xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่2

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่ 2 | ฮอลิเดย์พิสูจน์รักแท้
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง | บทโทรทัศน์ : วาทินีย์

ภายในโบกี้รถไฟใต้ดินมุ่งหน้าสู่โลกภูมิ ผู้โดยสารหนึ่งเดียวของขบวน มัจจุราชเขต8 นั่งอยู่ตามลำพัง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ จนมีเสียงชายชราผู้ขับรถไฟดังขึ้น

“รถไฟสายนรกภูมิ มุ่งหน้าโลกภูมิ ผู้โดยสารโปรดทราบ หากท่านอยู่บนรถไฟขบวนนี้ หมายถึงความตายได้มาถึงท่านแล้ว ท่านจะไม่อาจกลับคืนสู่โลกมนุษย์ได้อีกต่อไป”
“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเราต้องการแบบนี้...เราตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ย” เขต8คิดอยู่ในใจ
ชายชราคนขับรถไฟในชุดคลุมสีเข้มเก่าคร่ำคร่า เครายาวเฟิ้ม เดินเข้ามาในโบกี้...ผ่านเขต8 ไป พูดขึ้นเพราะได้ยินความคิดของมัจจุราช8
“สถานีหน้าก่อนถึงโลกมนุษย์ เราจะจอดรับยมทูตท่านหนึ่ง ถ้าท่านเปลี่ยนใจ ท่านใช้สิทธิ์ของมัจจุราชลงจากรถได้ทุกเมื่อ”
มัจจุราชเขต8 เงยหน้ามองฉงน
“ท่าน”
“เราคือผู้ขับรถไฟสายวิญญาณนี้”
เขต8 นิ่งฟังต่อ คนขับรถไฟหันมองตู้โบกี้ที่ยังว่างเปล่า
“ขบวนขาไปมักว่างอย่างนี้เสมอ แต่ขากลับนี่แทบจะไม่มีที่ยืน วิญญาณบาปเบียดกันแน่นมากขึ้นทุกวัน คนตายแล้วตกนรกมากขึ้น”
“เหมือนที่ท่านท้าวพญายมพูดไว้ไม่มีผิด”
“คนสมัยนี้เห็นว่าการทำบาปมันง่ายกว่าการทำบุญ”
“คงจะเป็นอย่างที่ท่านว่า ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ”
มัจจุราชเขต8 อดหวั่นใจไม่ได้

ทางด้านต่อกำลังช่วยเก็บกวาดร้านขนม หวานนิดหวานหน่อย ในขณะที่นิดหน่อยนั่งอ่านคอลัมน์ดูดวงในนิตยสารคู่สร้างคู่สมคู่ชีวิตอยู่อีกมุม
ระหว่างนี้ ดาวเพื่อนซี้ของนิดหน่อย สาวซื่อโลกสวย มองทุกอย่างในแง่ดี เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับถุงใส่ของจากร้านมินิมาร์ทของตัวเอง ในถุงมีพวกนมสดสำหรับชงกาแฟ วัตถุดิบทำเบเกอรีต่างๆ
“ของมาส่งคร่าาา”
“แหม...เจ้าของร้านมาส่งเองเลยน๊าา” ต่อหันไปแซว
“ร้านใกล้กันแค่นี้เอง”
ดาวหันไปมองนิดหน่อยที่กำลังตั้งใจอ่านดวงอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปแซวใกล้ๆ ท่าทีขำๆ
“ตายแล้ว...นิดหน่อยผู้ไม่เชื่อและศรัทธาในความรัก แต่กลับนั่งเช็คดวงซะอย่างนั้น”
“ชั้นไม่ได้อ่านเรื่องความรักเลย ชั้นอ่านเรื่องเงินเว้ย”
“หราาา”
“เออ!”
นิดหน่อยเอาหนังสือฟาดดาว ต่อลอบมองนิดหน่อยด้วยสายตาหลงใหล มองเหม่อจ้องมองนิ่งนานจนเข้าสู่ภวังค์ กระทั่งสองสาวหันมาเห็นท่าทีต่อ เลยมองหน้ากันงงๆ
นิดหน่อยตบมือใกล้หน้าต่อเรียกสติ “เฮ้ย”
ต่อสะดุ้งนิดๆ “อะไร”
“เป็นอะไร...อยู่ๆ ก็เหม่อ”
ต่ออึกอัก “ปะ...เปล่านี่...ไม่ได้เป็นอะไร”
นิดหน่อยดูเวลา
“เฮ้ย ชั้นต้องไปรับจุกแล้ว ฝากดูร้านแป๊บนึงนะ”
ดาวกับต่อพยักหน้ารับพร้อมกัน นิดหน่อยเห็นก็แซวเล่น
“แหม่...พยักหน้าพร้อมกันเชียว...ฝากร้านด้วยนะคะ เถ้าแก่...เถ้าแก่เนี้ย”
นิดหน่อยเดินออกไปทันที ดาวอมยิ้มแอบเขินอยู่คนเดียว ต่อหันมาเห็นแล้วมองสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ปะ...เปล่านี่...ไม่ได้เป็นอะไร”
ดาวอึกอัก แก้เก้อด้วยการเอาของไปเก็บในตู้เย็น ต่อมองตามนิดหน่อยออกไปด้วยอารมณ์เป็นห่วง โดยไม่รู้ตัวว่าดาวแอบมองเขาอยู่ด้วยแววตาเศร้านิดๆ ที่เห็นท่าทีอาการของต่อที่มีกับนิดหน่อย

นิดหน่อยขับรถมาจอดรอจุกอยู่แถวหน้าโรงเรียน มองไปเห็นเด็กรุมดูตู้เกมใหม่กันกลุ่มใหญ่ จนรถนักเรียนบีบแตรเรียก เด็กๆ จึงกรูกันไปขึ้นรถ นิดหน่อยเดินไปที่ตู้เกมใหม่ พบว่าเป็น ตู้ไพ่พยากรณ์ เสียงจากตู้ดังขึ้นมาว่า
“ไพ่แห่งความรักที่คุณเลือก ทำนายว่าคุณจะได้พบรักในเร็วๆ นี้”
นิดหน่อยเบะปาก ส่ายหัวอย่างไม่เชื่อเอาเลย
“ยังไม่ได้เล่นเลย ทำนายเองซะงั้น…ของหลอกเงินเด็กชัดๆ”
ตู้ดันตอบกลับมาว่า “แต่จะเป็นความรักที่มาพร้อมความตาย”
“ประสาท”
นิดหน่อยอึ้งๆ งงๆ รีบเดินออกไปจากตู้เกม โดยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ตู้ยังไม่ได้เสียบปลั๊กเลยด้วยซ้ำ

รถไฟสายนรกภูมิ แล่นลิ่วมาจอดสนิทเมื่อถึงโลกมนุษย์ เสียงชายชราคนขับรถประกาศก้อง
“สถานีโลกภูมิ...รถจะหยุดรอวิญญาณที่สถานีนี้จนกว่าจะครบ”
มัจจุราชเขต8 ลุกเดินออกไป
ที่นอกตัวรถ เห็นยมทูตหลายนายกำลังควบคุมวิญญาณบาปสวนขึ้นรถไฟมา ทุกวิญญาณจะมีเชือกสีแดงผูกคอไว้ โดยมียมทูตเป็นคนถือปลายเชือก
เขต8 เดินไปตามทางออกที่เห็นเป็นแสงสว่างส่องเข้ามา
“หวังว่าเราจะไม่ได้มาเสียเที่ยวนะ”
มัจจุราชเขต8 เดินหายไปในแสงที่ปลายทางออก


