xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 6 | นิดหน่อยเปลี๊ยนไป๋

บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : สิริวัฒน์69

รถของชนกแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านซึ่งชั้นล่างเป็นร้านขนม SweetนิดSweetหน่อย ชนกปลดเข็มขัดเตรียมลง ขณะที่ยุพา เมียใหม่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่เบาะด้านข้าง

“รออยู่ในรถนี่แหละ เดี๋ยวพี่มา”
“ก็ไม่อยากลงไปนักหรอก”
ชนกมองยุพาเซ็งๆ คร้านจะต่อปากต่อคำ ก่อนจะเปิดประตูออกจากรถไป

สมรนั่งกุมขมับเครียดอยู่ที่โซฟาโถงร้าน จุกกดโทรศัพท์พยายามโทร.หานิดหน่อยตลอดเวลา
“โทร.ไม่ติดเลยแม่ เหมือนจะปิดเครื่องไปแล้ว”
“โอ๊ย..มันไปอยู่ที่ไหนของมันนะ”
ชนกเดินเข้ามาในบ้านถามขึ้นด้วยอาการร้อนใจ
“นิดหน่อยกลับมารึยัง”
สมรหันขวับ ขึงตาจ้องชนกอย่างไม่พอใจ “แกมาได้ไงเนี่ย”
“ชั้นมาหานิดหน่อย นิดหน่อยกลับมารึยัง”
สมรถามเสียงขุ่น “ใครบอกแก ว่านิดหน่อยหายตัวไป”
ชนกเหลือบมองไปที่จุกแทนคำตอบ
สมรแหวใส่จุกเสียงเขียว “แกบอกเรื่องนี้กับมันเหรอ”
“จุกก็แค่โทร.ไปถามพ่อ ว่าพี่นิดหน่อยไปหาพ่อรึเปล่า ก็เท่านั้นเองแม่”
“นิดหน่อยมันจะไปหาพ่อเฮงซวยเพื่ออะไร แกก็รู้ว่าพี่แกเกลียดพ่อเฮงซวยนี่อย่างกับอะไร”
ชนกยัวะ “เฮ้ย ชั้นมาหาลูก ไม่ใช่มาชวนทะเลาะ”
“ไม่ต้องมา กลับไปอยู่กับนังยุพาโน้น”
“ยังไงนิดหน่อยก็ลูกชั้น ชั้นมีสิทธิที่จะเป็นห่วงในฐานะคนเป็นพ่อ”
“แกไม่มีสิทธิใช้คำว่าพ่อ นับตั้งแต่วันที่แกไปนอนกกอยู่กับนังยุพา”
จุกส่ายหน้าด้วยอารมณ์เหนื่อยใจ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปเงียบๆ
“ออกไปเลย ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้”
ชนกนิ่ง ยังอยากรู้ข่าวคราวของนิดหน่อยอยู่ สมรทนไม่ไหวก็เข้ามาผลักไส โวยวายให้ชนกออกไปจากบ้าน
“ไปสิวะ จะหน้าด้าน หน้าทนอยู่ทำไม ออกไปจากบ้านชั้น”
เสียงยุพาดังขึ้น “โอ๊ย บอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ไม่เชื่อกัน”
ยุพาเดินเข้ามาในบ้าน สมรเห็นยิ่งโมโหคูณสอง สองเมีย เก่า-ใหม่ เปิดฉากฉะกัน
“มาตัวเดียวไม่พอ นี่มาคู่กันเลยเหรอ บ้านชั้นไม่ใช่ที่วางไข่นะโว้ย”
“ชั้นคน ไม่ใช่ไก่ ถึงจะต้องมาวางไข่กันที่นี่”
“ชั้นหมายถึงตัวเงินตัวทอง”
“อ๊าย มันว่าเราเป็นตัวเงินตัวทอง พี่ได้ยินมั้ย”
“บอกแล้วไงว่าให้รออยู่ในรถ จะเข้ามาให้มันวุ่นวายเพื่อ” ชนกโมโห
“ไม่อยากวุ่นวายก็รีบพากันกลับไปสิวะ”
“ไปค่ะ ยุพาเหม็นสาบคนแถวนี้”
ยุพาพยายามลากชนกออกจากบ้าน นิดหน่อยเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพร่างกายดูปกติทุกอย่าง
สมรพาลใส่ “นิดหน่อย แกหายไปไหนมาเนี่ย”
ชนกถามลูกอย่างเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างลูก”
นิดหน่อยมองทุกคนงงๆ น้ำเสียงเย็นชา “มีอะไรกัน”
“แกหายไปทั้งคืน ติดต่อก็ไม่ได้ ยังจะมาถามอีกว่ามีอะไร” สมรอารมณ์ขุ่น
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ”
นิดหน่อยเดินขึ้นบ้านไปด้วยท่าทีเฉยเมย ทั้งสมรและชนกมองตามด้วยสายตางุนงงกึ่งแปลกใจ ขณะที่ยุพายืนกระฟัดกระเฟียดอย่างหงุดหงิด

จุกขึ้นห้องนอนมานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง กำลังเซ็งเรื่องชนกกับสมรทะเลาะกัน
จุกหยิบรูปครอบครัวพร้อมหน้า มีสมร ชนก จุกและนิดหน่อยตอนเด็ก ออกมาจากที่ซ่อนใต้เตียง ไม่ให้สมรมาเห็น
เสียงเปิดประตูดัง จุกรีบซ่อนรูปก่อนจะมองไปที่ประตู นิดหน่อยเข้ามาในห้อง มองรอบห้องอย่างงงๆ เหมือนคนเข้าห้องผิด
“พี่นิดหน่อย”
จุกมองนิดหน่อย เห็นวิญญาณของไข่มุกทับซ้อนอยู่
“เฮ้ย”
จุกขยี้ตาเห็นเป็นนิดหน่อยปกติ จุกลุกไปหาพี่สาว
“พี่หายไปไหนมาเนี่ย โทร.หาก็ไม่ติด”
“ไม่ได้ไปไหน ก็อยู่แถวๆ นี้นี่ล่ะ” นิดหน่อยมองรอบๆ ห้อง ท่าทีงงๆ “นี่ห้องใคร”
“อ้าว ก็ห้องผมน่ะสิ นี่งงอะไรเนี่ย”
“เปล่า ไม่ได้งงอะไร”
นิดหน่อยเดินกลับไปที่ห้อง จุกเดินตามไปเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
นิดหน่อยเปิดประตูเดินเข้าห้องมา ทันใดนั้นเกิดมีแสงสีน้ำเงินวูบวาบขึ้น จากสร้อยไหลน้ำพี้นั่นเองนิดหน่อยร้องกรี๊ด ก่อนจะผงะออกมาจากห้อง
จุกเห็นก็แปลกใจ “พี่เป็นอะไรรึเปล่า”
นิดหน่อยเสียงแข็ง “เปล่า ชั้นไม่ได้เป็นอะไร”
นิดหน่อยเดินเข้าห้องไป จุกเห็นวิญญาณไข่มุกทับซ้อนอยู่ที่ตัวนิดหน่อยอีกครั้ง ร้องลั่น
“เฮ้ย”
นิดหน่อยหันกลับมา เห็นเป็นหน้าไข่มุกมองจุกตาขวาง
“คุณเป็นใครอ่ะ”
“อย่ามายุ่งกับชั้น” ผีไข่มุกตวาด
จุกอึกอัก หวาดกลัว “คุณจะทำอะไรพี่สาวผม”
“ถ้าไม่อยากให้พี่สาวแกตายก็อย่ามายุ่ง”
ไข่มุกหันกลับกลายเป็นร่างนิดหน่อย เดินลงไปชั้นล่าง
จุกยืนอึ้ง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี


ส่วนที่หน้าบ้าน สมร ชนก และยุพากำลังทะเลาะกันวุ่นวาย
“ไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก...ไป๊” สมรตะเพิด
“ไปอยู่แล้วโว้ย ไม่ต้องมาไล่”
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไม่มีความรับผิดชอบ อย่าได้เจอกันอีกเลย สาธุ” สมรยกมือท่วมหัวสาปส่งผัว
ชนกชักโกรธ “เฮ้ย ชั้นไม่มีความรับผิดชอบตรงไหน พูดให้ดีๆ หน่อยนะ”
นิดหน่อยเดินออกมายืนกอดอกมองสมรกับชนกทะเลาะกันอย่างประเมินสถานการณ์
“ทิ้งลูกทิ้งเมียไม่เคยดูดำดูดี ส่งเสียเลี้ยงดู แบบนี้คือมีความรับผิดชอบอย่างนั้นเรอะ”
“ชั้นก็พยายามจะให้อยู่เรื่อยๆ แต่ลูกไม่ยอมรับจากชั้นเองนี่”
“ลูกไม่รับก็เอามาให้ชั้นนี่ ยังไงชั้นก็เป็นคนเลี้ยงดูพวกมันอยู่แล้ว”
“ให้เธอ ก็เอาไปเข้าบ่อนหมดน่ะสิ”
“ใช่ คงจะเหลือถึงลูกหรอกนะ” ยุพาสอดขึ้น
สมรแหวใส่ “อย่าเสือก”
“จะเสือก มีไรมะ” ยุพาลอยหน้าใส่
“คันไม้คันมือมานาน ขอซักทีเถอะวะ”
สมรกับยุพาปรี่เข้าหาจะตบกัน ชนกรีบเข้าแทรกกลางห้ามปราม
“เฮ้ย...หยุด!”
ยุพากับสมรผละออกจากกัน แต่ก็ยังฮึ่มฮ่ำไม่เลิก พร้อมเปิดศึกได้ตลอดเวลา ชนกเหลือบเห็นนิดหน่อยยืนอยู่
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าชั้นจะให้เงิน ชั้นจะให้กับนิดหน่อยเท่านั้น จะไม่ยอมผ่านมือเธอเด็ดขาด”
จู่ๆ นิดหน่อยแบมือขอเงิน “ไหนล่ะเงิน”
ชนกงง “ว่าไงนะ”
นิดหน่อยแบมืออยู่อย่างนั้น “อ้าว ก็บอกจะให้เงินไม่ใช่เหรอ ไหนล่ะเงิน”
ชนกหยิบกระเป๋าออกมาด้วยท่าทีงงๆ ในกระเป๋ามีประมาณ 30,000 บาท ชนกนับเงินส่งให้ลูกสาวราวๆ ห้าพัน แต่นิดหน่อยชำเลืองมองอยู่ร้องทักขึ้น
“เอามาหมดกระเป๋านั่นแหละ”
ชนกแปลกใจมาก “ปกติพ่อพยายามให้ตั้งหลายครั้งไม่เคยรับ มาวันนี้ทำไมรับล่ะ”
“ให้นิดๆ หน่อยๆ ก็พอค่ะ” ยุพาบอก
“อย่ายุ่ง”
นิดหน่อยตวาด มองยุพาตาขวาง เล่นเอายุพาอึ้งๆ เมื่อเห็นนิดหน่อยท่าทางเอาจริง จึงไม่กล้าต่อปากต่อคำด้วย
“ว่าไง จะให้ ไม่ให้ เสียเวลา”
ชนกหยิบเงินทั้งกระเป๋ายื่นให้ “ให้สิ อ่ะนี่ลูก”
นิดหน่อยรับเงินจากชนกแล้วเดินออกไปทันที
“ไหนว่าลูกสาวเป็นคนดีนักดีหนาไงคะ ท่าทางแบบนี้เหมือนจะดีแตกซะละ” ยุพาบ่นงึมงำ
สมรยิ้มกริ่ม “ดีแตกเหรอ”
ยุพาตายใจ “ก็เออน่ะสิ”
สมรฉวยจังหวะยุพาตายใจ ตบหน้ายุพาจนหัวทิ่มไป
“อีนี่ เล่นทีเผลอ มึง”
ยุพากับสมรซัดกันนัว...บรรยากาศวุ่นวายอลเวง
ชนกลากยุพาขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ตัวเองก็โดนสมรตบตีข่วนไปหลายดอก
จุกมองลงมาจากห้องบนบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี

เช้าวันนี้ยมล็อกแม่กุญแจที่ห่วงของประตูบานหนึ่ง มีสุวรรณและสุวานยืนอยู่บริเวณโถงบ้านที่ประตูสามบานตรงกัน
“จบบริบูรณ์ ทีนี้ก็ไม่มีใครเปิดประตูทั้งสามบานตรงกันได้อีก” สุวรรณว่า
“เฮ้อ กว่าจะตามจับวิญญาณได้หมด จริงๆ มันน่าจะเอาประตูออก แล้วก็ปิดตายไปซักบานสองบาน จะได้ตัดปัญหาให้เด็ดขาดไปเลย” สุวานออกไอเดีย
“มันใช่บ้านเจ้านายเราซะที่ไหนล่ะ เจ้านี่ก็พูดไม่คิด”
เขต8ในร่างยมนึกขึ้นได้ “แล้วเจ้าสนเป็นยังไงบ้าง”
“อ๋อ ก็เดินทัวร์นรก เป็นผีไม่มีศาลไปเรื่อยล่ะครับ” สุวานบอก
“มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับนายสนอย่างนั้นหรือครับ” สุวรรณสงสัย
“เราไปที่บ้านของสนกับอารดามาเรียบร้อยแล้ว”
“เหรอครับ...บ้านยังอยู่ปกติดีใช่มั้ยครับ” สุวานซัก
“บ้านถูกขายให้คนอื่นไปแล้ว”
“อ้าว นี่ก็เท่ากับนายสนตายฟรีน่ะสิครับ” สุวรรณแปลกใจ
สุวานสงสาร “โถๆๆ อุตส่าห์ยอมตายเพื่อจะรักษาบ้านเอาไว้ สุดท้ายเมียขายบ้านทิ้งซะอย่างนั้น”
สุวรรณขำ “มาว่าเจ้านายเราไม่เข้าใจความรักของมนุษย์ นี่มันคิดว่าเจ้านายของเรา โง่ เหรอ”
“นั่นสิ ว่าเจ้านายเราโง่ แต่มันนั่นแหละ โง่กว่า” สุวานเสริม
“แบบนี้เค้าเรียก เหนือโง่ยังมีโง่”
สุวรรณกับสุวานหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน ขณะที่ยมเริ่มมีอาการหงุดหงิดโมโห ทำให้เขาที่หัวเริ่มโผล่ออกมา
“ใจเย็นๆ ครับท่าน เขางอกออกมาแล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะยุ่งนะครับ” สุวรรณปลอบ
“อย่าไปโกรธนายสนมันเลยนะครับ มันมีปากก็พูดไป๊” สุวานเสริม
“โกรธเจ้าทั้งสองนั่นแหละ”
สุวรรณ กะ สุวาน ร้อง “แฮ่” อย่างงุนงง
“ฟังเจ้าสองคนว่าเจ้าสน แต่เรารู้สึกเจ็บยังไงไม่รู้”
“เราสองคนจะว่าเจ้านายได้ยังไงล่ะครับ”
“ใช่ครับ ใจเย็นๆนะครับ”
สุวรรณกับสุวานบีบนวดเอาใจ ยมพยายามสงบสติอารมณ์ ทำให้เขาค่อยๆ หดกลับเข้าไปในหัว
“กลับไปบอกเจ้าสนด้วยนะ ว่าบ้านที่มันลงทุนรักษาไว้ด้วยชีวิต บัดนี้มันถูกขายไปซะแล้ว”
“ครับท่าน” สุวรรณรับเอาคำ
ระหว่างนี้รุจิภาเปิดประตูเดินยิ้มเข้ามาหายม สุวรรณกับสุวานเดินวนเวียนสำรวจรอบตัวรุจิภา อารมณ์เจอของสวยๆ งามๆ โดยที่รุจิภามองไม่เห็นสองกุมภัณฑ์
“มอร์นิ่งค่ะคุณยม”
“แหม...ขึ้นมามิทันไร เจ้านายเราก็ฮอต ยิ่งกว่าน้ำในกระทะทองแดงซะแล้ว” สุวานแซว
“สงสัยจะได้รู้จักรักแท้ก็คราวนี้ล่ะ” สุวรรณยิ้มกระหยิ่ม
“กลับนรกไปเลยไป” ยมเผลอหลุดปาก
“ค่ะ งั้นรุจิลานะคะ เย้ย นี่โกรธอะไรรุจิรึเปล่าคะ ถึงกับไล่รุจิไปลงนรกเนี่ย”
ยมรู้ตัว “อ๋อ ไม่ได้โกรธอะไรครับ...เมื่อกี๊ผมพูดกับจิ้งจกตุ๊กแกแถวนี้”
รุจิภาทำเป็นกลัว ขยับเข้าไปซบแขนยม
“ตายแล้ว รุจิกลัวจิ้งจกตุ๊กแกค่ะ”
สุวานเข้าไปซบอกสุวรรณ ล้อเลียนยมกับรุจิภา
“สุวานก็กลัวจิ้งจกตุ๊กแกค่ะพี่สุวรรณขา”
ยมโมโหที่ถูกล้อไม่เลิก จนเขาที่หัวเขาสองข้างงอกออกมา สุวรรณสะกิดให้สุวานดู สองคนตาเหลือกกลัวรุจิภาจะเห็นร่างจริงของยมเข้า
“อุ้ยๆๆ ใจเย็นครับท่าน เดี๋ยวผมกับสุวรรณจะลงนรกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
“ลาล่ะครับ”
สุวรรณกับสุวานพากันหายตัวไป
เขาบนหัวยมค่อยๆ หดลงจนเป็นปกติ ยมดันตัวเองออกจากรุจิภา
“ไม่ต้องกลัวนะครับ จิ้งจกกับตุ๊กแกมันไปแล้ว”
ยมเดินหนีออกไป รุจิภายิ้มกรุ้มกริ่ม รู้สึกฟินที่ได้ใกล้ชิดกับยม


ตามชั้นวางต่างๆ ในร้าน SweetนิดSweetหน่อย เช้าวันนี้พบว่าไม่มีขนมมาวางขาย จุกกวาดตามองไปรอบๆอย่างงงๆ
“โอ้โห วันนี้จะขายอะไรล่ะเนี่ย”
จุกเดินออกมาที่หลังร้าน เจอผีลุงเจ้าที่นั่งจิบชาที่มีคนถวายให้รับอรุณอยู่ โดยไม่ทันตั้งตัว หนุ่มน้อยสะดุ้งโหยง
“เชี่ยย.....”
จุกรีบเดินหนีออกมาที่หน้าร้าน เจอดาวสวนเข้ามาพอดี จุกสะดุ้งตกใจรอบสอง
“เชี่ยยย!
“เฮ้ย พี่เอง”
“อ้าวพี่ดาว..เฮ้อ ตกใจหมด”
“ตกใจอะไรมาเนี่ย”
จุกอึกอัก “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกพี่...นี่จะมาหาพี่นิดหน่อยเหรอ”
“พี่เพิ่งเจอนิดหน่อยเมื่อกี๊นี้เอง แต่รู้สึกนิดหน่อยท่าทางแปลกๆ ทำเหมือนไม่รู้จักกันอย่างนั้นแหละ ก็เลยจะมาถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า”
จุกอึดอัดคันปากยิบๆ อยากเล่าเรื่องผีสิงนิดหน่อย แต่ก็กลัวพี่สาวจะเป็นอันตรายตามคำขู่ของวิญญาณที่สิงร่างนิดหน่อยอยู่
“เหรอพี่”
“แล้วนี่นิดหน่อยไม่ได้ทำขนมมาขายเหรอ”
“ไม่ได้ทำครับ”
นิดหน่อยประหลาดใจ “แปลกจัง ปกตินางขี้งกจะตายไป ขนาดป่วยก็ยังฝืนทำขนมขาย แต่เมื่อกี๊ก็เห็นปกติดีนี่นา”
“นั่นสิครับ” จุกหน้าเครียดจัด
ดาวมองหน้าจุก “มีอะไรรึเปล่า ทำไมดูหน้าตาเครียดๆ”
จุกยิ้มแห้ง “ไม่มีอะไรครับ”
“งั้นพี่กลับก่อนนะ ไว้จะแวะมาใหม่”
“ครับพี่”
ดาวเดินออกไปที่รถ
“เอาไงดีว้า”
จุกมองตามดาว สีหน้าเครียดจัด ไม่รู้จะช่วยพี่สาวยังไงดี

