xs
xsm
sm
md
lg

ดงผู้ดี ตอนที่ 18 : “ชาติสยาม & รุ้งกาญจน์” ชื่นมื่นแล้วนะ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดงผู้ดี ตอนที่ 18 : “ชาติสยาม & รุ้งกาญจน์” ชื่นมื่นแล้วนะ

บทประพันธ์ : บุษยมาส
บทโทรทัศน์ : สามัญ

โขมพัสตร์นั่งนิ่งอยู่ที่ระเบียงสวย บ้านสวนแปดริ้ว น้ำตาของเธอค่อยๆไหลออกมาทีละนิด

ตาพูน ชายแก่หน้าแปลกโผล่เข้ามาประชิดหน้าเธอ
"จ๊ะเอ๋"
โขมพัสตร์เอ่ยปากตอบด้วยเสียงราบเรียบ ไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใด
"ตาพูน"
"โธ่ ไม่สนุกเลย นึกว่าจะสะดุ้งตกใจซะหน่อย...อ้าว ร้องไห้เหรอเนี่ย เพราะลุงรึเปล่า"
"เปล่าค่ะ"
"งั้นทะเลาะกับใครมาล่ะ...อาสยามใช่มั้ย"
โขมพัสตร์พยักหน้า
"ถึงได้หนีมาคนเดียว...ไม่ต้องร้องไห้น่า ยังไงๆก็อาหลานกัน เดี๋ยวก็ดีกันเองแหละ"
โขมพัสตร์ส่ายหน้า
"เขาไม่ใช่อาแท้ๆของหนูหรอกค่ะ...ไม่ได้เกี่ยวดองกัน ไม่ได้เป็นญาติกันเลยซักนิด"
"ว่าแล้วเชียว นึกไว้ไม่มีผิด"
โขมพัสตร์หันไปมองหน้าตาพูน
"ลุงรู้ได้ยังไง"
"อ้าว...ก็สายตาที่เธอสองคนมองกันน่ะ โอ๊ย หวานฉ่ำซะปานนั้น ดูยังไงก็ไม่ใช่อาหลาน ใครก็มองออก"
โขมพัสตร์ก้มหน้านิ่ง
"ไม่ต้องอายหรอกน่า ลุงแก่แล้ว เห็นมานักต่อนัก คนรักกันงอนกัน เป็นแบบนี้ทุกราย...อกหักรักคุดก็มาที่นี่ได้นะ ลุงยินดีต้อนรับ และจะเก็บไว้เป็นความลับไม่ให้คุณชาติสยามรู้"

วันเดียวกัน รติรสนั่งหลบมุมอยู่ในบริเวณสวนสวย สายตาเหม่อลอยออกไปไกล รัมภ์หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
"ใจลอยเหรอ"
"เปล่า"
"แต่พี่ว่าลอยนะ...ลองจับดูซิว่าจิตใจยังอยู่กับเนื้อกับตัวรึเปล่า"
"รสไม่มีอารมณ์ขันกับพี่รัมภ์ด้วยหรอก"
"ไม่ขำก็ได้ แต่ก็ไม่ต้องเครียดสิ...พี่นึกว่ารสจะดีใจ ที่มีน้องสาวเพิ่มอีกหนึ่งคน"
"พี่รัมภ์รู้ด้วยเหรอ"
"คุณยายเล่าให้พี่กับพี่รัฐฟัง...จบประโยคคุณยายปั๊ป พี่รัฐวิ่งแน่บเลย ไปไหนรู้มั้ย"
"ไปหาขม"
"ใช่ ถูกต้อง"
"แต่ไปก็ไม่เจอหรอก ขมออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า"
"ฮ่ะฮ่า...ดี สมน้ำหน้าพี่รัฐ...สู้พี่ก็ไม่ได้ มาหารสเมื่อไหร่ ก็เจอเมื่อนั้น ไม่เคยพลาดเลยซักครั้ง"
รติรสยังคงนั่งซึมอยู่
"พี่ว่ารสชักจะซึมเศร้ามากไปแล้วนะ...มีอะไรรึเปล่า ทะเลาะกับใครมา บอกพี่ได้มั้ย"
รติรสถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนเอ่ยปาก
"มันเป็นเรื่องส่วนตัวของรส ที่ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ใครฟังค่ะ"
"เหรอ...งั้น พร้อมเมื่อไหร่บอกพี่เป็นคนแรก ได้มั้ย"
สาวใช้เดินเข้ามา
"คุณรติรสขา คุณรังสรรค์ให้มาตามไปพบเดี๋ยวนี้ค่ะ"
รติรสขยับตัว ลุกขึ้น
"รสไปก่อนนะพี่รัมภ์"
"ถือว่า รสสัญญากับพี่แล้วนะ"
รติรสเดินเข้าไปในบ้าน โดยไม่มีคำตอบออกจากปากเธอ

