xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 7 | ศึกชิงวิญญาณ'นิดหน่อย'!

บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : สิริวัฒน์69

สมรยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนหน้าบ้าน สักครู่หนึ่งจึงเห็นรถแล่นเข้ามาจอด ก่อนที่ชนกกับยุพาลงรถมา สมรเห็นก็ของขึ้นโยนสายยางทิ้ง หันมาแหวใส่อย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย

“มาทำไม”
“ผมมารับลูก”
“รับลูก รับไปไหน”
“ก็รับไปอยู่ด้วยกันน่ะสิ”
สมรหัวเราะก๊าก เพราะมั่นใจว่ายังไงลูกๆ ก็ไม่ไปอยู่กับพ่ออย่างชนกแน่นอน
“หัวเราะไรยะ”
“ก็หัวเราะไอ้ผัวเฮงซวยนี่ไงล่ะ อะไรที่ทำให้แกคิดว่าลูกๆ จะยอมไปอยู่กับแกไม่ทราบ หะ”
“อยู่กับผมยังไงก็ไม่อดๆ อยากๆ แล้วกันน่ะ และเรื่องเล่าเรียน ผมก็ส่งเสียได้สูงกว่าคุณเยอะ”
“ใช่ ผีพนันอย่างหล่อน เลี้ยงตัวเองยังแทบจะไม่รอดเลย นี่ลูกอีกตั้งสองคน”
“ยังไงชั้นก็เลี้ยงของชั้นมาได้จนโต โดยไม่แบมือขอไอ้ผัวเฮงซวยนั่นสักบาทล่ะวะ” สมรบอก
“ลูกจะไปหรือไม่ไป ก็ถามกันเองก็แล้วกัน นู้นไง ออกมากันแล้ว”
สมรหันกลับไปมอง เห็นนิดหน่อยกับจุกพากันเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าคนละสองใบ
“ขนกระเป๋าจะไปไหนกันน่ะลูก”
“ไปอยู่กับพ่อน่ะครับแม่” จุกบอก
สมรอึ้ง “ไม่จริง อย่ามาล้อแม่เล่นแบบนี้นะลูก”
“จริงครับแม่ ผมกับพี่นิดหน่อยปรึกษากันแล้ว เราจะไปอยู่กับพ่อกันน่ะครับ” จุกย้ำ
“ทำไมล่ะลูก อยู่กับแม่มันเป็นยังไง แม่เลี้ยงลูกสองคนไม่ดีอย่างนั้นเหรอ”
“หนูกับน้องรู้สึกชีวิตไม่มั่นคงพอ เมื่อต้องอยู่กับผีพนันอย่างแม่น่ะค่ะ”
สมรช็อคอึ้งกิมกี่ รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงตรงกลางหัวใจ
“ไปกันเถอะลูก”
ชนกพานิดหน่อยกับจุกเข้าไปในรถ ยุพาเยาะเย้ยส่งท้ายก่อนจะตามเข้าไปในรถ
“อยู่คนเดียวน่ะเหมาะที่สุดแล้ว นังผีพนัน”
สมรร้องกรี๊ดลั่นเหมือนคนบ้า

สมรนอนร้องกรี๊ดลั่นบ้านอยู่บนเตียงในห้องนอนชั้นบน ฝันร้ายว่าลูกทั้งสองหอบข้าวของไปอยู่กับชนก จุกวิ่งเข้ามาดูอย่างตกใจ
“แม่ เป็นอะไร”
สมรลืมตาตื่นขึ้นมา เหลียวมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน
“เป็นอะไรอ่ะแม่”
“ชั้นฝันไปเหรอเนี่ย นิดหน่อยล่ะ นิดหน่อยอยู่ไหน”
“พี่นิดหน่อยลงไปเปิดร้านแล้วครับ มีอะไรรึเปล่า”
“เออ ไม่มีอะไรแล้ว”
จุกมองจ้องจับผิด “ไม่มีอะไรแน่นะ”
“เออ”
จุกเดินออกไป
สมรบอกเสียงอ่อยๆ “มีหน่อยแล้วกัน”
จุกชะงักกึกหันมาหาแม่
“มีไรอีกล่ะแม่
สมรโวยวายเสียงดังลั่นบ้าน “ก็เพราะพ่อแกโผล่หน้ามาให้ชั้นเห็นนี่ไง ชั้นถึงฝันร้ายถึงมันอีกแล้ว”
จุกเหนื่อยใจ “แม่ก็พยายามปล่อยวาง อย่าไปนึกถึงพ่ออีกสิ”
“ชั้นก็ไม่อยากนึกถึงพ่อเฮงซวยอย่างมันหรอกโว้ย แต่ในเมื่อมันยังวนเวียนโผล่หน้ามาให้เห็นอยู่แบบนี้ แกจะให้ชั้นทำยังไง”
จุกถอนหายใจเซ็งๆ สมรพาล
“แกเลยตัวดี ชอบแอบติดต่อกับมันอยู่เรื่อยๆ มันถึงได้ไม่ยอมไปผุดไปเกิดที่ไหนซะที
“อ้าว นี่จุกผิดเหรอเนี่ย ตอนที่พี่นิดหน่อยหายตัวไป จุกก็แค่โทร.ไปถามพ่อ ว่าเจอพี่นิดหน่อยรึเปล่า ก็เท่านั้นเองนะ”
“ก็ถ้าแกไม่โทร.หา มันก็ไม่มีข้ออ้างที่จะมาที่บ้านหลังนี้อีก เข้าใจมั้ย”
“โอเคๆ จุกจะไม่ติดต่อพ่ออีก”
จุกเดินออกไปอย่างเซ็งๆ
“เออ ไปเลย ไปกันให้หมด เบื่อโว้ย”
สมรนั่งกระฟัดกระเฟียดอารมณ์เสียอยู่คนเดียว

นิดหน่อยบรรจงบีบครีมแต่งหน้าขนมเค้กอยู่ในครัว เสียงผลักประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของจุก
“เบื่อ”
นิดหน่อยตกใจบีบครีมแพร่ดเลอะเทอะ ไม่เป็นทรง
“เออ เบื่อ”
จุกเดินเข้ามาหานิดหน่อยหน้าตาเซ็ง ไม่รู้ตัวว่าผิด
“เบื่อแม่อีกคนเหรอ แสดงว่าแม่บ่นเรื่องพ่อกับพี่อีกล่ะสิ”
“เบื่อแกนี่แหละ”
“อ้าว”
“เข้ามาก็โวยวายเสียงดัง เห็นมั้ยเนี่ย หน้าเค้กชั้นเละหมดแล้ว”
จุกเพิ่งเห็นมองเค้กหน้าเจื่อนจ๋อย “ท่ดที”
“แล้วแม่บ่นเรื่องพ่อคือ...”
“ไม่มีอะไรหรอก แม่แค่ฝันเห็นพ่อ แล้วก็ตื่นขึ้นมาโวยวายน่ะ”
“แล้วไป คิดว่าพ่อมาวุ่นวายกับแม่อีก”
นิดหน่อยตักปาดครีมหน้าเค้กที่ไม่เป็นทรงออก ตกแต่งแล้วบรรจงบีบใหม่อีกครั้ง จุกคิดถึงแง่ดีของพ่อ จึงเปรยๆ ออกมา
“อันที่จริงคนเราก็ไม่มีใครดีสุดขั้ว ชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะพี่ ถึงพ่อจะเคยทำไม่ดีกับแม่ แต่พ่อก็ยังมีด้านที่ดีอยู่บ้าง”
นิดหน่อยแต่งหน้าเค้กไป คุยไป “เช่น”
“ทุกวันนี้พ่อก็อยากจะช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวเราอยู่นะพี่ ถ้าพี่ยอมรับเงินจากพ่อบ้าง พี่ก็คงไม่ต้องทำงานหนักอย่างทุกวันนี้”
“นี่พ่อจ่ายให้มาเท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย ถึงมาพูดยกย่องกันขนาดนี้”
“จุกพูดจากความรู้สึกเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ”
นิดหน่อยแต่งหน้าเค้กเสร็จ ก็เอาเข้าตู้แช่เย็น
“ไม่รู้ล่ะ พี่ขอสั่งห้ามรับอะไรจากพ่อเด็ดขาด พี่ขอแค่นี้ ทำให้พี่ได้มั้ย”
จุกอึกอัก อ้ำอึ้ง “ก็ได้…แต่จุกก็เกรงใจพี่เหมือนกันนะ นี่ก็ใกล้ลงทะเบียนเรียนแล้วด้วย ต้องใช้เงินอีกเยอะเลย”
“ถ้าอยากแบ่งเบาก็เฝ้าร้านให้พี่”
“แล้วพี่จะไปไหน”
“ไปหาจ็อบพิเศษทำน่ะสิ”
นิดหน่อยเดินออกไปหน้าร้าน จุกถอนหายใจ ด้วยความเหนื่อยหน่ายทิฐิของแม่กะพี่สาว


ที่บ้านเช่า สุวานรินน้ำกระทะทองแดงใส่แก้วทองแดงมีก้านอันวิจิตรสวยงาม ก่อนจะจับที่ก้านยื่นให้กับยมที่นั่งรออยู่
ยมจับก้านแก้ว มีควันลอยขึ้น บอกให้รู้ว่าแก้วร้อนมาก แต่ยมก็ทนถือได้นานๆ ยมดูอ่อนเพลียสีหน้าไม่ค่อยสดใสนัก
“ท่านดูอ่อนเพลียมากเลยนะครับ”
“นั่นสิ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน”
“โถๆๆ นี่ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ครับ ที่ท่านอ่อนแรงลงแบบนี้ก็เพราะท่านใช้พลังพิเศษมากเกินไปน่ะสิครับ”
ยมตีหน้าซื่อ “เหรอ”
“แน่ะ ทำเป็นไม่รู้อีก ท่านขึ้นมาฮอลิเดย์นะครับ ไม่ใช่ขึ้นมาปราบเหล่าร้าย ฉะนั้นท่านต้องใช้พลังพิเศษให้น้อยที่สุด จะดีมากคือไม่ใช้เลย”
“เออน่ะ จะพยายาม”
ยมกระดกน้ำกระทะทองแดงหมดแก้ว มีอาการร้อนรนทรมานอยู่พักหนึ่ง
“เฮ้อ กรรมของมัจจุราช ต้องดื่มน้ำจากกระทะทองแดงชำระบาปไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
“ซักแก้วมั้ย”
สุวานส่ายหน้ารัวๆ
ยมครุ่นคิดถึงอาจารย์ขาวด้วยสีหน้าเข้มขรึม สุวานมองสงสัย
“หนักใจเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่าครับ”
“เรื่องอาจารย์ขาว ที่มันส่งวิญญาณมาที่นี่ แสดงว่ามันต้องเริ่มสงสัยในตัวเรา”
“ดูท่าแล้วมันคงส่งมาอีกเรื่อยๆ จนกว่ามันจะรู้ว่าท่านคือใครใช่มั้ยครับ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”
ยมนิ่งคิด ในสีหน้าเข้มขรึม