ที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียน นิดหน่อยเดินมาตามทาง สองข้างทางเต็มไปด้วยรถเข็นขายของกินให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง แม่ค้าคนหนึ่งทักทายนิดหน่อยอย่างมักคุ้นกัน
“อ้าวนิดหน่อย วันนี้มาทำอะไร”
“มารับจุกน่ะค่ะ พอดีวันนี้จุกมาสอบ Gad Pad น่ะ”
“แป๊บๆ ก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเนอะ”
“จ้ะ เตรียมหาเงินกันหนักแน่”
“เอาน่ะ เดี๋ยวเค้าเรียนจบก็มาช่วยเราหาเงิน”
“สาธุเถอะจ้ะ”
นิดหน่อยยิ้มให้แล้วเดินมายืนรอข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ระหว่างรอก็คิดถึงคำทำนายที่ได้ยินจากตู้เมื่อครู่
“ความรักจะมาพร้อมความตาย โห...ดวงใครมันจะเฮงซวยขนาดนั้น”
เสียงจุกตะโกนเรียกดังจากหน้าโรงเรียน “พี่นิดหน่อย....” จุกโบกมือให้ตะโกนข้ามฝั่งถนนมาบอก “โอ๊ะ เดี๋ยวนะ ลืมหนังสืออ่ะ รอก่อนนะ”
จุกวิ่งจู๊ดกลับเข้าโรงเรียนไป
ระหว่างนี้ บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินฝั่งตรงข้ามโรงเรียน มีผู้คนทยอยเดินขึ้นบันไดมาจากชั้นใต้ดิน

หนึ่งในนั้น เป็น มัจจุราชเขต8 มองขึ้นไปเห็นแสงสว่างจากภายนอกเหนือบันไดนั่น… เขต8 มองอย่างตื่นเต้นที่จะได้เหยียบโลกอีกครั้ง
“เริ่มต้นฮอลิเดย์”
เขต8 ก้าวขึ้นบันไดไป

นิดหน่อยกำลังจะข้ามถนนไปยังโรงเรียน แต่เชือกรองเท้าดันหลุด เลยนั่งลงผูกเชือก มัจจุราชเขต 8จะข้ามถนนมาฝั่งนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจเรื่องไฟข้ามถนน เลยข้ามมาเลย เสียงรถบีบแตรกันดังลั่น
นิดหน่อยเงยหน้ามอง เห็นคาตาว่ามีรถพุ่งเข้าหาเขต8 ไวเท่าความคิดนิดหน่อยลุกวิ่งไปหาเขา วินาทีนั้นทุกสิ่งอย่างหยุดเคลื่อนไหว รถกำลังจะชนเขต8 รอมร่อ นิดหน่อยกระโจนเข้ามาผลักร่างเขต8 กลับขึ้นฟุตบาทไป รถคันนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างนิดหน่อยเสียงดังปัง

ที่ห้องทำงานมัจจุราชเขต7 ผนังห้องที่มีเทียนไขจุดไว้เต็มทั้งสี่ด้าน มีเทียนชีวิตเล่มหนึ่งดับลง เขต7 รับรู้ทันทีว่า
“มีคนตายในเขตของเรา”

ส่วนบนโลกมนุษย์ร่างนิดหน่อยลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วหยุดนิ่งค้างคาอากาศอยู่อย่างนั้น
ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาให้ห้วงคิดหญิงสาว เป็นภาพเด็กหญิงที่ชายหนุ่มวัยเบญจเพสหรือมัจจุราชเขต8 ในเวลาต่อมา ช่วยชีวิตไว้นั่นเอง เด็กหญิงซึ่งเวลานี้อยู่ในวัยชราเล่าเรื่องความดีของชายคนนั้นในเด็กหญิงนิดหน่อยฟัง
“วันหนึ่งหลานก็จะโตและมีความรัก”
เด็กหญิงนิดหน่อยนอนมองสร้อยไหลน้ำพี้สีน้ำเงินในมืออยู่กับยายบนเตียง สองยายหลานนอนคุยกัน
“จงรักผู้ชายที่ยอมแลกชีวิตเพื่อหลานได้”
นิดหน่อยกุมสร้อยน้ำพี้ไว้แนบหัวใจ
“จงรักเค้าด้วยหัวใจทั้งหมดของหลาน”
เด็กหญิงร้องไห้กอดยายที่สิ้นใจตาย พร้อมคำสั่งเสีย
“ถึงเวลาที่ยายจะได้พบกับเค้าอีกครั้งแล้ว ยายจะตามหาเค้า”
มัจจุราชเขตใดเขตหนึ่งมารับดวงวิญญาณยายไป เด็กหญิงร้องไห้โฮๆ
“ถ้ายายหาไม่เจอ แต่หลานได้พบเค้าอีกครั้ง จงรักเค้า”
เด็กหญิงนิดหน่อยกุมสร้อยไหลน้ำพี้ไว้แนบอก แล้วซุกตัวร้องไห้อย่างอาดูร
“รักเค้าด้วยหัวใจทั้งหมดที่หลานมี…”

ร่างนิดหน่อยค่อยๆ ตกลงมา เขต8 ตกใจ ทิ้งกระเป๋าสัมภาระแล้วพุ่งเข้าไปรอรับร่างเธอโดยพลัน ร่างนิดหน่อยตกลงในอ้อมแขนของมัจจุราชเขต8 อย่างช้าๆ
วูบหนึ่งนั้นเกิดการสัมผัสระหว่างมนุษย์สาวกับมัจจุราชหนุ่ม นิดหน่อยซึ่งหลับตาอยู่ ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวมองหน้าเขต8 ใกล้ๆ ในระยะประชิด ทั้งสองสบตากันนิ่งนาน นิดหน่อยอยู่ในโหมดอารมณ์ยังเคลิ้มๆ งงๆ

เหตุการณ์ทั้งหมดปรากฏขึ้นที่ห้องทำงานมัจจุราช8 สุวรรณกับสุวานมอนิเตอร์ตามติดชีวิตเขต8 อยู่ หันมามองกันด้วยสีหน้าสะพรึง รับรู้ว่ามีเหตุไม่บังควรเกิดขึ้น
“สัมผัสจากมัจจุราช” น้ำเสียงสุวรรณเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“คนตายฟื้นคืนชีพ” สุวานเสริมตื่นเต้นพอกัน
สุวรรณกะสุวานเขต8 อุทานลั่น
“ท่านมัจจุราช!”