รังสรรค์ยืนนิ่งอยู่กลางโถงบ้าน รติรสเดินตรงมาหาผู้เป็นพ่อ
"พ่อมีอะไรจะใช้รสเหรอคะ"
รังสรรค์เอ่ยปาก เสียงต่ำ มีความกังวลปนอยู่ในน้ำเสียงนั้น
"รสรู้เรื่อง ขม แล้วใช่มั้ยลูก"
"ค่ะ"
"เมื่อคืนนี้ รสได้ยินทั้งหมดที่พ่อพูดกับน้าบุหงาใช่มั้ย"
"ค่ะ"
รังสรรค์ขยับตัวเข้าไปใกล้ลูกสาว
"ยกโทษให้พ่อได้มั้ยลูก"
น้ำตาของรติรสไหลเอ่อออกมาทันที
"พ่อขอโทษที่ปิดบังความจริงกับลูกมาตลอด...ขอโทษที่ทำไม่ดีกับแม่ของหนู...บางครั้งพ่อก็อารมณ์เสียใส่หนูด้วยซ้ำ อย่าโกรธพ่อเลยนะ รติรส"
"พ่อเป็นผู้ให้ชีวิตรส รสจะโกรธพ่อได้ยังไง"
รังสรรค์กอดรติรสด้วยความซาบซึ้งใจ
"ขอบใจนะลูก...ขอบใจมาก"
"พ่อขา...แม่ของหนูชื่อแขนภาใช่มั้ยคะ"
"จ้ะ"
"พ่อเล่าเรื่องแม่แขนภาให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ...หนูไม่เคยรู้จักแม่เลย"
รังสรรค์เดินไปหยิบกรอบรูปรติรสที่ตั้งอยู่ในห้อง
เขาแกะกรอบรูป แล้วหยิบกระดาษที่ซ่อนไว้หลังรูปออกมา มันคือรูปของแขนภา ที่สวยงามมาก
รังสรรค์ส่งรูปให้รติรส
"แขนภา แม่ของลูก"
รติรสรับรูปนั้นมา จ้องมองอย่างหลงใหล และผูกพัน
"สวยจัง"
"ลูกสวยเหมือนแม่ โดยเฉพาะวันที่ลูกแต่งตัวแบบแม่"
"ขมด้วยใช่มั้ยคะ...ขมเหมือนแม่มากกว่ารสอีก"
"เหมือนทั้งสองคนนั่นแหละ"
รติรสเงยหน้ามองพ่อ ยิ้มนิดๆ
"พ่อแอบเก็บรูปแม่ไว้ ?"
"ใช่ พ่อพยายามตัดใจจากเขา แต่ก็ตัดไม่ขาด...เขาเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกคน พ่อรักและหวงเขามาก หวงจนหน้ามืดตามัว เห็นผิดเป็นชอบ และก็โง่งมงาย หลงเชื่อเรื่องที่คนอื่นใส่ร้าย...ในที่สุดพ่อก็ต้องสูญเสียผู้หญิงที่พ่อรักไปจนตลอดชีวิต"
รังสรรค์ร้องไห้ออกมาโดยไม่อายลูก
รติรสค่อยๆเอื้อมมือ โอบปลอบผู้เป็นพ่อ
"พ่อยังมีรส ยังมีขม ที่เป็นตัวแทนของแม่นะคะ"
"แต่ขมเกลียดพ่อมาก เขาไม่มีวันยกโทษให้พ่อหรอก"

"รสจะช่วยพ่อเองค่ะ"

เวลากลางคืน ที่หน้าประตูห้องนอนโขมพัสตร์ รติรสยกมือขึ้นเคาะประตูบานนี้

"ขม...พี่รสเองนะขม...เปิดประตูหน่อยสิ"
ประตูห้องค่อยๆเปิดแง้มออก ขมโผล่หน้าออกมามอง
"ฉันมาคนเดียว ขอเข้าไปคุยด้วยได้มั้ย"
"ค่ะ คุณรส"

โขมพัสตร์เดินนำรติรสเข้ามาในห้อง ทั้งสองเลือกที่นั่งที่เหมาะสม แล้วโขมพัสตร์จึงเอ่ยปาก
"คุณรสมีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"เรื่องแรกเลยก็คือ เลิกเรียกฉันว่าคุณรสได้แล้ว เราเป็นพี่น้องกันนะ ต้องเรียกฉันว่าพี่รส ถึงจะถูก"
"แต่..."
"แต่อะไร"
"ขมไม่ยอมรับว่า เขาเป็นพ่อขม"
"แต่แม่แขนภาเป็นแม่ของพี่เหมือนกันนะ"
"คุณรสรู้แล้ว ?"
"ทุกคนในบ้านนี้รู้เรื่องจดหมายของคุณอาชวาลหมดแล้ว"
โขมพัสตร์ถึงกับอึ้งไป
"พี่เพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมแม่บุปผาถึงได้รักพี่น้อยกว่าพจนีย์...เราสองคนหน้าเหมือนแม่แขมากนะ รู้มั้ย"
"ค่ะ"
"ที่มาหาขมคืนนี้ก็เพราะพี่อยากรู้จักแม่มากขึ้น พี่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดแม่อย่างขม ขมเล่าเรื่องของแม่แขให้พี่ฟังบ้างได้มั้ย"
"มันอาจจะไม่น่าฟังสำหรับพี่รสก็ได้"
"รู้ได้ยังไง เรื่องของแม่ต้องน่าฟังสำหรับลูกอยู่แล้ว"
ทั้งสองกระเถิบเข้ามานั่งใกล้ๆกัน
โขมพัสตร์ค่อยๆเอ่ยปากพูด หน้าตาแจ่มใสขึ้น
"ขมเกิดมาก็มีแต่แม่ ที่ใครๆเห็นว่าเป็นคนพิการน่าเกลียด ความจำเสื่อม แต่แม่สวยเสมอสำหรับขม แม่เป็นคนใจดี ร้องเพลงเพราะ"
"เพลงอะไรเหรอ"

รังสรรค์ ก้าวเข้ามาพิงหน้าประตูห้องนอนขม เขาขยับปาก โดยไม่มีเสียง
"โสม ส่อง แสง"
เสียงขมดังออกมาจากในห้อง พอดีกับการขยับปากของรังสรรค์
"โสม ส่อง แสง"
รังสรรค์ยิ้มอย่างมีความสุข
"ใครๆก็ชอบให้แม่ร้องเพลงนี้ให้ฟัง แม่บอกว่า ร้องเพลงนี้แล้วทำให้แม่จำเรื่องราวในอดีตของแม่ได้มากขึ้น"
"มันคือ เพลงที่ทำให้พ่อกับแม่รักกันใช่มั้ย"
รังสรรค์พยักหน้าช้าๆ และขยับปากโดยไม่มีเสียงอีกครั้ง
"ใช่"

โขมพัสตร์เอ่ยปากเสียงเข้มขึ้น
"ขมไม่รู้ ขมไม่อยากสนใจเรื่องของผู้ชายคนนั้น"
"ขมอาจจะยังรู้จักเขาไม่มากพอก็ได้" รติรสว่า
"น้อยไปสิคะ ที่เขาทำทารุณกับขมตลอดมา มันมากเกินกว่ามากอีกค่ะ"
"เพราะเขาไม่รู้ว่าขมเป็นลูก"
"เขาก็ไม่ควรรู้...เขาควรจะไม่รู้อย่างนั้นตลอดไป"
"ขมจะไม่ให้อภัยเขาบ้างเหรอ"
โขมพัสตร์ส่ายหน้าอย่างรังเกียจเป็นที่สุด
"ให้โอกาสพ่อสักครั้งเถอะนะ ขม"
"ไม่มีวัน ให้ขมตายซะเลยยังดีกว่าที่จะให้ขมยอมรับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อ"
"ขม"
"พี่รสอย่าพยายามเลยค่ะ...ไม่สำเร็จหรอก"
รติรสถอนใจ หน้าเสียพอสมควร

