีตายโหงกรีดร้องโหยหวนหายวับไปโดยเร็ว นิดหน่อยชะงักอึ้งๆ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันมองเห็นวิญญาณร้ายที่หายตัวไป
ยมพยายามลุกขึ้นด้วยอาการอ่อนแรง
“คุณ”
นิดหน่อยเข้าไปประคองร่างยม จังหวะนี้จี้ไหลน้ำพี้โผล่ออกมาจากคอเสื้อนิดหน่อย ยมสะดุดตากับจี้เส้นนั้น แต่ก็เหนื่อยล้าโรยแรงเต็มทน
“สร้อยนั่น”
ยมปรือตามองที่สร้อยจี้ไหลน้ำพี้อย่างอ่อนแรง ก่อนจะสลบไป
ยมครุ่นคิดไม่ตก นึกถึงตอนซักถามนิดหน่อยเรื่องสร้อย
“แล้วคุณได้สร้อยเส้นนั้นมาจากไหนเหรอ
“คุณถามทำไม”
“มันคล้ายกับ...”
“คล้ายกับอะไร”
ยมอึกอัก “คล้ายกับที่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนน่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”
“ก็คงเคยเห็นตามร้านขายสร้อยที่ไหนซักที่นั่นแหละ เพราะชั้นก็ซื้อมาจากร้านขายสร้อยทั่วๆไป”
“ถ้าเป็นสร้อยธรรมดา จะไล่วิญญาณออกไปอย่างนั้นได้ยังไงกัน”
ยมยังคงติดใจสงสัยว่าสร้อยของนิดหน่อยจะไม่ใช่สร้อยธรรมดา
สุวานแปลงเป็นดาวเปิดประตูเดินเข้าร้านมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นิดหน่อยถือถาดขนมออกมาจากหลังร้านเจอพอดี
“อ้าว มานานยังเนี่ย”
“เพิ่งมานี่แหละ” ดาวเก๊มองทั่วๆ ร้าน “อยู่ร้านคนเดียวเหรอ
“ใช่ จุกยังไม่มาเลย..มีไรป่าว”
“จะชวนเที่ยวคืนนี้น่ะ ว่างมั้ย”
นิดหน่อยงง เพราะเพื่อนไม่ใช่สายเที่ยวเช่นเดียวกับตน
“ชวนเที่ยว เที่ยวไหน”
“เที่ยวกลางคืนจะเที่ยวไหนได้ล่ะ ก็ร้านเหล้าสิคะ”
นิดหน่อยไม่อยากเชื่อ “อารมณ์ไหนเนี่ย ชวนไปกินเหล้า”
“เออ ชั้นก็อยากพักผ่อนกับเพื่อนบ้างไง ไปนะๆ”
“กลับไม่เกินเที่ยงคืนนะ”
“ตีสองค่อยกลับไม่ได้เหรอ” ดาวต่อรอง
“จะบ้าเหรอ กลับตีสองจะอยู่ล้างแก้วที่ร้านเหล้ารึไงคะ เดี๋ยวนี้ เที่ยงคืนเค้าก็ปิดหมดแล้ว”
“ก็หาไรกินต่อก่อนนอนไง ข้าวต้มรอบดึกงิ๊”
“ไม่อ่ะ ชั้นต้องตื่นมาทำขนม ถ้ากลับตีสองชั้นเป็นซอมบี้มาทำขนมแน่”
ดาวตัดพ้อ “โห...นานๆ ออกที รีบกลับไปไหนว้า เรื่องขนมเดี๋ยวชั้นมาช่วยแกทำก็ได้”
นิดหน่อยแปลกใจ “ทำไมดูแกอยากกลับหลังตีสองจัง”
ดาวอึกอัก “เอ่อ...ไม่มีอะไร ก็อยากมีเวลากับเพื่อนนานๆ ก็เท่านั้นเอง”
“กลางวันแบบนี้ก็ได้ปะ ดึกขนาดนั้นชั้นไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้ล่ะ ชั้นให้ ลิมิตแค่เที่ยงคืน”
นิดหน่อยหันไปจัดขนมต่อ ดาวครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อดี
“เอ้อ…ชั้นเปลี่ยนใจละ พรุ่งนี้ใส่บาตรกันดีกว่า”
นิดหน่อยประหลาดใจ “โห...จากโหมดบาปมาโหมดบุญ อารมณ์ไหนของแกวะเนี่ย”
“มาคิดๆ ดูแล้ว ทำบุญดีกว่าว่ะแก ชีวิตจะได้เจริญๆ”