ที่บริษัทสถาปนิก ชนกกำลังยืนดูแบบบ้านที่ต่อเขียน ก่อนจะเห็นยุพาจะเดินหน้าบึ้งเข้ามาในห้องโถงบริษัทโวยวายใส่ชนก
“เดือนนี้ทำไมเงินเข้าน้อย”
ชนกงง “เงินอะไรเหรอ”
“ก็เงินเดือนชั้นไง มันน้อยลงกว่าเดือนก่อนๆ มันเกิดอะไรขึ้น”
ต่อหน้าเสีย มองดูเหตุการณ์เงียบๆ ชนกถอนหายใจเซ็งๆ “มันน้อยลงไปไม่เท่าไหร่เอง”
ยุพาสวนเสียงดังลั่น “น้อยลงไปไม่เท่าไหร่มันก็คือน้อยลง นี่คุณแอบเอาเงินไปให้ลูกๆ บ้านโน้นใช่มั้ย”
พนักงานได้ยินเสียงเอะอะ พากันหันมามองกันทั้งออฟฟิศ
ชนกอายจูงแขนพายุพาออกไป “ไปคุยกันในห้องไป”
ยุพาสะบัดเต็มแรงจนหลุด “คุยตรงนี้นี่แหละ จะอายทำไม คนเยอะแยะ”
“เออ คุยตรงนี้ก็ตรงนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลยซักนิด นิดหน่อยกับจุกเค้าไม่เคยรับเงินจากผมเลย ไม่เชื่อก็ถามต่อดูได้”
“ครับ นิดหน่อยไม่เคยรับเงินจากคุณชนกเลย เรื่องนี้ผมยืนยันได้” ต่อยืนยัน
ยุพาไม่เชื่อ “ไม่เอาไปให้ลูกแล้วเงินมันหายไปไหน”
“ก็เศรษฐกิจช่วงนี้มันไม่ค่อยดี คุณก็ใช้ให้มันประหยัดๆ หน่อยแล้วกัน”
ยุพานิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังระแวงไม่คลาย ว่าชนกจะต้องแอบเก็บเงินไว้ให้ลูก
“ลูกๆ คุณยังไม่เอาเงินตอนนี้ แต่ต่อไปอาจจะเอาก็ได้…คุณแอบเก็บเงินไว้ให้พวกมันใช่มั้ย ยอมรับมาซะดีๆ”
“ลูกผมเค้าไม่ใช่คนที่จะมาแบมือขอเงินใครง่ายๆ หรอกน่ะ”
ยุพาพาลพาโล “อ๋อ...นี่หลอกด่าชั้นว่าดีแต่แบมือขอเงินจากคุณอย่างนั้นน่ะสิ”
ชนกฉุน “โวะ...คุยเรื่องนี้ลามไปเรื่องโน้น ไว้ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า”
“ไม่ ชั้นจะคุยเดี๋ยวนี้”
ชนกรำคาญ ติดสินใจเดินหนีไป ยุพาตามจิกไปโวยวายไม่เลิก
“ยอมรับมาซะดีๆ คุณเห็นลูกอีผีพนันมันดีกว่าชั้นใช่มั้ย”
ต่อมองตาม ทั้งเหนื่อยใจและเห็นใจนิดหน่อย ที่ต้องเกี่ยวพันกับชนกและยุพา


ที่ร้านSweetนิดSweetหน่อย จุกช่วยเฝ้าร้าน เวลานี้ส่งถุงขนมให้ลูกค้า ก่อนที่ลูกค้าจะเดินออกไป สมรเดินลงจากชั้นบน
“ไง ขายดีมั้ย”
“ก็ดีนะแม่ ลูกค้าเข้าเรื่อยๆ”
“เออ ขายดีก็ดีแล้ว” สมรมองหานิดหน่อย “แล้วนี่พี่แกไม่อยู่ร้านเหรอ”
“ออกไปรับจ็อบพิเศษน่ะ สงสัยไปทำความสะอาดที่บ้านเช่า”
“ดีๆ ขยันหาเงินกันเข้าไว้ แม่นี่เหนื่อยมามากแล้ว กว่าจะเลี้ยงแกสองคนมาได้จนป่านนี้”
สมรเหล่มองลิ้นชักเก็บเงินตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ กะจะจิ๊กเงินไปเข้าบ่อน จุกรู้ทัน
“หาอะไรเหรอแม่”
สมรอึกอัก “หายาหม่องน่ะ แม่รู้สึกเวียนหัวยังไงก็ไม่รู้ แกออกไปซื้อยาหม่องมาให้แม่หน่อยสิ”
จุกหยิบยาหม่องตรงมุมเก็บของกระจุกกระจิกบนเคาน์เตอร์มายื่นให้
“อ่ะแม่”
สมรรับยาหม่องมาเซ็งๆ “แล้วมียาธาตุมั้ย แม่รู้สึกเสียดท้องยังไงก็ไม่รู้”
จุกมองรู้ทัน “ทั้งเวียนหัว ทั้งเสียดท้อง ไปโรงบาลเลยดีกว่ามั้ย”
สมรตวาดเบาๆ “ไปทำไม แพง! ไปซื้อยาธาตุมานี่แหละ จบ”
“โอเค จบก็จบ”
จุกเดินออกจากร้านไป สมรเข้าไปค้นเงินในที่เก็บเงิน หยิบออกมาห้าพัน
“เงินอยู่นิ่งๆแบบนี้มันจะงอกเงยอะไร มันต้องเอาไปลงทุนสิ”
สมรยิ้มกริ่มสมใจ

ด้านนิดหน่อยกำลังเช็ดชั้น ตู้ โต๊ะหนังสือ ก่อนจะลากเก้าอี้ทำงานมาเพื่อปีนขึ้นไปเช็ดด้านบนสุดของชั้นหนังสือ
ยมเดินออกมา ท่าทางอิดโรยเล็กน้อย พอเห็นนิดหน่อยยืนอยู่บนเก้าอี้ก็เป็นห่วงกลัวว่าจะล้มลงมา
“ไม่หาเก้าอี้ที่มั่นคงหน่อยล่ะคุณ เก้าอี้มีล้อแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้กลิ้งลงมาหรอก”
“ชั้นยังไม่แก่ ระบบการทรงตัวชั้นยังดีอยู่”
นิดหน่อยอวดเก่งเอื้อมมือสุดแขนขึ้นไปเช็ด จนเก้าอี้โยกตามแรง เกิดอาการเซขึ้นมาจริงๆ
“เอ๊ยๆๆ”
ยมเห็นนิดหน่อยกำลังจะล้มลงจากเก้าอี้ ก็รีบเปิดโหมดว้าปเข้าไปรับร่างนิดหน่อยไว้ได้ทันท่วงที
ร่างยมล้มลงกับพื้น โอบร่างนิดหน่อยที่นอนทับอยู่ด้านบน แก้มนิดหน่อยแนบที่หน้าอกของยม
สีหน้ายมรู้สึกแปลกๆ กับการได้สัมผัสร่างหญิงสาวแบบใกล้ชิดขนาดนี้
นิดหน่อยรู้สึกอึ้งๆ ปนอาการเขินนิดๆ ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าฉงนสงสัย เพราะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของยมเต้นอย่างที่ควรจะเป็น นิดหน่อยจ้องหน้ายม ทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของยมในท่าเดิม
“ทำไมชั้นไม่ได้ยินเสียงหัวใจคุณเต้น”
ยมอึกอัก “ผมยังไม่ตายซะหน่อย หัวใจผมจะไม่เต้นได้ยังไง”
“เมื่อกี๊หน้าชั้นแนบอกคุณขนาดนั้น แต่ทำไมชั้นไม่ได้ยินเสียงหัวใจคุณล่ะ”
นิดหน่อยจะเอาหน้าแนบอกยมอีกครั้ง ยมรีบประคองนิดหน่อยลุกขึ้นยืนทันที
“ลุกเถอะ ตัวคุณหนักมาก”
นิดหน่อยฉุนกึก “นี่ว่าชั้นอ้วน”
“ผมพูดตอนไหนว่าคุณอ้วน”
นิดหน่อยอ้าปากค้าง เถียงไม่ออก
“ชั้นยังไม่แก่ ระบบการทรงตัวชั้นยังดีอยู่ ไงล่ะ” ยมแดกดัน ด้วยคำพูดนิดหน่อยนั่นเอง
นิดหน่อยกระฟัดกระเฟียดใส่
ยมเดินไปเลือกหนังสือมาอ่าน นิดหน่อยนึกทบทวนเหตุการณ์ตอนที่ล้ม แล้วยมเข้ามาช่วยได้ทัน ก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
“เมื่อกี๊คุณอยู่ห่างจากชั้นก็มากเหมือนกันนะ แล้วคุณพุ่งมาอีท่าไหน ถึงเข้ามารับชั้นไว้ได้ทัน”
ยมชะงักกึก ก่อนจะหันไปตอบนิดหน่อยด้วยสีหน้าเรียบเฉยใช้มุกตลกกลบเกลื่อน
“ผมพุ่งหลาว ตีลังกาหน้าสองตลบ ตบท้ายด้วยราวดร็อปครึ่งรอบ ก่อนจะไปถึงตัวคุณ”
“กวนประสาท” นิดหน่อยหมดอารมณ์ถามต่อ เดินออกไปทำงานมุมอื่น
ยมนั่งลงอ่านหนังสือ โดยมีอาการอ่อนแรงมากขึ้นอีกระดับ เนื่องจากเพิ่งใช้พลังพิเศษช่วยนิดหน่อยไป