รังสรรค์ทรุดตัวลงนั่งหน้าห้อง ด้วยความเสียใจ
รติรสเดินออกมาจากห้องโขมพัสตร์ เธอทรุดตัวลงนั่งข้างๆผู้เป็นพ่อ
"พ่อบอกแล้ว...เขาไม่มีเยื่อใยให้พ่อเลยสักนิด"
"อย่าเพิ่งท้อนะคะพ่อ...เราต้องเอาชนะใจขมได้ซักวันนึงค่ะ"

เช้ารุ่งขึ้น พจนีย์ในชุดนักเรียนเดินออกจากบ้าน รังสรรค์เอ่ยปากเรียกลูกสาว
"พจนีย์"
พจนีย์เดินผ่านรังสรรค์ไปเฉยๆ เหมือนเขาไม่มีตัวตน รังสรรค์เดินตาม
"พจน์ คุยกับพ่อก่อนได้มั้ยลูก"
ไม่มีอาการตอบรับใดๆจากพจนีย์
เธอเดินตรงไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่
"ยังโกรธพ่ออยู่เหรอลูก"
พจนีย์เอ่ยปากกับคนขับรถ
"ไปเลย เดี๋ยวสายแล้วฉันจะเข้าเรียนไม่ทัน"
พจนีย์ก้าวขึ้นรถแล้วปิดประตูใส่หน้ารังสรรค์อย่างไม่เกรงใจ
คนขับรถเคลื่อนรถออกไปจากบ้านตามคำสั่งทันที รังสรรค์ ได้แต่ยืนเสียใจ

ในรถตู้คันนั้น พจนีย์นั่งหน้านิ่ง มองตรงไปเบื้องหน้าสักพัก จึงเอ่ยปาก
"ถึงแยกข้างหน้าแล้วตรงไปนะ"
"ตรงไปทำไมล่ะครับ"
"ฉันบอกให้ตรงไปก็ตรงไปสิ"
"โรงเรียนอยู่ทางซ้าย ต้องเลี้ยวซ้ายนะครับ"
"จอดก่อนถึงวงเวียน"
"คุณพจน์จะไปไหนเหรอครับ"
"ช่างฉัน"
"คุณพจน์ไม่ไปโรงเรียนเหรอครับ"
"ฉันมีนัดกับญาติ"
"ญาติไหน ? คุณรังสรรค์ไม่เห็นบอกเลย"
"ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น แล้วแกก็ไม่ต้องบอกใครด้วย เข้าใจมั้ย"
"เอ้อ..."
"หรืออยากมีเรื่องกับฉัน"
"เปล่าครับ !"
"งั้นก็ทำตามที่ฉันบอก"
คนขับรถรีบทำตามคำสั่งพจนีย์ทันที

บุหงาเดินตรงมายังล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่ง พจนีย์นั่งรออยู่ที่นั่น
"เก่งจริงนะหลานน้า มาถูกด้วย"
"ก็นั่งแท๊กซี่มาตามที่น้าบุหงาบอกน่ะแหละค่ะ"
"เปลี่ยนเสื้อหน่อยดีกว่านะ จะได้ไม่มีใครแจ้งสารวัตรนักเรียน"
บุหงาส่งเสื้อยืดให้
พจนีย์รับมาสวมทับชุดนักเรียนลงไป
"คิดยังไงถึงหนีโรงเรียน"
"ไม่ได้หนีโรงเรียนค่ะ พจน์อยากหนีออกจากบ้านมากกว่า"
"เกิดอะไรขึ้น ?"
"น้าบุหงาก็น่าจะเดาได้ พ่อหายใจหายคอเป็นแต่ขม พี่รส และก็แขนภา พจน์ทนอยู่ในบ้านที่มีพ่อเป็นแบบนี้ไม่ได้"
บุหงาชักสีหน้า ยิ้ม เยาะ
"แสดงว่าพ่อเธอน่ะหลงมันมากๆ แล้วปิดบังไม่ให้ใครรู้...นังแขนภานี่ร้ายจริงๆ ขนาดตัวตายแล้วยังทิ้งเสน่ห์ไว้ทำร้ายพวกเราอีก"
"พจน์เกลียดมันค่ะ น้าบุหงา พจน์เกลียดทุกคนที่ไปเอาอกเอาใจมัน พวกมันรวมหัวกันแย่งทุกอย่างของพจน์ พวกมันเป็นแค่ลูกเมียน้อยเท่านั้น แต่คุณย่าคุณป้าและพ่อเข้าข้างมันหมด พจน์ไม่มีใครเป็นพวกเลย"
"พจน์ยังมีน้าอยู่"
"พจน์ถึงได้มาหาน้าไงคะ พจน์ขออยู่กับน้าบุหงาได้มั้ยคะ นะคะน้า"
"แล้วที่บ้านจะไม่ตกอกตกใจแย่เหรอ"

"ให้หัวใจวายตายไปทั้งบ้านเลยยิ่งดี"

