มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 5 | นิดหน่อยเจอดีถูกผีเข้า
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ สิริวัฒน์69
วิวัฒน์นั่งล้างปืนอยู่ที่โซฟาในโถงกลางบ้าน มีลูกน้อง1 คนสนิท ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ไอ้คนชื่อยมอะไรนั่น ชั้นว่ามันมีอะไรแปลกๆ” วิวัฒน์ปรารภขึ้น
“แปลกยังไงเหรอครับนาย”
วิวัฒน์ครุ่นคิดนิดๆ “ไม่รู้สิ เซนส์ชั้นมันบอก”
“แล้วเอาไงดีครับ ให้ผมไปสืบมั้ย”
วิวัฒน์นิ่งคิด ก่อนพยักหน้าให้ “ดี สืบให้รู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหน ทำงานอะไร ได้เรื่องยังไงแล้วรีบมาบอกชั้น”
“ครับนาย
ลูกน้อง2 เดินเข้ามารายงาน
“นายครับ ตอนนี้อาจารย์ขาวกลับมาถึงสำนักแล้วนะครับ”
“เหรอ”
“จะไปหาอาจารย์มั้ยครับนาย” ลูกน้อง1 ถาม
“เดี๋ยวค่อยไป ตอนนี้คนคงล้นสำนักอยู่ ขี้เกียจไปเจอพวกชาวบ้าน แกสองคนไปจัดการเรื่องไอ้ยมให้ชั้นก่อนไป”
“ครับนาย”
ลูกน้อง1 พยักหน้าชวนลูกน้อง2 แล้วพากันเดินออกไป
วิวัฒน์ก้มหน้าก้มตาล้างปืนต่อชิลล์ๆ
ที่สำนักอาจารย์ขาว มีชาวบ้านหลั่งไหลกันมาจับจองที่นั่งภายในสำนักแน่นขนัด บรรยากาศตกแต่งได้อย่างเข้มขลัง และดูแพง
สมรกับอาวรณ์พากันเดินเข้ามา โดยอาวรณ์ใช้อภิสิทธิ์การเป็นเจ้าหนี้หลายๆคนในการแซงคิวเพื่อหาที่นั่งแถวหน้าสุด สมรก็เนียนตามอาวรณ์ติดๆ
“เอ้าหลีกๆ”
ชาวบ้านออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ ถูกอาวรณ์แหวใส่
“ใครไม่หลีก ชั้นเก็บดอกเบี้ยเพิ่มนะ”
ชาวบ้านแหวกเป็นทาง ให้อาวรณ์กับสมรเดินไปนั่งหน้าสุด
“แหม...เงินนี่เสกได้ทุกอย่างจริงๆนะคะ” สมรว่า
“แน่นอน”
ไม่นานนัก เห็นลูกน้องอาจารย์ขาว2 คนเดินนำออกมาก่อน
“อาจารย์ขาวจะออกมาแล้ว ทุกคนอยู่ในความสำรวมด้วย”
ชาวบ้านต่างพากันเงียบอยู่ในอาการสำรวมทั้งแถบ
อาจารย์ขาวเดินออกมานั่งที่ที่นั่งซึ่งได้จัดเอาไว้ ชาวบ้านต่างยกมือไหว้ด้วยความเลื่อมใส
“สวัสดีทุกคน สบายดีกันนะ”
“สบายดีค่ะอาจารย์ แล้วอาจารย์ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง หายไปเสียนานเลย” อาวรณ์ถาม
“ได้ไปปลีกวิเวกในป่ามา จิตใจก็สงบขึ้นเยอะน่ะคุณอาวรณ์”
“จิตสงบขึ้น ก็น่าจะเห็นอะไรชัดขึ้นแน่ๆ เลย ใช่มั้ยคะ” สมรเข้าทางทันที
อาวรณ์เสริมว่า “งั้นงวดนี้ขอรางวัลที่หนึ่งเลยได้มั้ยคะอาจารย์ เอาหกตัวตรงๆ เลย”
“รางวัลที่หนึ่ง งวดประจำวันที่หนึ่ง เลขที่ออก...”
อาจารย์ขาวยิงมุก ลูกน้องรับลูก ทำเสียงออดกองสลากประกอบ
ชาวบ้านหูผึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมจดเลขทั้งแถบ
“ห้า หก หนึ่ง” อาจารย์ชะงัก “เดี๋ยวนะ เอาหกตัวเลยเหรอ”
อาวรณ์ลุ้นเยี่ยวเหนียว “ค่ะ ก็อาจารย์ไปปลีกวิเวกอัพพลังมา ก็น่าจะเห็นเลขมากกว่าเมื่อก่อนสิคะ”
“ไม่ได้...ให้หวยแบบนั้นมันผิดจรรยาบรรณ” อาจารย์ว่า
“ถ้าอย่างนั้นสามตัวก็ได้ค่ะอาจารย์ ขอตรงๆ นะคะ ไม่ต้องกลับ” สมรบอก
อาจารย์ขาวเกาหัว “แหมะ มาถึงยังไม่ทันได้พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ จะเอาเลขกันซะแล้วไ
กลุ่มสมร อาวรณ์และชาวบ้านหันหน้ามาสุมหัวปรึกษากัน
“อาจารย์เกาหัว เลขอะไรวะ” สมรถามในวง
อาวรณ์คิด “เกา...เก้ารึเปล่า”
ชาวบ้านต่างจดเลขกันด้วยท่าทีกระดี๊กระด๊า
“คอยสังเกตท่าทางอาจารย์ไว้ดีๆ นะ เหลืออีกสองตัว เดี๋ยวต้องมาแน่” อาวรณ์สรุป
ทุกคนหันหัวกลับมาหาอาจารย์ขาว เจอมุกอีกดอก
“เหลืออีกสองตัวเดินไปเอาหลังบ้านนู้น”
“เลขเหรอคะ” สมรลุ้น
“ปลาดุก...กำลังย่างอยู่เลย” อาจารย์ยิงมุกอีก
“แหม...ออกจากป่ามา แวะร้านหมูกระทะที่ไหนมาคะ มุกนี้แพรวพราวเชียว”
“ข้าก็ตลกของข้าแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
อาจารย์ขาวหยิบสร้อยออกมาเส้นหนึ่ง มีจี้เหล็กไหลห้อยอยู่
“มาดูของดีกันดีกว่า...ได้มาจากป่า จำนวนจำกัด...ลิมิเต็ด อิดิชั่นเลย”
“อุ๊ย อะไรเหรอคะอาจารย์” อาวรณ์ฟังไม่ถนัด
“เหล็กไหล สุดยอดของขลัง ป้องกันเวทย์มนต์คุณไสย ภูตผีปีศาจได้ดีนักแล”
“อุ๊ยตาย ของจริงใช่มั้ยคะ” สมรตื่นเต้น
“จริงสิวะ ข้าเคยเอาของเก๊มาให้บูชากันรึไง”
อาวรณ์เนื้อเต้นอยากได้ “เส้นนี้เปิดราคาที่เท่าไหรคะ”
“ราคาถูกหรือแพง ไม่ได้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นเจ้าของ ของชิ้นนี้จะได้อยู่กับคนที่คู่ควรเท่านั้น”
“งั้นหมอนขอบูชาเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทค่ะอาจารย์”
ชาวบ้านเริ่มตะโกนเสนอราคาแข่งกัน อยู่ในหลักไม่เกินห้าพัน จนอาวรณ์ตะโกนขึ้นในท้ายสุด
“ชั้นขอบูชาที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท”
อาจารย์ขาวยื่นสร้อยให้อาวรณ์ทันที “เจ้าคือคนที่คู่ควร”
“เอิ่ม ไหนว่าถูกแพง ไม่ได้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นเจ้าของไงคะ แล้วอาจารย์ดูจากอะไร” สมรเหน็บ