ที่นรกภูมิเขต8 สุวรรณนั่งดูมอนิเตอร์เห็นยมท่าทางอ่อนแรง ก็ตะโกนเรียกสุวานเข้ามาเคลียร์
“สุวาน ไอ้สุวาน”
สุวานเดินเข้ามา
“มีเรื่องด่วนอะไรอีก ถึงกับขึ้นอีขึ้นไอ้กันเลยเนี่ย”
“ที่ข้าบอกให้ไปเตือนท่านยม ว่าให้หยุดการใช้พลังพิเศษ แกได้เตือนท่านบ้างรึเปล่า”
“โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร เตือนสิ เตือนจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว” สุวานว่า
“เตือนแล้วทำไมท่านยังใช้พลังพิเศษอยู่อีก เมื่อกี๊ก็เปิดโหมดว้าปไปรับแม่หนูนิดหน่อย จนตอนนี้นั่งพลังอ่อนไปอีกแล้ว” สุวรรณบ่น
“ก็รู้ๆ อยู่ ว่าเจ้านายไม่ค่อยจะชอบอยู่ในกรอบ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งให้อยู่ในกรอบก็ยิ่งแหกคอก”
สุวรรณถอนหายใจเฮือกใหญ่เซ็งๆ “เฮ้อ...เหนื่อยใจกับเจ้านายจริงๆ”
ระหว่างนี้นายนิรบาล1 เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางร้อนรน
“เกิดเรื่องแล้วท่านสุวรรณ”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ก็วิญญาณนายสนน่ะสิ พยายามจะกระโดดลงกระทะทองแดง ตอนนี้
กำลังห้ามกันวุ่นวายมาก
“ปัดโถ่...ความนายยังไม่ทันหาย ความไอ้สนก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว” สุวรรณบ่น
“สนุกจริงๆ ให้ดิ้นตายเถอะ”
สุวรรณกับสุวานพากันเดินตามนิรบาลออกไป

สนรู้เรื่องอารยา พยายามจะลงกระทะทองแดง โดยมีนิรบาล2 ล็อคแขนเอาไว้
“ปล่อยผม ผมไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว ปล่อย”
สุวรรณ8 กับสุวาน8 เดินเข้ามากับนายนิรบาล1 เห็นเข้า
“เฮ้ยๆ เป็นบ้าอะไรนายสน”
“ผมไม่อยากอยู่แล้ว ให้ผมลงไปเถอะ”
“จะลงไปได้ยังไง เจ้ายังไม่ได้รับการตัดสินโทษเลย” สุวาน8 บอก
“ก็ตัดสินผมเลยสิ ให้ผมลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
สนดิ้นสุดแรง พยายามจะลงกระทะทองแดงไปให้ได้
“นี่มันกระทะทองแดงนะเฮ้ย ไม่ใช่อ่างที่อาบอบนวด”
สนดราม่าขึ้นมา “ผมตายเพื่อรักษาบ้านเอาไว้ แต่ยากลับขายมันทิ้ง ในเมื่อการตายของผมไร้ค่าแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร”
“บัญชีของเจ้ายังมีปัญหา เจ้าจะต้องวนเวียนอยู่ในนรกแบบนี้ไปก่อน จนกว่าบัญชีจะเรียบร้อย
สุวาน7 เดินผ่านมาเห็นเปิดปากเหน็บแนมดูแคลนทันที
“ทำงานมีปัญหาตลอดเลยนะ เขต8 เนี่ย”
“แซวไรเฮ้ย” สุวรรณ8 ฉุน
“ไม่ได้แซว ข้าพูดเรื่องจริง...ตอนเจ้านายอยู่ งานก็มีปัญหา นี่เจ้านายไปฮอลิเดย์ที่โลกมนุษย์ ก็ยิ่งพังกันไปใหญ่”
“พูดแบบนี้ตัวๆ กับเพื่อนข้ามั้ยล่ะ”
สุวรรณ8 ผลักสุวาน8 เข้าไปหาสุวรรณ7 สุวาน8 เบรกตัวโก่ง ก่อนจะหันมาบ่นสุวรรณ8
“ถามจริง รักกันปะเนี่ย”
“รักสิ ถึงให้เกียรติเปิดก่อนไง”
“ไม่ต้องเกี่ยงกัน เข้ามาพร้อมกันทั้งคู่นั่นแหละ” สุวาน7 ท้า
“อ้าว แบบนี้ก็สวยสิ”
สุวรรณ8 กับสุวาน8 ปรี่เข้าหาสุวาน7 ที่ยืนแอ่นอกพร้อมจะมีเรื่อง เมื่อเจอความบึกบึนใหญ่โตของอีกฝ่าย สุวรรณกับสุวานเขต8 ก็มีอาการฝ่อลง
“สองรุมหนึ่งมันไม่แมน เอาไว้ครบทีมค่อยมาเจอกัน” สุวรรณ8 แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
สุวาน8 ชี้หน้าสุวาน7 “ถือเป็นโชคดีของแกไป”
สุวรรณ8 กับสุวาน8 คุมวิญญาณสนเดินออกไปอีกทาง สุวาน7 แกล้งกระทืบเท้าเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น สุวรรณ8กับสุวาน8 สะดุ้งตกใจ แต่รีบทำเก๊กมาดขรึมเดินออกไป


ฟากยมยื่นเงินค่าจ้างทำความสะอาดให้กับนิดหน่อย
“ขอบคุณค่า”
“ขยันหาเงินขนาดนี้ จะเก็บเงินไปทำอะไรงั้นเหรอ”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
“ก็เห็นวันๆ นึงคุณทำหลายอย่างมาก บางทีเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน”
“ใครจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ มีเวลานั่งว่างหายใจทิ้งไปวันๆ ได้อย่างคุณล่ะ”
“ผมกำลังฮอลิเดย์”
“ฮอลิเดย์ เห็นอยู่แต่ในบ้าน ไม่เห็นไปเที่ยวไหนเลย” นิดหน่อยเหน็บ
“ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนน่ะ คุณมีสถานที่ไหนแนะนำบ้างมั้ยล่ะ”
“เอาแบบไหนดีล่ะ”
ยมคิดปราดเดียว “อืม...เอาแบบที่คุณชอบแล้วกัน”
นิดหน่อยงง “ทำไมต้องเป็นแบบที่ชั้นชอบ”
“ก็ผมว่าจะให้คุณพาเที่ยวหน่อย”
“ชั้นไม่ว่างหรอก งานชั้นเยอะแยะ”
นิดหน่อยบอกปัด หมุนตัวเดินออกจากบ้าน
“ผมจ้างนะ”
นิดหน่อยชะงักกึก สีหน้าครุ่นคิด ยมมองลุ้นคำตอบ

ในที่สุดนิดหน่อยรับจ้างพายมมาฮอลิเดย์ที่วัดหัวลำโพง นางกำลังเขียนชื่อตัวเองลงในใบบริจาคโลงศพ ทั้งคู่อยู่ตรงบริเวณจุดบริจาคโลงศพของมูลนิธิ ยมมองบรรยากาศรอบๆ อย่างงงๆ
“ปกติคุณมาเที่ยวที่แบบนี้น่ะเหรอ”
“ชั้นก็เที่ยวหลากหลายรูปแบบนั่นแหละ แต่ถ้าชอบที่สุดก็คือมาทำบุญแบบนี้”
ยมกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่จังหวะหนึ่ง จะหันไปเจอวิญญาณยืนจ้องหน้าระยะประชิด โดยไม่รู้ตัว วิญญาณนั้นยืนจ้องหน้ายมโดยไม่รู้สึกเกรงกลัวสักนิด
“ขอชื่อ นามสกุลคุณหน่อยสิ ชั้นจะเขียนลงในใบบริจาคให้”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเขียนเผื่อผมหรอก”
นิดหน่อยบ่นบ้า “พวกบาปหนา”
ยมยืนจ้องหน้ากับวิญญาณเร่ร่อนด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ยมบ่นงึมงำ “นี่พลังเราเหลือน้อยขนาดนี้เลยเหรอ”
วิญญาณเร่ร่อนแสยะยิ้มให้กับยมโดยไม่เกรงกลัว ยมยิ้มเจื่อนตอบไป

ที่อีกมุมหนึ่ง มัจจุราชเขต7 กับสุวรรณ7 ซุ่มมองไปที่ยมกับนิดหน่อย เห็นวิญญาณเร่ร่อนมองจ้องยมอยู่นิ่งๆ สุวรรณ7 แปลกใจ
“ทำไมวิญญาณดวงนั้นดูนิ่งเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวท่านเขต8แม้แต่น้อยเลยครับ”
“ก็แสดงอิทธิฤทธิ์ไปจนจะหมดแล้วล่ะสิ ถึงไม่มีพลังความเป็นยมทูตหลงเหลืออยู่”

ด้านยมเดินเลี่ยงวิญญาณเข้าไปหานิดหน่อยที่กำลังไหว้อธิษฐาน เขต7 จับจ้องไปที่ยมกับนิดหน่อยไม่วางตา ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผู้หญิงคนนี้ นับวันยิ่งดูน่าสนใจ”
“น่าสนใจเรื่องอะไรครับ”
“ตั้งแต่ เขต8 ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ จนมีเหตุคนตายในเขตของเรา แล้วดวงวิญญาณกลับหายไป ก็มีผู้หญิงคนนี้นี่แหละ ที่ เขต8 พบเจอและพูดคุยด้วยบ่อยที่สุด”
“ท่านกำลังสงสัยว่าดวงวิญญาณที่หายไป คือวิญญาณของผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่ไม่ใช่ เดี๋ยวก็รู้”
มัจจุราชเขต7ยิ้มร้าย แววตามีแผนชั่ว