ตอนกลางคืน ห้องอาหารแห่งหนึ่ง แก้วเหล้าสองใบถูกยกขึ้นมาชนกัน

รังสรรค์และชาติสยามนั่งดื่มด้วยกัน กลางร้านนี้
"ดื่มให้กับลูกผู้ชายหัวอกเดียวกันอย่างเรา"
สองคนต่างดื่มเหล้าในมือ ท่าทางของพวกเขา แสดงออกถึงระดับความมึนเมาพอสมควร
"ไม่น่าเชื่อ ว่าเมื่อก่อนฉันหมั่นไส้นายมาก แต่วันนี้กลับต้องมานั่งชนแก้วกับนาย..ขอโทษด้วยก็แล้วกัน สำหรับเรื่องที่ผ่านมา"
"ไม่เป็นไรครับ คนเรามันก็มีผิดพลาดกันได้"
"แต่ความผิดของฉันมันใหญ่หลวงเหลือเกิน"
"ผมก็เคยลามปามกับคุณรังสรรค์ไม่น้อยเหมือนกัน"
ทั้งคู่หัวเราะออกมาคนละนิด
"พี่ชายเธอเป็นยังไงบ้าง...ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่น่ะ"
"พี่ชวาลทุ่มเทอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือพยายามรักษาตัวเอง สองคือเอาใจใส่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับขม เขารักขมมากๆ"
"รักแขนภามากด้วย"
"ครับ"
"เขาเป็นคนดี เขาควรจะเป็นพ่อแท้ๆของขมมากกว่าฉัน"
"แต่คุณแขนภารักคุณ"
"ฉันหล่อกว่า และเจ้าชู้กว่า...ซึ่งไม่ใช่คุณลักษณะที่ดีของคนเป็นพ่อ"
รังสรรค์ยิ้มเย้ยหยันตัวเอง
"คุณไม่รักแขนภาเหรอ"
"รักสิ รักมากที่สุด"
"นั่นก็เพียงพอแล้วครับ ที่ผู้หญิงจะเลือกคุณ"
"ไม่จริงหรอก นายไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้"
"ใครจะรู้ ?"
"ไม่งั้นรุ้งกาญจน์ไม่ทิ้งนายไปหรอก"
"ผมอาจจะยังรักเธอไม่มากพอก็ได้"
"เหรอ ?"
รังสรรค์กรอกเหล้าใส่ปากอีกครั้ง
"คุณแต่งงานกับคุณบุปผาทำไม"
รังสรรค์หายใจลึกๆ ก่อนเอ่ยปากตำหนิตัวเอง
"ฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อที่จะครอบครองผู้หญิงที่ฉันอยากได้...แต่แขนภาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากฉันเลย"
"แล้วบุหงาล่ะครับ"
"พอเราแก่ตัวลง เราก็อยากมีเด็กๆมาดูแลใกล้ๆ ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ทุกคน"
"ไม่มั้งครับ"
"คนมักมากอย่างฉัน ไม่ควรมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ เพราะฉันมันไม่มีค่าอะไรเลย"
"คุณยังมีเวลาพอที่จะทำวันที่เหลือให้มีคุณค่านะครับ"
"นายรู้เหรอ ว่าฉันมีเวลาเหลือกี่วัน ?"
ชาติสยามได้แต่ยักไหล่ ไม่มีคำตอบให้
"ฉันจะมีความสุขที่สุดในวันที่ขมยอมรับฉันเป็นพ่อ วันนั้นหละ ฉันจะนอนตายตาหลับ"

พระอาทิตย์ดวงเดิมค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า ไพลินเดินออกมาจากบ้าน คนขับรถยืนรออยู่
"รอขมอยู่เหรอ นายสุด"
"ครับ"
"สายแล้วนะ มีใครไปตามรึยัง"
"แม่อาบไปตามซักพักแล้วครับ"
สาวใช้วิ่งส่งเสียงตะโกนออกมาจากในบ้าน หน้าตาตื่น
"น้าสุดๆๆ แย่แล้ว"
ไพลินถาม "อะไรแย่ นังอาบ"
"เกิดเรื่องแล้วค่ะคุณไพลิน"
"เรื่องอะไร"
"คุณขมไม่อยู่ในห้อง มีแต่จดหมายฉบับนี้ทิ้งไว้บนเตียงค่ะ"
สาวใช้ยื่นจดหมายให้ไพลิน
ไพลินเปิดอ่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก

คุณหญิงรัตนเดชากรนั่งอ่านจดหมายฉบับนั้น มีไพลินนั่งอยู่ข้างๆผู้เป็นแม่
เสียงขมดังเข้ามาตามความที่เขียนไว้ในจดหมาย
"เรียนคุณหญิงรัตนเดชากรที่เคารพ...ขมรู้ดีว่าได้ให้สัญญากับคุณหญิงเอาไว้ว่าจะไม่หนีออกจากบ้านอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"

เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อโขมพัสตร์เขียนจดหมายเสร็จ เธอวางจดหมายฉบับนั้นไว้ที่กลางเตียงนอน แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง
"แต่ในเวลานี้ ขมรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของขม...บ้านของเราต้องไม่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด คนในบ้านต้องไม่ทำให้เรารู้สึกกดดัน เหมือนอย่างที่ขมกำลังรู้สึก"

โขมพัสตร์ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกจากบ้านพุทธชาดอย่างเงียบเชียบ
"ขมจึงต้องผิดสัญญา ด้วยการขออนุญาตคุณหญิงอีกครั้ง ขอให้ขมได้กลับไปอยู่ในที่ๆขมสามารถเรียกว่า บ้าน ได้อย่างเต็มปาก และเต็มความรู้สึก เมื่อใดที่ขมรู้สึกสบายใจ และสามารถรู้สึกได้ว่าบ้านพุทธชาดคือบ้าน ขมจะกลับมาค่ะ...ดวยความเคารพอย่างยิ่ง...ขม"
โขมัสตร์เดินห่างออกจากบ้านพุทธชาดมากขึ้นทุกทีๆ

ชาติสยามนอนแผ่กลางโถงบ้านเทพสถิตย์ เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เมื่อกาแฟร้อนควันฉุยถูกวางเบื้องหน้า โดยผู้เป็นแม่
"ตื่นแล้วเหรอ พ่อเพลย์บอยหนุ่ม กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว"
ชาติสยามเอ่ยปาก เสียงแหบแห้ง
"นานๆกินที"
"ถ้ามหาวิทยาลัยมาเห็นสภาพแกอย่างนี้ มีหวังโดนไล่ออกแน่"
"ไม่มีทาง เพราะผมจะลาออกก่อน"
"อ้าว เป็นงั้นไป"
"ผมอยากเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ซักพักนึง"
"ทำตัวเหมือนคนอกหักนะเรา"
"ก็ใกล้เคียงครับ"
"อกหักจากคู่รัก หรือ อกหักจากหลานรักล่ะ"
"ก็...ทั้งสองคนนั่นแหละ"
"เจ้าชู้จริงนะลูกชายฉัน"
ชาติสยามลุกขึ้นนั่งพูดอย่างจริงจัง
"ผมพยายามทำดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว แต่มันกลับให้ผลที่ตรงกันข้าม อะไรๆ มันดูแย่ไปหมดเลยแม่"
"มันคือประสบการณ์ชีวิต ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ จะทำให้เราฉลาดขึ้นในวันต่อๆไป...ไม่มีทางที่เราจะทำอะไรถูกใจคนทุกคนได้ แต่ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่เราทำ หากมีความผิดพลาด เราก็จะรู้ว่าผิดตรงไหน"
"แล้วแม่ว่าผมผิดตรงไหน"
"แกเป็นตัวของตัวเองไม่พอ"
"ยังไง"
"แกพยายามทำเพื่อคนอื่นมากไป จนลืมนึกว่าใจจริงๆของแกต้องการอะไร ชวาล รุ้งกาญจน์ และ ขม แกแคร์ใครมากกว่ากัน"
ชาติสยามก้มหน้า ครุ่นคิด เครียด
"ผมไม่รู้ ผมเลือกไม่ถูก"
"แกจะมีความสุข เมื่อแกกล้าที่จะเลือก"
เสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น
โสมวดีเดินไปหยิบโทรศัพท์แนบหู
"ฮัลโหล...ค่ะ ใช่ค่ะ...ซักครู่นะคะ"
โสมวดีส่งโทรศัพท์ให้ชาติสยาม
"โทรศัพท์ถึงลูก"
"ทำไมโทรมาที่นี่"
"เขาโทรไปหาแกที่บ้าน แล้วไม่มีใครรับ"
"ใคร ?"
"คุณหญิงรัตนเดชากร"
ชาติสยามขยับตัวลุกขึ้น แล้วเดินไปรับโทรศัพท์ทันที
"สวัสดีครับ...ครับ ได้ครับผม"
ชาติสยามวางโทรศัพท์ลง
โสมวดีเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง
"มีอะไร เหรอลูก"
"คุณหญิงขอให้ผมไปหาที่บ้าน ด่วน"
"อาบน้ำล้างตัว ให้หมดกลิ่นเหล้าก่อนไปนะลูก เดี๋ยวคุณหญิงจะตกใจ"