ที่บันไดทางขึ้นรถไฟใต้ดิน มัจจุราชเขต7 โผล่ขึ้นมา แต่ไม่เห็นมัจจุราชเขต8 ที่อุ้มร่างนิดหน่อยไว้เขต7 เกือบมองเห็น แต่แล้วฝูงไทยมุงที่รีบร้อนสวนมาช่วยบังไว้ได้ นิดหน่อยได้สติรีบผละออกจากมัจจุราชเขต8
“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ ไปตัดหน้ารถทำไม นี่ถ้าชั้นไม่ช่วยไว้ นายตายแน่ ฮึ่ย”
มัจจุราชเขต8 งง “ตาย”
“เออสิ อยากตายรึไง”
“ไม่อยาก...แต่ก็ไม่มีใครหนีความตายพ้นซะหน่อย”
นิดหน่อยผลักอกเขต8 ออก แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป
มัจจุราชเขต7 ฝ่าฝูงคนมาจนได้เจอเข้ากับมัจจุราช8
“อ้าว ไหนว่าจะมีคนตายตรงนี้ แล้วทำไมมาเจอท่านล่ะ ท่านเห็นใครตายบ้างรึเปล่า”
เขต8 อึ้งๆ อยู่ ตัดสินใจโกหก
“ไม่เห็นไม่มีใครตายเลย”
พร้อมกับว่ามัจจุราเขต8 เดินถอนหายใจโล่งออกไป
เขต7 คู่ปรับแห่งนรก มองตามหลังไปอย่างเคลือบแคลงสงสัย ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง


ฝ่ายนิดหน่อยเดินๆ อยู่ ก็เกิดร่วงผล็อยลงไปที่พื้น จุกเดินออกมาจากโรงเรียนมาเห็นพอดี
“พี่นิดหน่อย”
เขต8 ได้ยินเสียงเรียกนั้น จึงหันไปมอง เห็นจุกวิ่งเข้าไปประคองร่างนิดหน่อย ทันทีที่จุกโดนตัวพี่สาว พลังงานตกค้างจากสัมผัสมัจจุราช ทำเอาจุกผงะเล็กน้อย อารมณ์เหมือนโดนไฟช็อตเบาๆ
เขต8ตกใจ “เฮ้ย!”

ฟากฝั่งสุวรรณและสุวาน เขต8 มอนิเตอร์มัจจุราชเขต8 อยู่ หันมามองหน้ากันอุทานพร้อมๆ กัน
“บรรลัยเกิด”
“มันเกิดอะไรขึ้น” สุวานจ้องจอ
“พลังงานตกค้างรึเปล่า” สุวรรณว่า
สุวรรณกับสุวานมองที่มอนิเตอร์ เห็นจุกกำลังประคองร่างนิดหน่อยขึ้นมา โดยมีคนแถวนั้นช่วยเหลือ
“โอย นี่ถ้ามีใครรู้ แย่แน่ๆ” สุวรรณสยอง
“ใครจะมารู้ นอกจากเราสองคน” สุวานว่า
“ลืมมัจจุราชเขต7 ไปรึเปล่า เค้ายิ่งไม่ถูกกับเราอยู่”
สุวรรณกับสุวานมีสีหน้าหนักใจด้วยกันทั้งคู่

นิดหน่อยถูกจุกนำตัวส่งโรงพยาบาล สมรรีบตามมาทันทีที่รู้ข่าว เวลานี้รออยู่ข้างเตียงในห้องพักฟื้น
“ผลตรวจทุกอย่างออกมาแล้ว คนไข้ปกติดี ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ วันนี้ก็กลับบ้านได้”
หมอบอก แล้วเดินออกไปพร้อมกับพยาบาล
“โล่งอก คิดว่าแกจะตายซะแล้ว”
“ถ้าชั้นตายแล้วใครจะจ่ายค่าหวยให้แม่ล่ะ”
“ปากเหรอน่ะ ที่พูด” สมรค้อนควักลูกสาว
“คิ้วพูดมั้งแม่” นิดหน่อยประชด
“นังลูกคนนี้”
สมรจะเข้าไปตีนิดหน่อยด้วยอารมณ์หมั่นไส้ แต่จุกเข้ามาขวางทาง
“โอ๊ย จะทะเลาะอะไรกันตอนนี้ ไหนๆ พี่นิดหน่อยก็ไม่ตายแล้ว”
มัจจุราชเขต7 พร้อมด้วยสุวรรณ และ สุวาน เขต7 ปรากฏตัวขึ้น จุกเห็นเต็มตาถึงกับสะดุ้งพร้อมอุทานลั่นห้อง
“เฮ้ย”
“มีอะไร” สมรงง
จุกมองกลุ่มมัจจุราชด้วยสายตาอึ้งๆ พยายามข่มใจตั้งสติ แต่ตัวก็สั่นเทาไปหมด
นิดหน่อยแปลกใจ “เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับเห็นผี”
จุกกระอึกกระอัก “ก็...ก็ ก็น่าจะใช่นะ”
สมรกับนิดหน่อยคิดว่าจุกแกล้งอำเลยด่าเอา
“กลางวันแสกๆ ยังมาอำกันอีก อำไม่ดูเวลาตกฟากเลย”
“นั่นสิ จะแกล้งกันก็ให้เนียนๆ หน่อยไอ้น้อง”
“เอ่อ ถ้างั้นผมไปข้างนอกแพ้บนะ”
จุกรีบร้อนออกจากห้องไป กลุ่มมัจจุราชไม่มีใครสนใจจุกเลย สุวรรณ สุวาน และ เขต7 พากันทำหน้างงๆ เมื่อเห็นว่านิดหน่อยยังไม่ตาย
“ยังไม่ตายนี่ครับท่าน ทำไมถึงตามพวกเรามารับวิญญาณ” สุวรรณเขต7 แปลกใจ
สมรเริ่มเหงื่อแตก รู้สึกร้อนพิกล
“แอร์เสียรึไง ห้องร้อนยังกะอยู่เตาอบ”
นิดหน่อยเหลือบมองที่รีโมทแอร์ เห็นว่าอยู่ที่เลข 24 องศา
“ก็ 24 องศา นะแม่”
“24 ร้อนขนาดนี้ แอร์เสียแล้วล่ะค่ะ”
สมรจะเดินออกจากห้อง จู่ๆ มัจจุราชเขต7 ดีดนิ้วหยุดเวลา หยุดการเคลื่อนไหวของทุกคนไว้ ทุกอย่างหยุดนิ่งงัน เข็มวินาทีหยุดเดิน เขต7 ค่อยๆ เดินเข้าไปสำรวจนิดหน่อยใกล้ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ข้อมูล”
สุวรรณ รีบรายงานข้อมูลด้วยปากเปล่า
“นางสาวชิดชนก ชื่นชนนี เกิดวันที่ 8 มีนาคม ปี2540 หมดอายุวันที่….อ่า… วันที่…”
สุวานหันไปมองสุวรรณที่เอ่อๆ อ่าๆ อยู่
“วันที่เท่าไหร่ล่ะสุวรรณ อย่าบอกนะว่าลืม”
“ไม่ได้ลืม แต่ข้อมูลแจ้งว่า หมดอายุวันนี้”
“งั้นเราก็มาถูกเวลาแล้วนี่ แต่ว่า…”
สุวานหันไปมองนิดหน่อยที่ถูกฟรีซอยู่ สุวรรณดูเวลาแล้วต้องประหลาดใจ
“ต้องตายไปแล้วเมื่อสองชั่วโมงนี่นา”
“ว่ายังไงนะ” เขต7 ก็ประหลาดใจ
“แต่เค้ายังไม่ตายนี่ ข้อมูลสับสนรึเปล่า” สุวานไม่อยากเชื่อ
“ข้อมูลของเราไม่เคยผิดพลาด” สุวรรณบอก
“แล้วทำไมยังไม่ตายล่ะ” สุวานแปลกใจ
เขต7 ขมวดคิ้วมองหน้านิดหน่อย แล้วดึงความทรงจำออกมาจากหัวเธอ เห็นเป็นภาพวิดีโอเล่าเรื่องราวถอยหลังด้วยความเร็ว แต่พอถึงจังหวะที่นิดหน่อยกำลังจะถูกรถชน ขณะเข้าไปช่วยเขต8 ภาพก็ดันล้มและจอดำเจ๊งไปดื้อๆ
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นครับท่าน” สุวรรณแปลกใจ
มัจจุราชเขต7 พยายามเปิดภาพต่อ แต่พอถึงจุดเดิมภาพก็เออเร่ออีก สุวานงงใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ทำไมถึงไปต่อไม่ได้”
“เพิ่มพลังดูดความจำอีกหน่อยครับท่าน” สุววรณบอก
“มันไม่เกี่ยวกับพลังหรอก” เขต7 เอ่ยขึ้น
“อ้าว แล้วมันเพราะอะไรล่ะครับ” สุวานงงอยู่อย่างนั้น
“ความทรงจำถูกลบออกไป”
สุวานและสุวรรณเขต7 ร้องลั่น “หา”
“นอกจากมัจจุราชแล้ว ยังมีใครลบความทรงจำได้อีกเหรอ” สุวานงงอีกยก
“นั่นน่ะสิ ใครกันที่ทำได้เหมือนมัจจุราช”
“ก็มัจจุราชน่ะสิ” คำตอบของเขต7 ทำให้สุวรรณ กะ สุวานมองหน้ากันงงๆ ในขณะที่มัจจุราชเขต7 แสยะยิ้มร้ายออกมา อย่างมั่นใจในความคิด
“ต้องเป็นฝีมือมัจจุราชเขต8 แน่ๆ”