ยมกับนิดหน่อยเดินมาตามทางเดินภายในวัด นิดหน่อยมีสีหน้าอิ่มบุญ
“หน้าตาคุณดูอิ่มบุญมากเลย”
“คนทำบุญหน้าตาก็อิ่มเอิบแบบนี้ทั้งนั้นแหละ เผลอๆ ทำบุญดีกว่าทำโบซะอีก”
ยมงงเด้ มองฉงน “โบ?”
“โบท็อกซ์ไง ผิวสวยธรรมชาติ ผุดผ่องออกมาจากข้างในงิ้”
ระหว่างนี้ สุวรรณ7 ในรูปคนใช้แรงงานธรรมดา เดินเข้ามาหายมกับนิดหน่อย
“ขอโทษนะครับ จะขอรบกวนเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“จะขอแรงคุณผู้ชายไปช่วยยกของให้ท่านเจ้าอาวาสหน่อยน่ะครับ ไม่รู้วันนี้เด็กวัดหายไปไหนกันหมด”
นิดหน่อยหันมามองยมเชิงถาม ยมตอบรับหน้านิ่ง
“ได้สิ ไปทางไหนล่ะ”
“ทางนี้ครับ”
สุวรรณ7 เดินนำยมออกไป
“รอผมอยู่แถวๆ นี้นะ เดี๋ยวผมมา”
นิดหน่อยพยักหน้ารับเอาคำ ยมเดินตามสุวรรณ7ออกไป นิดหน่อยมองซ้ายมองขวา เดินไปชมบรรยากาศรอบๆ ละแวกนั้น

ตรงฟุตบาธแถวทางลงรถไฟฟ้าหน้า วัดมัจจุราชเขต7 ในคราบหมอดู นั่งกรีดไพ่ยิปซีไปมาอยู่ที่โต๊ะริมถนน ไพ่ล่องลอยดูมีมนต์ขลัง เหมือนพวกมายากล นิดหน่อยเดินผ่านมาเห็นลีลาการกรีดไพ่ราวกับมีเวทย์มนต์ก็ถึงกับต้องหยุดมอง
“ดูดวงมั้ยครับคุณผู้หญิง”
นิดหน่อยครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มตอบบางๆ พลางส่ายหน้า แล้วเดินผ่านไป
“ดูฟรีนะครับ”
ได้ผล นิดหน่อยชะงักกึก ก่อนจะหันไปมองด้วยท่าทีสนใจ
“ดูฟรีครับ ถ้าไม่แม่น แถมเงินให้หมื่นนึงเลย”
“ขนาดนั้นเชียว”
“จะลองดูมั้ยล่ะครับ”
นิดหน่อยนิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ เขต7 ยิ้มสมใจ เมื่อเห็นเป็นไปตามแผน

ฝ่ายสุวรรณ7 เดินนำยมมาหยุดที่มุมปลอดผู้คนของวัด หันมายิ้มทักถาม
“ท่านสบายดีนะครับ”
“สบายดี ที่ชวนเรามาตรงนี้ ต้องการอะไรจากเราอย่างนั้นเหรอ”
“ผมอยากจะปรึกษาเรื่องงานกับท่านหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องงาน กับเราเนี่ยนะ”
“ครับ พอดีเรื่องนี้ผมไม่สะดวกที่จะปรึกษากับท่านเขต7 น่ะครับ”
ยมพยักหน้าให้ “มีอะไรก็ว่ามา”
สุวรรณ7 ยิ้มบางๆ เหมือนดีใจ ขณะที่ยมก็ไม่ได้เอะใจว่ากำลังโดนถ่วงเวลาอยู่

ฝั่งมัจจุราชเขต7 เปิดไพ่ใบหนึ่ง เป็นไพ่ Death เป็นไพ่ที่บ่งบอกว่าเคยมีเคราะห์หนัก ถึงขั้นเสียชีวิต
“โอ้ว ดูเหมือนว่าคุณเพิ่งจะผ่านเคราะห์หนักมานะ”
นิดหน่อยงง “เคราะห์หนัก”
“ใช่ เป็นเคราะห์หนักถึงขั้นเกือบเสียชีวิต” เขต7 ชี้ที่ไพ่ Death
นิดหน่อยพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก เพราะเหตุการณ์วันที่ถูกรถชนแล้วยมช่วยให้ฟื้น นิดหน่อยจำไม่ได้ จริงๆ เขต7 จ้องจับพิรุธ
“ถ้าถึงขั้นเกือบเสียชีวิต ชั้นว่าไม่เคยมีนะคะ”
“จริงเหรอ..ลองนึกดีๆ สิ”
นิดหน่อยนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก “ไม่มีนะคะ”
เขต7 มีสีหน้าผิดหวังนิดๆ แต่ก็ยังไม่ลดละความพยายาม หาวิธีใหม่
“เอาอย่างนี้ ขอผมสัมผัสมือคุณหน่อยได้มั้ย”
“หะ”
“ผมหมายถึงดูลายมือน่ะ”
เขต7 ยิ้มบางๆ สีหน้าท่าทางเป็นมิตร นิดหน่อยครุ่นคิดว่าจะให้ดูดีหรือไม่

สุวรรณ7 เตะถ่วง ทำเป็นนั่งปรึกษาหารืออยู่กับยม อย่างสมบทบาท ตีหน้าเครียดบ่นน้อยใจ เจ้านายเขต7
“ท่านเขต7 จ้ำจี้จ้ำไชเรื่องงานกับผมมากเลยครับ จนผมอึดอัดทุกครั้งเวลาทำงาน”
“แต่เราก็เห็นเจ้าทำงานกับเจ้านายเข้าขากันดีไม่ใช่เหรอ”
“สิ่งที่ท่านเห็นมันก็ดูเป็นเช่นนั้นน่ะครับ แต่ความเป็นจริงลึกๆข้างใน ผมอึดอัดมาก ทุกครั้งเวลาทำงาน ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
ยมลุกขึ้นยืน “เจ้าก็ต้องปรับตัวหน่อย เพราะการทำงานเป็นทีมมันก็แบบนี้แหละ จะเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งมันไม่ได้”
“ครับท่าน”
“เราต้องไปแล้ว มีอะไรปรึกษาค่อยมาคุยกันทีหลังก็แล้วกัน”
ยมเดินออกไป สุวรรณ7 เรียกไว้อีก “เดี๋ยวสิท่าน”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ผมยังมีเรื่องจะขอคำปรึกษาจากท่านอีกน่ะครับ”
“มีเรื่องอะไรอีก”
สุวรรณ7 พยายามนึกหาเรื่องคุย “เอ่อ...เรื่อง...”
ยมจ้องหน้าสุวรรณ7 เริ่มรู้สึกเอะใจแปลกๆ ในขณะที่สุวรรณ7 ออกพิรุธเต็มๆ

ทางด้านมัจจุราชเขต7 ในคราบหมอดูไพ่ยิปซียิ้มบางๆ เมื่อเห็นนิดหน่อยลังเล ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ถ้าไม่สะดวกให้ผมดูลายมือก็ไม่เป็นไรนะครับ”
นิดหน่อยอ่านสีหน้าท่าทีเขต7 พบว่าดูไม่มีท่าทีอันตรายใดๆ จึงยอมให้ดูลายมือให้
“ดูก็ได้ค่ะ”
นิดหน่อยค่อยๆ หงายมือข้างซ้ายลงบนโต๊ะ ตรงหน้าเขต7
“ขออนุญาตนะครับ”
มัจจุราชเขต7 ขยับตัวลุกขึ้น เพื่อดูลายมือนิดหน่อยชัดๆ ยื่นมือไปเหมือนสัมผัสมือนิดหน่อยก่อนจะหลับตา เขต7 เห็นเหตุการณ์ก่อนนิดหน่อยถูกรถชนแว่บเข้ามาเร็วๆ แต่ไม่ปะติดปะต่อ ดูมั่วๆ สะเปะสะปะ ไปหมด
นิดหน่อยมองเขต7 ด้วยสีหน้างุนงง เพราะเขาเอาแต่หลับตา ไม่เห็นว่าจะดูลายมือตรงไหน
เขต7 เพ่งอีกครั้ง จนเห็นเหตุการณ์ก่อนนิดหน่อยจะถูกรถชน ชัดเจนมากขึ้น
นิดหน่อยเดินหนีแม่หมอไพ่ยิปซีมา ถูกคนชนจนกระเป๋าถือหล่น ก้มลงเก็บบ่นบ้างึมงำ
“ทำไมวันนี้มันซวยอย่างนี้แว้”
ระหว่างนี้มัจจุราชเขต8 หิ้วกระเป๋าใบใหญ่ กำลังจะข้ามถนนมาฝั่งนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจเรื่องสัญญาณไฟข้ามถนนเลยเดินข้ามมาเฉยเลยทั้งที่เป็นไฟแดง ยินเสียงรถบีบแตรดังลั่น
จู่ๆ ภาพทั้งหมดก็หายไปกลายเป็นจอดำ
เขต7 แปลกใจ ลืมตาขึ้นมามองช้าๆ
พบว่ามือของยมจับแขนมัจจุราชเขต7 พร้อมกับจ้องหน้าเขม็ง ในขณะที่นิดหน่อยมองด้วยสายตาอึ้งๆ งงๆ เมื่อเห็นท่าทีของยมกับเขต7
“จะทำอะไร”
เขต7และยมจ้องหน้ากันเขม็งนิ่งนาน ไม่มีใครยอมกัน

ในมิติมัจจุราช ณ สถานที่เวิ้งว้าง ทั่วบริเวณเป็นสีแดง ยมกับมัจจุราชเขต7 ยืนจ้องหน้ากันเขม็ง
“เรากำลังทำงานของเรา ท่านมายุ่งอะไรด้วย”
“งานอะไรของท่าน”
“ยังจะถาม ท่านลืมไปแล้วเหรอ ว่ามีคนตายในเขตของเรา แต่ว่าดวงวิญญาณนั้นหายไป โดยที่มีท่านอยู่ใกล้ๆ สถานที่เกิดเหตุ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนิดหน่อย”
“เราสงสัยว่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้น่ะสิ”
“ไม่ใช่นิดหน่อยหรอก อย่าเสียเวลาสืบเลย” ยมบอกเสียงแข็ง
“เราไม่เชื่อใครนอกจากตัวเราเอง ถ้าท่านบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็อย่ามาขวางทางเรา”
“เห็นทีจะทำตามที่ท่านขอไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องวัดกันหน่อยแล้วล่ะ”
ขาดคำยมกับเขต7 พุ่งเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกัน

ส่วนที่ริมฟุตบาธหน้าวัด ทุกคนแถวนั้นนิ่งเป็นหิน แม้กระทั่งผีเสื้อที่บังเอิญบินผ่านมาก็นิ่งอยู่กับที่ เนื่องเพราะยมใช้เวทย์มนต์หยุดเวลาไว้

ในมิติมัจจุราช การต่อสู้ระหว่างเขต8กับเขต7 ดำเนินไป เขาของทั้งคู่ ค่อยๆ งอกยาวขึ้น ตามอารมณ์แค้นเคืองที่รุนแรงมากขึ้นทบทวีของสองยมทูต


ที่นรกภูมิเขต8 สุวรรณกับสุวานมองหน้ากันอึ้งๆ ที่มอนิเตอร์ติดตามความเคลื่อนไหว เป็นภาพยมกับเขต7 มีเขางอกออกมาสมบูรณ์เต็มที่
“เกิดอะไรขึ้นวะนั่น”
“ดูเหมือนท่านเขต7 กับเจ้านายเรากำลังเปิดศึกกันอยู่ที่ไหนสักที่” สุวานว่า
“ไม่ได้การละ ไปดูกันหน่อยดีกว่า”
สุวรรณกับสุวานลุกขึ้น แต่กลับถูกสุวาน7 ให้มือกดหัวไหล่ให้นั่งลง ไม่ให้ไป
“เฮ้ย ใครวะ”
สุวาน7 ยืนกดร่างสุวรรณ8กับสุวาน8อยู่
“เรื่องของเจ้านาย อย่ายุ่ง”
สุวาน7สีหน้าเข้มขรึม สุวรรณ8 กับสุวาน8 พากันจ๋อยสนิท เพราะขยาดในรูปร่างบึกบึนใหญ่โตของสุวาน7อยู่ไม่น้อย

ในมิติมัจจุราช ยมโดนเขต7 ถีบจนลอยเคว้งไปกลางอากาศก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างแรง พยายามลุกขึ้นด้วยอาการอ่อนแรง
เขต7 ว้าปมายืนตรงหน้ายม โดยไม่มีอาการอ่อนแรงลงแม้แต่น้อย
“ยอมแพ้แล้วหลีกทางให้เราเสียเถอะ ยังไงท่านก็สู้เราไม่ได้แน่”
ยมลุกขึ้นฮึดสู้ แต่ถูกเขต7 ล็อคแขนไพล่หลัง แล้วกดลงไปนั่งกับพื้นอีก
“สู้ไม่ได้ก็ยังจะฝืนอีกนะ”
“เรายอมให้ท่านใช้วิธีนี้กับนิดหน่อยไม่ได้ เพราะพลังของท่านอาจจะมีผลกระทบกับนิดหน่อย”
ยมพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่ก็โดนเขต7 กดไว้ไม่ปล่อย
“เอาอย่างนี้ ถ้าท่านทำให้หลังเราสัมผัสพื้นได้ เราจะเลิกใช้วิธีนี้สืบความจริงจากนิดหน่อย”
ยมจ้องหน้าเขต7เขม็ง
“ว่าไง ดีลมั้ย”
ยมรับคำเสียงขุ่น “ดีล”
เขต7 ปล่อยให้ยมลุกขึ้น ทั้งสองตั้งท่าเตรียมจะสู้กันอีกครั้ง

สองมัจจุราช ต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง แต่ยมก็ยังคงสู้เขต7 ไม่ได้ ยมโดนล่อเป้าทั้งเตะทั้งต่อย ก่อนจะโดนหมัดเสยเข้าปลายคาง ร่างลอยเคว้งกลางอากาศ แล้วตกลงสู่พื้นอย่างแรง เขต7 เดินมาหยุดตรงหน้ายม
“อย่าสู้อีกเลย ยังไงท่านก็ทำให้หลังเราสัมผัสพื้นไม่ได้หรอก”
ยมก้มหน้าเหมือนยอมรับความพ่ายแพ้ เขาของยมค่อยๆ หดกลับเข้าไปในหัวเป็นยมปกติ
“ยอมแพ้แล้วสินะ”
เขต7 ยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ เขาหดกลับเข้าหัว มั่นใจว่ายมคงไม่คิดจะสู้อีกแล้ว

ที่หน้าวัดหัวลำโพง ผีเสื้อโบยบินออกไป ทุกอย่างจะขยับกลับไปเป็นเหมือนเดิม นิดหน่อยเริ่มกระพริบตานิดๆ
เขต7 จะนั่งลงที่โต๊ะ แต่ยมใช้ความเร็วเอาเท้าเขี่ยเก้าอี้ออก ส่งให้เขต7 ล้มลง และหลังสัมผัสกับพื้น
นิดหน่อยลืมตาขยับตัวได้ครบสมบูรณ์ พอเห็นเหตุการณ์ก็งงว่าสองคนมีเรื่องอะไรกัน
“ทำอะไรของคุณเนี่ย”
ยมบอกกับเขต7 ว่า “หลังท่านสัมผัสพื้นแล้วนะ ก็ตามที่ตกลงกันไว้ อย่าใช้วิธีนี้อีก”
เขต7คุมแค้น “ไอ้ขี้โกง แกแพ้ข้าไปแล้ว”
“เราบอกตอนไหนว่าเรายอมแพ้”
นิดหน่อยงงมาก “พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“ไม่มีอะไรหรอก กลับกันเถอะ”
ยมจูงแขนนิดหน่อยที่อยู่ในอาการงุนงงเดินออกไป
เขต7 กัดฟันกรอดๆ เจ็บใจที่เสียรู้ให้กับความเจ้าเล่ห์ของยม สุวรรณ7 เดินเข้ามาสมทบ
“ได้เรื่องอะไรมั้ยครับ”
“ได้อะไรล่ะ เสียท่าให้ไอ้ตัวเจ้าเล่ห์นั่นจนได้”
สุวรรณ7 เซ็ง “เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกินจริงๆ”
“วันนี้เป็นวันของเจ้า แต่สักวันมันต้องเป็นวันของข้า ไอ้เขต8”
เขต7 มองตามยมด้วยสีหน้าเคืองแค้น

ค่ำนั้น ต่อเดินเลือกของอยู่ตรงตู้แช่เครื่องดื่มพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย ที่หลังมีกระบอกใส่แบบสะพายติดตัวอยู่
“แบบแก้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ก็เลยโทร.มาถาม ว่าสะดวกนัดดูแบบกันเลยมั้ย คืนนี้เลยก็ได้ครับ กำลังว่างพอดีเลย ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาไปให้ดูที่บ้านเลย ครับผม แล้วเจอกันครับ”
ต่อวางสาย หยิบซุปไก่แล้วเดินไปวางของที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“ดาวกลับไปแล้วเหรอ”
“พี่ดาวออกไปตามหาหมาน่ะค่ะ”
ต่องง “หาหมา”
“ค่ะ หมาล่ามอยู่มันหลุดหายไปไหนก็ไม่รู้ นี่คุณดาวก็ออกไปตามหาตั้งนานแล้ว”
“อ้าว”
ต่อรีบหยิบมือถือมากดโทร.หาดาว อย่างเป็นห่วง
“ฮัลโหล..ดาวอยู่ไหนนี่ โอเค รอต่ออยู่ตรงนั้นแป๊บนึงนะ เดี๋ยวต่อไปหา”
ต่อรีบออกจากร้านไปทันที ของที่ซื้อไว้ก็ไม่ได้เอาไปด้วย

ดาวยืนรอต่ออยู่ริมถนนจุดนัดด้วยสีหน้าร้อนใจ เพราะยังตามหาหมาไม่เจอ
สักครู่หนึ่งต่อขี่มอเตอร์ไซค์เวสป้ารุ่นใหม่เอี่ยม เข้ามาจอดเทียบ
“เป็นไงบ้าง เจอโบ้รึยัง”
“ยังเลย”
“ขึ้นรถสิ”
ดาวลังเลเล็กน้อย จนต่อต้องเร่ง
“เร็วๆ สิ มัวช้า เดี๋ยวมันก็ยิ่งเตลิดไกลไปใหญ่”
“โอเคๆ”
ดาวขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ต่อขี่ออกไป

รถเวสป้าของต่อแล่นเข้ามาในซอย ดาวซ้อนมอเตอร์ไซค์ต่อมาด้วยท่าทีเกร็งๆ เขินๆ ที่ได้ใกล้ชิดต่อ ขณะที่ต่อขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย สายตาสอดส่ายมองหาหมาไปด้วย
“แล้วทำไมไม่โทร.เรียกต่อให้มาช่วยหาเนี่ย ออกมาหาคนเดียว มันอันตรายมั้ย”
“ก็กลัวต่อติดงาน เลยไม่อยากกวน”
“แหม..ก็ลองโทร.มาก่อน ถ้าไม่ติดงานสำคัญจริงๆ ต่อมาหาได้อยู่แล้ว”
ดาวแอบอมยิ้มโดยที่ต่อไม่เห็น ต่อเห็นดาวเงียบไปเลยหันหลังมามอง ดาวรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“มองไร”
“เปล่า ก็เห็นเงียบๆ ไป คิดว่าตกมอ’ไซค์ไปแล้ว”
“ไม่ตกหรอกน่า”
ต่อเบรครถกะทันหัน ดาวถลำมาหาต่อทั้งตัว หน้าอกปะทะหลังของต่อเต็มๆ ทั้งสองนิ่งตกอยู่ในภวังค์กันท่านั้น
ในห้วงภวังค์นั้น ต่อหน้าตาอึ้งๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกหัวใจเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ ส่วนดาวหน้าตาเห็นชัดว่าขวยเขิน แอบรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
เสียงแตรรถที่ผ่านไปผ่านมา ปลุกทั้งสองให้ตื่นจากภวังค์ ต่อกับดาวสะดุ้งเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอ เบรกซะแรงเลย”
“เมื่อกี๊เหมือนเราเห็นไอ้โบ้น่ะ”
“เหรอ”
ดาวรีบลงจากรถพร้อมกับชะเง้อมองหา ขณะที่ต่อตั้งขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์
“โบ้”
“เดินหากันดีกว่า”
ดาวกับต่อออกเดินตามหาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อไอ้โบ้ "โบ้ๆๆๆ" ไปตามทางในซอย


