มัจจุราชฮอลิเดย์ ตอนที่1 เปิดประวัติมัจจุราชเขต8
บทประพันธ์ : อรุณรุ่ง บทโทรทัศน์ : วาทินีย์
ภาพจิตกรรมบนฝาผนังของโบสถ์แห่งนี้แลดูสวยงามเข้มขลัง ในความวิจิตรนั้นจิตกรได้บรรจงวาดบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ นรก สวรรค์ เพื่อเตือนสติผู้คนให้ละบาปสะสมบุญ ทว่า...
นรก และ สวรรค์ มีอยู่จริงหรือ? แล้วอะไรคือเครื่องพิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริง
ก่อนตั้งคำถามนี้ เราเคยมองไปรอบๆ ชีวิตบ้างรึยัง
สวรรค์ได้ทิ้งสัญลักษณ์มากมาย เป็นคำตอบให้มนุษย์...นรกก็เช่นกัน
ระหว่างบุญหรือบาป นรกหรือสวรรค์ อัจฉริยะผู้หนึ่งได้ทิ้งหนทางเลือกไว้ให้ในนาม...ศีล 5... ศีลแห่งการดำรงชีวิต ให้หลุดพ้นจากนรก ทั้งขณะมีชีวิต และหลัง...ความตาย
เมื่อโลกเต็มไปด้วยคนบาปมากจนเกินไป บางสิ่งจึงต้องเกิดขึ้น
เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา สถานการณ์สงครามเขม็งเกลียว เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นในคืนเดือด เมืองไทยถูกจู่โจมทางอากาศ ระเบิดถูกทิ้งลงกลางเมืองลูกแล้วลูกเล่า ผู้คนล้ม ร่วง ตายเกลื่อน เหล่าทหารยิงต่อสู้ทุกทิศทาง ความตายเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ผู้คนชายหญิงต่างหนีตายแย่งชิงกันลงหลุมหลบภัยอย่างเห็นแก่ตัว
ยินเสียงกรีดร้องอื้ออึงจากด้านนอกดังเข้ามาในโบสถ์แห่งนี้
ภาพจิตรกรรมบนผนังโบสถ์ฝั่งด้านที่เป็นรูปวาดเหล่านางฟ้าค่อยๆ แหวกออกมา จากภาพวาดค่อยๆ กลายเป็นคนจริงๆ ทรงเครื่องเหมือนในภาพทุกประการ เหล่านางฟ้าค่อยๆ ปรากฎกายจริงขึ้นจากรูปวาด
เช่นเดียวกับประติมากรรมปูนปั้นรูปเทวดา ค่อยๆ กลายร่างเป็นเทวดาองค์จริง เหล่านางฟ้าออกมาจากด้านใน รวมตัวกันในเวลาติดๆ
“เทวทูตทั้งหลาย พวกเราซ่อนตัวเพื่อเฝ้ามองมนุษย์จากจุดนี้มานานหลายปี นับจากโรคห่าได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปเมื่อหลายฤดูก่อน คราวนี้ถึงเวลาของเราแล้วที่จะต้องเก็บวิญญาณบุญไปสวรรค์อีกครั้ง ลงมือเถิด ก่อนที่พวกเค้าจะหลงทาง หลุดมือพวกเราไป”
หัวหน้าเทวทูตชายเดินนำหน้าเหล่าเทวทูตชายหญิงออกไปอย่างรีบร้อน
ค่ำคืนนั้น ที่บริเวณทางสามแพร่งเกิดระเบิดบึ้มใหญ่ หลังกลุ่มควันจางเมื่อแลไปทางด้านขวา เห็นเหล่าเทวทูตทั้ง 5 เป็นชาย 3 หญิง 2 เดินเรียงหน้าเป็นแผงออกมา
ส่วนถนนฝั่งตรงข้ามกัน พลันสิ้นเสียงระเบิดลงตูมใหญ่ แสงไฟจากระเบิดสาดให้เห็นการมาถึงของหัวหน้ายมทูต มัจจุราชเขต7 ที่เดินนำทีมยมทูตมาด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง ทั้งสองทีมเจอกันที่จุดกลางของสามแพร่งพอดิบพอดี
“คืนนี้ไม่ใช่คืนของท่าน” เทวดาหัวหน้าเทวทูตกล่าว
“ทำไมพูดอย่างนั้นเล่า…ท่านเทวทูต” มัจจุราชเขต7 ทักถามอย่างแปลกใจ
“ทหารตายเพื่อปกป้องบ้านเมือง ส่วนผู้คนตกเป็นเหยื่อสงครามพวกเขาสมควรได้ไปสวรรค์” หัวหน้าเทวทูตว่า
เขต7 หัวหน้าทีมยมทูตไม่เห็นด้วย “สงครามมีทั้งคนถูกและคนผิด จะเหมาว่าเหยื่อสงครามต้องไปสวรรค์กันหมดได้ยังไง ความถูกต้อง ความดี ในโลกนี้ มันแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว อีกไม่นานสวรรค์คงต้องปิดตัว! วิญญาณเทวทูตก็คงต้องแตกดับ”
“กลับไปนรกของท่านเถิด อย่าเกะกะขวางทางการเก็บวิญญาณผู้น่าสงสารของเรา” เทวทูตว่า
“งานยังไม่ได้เริ่ม จะกลับได้ยังไง เราจะโกยวิญญาณบาป ส่วนท่านก็ค้นหาวิญญาณบุญ…ถ้าท่านเชื่อว่ามีอยู่จริง” เขต7 เยาะในที พลางหันไปบอกทีมเสียงเข้ม “แยกย้ายกันเก็บวิญญาณบาป”
เหล่ายมทูตแยกย้ายกันไปเก็บวิญญาณตามสั่ง
หัวหน้าเทวทูตหันไปบอกลูกทีม “ลงมือได้ ระวังพวกอาสัญด้วย พวกที่ตายแต่ยังไม่รู้ตัวว่าตาย หากหลุดมือไป จะกลายเป็นโอปปะติกะ เร่รอนขอส่วนบุญไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
ในความสับสนวุ่นวาย ผู้คนนอนตายเกลื่อนกล่นถนน ยินเสียงเด็กหญิงร้องไห้ดังจ้าขึ้นอย่างคนขวัญเสีย
ชายหนุ่มวัย25 ปี คนหนึ่ง ซึ่งเขาคือมัจจุเขต8 ในอนาคตนั่นเอง เวลานี้กำลังวุ่นวายอยู่กับงัดประตูหน้าร้านทอง ทองพันชั่ง ผู้คนอื้ออึงหนีตายจ้าละหวั่นไม่มีใครสนใจใคร
ล็อคประตูถูกตัดขาดสำเร็จ เสียงเด็กผู้หญิงหวีดร้องดังขึ้นไปอีกครั้ง ทำเอาชายหนุ่มชะงัก เกิดความสับสนลังเลว่าจะไปช่วยเด็กหรือจะเข้าไปขโมยทองในร้านดี
“เอาไงดีวะ นี่ก็ทอง นั่นก็ชีวิต”
เด็กหญิงคนนั้นยังคงร้องไห้อยู่กลางถนน…ระเบิดลงตู้มใหญ่
“ระวัง!”