ด้านมัจจุราชเขต8 นั่งรออยู่ที่มุมหนึ่งในสวนสวยหน้าตึกผู้ป่วย แลเห็นวิญญาณคนตายมากมาย ส่วนใหญ่พากันกลัวเขต8 รีบลนลานลี้หลบไปทางอื่นอย่างว่องไว เขต8 ส่ายหน้า กลอกตามองบนเซ็งๆ
“ยมทูตเขตนี้มัวทำอะไรอยู่ ถึงได้ปล่อยให้วิญญาณตกค้างเต็มไปหมด”
มัจจุราชเขต7 ปรากฏขึ้นตรงหน้า พูดแดกดันเหน็บแนมใส่ประสาคนเกลียดขี้หน้ากัน
“อ้าว ท่านมัจจุราช8 มาฮอลิเดย์ทั้งที ทำไมไม่ไปเที่ยวให้มันบันเทิงล่ะ จะมานั่งอยู่กลางดงวิญญาณเร่ร่อนทำไม”
ที่ด้านหลังเวลานี้เห็นสุวรรณของเขตอื่น เดินนำวิญญาณไป มีบ่วงสีแดงคล้องคอวิญญาณไว้
“หรือว่าท่านกังวลอะไรอยู่รึเปล่า” เขต7 จ้องจับผิด
“กังวลอะไร ไม่มี๊” เขต8 เสียงสู๊งใส่
“แต่สีหน้าท่านมันฟ้องว่ามีนะ”
“ท่านเขต7 เราทั้งคู่ต่างก็เป็นมัจจุราชนะ มัจจุราชไม่มีความรู้สึก ท่านลืมไปแล้วรึไง”
เขต7ดักคอ จ้องจับผิด “ไม่มีก็ดี เพราะถ้ามี คงไม่ดีกับท่าน”
เขต8 อ่านออก “อย่ามาเสียเวลาตามจับผิดเราเลย เอาเวลาของท่านไปเก็บวิญญาณบาปเถอะ พวกเค้าจะได้ใช้กรรมแล้วไปเริ่มต้นใหม่ชาติหน้า”
มัจจุราชเขต8 ลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป
“เหอะ ทำเป็นพูดดี คิดจะทำผิดล่ะสิ ถึงได้กลัวว่าเราจะจับผิดได้”

ฝ่ายจุกเดินมาตามทางเดินหน้าห้องผู้ป่วย เห็นพนักงานกำลังเข็นคนไข้บนเตียงรถเข็นมาพร้อมพยาบาลและร้องขอทางมาตลอดทาง
“ขอทางหน่อยครับ” / “ขอทางหน่อยค่า”
เสียงประกาศตามสายภายในโรงพยาบาลดังขึ้น
“ขอเชิญ นายแพทย์สุระที่อีอาร์ค่ะ นายแพทย์สุระ ที่อีอาร์”
พอเตียงสวนกับจุก วิญญาณของคนที่นอนบนเตียงก็ลอยออกจากร่างมา จุกเห็นจังๆ รีบปิดตาแทบไม่ทัน
“ไม่นะ ไม่ใช่ ไม่จริง คน นั่นคือคน ไม่ใช่ผี”
เสียงอื้ออึงดังไปทางอื่นแล้ว จุกหันกลับไปมอง วิญญาณร่างนั้นหันมองมาที่จุกช้าๆ จุกตกใจสุดขีด
“ไม่เอา ไม่อยากเห็นผี ไม่อยากเห็น”
จุกวิ่งตึงตังหนีไป

จุกเดินแกมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหยุดนั่งตั้งสติอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน
“ทำไมเราเห็นผี เห็นได้ไงวะ”
จุกพึมพัมคาถา นะโมตัสสะ เบาๆ ก่อนที่มัจจุราชเขต8 จะมานั่งลงด้วยข้างๆ จุกสะดุ้งหันมองเห็นเขต8 มีตัวซ้อนๆ กัน 2 ร่าง ทั้งร่างมัจจุราชเขต8 ซ้อนทับร่างเป็นคน จุกถึงกับเข่าอ่อน
“ผะ...ผะ...ผี...อีกแล้ว”
เขต8 ยิ้มให้ ลงนั่งข้างๆ พร้อมกับตบไหล่เบาๆ เป็นการปลอบ
“ใจเย็นๆ ไอ้น้อง ผีที่ไหนคนตัวเป็นๆ เลย”
จุกขยี้ตาเพ่งมองอีกครั้งพบว่าชายข้างๆ เป็นคนปกติ “คนแน่นะ”
มัจจุราชเขต8 พยักหน้ารับ พลางถาม
“เห็นผีมารึไง”
“ก็...ทำนองนั้นแหละ”
“ผีก็เคยเป็นคนนี่แหละ จะกลัวทำไมกัน”
“โห...ลองเจอบางมั้ยคับพี่แล้วจะรู้”
“เจอบ่อย” เขต8 พูดลอยๆ
จุกได้ยินไม่ถนัด หันขวับไปมองมัจจุราชเขต8
“เอาน่า เชื่อเถอะ ว่าคนน่ากลัวกว่าผีเยอะ” เขต8 ลุกขึ้นตบบ่าจุกอีกครั้งก่อนไป “หากเจอผีอีกก็ตั้งสติดีๆ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดมักจะเกิดปัญหาตามมา”
จุกมองตามเขต8ที่เดินจากไป แต่ไม่วายคิดหนัก