นอกจากไม่ทำขนมนิดหน่อยคนใหม่ยังมาช็อปปิ้งสบายใจเฉิบในร้านดังห้างกลางเมือง นางเลือกเสื้อผ้าแบบต่างๆ มาลองสวมในห้องลอง ชุดแล้วชุดเล่า นิดหน่อยส่องกระจกดูชุดที่สวมใส่อยู่ บิดตัวไปมา ร่างที่เห็นในกระจกเห็นเป็นร่างไข่มุก
เมื่อเลือกได้จนถูกใจ นิดหน่อยเดินมาจ่ายเงินหมื่นเป็นค่าเสื้อผ้าชุดใหม่

ที่ร้านกาแฟเวลานั้น ต่อลุกขึ้นยกมือไหว้ลูกค้าหลังจากขายงานกันเสร็จอย่างพอใจทั้งสองฝ่าย
ลูกค้าเดินออกจากร้านไป ต่อเก็บแบบเสร็จเดินออกมาจากร้านไป เจอกับนิดหน่อยที่ถือถุงใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมผ่านมาพอดี ต่อชะงักกึก มองอึ้งๆ งงๆ
“นิดหน่อย!”
ไข่มุกในร่างนิดหน่อยมองต่องงๆ แต่ก็ยิ้มให้ด้วยด้วยความประทับใจในความหล่อของต่อ
“เอ่อ...”
“อ้าว ทำหน้าทำตางงๆ เหมือนไม่รู้จักกันซะอย่างนั้น”
นิดหน่อยอึกอัก “รู้จักสิ นี่เอกมาทำไรที่นี่เนี่ย”
“เอกไหนล่ะ นี่ต่อ”
นิดหน่อยยิ้มเรี่ยราด หัวเราะเนียนๆ “ล้อเล่นน่ะ ต่อมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“มาขายงานลูกค้าน่ะ” ต่อมองถุงเสื้อผ้างงๆ “แล้วนี่มาซื้อเสื้อผ้าให้ใครเนี่ย”
“ซื้อให้ตัวเองน่ะสิ จะซื้อให้ใครล่ะ”
ต่อไม่อยากเชื่อ “เฮ้ย นึกครึ้มอะไรถึงออกมาช็อปปิ้งได้เนี่ย แล้วไม่ทำขนมขายเหรอ”
“ก็พักบ้างอะไรบ้างสิคะ แล้วนี่ก็เป็นผู้หญิงนะคะ ต้องรักสวยรักงามกันบ้าง”
ต่อพยักหน้ารับงงๆ “โอเค แล้วนี่กินข้าวกลางวันรึยัง”
“ยัง เราไปกินไหนกันดีล่ะ”
นิดหน่อยจับมือถือแขนต่อด้วยอาการกระดี๊กระด๊าบ้าผู้ชาย ต่อมองนิดหน่อยงงๆ
“ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ จัง”
“ทำไมล่ะ ต่อไม่ชอบแบบนี้เหรอ”
ต่ออึกอัก “เอ่อ...ก็โอเคนะ…แล้วอยากกินอะไรล่ะ”
นิดหน่อยร้องเพลง “ตับ...ตับๆๆ ตับ”
ต่อเง็ง “หืมม”
“เอ่อ...ส้มตำละกัน อยากกินตับหวานน่ะ”
นิดหน่อยควงต่อเดินออกไป

อาวรณ์กับวิเวกนั่งรออาจารย์ขาวอยู่ที่โถงรับแขกในสำนัก โรเบิร์ตลูกศิษย์คนสนิท ยกน้ำมาเสิร์ฟให้สองคน ไม่นานนักอาจารย์ขาวเดินออกมาทักทาย
“เป็นยังไงบ้างคุณอาวรณ์ สบายดีมั้ย”
“ก็สบายดีค่ะ แต่ตั้งแต่บูชาสร้อยเหล็กไหลจากอาจารย์ไปก็...”
อาจารย์ขาวสวนทันทีว่า “เจริญรุ่งเรืองไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“ซวยค่ะ” อาวรณ์บอก
โรเบิร์ตร้อง “แฮ่”
อาจารย์ขาวดุโรเบิร์ต “จะแฮ่ทำไม พ่อมึงอยู่คณะเชิญยิ้มเหรอ”
“ชวนชื่นครับ” โรเบิร์ตบอก
คราวนี้อาจารย์ขาวเป็นฝ่ายร้อง “แฮ่”
โรเบิร์ตเง็ง “อ้าว”
“ติดเชื้อแฮ่มึงมาแล้วเห็นมั้ยเนี่ย” อาจารย์หันถามอาวรณ์ “มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ คุณอาวรณ์”
“ก็คืนก่อนชั้นถูกผีเข้าน่ะสิคะ นี่ห้อยสร้อยเหล็กไหลของอาจารย์อยู่แท้ๆ ผีมาเข้าชั้นได้ยังไงกัน ไหนว่าป้องกันภูตผีปีศาจได้ไงคะ”
“ไหนดูสร้อยนั่นหน่อยซิ”
อาวรณ์ส่งสร้อยเหล็กไหลยื่นให้ อาจารย์ขาวรับสร้อยไปกำไว้ในกำมือพลางหลับตาทำสมาธิ ใช้เวลาไม่นานนัก
“อ้าว เหล็กไหลนี่ยังไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นนี่”
อาวรณ์กับวิเวกหันมองหน้ากันงงๆ
“ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นคือไรคะ แล้วทำไมต้องลงด้วย”
“ก็แอพอาจารย์ขาวในแอพสโตร์ไง ในแอพจะมีเวทมนตร์สำหรับของขลังทุกชิ้นของอาจารย์กำกับอยู่ พอโหลดแอพลงทะเบียนเสร็จ พลังของเครื่องรางของขลังจึงจะสมบูรณ์ เอาโทรศัพท์มานี่”
อาวรณ์ยื่นมือถือให้อาจารย์ขาวงงๆ อาจารย์ขาวส่งให้โรเบิร์ต
“จัดการให้คุณอาวรณ์เค้าซิ”
“ครับจารย์”
โรเบิร์ตรับโทรศัพท์มือถือจากอาวรณ์ไปกดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
วิเวกแซวขำๆ “นี่เป็นหมอผีหรือโปรแกรมเมอร์ครับเนี่ย”
“เรียกข้าว่า หมอผี Start up” อาจารย์ขาวบอกหน้าเป็น
“หมอผี Start up” อาวรณ์ทึ่ง
“ใช่ ยุคไทยแลนด์ 4.0 แบบนี้ จะเป็นหมอผีแบบเดิมๆ มันธรรมดาไปแล้ว”
โรเบิร์ตส่งโทรศัพท์ให้อาจารย์ “เรียบร้อยครับจารย์”
อาจารย์ขาวส่งโทรศัพท์พร้อมสร้อยเหล็กไหลคืนอาวรณ์ “เรียบร้อย”
วิเวกบ่นพึมพำ “มวยล้มต้มคนดูอีกรึเปล่า”
อาจารย์ขาวดึงมีดออกจากปลอก ก่อนจะฟันไปที่อาวรณ์ ปรากฏว่าฟันไม่เข้า ทั้งอาวรณ์กับวิเวกต่างอึ้ง หน้าเหวอ
“สงสัยอีกมั้ยครับ ว่ามีดจริง มีดปลออม”
อาจารย์ขาวเอามีดฟันฉัวะเข้าที่แขนลูกศิษย์คนสนิท โรเบิร์ตแหกปากร้องลั่นสำนักเลือดอาบแขน
“ของแท้ แน่นอน” อาจารย์บอก
“ไม่น่าทักเลยกู”
โรเบิร์ตร้องโอดโอย ลุกออกไปทำแผล อาวรณ์พนมมือขึ้นเหนือหัว ขณะที่วิเวกก็หายสงสัยในตัวอาจารย์ขาว
วิวัฒน์เดินเข้ามา
“อ้าวพี่วิเวก ไปไงมาไงครับเนี่ย”
“ก็ตามคุณอาวรณ์มานี่แหละ แล้วแกล่ะ มาทำไม”
“ก็มาคุยธุระกับอาจารย์นิดหน่อยน่ะครับ” วิวัฒน์หันไปหาอาจารย์ขาว “ผมไปรอข้างในนะครับ”
“เดี๋ยวอาจารย์ตามเข้าไป”
วิวัฒน์เดินนำเข้าไปในสำนัก