ชายหนุ่มตะโกนลั่น พร้อมๆ กับพุ่งเข้าไปกอดเด็กหญิงไว้แล้วกลิ้งตัวพากันหลบสะเก็ดระเบิด ไปหลบในซอกตึกแคบๆ เขากอดเด็กหญิงที่ร้องจ้าไว้แน่นอย่างปกป้อง
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกประเมินสถานการณ์ เด็กหญิงสงบลงบ้างแล้วแต่ยังตัวสั่นอยู่
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด สัญญานะว่าจะไม่ออกไปไหนสัญญาสิ บอกให้สัญญาไง”
“สัญญา….แง๊” เด็กหญิงแหกปากร้องไห้จ้า
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมานะ...ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เด็กหญิงพยักหน้ารับเอาคำ
ชายหนุ่มออกไป…เด็กหญิงมองตามแผ่นหลังไป ร้องบอกเขาอย่างห่วงหา ยึดเป็นที่พึ่ง
“พี่ชายรีบกลับมานะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นอีก ชายหนุ่มชะงัก หันกลับไปมองเด็กหญิงในซอกตึก เด็กหญิงตกใจกลัววิ่งออกมาหาเขา
“พี่ชาย...”
บนท้องฟ้ายามนั้น ระเบิดถูกปล่อยลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปดันร่างเด็กหญิงเพื่อให้เธอกลับเข้าไปในซอกตึกดังเดิม
“อย่าออกมา”
ระเบิดลงตู้ม ร่างของชายหนุ่มกระเด็นหายเข้าไปในเปลวไฟ
เด็กหญิงกรีดร้องเสียงดังลั่น “พี่ชาย...พี่ชาย...”
ร่างของชายหนุ่มกระเด็นมาตกลงบนพื้น เขารีบลุกขึ้นหาที่หลบภัย แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งทักขึ้น
“ไม่ต้องหนีหรอก ไม่มีที่ไหนปลอดภัยทั้งนั้น”
ชายหนุ่มชะงักเหลียวหาเสียง “ใครวะ”
เป็นมัจจุราชเขต7 หรือคนมักคุ้นเรียกท่านว่า “เขต7” นั่นเอง เดินหน้านิ่งเข้ามาหา
“เรามารับเจ้า…วิญญาณบาป”
ชายหนุ่มงุนงง “คุณเป็นใคร? รับไปไหน? ผมไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ผมต้อง…”
เขต7สวนขึ้นน้ำเสียงประชด “กลับไปขโมยทองในร้านงั้นรึ”
ชายหนุ่มตกใจ อึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเถียงออกไป “บ้า ใครจะทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้น”
“ก็คนชั่วไง มิจฉาชีพที่หากินบนความตายของผู้อื่นอย่างเจ้ายังไงล่ะ”
“พูดอะไร ผมไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น”
“นอกจากลักขโมยแล้ว เจ้ายังโกหก” มัจจุราชเขต7 ชี้หน้าด่าชุดใหญ่ “เจ้าชู้ มักมากในกาม ผีพนัน ดื่มสุรา เหยื่อของเจ้ามีชีวิตอยู่แต่เหมือนตายทั้งเป็น ไม่ต่างจากถูกเจ้าฆ่า”
ชายหนุ่มอึ้ง
“ทั้งชีวิตเจ้าทำผิดศีลทั้งห้าข้อมาตลอด เจ้าเป็นวิญญาณบาปที่สมบูรณ์แบบมาก” มัจจุราชเขต7ยิ้มเยาะ
“คุณพูดอะไร มั่วแล้ว ผมคนดีนะ” ชายหนุ่มเถียงออกไป
“แค่ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผู้ยังไม่ถึงที่ตาย ไม่สามารถลบล้างกับบาปที่เจ้าทำไว้ได้ทั้งหมดหรอก”
ชายหนุ่มอึ้งอีก
“หมดเวลาก่อกรรมชั่วบนโลกมนุษย์แล้ว เจ้าต้องไปกับเรา”
“คุณจะพาผมไม่ไหน”
“นรก คือปลายทางของเจ้า” เขต7 บอก
ชายหนุ่มไม่เชื่อ “พูดบ้าๆ ผมยังไม่ตาย จะไปนรกได้ยังไง”
“เจ้าน่ะรึยังไม่ตาย”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าตายแล้ว จะมายืนพูดกับ…..กับ…”
มัจจุราชเขต7 สวนออกไปว่า “มัจจุราช”
“เฮ้อ...” ชายหนุ่มกลอกตาเซ็งหนัก
“มีแต่คนตายแล้วเท่านั้น ที่จะมองเห็นเรา พูดกับเราได้”
“ก็ผมยังไม่ตาย!”
“ก้มลงมองสิมองให้เห็นกับตา เจ้าผู้โง่เขลา”
ชายหนุ่มก้มลงมองตาม แล้วต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นร่างของตัวเองนอนอยู่ที่พื้น ในสภาพจมกองเลือด และมันยากที่จะยอมรับ
“ไม่…ไม่จริง….ไม่”
“จริง” เขต7ย้ำคำ
“ไม่ ผมยังตายไม่ได้ ไม่นะ”
มัจจุราชเขต7มอง “เวลาชีวิต” ที่ลอยอยู่เหนือหัวของชายหนุ่ม พบว่าตัวเลขลดลงเป็น 00.00.00
“เจ้าสิ้นอายุขัยแล้ว เวลาชีวิตในชาตินี้ของเจ้าหมดลงแล้ว”
ชายหนุ่มทำท่าจะวิ่งหนีแต่มัจจุราชเขต7 ใช้พลังดึงร่างเอาไว้
“เจ้าหนีความตายไม่ได้หรอก ยอมรับความจริง แล้วไปนรกกับเรา วิญญาณบาปอย่างเจ้า มันต้องตกนรก”
เวลาเดียวกันนี้ เด็กหญิงคนนั้นค่อยๆ คลานออกมาจากซอกตึก เหลียวมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว ก่อนจะเบะปากร้องไห้จ้าเมื่อเห็นร่างชายหนุ่มนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน
“พี่ชาย…หนูจะไม่ลืมพี่เลย ฮื้ออออออ…นานแค่ไหนก็จะไม่ลืม…”
วันเวลาผ่านไป ล่วงเข้าสู่ปี พ.ศ. 2562
เสียงกรีดร้องของวิญญาณบาปสัตว์นรกดังระงมไปทั่วนรกภูมิ วิญญาณบาปถูกลงโทษตามกรรมที่สร้างไว้
ในห้องทำงานมัจจุราชเขต8 หรือเรียกอย่างกันเองว่า เขต8 กำลังย้อนคิดถึงอดีตความตายตัวเอง ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่อยากจะเชื่อ…เราจะยอมทำแบบนี้เหรอ ยอมเอาชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตคนอื่นที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ…ทำไปได้ไง คิดอะไรอยู่…”
“ตอนนี้ท่านเป็นมัจจุราช”
สุวรรณเขต8 เดินเข้ามาหา
“ท่านอยู่กับความผิด-ชั่ว-บาป-ตาย-และบทลงโทษ มานานเกินไปไม่สามารถเข้าถึงจิตใจในขณะที่เป็นมนุษย์ได้หรอกท่าน”
“อืม....เจ้ามาเปลี่ยนงานกับเราดูมั้ย” เขต8ประชด
สุวรรณสะดุ้งโหยงหันขวับมาหา “พูดอะไรออกมาน่ะท่าน มัจจุราช ไม่ใช่ว่าใครจะ มาเป็นก็ได้นะท่าน ท่านก็รู้นี่ ว่าทำไมท่านถึงได้เป็นมัจจุราช”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าเข้าที่หน้ามัจจุราช8 จังๆ หวนคิดไปถึงอดีตตอนที่ถูกตัดสินโทษเมื่อร่วมร้อยปีก่อน