หลังกลับนรกมือเปล่า เขต7 และ สุวาน สุวรรณ อยู่ในห้องทำงานมัจจุราชเขต7 กำลังหารือกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนิดหน่อย
“ผู้หญิงคนนั้น ตายแล้วฟื้นเหรอ”
“หรือเธอยังไม่ตายครับ เวลาชีวิตก็ยังมีต่อนะครับ” สุวรรณว่า
“แต่เทียนแห่งชีวิต” สุวานชี้ไปที่ผนังอย่างฉงน “ดับไปวูบหนึ่งนะ แล้วก็ติดขึ้นมาใหม่”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…” เขต7 ใคร่ครวญ
“เพราะฝีมือท่านเขต8 รึเปล่าครับท่าน” สุวรรณถาม
สุวานคิดตาม “อย่าบอกนะว่ามัจจุราชเขต8 ทำผิดกฎ มอบชีวิตคืนให้กับคนตาย แหม ไปถึงก็ก่อเรื่องเลยมั้ยล่ะ”
“แต่ว่า มันก็เป็นไปตามที่ท่านต้องการไม่ใช่เหรอครับ ที่ว่าท่านอยากให้กิเลสแห่งโลกมนุษย์เอื้อให้ท่านเขต8 ทำผิด” สุวรรณถาม
“ใช่ เราต้องการแบบนั้น แต่ตอนนี้เรายังสรุปไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงเขต8 อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานจะรายงานความผิดของมัน เพราะมันรู้ตัว ลบความทรงจำของผู้ตายซะก่อนที่เราจะมาพบ”
สุวรรณ7 ชอบใจ “โอ้ว อย่างนี่นี่เอง”
“แล้วเราจะทำยังไงกันครับ จะปล่อยไปเฉยๆ งั้นเหรอ” สุวาน7 ถาม
“เราไม่ปล่อยไปแน่”
สุวรรณสงสัย “ท่านมีแผนจะทำยังไงครับ”
“ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นฟื้นจากความตายจริงหรือไม่”
เขต7 หน้าเครียดจัด


นิดหน่อยออกจากโรงพยาบาล เดินมาลำพังท่ามกลางถนนอันมืดมิด แม่ค้าขนมคนสวยมองรอบตัวอย่างหวาดกลัว
นิดหน่อยมองไปเห็นแสงสว่างรำไรๆ รีบเดินจ้ำเข้าไปหา พอเข้าใกล้เห็นเป็นช่องทางเดิน มีสร้อยคอไหลน้ำพี้ห้อยอยู่ นิดหน่อยจ้องมองเอื้อมมือสัมผัสไหลน้ำพี้
แสงสว่างวาบขึ้นทันทีนิดหน่อยปิดตาเพราะแสงที่สว่าง นิดหน่อยค่อยลดมือลงพยามจ้องมองเห็นใครคนนึงรูปร่างสูงใหญ่อยู่ตรงหน้าแต่ไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร แล้วร่างนั้นก็เดินหายเข้าไปในช่องแสง นิดหน่อยร้องเรียกไว้แล้วตามเข้าไป
“คุณ...คุณคะ...”
เกิดแสงสว่างจ้าเมื่อนิดหน่อยก้าวข้ามช่องประตูนั้นไป

“คุณ...คุณ...”
นิดหน่อยสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นมามอง พบว่าตัวเองนอนอยู่ห้องที่บ้าน
“ฝันรึเนี่ย...”
นิดหน่อยทบทวนฝัน นึกถึงสร้อยไหลน้ำพี้รีบเปิดไฟแล้วเปิดลิ้นชักหยิบกล่องในลิ้นชักขึ้นมาเปิดเห็นว่ามีสร้อยไหลน้ำพี้อยู่ในนั้น
นิดหน่อยหยิบขึ้นมาดู ภาพในฝันก็คือสร้อยเส้นนี้
“ในฝันคือสร้อยของคุณยายนี่เอง”
นิดหน่อยพนมมือขึ้นไหว้นึกถึงคุณยาย
“ขอบคุณนะคะคุณยาย ปาฏิหาริย์ที่ยายเคยเล่าให้หนูฟังมันยังมีอยู่จริงๆ ใช่มั้ยคะ”
นิดหน่อยมองที่สร้อยอีกครั้ง
แล้วนึกถึงตอนถูกรถชน นิดหน่อยหลับตาอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองหน้ามัจจุราชเขต8 ใกล้ๆ ในระยะประชิด ทั้งสองสบตากัน
นิดหน่อยสลัดภาพที่เห็นในหัวออก
“เพราะนายแท้ๆ ทำฉันเกือบโดนรถชนตาย”
นิดหน่อยหงุดหงิดก่อนถอนหายใจล้มตัวลงนอนอีกครั้งถือสร้อยดรีมแคชเชอร์วางที่อกอย่างอุ่นใจ

เช้าวันใหม่ กลางสี่แยกใหญ่บึ้ม
ผู้คนมากมายส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวออฟฟิศ แต่งตัวเก๋ๆ เริดๆ ในมือถือแก้วกาแฟท่าทีรีบเร่ง
สัญญาณไฟเขียวข้ามถนน เห็นเหล่าผู้คนเดินข้ามถนนกันฝูงใหญ่มหึมา หนึ่งในนั้นเป็นมัจจุราชเขต8 หรือ นายยม คนนี้นี่เอง เขามองชีวิตรายรอบกายไปด้วย
ทั้งที่เป็นไฟเขียวแต่รถคันหนึ่งกลับไม่ยอมหยุด เกือบชนหนุ่มออฟฟิศคนหนึ่ง
“เฮ้ย ขับรถห่าอะไรวะ ไฟแดงมึงไม่เห็นเหรอ”
ชายคนร้ายในมาดเซอร์ๆ แอบล้วงกระเป๋าสะพายของหญิงคนหนึ่ง คว้ากระเป๋าสตางค์ได้ก็รีบเดินแซงขึ้นหน้าหายไป
ชายแก่ข้ามถนนมาด้วยอย่างเชื่องช้างกเงิ่น แต่ไม่มีใครสนใจช่วยเหลือ หนำซ้ำเบียดแซงหน้าไปเฉ้ย
“หลบหน่อยๆๆๆ รีบๆๆ”
หนุ่มสาวคู่รักจูงมือกันหวานแหววข้ามถนน
ชายอีกคนหนึ่งท่าทางรีบร้อน วิ่งเบียดแทรกทุกคนไป คนอื่นเสียหลักล้มลง เซถลาไป แถมทำกาแฟหกใส่ แต่ชายรีบร้อนคนนั้นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“มนุษย์มากมาย ต่างใช้ชีวิตอย่างประมาท โดยไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเค้ามีเวลาชีวิตเหลืออยู่บนโลกอีกเท่าไหร่”
ยมมองไปที่ผู้คนเหล่านั้น พบว่าเหนือหัวของแต่ละคน มีบาร์โค้ดบอกเวลาที่เหลือของชีวิตเป็นตัวเลขดิจิตอล และตัวเลขลดลงไปเรื่อยๆ
“เมื่อสังคมบนโลกเป็นแบบนี้ ยังจะมีที่ว่างเหลือให้รักแท้อยู่อีกเหรอ นั่นคือคำถามที่เราต้องหาคำตอบให้เจอ”