"ไม่ตกใจหรอกครับ เพราะมันก็กลิ่นเดียวกับลูกชายคุณหญิงนั่นแหละ"

รังสรรค์หน้าตาดุดันไม่พอใจ เอ่ยปากเสียงดังใส่ไพลินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

"อะไรกัน คนทั้งคน ไม่ใช่มดใช่แมว อยู่ๆจะหายไปได้ยังไง...ไหนว่าบ้านนี้ดูแลดีไงล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ ให้ขมไปอยู่เรือนเล็กบ้านผมดีกว่า"
"ยังคิดว่าเขาจะอยากอยู่บ้านแกอีกเหรอ"
"เขาเป็นลูกผม"
"เดี๋ยวนี้กล้าพูดเต็มปากเต็มคำดีเหลือเกินนะ"
"พี่ไพอย่าประชดผมได้มั้ย ถ้าไม่มีใครคิดจะตามหาขม ผมจะไปตามเอง"
"ตามที่ไหน"
"ไม่รู้"
"คงเจอหรอก...แล้วถ้าเจอแล้วคิดว่าขมจะยอมกลับมากับแกเหรอ...มีแต่จะหนีไปเรื่อยๆ เพราะต้นเหตุที่ทำให้ขมต้องหนีก็คือแก ไม่รู้ตัวบ้างรึไง"
"แล้วพี่ไพจะให้ผมใจเย็น อยู่เฉยๆงั้นเหรอ"
"ใช่ เพราะคุณแม่จัดการทุกอย่างแล้ว"
ไจัดการยังไง"
"คนที่คุ้นเคยกับขมมากที่สุด จะเป็นคนตามหาขมเอง"

ที่บ้านครูสมพร โทรศัพท์กลางบ้าน ส่งเสียงดังขึ้น
ครูสมพรยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแล้วพูด
"สวัสดีค่ะ"
เสียงโอเปอเรเตอร์ ดังออกมาจากหูโทรศัพท์
"ทางไกลจากกรุงเทพฯถึงครูสมพรค่ะ"
สมพรรับสายทางไกล "ดิฉันกำลังพูดค่ะ"

ชาติสยามยืนพูดโทรศัพท์กลางโถง
"สวัสดีครับ ผมชาติสยามนะครับ ขอโทษที่โทรมารบกวนครู ไม่ทราบว่าตอนนี้ขมอยู่กับครูสมพรรึเปล่าครับ"
ครูสมพรมีท่าทีลังเลที่จะตอบ
"เอ้อ"
โขมพัสตร์เดินถือหนังสือผ่านหน้าครูสมพรไป
โขมพัสตร์หันมายิ้มให้ครู ครูสมพรยิ้มตอบ
เสียงชาติสยามดังออกมาจากโทรศัพท์
"ผมเดาว่า ขมกำลังยืนอยู่แถวนั้น ใช่มั้ยครับ"
"ค่ะ"
"ผมไม่ได้จะขอพูดกับขมตอนนี้หรอกครับ ครูไม่ต้องห่วง แต่คุณหญิงรัตนเดชากร ต้องการเรียนสายกับครู จะได้มั้ยครับ"
คุณหญิงรัตนเดชากรยืนอยู่ด้านหลังชาติสยาม
"ยินดีค่ะ"
ชาติสยามหันไปส่งโทรศัพท์ให้คุณหญิงรัตนเดชากร
"ดิฉันเป็นย่าของหนูขม"
"สวัสดีค่ะ ขมเคยพูดถึงท่านอยู่บ่อยๆ"
"ดีใจที่ได้คุยกันซะที...ดิฉันเป็นห่วงหลาน อยากรู้ว่าขมเป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าครูไม่สะดวกที่จะตอบตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ดิฉันใคร่จะขอฝากแกไว้กับครูสักพัก จังหวะเหมาะเมื่อไหร่ ค่อยไปรับแกกลับ จะเป็นการกวนครูมากไปมั้ย"
"ไม่เลยค่ะ ด้วยความเต็มใจค่ะ"
"ขอบคุณมาก...วันหลังดิฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมครูถึงที่เลย"
"สวัสดีค่ะ"
ครูสมพรวางโทรศัพท์ลง และมองไปยังขม ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บริเวณสนามหน้าบ้าน

คุณหญิงวางโทรศัพท์ และค่อยๆหันมาหาชาติสยาม
"ขอบใจมากนะ ชาติสยาม"
"หมดหน้าที่ผมแล้วนะครับ...ถ้าไม่มีอะไร ผมจะได้ขออนุญาตลากลับเลย"
คุณหญิงยิ้มให้ชาติสยามอย่างมีไมตรี
"แม้พี่ชายเธอจะขอร้องให้เธอทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล แต่เธอก็ทำหน้าที่น้องชายที่น่ายกย่อง...ผลที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าได้คิดโทษตัวเองเลย"
"ขอบคุณมากครับ คุณหญิง"
ชาติสยามยกมือไหว้คุณหญิง แล้วเดินออกไปอย่างเหงาๆ

ต่อมา รัฐตรงไปหาชาติสยามอย่างร้อนรน
"ตกลงเจอตัวขมรึยังครับ"
ชาติสยามพยักหน้าให้
"แล้วจะไปรับขมกลับมาเมื่อไหร่ ใครจะไปรับครับ"
"คุณหญิงยังไม่ได้สั่งอะไร คุณคงต้องถามคุณหญิง ผมเป็นคนนอก ผมไม่ใช่ผู้ปกครองของขม"
"แล้วคุณชาติสยามไม่ห่วงขมเหรอครับ"
"คนเป็นห่วงขมมีเยอะแล้วครับ แล้วก็มีคนที่เหมาะจะไปรับขมมากกว่าผมซะด้วยซ้ำ"
ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง
"ผมไปไม่ถูก"
"ผมเขียนแผนที่ให้ได้"