“เออ ก็ดีกว่าไปกินเหล้าเยอะอ่ะแหละ ซักหกโมงเช้าเจอกันมั้ย”
ดาวกลับบอกว่า “ตีสี่ดีกว่า”
“จะบ้าเหรอ ตีสี่พระยังไม่ตื่นเลยมั้ง” นิดหน่อยงง
“ก็ออกไปซื้อกับข้าวใส่บาตรกันก่อนไง กว่าจะซื้อเสร็จ พระก็ออกบิณฑบาตพอดี” ดาวอ้าง
“โอ๊ย ซื้อกับข้าวแป๊บเดียวเท่านั้นแหละแก”
ดาวเก๊หลุดโมโหขึ้รเสียงใส่นิดหน่อย “เออ เจอกันตีสี่นั่นแหละ เดี๋ยวชั้นมาหาที่ หน้าบ้าน”
นิดหน่อยอึ้ง “เออๆ ตีสี่ก็ตีสี่”
“โอเค ตามนั้นนะ…ไม่กวนแกละ ทำงานต่อเถอะ”
ดาวยิ้มให้แล้วเดินออกจากร้านไป นิดหน่อยมองตามเพื่อนอย่างงุนงงนิดๆ
จุกเดินเข้าร้านมาสวนกับสุวานเดินออกมาจากร้าน สุวานรีบไม่ทันเห็นจุก ส่วนจุกรู้สึกไม่คุ้นหน้า แต่สะดุดตากับรูปร่างใหญ่โตของสุวาน
“ใครวะ ตัวใหญ่ชิ๊บ”
จุกคนเห็นผี เดินบ่นเข้าไปในร้าน
จุกเดินเข้ามาหานิดหน่อยที่กำลังจัดขนมขึ้นชั้นอยู่
“ลูกค้ามาสั่งเค้กเหรอพี่”
นิดหน่อยงง “ลูกค้าไหน”
“อ้าว ก็ที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี๊นี้ไง ที่ตัวใหญ่ๆ น่ะ”
นิดหน่อยงง “ตัวใหญ่ๆอะไร ที่เพิ่งออกไปมีแต่ดาวคนเดียวเท่านั้นแหละ”
“ฮึ้ย จุกยังไม่เห็นพี่ดาวเลย เห็นแต่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ”
นิดหน่อยดยืนยัน “ตาฝาดละ พี่ดาวมาชวนพี่ใส่บาตรพรุ่งนี้ คุยกันตั้งนาน ไม่เห็นมี
ผู้ชายตัวใหญ่สักคน”
“เหรอ แต่จุกเข้ามาก็ไม่เห็นพี่ดาวเลยนะ เห็นแต่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ เดินออกจากร้านไป”
“ตาฝาดแล้ว พี่กับพี่ดาวคุยกันตั้งนาน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนอื่น”
นิดหน่อยหันจัดขนมในร้านต่อ จุกเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ กลัวว่าจะมีเรื่องร้ายๆ อะไรกับพี่สาวอีก
ที่เซฟเฮาส์ตึกร้างเวลานั้น สุวรรณรินน้ำกระทะทองแดงยื่นให้มัจจุราชเขต7 รับไปดื่ม เขต7 มีอาการทุกข์ทรมานอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับมาเป็นปกติ สุวานเดินเข้ามาหาสีหน้ายิ้มกระหยิ่ม
“เรียบร้อยครับ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
“สรุปจะล่อนิดหน่อยออกมาช่วงไหน”
“ตีสี่ ที่หน้าบ้านของนิดหน่อย”
เขต7ยิ้มชม “ทำดีมากสุวาน”
“ขอบคุณครับท่าน”
“เจ้าสองคนเตรียมบัญชีบุญและบัญชีบาปของนิดหน่อยไว้ได้เลย ข้ามั่นใจยังไงบอกไม่ถูก ว่านิดหน่อยนี่แหละคือวิญญาณที่หายไป”
สุวรรณ กะ สุวาน รับเอาคำพร้อมๆกัน “ครับท่าน”
มัจ7ยิ้มกริ่มสมใจ แต่ฉุกคิดเอะใจขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
“เดี๋ยวนะ เจ้าจำแลงตัวเป็นใครไปหานิดหน่อยนะสุวาน”