ณ นรกภูมิตอนนั้น
ชายหนุ่มอยู่ในท่าทีมึนงง มองไปที่ด้านหนึ่งซึ่งสาดแสงสีแดงส้มเหมือนเปลวไฟออกมา ร้อนระอุไปหมด มีเงาของท่านท้าวพญายมบนผนังไฟโลกันต์นั้น
โดยมีมัจจุราชเขต7ยืนประกบอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม
“ท่านให้เรานำวิญญาณมันมาที่นี่ทำไม วิญญาณบาปนี้ ตายในเขตเรา เราตัดสินเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องให้ถึงมือท่านท้าวพญายมหรอก”
“มัจจุราชเขต7 ท่านเป็นมัจจุราชที่ซื่อตรง ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไร้ความปราณี ไร้เมตตาธรรม”
“นั่นคือข้อดีของเราไม่ใช่เหรอ” เขต7บอกอย่างภาคภูมิ
“ใช่ นั่นคือข้อดีของมัจจุราช เราถึงไว้ใจท่านได้เสมอ แต่วิญญาณบาปตนนี้…ไม่ธรรมดา”
เขต7 ขมวดคิ้วพิศวง แต่ยังไม่ทันพูด ท่านท้าวพญายมพูดสวนขึ้นก่อน
“เจ้าวิญญาณบาป”
ชายหนุ่มนิ่งเฉย จนเขต7เหลือบตามอง
“ท่านท้าวพญายมเรียกเจ้า ไม่ได้ยินรึไง”
“เรียกเรา เรียกทำไม”
“วิญญาณบาปของเจ้าผ่านการมีชีวิตที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลแห่งความหลอกลวง เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายมืด ไม่รักษาตัวอยู่ในศีลแห่งอริยะสัจเจ้า พระพุทธเจ้ามอบทางไปสวรรค์ให้เจ้าแล้วในศีลทั้งห้าข้อ แต่เจ้ากลับไม่เคยทำ ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ” พญายมว่า
“แค่ผมผิดศีลห้า ผมถึงกับต้องตกนรกเชียวเหรอ” ชายหนุ่มย้อน
“ศีลห้า คือหัวใจของการครองธรรมแห่งพระอริยสัจเจ้า เจ้ากลับมองว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยงั้นรึ”
“นรกทั้ง 5 ขุมกำลังรอเจ้าอยู่”
พร้อมกับว่า มัจจุราชเขต7 จะพาชายหนุ่มไป
ท้าวพญายมทักท้วง “ช้าก่อนมัจจุราชเขต 7”
“จะต้องรออะไรอีกล่ะท่าน”
“เราบอกท่านแล้วว่ามันไม่ใช่วิญญาณธรรมดา เราตรวจบัญชีบาป บัญชีบุญของมันแล้ว มันทำบาปมากกว่าบุญ”
“ท่านจะส่งเราไปสวรรค์ใช่มั้ย”
“นรกต่างหากที่เรียกหาเจ้า ไม่ใช่สวรรค์ ไป” เขต7 จะพาชายหนุ่มไป แต่ถูกพญายมขัดไว้อีก
“ช้าก่อน มัจจุราชเขต7” ท่านท้าวเอ่ยกับชายหนุ่มว่า “เจ้าเป็นโจรด้วยชะตากรรมที่บีบบังคับ ไม่ได้เป็นเพราะกิเลสที่อยากจะเป็น ไม่ได้เป็นเพราะ จิตใจหยาบช้าสั่งให้เป็น ทุกครั้งที่เจ้าลงมือลักขโมย เจ้าจะนำทรัพย์ส่วนหนึ่งไปใช้เสพสุขในชีวิตโสมม อีกส่วนเพื่อช่วยเหลือผู้คน แม้จะเป็นเงินบาปหากบุญก็เกิดขึ้น”
“ใช่ ผมเลือกที่จะขโมยทรัพย์สินของคนชั่วเสมอ คนจนอีกมากรอฟ้าดินพาโชคมาหา แต่ฟ้าก็ไม่เคยช่วย ผมจึงช่วยพวกเค้าแทน”
“นั่นทำให้บัญชีบาปของเจ้าเกือบเท่าบัญชีบุญ การเปลี่ยนใจไม่ลงมือขโมยทองของเจ้า แต่กลับเลือกไปช่วยชีวิตเด็กหญิงผู้นั้นไว้ ทำให้ผลบุญของเจ้าเทียบเท่ากับผลบาป เจ้าจึงกลายเป็นผู้มีบุญและบาปเท่าเทียมกัน”
เขต7 ชะงัก “นั่นมันคือคุณสมบัติของมัจจุราชนะท่านท้าวพญายม”
“ใช่…เหมือนกับท่าน เหมือนกับมัจจุราชทั้งหมดในนรกนี้” ท่านท้าวหันมาหาชายหนุ่มอีก “เจ้าจะต้องตกนรก ต่อไปนี้เจ้าจะต้องเป็นมัจจุราช”
“มัจจุราช! ผมน่ะเหรอมัจจุราช!” ชายหนุ่มตกใจ
มัจจุราชเขต7 มองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ รู้สึกไม่เห็นด้วยกับท่านท้าวพญายมอย่างมากแต่ไม่กล้าขัด
มัจจุราชเขต8 นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดึงความคิดกลับมา เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง พบว่าผนังทุกด้านเต็มไปด้วยเทียนไขที่ถูกจุดไว้ เป็นเทียนแห่งชีวิตของผู้คนในเขต8 หากเทียนดับ หมายถึงมีคนตาย
“เมื่อตาย ท่านได้ถูกล้างความทรงจำในอดีตชาติ เหลือแต่สถานการณ์ก่อนตายเท่านั้นที่ยังจำได้ เหมือนทุกดวงวิญญาณ” สุวรรณเอ่ยขึ้น
“พวกเราทุกคนก็ต้องเป็นแบบนั้น ในวาระสุดท้ายของท่าน ท่านอาจลืมอะไร หรือลืมใครไปบ้างรึเปล่า ไม่แน่นะ บางทีอาจมีคนรอท่านอยู่ก็ได้” สุวานเสริม
“รองั้นเหรอ…ตำรวจเท่านั้นแหละที่รอโจรอย่างเรา…” เขต8คิดถึงเด็กหญิงคนนั้นขึ้นมาอีก “ส่วนเด็กคนนั้น…คงไม่รอ”
สุวรรณได้เข้าใจ “ท่านหมายถึงใคร เด็กที่ไหนกันครับ”
“มนุษย์มักเรียกหญิงขายบริการว่าเด็ก” สุวานสาระแนขึ้นพลางยกมือทาบอก ตาลุก เล่นใหญ่จัดเต็มขึ้นมาทันที “โอ้ว ๆ ๆ ไม่นะ ไม่ โอประเปรี้ยะมะเยี่ยะมะขัน”
สุวรรณมองหมั่นไส้ “อื้อหือ นี่ก็อุทานซะนรกสะเทือน”
“ท่านคงจะเก่งการซื้อน่าดู ถึงกับจะมีเด็กรอ”
“จะบ้าเหรอ เราหมายถึงเด็กจริงๆ เด็กตัวกระเปี๊ยกเดียว ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดซะหน่อย”
เขต8 หวนคิดถึงคืนระเบิดลง
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมคอออกมา
“สวมไว้นะ...แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมานะ...ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
เด็กหญิงพยักหน้ารับเอาคำ
ชายหนุ่มออกไป…เด็กหญิงมองตามแผ่นหลังไป ร้องบอกเขาอย่างห่วงหา ยึดเป็นที่พึ่ง
“พี่ชายรีบกลับมานะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นอีก ชายหนุ่มชะงัก หันกลับไปมองเด็กหญิงในซอกตึก เด็กหญิงตกใจกลัววิ่งออกมาหาเขา
“พี่ชาย...”