อีกฟาก รถแล่นเข้าจอดที่หน้าบ้านนิดหน่อย
“ถึงบ้านฉันแล้ว...คุณกลับไปได้”
“แล้วค่าจ้างนำเที่ยววันนี้ คุณคิดเท่าไหร่”
นิดหน่อยทำท่านับนิ้วคำนวณค่าจ้าง ยมมองจ้อง ต้องถูกคิดเยอะแน่ๆ เลย
“ไม่เป็นไร ถือว่าชั้นพาไปทำบุญก็แล้วกัน”
“ใจบุญจริงๆ” ยมยิ้มชื่น “เอาไว้พาผมไปอีกก็แล้วกันนะ”
นิดหน่อยคิดในใจ “หึ...คิดจะจีบชั้นล่ะสิ”
ยมได้ยินบอกทันที “เปล่า อยากให้ทำบุญเยอะๆ ต่างหาก”
นิดหน่อยมองยมหน้าเหวอตกใจ นึกในใจว่ายมได้ยินเสียงความคิดตัวเองจริงๆ เหรอ ขณะที่ยมก็ทำหน้านิ่ง นิดหน่อยบ่นเบาๆ
“พิลึกคน”
นิดหน่อยหันไปเปิดประตูออกจากรถ เจอสมรชะโงกหน้ามองอยู่ที่ข้างกระจกนิดหน่อยตกใจคิดว่าเป็นผี กรี๊ดลั่น
“แอร๊ย ผี”
นิดหน่อยหันไปซบยมหลับตาปี๋ ยมหันไปมอง เห็นเป็นสมรก็กดกระจกลง เพื่อให้เห็นสมรชัดๆ
“ผีที่ไหนล่ะ นั่นแม่คุณ”
นิดหน่อยหันไปมอง เห็นเป็นสมรจริงๆ ก็รีบผละออกจากยม
สมรยิ้มกริ่ม “ขวัญเอ๊ย..ขวัญเรียม”
“ขวัญมา แม่นี่”
นิดหน่อยเปิดประตูออกไปจากรถ ยมเปิดประตูลงตามไป หยุดคุยกับสมร
“ไปไหนกันมาคะ กลับซะมืดค่ำเชียว”
“นิดหน่อยพาไปทำบุญที่วัดมาน่ะครับ”
“ดีค่ะ นิดหน่อยมันชอบทำบุญ เอาไว้ชวนกันไปทำบุญบ่อยๆ นะคะ” นิดหน่อยยิ้มกริ่ม
นิดหน่อยบ่นๆ ชวนแม่เข้าบ้าน “หนูทำร้านขนมนะ ไม่ใช่ทำทัวร์ปฏิบัติธรรม ไปเร็ว เข้าบ้านได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ ชั้นมีธุระกับคุณยมเค้าอยู่ เอ่อ..ไหนๆ ก็มาถึงบ้านแล้ว จะจ่ายค่าเช่าบ้านไว้เลยมั้ยคะ จะได้ไม่ต้องวกไปวนมาอีก”
นิดหน่อยแปลกใจ “เดี๋ยว ครบกำหนดจ่ายค่าเช่ามันอีกตั้งหลายวันไม่ใช่เหรอแม่”
“หลายวันอะไร อีกแค่สองอาทิตย์เอง”
“สองอาทิตย์ก็สิบสี่วันนะแม่”
ยมเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายไว้เลยก็ได้”
“ไม่เอาค่ะ จ่ายตามวันที่ตกลงกันไว้นั่นแหละ” นิดหน่อยไม่ยอมลากสมรเข้าบ้าน “ไปแม่
เข้าบ้าน”
นิดหน่อยลากสมรเข้าบ้านไป สมรโวยวายลั่น เพราะยมก็จะยอมจ่ายให้อยู่แล้ว

จุกยื่นซองใส่เงินที่ขายขนมได้ให้กับนิดหน่อย สองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้าน
“ดีมาก...ครบนะ”
“ไม่ครบ”
สมรซุ่มแอบมองลูกทั้งสองคุยกันอยู่แถวบันไดขึ้นชั้นบน
“เฮ้ย ไม่ครบคืออะไร แล้วหายไปกี่บาท หายไปได้ยังไง”
“เดี๋ยวๆ เอาทีละคำถามสิ มาเป็นชุดแบบนี้ใครจะตอบทัน”
“หายไปกี่บาท”
จุกบอกเสียงอ่อย “ห้าพัน”
“ห้าพัน” นิดหน่อยขึงตาจ้องหน้าจุก “ไอ้จุก”
“เฮ้ย จุกไม่ได้เอาไปนะ”
“ไม่ใช่แกแล้วจะใคร ก็แกเฝ้าร้านอยู่คนเดียว”
สมรซุ่มดูอยู่ ขยับจะขึ้นบ้านหนี แต่ดันทำของแถวนั้นตก
นิดหน่อยกับจุกพากันหันมามอง
“เมี๊ยว”
แม่แมวสมรจะเดินหนีขึ้นบ้าน แต่นิดหน่อยกับจุกมาดักหน้าไว้ทัน
“เฮ้ย ชั้นไม่รู้ไม่เห็นด้วยนะ ชั้นอยู่ร้านแป๊บเดียวเอง”
“หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะแม่”
“แบบนี้เหมือนร้อนตัวนะแม่” จุกจ้องจับผิด
“ร้อนตัวอะไร พูดให้ดีๆ นะเว้ย” สมรโวยกลบเกลื่อน
“ถามจริงนะแม่ แม่เอาไปปะเนี่ย”
“ชั้นจะเอาไปทำอะไรล่ะ แกลองกลับไปดูกันให้ดีๆ เถอะ มันอาจจะตกอยู่ในร้านนั่นแหละ”
“เงินห้าพันนะแม่ ไม่ใช่ห้าบาท มันถึงจะตกในร้านแล้วไม่มีใครเห็นน่ะ”
“ก็จะไปรู้เหรอ เก็บเงินกันยังไงชั้นจะไปตรัสรู้ด้วยมั้ย”
สมรเดินโวยวายออกไป
“ท่าทางแบบนี้ชัดเลย แม่แอบเอาไปเข้าบ่อนแน่ๆ” จุกว่า
นิดหน่อยถอนหายใจด้วยอารมณ์อ่อนอกอ่อนใจ

มอเตอร์ไซค์เวสป้าของต่อจอดอยู่หน้าร้าน ส่วนต่อกำลังป้อนน้ำให้น้องหมาโบ้อยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน จนดาวเดินถือน้ำเดินออกมาจากมินิมาร์ทยื่นให้ ต่อปล่อยโบ้ลง
“กินน้ำก่อน”
ต่อรับน้ำมา “ขอบใจนะ”
“ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้ต่อ เราจะตามหาโบ้เจอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไร แต่ถ้าครั้งหน้ามีปัญหาอะไรอีก รีบโทร.หาต่อเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“โอเค”
ดาวยิ้มรับอย่างมีความสุข ก่อนที่ต่อจะอึ้งไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่านัดลูกค้าไว้
“เฮ้ย”
“มีอะไรเหรอ”
“ลืมไปว่านัดลูกค้าไว้น่ะสิ” ต่อรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร. รอจนฝ่ายนั้นรับสาย “ฮัลโหล..โทษทีครับพี่ พอดีผมติดธุระด่วนจริงๆ ครับ โอเคครับ งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับผม ขอโทษนะครับพี่...ครับ สวัสดีครับ”
รอจนต่อวางสาย ดาวรีบถาม
“ลูกค้าว่าไงบ้าง”
“นัดกันอีกทีพรุ่งนี้น่ะ”
“นั่นไง เกือบจะเสียงานเพราะเราอีกแล้วมั้ยล่ะ”
ต่อยิ้มหน้าเจื่อน “งั้นต่อกลับก่อนนะ”
“โอเค” ดาวโบกมือลา “บาย”
ต่อโบกมือลาตอบ “บาย”
ต่อขึ้นมอเตอร์ไซค์ สตาร์ตเครื่องแล้วขี่ออกไป
ดาวมองตามด้วยสีหน้าใคร่ครวญ ว่าที่ต่อปฏิบัติตัวแบบนี้คิดยังไงกับตนแน่

ดาวอยู่ในห้องนอน นั่งพิมพ์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ตั้งกระทู้ในเว็บ Pantip ห้องบางรัก
“เมื่อผู้ชายลืมภาระ หน้าที่ที่จะต้องทำ เพื่อมาช่วยผู้หญิงคนหนึ่งตามหาหมาที่หายไป..แบบนี้ผู้ชายคิดอะไรกับเรารึเปล่าคะ”
ดาวชั่งใจเล็กน้อย ก่อนกดโพสต์กระทู้นั้นขึ้นเว็บ พรายยิ้มบางๆ ด้วยความรู้สึกดีๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต่อคอยช่วยเหลือตัวเองมาตลอด


ที่นรกภูมิเขต7 มัจจุราชเขต7 นั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะทำงาน เหมือนนั่งรออะไรบางอย่างอยู่
จนเห็นสุวรรณกับสุวานช่วยกันหอบแฟ้มข้อมูลสถิติหลายๆ แฟ้ม มาวางบนโต๊ะทำงานให้
“มาแล้วครับท่าน” สุวรรณ7 บอก
“มีแค่นี้เหรอ”
“ครับผม”
สุวาน7 แปลกใจเลยถาม “ท่านจะดูสถิติคนตายแล้วฟื้นมากมายขนาดนี้เพื่ออะไรครับ”
สุวรรณ7 ตอบแทน “ก็จะใช้ตามล่าหาดวงวิญญาณที่หายไปน่ะสิ”
สุวาน7 งง “เหรอ...ตามหายังไงล่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ตอนนี้ออกไปกันก่อน ข้าต้องการสมาธิ”
“ครับ”
สุวรรณกับสุวานพากันเดินออกไป เขต7 ยิ้มร้ายออกมา
“อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวรู้เรื่อง”
มัจจุราชเขต7 นั่งค้นคว้าข้อมูลการตายแล้วฟื้นอย่างจริงจัง