แก้วบรั่นดีสองใบวางอยู่บนโต๊ะกลาง ซึ่งอันที่จริงในนั้นเป็นน้ำชา สีมองดูเหมือนเหล้ามากๆ
“อาจารย์ส่งผีพรายไปตามสืบไอ้คนชื่อยมนั่นแล้ว อีกไม่นานคงรู้เรื่อง”
วิวัฒน์นั่งคุยอยู่กับอาจารย์ขาวอยู่ในห้องรับแขกส่วนตัว อาจารย์ขาวแกว่งแก้วบรั่นดีที่ใส่น้ำชาเบาๆ
“ครับอาจารย์ หวังว่าคงจะได้เรื่องนะครับ”
“ได้สิ ผีมันต้องทำงานได้ดีกว่าคนอยู่แล้ว”
อาจารย์ขาวดื่มน้ำชา แต่ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวเหมือนกระดกเหล้าเพียวๆ
“เหล้าเหรอจารย์”
“เหล้าอะไร” อาจารย์ชี้ไปที่กาน้ำชา “น้ำชานี่แหละ อาจารย์ถือศีล จะกินเหล้าได้ไง”
วิวัฒน์อดแซวไม่ได้ “แต่หน้าได้มากเลยนะครับ”
“มันเป็นสไตล์”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องธุรกิจของเรากันดีกว่าครับ ตอนนี้ทางเมืองจีนส่งออเดอร์กุมารทองมาแล้วนะครับ ล็อตนี้มากกว่าเดิมสองเท่า”
“แหม...ออเดอร์ปังแบบนี้ ต้องหาของเตรียมไว้ให้อาจารย์เยอะๆ เลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมสั่งให้รวบรวมศพทารกจากคลินิกทำแท้งเถื่อนรอไว้แล้ว รับรองของไม่มีขาด”
“เออ จะขนของยังไงก็ระวังด้วยนะ ช่วงนี้ด่านยิ่งเยอะๆ อยู่”
“เรื่องด่านเรามีพี่อาวรณ์ช่วยเคลียร์ให้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง”
“อ้อ เมียสารวัตรวิเวกนั่นน่ะเรอะ”
“ครับจารย์”
“ดี มาดื่มให้กับธุรกิจของเรากันดีกว่า”
อาจารย์ขาวหยิบแก้วบรั่นดีอีกใบมาวาง แล้วรินน้ำชาใส่แก้วบรั่นดีทั้งสองใบ สองคนยกแก้วชนกัน แล้วดื่ม พากันทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวเหมือนดื่มเหล้าเพียวๆ อย่างสมบทบาท

ที่ร้านส้มตำ นิดหน่อยตักกับข้าวให้ต่ออย่างเอาใจ ต่อมองนิดหน่อยด้วยแววตาค้นหา เพราะรู้สึกวันนี้นิดหน่อยดูแปลกไปมาก
“ทำไมจ้องหน้าเราแบบนี้ล่ะ หน้าเราดูประหลาดตรงไหนเหรอ”
“เปล่า หน้านิดหน่อยก็เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ท่าทีที่มีต่อเราต่างหากที่แปลกไป”
“ทำไม เราเคยหมางเมินต่ออย่างนั้นเหรอ”
ต่อยิ้มเจื่อนๆ “ก็ประมาณนั้น”
ผีไข่มุกในร่างนิดหน่อยนิ่งไปครู่หนึ่ง เพื่อปรับท่าทีใหม่กับต่อให้แนบเนียนขึ้น
“ที่ผ่านมาจะเป็นยังไงอย่าไปสนใจเลยต่อ อดีตมันก็คืออดีต ปัจจุบันกับอนาคตต่างหาก ที่เราควรจะสนใจ”
ต่อยิ้มบางๆ ความรู้สึกหลงใหลที่มีอยู่เป็นทุนเดิม กอรปกับคำพูดให้ความหวัง มันกลบลบความสงสัยในตัวนิดหน่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
“ในเมื่อวันนี้เรามีความสุขแล้ว จะไปคิดถึงอดีตให้มันบั่นทอนความสุขเราทำไมล่ะ”
ต่อพยักหน้ายิ้มๆ “วันนี้เป็นวันที่เรามีความสุขที่สุดเลย”
“เราก็มีความสุขมากเหมือนกัน”
นิดหน่อยตักกินส้มตำปลาร้า เอาต่อนปลาร้ามาฉีกกินอย่างมีเอร็ดแอร่ม
“โอ๊ย..นัวมากข่ะ”
“นี่กินปลาร้าเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ต่อแปลกใจ
“เอ่อ…อ๋อ ก็แม่น่ะสิ บังคับให้เราลองกิน พอกินแล้วก็โอเคนะ อร่อยดี”
นิดหน่อยกินปลาร้าอย่างออกรสชาติ ต่อก็ไม่อยากพูดขัดอะไรมาก
“เอ้อ คืนนี้เที่ยวกันมั้ย”
ต่อไม่อยากเชื่อหู ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พลางถาม “เที่ยว เที่ยวไหน”
“ที่ไหนก็ได้ หาเหล้ากินกัน”
ต่อสำลักน้ำพรวด
“เป็นไรมั้ยตัว”
“เราหูฝาดไปมั้ยเนี่ย นี่ชวนเรากินเหล้าเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทำงานหนักมาหลายวัน ขอเที่ยวผ่อนคลายบ้างไรบ้าง หรือว่าคืนนี้ไม่ว่าง”
ต่อดีใจรีบตอบตกลง “ว่างสิ ว่างๆ”
“โอเค งั้นคืนนี้ไปเมากัน”
นิดหน่อยตักกับข้าวให้ต่อ ท่าทางกระหนุงกระหนิง
ที่โต๊ะหนึ่งในร้านอาหาร ใกล้ๆ กับโต๊ะนิดหน่อย เด็กหันมองไปที่โต๊ะนิดหน่อย เห็นต่อนั่งสวีทหวานอยู่กับไข่มุก

คืนนั้น จุกนั่งครุ่นคิดเรื่องนิดหน่อยอยู่คนเดียวโถงร้านขนม
เขานึกถึงตอนนิดหน่อยหันมามอง แต่เขาเห็นเป็นหน้าไข่มุกมองตาขวาง
“คุณเป็นใครอ่ะ”
“อย่ามายุ่งกับชั้น”
จุกอึกอัก ท่าทีหวาดกลัว “คุณจะทำอะไรพี่สาวผม”
“ถ้าไม่อยากให้พี่สาวแกตายก็อย่ามายุ่ง”
สมรเดินออกมาจากครัว
“นี่พี่แกกลับมารึยังเนี่ย”
จุกสะดุ้งโหยง
“แหม สะดุ้งตัวลอยเลย ขวัญอ่อนจริงนะ”
จุกยิ้มเจื่อนๆ “พี่นิดหน่อยยังไม่กลับมาเลยแม่”
สมรนั่งลงที่โซฟา สีหน้าครุ่นคิดสงสัยถึงท่าทางแปลกๆ ของนิดหน่อย
“นิดหน่อยมันทำตัวแปลกๆ นะว่ามั้ย วันนี้ก็ไม่เข้าไปดูแลร้าน ขะนงขนมไม่ได้ขายกันเลย”
จุกอึกอักอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง
“พี่แกมันบ่นอะไรให้ฟังบ้างมั้ย มันมีปัญหาชีวิตอะไรอยู่รึเปล่า”
จุกอึดอัด อยากจะเล่าแต่ก็ไม่กล้า เพราะโดนวิญญาณขู่ไว้
“ถามไรหน่อยสิแม่…ผีมันสามารถฆ่าใครตายได้มั้ย”
สมรแปลกใจ “ทำไมถามอะไรแบบนี้”
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากรู้เฉยๆ น่ะ”
“มันก็น่าจะทำได้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะมีเรื่องตัวตายตัวแทนเหรอ”
จุกบ่นงึมงำ “โอเคจบข่าว”
“จบข่าวอะไรของแก”
จุกอึกอัก “อ๋อ ไม่มีอะไรแม่...ง่วงแล้ว จุกไปนอนก่อนนะ”
จุกลุกเดินขึ้นบ้านไป สมรนั่งบนบ้าถึงนิดหน่อยที่ยังไม่กลับบ้าน ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

ส่วนที่ร้านมินิมาร์ท ต่อวางกระดาษซับหน้ามันลงบนเคาน์เตอร์ ดาวมองต่อด้วยสายตาเป็นประกาย
“ว้าว จะไปออกงานที่ไหนเนี่ย หล่อเชียว”
ต่อแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ
“ไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะ”
ดาวหยิบซองกระดาษซับหน้ามันมาคิดเงิน
“กระดาษซับหน้ามันซะด้วย เพื่อนคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
“เฮ้ย ก็พวกเพื่อนที่ออฟฟิศนั่นแหละ ไม่มีเพื่อนพิเศษที่ไหนหรอก”
“โอเคๆ”
ดาวเอากระดาษซับหน้าใส่ถุงให้ ต่อจ่ายเงินให้ดาว
“เอ้อ...ต่อเจอนิดหน่อยบ้างรึยัง”
“อ๋อ เจอแล้ว มีไรเหรอ”
“ต่อว่านิดหน่อยท่าทางแปลกๆ ไปมั้ยอ่ะ”
ต่ออึ้งนิดๆ “แปลกเหรอ...แปลกยังไงอ่ะ”
“ก็นิดหน่อยดูไม่ใช่นิดหน่อยคนเดิมน่ะสิ นี่ต่อเจอนิดหน่อยแล้วไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอ”
ต่ออึกอักอ้ำอึ้ง แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกัน แต่เพราะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข จึงโกหกไป
“เอ่อ...ก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เราว่านิดหน่อยก็ดูเหมือนเดิมทุกอย่าง”
“เหรอ...แปลกจัง”
“เราไปก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนรอ”
ต่อเดินออกจากร้านไป ดาวยังคงแปลกใจที่ต่อบอกว่านิดหน่อยดูเป็นปกติ

ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง นิดหน่อยวางแก้วเหล้าเปล่าลงบนโต๊ะ ติดๆกัน ดังปังๆๆๆ ผ่านเวลาแสดงให้เห็นว่านิดหน่อยกระดกเหล้าไปหลายแก้ว
ต่อนั่งมองนิดหน่อยด้วยอาการอึ้งๆ นิดหน่อยหน้าแดงกำลังเมาได้ที่ ก่อนจะเรอออกมา1ที
“อุ๊ย ซอรี่นะต่อ”
“ไม่เป็นไร”
ต่อมองเหล้าบนโต๊ะที่พร่องไปเยอะ
“เบาๆ หน่อยมั้ย เมาแล้วนะเนี่ย”
“ไม่เมาๆ แค่นี้สบายมาก”
นิดหน่อยรินเหล้าใส่แก้วหนาครึ่งแก้ว ต่อมองอยู่ก็รีบห้าม
“พอแล้วนิดหน่อย นี่กินดุกว่าผู้ชายอีกนะเนี่ย”
“เฮ้ย..นานๆ กินที มันก็ต้องสุดสิต่อ”
นิดหน่อยยกแก้วขอชนแก้วกับต่อ
“สุดซอย”
ต่อชนแก้วด้วย แต่ก็เพียงจิบๆ ขณะที่นิดหน่อยกระดกหมดแก้ว
“โห...ตุ๊ดว่ะ กินแค่เนี้ยะ กลัวเรามอมเหรอ”
“เปล่า”
“ไม่กลัว ก็กินให้หมดเด่ะ”
“เมาขนาดนี้ กลับบ้านไปแม่ไม่ด่าบ้านแตกเหรอเนี่ย” ต่อบอก
“ใครว่าเราจะกลับบ้านล่ะ”
“อ้าว ไม่กลับบ้านแล้วจะไปนอนไหน”
“ก็นอนบ้านต่อไง”
ต่อตาโต “ห๊ะ..ไปนอนห้องเรา”
“ใช่” นิดหน่อยส่งสายตาเว้าวอนมาให้อ้อนเสียงหวาน “เราไปนอนกับต่อได้มั้ยอ่ะ”
ต่องงมาก “ทำไมต้องไปนอนกับเราด้วย”
“ก็นอนที่บ้านมันร้อนนี่”
ต่องง “ร้อน”
“ร้อนใจน่ะ อยากอยู่ใกล้ๆ ต่อตลอดเวลา”
ต่ออึ้งหนักมาก รู้สึกว่านี่ไม่ใช่นิดหน่อยที่ตนเคยรู้จักมาก่อน
นิดหน่อยจับมือต่อ มองด้วยสายตาอ้อนวอน “ว่าไง ให้เราไปนอนที่ห้องด้วยได้มั้ย”
ต่อรู้สึกแปลกๆ แต่ด้วยอารมณ์พิศวาส ณ ขณะนี้ กำลังเตลิดไปไกล มันอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง
“โอเค ไปนอนห้องเราก็ได้”
นิดหน่อยหอมแก้ม“น่ารักที่สุด”
ต่อเคลิ้มกับความสุข หลงลืมผิดชอบชั่วดีจนหมดสิ้น
“มาสุดเหวี่ยงกันดีกว่า มีความสุขให้เต็มที่”
ต่อกับนิดหน่อย ดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง


บรรยากาศริมรั้วหน้าบ้านเช่าของยมคืนนี้ดูอึมครึมชวนสยองและน่ากลัว เห็นวิญญาณผีพรายลอยมาในรูปลักษณ์กลุ่มควันสีเทาดำ
ตรงก๊อกน้ำซิงค์ล้างจานชามในครัวแห้งสนิท ไม่มีการใช้งาน จู่ๆ ก็เริ่มมีน้ำหยดติ๋งๆ ออกมาทีละนิดๆ
ยมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โถงรับแขก ได้ยินเสียงน้ำไหลจ๊อก มัจจุราชหนุ่มรับรู้ถึงความผิดปกตินี้
น้ำไหลออกจากก๊อกมาเป็นสาย ก่อนที่รวมร่างกลายร่างเป็นผีพราย หญิงสาวผมยาว น่ากลัว
ยมวางหนังสือก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ในที่เท้าผีพรายเดินย่ำมาบนพื้นบ้าน มีน้ำเจิ่งนองเป็นรอยเท้าในทุกฝีก้าว
ที่โถงรับแขกว่างเปล่า ยมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ ตอนนี้ได้หายไปแล้ว วิญญาณผีพรายเดินมาถึงโถงรับแขก ตรงเข้ามาค้นหาเบาะแสของยมตามชั้นหนังสือและโต๊ะทำงาน
ฉับพลันทันใดนั้น มือของยมก็คว้าหมับเข้าที่ต้นคอ วิญญาณผีพรายร้องโหยหวน
ยมยืนล็อคคออยู่ด้านหลังผีร้าย ถามด้วยสีหน้าอารมณ์ขุ่นมัว
“ใครส่งเจ้ามา”
ผีพรายเอาแต่ร้องโหยหวน ไม่ยอมตอบ
“ข้าถามว่าใครส่งเจ้ามา”
เขาของยมเริ่มงอกออกจากหัว จากความโกรธที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผีพรายเห็นเขาที่งอกออกมาก็ตกใจ
“ท่านเป็นใคร”
เขาของยมงอกออกมาสมบูรณ์ เป็นมัจจุราชเขต8 เต็มร่าง ยมกระชากผีพรายเข้ามาประจันหน้ากันใกล้ๆ
“แล้วคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ”
ผีพรายนึกออก “ท่านมัจจุราช”
สุวานรับรู้จากมอนิเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาทันควัน
“ใจเย็นๆ ครับท่าน ให้ผมจัดการเอง”
ยมผลักผีพรายไปที่สุวาน สุวานล็อคตัวไว้ทันที ยมพยายามสงบสติอารมณ์ เขาที่งอกออกมาก็ค่อยๆหดกลับเข้าไป
“บอกมา ว่าใครส่งเจ้ามาที่นี่”
“อาจารย์ขาวส่งข้ามา ท่านอย่าทำอะไรข้าเลยนะ”
ยมทวนชื่องงๆ “อาจารย์ขาว”
“ใช่ เราทำตามเวทย์มนต์ครอบงำของอาจารย์ขาว”
“ให้ผมไปสืบมั้ยครับ ว่าใครคืออาจารย์ขาว” สุวานอาสา
“ไม่ต้อง คุมดวงวิญญาณดวงนี้ไป”
“ครับ”
สุวานคุมดวงวิญญาณผีพรายหายออกไป
“อาจารย์ขาว”
ยมทวนชื่ออาจารย์ขาวขึ้นมาอย่างสนใจ

เช่นเดียวกับฝั่งคนที่ถูกเอ่ยชื่อถึง เวลานี้นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากสัมผัสได้ว่า พลังงานของผีพรายที่ส่งไปนั้น อยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ
“ไอ้ยม เอ็งเป็นใครกันแน่”
อาจารย์ขาวมีสีหน้าฉงนฉงาย สงสัยอย่างหนัก

ต่อเปิดประตูประคองนิดหน่อยที่อยู่ในสภาพเมาแอ่นเข้ามาในห้อง
นิดหน่อยหยุดจ้องหน้าต่อ “นี่รับจ็อบเป็นดีเจในผับบ้างรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
“ก็เห็นหน้าต่อทีไร ใจมันเต้นทุกทีเลยอ่า”
นิดหน่อยออกสเต็ปเต้นยั่วต่อ
“เมามากแล้วเนี่ย นอนพักเถอะ”
“ไม่ เรายังอยากสนุกต่อ มาเต้นกันเถอะ มาเต้นกันเถอะ”
“ไม่เอาน่ะนิดหน่อย”
นิดหน่อยเต้นยั่วต่อไม่หยุด ขณะที่ต่อก็พยายามห้ามให้หยุด..จนในที่สุด นิดหน่อยก็เซล้ม และดึงต่อล้มลงไปด้วย
สโลว์จังหวะต่อล้มทับร่างนิดหน่อย..ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน…นิดหน่อยหลับตาพริ้ม ขณะที่ต่อเคลิ้มและทำท่าจะจูบนิดหน่อย
คำพูดดาวแว่บขึ้นมาในหัวต่อ
“ต่อว่านิดหน่อยท่าทางแปลกๆ ไปมั้ยอ่ะ”
ต่ออึ้งนิดๆ “แปลกเหรอ...แปลกยังไงอ่ะ”
“ก็นิดหน่อยดูไม่ใช่นิดหน่อยคนเดิมน่ะสิ นี่ต่อเจอนิดหน่อยแล้วไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอ”
ต่ออึกอักอ้ำอึ้ง แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกัน แต่เพราะกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข ก็จำเป็นต้องโกหก
“เอ่อ...ก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เราว่านิดหน่อยก็ดูเหมือนเดิมทุกอย่าง”
ต่อรีบดึงหน้าออกจากนิดหน่อย
“ไปอาบน้ำหน่อยมั้ย”
“ทำไม เราตัวเหม็นเหรอ” นิดหน่อยยิ้มยั่ว
“เปล่า เผื่อจะได้สร่างเมา”
“อ่อ...ชอบสนุกแบบไม่เมาก็ไม่บอก...รอแป๊บนะ”
นิดหน่อยเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำ
ต่อสูดลมหายใจลึกๆ พยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดเปิดเปิง
“ไม่ เราจะไม่ทำ”
แต่แล้ว เสื้อผ้า ทั้งเสื้อนอกและเสื้อในก็ลอยมาตกตรงหน้าต่อ เล่นเอาเขาถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก
“มาอาบด้วยกันมั้ยที่รัก” เสียงนิดหน่อยดังออกมาจากห้องน้ำ
ต่อคิดหนัก ว่าจะเลือกทางไหนดี ระหว่างความถูกต้องกับอารมณ์ ณ ขณะนี้