“เซนส์มันบอกโว้ย”
อาวรณ์รับสร้อยเหล็กไหลจากอาจารย์ขาวมาสวมใส่คอทันที
สมรแอบอิจฉาเล็กๆ และคิดจะหาเงินมาทุ่มบูชาของดีระดับพรีเมี่ยมจากอาจารย์ขาวบ้าง
เย็นนั้น ขณะที่นิดหน่อยกำลังเก็บร้านขนมปิดให้บริการ ยมเดินเล่นผ่านมาเห็นจึงเดินเข้ามาทักถาม
“ปิดร้านแล้วเหรอ”
“ขายหมดแล้วก็ปิดสิคะ คุณจะมาซื้อขนมเหรอ”
“เปล่า เราออกมาเดินเล่น ดูผู้คนแถวนี้น่ะ”
นิดหน่อยแปลกใจ “แถวนี้มีอะไรน่าดู”
“แล้วต้องไปที่ไหน ถึงจะมีอะไรน่าดู”
“แล้วคุณชอบดูอะไรล่ะคะ สาวๆ สวยๆ หรือว่าหนุ่มๆ ก้ามปู”
ยมงง “หะ..ผู้ชายมีก้ามปู จะบ้าเหรอ ครึ่งคนครึ่งปูเนี่ยนะ”
“โอ๊ย นี่ไปอยู่หลังดอยลูกไหนมาเนี่ย ถึงไม่รู้ศัพท์คนสมัยนี้ ก้ามปูก็หมายถึงผู้ชายกล้ามแขนโตๆ ไงคะ”
“อ๋อ เราจะดูทั้งผู้ชายและผู้หญิงนั่นแหละ”
นิดหน่อยมึนตึ๊บ “โอ๊ย โจทย์กว้างมาก เอางี้ ถ้าอยากจะดูชีวิตหนุ่มสาว ก็ไปดูตามห้าง แต่ถ้าแก่ๆ เลยก็ไปตามสวนสาธารณะ ไปดูอากงอาม่ารำไทเก็กนู้น”
นิดหน่อยจะเดินออกไปซื้อของทำขนม แต่ยมขวางไว้
“แล้วคุณจะไปไหน”
“ไปซื้อของเข้าร้านค่ะ”
“งั้นเราไปด้วย…อยากจะไปดูชีวิตหนุ่มสาว”
นิดหน่อยลังเลนิดๆ “ก็ได้...ตามมา”
นิดหน่อยปิดร้านแล้วเดินนำยมออกไป ต่อเดินมาจากอีกด้านด้วยสีหน้าเบิกบาน กะมาช่วยงานพี่สาวเต็มที่ แต่พอมาเห็นยมกับนิดหน่อยเดินคู่กันออกไป ก็ทำเอาต่ออึ้งไป
อีกด้าน ต่อเปิดตู้แช่ภายในร้านมินิมาร์ทของดาว หยิบนมออกมา 2 กล่อง สีหน้ายังคงซึมๆ เซ็งๆ ต่อเดินมาวางนมลงบนเคาน์เตอร์ ให้พนักงานสแกนเข้าเครื่องคิดเงิน ดาวเดินเข้ามา หยิบนมขึ้นมาดูวันหมดอายุทั้งสองกล่อง
“กล่องนี้หมดอายุแล้วนี่” ดาวบอกพนักงานว่า “ไปหยิบกล่องใหม่มาเปลี่ยนนะ แล้วก็ไล่เช็คด้วย ถ้ามีอะไรหมดอายุก็คัดออกมา”
“ค่ะคุณดาว”
พนักงานเดินออกไปหยิบนมกล่องใหม่ให้ต่อ
“เกือบจะได้กินนมหมดอายุแล้วมั้ยล่ะ”
“โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไร เราก็ไม่เช็คให้ดีก่อนเอง”
พนักงานเดินกลับมาพร้อมนมกล่องใหม่ ดาวใส่ถุงยืนให้ ต่อนึกได้หัวเราะขำตัวเอง
“ถ้านับตั้งแต่สมัยเรียน เรานี่รอดจากการท้องเสียเพราะดาวหลายครั้งเหมือนกันนะ”
“ก็ต่อไม่ชอบอ่านฉลากเช็ควันหมดอายุนี่ ไม่รู้จะรีบกินไปไหน”
“นั่นสิ เราก็พยายามเตือนตัวเองตลอดนะ แต่ก็ลืมทุกที”
ดาวเผลอหลุดปากไปว่า “งั้นต้องพกเราติดตัวไปไหนมาไหนตลอดแล้วล่ะ จะได้ไม่พลาด”
“ไอเดียน่าสนใจ”
ต่อกับดาวเผลอมองหน้าจ้องตากันคนละอารมณ์ ดาวนั้นแอบรักจริงจัง ส่วนต่อแค่อารมณ์เผลอไผลนิดๆ
“เดี๋ยวรีบกลับห้องไปปั่นงานก่อนนะ”
“อื้ม...สู้ๆ นะ”
ต่อพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินออกจากร้านไป
ดาวมองตามพรายยิ้มบางๆ ออกมา แค่ได้ดูแลต่อนิดๆ หน่อยๆ นางก็สุขใจแล้วจ้า
กลับถึงห้องพัก ต่อนั่งปั่นงานเขียนแบบอยู่ในห้อง ก่อนจะเหลือบมองกล่องนมที่ซื้อมาจากร้านนิดหน่อย แล้วหวนนึกถึงอดีต สมัยที่เขา ดาว และ นิดหน่อย เรียนมหาวิทยาลัย
ตรงม้านั่งในมุมร่มรื่นภายในมหาวิทยาลัย ต่อนั่งร่างแบบห้องอยู่ ด้วยหน้าตาเคร่งเครียด จนกระทั่งดาวกับนิดหน่อยเดินเข้ามา
“โอ้ว มีใครบางคนกำลังรีบปั่นงานส่งอาจารย์น่ะดาว”
ดาวมองเป็นห่วง “กินข้าวกลางวันยังเนี่ย”
“ยังเลย เดี๋ยวร่างให้เสร็จก่อน”
“อ่ะ ลูกอมสักเม็ด แก้เครียด”
นิดหน่อยหยิบลูกอมให้ ต่อยิ้มบางๆ รับลูกอมมา แล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้
“ขอบใจนะ”
“กินนมรองท้องหน่อยละกัน”
ดาวหยิบกล่องนมออกจากถุงมาให้
ต่อยิ้ม “ขอบใจ”
“เฮ้ยเดี๋ยว...ลืมดูวันหมดอายุ” ดาวรีบดึงกลับไปดูวันหมดอายุ “โอเค กินได้”
นิดหน่อยยิ้มเย้า “แหม...เจ้าแม่คิวซีจริงๆ”
“ต้องเช็คดีๆ สิ เกิดท้องเสียขึ้นมาไม่คุ้มกัน” ดาวบอก
ต่อเจาะนมดื่ม เหมือนเขาสนใจดาว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่
ต่อดึงความคิดกลับมา มองจ้องกล่องนมคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะหยิบกล่องนมออกไป กรอบรูปเล็กๆวางอยู่มุมโต๊ะ ข้างในเป็นลูกอมที่นิดหน่อยเคยให้ในวันนั้น ส่วนกล่องนมอยู่ในถังขยะข้างโต๊ะทำงานนั่นเอง
ด้านนิดหน่อยเดินเข็นรถเข็นเลือกซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยมียมเดินตามต้อยๆ
“ที่นี่ไม่มีหนุ่มสาวให้คุณดูมากหรอกนะ ถ้าอยากดูจริงๆ ก็ไปแถวสยามนู้น”
“สยามคือที่ไหน”
นิดหน่อยเซ็ง “โว๊ะ คุณนี่รู้จักอะไรบนโลกนี้บ้างเนี่ย”
ยมหลุดปากบ่น “ถ้ารู้จักก็คงไม่ขึ้นมาฮอลิเดย์หรอก”
“ว่าไงนะ”
“อ๋อ...เราทำแต่งานน่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสเปิดหูเปิดตาดูโลกสักเท่าไหร่ ก็เลยต้องลาพักร้อนมาเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“คนทำงานหลังเขาหลังดอยยังรู้เรื่องมากกว่าคุณอีก ถามจริง คุณทำงานอยู่นรกขุมไหนเนี่ย”
ยมอึ้งไป ตกใจนิดๆ คิดว่านิดหน่อยรู้จริง จนอีกฝ่ายยิ้มขำ