นิดหน่อยตื่นแต่เช้า เปิดร้านหวานนิดหวานหน่อย เช่นทุกวัน และบ่นงึมงำขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“รักแท้ไม่มีอยู่จริง”
ต่อนั่งอยู่ในร้านด้วย หลังจากพยายามเป็นกาวใจนำความห่วงใยจากชนกมาบอกให้นิดหน่อยรู้
“แม้กระทั่งความรักจากพ่ออย่างนั้นน่ะเหรอ”
“พ่อไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้น อย่าเรียกว่าพ่อเลย”
“แต่คุณชนกเค้าก็พยายามฝากเงินกับเรา ให้เอามาให้นิดหน่อยตลอดเลยนะ”
“นั่นเค้าเรียกเอาเงินฟาดหัว ไม่ใช่ความรับผิดชอบหรอกต่อ”
“นิดหน่อย...”
“ถ้าจะมาแก้ต่างแทนเจ้านาย ต่ออย่าเสียเวลาเลย...เปล่าประโยชน์น่ะ”
ต่อนิ่งงันไป ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอะไรอีก...ขณะที่นิดหน่อยอารมณ์ยังค้าง ด่าอีกดอก
“ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด...ไม่รู้จักพอ”
“มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก คนดีๆ ก็ยังพอมีอยู่”
“ไหนล่ะ โตจนป่านนี้แล้ว ชั้นยังไม่เคยเห็นใครดีพอที่จะฝากชีวิตไว้ด้วยได้เลย”
ต่อกระอึกกระอัก อ้ำๆอึ้งๆ จะบอกตัวเองไงก็ไม่กล้า
“รักแท้ไม่มีจริงหรอก”
นิดหน่อยลุกเดินหนีไป
ต่อซึมลงไปอีก เมื่อมองเห็นกำแพงความรักที่หนามากในใจของนิดหน่อย


ในซอยละแวกนั้นไม่ไกลจากร้านนิดหน่อย เป็นบ้านเช่าของรุจิภา ที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาพทรุดโซม ดูน่ากลัว แต่วันนี้มีคนงานกำลังช่วยกันตัดหญ้าที่ขึ้นรก สมรเดินผ่านมาเห็นจึงหยุดทักถาม
“มาตัดหญ้าแบบนี้ จะมีคนมาเช่าแล้วล่ะสิ”
“ย๊างงง บ้านโทรมขนาดนี้ ใครเค้าจะมาอยู่” คนงาน1 บอก
“ก็ว่าอยู่ เดินผ่านตอนกลางวันยังขนลุกเลย...ตอนกลางคืนนี่ไม่ต้องพูดถึง”
“คุณรุจิภาแกฝากให้ช่วยหาลูกค้าให้หน่อยนะ ช่วงนี้แกยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลน่ะ”
“บ้านผีสิง ใครเค้าจะมาอยู่ บรึ๋ยย” สมรว่า
คนงาน1ฉุน “ผีเผออะไรกัน เหลวไหล”
“ใช่ เค้าว่าผีก็เหมือนรักแท้ รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ก็ไม่เคยเจอกับเค้าซะที ฮิ้วววว” ตอนท้ายคนงานทั้ง2 ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
ทันใดนั้น มีเสียงของหล่นดังโครมก็ดังมาจากในบ้าน ทุกคนพากันสะดุ้งโหยง
“นั่นไง ปากเสียจนได้เรื่องแล้วมั้ยล่ะ”
“แมวรึเปล่า กลางวันแสกๆ ผีเผอมีที่ไหน” คนงาน1 ว่า
คนงาน2 ร้องเรียก “เมี๊ยวๆ”
แต่มีเสียงวิญญาณผีผู้หญิงกรี๊ดดังออกมาจากในบ้าน
สามคนแหกปากขึ้นมาพร้อมกัน “แว๊กกกก”
สมรและสองคนงาน พากันวิ่งป่าราบออกไป

บรรยากาศบ้านหลังนั้นคืนสู่ความน่ากลัว สยองขวัญ มีเสียงดังแปลกๆ เล็ดลอดออกมาจากด้านใน ชวนขนหัวลุก

ร้านมินิมาร์ทของดาว เป็นร้านขนาดปานกลาง ตั้งอยู่ละแวกเดียวกับร้านนิดหน่อย ภายในร้าน ดาวคุยอยู่กับต่อที่แวะมาหาหลังออกจากร้านนิดหน่อย จัดขวดน้ำในตู้แช่พลาง คุยกันไปพลาง
“แล้วนิดหน่อยอาการปกติดีใช่มั้ย”
“ร่างกายปกติดีทุกอย่างน่ะ”
ดาวงง “หืม...หมายความว่าไง”
ต่อถอนหายใจ “สภาพจิตใจนิดหน่อยไม่ค่อยดีน่ะสิ…โดยเฉพาะกับพ่อ”
“ดาวว่ายังไงนิดหน่อยก็ไม่มีทางอภัยให้พ่อหรอก ต่ออย่าพยายามอีกเลย”
“ทำไงได้ล่ะ ก็พ่อนิดหน่อยเป็นเจ้านายต่อนี่”
“อืม...ดาวเข้าใจ”
ดาวพยักหน้ายิ้มเข้าใจแล้วนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดระบายความรู้สึกออกมา
“เอาจริงๆ เราเข้าใจนิดหน่อยนะ ที่แม่ต้องมาติดการพนันแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพ่อทิ้งแม่ไปมีคนอื่นก่อน”
ต่อซึมจัด “นิดหน่อยเลยพลอยเกลียดผู้ชายไปซะหมด”
ดาวมองต่ออย่างซึมๆ กับท่าทีที่่ต่อดูแคร์นิดหน่อยมากกว่าเพื่อน
“ยากกว่าทำให้นิดหน่อยเข้าใจพ่อ ก็คงเป็นเรื่องทำให้นิดหน่อยกลับมาศรัทธาในความรักอีกครั้งนี่ล่ะ”
“ดูต่อแคร์นิดหน่อยมากเลยเนอะ”
ต่ออึกอัก “เราก็แคร์เพื่อนทุกคนนั่นแหละ”
ต่อปกปิดความรู้สึกตัวเองด้วยการเร่งจัดของใส่ตู้เย็นให้ดาว ดาวแอบมองด้วยท่าทีซึมๆ อยู่อย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าต่อแอบชอบนิดหน่อย

ส่วนที่ริมถนนในย่านกลางเมือง นายยมยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น มองไปมองมา ในมือถือแผนที่กรุงเทพฯ มองโน่น มองนี้
“หลงจนได้สิเรา บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก เอาไงล่ะเนี่ย”
ยมเดินผ่านมุมหนึ่ง เด็กแว๊นจอดรถเล็งหาเหยื่ออยู่พอดี พอเห็นยมก็สะกิดกันยิกๆ
“กูว่าได้”
“กูก็ว่าได้”
เด็กเปรตทั้งสองพยักหน้าส่งสัญญาณลงมือ ผละออกจากรถ เพื่อหวังจี้ชิงทรัพย์
ยมเดินๆ อยู่มีแว๊นเข้าประกบข้างและหลัง ยมงงๆ
“ไม่ต้องพูด เดินไปเงียบๆ”
แว้น1 เอามีดจี้หลังยมไว้