ด้านจุกนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ สีหน้าจริงจังมาก ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นหัวข้อจากการที่จุกค้นหาคำว่า “วิธีแก้ผีเข้า”
จุกเปิดเข้าไปอ่านหลายๆ หัวข้อ แต่ก็ยังไม่โดนใจ จุกคิดถึงเหตุการณ์วันก่อน
ตอนนั้นนิดหน่อยเปิดประตูเดินเข้าห้อง จู่ๆ ก็มีแสงสีน้ำเงินวูบวาบเกิดขึ้น จากสร้อยไหลน้ำพี้นั่นเอง ไข่มุกในร่างนิดหน่อยร้องกรี๊ด ก่อนจะผงะออกมาจากห้อง
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า”
นิดหน่อยปฏิเสธเสียงแข็ง “เปล่า ชั้นไม่ได้เป็นอะไร”
จุกมีสีหน้าฉุกคิดขึ้นได้
“สร้อยของพี่นิดหน่อย”


จุกเปิดกล่องไม้ที่ใส่สร้อยไหลน้ำพี้ออก ก่อนจะหยิบสร้อยออกมา
“จะใช้ได้รึเปล่าวะเนี่ย”
จุกครุ่นคิดหนัก นึกถึงเหตุการณ์วันผีเข้าอาอวรณ์ขึ้นมา
อาวรณ์ถือมีดวิ่งเข้าใส่ทุกคน ทุกคนวิ่งหนี สวนกับยมที่วิ่งเข้ามาพอดี
อาวรณ์เห็นยมก็ตกใจ ร้องกรี๊ดลั่น แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าย คุณอาวรณ์วิ่งไปนู้นแล้ว ตามไปสิคะสารวัตร”
“ตามไปให้มันแทงเหรอ”
นิดหน่อยมองหน้ายมงงๆ “ทำไมคุณอาวรณ์ถึงกลัวคุณ”
ทุกคนหันมามองยมเป็นตาเดียวกัน
จุกทักขึ้น “เออ นั่นสิ คุณอาวรณ์เห็นพี่ยมแล้ววิ่งหน้าตั้งไปเลยอ่ะ”
ยมอึกอัก จนสมรถาม
“คุณยมมีของดีใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ...ใช่ครับ ก็พอมีบ้าง…ทุกคนรวมตัวกันอยู่แถวๆ นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูคุณอาวรณ์หน่อย”
ยมรีบวิ่งตามอาวรณ์ไป
จุกมองสร้อยไหลน้ำพี้ ในอาการลังเลว่าจะช่วยนิดหน่อยด้วยวิธีไหนดี

ยมนั่งครุ่นคิดอยู่ที่โถง มุมหนังสือภายในบ้าน บรรยากาศสลัวๆ

เด็กหญิงคนนั้นยังคงร้องไห้อยู่กลางถนน…ระเบิดลงตู้มใหญ่
“ระวัง!”
ชายหนุ่มตะโกนลั่น พร้อมๆ กับพุ่งเข้าไปกอดเด็กหญิงไว้แล้วกลิ้งตัวพากันหลบสะเก็ดระเบิด ไปหลบในซอกตึกแคบๆ เขากอดเด็กหญิงที่ร้องจ้าไว้แน่นอย่างปกป้อง
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกประเมินสถานการณ์ เด็กหญิงสงบลงบ้างแล้วแต่ยังตัวสั่นอยู่
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด สัญญานะว่าจะไม่ออกไปไหนสัญญาสิ บอกให้สัญญาไง”
“สัญญา….แง๊” เด็กหญิงแหกปากร้องไห้จ้า
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง

ยมนั่งครุ่นคิดถึงความหลังเพลินๆ อยู่ จนเห็นจุกเปิดประตูเดินเข้ามาหา
“อ้าวจุก”
จุกไหว้ทัก “หวัดดีครับ”
“มีอะไรรึเปล่า”
จุกอึดอัดอ้ำอึ้ง “คือ...ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะครับ”
“มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ก่อนจะเล่า ผมอยากรู้ก่อนว่าพี่มีวิชาอาคมหรือของดีอะไรติดตัวรึเปล่าครับ”
ยมแปลกใจ “แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“ก็เหตุการณ์คืนนั้น ที่คุณอาวรณ์โดนผีเข้า ผมเห็นคุณอาวรณ์วิ่งหนีพี่ด้วยความกลัว เลยคิดว่าพี่น่าจะมีของดีอะไรติดตัว”
“แล้วถ้าพี่บอกว่ามีล่ะ”
“พี่ก็น่าจะช่วยผมได้”
ยมมีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะตอบจุกยังไงดี ขณะที่จุกก็ลุ้นคำตอบจากยม

ไม่นานหลังจากนั้น จุกเคาะประตูห้องเรียกต่อรัวๆ
“พี่ต่อ..พี่ต่อ...ๆๆๆ”
“แน่ใจเหรอ ว่านิดหน่อยอยู่ที่นี่”
“ครับ พี่ต่อเป็นคนโทร.ตามผมให้มาที่นี่เอง”
จุกเคาะเรียกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง
ยมลองบิดลูกบิดดู ซึ่งไม่ได้ล็อค
“ไม่ได้ล็อค”
จุกกับยมเดินเข้าไปในห้องช้าๆ ข้างนอกมุมทำงานไม่เจอจึงเดินไปที่เตียงนอน ภาพที่เห็นคือต่อนอนไม่ได้สติอยู่มีรอยช้ำที่ปลายคางเหมือนคนโดนหมัดน็อค ใกล้ๆ ตัวมีเชือกตกอยู่ 1 เส้น
“พี่ต่อ”
ยมเดินหานิดหน่อยทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ
“นิดหน่อยไม่อยู่ที่นี่”
ต่อค่อยๆ ฟื้นได้สติขึ้นมา
“นิดหน่อย...”
“พี่ต่อ พี่นิดหน่อยหายไปไหนแล้ว”
ต่อพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ ก่อนจะหยิบเชือกที่ตกอยู่ขึ้นมาดู
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ยมถาม
“นิดหน่อยพยายามจะมีอะไรกับผมน่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนิดหน่อย นิดหน่อยดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“พี่นิดหน่อยโดนผีเข้าน่ะ ก็เลยไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนั้น”
“แล้วนิดหน่อยหายไปไหนแล้ว”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมพยายามจะจับตัวนิดหน่อยไว้ แต่นิดหน่อยแรงเยอะมาก ผมก็เลยสลบอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”
จุกหันมาถามยมอย่างร้อนใจ “เอาไงต่อดีครับ”
“ช่วยกันออกตามหาสิ”
ทุกคนรีบออกจากห้อง ไปตามหานิดหน่อย

เวลาเดียวกันนั้น วิวัฒน์เดินเข้ามาในบาร์กับลูกน้องคนสนิท ก่อนลูกน้องจะสะกิดให้มองไปที่บาร์ เห็นรุจิภานั่งอยู่ลำพัง
รุจิภานั่งแกว่งแก้วค็อกเทลเพลินๆ อยู่คนเดียว จนวิวัฒน์จะเดินเข้ามากับลูกน้อง
“ไม่เจอกันหลายวันเลยนะครับ
“อ้าว คุณวิวัฒน์ สบายดีนะคะ”
“สบายดีครับ แต่ก็แอบใจหายนิดนึง ที่ไม่ได้เห็นหน้าคุณรุจิเสียหลายวันเลย”
“โอ้ว ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ครับ” วิวัฒน์มองแก้วเหล้า “วันนี้ไม่ดื่มซิงเกิลมอลท์เหมือนเดิมเหรอ”
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะค่ะ รุจิไม่ชอบบรรยากาศที่ซ้ำซากจำเจ”
“รวมถึงชีวิตคู่ด้วยรึเปล่าครับเนี่ย”
“อันนี้ก็ต้องลองดูนะคะ”
วิวัฒน์กับรุจิภาสบตาท้าทายไว้เชิงกันเล็กๆ ตามประสาเสือด้วยกันทั้งคู่