บนท้องฟ้ายามนั้น ระเบิดถูกปล่อยลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปดันร่างเด็กหญิงเพื่อให้เธอกลับเข้าไปในซอกตึกดังเดิม
“อย่าออกมา”
ระเบิดลงตู้ม ร่างของชายหนุ่มกระเด็นหายเข้าไปในเปลวไฟ
เด็กหญิงกรีดร้องเสียงดังลั่น “พี่ชาย...พี่ชาย...”
สีหน้ามัจจุราชเขต 8 คิ้วขมวด พยายามคิดระลึกอดีต แต่แล้วจู่ๆ ก็สะบัดหัวพรึ่บสลัดความคิดทิ้งไป
“เค้าไม่รอเราหรอก ป่านนี้คงอยู่บนสวรรค์แล้ว เราคงไม่ได้พบเด็กนั่นอีก”
ยินเสียงหญิงสาวดังแว่วๆ มาจากโลกมนุษย์ และดังขึ้นๆ
“มาแล้ว มาแล้ววว รอนานมั้ย”
เสียงนั้นดังมาจากร้านขนม “หวานนิดหวานหน่อย”
เจ้าของเสียงคือ นิดหน่อย หรือ “ชิดชนก” วิ่งออกมาจากครัวด้านใน ในมือมีถาดใส่เค้กลายลูกฟุตบอล
“มาแล้วๆ มาแล้ววววว”
นิดหน่อยทำท่าร้อนไม้ร้อนมือ รีบเข้ามาหาจุก น้องชายวัยรุ่นที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ โดยไม่ได้สนใจพี่สาวเลย
“ตะแด่นนนนนน! ดูสิว่าเค้กวันเกิดของใคร”
จุกนิ่ง จ้องหน้าจอมือถือดังเดิม
“ใครอยากเป็นนักบอลเอ่ยยย”
จุกยังนิ่ง จ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างเก่า
“ใครน้า จะได้เป็นดาวรุ่งอะคาเดมีเมืองทอง”
“อือ…” จุกอืออาตามเรื่อง
นิดหน่อยวางเค้กลงแล้วหันมาตบหัวน้องดังป้าบ จุกโวยวาย
“โอ๊ย ตบหัวจุกทำไมเนี่ย!”
“ก็พี่อุตส่าห์อบเค้กวันเกิดให้ แต่แกกลับไม่สนใจนี่
จุกไม่สนเงยหน้ามองนิดๆนิ่งๆ ไร้ความรู้สึก
“ใครให้ทำอ่ะ”
“ใครให้ทำเหรอ”
นิดหน่อยกัดฟันแล้วเอาเค้กทั้งก้อนโปะเข้าที่หน้าจุกเต็มๆ จังๆ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะไอ้น้องรัก”
จุกเก็บมือถือ จากนั้นสงครามปาเค้กก็เริ่มต้นขึ้น เลอะเทอะและวุ่นวาย สองพี่น้องคว้าขนมอะไรได้ก็ขว้างใส่อีกคน เละเทะกันไปหมด
“ไอ้จุก หยุดนะ มันขนมของชั้นนะ แกจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“ก็ใครเป็นคนเริ่มก่อนเล่า
“ชั้นบอกให้หยุด”
“ไม่หยุด”
นิดหน่อยคว้าขนมปังโลฟแท้งยาวๆ มาฟาดๆๆ จุก
ส่วนจุกก็คว้าเค้กอีกถาดปาใส่นิดหน่อย แต่นิดหน่อยหลบทัน เป็นจังหวะเดียวกับที่สมรเปิดประตูเข้ามาในร้าน ร้องเบิร์ธเดย์ลูกชายโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์.....”
เค้กปาเข้าตรงหน้าสมรเป๊ะ ผู้เป็นแม่ชะงักงันไป
จุกกะนิดหน่อยตกใจร้องลั่น “แม่”
สมรปาดครีมออกจากหน้าแล้วร้องกรี๊ด
“ไอ้ลูกบ้า”
สมรจะเข้าไปตีจุก แต่ดันไปเหยียบเค้กที่พื้น ลื่นพรื่ดเซถลาไป
นิดหน่อยร้องกรี๊ด “ว้าย แม่”
สงครามสามคนแม่ลูกเริ่มขึ้นอีกครั้ง สมรไล่ฟาดจุก นิดหน่อยคอยไล่ห้ามแม่ จุกหนีวนไปมาในร้านอันแสนเละเทะ จนมีเสียงประตูเปิดเข้ามา
สมร นิดหน่อย จุก หันควับไปมองที่ประตู เห็นชนกผู้เป็นผัวและพ่อถือกล่องของขวัญมาด้วย
“สุขสันต์วันเกิดนะลูก”
ชนกยื่นกล่องให้จุก แต่จุกยืนนิ่งพูดลอยๆ
“ไม่ต้องลำบากเอาของขวัญมาให้ผมหรอกครับ”
“ไม่เอาน่า ขอเถอะ วันนี้วันเกิดลูก เราอย่ามีเรื่องกันเลยมาคุยกันดีๆ เถอะ ยังไงพ่อก็รักลูกนะ”
“ความรักไม่มีอยู่จริงหรอก ความหลงต่างหากที่เป็นเรื่องจริง ส่วนความรักน่ะ มันเรื่องโกหก” นิดหน่อยโพล่งขึ้น
ชนกหน้าเสียเสียงอ่อย “ทำไมลูกพูดอย่างนั้น”
“พ่อทิ้งพวกเรากับแม่ไปแล้วไปอยู่กับคนอื่น แบบนี้เรียกว่าความรักเหรอ”
“นิดหน่อย” ชนกดุ
“ความรักเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง”
นิดหน่อยกระแทกเสียงใส่บิดาแล้วเดินหนีไปในครัวอบขนมต่อ จุกมองไปที่พ่อ เห็นแม่สะบัดหน้าใส่พ่อแล้วแยกไป
จุกเดินตามนิดหน่อยออกไปอีกคน ทิ้งให้ชนกยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
ที่นรกภูมิ เขต8 เดินมาตามทางในนรก โดยมีสุวานเขต8 คอยตามรายงาน
“มหาโรรุวมหานรก สำหรับผู้ผิดศีลข้อที่ห้า การดื่มสุรา อันที่มาของการผิดศีลทั้งหมดที่ สัตว์นรกทั้งหลายที่ต้องตกไปอยู่ในนรกขุมนี้ ต้องเข้าไปยืนอยู่ในดอกบัวเหล็กนรกซึ่งมีกลีบคมเป็นกรด ร้อนแรงแดงฉานไปด้วยไฟนรก เผาไหม้สัตว์นรกซึ่งอยู่ในดอกบัวนั้น ตั้งแต่ศีรษะจรดพื้นเท้า เปลวไฟแลบเข้าทวารทั้ง 9 เผาไหม้ทั้งข้างในข้างนอก นรกขุมนี้จึงมีชื่ออีกอย่างว่า ชาลโรรุวมหานรก"
“มนุษย์ดื่มสุราเพื่อการเฉลิมฉลอง ดื่มในการเลี้ยงสังสรรค์ ดื่มอวยพร ดื่มเพื่อแสดงความยินดี แต่กลับต้องตกนรกอย่างทรมาน”
“ที่สุดครับ” สุวานบอก
ไม่นานต่อมา มัจจุราชเขต8 พร้อมสุวาน พากันมาหยุดที่หน้ากระทะทองแดงใบใหญ่ที่มีน้ำเดือดพล่าน คนบาปในกระทะกรีดร้องโหยหวน พยายามจะปีนออกจากกระทะ แต่ถูกนิรบาลใช้เหล็กสามง่ามแทงให้กลับลงไปเสียงโอดครวญดังไปทั่ว