ที่นรกภูมิ สุวรรณ และสุวานแห่งเขต8 กำลังเดินคุยกันมาเรื่องมัจจุราชเขต8 มาแถวโซนกระทะทองแดง
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงท่านหรอก ท่านไปฮอลิเดย์ ถึงจะทำผิดกฎไปบ้าง แต่ถ้าเราเงียบไว้ ทุกอย่างก็โอเค”
สุวานเสริมว่า “แต่โลกมนุษย์เดี๋ยวนี้น่ากลัวนะ คนชั่วมากขึ้นทุกวันๆ จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง”
สนนั่งซึมอยู่ที่เดิม
“ว่าไงล่ะพ่อคุณ หมดอาลัยตายอยากในชีวิตซ้ำซ้อนรึไง”
สุวานฉงน “ที่ว่าซ้ำซ้อนน่ะหมายฟามว่ายังไงรึท่าน”
“ก็ตอนเป็นมนุษย์ก็หมดอาลัยตายอยากมาแล้วรอบนึงไง ถึงได้คิดสั้น”
“อ่อ...ท่านนี่ช่างแสนรู้...เอ๊ย! รอบรู้เสียจริง”
สุวรรณวางมาดขรึม “ไปได้แล้วเจ้าสน ข้าจะพาทัวร์ขุมนรกให้หดหู่เลย”
สุวรรณหัวเราะก่อนเดินกันไป ไฟโลกันต์วูบออกมาจากเตากระทะทองแดงเกือบจะโดนตัวสุวรรณ
“ท่านสุวรรณ ระวัง”
สุวานรีบดึงตัวสุวรรณออกมาให้พ้นไฟโลกันต์ ทั้งสองล้มลุกคุกคลานไปด้วยกัน สนอึ้งไป
สุวานหันไปถามสุวรรณ “ท่านบาดเจ็บรึเปล่า”
เลขาประจำเขต8ทั้งสอง มองกันหน้า ต่างคนหน้าดำปี๋ทั้งคู่
“เอ๊ะ..ท่านดูหมองไปนะ”
“ท่านเองก็ใช่ย่อย มีเคราะห์แน่ๆ ดำมาเชียว”
“ไฟโลกันต์ เล่นเราเสียแล้ว” สุวานว่า
สนจ้องไปที่ทั้งสองนิ่งๆ ทั้งคู่ปัดฝุ่น ปักเขม่า ให้กันไปมา สนมองดูที่มาของลูกไฟพึมพำเบาๆ
“ไฟโลกันต์…เราอยู่ในนรกโลกันต์จริงๆ”
แววตาของสนหดหู่ มองดูรอบๆ อย่างหวาดกลัว


เด็กแว้น 2 คนกำลังจี้ยมขู่เอาเงิน
“มีเงินเท่าไหร่” แว้น1ถาม
“จะรู้ไปทำไม”
“กูต้องการเงินทั้งหมด บัตรเครดิตทุกใบ ของมีค่าทั้งหมด”
“ขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“มึงไม่รู้จริงๆ เหรอว่านี่คือการปล้น” แว้น1ชักโมโห
“เรารู้ พวกท่านต่างหากที่ไม่รู้”
“กูไม่รู้อะไร”
“ปล้นผิดคนแล้ว” ยมบอก
แว้น2 ยัวะ “อยากลองดีใช่มั้ยมึง”
แว้น1 ที่ประกบหลังอยู่เอามีดจิ้มหลังยมข่มขู่
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ส่งของมา”
“ถ้าไม่อยากตกนรก ก็หยุดซะ” ยมบอก
“กวนตีน!?” แว้น1 โมโห
“รีบเอาเงินมา จะได้แยกย้าย” แว้น2 ขู่
“แยกย้ายไปไหน” ยมกวนตีน
เด็กแว้นกระชากร่างยมเข้าไปในซอกตึกอย่างหัวเสีย
“นี่มึงเป็นคนรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่า” ยมบอก
“ถึงว่าสิ แม่งพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง งั้นกูพูดภาษาอื่นก็แล้วกัน”
แว้น1 ยัวะ ชกเข้าที่ท้องยม เห็นยมยืนนิ่ง ตัวนิ่ง หน้านิ่ง แต่มือของเด็กแว้นที่ต่อยเข้ามาลุกเป็นไฟ
“เฮ้ยๆ อะไรวะ”
แว้น2 งง “เกิดไรขึ้น”
“กูไม่รู้ กูต่อยท้องมัน แล้วก็เป็นแบบนี้เลย ช่วยกูด้วย”
เด็กแว้นรีบช่วยดับไฟที่มือของเพื่อน ก่อนจะชักมีดสปริงออกมา
“เงินไม่เอาแล้ว ขอเอาเลือดมันออกมาล้างตีนหน่อยแล้วกัน”
เด็กแว้น1จะแทงยม แต่ก็เจอคลื่นความร้อนจากตัวยมลุกฟึ่บใส่จนไฟไหม้ลามไปทั้งแขน
“เว้ยยยเฮ้ยย ช่วยด้วย”
“กูว่ามันไม่ใช่คนนะ มันแปลกๆว่ะ” แว้น2ว่า
“แปลกไงวะ”
“มึงดูสิ”
แว้น2 ชี้ไปที่เงาบนพื้น พบว่าเงายมมีเขาบนหัว
เด็กแว้นเงยหน้ามอง เห็นยมมีเขาบนหัว
มันทั้งสองแหกปากขึ้นพร้อมกัน “เฮ้ย”
ยมปล่อยคลื่นความร้อนเป็นรัศมีออกมารอบๆ ตัว
“เชี่ย ตั่วไร๊วะ”!!?
“ตัวใครตัวมันล่ะโว้ย”
เด็กแว้นทั้งสองพากันวิ่งเตลิดหนีไป
ยมถอนใจโล่ง สีหน้าที่แดงค่อยๆ ปรับสภาพเป็นปกติ ยมกล่าวเบาๆ กับตัวเอง
“ผิดกฎอีกแล้วเรา”