“เพื่อนสนิทของนิดหน่อย ชื่อดาวครับ” สุวานบอก
สุวรรณแปลกใจ “ท่านกังวลเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็กังวลว่า ถ้าระหว่างนี้สองคนนั้นเจอกัน ความจะแตกมั้ยน่ะสิ”
สุวรรณนึกตาม “เออใช่ เกิดคุยกันเรื่องนัดวันพรุ่งนี้ขึ้นมาก็ความแตกเลยล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ นิดหน่อยเลยดีกว่าครับ” สุวานบอก
“รีบไปเลย พลาดครั้งนี้แล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโอกาสแบบนี้อีก”
สุวานรีบเดินไปที่ขอบผนังตึกด้านหนึ่ง ก่อนจะกระโดดหายลงไปด้านล่าง
เขต7 มีสีหน้าเข้มขรึมจริงจังกับปฏิบัติการณ์นี้มาก และจะไม่ยอมพลาดอย่างเด็ดขาด
ที่หน้าร้านมินิมาร์ทของดาวค่ำคืนนี้ บรรยากาศเงียบเชียบผิดสังเกตุ ไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่ อย่างปกตินิดหน่อยเดินเข้าร้านไป
เมื่อเข้ามาในร้าน นิดหน่อยก็ยิ่งแปลกใจ เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบสงัด มองหาดาวและพนักงานลูกน้อง
“หายไปไหนกันหมด”
นิดหน่อยเลือกของที่ชั้นสักครู่หนึ่ง
จู่ๆ มีวัยรุ่นขี้ยา3 คนเดินเข้ามาในร้าน ทำทีเป็นเลือกซื้อของ พอเห็นปลอดคน วัยรุ่น1 ก็ดิ่งเข้ามาใช้มีดจี้นิดหน่อยโดยเร็ว
“เงินอยู่ไหน”
นิดหน่อยมองออกไปนอกร้าน จะตะโกนขอความช่วยเหลือ
วัยรุ่น2 ขู่ “อย่าแหกปากนะ ไม่งั้นแทงไส้ไหลแน่”
นิดหน่อยอึ้งอ้าปากค้าง ไม่รู้จะทำยังไง วัยรุ่นทั้งสาม คุมตัวนิดหน่อยไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
วัยรุ่น1 ตะคอก เสียงต่ำ “เปิดลิ้นชัก! เร็ว!”
“ชั้นไม่ใช่เจ้าของร้าน” นิดหน่อยแหวใส่
“อย่าเสียงดัง เปิดลิ้นชักเร็วๆ เข้า”
“เปิดไงล่ะ ชั้นบอกแล้วว่าไม่ใช่เจ้าของร้าน”
เสียงดาวดังขึ้น “มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
ทุกคนหันไปมอง เห็นเดินออกมาจากห้องเก็บของด้านหลังร้าน
นิดหน่อยร้องบอก “ดาว อย่าเข้ามา”
วัยรุ่น1 ขู่ยับ “อย่าไปไหนนะ! ไม่งั้นนังนี่ไส้ไหลแน่”
ดาวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
“จะให้ไปไหนล่ะคะ ก็ร้านชั้นอยู่นี่”
วัยรุ่น1 ขู่ “งั้นก็เปิดลิ้นชัก อย่าลีลา”
“ไม่อยากเจ็บตัว ก็กลับบ้านไปนะคะ” ดาวบอกสีหน้าเรียบ
นิดหน่อยหันขวับไปมองดาว ไม่คิดว่าจะพูดออกมาแบบนี้
“อ้าว..พูดแบบนี้ก็สวยดิ”
วัยรุ่น1ปรี่เข้าหาดาว แต่กลับโดนดาวจับทุ่มลงพื้นเต็มแรง นิดหน่อยมองดาวสายตาอึ้งๆ
วัยรุ่น2 เข้าล็อคดาวจากด้านหลัง วัยรุ่น3 ทำท่าจะชกที่ท้อง
นิดหน่อยร้องลั่น “อย่าทำอะไรเพื่อนชั้นนะ”
ร่างวัยรุ่น3 โดนดาวถีบปลิวไปไกลลิบ
นิดหน่อยอุทาน “ขุ่นพระ!”