“เฮ้ย ชั้นแซวเล่น ทำหน้าจริงจังซะ”
ยมหันไปมอง เห็นคู่ชายหญิง 2 คู่ อยู่ห่างกันคนละมุม โดยทั้ง 2 คู่ ผู้ชายเป็นคนเข็นรถให้ฝ่ายหญิง
ยมจึงคว้ารถเข็นมาเข็นให้นิดหน่อย
“จะทำอะไรของคุณ”
“ก็เข็นรถให้น่ะสิ” เขามองไปรอบๆ “เราเห็นใครๆ เค้าก็เข็นรถให้ผู้หญิงกันทั้งนั้น”
“ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรษ เด็กประถมแถวบ้านชั้นก็รู้นะ”
นิดหน่อยเดินนำไป ยมสีหน้านิ่งๆ งงๆ ไม่รู้ตัวว่าโดนแดกดันเอา
สองคนเดินมาที่มุมหนึ่งภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต
“แล้วปกติคุณไม่มีใครมาช่วยเข็นรถเข็นให้เหรอ”
“ไม่จำเป็น ชั้นทำคนเดียวได้”
ยมมองนิดหน่อยอย่างพิจารณา “ดูคุณเฉยๆชาๆ ไม่ค่อยศรัทธาในความรักเอาซะเลย”
“ถ้าคุณกำลังหมายถึงความรักแบบชู้สาว ไม่ใช่ไม่ค่อยไม่ศรัทธา แต่ไม่ศรัทธาเลยต่างหาก”
ยมนิ่งไป
นึกถึงตอนทะเลาะกับสนที่นรกภูมิ เขาบอกอย่างไม่เชื่อเรื่องความรักว่า
“เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี”
“ไม่จริง ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ส่วนรักแท้เป็นรักนิรันดร์”
ยมดึงตัวเองกลับมา ถามขึ้นมาว่า
“คุณเชื่อในรักนิรันดร์มั้ย”
“แอร๊ยย..เชื่อสิคะ...”
เจ้าของเสียงกรี๊ดกร๊าดเป็นกะเทยอ้วนดำกำลังทำหน้าพริ้มใส่ยม ยมสะดุ้งก่อนจะมองหา เห็นนิดหหน่อยเดินนำไปไกลแล้ว
“แล้วคุณล่ะคะ เชื่อในรักนิรันดร์รึเปล่า” กะเทยยักษ์ถาม
“เราไม่เชื่อ”
ยมตอบหน้านิ่ง จากนั้นก็รีบเข็นรถตามนิดหน่อยไป กะเทยยักษ์เซ็ง...นกขร่ะ
ยมกับนิดหน่อยเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยที่ยมเป็นคนถือถุงใส่ของให้ นิดหน่อยจัดการเอาบิลต่างๆ เรียงใส่กระเป๋าสตางค์
“ทำไมคุณดูสนใจเรื่องความรักจังเลย กำลังจะจีบใครอยู่เหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พอดีเรารู้จักคนๆ นึง ที่ศรัทธาในความรักเอามากๆ เราก็เลยสังสัยว่า คนๆ นึง จะรักคนอีกคนได้มากมายขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ฮึ มันก็หวานกันช่วงแรกๆ เท่านั้นแหละ คบไปไม่นานเดี๋ยวก็ขม เหมือนกับที่แม่ชั้นเจอไง”
ยมอึ้ง นิ่งงันไป
“แล้วคุณล่ะ คิดยังไงกับเรื่องนี้”
“เรายังตัดสินไม่ได้ ถึงต้องมาหาความหมายของรักแท้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน”
ทันใดนั้นเองก็มีโจรวิ่งเข้ามากระชากกระเป๋านิดหน่อยเต็มแรง แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย เอากระเป๋าชั้นมานะ”
นิดหน่อยวิ่งตามไปอย่างไม่คิดชีวิตยมพยายามเรียกนิดหน่อยเพราะกลัวจะเป็นอันตราย แต่ก็ไม่เป็นผล
โจรวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว มีนิดหน่อยวิ่งไล่ตามมาติดๆ นิดหน่อยวิ่งไล่ล่าโจรมาในทางเดินซอกตึกแคบๆ แสดงให้เห็นถึงจิตใจเด็ดเดี่ยวห้าวหาญของเธอ
โจรวิ่งมาเจอทางตัน นิดหน่อยหยุดวิ่งหอบแฮ่กๆ
“แกหนีไปไหนไม่พ้นแล้ว”
“ประโยคนี้พี่ควรจะเป็นคนพูดกับน้องมากกว่า”
นิดหน่อยงง “คือไร”
โจรชั่วชักมีดสปริงออกมา ยิ้มกวนตีน “เมื่อกี๊ไม่ทันได้มองหน้า สวยไม่เบาเลยนะนี่”
“เฮ้ย อย่าทำอะไรชั้นนะ”
โจรเดินเข้าหานิดหน่อยอย่างคุกคาม นิดหน่อยจะหันหลังวิ่งกลับ แต่โจรวิ่งมาขวางทางไว้ ก่อนจะค่อยๆ ไล่ต้อนให้นิดหน่อยถอยหลังเข้าทางตัน
“อย่าทำอะไรชั้นเลยนะ”
“กลัวเหรอจ๊ะ..ทีเมื่อกี๊วิ่งตามพี่ไม่เห็นกลัวเลย”
“ชั้นแค่อยากได้กระเป๋าเงินของชั้นคืน ชั้นก็แค่คนหาเช้ากินค่ำ เห็นใจชั้นเถอะนะ”
“อยากได้กระเป๋าคืนเหรอ” โจรชั่วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใช่ ขอกระเป่าชั้นคืนเถอะนะ”
“ได้สิ อ่ะพี่คืนให้”
โจรโยนกระเป๋าคืนให้ นิดหน่อยรับมากอดไว้อย่างดีใจ โดนโจรฉวยจังหวะเข้าลวนลาม
นิดหน่อยกรี๊ด “อ๊ายย..อย่าทำอะไรชั้นนะ”
“ก็พี่คืนกระเป๋าให้แล้วไง”
จู่ๆ มือของยมก็เอื้อมมาคว้าคอโจร เหวี่ยงร่างกระเด็นไปทางหนึ่ง
“เฮ้ย ยุ่งอะไรด้วยวะ”
นิดหน่อยรีบวิ่งเข้ามาหลบหลังยม
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
โจรเงื้อมีดวิ่งเข้ามาแทงยม แต่ยมคว้าข้อมือโจรไว้ได้ โจรง้างมืออีกข้างจะชกยม ยมก็คว้าข้อมือไว้ได้อีก สักพักโจรเริ่มรู้สึกร้อนที่มือมากขึ้นๆ
“ทำไมร้อนจังวะ”
โจรจ้องหน้ายมอย่างงงๆ นัยน์ตาของยมมีเปลวไฟของนรกลุกโชนให้เห็น
“เฮ้ย มึงเป็นใครวะเนี่ย”
โจรตกใจ สะบัดแขนหลุดแล้วรีบวิ่งหนีไป นิดหน่อยรีบก้มตรวจดูเงินในกระเป๋า กลัวว่าจะหายไป
“นี่ห่วงเงินมากกว่าชีวิตตัวเองอีกงั้นรึ นี่ถ้าเรามาช่วยไม่ทันจะทำยังไง” ยมโมโห
นิดหน่อยหน้าเจื่อน “ชั้นก็สู้สุดฤทธิ์ของชั้นนั่นแหละ อย่างมากก็แค่ตาย”
“ทีหลังอย่าทำอะไรขาดสติแบบนี้อีก”
“ชั้นยอมขาดสติ ถ้าจะต้องขาดสตางค์ด้วยเรื่องแบบนี้ คุณมันเหลือกินเหลือใช้ ก็พูดง่ายสิ”
ยมนิ่งฟัง
“ชั้นทำงานเหนื่อยยากแค่ไหน กว่าจะได้เงินนี่มา ชั้นไม่ยอมเสียมันไปง่ายๆ หรอก”