ต่อมา ครูสมพรเดินมานั่งข้างๆขม โขมพัสตร์เอ่ยปากขึ้น
"เขาโทรมาตามขมเหรอคะ"
"หมายถึงใครล่ะ เขาน่ะ ?"
"นายชาติสยาม"
"คุณหญิงรัตนเดชากรต่างหาก"
โขมพัสตร์มองหน้าครู อึ้งไปนิดนึง
"ท่านเก่งนะ เดาได้ว่าขมต้องอยู่ที่นี่"
"คุณหญิงโกรธขมเหรอคะ"
"ท่านเป็นห่วงมากกว่า เมื่อรู้ว่าขมปลอดภัย ท่านก็ไม่ได้เร่งเร้าให้ขมกลับไปซักนิด"
"งั้นขมก็อยู่ที่นี่ตลอดไปได้แล้วใช่มั้ยคะ"
"อยู่ได้จริงๆเหรอ"
"ถ้าครูสมพรไม่รังเกียจขม"
"ครูเอ็นดูขมมาตั้งแต่เล็กๆไม่เคยคิดรังเกียจ แต่ครูห่วงเรื่องเรียนของขมน่ะสิ"
"ขมไม่เรียนแล้ว ขมจะขอทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียนครู ได้มั้ยคะ"
ครูสมพรถอนใจ
"ถ้าแม่แขรู้ จะเสียใจขนาดไหน...แม่แขฝากฝังเรื่องการเรียนไว้กับครูมากๆเลยนะ...อีกเดือนกว่าๆก็จะจบมอ.แปดแล้ว ขมจะมาทิ้งกลางคันอย่างนี้ทำไม เรียนเก่งอย่างขมเนี่ย มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม...อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินอนาคตตัวเองอย่างนี้เลย...เชื่อครูนะ"

โขมพัสตร์นิ่ง ไม่ตอบ

กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เป็นรูปรังสรรค์ยืนคู่กับขุนนิติการฯ พ่อของแขนภา

รังสรรค์แกะรูปออกออกจากกรอบ เราจึงเห็นว่ามีส่วนของรูปด้านล่างถูกพับซ่อนไว้ในกรอบ รังสรรค์พลิกมันออกมา เป็นภาพของชวาลนั่งคู่กับแขนภา

รังสรรค์ยืนมองรูปนั้นด้วยความคิดถึงเรื่องราวในอดีต
รติรสเดินเข้ามา ในมือเธอถือกรอบรูปที่ใส่รูปแขนภา
"พ่อคะ รสขอวางรูปแม่ไว้ที่นี่ได้มั้ยคะ แม่จะได้อยู่ใกล้ๆพ่อ"
"ได้สิลูก...ถึงเวลาที่รูปของแขนภา จะได้ตั้งอย่างเต็มภาคภูมิในบ้านหลังนี้ซะที"
"ขมน่าจะได้รู้นะคะว่า พ่อรักแม่แค่ไหน"
"มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้"
รังสรรค์ลูบศีรษะลูกสาว
พลัน เกิดอาการปวดท้องขึ้นเฉียบพลันจนตัวงอ
รังสรรค์สำลัก อาเจียนใส่มือของเขาเอง
อุ้งมือของรังสรรค์ เป็นเลือดสีแดงเข้ม
รติรส ตกใจ
"พ่อ !"

ตอนกลางคืน โขมพัสตร์ล้างจานอยู่บริเวณหลังบ้านครูสมพร ครูโผล่หน้าออกมาจากในบ้าน ส่งเสียงเรียกขม
"ขมจ๊ะ ออกมาหน้าบ้านหน่อยจ้ะ"
"แป๊ปเดียวค่ะ ครู เหลือชามอีกสี่ห้าใบ"
"ออกมาก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยล้างต่อก็ได้...มีคนมาหาน่ะ"
"ขมไม่กลับไปกับเขานะ"
โขมพัสตร์ตอบครูสมพรโดยไม่หันหน้าไปหาเธอ
"เขาแค่มาหา ไม่ได้มาตามกลับไปซะหน่อย"
"ไม่เชื่อหรอก เดี๋ยวเขาก็ต้องหาทางบังคับขมให้กลับไปจนได้"
รัฐก้าวเข้ามาด้านหลังขม
"แต่พี่ไม่เคยบังคมเลยแม้แต่ครั้งเดียวนะ"
โขมพัสตร์หันหน้าไปหารัฐ ตื่นเต้น แปลกใจ
"พี่รัฐ"
"แม้ครั้งนี้พี่จะอยากบังคับ...ก็คิดว่าคงไม่สำเร็จอยู่ดี"
"พี่รัฐมาได้ยังไง"
"มีคนใจดี เขียนแผนที่ให้"
สมพรบอก "ไปคุยกันหน้าบ้านไป เดี๋ยวครูล้างจานต่อเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุยไปล้างไปก็ได้ค่ะ"
"งั้นครูไปตรวจข้อสอบเด็กต่อนะ"
ครูสมพรเดินหายเข้าไปในบ้าน
รัฐกระเถิบเข้าไปใกล้โขมพัสตร์ สีหน้าแสดงความเป็นห่วง
"ขม"
"ห้ามพูดเรื่องคนในบ้านพุทธชาดนะคะ"
"พี่จะพูดเฉพาะเรื่องขมเท่านั้น"
"งั้นพูดได้เลยค่ะ"
"ขมจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน"
"ขมไม่มีที่อยู่ที่อื่นค่ะ...ที่นี่คือที่ที่ขมมีความสุข แม่แขก็เคยอยู่ที่นี่"
"แล้วเรื่องเรียนล่ะ"
"ไม่ตอบ"
"ทำเรื่องลาหยุดก่อนมั้ย จะได้ยังมีสิทธิ์สอบอยู่"
"ขมไม่อยากได้สิทธิ์นี้แล้ว"
"แต่ขมจะไม่มีวุฒิการศึกษาอะไรเลยนะ"
"ขมไม่ต้องการ"
รัฐหันหน้าเข้าไปในบ้าน ส่งเสียงไปยังครูสมพรที่ตรวจข้อสอบอยู่
"ครูครับ"
"เป็นภารโรง ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาค่ะ"
"ภารโรง ?"
"ภารโรงก็เป็นอาชีพสุจริต ไม่ได้น่ารังเกียจตรงไหน"
รัฐถอนหายใจเดินเข้าไปในบ้าน เขาขยับตัวลงนั่งข้างๆครูสมพรอย่างหนักใจ
ครูสมพรเอ่ยปากเบาๆ ด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน
"ครูพยายามแล้ว แต่ผลก็เป็นอย่างที่เห็นนี่หละ"
"เฮ้อ !"
"คืนนี้ นอนค้างซะที่นี่ก็ได้นะ ครูเตรียมห้องไว้แล้ว"
"ครูรู้ว่าผมจะมา ?"
"คุณชาติสยามโทรมาบอกครูตั้งแต่บ่ายแล้วหละ"