ดาวที่ยังโดนวัยรุ่น2ล็อคจากด้านหลังอยู่ ก็วิ่งเข้าหากำแพงร้าน แล้วไต่ขึ้นกำแพง ตีลังกากลับหลังจนตัว เองหลุดจากวัยรุ่น2 ก่อนจะแจกหมัด เข่า ศอกใส่วัยรุ่น2จนสลบคาตา
นิดหน่อยยืนตัวแข็งทื่อ งงว่าดาวทำแบบนั้นได้ยังไง
“สงสัยชอบซาดิสต์ จัดให้หน่อยซิ”
วัยรุ่น1กับวัยรุ่น3 ปรี่เข้าไปหาดาวพร้อมกัน
ดาวออกอาวุธใส่ ทั้งทุ่ม ทับ จับ หักแขน มาดราวกะราชินีหนังบู๊
พริบตานั้นเอง วัยรุ่น1 วัยรุ่น3 สลบไปกองกันอยู่ที่พื้น
ดาวปัดฝุ่นตามตัวออกพลางบอก “โทร.เรียกตำรวจมาขนพวกมันไปทีซิ”
“นี่แกทำแบบนี้ได้ไงวะเนี่ย...ไปซุ่มเรียนที่ไหนมา” นิดหน่อยทึ่ง อเมซิ่งสุดๆ
“ชั้นดูจากยูทูป สรุปพรุ่งนี้ตีสี่เจอกันหน้าบ้านแกนะ”
“เออๆ” นิดหน่อยมองพวกเด็กผี “แล้วเอาไงกับพวกนี้ล่ะเนี่ย”
“เดี๋ยวโทรเรียกตำรวจมาลากมันออกไป”
นิดหน่อยมองดาวด้วยความสงสัย “ดูยูทูปมันได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“อยากรู้ก็ลองดูสิ”
ดาวยิ้มกระหยิ่ม ในขณะที่นิดหน่อยยังอึ้งๆ ไม่คิดว่าดาวจะทำได้ขนาดนี้
ดาวตัวจริงติดอยู่ในห้องน้ำหญิง พยายามดึงกลอนล็อคขึ้นแต่ก็ไม่สามารถดึงขึ้นได้ ก็เลยเคาะประตูร้องเรียกให้คนช่วย
ที่นอกห้องน้ำ มีคนเดินผ่านไปผ่านมา แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเคาะประตูร้องเรียกของดาว ทุกคนเห็นเหมือนประตูปิดอยู่เฉยๆ
ส่วนจุกนั่งครุ่นคิดอยู่บริเวณหน้าร้าน มองไปยังจุดที่เห็นชายร่างยักษ์ด้วยท่าทีกังวลคิดไม่ตก
จุกเดินเข้าร้าน สวนกับสุวานที่เดินออกมาจากร้าน โดยที่สุวานไม่เห็นจุก จุกไม่คุ้นหน้า แต่สะดุดตากับรูปร่างใหญ่โตของสุวาน
จุกบ่นงึมงำมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป
“ชัดเจนขนาดนั้น ตาไม่ฝาดแน่นอน”
ยมเดินเข้ามา เห็นจุกกำลังนั่งเหม่ออยู่
“แม่อยู่มั้ยจุก”
“อ้าวพี่ มีธุระอะไรกับแม่เหรอครับ”
ยมหยิบซองเงินค่าบ้านเช่าออกมา “พี่เอาค่าเช่าบ้านมาให้น่ะ โทร.หาแล้วติดต่อไม่ได้ เลยมาที่นี่”
“แม่ไม่อยู่น่ะครับ แต่จะฝากผมไว้ก็ได้นะ”
“ได้” ยมยื่นซองเงินให้จุก “แล้วมานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้”
จุกอึกอักนิดๆ “นั่งรอพี่นิดหน่อย แล้วก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”
ยมพยักหน้ายิ้มให้บางๆ “ไม่กวนละ”
ยมหันหลังเดินออกไป จุกครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเรียกยม
“เดี๋ยวครับ”
ยมหันกลับมาหาจุก “มีอะไรเหรอ”
จุกหน้าตาดูเครียด “ผมมีเรื่องจะปรึกษาพี่หน่อยน่ะครับ”
ยมมองจุกด้วยแววตาสงสัย
เหตุการณ์ที่บ้านเช่าในเวลาต่อมา สุวรรณตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่
“คิดไว้อยู่แล้วเชียว ว่ามันอาจจะมีคลื่นใต้น้ำ..แล้วมันก็มีจริงๆ”
ยมและสุวานนั่งหน้าตาเคร่งเครียด หลังจากได้ฟังข้อมูลที่ยมได้รับมาจากจุก