นิดหน่อยกอดกระเป๋าเดินนำออกไป ยมมองตาม เริ่มรู้สึกเห็นใจนิดหน่อยขึ้นมานิดๆ
ในเวลาเดียวกันเห็นลูกน้องวิวัฒน์ทั้ง 2 คนเดินเข้ามาหยุดริมรั้วหน้าบ้านเช่าของยม มันทั้งคู่มองเข้าไปในบ้านที่ปิดเงียบ
“เหมือนจะไม่มีใครอยู่ว่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทางสะดวก”
ทั้ง 2 คนมองซ้ายแลขวาจนแน่ใจ จึงสะเดาะเปิดประตูรั้วเข้าไปด้านใน ก่อนจะเอาอุปกรณ์มาสะเดาะกุญแจลูกบิดประตูเปิดเข้าไป
โดยไม่รู้ตัวว่าสองมันกำลังจะเจอดี
สองลูกน้องของวิวัฒน์เปิดประตูพากันเข้ามาในห้องโถงบ้าน มองบรรยากาศวังเวงรอบๆ ใต้แสงสลัวๆ
“ขนลุกเลย” ลูกน้อง2 เอ่ยขึ้น
“กลัวเหรอ”
“เปล่า...ปวดขี้…ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”
ลูกน้อง2 จะเดินแยกไป แต่ลูกน้อง1 เหนี่ยวคอไว้
“อั้นไว้ก่อน รีบทำงานให้เสร็จๆ”
“โวะ อย่างนั้นก็แยกย้ายกันหาเบาะแส จะได้เสร็จเร็วๆ”
ทั้งสองแยกย้ายกันสำรวจภายในบ้านหาข้อมูล ตามมุมต่างๆ หลายๆ มุม ทั้งคู่เดินมายังจุดที่มีประตูสามบานตรงกัน ก่อนจะเปิดประตูทั้งสามบานเพื่อหาเบาะแสยม แล้วจึงสังเกตเห็นความผิดปกติของประตู สองคนมองด้วยความแปลกใจ
“ทำไมประตูมันตรงกันแบบนี้วะ”
“นั่นดิ ตรงกันเพื่อ”
จู่ๆ มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น
“เสียงอะไรวะ” ลูกน้อง1 ชะงัก
“ไม่รู้ว่ะ แต่หลอนๆ ไงพิกล”
“กลิ่นชักไม่ดี กลับก่อนดีกว่าว่ะ”
“ก็ไม่ควรมาตั้งแต่แรก บ้านนี้เค้าลือกันจะตาย ว่าเป็นบ้านผีสิง”
ลูกน้อง1 ไม่เชื่อ “ผีเผอมีที่ไหน”
ทันใดนั้นเอง มีวิญญาณพุ่งผ่านช่องประตูทั้งสามออกมา ลักษณะเป็นฝุ่นควันสีดำ
ลูกน้อง2 สะดุ้ง “เชี่ย....ไรวะเนี่ย”
กลุ่มควันเริ่มมีรูปร่างกลายเป็นวิญญาณเป็นตัวเป็นตน เสียงหวีดร้องโหยหวนดังไปทั่วบ้าน
“เชี่ย.... ผี”
สองลูกน้องของวิวัฒน์เผ่นแน่บออกไปแทบไม่ทัน
ที่ออฟฟิศเขต8 ในนรกภูมิ สุวรรณกับสุวานนั่งดูมอนิเตอร์ที่บ้านเช่า พบว่าขณะนี้เต็มไปด้วยวิญญาณวนเวียนเต็มบ้าน เล่นเอากุมภัณฑ์เขต8 ทั้งสองนั่งหน้าเหวอกันทั้งคู่
“ขุ่นพระ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“ดูสามัคคีชุมนุมกันมาก”
มัจจุราชเขต8 เดินเข้ามาพร้อมกับสุวรรณ7และสุวาน7
“เจ้านายเจ้าก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว”
สุวรรณกับสุวานสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันไปเจอทีมเขต7
“เจ้านายเราไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเสียหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุต่างหากล่ะครับ” สุวรรณ8 บอก
สุวาน8 เสริมว่า “ใช่ครับ มีโจรขึ้นบ้านท่าน แล้วก็เผลอเปิดประตูทางผ่านวิญญาณทั้งสามบานตรงกัน เรื่องมันก็เลยเกิดแบบนี้น่ะครับ”
สุวรรณ7 เหน็บ “พูดแบบนี้ แสดงว่าจะปัดความรับผิดชอบอย่างนั้นรึ”
“ใช่ เจ้านายเจ้าหละหลวม เรื่องมันถึงเกิดแบบนี้ไงล่ะ” เขต8ตำหนิ
“ท่านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะท่าน เจ้านายเราไปฮอลิเดย์นะ ไม่ใช่ไปนั่งเฝ้าบ้านหลังนั้น” สุวาน8 โต้
สุวรรณ8 ตัดบท “เอาล่ะๆ เถียงกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่ๆ เราว่าเรารีบขึ้นไปจัดการวิญญาณที่หลุดออกมากันดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่”
สุวาน7 ไม่เอาด้วย “เรื่องอะไรเราต้องไปสะสางปัญหาของพวกท่านด้วย”
สุวรรณ8 ฉุน “อ้าว ก็แล้วแต่ จะไปหรือไม่ไปก็แล้วแต่ท่าน”
“ใช่ แค่เรากับสุวรรณขึ้นไปก็เอาอยู่ ไม่ต้องพึ่งพวกท่านหรอก”
สุวรรณ8กับสุวาน8พากันเดินออกไป
สุวรรณ7 หันมาทาง เขต7 “เอายังไงดีครับ”
มัจจุราชเขต7ครุ่นคิดสีหน้าเคร่งเครียด ว่าจะเอายังไงดี
คืนนั้นสมร จุก ดาวและต่อ นั่งกินหมูกระทะกันอยู่ที่ม้าหินหน้าร้าน บรรยากาศรอบๆ ยังดูเป็นปกติ
จุกชะเง้อคอมองไปทางประตูบ้าน “พี่นิดหน่อยไปซื้อของถึงไหนเนี่ย ไม่กลับมาซะที”
สมรยิ้มกรุ้มกริ่ม “มันโทร.มาบอกแม่แล้ว มันว่ากำลังกลับ”
จุกมองจับผิด “แล้วทำไมต้องยิ้มแปลกๆ แบบนี้ด้วยล่ะแม่ มีอะไรเหรอ”
“ไม่ให้ยิ้มได้ไง ก็มันออกไปกับคุณยมเค้านี่…แหม...ตอนเชียร์คุณยมทำเป็นไม่สนใจเค้า มาวันนี้ออกไปกับเค้าเฉย”
ต่อเริ่มหน้าเครียด ไม่สบายใจ
“ทั้งชีวิตนี้ พี่นิดหน่อยเค้าไม่คิดจะรักใครแล้วแม่ อย่าเสียเวลาจับคู่ให้พี่เค้าเลย
“ถ้าไม่คิดแล้วมันจะออกไปกับเค้ามั้ยล่ะ มันก็ต้องมีแอบคิดบ้างแหละ แหม...” สมรหันมาชวนดาวคุย “นี่ดาว...นิดหน่อยมันพูดอะไรเกี่ยวกับคุณยมให้ฟังบ้างมั้ย”
“ไม่ได้พูดอะไรนะคะ”
“ตอนนี้ยังปิดอยู่ อีกไม่นานเดี๋ยวก็แกรนด์โอเพนนิ่ง เชื่อแม่สิ”
ต่อฟังแล้วกินไม่ลง วางตะเกียบ ท่าทีเซ็งๆ
“เป็นอะไรพี่ต่อ ไม่อร่อยเหรอ”
“พี่ยังอิ่มอยู่น่ะ กินไรไม่ค่อยลง”
ดาวลอบมองต่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองเสียงเอะอะของกลุ่มชาวบ้านที่วิ่งหน้าตาตื่นผ่านไป