“ผิดศีลข้อสาม กาเมสุมิสฉาจาราเวรมณี.....การประพฤติผิดในกามครับ”
“จะโอดโอยอะไรตอนนี้ ไม่คิดเหรอว่าคนที่พวกเจ้าทำผิดด้วย เค้าจะร้องด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน แค่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ” เขต8ว่า
สุวรรณวิ่งหน้าตื่นตามเข้ามา
“ท่านครับ มีเรื่องใหญ่แล้วครับ”
มัจจุราชเขต8 หันมามองฉงน “เรื่องอะไร”
ที่ห้องตัดสินโทษวิญญาณบาปเขต8 มัจจุราชเขต8 เตรียมการตัดสินโทษ
สุวรรณ และสุวาน แห่งเขต8 พาดวงวิญญาณของนายสนเข้ามาหยุดตรงหน้า สุวานรายงานว่า
“นายสน สวนสนาม อายุ 25 ปี เกิดเวลา 9.00 นาฬิกา ปีระกา 2535 ตายเวลา 17.25 นาที ของวันนี้ครับ”
สุวรรณดูบัญชีบุญบาปแล้วเสริมว่า “ตรวจบัญชี ผิด ชอบ แล้ว ทำดีมาตลอด แต่ทำบาปด้วยการฆ่าตัวตายครับ”
ที่ผนังห้องตัดสินมีบัญชีขนาดใหญ่ ขึ้นชื่อ นายสน สวนสนาม ภาพในจอกลายเป็นภาพในเหตุการณ์จริงของนายสน
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้
ภายในห้องผู้ป่วย สนนอนหลับอยู่บนเตียง ขณะที่อารยาคู่หมั้น คุยโทรศัพท์กับเพื่อนด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
“เออ ชั้นว่าจะขายบ้านว่ะแก”
อารยากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาข้างเตียงคนไข้ ซึ่งสนนอนนิ่งอยู่
“บ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จนั่นแหละ แกช่วยหาคนมาซื้อทีสิ”
สนนอนหลับอยู่ ที่หางตาเริ่มมีการขยับเล็กน้อย เหมือนได้ยินการสนทนา
“เอาจริงๆ ตอนนี้ชั้นจำเป็นต้องใช้เงินว่ะ”
สนได้ยินทุกคำ เขาหวนนึดถึงภาพตอนสนกับอารยาจูงมือกันเดินเข้าบ้านหลังใหม่ ที่กำลังจะใช้เป็นเรือนหอ บรรยากาศชื่นมื่นสุขสม ผิดกับน้ำเสียงและสีหน้าของอารยาที่ดังแทรกมา
“ตอนนี้พี่สนป่วยหนักน่ะ เงินเก็บที่มีอยู่ก็เอามารักษาจนใกล้จะหมดแล้ว”
สนนึกถึงตอนเขากับอารยาช่วยกันทาสีห้อง พลางหยอกล้อกัน บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมีความสุข
“ทำไงได้ล่ะ เรือนหอมันก็กลายเป็นบ้านธรรมดาๆ หลังนึง เท่านั้นแหละ ตราบใดที่พี่สนยังนอนอยู่บนเตียงอยู่แบบนี้”
ภาพสนกับอารยาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสีขาวนุ่มๆ คืนเข้าหอ หยอกล้อกันอย่างมีความสุขผุดซ้อนเข้ามาในความคิดสนและอารยา
สนอนอยู่บนเตียง เห็นอารยานั่งกุมขมับคุยโทรศัพท์น้ำตานองหน้า
“โอเค ฉันฝากด้วยแล้วกันนะ ขายได้ก็จะรีบขายเลย..ขาดทุนก็ช่างมัน”
ดวงตาสนขยับช้าๆ เริ่มรู้สึกตัว อารยาหยิบคู่มือดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมามองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ขอบใจมากแก...ได้เรื่องยังไงรีบส่งข่าวนะ”
นิ้วสนเริ่มมีการขยับเล็กน้อย
“อืม...หวัดดี”
อารยาวางสายก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น โดยไม่เห็นว่าสนค่อยๆ ขยับหน้าหันไปมองอารยาอย่างช้าๆ อย่างคนไม่ค่อยมีแรง เมื่อเห็นอารยาร้องไห้ก็รู้สึกสงสารและรู้สึกผิดที่ทำให้เมียเสียใจ
อารยาหันมามองสน สนรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มบางๆ ตอบ อารยาลุกมาจับมือสน
“เป็นอะไรรึเปล่าพี่”
สนส่ายหน้าฝืนยิ้มบางๆ มาให้ “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
“สู้นะพี่...เข้มแข็งเพื่ออนาคตของเรานะคะ”
“จ้ะ...พี่สู้อยู่แล้ว”
สนรวบเรี่ยวแรงที่มีชูสองนิ้วเพื่อให้อารยาสบายใจ อารยาเห็นแล้วก็ยิ้มออกมาได้
“พี่อยากกินฝรั่งจัง”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ใช่ ยาไปซื้อมาให้พี่หน่อยได้มั้ย”
“ได้สิ...รอแป๊บนะ เดี๋ยวยารีบมา”
สนยิ้มให้ ก่อนที่อารยาจะเดินออกจากห้องไป
คล้อยหลังอารยาไม่นาน สนรวบรวมกำลังที่มีอยู่น้อยนิด ค่อยๆ ถอดสายระโยงรยางค์ทุกอย่างออกจากตัว ก่อนจะลุกจากเตียงอย่างยากลำบาก แต่ก็พยายามจนเดินไปถึงประตูห้อง
สนกดล็อคประตู สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก เสียงอารยาตอนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนดังอยู่ในหัว
“ตอนนี้พี่สนป่วยหนักน่ะ เงินเก็บที่มีอยู่ก็เอามารักษาจนใกล้จะหมดแล้ว”
สนชูสายน้ำเกลือที่ถือติดมือมาขึ้นดูพลางครุ่นคิดหนัก
“ทำไงได้ล่ะ เรือนหอมันก็กลายเป็นบ้านธรรมดาๆหลังนึง เท่านั้นแหละ ตราบใดที่พี่สนยังนอนอยู่บนเตียงอยู่แบบนี้”
สนมีสีหน้าเครียดเคร่ง คิดหนัก สุดท้ายตัดสินใจค่อยๆ ผูกเงื่อนที่ลูกบิด เตรียมจะผูกคอตาย