“ไอ้ชายร่างยักษ์ที่เด็กคนนั้นบอก ต้องเป็นไอ้สุวานเขต8แน่นอน”
“ใช่ เขต7 คงต้องการให้นิดหน่อยออกมานอกบ้านเพื่อดูอะไรบางอย่าง”
“และบางอย่างที่ว่า ก็ต้องเกี่ยวกับการตามหาดวงวิญญาณที่หายไป” สุวรรณว่า
สุวานคิดหนัก “มันจะทำอะไรของมันกันนะ”
“ป่วยการที่จะคิดว่ามันกำลังจะทำอะไร มาช่วยกันคิดหาวิธีดีกว่า ว่าจะขัดขวางไม่ให้นิดหน่อยออกจากบ้านได้ยังไง แล้วที่สำคัญ ต้องไม่ให้พวกเขต7 รู้ด้วย ว่าเราช่วยนิดหน่อย”
“งานยากเลย”
ทีมเขต8 ยม สุวรรณและสุวานต่างนั่งครุ่นคิดหาวิธีช่วยนิดหน่อย
ที่หน้าอพาร์ทเมนต์ เห็นคนงานกำลังขนลังใส่กุมารทองลงจากรถ มีอาวรณ์ อาจารย์ขาวและวิวัฒน์ยืนคุมอยู่ ก่อนที่วิเวกจะเดินเข้ามามองดูอย่างแปลกใจ
“ขนอะไรกันมาครับเนี่ย”
“พระเครื่องน่ะครับผู้กำกับ” อาจารย์ขาวบอก
วิเวกตาลุกวาว “พระอะไร ขอดูหน่อยสิครับ”
“พระแจกน่ะคุณ พอดีจะเอาไปแจกคนที่ทำบุญทอดกฐินด้วยกันน่ะ” อาวรณ์บอกสามี
วิเวกมองเสียดาย “อ้าวเหรอ”
“เดี๋ยวผมเอาไปเก็บที่ห้องก่อนนะครับ” วิวัฒน์บอก
อาวรณ์พยักหน้ารับ “จ้ะ”
วิวัฒน์เดินนำคนงานขนกล่องใส่กุมารทองเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ขึ้นลิฟต์ไปทันที
อาจารย์ขาวหันมาชวนวิวัฒน์คุย “ผู้กำกับทำกิจการแบบนี้ต้องบูชานางกวักสิครับ”
“นางกวักอะไรครับ”
อาจารย์ขาวหยิบนางกวักออกมาโชว์อาวรณ์
“องค์นี้เลย เหลือองค์สุดท้าย หลุดจองจากรัฐมนตรีท่านหนึ่ง”
“โห...ระดับรัฐมนตรีเลยเหรอคะ แล้วทำไมถึงหลุดจองมาได้ล่ะ”
“ท่านรัฐมนตรีท่านนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของอาจารย์น่ะ วันที่ทำนางกวักองค์นี้เสร็จ ท่านขอทดสอบความขลังก่อนที่จะบูชา”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ”
“อาจารย์ก็ให้ไป แล้วก็แถมกุมารทองให้ไปด้วยองค์นึง”
วิเวกตื่นเต้น “โห...ได้ไปสององค์เลย คุ้มมาก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมนางกวักถึงหลุดจองมาได้ล่ะคะ”
“ก็เพราะความขลังของทั้งกุมารทองและนางกวักนี่ล่ะ วันนึง มีมือปืนมาดักยิงท่านที่หน้าบ้าน โชคดีที่ได้กุมารทองมาบังท่านไว้ มือปืนเลยมองไม่เห็นท่าน”
อาวรณ์คิดตาม “รอดตายหวุดหวิด ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ค่ะ”
“ใช่ นางกวักเห็นแบบนั้นก็กลัวน้อยหน้า เลยกวักเรียกมือปืนให้กลับมายิงท่าน ตายคาที่เลย” คุยจบอาจารย์ยื่นนางกวักให้วิเวก “รับมั้ยครับ
วิเวกโบ้ยให้เมีย “คุณรับไว้สิ”
อาวรณ์โบ้ยให้ผัว “คุณสิรับไว้ เอาไว้กวักเรียกผู้ร้ายไง”
“กวักให้มายิงผมน่ะเหรอ บรึ๋ย”
วิเวกทำท่าสยองแล้วเดินหนีออกไป
“รับมั้ยครับคุณอาวรณ์”
“เดี๋ยวขอตัวไปดูข้างในก่อนนะคะ”
อาวรณ์หนีเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์อีกคน
อาจารย์ขาวบ่นงึม “แหมะ...ของดีๆ เดินหนีเฉยเลย”