“มีอะไรกัน ทำหน้าอย่างกับวิ่งหนีผีมา” สมรงง
จู่ๆ หลอดไฟบริเวณรอบๆ คอนโด เริ่มกระพริบ ติดๆ ดับๆ จุกเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
“เอ…บรรยากาศมันชักยังไงๆ แล้วนะ” จุกสังหรณ์ใจแปลกๆ
ระหว่างนี้ยมกับนิดหน่อยพากันเดินเข้าบ้านมาสมทบ นิดหน่อยมองบรรยากาศรอบๆ ที่ไฟติดๆ ดับๆ อย่างแปลกใจ
“ฝนก็ไม่ตก ทำไมไฟตก ติดๆ ดับๆ แบบนี้ล่ะ”
ยมรู้สึกแปลกๆ “ไม่ใช่ไฟตก”
“ไม่ใช่ไฟตกแล้วคืออะไร”
ทันใดนั้นเองก็มีกลุ่มวิญญาณลอยมาวนเวียนไปทั่ว แถมส่งเสียงร้องโหยหวน
“เข้าไปหลบในร้านก่อน เดี๋ยวเรามา”
พูดเท่านั้นยมก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านเช่า ในขณะที่ทุกคนวิ่งหนีเข้าไปหลบในบ้าน
ที่สำนักอาจารย์ขาว ลมวูบหนึ่งพัดมาจนทำให้เปลวเทียนดับลง อาจารย์ขาวกำลังลงเข็มสักที่หลังวิวัฒน์อยู่ต้องหยุดชะงัก มีเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณดังมาจากนอกบ้าน
วิวัฒน์แปลกใจ “เกิดอะไรขึ้นน่ะอาจารย์”
“นั่นสิ บรรยากาศแปลกๆ” อาจารย์หยุกสักหันไปทางหน้าบ้าน
ลูกน้องวิวัฒน์ทั้งสองคนพากันวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“นาย...ผมไม่ไปแล้วนะ ไอ้บ้านผีสิงหลังนั้นน่ะ” ลูกน้อง1 ตาแตกรางาน
“เกิดอะไรขึ้น” วิวัฒน์แปลกใจ
ลูกน้อง1 บอกเสียงสั่น “ผีครับนาย มันมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะเลย”
อาจารย์ขาวสะดุดหู “อะไร บ้านผีสิงที่ไหนกัน”
“เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังครับอาจารย์ แล้วได้ข้อมูลอะไรกันมาบ้าง” วิวัฒน์หยิบเสื้อมาสวม
“มันไม่อยู่บ้านครับ ผมสองคนไม่ได้เบาะแสอะไรของมันเลย นอกจากผีจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด”
ลูกศิษย์อาจารย์ขาวเดินเข้ามา รายงาน
“อาจารย์ครับ ออกไปดูอะไรข้างนอกเร็วครับ”
ทุกคนพากันเดินออกไปที่หน้าสำนัก เห็นกลุ่มวิญญาณลักษณะเป็นกลุ่มควันสีดำลอยวนไปมาบนอากาศหลายดวง
อาจารย์ขาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ตื่นเต้นยินดีโครตๆ “โอ้โหเฮ้ย มาจากไหนเยอะแยะเลยวะนั่น”
“ต้องมาจากบ้านหลังนั้นแน่ๆ” ลูกน้อง2 บอก
อาจารย์ขาวตะโกนบอกลูกศิษย์ “เฮ้ยเตรียมแห ข้าจะออกไปจับผี”
“เอิ่ม ผีนะอาจารย์ ไม่ใช่ปลาหมอ”
“นั่นสิ อาจารย์ดูตื่นเต้นเหมือนเด็กเจอของเล่นยังไงยังงั้นเลยนะครับ”
“วิญญาณเร่ร่อนเยอะขนาดนี้ไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง ข้าจะจับมาเซ็นสัญญาเข้าสโมสรข้าเสียหน่อย ฮ่าๆๆ”
ลูกศิษย์คนสนิท วิ่งออกมาพร้อมกับย่ามอาจารย์ขาว และแหอาคม
“ไปโว้ย จับผีกัน”
อาจารย์ขาวเดินนำลูกศิษย์ออกไปอย่างร่าเริง
ลูกน้อง1หน้าเจื่อนๆ "เอาไงดีครับนาย จะตามอาจารย์ขาวไปมั้ยครับ"
"เสียเวลา"
วิวัฒน์เดินไปที่รถ ลูกน้องทั้งสองต่างโล่งอกที่ไม่ต้องไปไล่ล่าผีกับอาจารย์ขาว
ฟากยม พร้อมสุวรรณ8 และสุวาน8 ช่วยกันปิดประตูที่เปิดตรงกันอยู่
“มันเกิดอะไรขึ้น ใครมาเปิดประตูสามบานนี้” ยมแปลกใจมาก
“มีคนแอบเข้ามาในบ้านครับ เหมือนจะเข้ามาสืบหาข้อมูลว่าท่านเป็นใครมาจากไหน” สุวรรณ8 บอก
“แสดงว่ามีคนเริ่มสงสัยในตัวท่านแล้วนะครับ”
มัจจุราชเขต7 ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสุวรรณ7 และสุวาน7 แดกดันยมขึ้นทันที
“ขึ้นมาไม่ทันไร ก็มีคนสงสัยในตัวท่านแล้วรึนี่ คงจะไปแสดงฤทธิ์เดชให้พวกมนุษย์เห็นสินะ”
ยมไม่สนใจคำเหน็บ หันไปสั่งงานสุวรรณกับสุวาน ลูกทีม
“เดี๋ยวออกไปจัดการจับวิญญาณเร่ร่อนให้เรียบร้อยนะ”
“ครับท่าน”
สุวรรณกับสุวานพากันออกจากบ้านไป แต่ต้องชะงัก
“ถ้าท่านท้าวรู้เรื่องนี้ล่ะก็...” เขต7 เอ่ยขึ้นเชิงขู่
ยมตัดรำคาญทันที “แล้วจะช้าอยู่ทำไม เชิญลงไปฟ้องเลยสิ”
ยมจ้องหน้ามัจจุราชเขต7 อย่างท้าทาย
“ท้าเราเหรอ”
สุวรรณกับสุวานทั้งสองเขต เห็นเจ้านายเผชิญหน้ากันก็เอาบ้าง ต่างเดินเข้ามาจ้องหน้ากัน
“ท่านอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่มีเวลามาใส่ใจหรอก” ยมว่า
“ท่านอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่มีเวลามาใส่ใจหรอก” สุวรรณ8 ว่าตาม
“ไม่ต้องห่วง เราจะจับตาดูท่านไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ” เขต7 บอก
สุวรรณ7 ว่าตาม “ไม่ต้องห่วง เราจะจับตาดูท่านไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ”
“ก็แล้วแต่” ยมว่า
สุวาน8 ว่าตาม “ก็แล้วแต่”
เขต7 รำคาญ “จะพูดตามกันทำไมเนี่ย”
สุวาน7 เคลิ้ม “จะพูดตามกันทำไมเนี่ย”
ยมเดินออกจากบ้านไป สุวรรณ8กับสุวาน8เดินตามไปติดๆ
สุวรรณ7 ถามหัวหน้า “เอายังไงดีครับท่าน”
มัจจุราชเขต7 มีสีหน้าครุ่นคิด
อีกด้านหนึ่ง สมรเดินนำนิดหน่อย จุก ดาวและต่อมาตามทางเดิน มุ่งหน้าไปที่ออฟฟิศของวิเวกและอาวรณ์ภายในคอนโด ทั้งหมดเดินเกาะกลุ่มกันด้วยอาการหวาดกลัว