นิดหน่อยเดินเข้ามาในบาร์ท่าทางกรึ่มๆ ดูเซ็กซี่ เดินผ่านโต๊ะอื่นๆ ในบาร์มองหาโต๊ะว่าง บรรดาชายหนุ่มนักเที่ยวต่างมองจนเหลียวหลัง นิดหน่อยมองทุกคนอย่างหว่านเสน่ห์
วิวัฒน์กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่กับรุจิภา จนนิดหน่อยเดินผ่านไป แว่บแรกวิวัฒน์ไม่สนใจ ก่อนจะหันขวับไปมอง เห็นนิดหน่อยนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง
วิวัฒน์อึ้ง ไม่อยากเชื่อสายตา บุ้ยใบ้กับลูกน้อง
“นั่นมันนิดหน่อยนี่”
“ใช่ครับ..ลมอะไรพัดมาครับเนี่ย”
วิวัฒน์ขอตัวกับรุจิภา “ตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
วิวัฒน์รีบเดินเข้าไปหานิดหน่อยทันที รุจิภารู้สึกเสียเซลฟ์แต่ก็ฝืนยิ้ม มองไปที่นิดหน่อยบ่นเบาๆ
“ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ”
ที่โต๊ะนิดหน่อย นิดหน่อยมองไปรอบๆ เพื่อจะเรียกพนักงานมาสั่งเหล้า..ไม่นาน แผ่นเมนูเครื่องดื่มก็โผล่มาอยู่เบื้องหน้า
วิวัฒน์เป็นคนถือเมนูมาให้
“ดื่มอะไรดีครับ”
นิดหน่อยยิ้มหว่านเสน่ห์ “มีเมนูอะไรแนะนำมั้ยล่ะคะ”
วิวัฒน์มองนิดหน่อยอย่างพิเคราะห์ “เมามาแบบนี้ ดื่มอะไรเบาๆ หน่อยดีมั้ยครับ” วิวัฒน์ชี้ที่เมนู อย่างเช่น…”
“สำลี” ไข่มุกในร่างนิดหน่อยยิงมุก
วิวัฒน์ชำเลืองมองนิดหน่อยด้วยความรู้สึกแปลกใจ กับท่าทีล้อเล่นที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน
นิดหน่อยหัวเราะคิกคัก “ล้อเล่นนะคะ”
“รู้ครับว่าล้อเล่น ผมแค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติคุณไม่เคยล้อเล่นกับผมแบบนี้”
“ปกติชั้นคงเฉยชากับคุณอีกคนสินะคะ”
“อีกคน แสดงว่ามีใครที่คุณเฉยชาใส่อีกน่ะสิ”
“อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ ไอ้ผู้ชายงี่เง่าพันธุ์นั้น” นิดหน่อยสบตาวิวัฒน์ “ตกดึกแบบนี้ คุณเป็นดีเจในผับรึเปล่าคะ”
“ทำไมครับ มองหน้าผมแล้ว หัวใจมันเต้นตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ”
นิดหน่อยสะดีดสะดิ้ง “แอร๊ย รู้มุกเราด้วยอ่ะ ชอบจังผู้ชายรู้ทัน”
วิวัฒน์รู้สึกแปลกๆ แต่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะนิดหน่อยเมามาก
“เมาขนาดนี้ หาที่นั่งพักเงียบๆ หน่อยดีมั้ยครับ เผื่อจะดีขึ้น”
“ดีค่ะ พานิดหน่อยไปที ไปที่ไหนก็ได้ นิดหน่อยไม่ไหวแล้ว”
“ได้ครับ ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
วิวัฒน์ประคองนิดหน่อยเดินเข้าไปในออฟฟิศด้านในร้าน
“คุณพระ มาเงียบๆ ฟาดเรียบนะคะ”
รุจิภาอึ้งไป ไม่คิดว่านิดหน่อยจะแรดเงียบและง่ายขนาดนี้


ที่หน้าร้านขนม ยม จุก ต่อและดาว ทยอยเดินเข้ามาสมทบกัน จากคนละทิศคนละทาง
“ได้เรื่องอะไรกันบ้างมั้ย” ยมถาม
“ไม่เจอเลยครับ” จุกบอก
“ผมก็ไม่เจอเหมือนกัน” ต่อว่า
“ถามใครหลายคนแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นนิดหน่อยเลยค่ะ” ดาวบอก
“โธ่เว้ย ไอ้ผีบ้า แกเอาพี่นิดหน่อยไปที่ไหนเนี่ย”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ ตั้งสติ แล้วลองคิดอีกที ว่านิดหน่อยน่าจะไปที่ไหน
ทุกคนพยายามช่วยกันคิดว่านิดหน่อยที่ถูกผีล่าแต้มสิง น่าจะไปที่ไหน

วิวัฒน์เปิดประตู ประคองนิดหน่อยเดินเข้ามาในออฟฟิศของบาร์
“ค่อยๆ เดินนะครับ”
“โอ๊ย”
นิดหน่อยแกล้งเซและซบวิวัฒน์ สบตาซึ้งๆ วิวัฒน์เคลิ้มหนัก แต่ยังไม่กล้าทำอะไร
“มัวแต่มองอยู่นั่นแหละ จะรอไก่ขันก่อนรึไง ถึงจะทำอะไรได้”
“โอเค...จัดไป”
วิวัฒน์เปิดฉากนัวเนียนิดหน่อย กุมารทองปรากฏตัวนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน มองเห็นวิวัฒน์กำลังนัวเนียกับไข่มุกก็หัวเราะคิกคักชอบใจ
“ออกไป อย่ามากวนพ่อ”
“ที่รักพูดกับใครอ่ะคะ”
“ไม่มีอะไรครับ”
กุมารทองยังคงหัวเราะคิกคัก เพราะเห็นวิวัฒน์กำลังนัวเนียกับไข่มุก วิวัฒน์ทนไม่ไหว หันไปดุกุมารทอง
“พ่อพูดไม่ฟังเหรอ”
“ไปก็ได้”
กุมารทองจอมซนวิ่งเข้าไปหาแล้วเอานิ้วจิ้มตาทั้งสองข้างของวิวัฒน์เบาๆ วิวัฒน์ต้องขยี้ตา
“ไอ้ลูกเวร เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลานะ”
“คุยกับใครอ่ะคะที่รัก”
“ไม่มีอะไรแล้วครับ”
วิวัฒน์หันไปมองนิดหน่อยเห็นเป็นไข่มุกแทน
“เชี่ยยย”
“ตกใจอะไรคะ”
วิวัฒน์สบถ “ตั่วไร๊เนี่ย”
“ก็นิดหน่อยไง จะตัวอะไรล่ะ”
วิวัฒน์รีบไปหยิบมีดหมอที่โต๊ะทำงาน แล้วชักออกจากปลอก
“อ๊าย....”
นิดหน่อยกรี๊ดแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
“ห่าเอ้ย..ใครแกล้งกูวะเนี่ย”
วิวัฒน์ถุยน้ำลาย เอามือถูตัวด้วยอารมณ์ขยะแขยง

นิดหน่อยวิ่งออกมาที่หน้าบาร์ด้วยอารมณ์ตกใจกลัว..เป็นจังหวะที่ ยม จุก ต่อและดาวเดินมาถึงพอดี
“นิดหน่อย”
นิดหน่อยวิ่งเข้ามาออดอ้อน ขอความช่วยเหลือต่อ
“ต่อ ช่วยนิดหน่อยด้วย”
จุกและยมมองไปที่นิดหน่อย เห็นเป็นไข่มุกกำลังอ้อนและซบต่ออยู่ ขณะที่ดาวรู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่ ออกจากร่างพี่สาวผมเถอะนะ”
นิดหน่อยตวาดจุก “อย่ามายุ่งกับชั้น”
วิวัฒน์เดินออกมาจากบาร์ พอเห็นพวกยมก็หยุดมองอยู่ห่างๆ
ยมบอกเสียงแข็ง “ออกจากร่างนิดหน่อยเดี๋ยวนี้”
นิดหน่อยหันมองยมตาเขม็ง ก่อนจะกลายเป็นอึ้ง เมื่อสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างจากยมได้ นิดหน่อย เห็นดวงตายมเป็นเปลวเพลิงลุกโชน
“อ๊าย”
นิดหน่อยวิ่งเตลิดเปิดเปิงออกไป
“พี่นิดหน่อย”
จุกทำท่าจะวิ่งตามไป แต่ยมห้ามไว้
“รออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”
ยมวิ่งตามนิดหน่อยไปติดๆ
วิวัฒน์มองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะแอบตามยมไปห่างๆ

ที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบมืดสลัว ไม่มีผู้คนผ่านไปผ่านมา ไข่มุกในร่างนิดหน่อยวิ่งหนีเข้าไปในตึกร้างนั้น ยมวิ่งตามเข้าไปอีกคน
นิดหน่อยเหลียวไปรอบๆ ไม่เห็นใคร คิดว่ารอดแล้ว จึงเดินตะแล๊ดแต๊ดแต๋ อย่างย่ามใจ
“คิดจะจับชั้นงั้นเหรอ บอกเลยว่าย๊ากสส์”
ฉับพลันทันใดนั้นเอง ยมก็โผล่ออกมาดักหน้านิดหน่อยไว้
นิดหน่อยผงะตกใจ “อุ๊ตัย”
ยมมองจ้องสีหน้าเข้มขรึม “จะออกดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง”
“แกเป็นใคร” ผีไข่มุกสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล
ระหว่างนี้วิวัฒน์เดินตามเข้ามาภายในตึกร้าง ตามเสียงไข่มุกไป