ทางด้านดาวเคาะประตูพร้อมกับตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ จนแม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำ ได้ยินเสียงดาวเคาะประตูเรียกขอความช่วยเหลือ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”
“กลอนมันค้างค่ะ หนูออกจากห้องน้ำไม่ได้”
ดาวดึงกลอนขึ้นให้ดู แต่อยู่ดีๆ ก็ดึงได้อย่างง่ายดาย
แม่บ้านผลักประตูเข้าไป
“อ้าว ก็เปิดได้ปกตินี่คะ”
ดาวงง “แต่เมื่อกี๊มันเปิดไม่ได้จริงๆ นะคะ ดาวพยายามดึงตั้งนานก็ดึงไม่ได้”
“อืมม์ สงสัยมันใกล้จะเสียแล้วมั้งคะ เดี๋ยวป้าแจ้งให้เค้ามาเปลี่ยนเลย”
“โอเคค่ะ”
ดาวเดินออกไปด้วยอาการหัวเสียเล็กน้อย
แม่บ้านลองไปขยับกลอนประตู ก็พบว่ายังทำงานได้ดีอยู่
พระจันทร์ครึ่งดวงลอยอยู่บนท้องฟ้า
ดาวเดินมาหยุดที่หน้าบ้านนิดหน่อยด้วยสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม แสดงให้เห็นว่าเป็นร่างจำแลงของสุวานเขต8 นั่นเอง
จุกยืนเฝ้านิดหน่อยอยู่ที่ทางเดินหน้าห้องนอน นึกถึงตอนคุยกับยม
“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุด คือห้ามให้นิดหน่อยออกจากบ้านจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น”
“ครับพี่ ผมจะพยายามครับ”
“แล้วพี่จะหาทางช่วยอีกแรง”
นิดหน่อยเปิดประตูห้องออกมา คุยโทรศัพท์กับดาวเก๊อยู่
“เออ เสร็จแล้ว กำลังลงไปเนี่ย...รอแพ้บ”
นิดหน่อยกดวางสาย หันมาเห็นจุกยืนจ้องอยู่
“อ้าว มายืนทำไรตรงนี้”
“พี่จะไปไหนน่ะ”
“ก็ไปใส่บาตรกับพี่ดาวไง พี่ดาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว”
“เค้าไม่ใช่พี่ดาว พี่อย่าเพิ่งออกไปตอนนี้เลยนะ”
“จะไม่ใช่ยังไงล่ะ พี่ดาวโทรเร่งพี่ยิกๆ อยู่เนี่ย” นิดหน่อยบอก ไม่เชื่อที่น้องบอก
“เชื่อจุกเถอะ เค้าไม่ใช่พี่ดาวจริงๆ”
นิดหน่อยเริ่มมีอารมณ์ “เค้าไม่ใช่ดาวแล้วเค้าเป็นใคร”
จุกอึกอัก “ก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่จุกเล่าให้พี่ฟังนั่นแหละ”
“เพ้อเจ้อ”
นิดหน่อยก้าวลงบันได ทันใดนั้นเสียงจิ้งจกร้องทักก็ดังจิ๊จ๊ะขึ้น นิดหน่อยชะงักเล็กน้อย
“เห็นมั้ยพี่ โบราณว่าไว้ จิ้งจกทักถือเป็นลางไม่ดีนะ รอให้เช้าแล้วค่อยออกไปดีกว่า”
“จิ้งจกตัวเดียว บังเอิญมากกว่า..อย่ามางมงายน่ะ”
นิดหน่อยเดินลงบันไดมาชั้นล่าง จุกรีบตามไปติดๆ
ดาวยืนรอนิดหน่อยอยู่หน้าบ้าน
“เสร็จรึยังแก”
เขต7 เดินมาซุ่มมองอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเงยหน้ามองไปบนฟ้า เห็นพระจันทร์ครึ่งดวง
เขต7 ก้มมองเงาตัวเองที่พื้น เห็นเป็นร่างมีเขา
“ออกมาซะที”
เขต7 มองไปที่หน้าบ้านลุ้นๆ
ที่โถงกลางร้านชั้นล่าง นิดหน่อยเดินลงมาโดยมีจุกตามมาติดๆ
“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะพี่”
“จิ้งจกตัวเดียวหยุดพี่ไม่ได้หรอก”
คราวนี้เสียงจิ้งจกร้องกันระงมทั่วบ้าน นิดหน่อยกับจุกเงยหน้ามอง เห็นจิ้งจกเกาะอยู่เต็มไปหมด
“เย้ย!”