ที่ท่าเรือนรกภูมิ สุวาน8 พายเรือนำดวงวิญญาณดวงหนึ่งเข้ามาจอดเทียบท่า สุวรรณ8 ยืนรออยู่รีบรับเชือกมาผูกเรือไว้กับหลัก และรับดวงวิญญาณซึ่งถูกตีตรวนขึ้นจากเรือ นายนิรบาลเขต8 เดินเข้ามารับดวงวิญญาณคุมไปต่อ
“เอาไปคุมขังไว้ก่อน รอการตัดสินต่อไป” สุวรรณ8 บอก
นิรบาลคุมดวงวิญญาณออกไป สุวาน8 ขึ้นจากเรือมา
“มาช้าจัง มัวไปโอ้เอ้ที่ไหนมาล่ะ”
“ช้าอะไร เรือพายมันก็เร็วสุดๆ แค่นี้แหละ อยากเร็วกว่านี้ก็ติดเครื่องมั้ย” สุวาน8 ย้อน
สุวรรณ8 ด่าเอา “โถ ไอ้อ้วนเอ้ย”
“เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้เรียกอ้วนเว้ย”
“แล้วเรียกว่า”
“เค้าเรียกสัดส่วนน่ารัก” สุวาน8 บอก
สุวรรณ8 ถุยน้ำลายลงพื้น “ถุย”
สุวรรณ7กับสุวาน7 เดินมาใกล้ๆ สุวรรณ8พอดี เกือบจะโดนน้ำลายเลยโวยวายใหญ่โต
“เฮ้ย ระวังหน่อยสิเว้ย” สุวาน7 โวย
“แกสิระวัง ที่ตั้งเยอะตั้งแยะ ใครใช้ให้มาเดินเฉียดข้าล่ะวะ หรือจะเอา”
สุวรรณ8 ผลักสุวาน7 ออก สุวาน8 รีบเบรกตัวโก่ง
“ใจเย็น ผู้เจริญแล้ว เค้าไม่ใช่กำลังกันหรอก”
สุวรรณ7 ยิ้มกระหยิ่ม “ถ้าจะขึ้นไปเจอเจ้านาย ก็ฝากบอกด้วยนะ ว่าท่านเขต7 ของเรากำลังหาวิธีใหม่ในการสืบหาดวงวิญญาณที่หายไปอยู่”
สุวรรณ8 ตีหน้าซื่อ “หาดวงวิญญาณที่หายไปอะไร ไม่รู้เรื่อง”
“จริงรึ” สุวรรณ7แกล้งถาม
สุวรรณ8 ตอบทันที “จริงซิ”
สุวาน7 ถามอีก “แน่นะ”
สุวาน8 ตอบทันที “อ๋อแน่ซิ”
สุวรรณ7 กับสุวาน7 ไม่เชื่อจ้องหน้าสุวรรณ8 กับสุวาน8 อย่างจับพิรุธ จนสุวรรณ8 รู้ตัว ร้องโวยวายกลบเกลื่อนขึ้นมา
“เฮ้ย เจ้านายแกอยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องมาบอกกันหรอก”
“เออ ไม่ได้อยากรู้เลยซักนิด” สุวาน8 ว่า
“ไม่อยากรู้จริงสิ ว่าเจ้านายข้าจะใช้วิธีอะไรในการตามหาดวงวิญญาณ” สุวาน7 บอก
สุวาน8 หูผึ่ง ท่าทางสนใจมาก “ใช้วิธีอะไรเหรอ”
“ไม่อยากรู้แต่หูผึ่งเลยนะมึง..มานี่ กลับ”
สุวรรณ8 ลากคอสุวาน8 เดินออกไป สุวรรณ7 กับสุวาน7 ยิ้มย่องอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า

เช้าวันนี้ที่บ้านเช่า ยมพยายามจับแก้วน้ำ แต่มือก็ผ่านแก้วไปวูบหนึ่ง ยมลองจับแก้วอีกครั้ง ครั้งนี้จับได้ สุวรรณมองอยู่ใกล้ๆ รู้สึกหนักใจแทน
“ท่านก็ไม่น่าไปสู้กับท่านเขต7 เล้ยย ดูซิ พลังยิ่งน้อยๆ อยู่ ไปสู้กับเค้าเลยยิ่งน้อยลงไปใหญ่”
“เขต7 ทำอย่างนั้นมันอาจจะมีผลกระทบกับนิดหน่อย เรายอมไม่ได้”
สุวรรณถอนหายใจเครียดหนัก “ดูท่างานนี้คงจะเหนื่อยกันหนัก”
“มีอะไรอีกงั้นเหรอ”
“ตอนนี้ท่านเขต7 กำลังสืบหาดวงวิญญาณที่หายไปอย่างหนักเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไร”
“ชาติที่แล้วเป็นตำรวจหรือหมาพิตบูลกันแน่นะ กัดไม่ปล่อยจริงๆ”
“ท่านต้องเตรียมแผนตั้งรับให้ดีๆ นะครับ ผมว่าอีกไม่นาน ท่านเขต7 ต้องเคลื่อนไหวอะไรสักอย่างแน่”
ยมยิ้มมุมปาก วางมาดเท่ “The best plan is no plan”
“อ้าว งงเด๊ งงเด๊ ช่วยแปลให้หน่อยได้มั้ยครับ”
“แผนที่ดีที่สุด คือการไม่ต้องวางแผนใดๆ ทั้งนั้น”
“มาปรัชญาซะงั้น งงหนักเลย”
“ในเมื่อยังไม่รู้ว่ามันวางแผนทำอะไรอยู่ ก็ป่วยการที่เราจะวางแผนตั้งรับ ปล่อยไปสบายๆ ไม่ต้องเครียด”
ยมยิ้มกริ่มมั่นใจว่ารับมือเขต7 ได้ สุวรรณหน้าเครียด ทั้งเป็นห่วงและกังวลว่ายมจะพลาดท่าเสียที

รถของยุพาแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ยุพาเปิดประตูออกมาจากรถ ก่อนจะถอดแว่นตากันแดดออก เผยให้เห็นแววตาจิกกัดมาดร้าย
สมรเดินออกมาจากบ้าน กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“มาทำไมอีก”
“ชั้นมาไม่นานหรอก ไม่อยากจะเกลือกกลั้วอยู่แถวนี้นานๆ”
“มีไรก็ว่ามา”
“ช่วยกำชับลูกๆ เธอหน่อยนะ ว่าอย่าไปเที่ยวขอเงินจากคุณชนกอีก”
“ทำไม ได้เงินน้อยลงรึไง ถึงได้มาพาล หาว่าลูกชั้นไปขอเงินจากไอ้พ่อเฮงซวยนั่นน่ะ”
ยุพาอึ้งไปเล็กน้อย ที่สมรรู้ว่าตัวเองได้เงินน้อยลง
“หึ แสดงว่าจริง ชั้นน่ะเจอมาก่อนแล้ว ไอ้ที่ให้เงินน้อยลงเนี่ย บอกให้เอาบุญละกัน ไม่ต้องมาเช็คกับลูกๆชั้นหรอก ไปเช็คกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นเถอะ ว่ามันแอบซุกนักศึกษาไว้ที่ไหนรึเปล่า”
ยุพาหน้าเจื่อน “ไม่จริง คุณชนกเค้ารักชั้นคนเดียว”
“ตอนนั้นมันก็บอกรักชั้นคนเดียวอยู่ทุกวัน แล้วเป็นไงล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็บอกลูกของเธอไว้ด้วย เราจะได้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาเจอกันอีก”
“ชั้นไม่เอาเงินจากผู้ชายคนนั้นแน่นอน”
นิดหน่อยได้ยินทุกคำ ส่งเสียงนำมา ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจุก จะเปิดประตูรถ
“ขอให้คุณสบายใจได้ แล้วก็กลับไปซะ อย่ามายุ่งกับแม่ชั้นอีก”
“ชั้นเลี้ยงลูกของชั้นได้โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาใครหรอกโว้ย เห็นแบบนี้นี่มีฐานะนะคะ ไม่ใช่กระจอกงอกง่อย”
จู่ๆ ชายฉกรรจ์ 2 คน เดินเข้ามาหาสมร
“หวัดดีพี่หมอน เงินที่ยืมไปน่ะ สรุปว่าไง” ชาย1 ถาม
“อุ๊ยตาย มีฐานะ…ไม่ค่อยจะดีรึเปล่าคะ” ยุพาล้อ
นิดหน่อยแปลกใจ “มีอะไรกันน่ะแม่”
“แม่เธอยืมเงินเฮียกวงไปสี่หมื่น นัดคืนวันนี้” ชาย1 บอก
“ยืมไปทำอะไรตั้งสี่หมื่นอ่ะแม่” นิดหน่อยงง
“จะเอาไปทำอะไร๊ ถ้าไม่ใช่ไปเข้าบ่อน” ยุพาสอดขึ้น
“เสือก”
“อุ๊ย อินเนอร์แรง มันแทงใจดำเหรอคะ” ยุพาลอยหน้าใส่
“ทนไม่ไหวแล้ว อีนี่”
สมรทนไม่ไหวเข้าไปตบตีกับยุพา จุกเข้าไปห้ามยุพา ส่วนนิดหน่อยเข้าไปห้ามสมร บรรยากาศวุ่นวาย
ชายฉกรรจ์ 2 คน มองหน้ากันเชิงหารือว่าจะเอาไงดี ชาย1 หันไปเห็นรถนิดหน่อยจอดอยู่หน้าบ้าน มีกุญแจคาประตูอยู่พอดี
“กุญแจคาอยู่พอดี ไปเอามาดิ๊”
ชาย2 เดินเข้าไปที่รถนิดหน่อย แย่งกุญแจสตาร์ตรถ ท่าทางข่มขู่จะทำร้าย ถอยรถออกมา ศึกระหว่างยุพากับสมรหยุดลงชั่วคราว นิดหน่อยโวยวาย
“จะเอารถหนูไปไหน”
“เอาไปจอดบ้านเฮียเค้าไว้ก่อน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยไปไถ่คืน” ชาย1 กวนตีนใส่
นิดหน่อยโวยไม่ยอม “ไม่ได้นะ ทำแบบนี้หนูจะไปแจ้งความ”
“อยากลองดีกับเฮียเค้าก็รีบไปแจ้งเลย ไป”
ชาย1 ท้าทายแล้วขึ้นรถนิดหน่อย ให้ชาย 2 ขับออกไปเลย
“นี่แหละนะ ที่เค้าว่า โจรปล้น10 ครั้ง ยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านสิบครั้งยังเหลือที่ดิน แต่เล่นการพนันแค่ครั้งเดียว” ยุพายื่นหน้าไปล้อเลียนสมร “ไม่เหลืออะไรเลยยยย”
สมรตบเปรี้ยงเข้าหน้ายุพาจังๆ ยุพากับสมรเปิดศึกกันอีกรอบ บรรยากาศชุลมุนวุ่นวายอีกยก