“จุกว่ากลับบ้านเราไม่ดีกว่าเหรอแม่”
“นั่นสิ จะไปหาคุณอาวรณ์ทำไมเนี่ย” นิดหน่อยไม่เห็นด้วย
“กว่าจะถึงบ้านอีกตั้งไกล จะเจออะไรระหว่างทางบ้างก็ไม่รู้มาสมทบกับคุณอาวรณ์นี่แหละ แกเพิ่งจะได้เหล็กไหลจากอาจารย์ขาวมา”
“เราเชื่อถือได้ใช่มั้ยคะ ไอ้เหล็กไหลอะไรนี่น่ะ” ดาวถาม
“นี่เรากำลังพูดถึงอาจารย์ขาวนะ ถ้าเชื่อถือไม่ได้ก็ไม่รู้จะไปเชื่อใครได้อีกแล้ว” สมรเอ็ด
ทุกคนมาถึงหน้าออฟฟิศ สมรเคาะประตูเรียกคุณนายอาวรณ์
“คุณอาวรณ์คะ อยู่ข้างในรึเปล่าคะ”
เสียงอาวรณ์ร้องบอก “เข้ามา”
“เห็นมั้ย ถ้าไม่มีเหล็กไหลอาจารย์ขาว ป่านนี้โดนผีหลอกจับไข้หัวโกร๋นไปแล้ว”
สมรเปิดประตูเดินนำทุกคนเข้าไปในห้อง
ทุกคนเดินเข้ามาเห็นอาวรณ์สวมสร้อยเหล็กไหล กำลังล็อคคอวิเวกพร้อมกับเอามีดจี้ที่เอว พร้อมเสียบตลอดเวลา
“ช่วยด้วย”
ดาวอุทานลั่น “เย้ย สารวัตร”
“นั่นคุณอาวรณ์เค้าเมายาบ้าเหรอ” ต่อมองฉงน
“โอ๊ย..ผีเข้าชัดๆ เมายาบ้าอะไรล่ะพี่ต่อ” จุกบอก
นิดหน่อยส่ายหัว “ไหนว่าเหล็กไหลอาจารย์ขาวขลังนักขลังหนาไงแม่ นี่ห้อยอยู่ที่คอแท้ๆ ผียังเข้าเลย”
อาวรณ์เสียงแข็งเย็นเยือกไม่เหมือนเดิม “ใครอยากตายก็เข้ามา”
“ชั่วโมงนี้ ตัวใครตัวมันนะคะ”
สมรเปิดฟลอร์โกยแน่บ วิ่งหนีคนแรก ทุกคนพากันเผ่นตามไป มีอาวรณ์วิ่งไล่ล่าทุกคนอย่างบ้าคลั่ง
ด้านอาจารย์ขาวเดินอาดๆ ตามล่าผีไปเซ็นสัญญาเข้าสังกัดอย่างเบิกบาน
“แหม่...คืนนี้มันชุมนุมผีวาไรตี้รึไงวะ มากันหลายแบบเหลือเกินโว้ย”
“นั่นสิจารย์...ทั้งผีไทยผีเทศ มันมาจากไหนกันเยอะแยะนะ”
“มันจะต้องมีทางผีผ่านอยู่ละแวกนี้ เดี๋ยวข้าจะต้องสืบให้รู้ ว่ามันอยู่ที่ไหน”
“แหม...จารย์จับไปก็หลายผีแล้ว แต่ไม่ยักจับผีปอบได้สักตัวเลยนะจารย์”
“เออ ผีสามัญประจำชาติขนาดนี้ ทำไมไม่เจอสักตัวเลยวะ จะจับไปออกงานวัดซะหน่อย”
มีวิญญาณแม่กำลังปลอบวิญญาณลูกที่กำลังร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูก เอ่เอ๊นะ เอ่เอ๊”
อาจารย์ขาวเดินผ่านมาและหยุดมอง หัวเราะชอบใจ
“เจอซะที นังผีปอบ หึๆๆ”
ลูกศิษย์ท้วง “ผีปอบอะไร นั่นมันผีแม่ลูกอ่อนคับจารย์”
“ก็มันปลอบลูกมันอยู่ไม่เห็นเรอะ”
อาจารย์ขาวหัวเราะก๊าก เปิดฝาหม้อออกสะกดวิญญาณเข้าหม้อแล้วปิดทันที
“นังนี่ท่าจะเลี้ยงเด็กเก่ง เอาไปเป็นแม่เลี้ยงกุมารที่สำนักซะหน่อย ฮ่าๆๆ”
อาจารย์ขาวกับลูกศิษย์ออกเดินต่อ แต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อมองไปเห็นบางอย่าง
แสงจากเสาไฟในซอย ส่องลงมาเห็นวิญญาณหญิงสาวร่างอ้วนฉุยืนก้มหน้าเส้นผมยาวเกือบถึงพื้น อยู่ท่ามกลางแสงสลัว
“เอ้อเหอ...นั่นผีอะไรอ่ะจารย์”
“นั่นสิ..ไม่รู้จะนิยามให้มันเป็นผีอะไรดีว่ะ”
วิญญาณหญิงอ้วนร่านราคะร้องครวญเสียงหลอนๆ ตอบมาว่า “ผีไม่มัว”
อาจารย์ขาวเง็ง “เฮ้ย อะไรวะผีไม่มัว ไม่เคยได้ยิน”
“ผีไม่มัว...ผัวไม่มี” ผีบอก
อาจารย์ขาวกับลูกศิษย์หัวเราะก๊าก ชอบใจ
“จงตายซะ จะได้มาเป็นผัวกู”
วิญญาณหญิงวิ่งเข้ามาบีบคอลูกศิษย์หมับ
“โอ๊ย...ช่วยด้วยจารย์”
“แหมอีนี่ อยากมีผัวจัด จนเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอเลยนะ”
อาจารย์หยิบข้าวสารเสกออกมาเสกมนต์กำกับงึมงำ
“เจอข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลุกเสกหน่อยเป็นไง”
วิญญาณหญิงอ้วนร่านแรด แตกสลายไปทันที
“อ้าวจารย์ ไม่จับมันลงหม้อล่ะ”
“ตัวขนาดนั้น จับลงไปให้แน่นหม้อกูเหรอ...เปลืองความจุโว้ย”
อาจารย์ขาวออกเดินตามหาล่าผีต่ออย่างเบิกบาน
อาวรณ์วิ่งเอามีดไล่ฟันทุกคนอย่างบ้าคลั่ง จนมาถึงมุมหนึ่งบริเวณหลังตึกอพาร์ตเมนต์ สมรวิ่งนำทุกคนมาทำท่าจะลงโอ่งแถวนั้น แต่นิดหน่อยฉุดสมรขึ้นมา
“จะทำไรอ่ะแม่”
“ก็หนีผีไง...เอ้า ทุกคนค่อยๆ ตามกันลงมาทีละคนนะ”
“ปัดโธ่...นี่ไม่ใช่บ้านผีปอบนะแม่” นิดหน่อยท้วง
“คิดได้ไงอ่ะแม่” จุกทึ่ง
“คนตกใจ จะให้คิดได้เยอะขนาดไหนล่ะ อะไรที่คิดว่ารอดก็ทำไว้ก่อนแหละ”
อาวรณ์กำลังวิ่งเข้ามาหาทุกคน ต่อหันไปเห็น
“คุณอาวรณ์มาโน่นแล้ว”
“ขึ้นด้านบนกันดีกว่าครับ ห้องเยอะแยะ น่าจะมีที่ซ่อนตัวได้” วิเวกว่า
ทุกคนวิ่งขึ้นบันไดอพาร์ตเมนต์ไป โดยมีอาวรณ์วิ่งไล่ล่าไปติดๆ
สุวรรณ8 กับสุวาน8 ถือเชือกจับวิญญาณมาคนละเส้น โดยที่เชือกมีวิญญาณที่ถูกจับได้แล้วล่ามรวมกันอยู่หลายดวง จนมาหยุดที่บริเวณหน้าร้านขนม เห็นยมเดินหากลุ่มของนิดหน่อยก็แปลกใจ
“หาใครเหรอท่าน”
“พวกมนุษย์น่ะ เราบอกให้รวมตัวกันอยู่ในร้านนี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว”
เสียงกรี๊ดของกลุ่มผู้หญิงดังแว่วมาจากบนอพาร์ตเมนต์
“ใช่เสียงพวกนั้นรึเปล่าครับ” สุวานมองขึ้นไป
“เจ้าสองคนตามจับวิญญาณให้หมด เดี๋ยวเราขึ้นไปช่วยพวกนั้นเอง” ยมสั่งการ
“ระวังนะท่าน อย่าแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรให้พวกมนุษย์เห็นอีกนะครับ” สุวรรณกำชับ