ยมเดินวนรอบตัวนิดหน่อยด้วยสีหน้าเข้มขรึม เห็นเป็นหน้านิดหน่อย สลับกับไข่มุก
“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า ที่จะต้องมารู้ว่าเราเป็นใคร”
“ถ้างั้นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก ที่จะต้องมายุ่งกับชั้น”
วิวัฒน์ค่อยๆ เดินตามเสียงพูดไป ได้ยินเสียงของยมดังชัดขึ้น
“บังเอิญว่าเรื่องแบบนี้ มันเป็นธุระโดยตรงของเราเสียด้วยสิ”
นิดหน่อยลนลาน น้ำเสียงหวาดกลัว “ทะ...ท่านคือใครกันแน่”
วิวัฒน์หนุดกึก รอลุ้นว่ายมจะตอบอย่างไร
สุวรรณกับสุวานปรากฏตัวขึ้น สุวรรณรีบกระซิบบอกยมเบาๆ
“มีคนสะกดรอยตามมานะครับท่าน”
“นี่ท่านคือ...” ไข่มุกนึกออก ร้องขึ้นอย่างตกใจ
ยมว้าบไปอุดปากนิดหน่อยพร้อมกับล็อคคอไว้
วิวัฒน์ลุ้นฟังอยู่ ผิดหวังที่เสียงเงียบหายไป ค่อยๆ ย่องตามเสียงมาใกล้ๆ
ผีไข่มุกไม่ยอมออกจากร่าง ซ้อนร่างนิดหน่อยอยู่อย่างนั้น และพยายามจะดิ้นรนด้วยอาการทุรนทุราย ก่อนที่ยมจะกระชากวิญญาณไข่มุกออกจากร่างนิดหน่อยสำเร็จ
ร่างนิดหน่อยล้มลงไปนอนที่พื้น สลบเหมือดไม่ได้สติ ยมคุมวิญญาณไข่มุกส่งให้สุวรรณกับสุวาน สั่งเบาๆ
“เอาตัวลงไป”
“ท่านคือ...” ไข่มุกโพล่งขึ้น พยายามจะถาม
สุวรรณต้องเอามืออุดปากไข่มุกไว้แทบไม่ทัน
วิวัฒน์เห็นยมอยู่ห่างๆ แต่มองไม่เห็นสุวรรณกับสุวาน เพราะมีมุมเสาบังไว้
“จะให้ดีก็ลองตรวจสอบอีกทีนะครับท่าน ว่ายังมีวิญญาณดวงอื่นแอบสิงในตัวผู้หญิงคนนี้อีกรึเปล่า”
“ใช่ครับ คืนก่อนวิญญาณหลุดออกมามาก เผื่อจะเล็ดรอดหลงเหลืออยู่”
“เดี๋ยวเราจัดการเอง รีบไปเถอะ”
สุวรรณกับสุวานนำดวงวิญญาณไข่มุกลงไปนรก
วิวัฒน์พยายามชะโงกไปมอง ยมเหลียวมามองเช่นกัน วิวัฒน์รีบผลุบเข้ามุมเสา


ยมก้มลงดมกลิ่นวิญญาณที่ตัวนิดหน่อยเพื่อเช็คให้แน่ใจ โดยดมไล่ตามลำตัวก่อน
ยมพึมพำ “กลิ่นวิญญาณไม่มีแล้ว”
นิดหน่อยค่อยๆ ฟื้นได้สติขึ้นมา เป็นจังหวะที่ยมดมมาถึงใบหน้าพอดี..ยมชะงักกึก ตาประสานกับนิดหน่อย นิดหน่อยก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
“ไอ้ลามก”
นิดหน่อยชกเข้าที่หน้ายมจนหน้าหงาย ก่อนจะลุกขึ้นมาโวยวายยมชุดใหญ่
นิดหน่อยมองไปรอบๆ ยิ่งขึ้น “ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย นายมอมยาชั้นแล้วพามาข่มขืนที่นี่
เหรอ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
“ไม่ใช่ยังไง ก็เห็นอยู่ว่าคุณกำลังจะลวนลามชั้น”
“เรื่องมันยาว คุณใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง”
“ชั้นไม่ฟัง คุณนี่มันเลวกว่าที่ชั้นคิดไว้มากเลย”
นิดหน่อยลุกเดินออกไป ยมรีบตามไปติดๆ
วิวัฒน์มองตาม เสียดายที่ยังไม่รู้ว่ายมเป็นใครกันแน่

เมื่อถึงบ้าน นิดหน่อยเก็บสร้อยไหลน้ำพี้ใส่กล่องไม้ จุกนั่งข้างๆ สองพี่น้องคุยกันอยู่ภายในห้องนอนของนิดหน่อย
“ตอนแรกจุกว่าจะใช้สร้อยเส้นนี้ไปช่วยพี่ แต่กลัวใช้ไม่ได้ผล ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากพี่ยมดีกว่า
นิดหน่อยมีท่าทีสงบลง หลังจากรู้ความจริงแล้วว่ายมเป็นคนไปช่วย
นิดหน่อยบ่นงึมงำ “ช่วยแล้วทำไมต้องมาทำท่าเหมือนจะลวนลามกันด้วย”
“ลวนลามอะไรเหรอพี่”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก”
นิดหน่อยเอากล่องไม้เก็บเข้าที่เดิม
จุกทักท้วง “พี่ไม่สวมสร้อยไว้หน่อยเหรอ จะได้กันภูตผีไม่ให้มาสิงพี่อีก”
“ไม่ล่ะ ของสำคัญแบบนี้ พี่กลัวหาย”
“กลัวหายแต่ไม่กลัวตายว่างั้น”
“คนเราเมื่อถึงคราวตาย ยังไงก็ต้องตาย จะกลัวไปทำไม”
“แหม...ยังไม่แก่เลย ปลงได้ซะแล้ว เอ๊ะ หรือว่าแก่แล้ว” จุกจ้องหน้าพี่ล้อๆ “ตีนกาเริ่มมาแล้วนะเรา”
“อย่ามายุ่ง”
นิดหน่อยเบือนหน้าหนี จุกคาใจเรื่องยม และเริ่มสงสัยมากขึ้น ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่
“อยากรู้จัง ว่าพี่ยมเค้ามีดีอะไร ผีถึงกลัวพี่เค้าจัง”
นิดหน่อยคิดตาม เพราะรู้สึกว่ายมมีหลายอย่างดูแปลกๆ อยู่เหมือนกัน
“ก็คงห้อยพระดีล่ะมั้ง”
“อืม...ก็คงจะอย่างนั้นอ่าแหละ”
“ไปๆ ออกไปได้แล้ว พี่จะนอน”
“เคๆ ไปก็ได้”
จุกเดินออกจากห้องไป ส่วนนิดหน่อยนั่งเหม่อต่อ นึกถึงคำสอนของยาย
ยายยิ้มบอกหลาน “จำไว้นะ วันหนึ่งเมื่อหลานโตจนสามารถมีความรักได้ หลานจงรักผู้ชายที่ยอมแลกชีวิตเพื่อหลานได้”
พร้อมกับว่ายายถอดสร้อยมาสวมให้นิดหน่อย
“และจงรักเค้าด้วยหัวใจทั้งหมดของหลาน”
ดญ.นิดหน่อยมองสร้อยที่คอด้วยความรู้สึกชื่นชอบ
อีกเหตุการณ์ ตอนนั้นสีหน้านิดหน่อยค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เป็นจังหวะที่ยมดมมาถึงใบหน้าพอดี ยมชะงักกึก ตายมประสานกับตานิดหน่อย ต่างคนต่างอึ้ง จนนิดหน่อยได้สต
“ไอ้ลามก”
นิดหน่อยชกเข้าที่หน้ายมจนหน้าหงาย
นิดหน่อยสะบัดหน้าแรงๆ
“ไม่...ไม่ใช่นาย ไอ้ลามก”
นิดหน่อยข่มตาหลับไป

นิดหน่อยเปิดร้านขนมด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใส นำขนมกลิ่นหอมฉุยที่เพิ่งทำเสร็จมาจัดวาง ระหว่างนี้ต่อเปิดประตูเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเกือบจะได้เสียกับนิดหน่อย
นิดหน่อยหันมาเห็นยิ้มทัก “อ้าวต่อ หวัดดี”
ต่อยิ้มตอบ หน้าเจื่อนๆ “เป็นไงบ้างอ่ะ”
นิดหน่อยพยักหน้ายิ้ม “โอเคแล้ว จะกินอะไรหน่อยมั้ย”
“ไม่ล่ะ ต่อแค่แวะมาดูนิดหน่อย ว่าเป็นยังไงบ้าง”
“เฮ้ย...เราโอเคแล้ว ไม่ต้องห่วง”
ต่อนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามประเมินสีหน้าอาการของนิดหน่อย ว่าจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้บ้างหรือไม่ แต่นิดหน่อยก็ก้มหน้าทำงานตามปกติ
“นี่นิดหน่อยจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอ”
นิดหน่อยงง “เหตุการณ์เมื่อคืน...มันมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ”
ต่ออ้ำอึ้งอึกอัก “เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ช่างมันเถอะ…จำไม่ได้ก็ดีแล้ว”
นิดหน่อยยิ้มให้
“งั้นต่อไปทำงานก่อนนะ”
“โอเค”
นิดหน่อยหันไปจัดร้านต่อ ในขณะที่ต่อถอยนตัวออกจากร้านเงียบๆ อดเสียดายช่วงเวลาความสุขที่เกิดขึ้นไม่ได้

ที่ห้องวีไอพีในสำนักวิวัฒน์นั่งคุยกับอาจารย์ขาวอยู่ในนั้น อาจารย์ขาวสีหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียด หลังจากได้ยินเรื่องราวของยมจากวิวัฒน์
“ไอ้นี่มันมีอะไรแปลกๆ อยู่ไม่น้อยจริงๆ”
“เสียดายที่ยังไม่รู้ชัดๆ ว่ามันเป็นใครกันแน่”
“ถ้ามันเป็นพวกมีอาคม อาคมของมันก็น่าจะแก่กล้าอยู่ไม่เบา”
“ทำไมอาจารย์คิดแบบนั้นครับ”
“ก็ผีพรายที่อาจารย์ส่งไปล้วงข้อมูลของมันน่ะสิ อยู่ๆ ก็สัญญาณขาดหาย ไปดื้อๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
วิวัฒน์อึ้ง “สัญญาณหายไปเลยเหรอจารย์”
“แม้แต่บริการรับฝากข้อความก็ไม่มี ลักษณะเหมือนวิญญาณจะดับสลายหายไปเลย
“ไอ้นี่ไม่ธรรมดาซะแล้ว”
“ใช่ อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใครกันแน่”

ทั้งสองครุ่นคิดสงสัยในตัวยม ว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่

อ่านต่อตอนต่อไป พรุ่งนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น