ค่ำต่อมา ชาติสยามยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
"ฮัลโหล...เจอกันแล้วใช่มั้ยครับ"
รัฐยืนพูดโทรศัพท์กลางโถงบ้านครูสมพร
"ครับ ได้คุยกันแล้วด้วย...ขมไม่ยอมกลับไปบ้านพุทธชาดเด็ดขาด"
"คุณก็นอนที่นั่นซะเถอะ ขับรถดึกๆไกลๆไม่คุ้นทาง จะอันตราย"
"ขอบคุณนะครับ"
"ฝากตื๊อขมต่อไปเรื่อยๆก็แล้วกันนะ"
"แน่นอนครับ ผมจะทำให้เธอกลับไปสอบไล่ให้ได้"

ชาติสยาม วางโทรศัพท์ลงบนแป้น โสมวดีเดินถือกาแฟเข้ามา
"ฝากคนอื่นเขาตื๊ออย่างนี้จะได้ผลเร้อ"
"ผมจะไปตื๊อเองได้ยังไงล่ะครับ...ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่"
"ความห่วงใยมันไม่ได้จำกัดวงแค่ญาติพี่น้องนะลูก"
"เขาโกรธผมขนาดนี้ เขาไม่ฟังผมหรอก"
"โกรธไม่ได้แปลว่าเกลียด...พออารมณ์เย็นลง เขาก็จะฟังเหตุผลเองนั่นแหละ"
"ถ้าเขาจะยอมฟัง เขาฟังจากใครก็ได้ เพราะทุกคนมีเหตุผลเหมือนกันหมด ยกเว้นตัวเขาน่ะแหละ"
"แต่บางทีคนเราก็เลือกที่จะอยากฟังจากปากใครบางคนก็ได้นะลูก"
"ก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี"
"ตามใจ"
"แล้วแม่มาที่นี่ มีอะไรรึเปล่า ?"
"มากินกาแฟ"
โสมวดียกกาแฟแก้วนั้นขึ้นมาดื่ม
"อ้าว ไม่ใช่ของผมเหรอ"
"ก็นึกว่าแกจะกินอะไรไม่ลงนี่"
ชาติสยามถอนใจใส่ผู้เป็นแม่
"แล้วก็มีอีกเรื่องนึง...วันนี้หนูรุ้งกาญจน์มาหาแม่"
"ไปหาแม่ ?"
"เธอมาที่นี่ไม่เจอลูก ก็เลยไปหาแม่ที่บ้าน"
ชาติสยามพยักหน้ารับคำเฉยๆ
"ไม่ตื่นเต้นที่เขากลับมาแล้วเหรอ ?"
"คงแวะมาย้ำเรื่อง บอกเลิกผมอีกละสิ"
"เปล่า แค่แวะมาเยี่ยมเฉยๆ เธอว่าตอนนี้กำลังยุ่งเรื่องงานหลายเรื่อง...แต่แม่ว่าเธอคิดถึงลูกนะ แม่มองตาก็รู้"
"ทำไมเวลาเขามองตาผมแล้วเป็นอีกอย่างนึงล่ะ"
"แกคงทำอะไรให้เขากังวลน่ะสิ"
"ทำอะไร ?"
"แกแอบมีใครคนอื่นซ่อนไว้ในใจรึเปล่าล่ะ"
ชาติสยามถอนหายใจออกมาดังๆอย่างจงใจ
"ผู้หญิงเป็นอย่างนี้ทุกคนเหรอ"

"ใช่...ถ้าผู้ชายมีพิรุธ"

กลางคืนวันเดียวกัน รุ้งกาญจน์ยกมือไหว้ครูสมพรที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

"สวัสดีค่ะคุณครูสมพร ขอโทษนะคะที่แวะมากวนตอนดึก จำดิฉันได้มั้ยคะ"
"จำได้สิคะ คุณรุ้งกาญจน์ คราวก่อนก็แวะมาถามหาขมกับคุณชาติสยามทีนึงแล้ว"
"ค่ะ แต่คราวนี้จะถามหาเฉพาะขมคนเดียว"
"เป็นคนที่ใครๆก็สนใจตามหาซะด้วยสิ"
"มีใครมาก่อนดิฉันเหรอคะ"
"ค่ะ เป็นชายหนุ่มรูปหล่อซะด้วย"

รัฐและขมนั่งอยู่กลางโถงบ้าน ทั้งสองหันมาหารุ้งกาญจน์ที่เดินตามครูสมพรเข้ามาด้วยความแปลกใจ
"สวัสดีค่ะอารุ้ง"
"สวัสดีครับ คุณรุ้งกาญจน์"
"หล่ออย่างที่ดิฉันว่ามั้ยล่ะคะ"
"คงไม่ได้หนีตามกันมาใช่มั้ยจ๊ะ"
"เปล่าหรอกค่ะ ขมอึดอัดขัดใจกับเรื่องที่บ้านพุทธชาด ก็เลยขอมาพักกับดิฉัน มาคนเดียว"
"ผมเป็นห่วงก็เลยตามมาครับ"
"แล้วอาสยามล่ะไม่มาด้วยเหรอ เขาห่วงเธอไม่น้อยกว่าใครนะ"
"คงไม่หรอกค่ะ เพราะขมรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่อาของขม...เขาหลอกขมมาตลอด นี่ใช่มั้ยคะ ความจริงที่อารุ้งเคยบอกว่าเขาปิดบังขม ทำให้ขมไม่รู้จักโต"
"เธอยอมรับมันได้มั้ยล่ะ"
โขมพัสตร์พยักหน้าอย่างมั่นใจ
"อารุ้งคะ...ขมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้อารุ้งผิดใจกับเขา แต่นับจากนี้ไป ขมจะไม่เข้าไปวุ่นวาย รบกวนคุณชาติสยามอีกเลยค่ะ ขมสัญญา"
"อย่าสัญญาในสิ่งที่เธอควบคุมไม่ได้"
รุ้งกาญจน์เดินเข้าไปประคองวงหน้าของโขมพัสตร์ ก่อนเอ่ยปากอย่างนุ่มนวล
"และเธอไม่ใช่ปัญหาของฉันกับชาติสยาม อย่ากังวล"
"ค่ะ"
"เธอควรกังวลกับอนาคตของเธอมากกว่า"