ยมพาตัวเองมานั่งมองชีวิตผู้คนอยู่ริมน้ำใต้สะพาน เพื่อค้นหาคำตอบเรื่องความรักของมนุษย์ เสียงของสนดังขึ้นในความคิด
“แต่ผมทำเพราะความรัก”
“เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี”
“ไม่จริง ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ส่วนรักแท้เป็นรักนิรันดร์” สนว่า
“หุบปาก ที่เจ้าต้องตกนรก มันไม่ใช่เพราะสิ่งที่เจ้าเรียกว่ารักแท้เหรอ”
“เพื่อรักแท้ ผมทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ต้องแลกด้วยชีวิต”
“โง่ล่ะสิไม่ว่า รักแท้ไม่มีจริงหรอกข้าจะบอกให้”
“มัจจุราชอย่างท่านจะเข้าใจรึเปล่า ว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
ระหว่างนี้ มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกัน โดยฝ่ายชายเดินหนีฝ่ายหญิงที่ตะโกนด่าตามหลังว่าไปกดไลค์รูปผู้หญิงอื่นทำไม ฝ่ายชายเดินหนี ไม่ยอมตอบทั้งสองเดินผ่านหน้ายมไป
ยมส่ายหน้าเอือมๆ “รักแท้ รักนิรันดร์มีจริงซะที่ไหน”
พอหันไปอีกด้าน ก็เห็นคูู่รักชายหญิงวัยชรากำลังจูงมือกันเดินมาดูวิวริมน้ำอย่างมีความสุข ทำให้ยมรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
คำพูดของเขต7 แว่บขึ้นมาในห้วงความคิดของยม
“ท่านอาจจะยังไม่เคยมีความรักมาก่อนก็ได้” มัจจุราชเจต7 ยิ้มเยาะ “ไม่เคยมีความรักจนถึงวันตายยังไงล่ะ
เขต8 นิ่งคิด หรือจะจริง แต่ก็ไม่ยอมให้เขต7 เยาะเย้ย ย้อนกลับไปว่า
“ท่านลืมไปแล้วเหรอ ว่าเราทำผิดศีลห้าข้อมากรัก ผิดประเวณี แสดงว่าเมื่อก่อน เราต้องล้อมรอบไปด้วยความรักอยู่แล้ว”
“นั่นมันไม่ใช่ความรักหรอก ท่านไม่ได้มากรัก ท่านแค่มากตัณหา”
ยมมีสีหน้าครุ่นคิดหนัก เขาคิดถึงคำสั่งของท่านท้าวฯ
“วิญญาณบาปถูกส่งมานรกมากขึ้นทุกที ท่านจงไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนโลกมนุษย์ เหตุใดมนุษย์จึงหยาบช้าขึ้น บาปหนักขึ้น ตกนรกมากขึ้น จงใช้ความชั่วของท่านเข้าใจคนชั่ว”
เขต8 สำลักพรวด
“โทษที เราพูดผิดไปนิด...ท่านจงใช้ประสบการณ์ด้านมืดของชีวิตท่าน สมัยยังมีชีวิต เพื่อเข้าใจคนชั่ว แล้วหยุดพวกมันเสีย…เพราะนรกไม่อยากต้อนรับผู้ใด”
เขต8อึ้ง นิ่งนึกถึงคำพูดของสน “แต่มัจจุราชอย่างท่านจะเข้าใจรึเปล่า ว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
“บังอาจ เจ้ากล้าสบประมาทเรางั้นรึ”
“ไม่ได้สบประมาท มัจจุราชไม่ใช่คน ไม่มีหัวใจ จะเข้าใจความรักของ คนได้ยังไงกัน”
มัจจุราช8 สะอึกอึ้งนิ่งงันไป


นายยมบ่นบ้าถึงภารกิจมากมีที่ต้องทำ
“ภารกิจเยอะขนาดนี้ จะไปทำยังไงล่ะเนี่ย”
เขาครุ่นคิดหาวิธีเดินทางบนโลกมนุษย์
ไม่นานนักยมผลักประตูเข้ามาในโชว์รูมรถยนต์หรูอย่างเท่ๆ พนักงานหญิงเดินเข้ามายิ้มต้อนรับ ยมมองไปที่รถหลากรุ่นซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ มีทั้ง รถซีดาน / SUV / รถสปอร์ต
“สนใจรุ่นไหนเป็นพิเศษคะ”
“รุ่นที่ผมใช้แล้วจะได้รู้จักกับความรักจากเพศตรงข้ามน่ะครับ”
ยมยิ้มบางๆ ขณะที่พนักงานหญิงครุ่นคิด ตีโจทย์ของยมว่าจะเป็นรถอะไรดี
ไม่นานนัก ยมขับรถสปอร์ตวิ่งฉิวออกจากโชว์รูม เข้าสู่ถนนใหญ่
ในรถที่แล่นมาตามทาง ยมพยายามกดอุปกรณ์นำทางที่ติดมากับรถ แต่ก็กดผิดๆ ถูกๆ มั่วไปหมด
“ยากจังวุ๊ย เอางี้ดีกว่า”
สุดท้ายยมผิวปาก อันเป็นวิธีการเรียกสุวรรณ และ สุวาน
ด้านสุวานกับสุวรรณนั่งทำงานอยู่ที่นรกเขต8 จนได้ยินเสียงผิวปากดังแว่วมา
“ท่านมัจจุราชเรียกนี่” สุวานเอ่ยขึ้น
“ก่อเรื่องอะไรอีกแล้วล่ะ”

พริบตานั้นสุวรรณปิ๊งมาปรากฎตัวที่เบาะข้างคนขับนั่งตักกันกับสุวาน เพราะเป็นรถสปอร์ต
“เรียกผมมาด่วนเลย มีอะไรรึเปล่าครับ” สุวรรณถาม
ยมเอ็ดเอา “แล้วนั่งอะไรแบบนั้นล่ะน่ะ เดี๋ยวตำรวจก็จับอีก”
“ก็รถท่านมีที่นั่งแค่นี้นี่ครับ จะให้ผมไปนั่งตรงไหนได้ล่ะ”
“นั่นสิ ทำไมไม่เอารถที่มันมีที่นั่งเยอะๆ นะท่าน ลำบากลำบนแท้ๆ”
“พูดมาก กลับลงนรกไปเลยไป”
สุวานขำ “งอนอีก สรุปจะให้พวกผมช่วยงานอะไรหรือครับ”
“เราใช้ไอ้อุปกรณ์นำทางอันนี้ไม่เป็นน่ะ”
“อุปกรณ์นำทาง แล้วท่านต้องการจะไปที่ไหนล่ะครับ” สุวรรณถาม
ยมหวนนึกถึงอดีต
เด็กหญิงคนนั้นยังคงร้องไห้อยู่กลางถนน…ระเบิดลงตู้มใหญ่
“ระวัง!”
ชายหนุ่มตะโกนลั่น พร้อมๆ กับพุ่งเข้าไปกอดเด็กหญิงไว้แล้วกลิ้งตัวพากันหลบสะเก็ดระเบิด ไปหลบในซอกตึกแคบๆ เขากอดเด็กหญิงที่ร้องจ้าไว้แน่นอย่างปกป้อง
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกประเมินสถานการณ์ เด็กหญิงสงบลงบ้างแล้วแต่ยังตัวสั่นอยู่
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด สัญญานะว่าจะไม่ออกไปไหนสัญญาสิ บอกให้สัญญาไง”
“สัญญา….แง๊” เด็กหญิงแหกปากร้องไห้จ้า
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมานะ...ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เด็กหญิงพยักหน้ารับเอาคำ
ชายหนุ่มออกไป…เด็กหญิงมองตามแผ่นหลังไป ร้องบอกเขาอย่างห่วงหา ยึดเป็นที่พึ่ง
“พี่ชายรีบกลับมานะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นอีก ชายหนุ่มชะงัก หันกลับไปมองเด็กหญิงในซอกตึก เด็กหญิงตกใจกลัววิ่งออกมาหาเขา
“พี่ชาย...”
บนท้องฟ้ายามนั้น ระเบิดถูกปล่อยลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปดันร่างเด็กหญิงเพื่อให้เธอกลับเข้าไปในซอกตึกดังเดิม
“อย่าออกมา”
ระเบิดลงตู้ม ร่างของชายหนุ่มกระเด็นหายเข้าไปในเปลวไฟ
เด็กหญิงกรีดร้องเสียงดังลั่น “พี่ชาย...พี่ชาย...”

ไม่นานนัก สุวรรณจอดรถหน้าตึกหลังใหม่หลังจากสงครามเมื่อร้อยปีก่อน และพบว่าเวลานี้มันคือคอนโดของสารวัตรวิเวกนั่นเอง

ยมก้าวลงจากรถ เหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจ

อ่านต่อตอนที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น