“เออ”
ยมรีบขึ้นไปบนอพาร์ตเมนต์
ทุกคนกำลังวิ่งหนีอาวรณ์ที่ถือมีดไล่ฟันไม่ลดละ ต่อกับจุกพยายามขว้างของใส่อาวรณ์เพื่อหยุดยั้ง สารวัตรวิเวกไม่พอใจเป็นห่วงเมีย
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
“ก็จะหยุดคุณอาวรณ์ไงล่ะครับ”จุกบอก
“แต่นั่นเมียชั้นนะ เอาอะไรขว้างใส่แบบนั้นได้ไง”
“แล้วจะให้พวกเราทำยังไงล่ะครับ คุณอาวรณ์คลั่งซะขนาดนี้” ต่อเป็นกังวล
“นั่นสิคะ ขนาดเหล็กไหลที่คอยังหยุดผีไม่อยู่ แล้วอะไรจะหยุดอยู่คะเนี่ย” สมรท้วง
“ความรักไงครับ” วิเวกว่า
นิดหน่อยเซ็ง “หะ”
“ด้วยความรักความผูกพันที่เรามีต่อกัน ผมเชื่อว่าอาวรณ์จะจำผมได้ และต่อสู้กับวิญญาณร้ายที่สิงร่างอยู่”
วิเวกค่อยๆ เดินเข้าไปหาอาวรณ์ที่ยืนตาขวางอยู่ด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ใจเย็นๆ นะอาวรณ์...คุณจำผมได้มั้ย ผมวิเวกไง”
“นี่ไม่ใช่ในหนังนะครับสารวัตร” จุกเตือน
วิเวกบอกเสียงนุ่มนวลอย่างหล่อ “เราพบกันครั้งแรกที่เมอร์รี่คิง คุณจำได้มั้ย”
“โอ้โห...เก่าได้อีก” ดาวทึ่ง
“ชั้นว่าเดี๋ยวพาต้าก็มา” นิดหน่อยว่า
“แล้วหลังจากนั้นผมก็พาคุณไปดูคิงคองที่พาต้า”
“เป๊ะ”
“เราสารภาพรักกันที่นั่น...ต่อหน้าคิงคอง คุณจำได้มั้ย”
อาวรณ์ฟันมือวิเวกดังฉั๊วะ โชคดีโดนถากๆ วิเวกร้องเสียงหลง
“โอ๊ยยยย อีอาวรณ์ มึงงงง”
วิเวกวิ่งกุมมืออีกข้างที่เลือดอาบ กลับมารวมกลุ่มกับพรรคพวก
“ขึ้นอีขึ้นไอ้ เดี๋ยวคุณอาวรณ์ก็โกรธเอาหรอกค่ะ” สมรปราม
“เรื่องของมัน โอ๊ยย เย็บกี่เข็มวะเนี่ย” วิเวกโวยวาย
“พวกมึงจงมาเป็นตัวตายตัวแทนของกูเสียให้หมด”
อาวรณ์ถือมีดวิ่งเข้าใส่ทุกคนอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนวิ่งหนี สวนกับยมที่วิ่งเข้ามาพอดี
ทันทีที่เห็นอาวรณ์ก็ตกใจ ร้องกรี๊ดดดดังลั่น แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ว้ายย คุณอาวรณ์วิ่งไปนู้นแล้ว ตามไปสิคะสารวัตร”
“ตามไปให้มันแทงเหรอ” วิเวกโมโหกรุ่นๆ
นิดหน่อยมองยมงงๆ “ทำไมคุณอาวรณ์ถึงกลัวคุณ”
ทุกคนหันมาที่ยมเป็นตาเดียวกัน
“เออ นั้นสิ คุณอาวรณ์เห็นพี่ยมแล้ววิ่งหน้าตั้งไปเลยอ่ะ” จุกว่า
ยมอึกอัก คิดคำแก้ตัวไม่ทัน
“คุณยมมีของดีใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ ใช่ครับ ก็พอมีบ้าง…ทุกคนรวมตัวกันอยู่แถวๆ นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูคุณอาวรณ์หน่อย”
ยมรีบวิ่งตามอาวรณ์ไป
อาจารย์ขาวหว่านแหอาคมจับวิญญาณได้รวดเดียวหลายดวงราวกับจับปลา หัวเราะสะใจออกมาลั่นซอย
“โอ้โห วิญญาณหรือปลากระดี่วะเนี่ย ชุมจริงๆ”
สุวรรณกับสุวานเขต8 เดินแสดงตัวออกมา
“วิญญาณพวกนั้นเป็นของเรา โปรดส่งคืนให้เราบัดเดี๋ยวนี้”
อาจารย์ขาวฉุน “เฮ้ย...เอ็งสองคนเป็นใคร กล้าดียังไงมาสั่งข้า...ไม่รู้เหรอว่าข้าคือใคร”
“หึ พูดแบบนี้ก็แสดงว่าแกก็ไม่รู้จัก ว่าข้าคือใคร”
“แล้วแกสองคนเป็นใคร” อาจารย์ถามเสียงขุ่น
“ไม่บอก”
ลูกศิษย์รับมุกตลกร้อง “แฮ่”
“มึงจะแฮ่ทำไม มึงเป็นตลกเหรอ”
“ก็มันกวนโอ๊ยอาจารย์น่ะครับ”
“วิญญาณพวกนี้ข้าจับได้ มันก็ต้องเป็นของข้า” อาจารย์ไม่ยอม
“วิญญาณบาปพวกนี้ต้องลงไปรับการตัดสินโทษในนรก”
อาจารย์ขาวสะดุดหู อึ้งไปเลย “อย่าบอกนะ ว่าท่านสองคือ…”
สุวานพยักหน้า “ส่งวิญญาณพวกนั้นให้เรา แล้วกลับสำนักเจ้าไปซะ”
อาจารย์ขาวละมือจากแหจับวิญญาณ
“ไปยอมพวกมันทำไมล่ะอาจารย์” ลูกศิษย์แปลกใจ
อาจารย์ขาวกระซิบลูกศิษย์ “แม่งของจริง ต้องถอยก่อนเว้ยเฮ้ย”
อาจารย์ขาวกับลูกศิษย์ค่อยๆ ถอยออกไป สุวรรณ8กับสุวาน8 เข้ามาควบคุมวิญญาณทั้งหมด
ด้านอาวรณ์นั่งหมดสติอยู่ที่ทางเดินช่วงหนึ่ง ก่อนที่ยมจะเดินผ่านมาเจอ และพยายามปลุกให้ตื่น
“คุณอาวรณ์..คุณอาวรณ์”
เขต7 นั่งซุ่มดูอยู่บริเวณนั้น ไม่ห่างกันมาก เอ่ยขึ้น
“ยังไม่ตายหรอก”
“แล้ววิญญาณที่สิงร่างผู้หญิงคนนี้ล่ะ ท่านจับไปแล้วรึ”
“เราบอกแล้วว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความบกพร่องของท่าน ฉะนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคืนนี้ เราจะไม่แตะต้องใดๆ ทั้งนั้น”
ยมมองเขต7 ด้วยสายตาขุ่นเคืองนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดด้วยความสงสัย ว่าวิญญาณที่สิงร่างอาวรณ์หนีไปไหนแล้ว
“หนีไปไหนแล้วล่ะ” ยมแปลกใจ
จู่ๆ นิดหน่อยก็มีอาการสะดุ้งขึ้นมาเฮือกหนึ่ง ถูกผีเข้าให้ ทุกคนกำลังเดินมาตามทางเดินในอพาร์ตเมนต์
“แผลเป็นยังไงบ้างคะ” สมรถามวิเวก
“ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ ดีที่แค่โดนถากๆ”
นิดหน่อยเดินแยกตัวออกไปเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ดาวเริ่มมีอาการขากระเผลกเล็กน้อย
“เป็นอะไรเหรอดาว”
“เจ็บข้อเท้านิดหน่อยน่ะ”
“ไหน ให้เราดูซิ”
ต่อก้มดูข้อเท้าดาว อีกฝ่ายรู้สึกดีเอามากๆ
“เจ็บมากมั้ย”
“ก็นิดนึง...”