ทางด้านอารยาเลือกฝรั่งอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ โรง’บาล ก่อนที่ถุงจะขาดฝรั่งในถุงร่วงลงพื้นกระจัดกระจาย อารยาสีหน้างุนงง ที่อยู่ๆ ถุงก็ขาด ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นลางร้ายอะไร
มัจจุราชเขต8 ฟังรายงานและภาพจากผนังถึงตอนนี้ ถึงกับตบบัลลังก์ด้วยความโมโห
“โง่มาก โง่ที่สุด”
“ผมทำเพื่อคนที่ผมรัก ผมโง่ตรงไหน” สนโต้
“เจ้าฆ่าตัวตายต่างหากล่ะ”
“ผมทำเพราะความรัก”
“เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี” เขต8 เถียง
“ไม่จริง ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ส่วนรักแท้เป็นรักนิรันดร์”
“หุบปาก ที่เจ้าต้องตกนรก มันไม่ใช่เพราะสิ่งที่เจ้าเรียกว่ารักแท้เหรอ”
“เพื่อรักแท้ ผมทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ต้องแลกด้วยชีวิต”
“โง่ล่ะสิไม่ว่า รักแท้ไม่มีจริงหรอกจะข้าจะบอกให้” เขต8 หมั่นไส้
“ผมไม่ได้โง่…มัจจุราชอย่างท่านไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
มัจจุราชเขต8 กริ้ว “บังอาจ! เจ้ากล้าสบประมาทเรางั้นรึ
“ผมไม่ได้สบประมาท มัจจุราชไม่ใช่คน ไม่มีหัวใจ จะเข้าใจความรักของคนได้ยังไงกัน”
มัจจุราชเขต8สะอึกอึ้ง นิ่งงันไป
สุวรรณ กะ สุวาน หลบตาเขต8 เพราะทั้งคู่แอบเห็นด้วยกับสน
“เอาตัวมันไป ให้มันเห็นความทรมานของคนที่ทำบาปให้ทั่วทุกขุมนรกจะได้หยุดเพ้อเรื่องรักแท้สักที”
“ครับ”
สุวรรณรีบพาสนออกไปกระซิบบอกเบาๆ “จะพูดเรื่องรักแท้ทำไม มันแทงใจดำ ซวยเลยมั้ยล่ะฮึ่ย”
สุวานมองมัจจุราช
“ว่าแต่ท่านรู้จัก รักแท้ รึท่าน”
มัจจุราชเขต8 หันขวับมามองตาขวาง “นี่เจ้าสบประมาทข้าอีกคนงั้นรึ”
“โอ๊ะๆๆๆๆ มิได้ครับท่าน” สุวานหน้าเจื่อนจ๋อย “ติ๊ต่างว่าวานไม่ได้ถามแล้วกันนะครับ”
“ประเดี๋ยวจับกดกระทะทองแดงให้เหลือแต่โครงกระดูกเลย”
มัจจุราชเขต8หงุดหงิดอารมณ์เสียสุดจะประมาณ เดินสีหน้าเครียดเข้มออกไป
มัจจุราชเขต8 เดินออกมาตรงทางเปลี่ยวในนรก หวนคิดไปถึงคำพูดของสน
“ไม่ได้สบประมาท แต่มัจจุราชไม่ใช่คน ไม่มีหัวใจ จะไปเข้าใจความรักของคนได้ยังไงกัน”
เขต8 ถอนใจเฮือก
“ความรักมันคืออะไร หน้าตา สี กลิ่น รสชาติ มันเป็นยังไงทำไมเราถึงจำไม่ได้เลย”
มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“ท่านอาจจะยังไม่เคยมีความรักมาก่อนก็ได้”
เป็นมัจจุราชเขต7 เดินตามมา พลางยิ้มเยาะ
“ไม่เคยมีความรักจนถึงวันตายยังไงล่ะ”
มัจจุราชเขค8 อดคิดไม่ได้ หรือจะจริง แต่ก็ไม่ยอมให้มัจจุราชคู่ปรับเยาะเย้ย สวนกลับนิ่มๆ
“ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าเราทำผิดศีลห้า ข้อมากรัก ผิดประเวณี แสดงว่าเมื่อก่อน เราต้องถูกห้อมล้อมไปด้วยความรัก”
“นั่นมันไม่ใช่ความรักหรอก ท่านไม่ได้มากรัก ท่านแค่มากตัณหา” เขต7แดกดัน
“ดูถูกกันมากไปแล้วนะ”
“ก็คงไม่ได้ดูผิดหรอก เพราะว่าตอนนี้ท่านก็ตกนรก ไม่ได้ขึ้นสวรรค์นี่”
เขต8 ฮึ่มฮ่ำด้วยความขุ่นเคือง
“หรือว่าท่านจะลองตามหารักแท้ในนรกดู เผื่อจะเจอ”
มัจจุราชเขต7ยิ้มเยาะ เข้ามาเดินร่วม
“แต่คงยากหน่อยนะ ในนรกมีแต่ความตาย บาป และการลงโทษ”
มัจจุราชเขต8 หมั่นไส้ “ทำเป็นพูดดี อวดรู้ แล้วท่านล่ะ รู้อะไรเรื่องความรักบ้าง”
“ความรักเป็นกิเลสของมนุษย์ เราไม่สนใจเรื่องไร้สาระนั้นหรอก สู้เอาเวลามาทุ่มให้กับการปรับเลื่อนตำแหน่งดีกว่า”
“เรื่องนั้น คิดว่าจะเอาชนะเราได้งั้นเหรอ”
มัจจุราชเขต7 หัวเราะเยาะ “ตลกน่ะท่าน เราไม่เคยเห็นท่านเป็นคู่แข่งมาก่อนและก็ไม่เคยคิดจะลดตัวไปแข่งกับท่านด้วย เรื่องความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ ให้มัจจุราชเก่งๆ เค้าแข่งกันเถอะ ส่วนท่านก็…อืม…” เขต7 คิดปราดเดียว “ไปพักร้อนมั้ย ทำงานครบ 100ปี ได้โบนัสพักร้อนแล้วนี่ ไปหาเรื่องเล่นสนุกเถอะท่าน กลับมาจะได้ร่วมงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของเรา”
มัจจุราชเขต7 เดินหัวเราะเยาะแยกไปทางอื่น มัจจุราชเขต8 นิ่งคิดถึงคำว่าพักร้อนเสียงสนดังย้ำขึ้นอีกครั้งในหัว
“ว่าแต่ท่านเถอะ มัจจุราชอย่างท่านจะเข้าใจรึเปล่า จะรู้มั้ยว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
“บังอาจ เจ้ากล้าสบประมาทเรางั้นรึ”
“ไม่ได้สบประมาท แต่มัจจุราชไม่ใช่คน ไม่มีหัวใจ จะไปเข้าใจความรักของคนได้ยังไงกัน”
ตรงผนังไฟโลกันต์ ภายในห้องท่านท้าวพญายม มัจจุราชเขต8 ยืนอยู่หน้าผนังนั้น ที่มีเงาของท่านท้าวพญายมปรากฎอยู่
“ท่านท้าวพญายมเรียกหาผม”
“ใช่ เราเรียกหาท่าน เพราะท่านคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด”
“เหมาะสม เหมาะสมอะไรครับ”