นิดหน่อยทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาภายในร้านด้วยท่าทีอ่อนอกอ่อนใจ ทั้งเรื่องยุพาที่ยังมาวุ่นวายไม่เลิก และเรื่องสมรที่ยังแอบเข้าบ่อน
“เฮ้อ...ชีวิตชั้น”
จุกกำลังจัดขนมเข้าชั้น อารมณ์ไม่ได้ต่างกับพี่สาวสักเท่าไหร่
“แม่นะแม่ แล้วนี่จะหาเงินจากไหนไปไถ่รถกันดีล่ะ”
“ไม่รู้เลย เงินเก็บพี่ตอนนี้ก็เอาไว้ใช้หมุนที่ร้านน่ะ เอามาใช้ไม่ได้หรอก”
“งั้นยืมใครดีล่ะ”
นิดหน่อยเสียงแข็ง “ไม่ เราจะไม่ยืมใครทั้งนั้นแหละ ถ้ายังหาไม่ได้ก็ปล่อยให้เค้ายึดไปก่อน”
จุกพยักหน้ายอมรับสภาพ “โอเคๆ”
นิดหน่อยนิ่งไปครู่หนึ่ง คิดหาหาทางแก้ไขสถานการณ์ชีวิต แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี หยิบจี้ไหลน้ำพี้ที่ห้อยคออยู่ ออกมาพนมมืออธิษฐาน
“สาธุ ขอให้ลูกผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปได้ในเร็ววันด้วยเถิด”
“อ้าว เอาสร้อยยายมาห้อยแล้วเหรอ”
นิดหน่อยพยักหน้ารับ “ช่วงนี้รู้สึกแย่ๆ หลายอย่างน่ะ อยากมีอะไรยึดเหนี่ยวให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง”
“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปพี่ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไปซื้อปลามาทอดสักตัวสิ”
นิดหน่อยงง “ทำไมต้องทอดปลา”
“ก็เวลาปลาโดนน้ำมันร้อนๆ พี่จะได้ยินเสียง” จุกชูสองนิ้วประกอบ “สู้ สู้ ยังไงล่ะ”
นิดหน่อยขำ “นี่เล่นมุกหรือหิวจริง”
“ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่เนี่ย ปลาเก๋าสักตัวมั้ย”
“ปลาท่องโก๋เหอะ ชั่วโมงนี้ รถโดนยึดไปต่อหน้าต่อตายังไม่เจียมอีก”
“จบข่าว”
จุกส่ายหน้ายิ้มเซ็งๆ นิดหน่อยเจอมุกน้องก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้าง

ยมเดินมาตามทางเดินในบ้านเช่า เหตุการณ์ดูเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไร แต่ฉับพลันทันใดนั้นเอง ร่างยมก็ลอยขึ้นเหมือนมีใครบีบคอและยกขึ้น
ยมพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่มีแรงพอ ร่างยมถูกเหวี่ยงลอยไปกระแทกที่ผนังร่วงลงพื้น ยมตะเกียกตะกายลุกขึ้น พยายามมองหาวิญญาณที่บุกเข้ามา แต่ก็มองไม่เห็น มีเพียงเสียงหัวเราะที่ชวนขนหัวลุกดังแว่วเป็นระยะ
ยมโดนทำร้ายอย่างหนัก จากสิ่งที่มองไม่เห็นดีดนิ้วเรียกขอความช่วยเหลือ
“สุวรรณ”

ที่ออฟฟิศนรกเขต8 สุวรรณนั่งกางบัญชีบุญทำงานของตัวเองไป เลยไม่ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือจากยม

สมรกำลังขัดสีฉวีวรรณรถนิดหน่อยอย่างอารมณ์ดี หลังจากเพิ่งให้โชคใหญ่ในวันนี้ จุกกับนิดหน่อยเดินเข้ามา เห็นสมรกำลังเช็ดรถก็งงเด้
“อ้าว รถมันมาได้ไงเนี่ยแม่”
“ชั้นก็ไปไถ่ออกมาน่ะสิ”
“แล้วแม่เอาเงินที่ไหนไปไถ่ อย่าบอกนะว่าไปเข้าบ่อนมาอีก” นิดหน่อยไม่อยากเชื่อ
“โอ๊ย หนังหน้าชั้นมันดูเป็นพวกผีพนันขนาดนั้นเลยรึไง”
“มองหน้าแม่ทีไร นึกถึงไพ่แหม่มโพธิ์แดงอ่ะ”
สมรแว้ดใส่ “ไอ้จุก”
จุกจ๋อยไป
นิดหน่อยมองจ้อง “ว่าไงแม่ เอาเงินจากไปไถ่รถมาเนี่ย”
“ชั้นถูกหวยโว้ย ทะเบียนรถนี่แหละ ตรงๆ เลย”
สมรบรรจงขัดรถอย่างอารมณ์ดี
“ต้องเป็นเพราะพี่อธิษฐานกับสร้อยเมื่อเช้านี้แน่เลย แม่ถึงถูกหวยแบบนี้”
“บังเอิญมากกว่า” นิดหน่อยว่า
“เป็นเพราะดวงชั้นกำลังขึ้นต่างหาก” สมรคุยกับรถ “ถ้างวดหน้าถูกอีก จะซื้อแว็กซ์อย่างดีมาขัดให้เงาวิ้งเลยนะคะ”
“ไปไถ่มาได้ก็ดีแล้วแม่...แต่หนูขอได้มั้ย แม่อย่าไปเข้าบ่อนอีกเลยนะ” นิดหน่อยไม่เชื่อใจแม่อยู่ดี
“โอ๊ย คนกำลังอารมณ์ดีๆ อย่ามาทำให้จิตใจขุ่นมัวได้มั้ย เอ้อ มาก็ดีแล้ว เอาของไปให้คุณยมที่บ้านเช่าหน่อย”
สมรเดินไปหยิบถุงใส่ผลไม้มายื่นให้นิดหน่อย
“อ่ะนี่ บอกแม่ฝากมาให้”
“ไม่เอาอ่ะ ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน”
“คืนนี้แหละ พรุ่งนี้เดี๋ยวผลไม้มันเหี่ยวมันเซ็ง ดูไม่ดี”
“เดี๋ยวจุกเอาไปให้เองก็ได้”
“ไม่ต้อง ให้พี่แกไปนี่แหละ”
นิดหน่อยอิดออดจะไม่ยอมไป

ทางด้านยมถูกวิญญาณผีตายโหงลากมาตามพื้น ท่าทีดูอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“อาจารย์ขาวส่งแกมาใช่มั้ย”
“อาจารย์ขาวต้องการรู้ว่าแกเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่”
“กลับไปบอกอาจารย์ขาวของแก....”
วิญญาณลากยมมาหยุดที่กลางโถงบ้าน ก่อนจะคุกเข่าลงไปรอฟังคำตอบจากยม
“บอกว่า...”
“แน่จริงมาเอง...อย่าเก่งแต่ส่งผีชั้นต่ำมา”
วิญญาณผีตายโหงโมโห กรีดร้องอย่างคุ้มคลั่ง บีบคอยมอย่างรุนแรง
นิดหน่อยเปิดประตูเข้ามาในบ้านพอดี แสงจากจี้ไหลน้ำพี้ที่ห้อยคออยู่เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่ว
วิญญาณผีตายโหงกรีดร้องโหยหวนหายวับไปโดยเร็ว นิดหน่อยชะงักอึ้งๆ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันมองเห็นวิญญาณร้ายที่หายตัวไป
ยมพยายามลุกขึ้นด้วยอาการอ่อนแรง
“คุณ”
นิดหน่อยเข้าไปประคองร่างยม จังหวะนี้จี้ไหลน้ำพี้โผล่ออกมาจากคอเสื้อนิดหน่อย ยมสะดุดตากับจี้เส้นนั้น แต่ก็เหนื่อยล้าโรยแรงเต็มทน
“สร้อยนั่น”
ยมปรือตามองที่สร้อยจี้ไหลน้ำพี้ แล้วหวนนึกถึงอดีตตอนสงคราม

ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยจี้ไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมานะ...ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เด็กหญิงพยักหน้ารับเอาคำ
ชายหนุ่มรีบออกไป เด็กหญิงมองตามแผ่นหลังไป ร้องบอก
“พี่ชายรีบกลับมานะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ ยินเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้น
ชายหนุ่มหันกลับไปมองเด็กหญิงอย่างเป็นกังวล เด็กหญิงตกใจกลัว วิ่งออกมาหาชายหนุ่ม
“พี่ชาย”
เวลานั้นระเบิดถูกปล่อยลงจากเครื่องบินทิ้งระเบิดบนฟ้า ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปดันร่างเด็กหญิงให้กลับเข้าไปในมุมปลอดภัย
“อย่าออกมา!”

ระเบิดดังตูมใหญ่ ร่างชายหนุ่มหายเข้าไปในเปลวไฟต่อหน้าต่อตาเด็กหญิง

อ่านต่อตอนที่8


กำลังโหลดความคิดเห็น