“ไม่ใช่ตัวเดียวแล้วนะพี่ นี่มาเป็นฝูงเลย”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
นิดหน่อยมองจิ้งจกอารมณ์อึ้งๆ แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นผลงานของสุวรรณกับสุวานที่พากันหลับตาทำเสียงจิ้งจก จุ๊กจิ๊กๆๆ อารมณ์เหมือนถอดจิตไปควบคุมจิ้งจกที่บ้านนิดหน่อย
ยมนั่งอยู่ใกล้ๆ มองสุวรรณกับสุวานด้วยสายตาเหยียดๆ ส่ายหน้าเบาๆ ว่าทำไปด้ายยย
นิดหน่อยกับจุกกำลังอึ้งกับฝูงจิ้งจกที่ส่งเสียงร้องกันระงม
“อย่าไปเลยพี่ แบบนี้ไม่ปกติแน่”
เสียงดาวร้องเรียกดังเข้ามา “เสร็จรึยัง เรารอนานแล้วนะเว้ย”
นิดหน่อยมองไปนอกบ้าน
“ไม่นะพี่ อย่าออกไป”
“ไม่มีอะไรหรอก คงถึงฤดูผสมพันธุ์ของมันอ่ะแหละ ก็เลยออกมาร้องหาคู่กันแบบนี้”
นิดหน่อยเดินออกจากบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก สายตาจ้องเขม็งไปที่ประตู
เห็นมีตุ๊กแกตัวใหญ่มหึมาเกาะอยู่จ้องมองมายังเธอ
“บ้านหรือสวนสัตว์วะเนี่ย”
นิดหน่อยตัวแข็งทื่อ ก้าวขาไม่ออก จุกเองก็แหยงๆ อยู่ไม่น้อย
ยมหลับตาทำสมาธิ พร้อมกับทำเสียงตุ๊กแกๆๆ ไป
สุวรรณกับสุวานหันมามองล้อ ไม่คิดว่ายมจะเล่นด้วย
“อย่าเสียสมาธิ งานยังไม่เสร็จ”
ยม สุวรรณและสุวาน ผลัดกันร้องเสียงจิ้งจก ตุ๊กแกประสานกันดังระงม
สุวาน7 ในคราบดาวพยายามชะโงกหน้ามองเข้าไปในบ้าน พร้อมกับตะโกนเรียกนิดหน่อย
“นิดหน่อย ออกมาซะทีสิแก”
เขต7กับสุวรรณเดินเข้ามาหาดาวเก๊
“ทำไมยังไม่ออกมาซะที”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมโทร.หาเมื่อครู่ก็บอกว่าเสร็จแล้ว กำลังจะออกมา”
สุวรรณมองไปรอบๆ “หรือว่าพวกเขต8 มันมาช่วย”
“ก็ไม่เห็นว่าพวกมันจะมาที่นี่นะ แล้วที่สำคัญมันก็ไม่รู้แผนการของเราไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ พวกนั้นไม่รู้แผนการของเราแน่นอน”
“รอดูไปก่อน เดี๋ยวก็คงออกมา”
เขต7 นิ่วหน้าแปลกใจว่าทำไมนิดหน่อยยังไม่ออกมา
ที่ไม่ออกมาเพราะนิดหน่อยก้าวขาไม่ออก กลัวตุ๊กแกขวางอยู่ที่ประตู
“กลับห้องนอนเถอะพี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกจากบ้าน”
นิดหน่อยครุ่นคิดหนัก ไม่รู้จะเอายังไงดี จุกลุ้นเยี่ยวเหนียว ไม่ให้พี่ออกจากบ้าน
อ่านต่อตอนที่ 9