“วิญญาณบาปถูกส่งมานรกมากขึ้นทุกที ท่านจงไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนโลกมนุษย์ เหตุใดมนุษย์จึงหยาบช้าขึ้น บาปหนักขึ้น ตกนรกมากขึ้น จงใช้ความชั่วของท่านเข้าใจคนชั่ว”
มัจจุราชเขต8 สำลักพรวด
“โทษที เราพูดผิดไปนิด...ท่านจงใช้ประสบการณ์ด้านมืดของชีวิตท่าน สมัยยังมีชีวิต เพื่อเข้าใจคนชั่ว แล้วหยุดพวกมันเสีย…เพราะนรกไม่อยากต้อนรับผู้ใด”
เขต8 อึ้ง นิ่งงันไป
“เราหยั่งใจท่านได้ ท่านมีแผนจะไปจากนรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไปเถอะท่าน ไปเพื่อทำในสิ่งที่ท่านต้องทำ”
ภายในห้องทำงานมัจจุราช8 เสียงสุวรรณ ถามดังลั่นห้อง
“อะไรนะท่าน ท่านจะลาพักร้อนเหรอ”
สุวาน ยิ้มร่าสนับสนุน “ดีครับท่าน ลาเลย ไม่แน่นะ บางทีการขึ้นไปบนโลกมนุษย์ อาจทำให้ท่านเข้าใจความรักก็ได้ จะได้ลบคำสบประมาทของนายสนไงล่ะครับ”
สีหน้ามัจจุราชเขต8 นิ่งคิด
“ถ้าท่านโชคดี ท่านอาจจะได้พบคนรักของท่านอีกครั้งก็ได้”
มัจจุราชเขต8 หันมองหน้าสุวรรณช้าๆ สุวานพูดกระแทกใส่สุวรรณ
“ท่านมีคนรักซะที่ไหนเล่า”
“แล้วสุวานรู้ได้ยังไงว่าท่านไม่มี บางทีเธออาจจะกำลังรอท่านอยู่ไม่รู้กี่ชาติแล้วก็ได้ ถ้าได้พบกันอีกครั้ง ท่านจะเข้าใจรักแท้แน่ๆ”
ภาพอดีตผุดขึ้นมาในหัวเขต8อีกแล้ว ในซอกตึกแคบๆ ชายหนุ่มกอดเด็กหญิงที่ร้องจ้าไว้แน่น
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกเห็นศพเกลื่อนถนน เด็กหญิงสงบลงบ้างแต่ยังตัวสั่นสะท้านอย่างคนขวัญเสีย
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด สัญญานะว่าจะไม่ออกไปไหน สัญญาสิ บอกให้สัญญาไง”
“สัญญา….แง๊” เด็กหญิงร้องไห้ไม่หยุด
ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเอาสร้อยไหลน้ำพี้ที่สวมไว้ออกมา
“สวมไว้นะ..แล้วเจ้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
ชายหนุ่มสวมให้เด็กหญิง
มัจจุราชเขต8 เดินผ่านมาจนถึงนรกขุมต้นงิ้วคนบาป เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของวิญญาณบาปดังขึ้นตลอดเวลา เช่นเดียวกับในหัวเขต8มีแต่ภาพเด็กหญิงที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้ ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นผุดเข้ามาหลอกหลอนไม่วายเว้น
“โว้ย มันจะอะไรกันนักกันหนา ยิ่งอยากลืมก็ยิ่งไม่ลืมมันแปลว่าอะไรกัน ทำไมชั้นต้องคิดถึงแต่เด็กนั่นด้วย”
สีหน้ามัจจุราชเขต8 เครียดจัด
“เราอยากได้คำตอบเรื่องรักแท้ แต่กลับคิดถึงแต่เธอ เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม มันเกิดอะไรขึ้น ระหว่างเรา เด็กนั่น และความรัก มันเกี่ยวข้องอะไรกันแน่”
ที่บริเวณขุมกระทะทองแดง มัจจุราชเขต7 ยืนมองวิญญาณบาปถูกทรมานอยู่นิ่งๆ
“ท่านไปแนะนำเค้าแบบนั้น มันจะดีเหรอท่าน” สุวรรณเขต7 ถามขึ้น
“เขต8 ไม่ถูกกับเราไม่ใช่เหรอท่าน จะไปชี้ทางไปสวรรค์ให้เขาทำไมโลกมนุษย์วุ่นวาย ผู้คนเต็มไปด้วยกิเลสหยาบหนา สิ่งเร้ายั่วใจอาจทำให้ท่านเขต 8 หลงระเริงไปด้วยก็ได้นะท่าน” สุวานอ่านขาด
“ไหนจะยาเสพติด ไหนจะโสเภณี ไหนจะโจรผู้ร้ายมีแต่เรื่องไม่ดีไม่งามนะครับท่าน” สุวรรณเสริม
มัจจุราช7หัวเราะหึๆ สีหน้าร้ายนิดๆ
“ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ เราถึงได้ล่อให้ท่านเขต8 ไปฮอลิเดย์”
สุวรรณ กับสุวาน เขต7 มองหน้ากันงงๆ
“มัจจุราช ถ้าหากไปทำผิดเข้าบนโลกมนุษย์ จะทำให้ถูกลงโทษ กลับไปรับผลกรรมแห่งบาปนั้น หมดสิ้นสถานะมัจจุราช ส่วนเรา ก็หมดคู่แข่ง”
สุวรรณกะสุวาน เขต7 ร้อง “อ๋อ…” พร้อมๆ กัน
“ฉลาดล้ำลึกเหลือเกินท่านเขต 7”
“เขต 8 เหลือแต่ชื่อแน่ ฮ่าๆๆๆ” สุวานว่า
“ส่วนตัวต้องไปงมหาในกระทะทองแดง” สุวรรณเสริม
มัจจุราชเขต7 หัวเราะหึๆ ยิ้มสะใจ
ที่ออฟฟิศของชนก ซึ่งเป็นบริษัทสถาปนิก
ต่อนั่งเขียนแบบบ้านโดยใช้คอมพิวเตอร์อยู่ ไม่นานนักก็เห็นชนกเดินหน้าตาเคร่งเครียดเข้ามาหาหลังกลับมาจากบ้านนิดหน่อย
“ต่อ เดี๋ยวเข้าไปคุยกับชั้นในห้องหน่อยสิ”
“ได้ครับ”
ชนกเดินนำต่อไป ต่อกดเซฟงานไว้ แล้วรีบตามชนกไปติดๆ
กรอบรูปสวยใส่ภาพถ่ายชนกกับยุพาในอิริยาบถสวีทหวานวางประดับบนโต๊ะทำงาน
“ทุกวันนี้นิดหน่อยเป็นยังไงบ้าง”
ต่อนั่งคุยกับชนกอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของชนก เขาทำหน้างงนิดๆ กับคำถาม
“เป็นยังไงคือ…”
“ก็ทุกๆ อย่างนั่นแหละ...สุขภาพ ขนมขายเป็นยังไงบ้าง...เงินทองพอใช้มั้ย”
“อืม..สุขภาพก็ดีครับ ขนมก็ขายดีอยู่” ต่อมีสีหน้าเครียดๆ เมื่อพูดเรื่องนี้ “ส่วนเรื่องเงินก็...”