จุกหันมองหานิดหน่อย แต่ไม่เห็น
“เอ๊ะ พี่นิดหน่อยหายไปไหนเนี่ย”
ต่อวางมือ ละความสนใจจากข้อเท้าดาว ไปกวาดตามองหานิดหน่อยแทนในทันที
“นิดหน่อย”
ดาวรู้สึกซึมลงไปเล็กน้อย ที่ต่อเป็นห่วงนิดหน่อยมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“นี่พี่เอ็งหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกันแม่”
“กลับบ้านไปแล้วรึเปล่า” วิเวกว่า
“กลับไปก็ต้องบอกกล่าวกันซักนิดสิ นี่หายไปเงียบๆแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว” สมรเม้ง
ต่อรีบกดโทรศัพท์โทร.หานิดหน่อย
“ไม่รับสายครับ”
“รีบกลับไปดูที่บ้านกันดีกว่าแม่”
ทุกคนรีบพากันเดินออกไป
วิวัฒน์พูดด้วยสีหน้าค่อนข้างตกใจ
“พวกยมทูตเหรออาจารย์”
เขาอยู่ภายในห้องโถงบ้านตัวเอง อาจารย์ขาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่ อาจารย์อุตส่าห์จับวิญญาณได้ จะเอามาใช้งานซะหน่อย โดนยึดไปซะอย่างนั้น”
วิวัฒน์นิ่งไปเล็กน้อย เริ่มคิดถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เพิ่งเจอมา
“ระยะนี้เจอเรื่องแปลกๆ หลายครั้งอยู่เหมือนกัน” วิวัฒน์ว่า
อาจารย์ขาวแปลกใจ “มีอะไรเหรอ”
“มีคนย้ายมาอยู่ใหม่ครับอาจารย์ ท่าทางมันแปลกๆยังไงชอบกล เหมือนมันจะมีพลังอะไรบางอย่างอยู่ด้วย”
อาจารย์ขาวสนใจ “มันเป็นใคร”
“มันชื่อยมครับ ตอนนี้มาเช่าบ้านของรุจิภา ที่เค้าลือกันว่าเป็นบ้านผีสิงอยู่”
“มันเป็นพวกไหน หมอผีอย่างนั้นรึ”
“ผมก็ยังไม่แน่ใจครับ กำลังให้ลูกน้องตามสืบอยู่”
“ให้คนสืบมันจะได้เรื่องอะไรล่ะ เดี๋ยวอาจารย์ส่งพวกผีพรายไปสืบให้” อาจารย์ว่า
วิวัฒน์มีสีหน้าครุ่นคิด นึกถึงตอนที่กุมารทองมีท่าทีหวาดกลัวบ้านเช่า
“พ่อจ๋าๆ รีบออกไปจากตรงนี้กันเถอะ หนูกลัว”
“กลัว กลัวอะไร”
“หนูกลัวบ้านหลังนั้น ในนั้นมีอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
วิวัฒน์มองเข้าไปที่บ้านเช่า “มีอะไร..พระเหรอลูก หรือเจ้าที่แรง”
“ไม่รู้คืออะไร แต่น่ากลัวมาก หนูกลัว” กุมารทองร้องไห้จ้า
วิวัฒน์ดึงความคิดกลับมา “เอาสิครับอาจารย์ ผมอยากรู้มากเลย ว่ามันเป็นใครกันแน่”
อาจารย์ขาวสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง
สมรเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนลูก
“นิดหน่อย”
สมรไม่เห็นมีใครก็ปิดประตูกลับลงไป
ส่วนจุกเดินเข้ามาตามหานิดหน่อยที่ห้องครัว
“พี่นิดหน่อย”
จุกไม่เห็นมีใคร จึงเดินกลับออกไป
สมร จุก ต่อและดาวมารวมตัวกันอยู่ที่โถงกลางบ้าน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจอนิดหน่อยมั้ย”
“ไม่เจอครับแม่” ต่อบอก
ดาวร้อนใจ “ที่ร้านก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี...นิดหน่อยอยู่ที่ไหนกันแน่”
ทุกคนต่างครุ่นคิดหนัก
“เดี๋ยวจุกลองไปดูที่บ้านเช่าหน่อยดีกว่า”
จุกรีบวิ่งออกจากบ้านไป
สมรเข่าอ่อนห่วงลูกจับใจ “นิดหน่อย แกอยู่ที่ไหนของแกเนี่ย”
ดาวช่วยกันประคองสมรพาไปนั่งที่โซฟา
ด้านยมดื่มน้ำกระทะทองแดงชำระบาป มีอาการทุกข์ทรมานไม่นาน ก็กลับมาเป็นปกติ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะสุวรรณ”
“ครับ สุวานนำดวงวิญญาณกลับลงไปนรกหมดแล้วครับท่าน”
“ดี แล้วแน่ใจนะ ว่าไม่มีดวงวิญญาณตกค้างเหลืออยู่ที่นี่อีก” ยมกำชับ
“ครับท่าน ผมกับสุวานตามหาดูอีกหลายรอบ แต่ก็ไม่พบวิญญาณตกหล่นอยู่ที่ไหนอีกเลยครับ”
มีเสียงจุกตะโกนเรียกดังมาจากหน้ารั้วบ้าน
“พี่ยมครับพี่ยม”
สุวรรณ8 หายตัวไป ก่อนที่จุกจะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน
“พี่นิดหน่อยอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ”
“ไม่อยู่นะ…เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเหรอ”
“พี่นิดหน่อยหายตัวไปครับ ทั้งโทร.ตาม ออกตามหาทุกที่แล้ว แต่ก็ไม่เจอเลยครับ”
“อ้าว อยู่ๆ นิดหน่อยจะหายไปไหนได้ยังไง”
“ไม่มีใครรู้เหมือนกันครับ ตอนอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ก็ตามกันมาดีๆ เผลอแป๊บเดียวหายไปไหนก็ไม่รู้”
“ไป ลองออกไปตามหากันอีกรอบซิ”
จุกกับยมพากันออกจากบ้านไป
มัจจุราชเขต7 เดินออกมาจากจุดซุ่มมุมหนึ่งมองจับผิด
“ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้ ที่นิดหน่อยตายแล้วฟื้นขึ้นมา ดูท่าท่านน่าจะมีเอี่ยวเสียแล้วกระมัง”
นิดหน่อยเดินมาคนเดียวตามทางในซอย ภายใต้แสงสลัวบรรยากาศวังเวชวนสยอง
หากสังเกตดีๆ จะพบว่าสีหน้าแววตาบ่งบอกชัดเจนว่า เวลานี้นิดหน่อยไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเคย
อ่านต่อ ตอนที่6