“ทำไม เงินไม่พอใช้เหรอ”
“ก็เป็นบางครั้งน่ะครับ”
“อะไรกัน ขนมขายดี แล้วทำไมเงินถึงไม่พอใช้อีก”
ต่ออึกอัก มีท่าทีลำบากใจที่จะพูดเล็กน้อย เรื่องสมรแอบเข้าบ่อน แต่ชนกอ่านออกและเริ่มหัวเสีย
“แม่มันแอบเข้าบ่อนอีกแล้วใช่มั้ย”
“เอ่อ...ครับ”
“ปัญหาเดิมๆ สงสัยต้องพาตำรวจไปถอนรากถอนโคนซะหน่อยแล้ว แล้วรู้มั้ยว่าไปบ่อนใคร”
“ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นบ่อนใครครับ...แต่เค้าว่าเส้นใหญ่น่าดู”
ชนกครุ่นคิดด้วยความหนักใจ ก่อนจะตัดสินใจหยิบเงินหมื่นนึงออกมายื่นให้ต่อ
“ฝากให้ลูกสาวชั้นด้วย”
ต่อไม่ยอมรับให้เหตุผลว่า “คุณชนกก็รู้ว่านิดหน่อยไม่ยอมรับเงินจากคุณชนก”
“นายก็หาวิธีไม่ให้นิดหน่อยรู้ว่าเงินนี่มาจากชั้นสิ”
“เงินมากขนาดนี้ ยังไงนิดหน่อยก็รู้แน่ๆ ครับ”
ชนกเก็บเงินคืนอย่างเซ็งๆ
“เฮ้อ...อยากช่วยลูกสาวแต่ก็ช่วยไม่เคยจะช่วยได้ เวรกรรมอะไรของชั้นนะ”
ต่อเหลือบมองรูปถ่ายชนกกับยุพาบนโต๊ะด้วยความเข้าใจ อยากบอกเหลือเกินว่าก็เวรกรรมที่ทิ้งลูกเมียไปนั่นแหละ ที่ทำให้ท่านต้องเป็นแบบนี้
ที่นรกภูมิ ในห้องพักทีมมัจจุราชเขต8 เห็นมัจจุราชเขต8 กำลังแต่งตัวอยู่โดยมีสุวรรณคอยช่วย ส่วนสุวานง่วนอยู่กับการจัดกระเป๋าเดินทางให้ สุวรรณผูกเนคไทเสร็จก็ส่งแว่นดำให้พร้อมกับอธิบาย
“ท่านจะมองเห็นพวกเราผ่านแว่นนี้ ส่วนเราจะมอนิเตอร์ติดตามคอยช่วยเหลือท่านตลอดเวลาครับ”
“ทุกอย่างที่ท่านต้องใช้ในเมืองมนุษย์อยู่ในกระเป๋าใบนี้ครบหมดแล้วครับ”
มัจจุราชเขต8 มองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำที่สุวานจัดให้
“ฟังกฎของการไปฮอลิเดย์ก่อนนะครับ”
“ว่ามา”
“พลังงานของท่านจะเหนือกว่ามนุษย์ เร็วกว่า ว่องไวกว่า แข็งแรงกว่า ประสาทสัมผัสทั้งหมดจะเหนือกว่ามนุษย์ ท่านจะมองเห็นได้ไกลกว่า ท่านจะได้ยินทุกสรรพเสียง ท่านจะตื่นอยู่ตลอดเวลา ต่างจากมนุษย์ที่ต้องนอน ท่านจะไม่ต้องการอาหารหรือน้ำดื่ม และข้อสุดท้าย ห้ามให้มนุษย์โลกรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“รับทราบ” มัจจุราชเขต8บอก
สุวรรณเสริมว่า “ห้ามไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ความลับว่าท่านไม่ใช่มนุษย์”
“รับทราบ”
“ร่างกายของท่านจะร้อนราวกับไฟ และจะเย็นลงเรื่อยๆ ตามเวลาที่ท่านอยู่ในโลกมนุษย์” สุวรรณอธิบาย
“รับทราบ หมดแล้วใช่มั้ย”
“ยังมีอีกข้อครับท่าน สำคัญที่สุด”
“อะไร”
“ห้ามแตะตัวหรือสัมผัสร่างผู้ตายโดยเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ห้ามโดนตัว”
“ทำไม”
“เพราะสัมผัสจากมัจจุราช จะทำให้คนตายฟื้นคืนชีพครับ” สุวรรณบอก
“เราไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว เราก็แค่จะไปพักร้อน แล้วก็หาคำตอบของเราเท่านั้น”
พร้อมกับว่า มัจจุราชเขต8 เงยหน้าขึ้นด้วยความมุ่งมั่นมาดหมาย
ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย นรกภูมิ-โลกมนุษย์ มีเสียงประกาศเตือนดังขึ้น
“รถไฟสายนรกภูมิ มุ่งหน้าโลกมนุษย์ จะมาถึงในอีก 5 วินาที”
มัจจุราชเขต8 สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ขณะที่รถไฟแล่นเข้าจอดเทียบชานชาลาพอดี
“อย่าทำผิดกฎนะครับ” สุวรรณกำชับ
เสียงตี๊ดๆๆๆ รถไฟจะเคลื่อนตัวแล่นออกไปช้าๆ
“ฮอลิเดย์ให้สนุกนะท่าน” สุวานสั่งลา
สุวรรณโบกมือให้ “ตามหารักแท้ให้เจอนะท่าน”
อีกมุมหนึ่งของชานชาลา เห็นมัจจุราชเขต7 พร้อมด้วย สุวรรณ และ สุวาน เขต7 แอบมองมา
“กิเลส ตัณหา ราคะ โมหะ โทสะ ความสกปรกหยาบช้าบนโลกมนุษย์กำลังรอท่านอยู่เหอะ! ท่านเสร็จแน่ มัจจุราชเขต 8”
เขต7 ยิ้มร้ายมองตามมัจจุราชคู่ปรับไป
อ่านต่อตอนที่ 2
หมายเหตุ :
-สุวรรณเลขา เป็นกุมภัณฑ์ชั้นดี มีหน้าที่ตรวจบัญชีบุญ
-สุวานเลขา เป็นกุมภัณฑ์ชั้นดี มีหน้าที่ตรวจบัญชีบาป