รถประจำบ้านพุทธชาดแล่นเข้ามาจอด รังสรรค์และรติรสก้าวลงจากรถคนละด้าน
รังสรรค์หันไปพูดกับโชเฟอร์
"ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าวันนี้แกพาฉันไปไหน"
"ครับท่าน"
โชเฟอร์ขับรถไปจอดยังที่ของมัน
รังสรรค์หันไปพูดกับลูกสาว
"ลูกก็เหมือนกันนะรส ต้องไม่มีใครรู้เรื่องของพ่อวันนี้"
"แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะคะ"
"พ่อดูแลตัวเองได้...คนบ้านนี้ชอบตื่นตระหนกกันเกินกว่าเหตุ พ่อไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น"
"ค่ะ"
รังสรรค์เดินเข้าบ้านไป รติรสมองตามพ่อ สีหน้าเครียด

ประมาณสี่ชั่วโมง ก่อนหน้านี้
หมอเอ่ยปากพูดกับรังสรรค์และรติรส ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
"จากการส่องกล้องดู เราจะเห็นว่าแผลในกระเพาะอาหารของคุณขนาดไม่เล็กเลยนะครับ คุณรังสรรค์ต้องดูแลตัวเองให้ดี กินอาหารให้เป็นเวลา กินยาให้ครบ ที่สำคัญ งดเหล้าและบุหรี่เด็ดขาด และพยายามอย่าเครียด"
"ผมจำแม่นแล้วครับ หมอก็พูดเหมือนเดิมอย่างนี้ทุกครั้ง"
"แล้วคุณรังสรรค์ปฏิบัติตัวตามที่หมอบอกบ้างมั้ยครับ"
รังสรรค์เอ่ยปากตอบแบบตัดรำคาญ
"มันก็มีลืมไปบ้าง เป็นบางวัน ไม่เป็นไรน่าหมอ"
"ฝากคุณลูกสาว ช่วยเตือนคุณพ่อด้วยนะครับ"
"หนูจะพยายามค่ะ"

ต่อมา โขมพัสตร์กราบหมอนหนุนหัวในมุ้ง ครูสมพรเดินเข้ามานั่งข้างๆมุ้ง
"หลับรึยังจ๊ะ"
"ยังค่ะ เพิ่งสวดมนต์เสร็จ"
โขมพัสตร์เปิดมุ้งออกมาคุยกับครูสมพร
"พี่รัฐ กับคุณรุ้งกาญจน์ล่ะคะ"
"คุณรัฐเข้าห้องนอนไปแล้ว คุณรุ้งกาญจน์ออกไปนอนโรงแรมในเมืองจ้ะ"
"ครูสมพรเหนื่อยแย่ มีแขกมาเต็มบ้าน"
"ดีใจต่างหาก เพราะทุกคนที่มาที่นี่ รักและเป็นห่วงขมทุกคน ขมโชคดีมากเลยรู้
มั้ย"
"ขมจะโชคดีกว่านี้ ถ้าแม่แขยังอยู่กับขม"
"ถ้าแม่แขยังอยู่ แม่แขจะไม่ยอมให้ขมหนีมาอยู่กับครูอย่างนี้หรอก...ขมเป็นทายาทคนนึงของรัตนเดชากรนะ"
"แต่ถ้าแม่รู้ว่าขมโดนอะไรบ้างที่นั่น แม่แขต้องเปลี่ยนใจ...ขมจะกลับไปต่อเมื่อบ้านหลังนั้น ไม่มีคนชื่อรังสรรค์เท่านั้นค่ะ"

เช้าต่อมา คุณหญิงรัตนเดชากรเดินเข้ามาหารัฐที่นั่งรออยู่
"มีเรื่องอะไรเหรอตารัฐ มาหาย่าแต่เช้าอย่างนี้"
"ผมเพิ่งกลับมาจากอัมพวาครับ"
"อย่าบอกนะว่าไปบ้านครูสมพรมา"
"ครับ คุณชาติสยามเป็นคนบอกทางให้"
คุณหญิงรัตนเดชากรมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นพอสมควร
"แล้วขมเป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ"
"ขมสบายดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ ถ้าไม่พูดเรื่องกลับบ้านพุทธชาด"
"แล้วเขาไม่คิดจะกลับมาเรียนเหรอ"
"ผมพยายามชวนแล้ว ขอร้องก็แล้ว ขมก็ไม่ยอม...ขนาดคุณรุ้งกาญจน์ช่วยพูดด้วย ก็ยังไม่สำเร็จเลย"
"รุ้งกาญจน์ก็ไปที่นั่นด้วยเหรอ"
"ครับ"
"ตาชวาลอาจจะคิดถูก ที่อยากรอให้ขมเรียนจบก่อนถึงจะเปิดเผยความจริง...นี่ฉันเป็นคนทำเรื่องเสียไปหมดเลยเหรอเนี่ย อนาคตของขมต้องพังเพราะฉันแท้ๆ"
"ไม่พังหรอกครับ อย่างน้อย ผมก็จะได้ขอคุณหญิงย่าได้เต็มปาก"
"เธอจะขออะไรฉัน"
"ขอแต่งงานกับขมครับ...ผมปรึกษาคุณยายผมแล้ว ท่านชอบขมมาก...และถ้าคุณหญิงย่าอนุญาต คุณยายก็จะจัดผู้ใหญ่มาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกที"
"ถ้าถึงขั้นจริงจังขนาดนั้น เธอต้องให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอกับพ่อของขม ไม่ใช่มาขอที่ฉัน"
รังสรรค์สีหน้าเรียบเฉย ขณะที่รัฐนั่งสงบนิ่ง
"ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก นรราชเสวีกับรัตนเดชากร คุ้นเคยกันมาช้านาน เธอ
เองก็เป็นเด็กดี"
"ตกลง คุณรังสรรค์ยกขมให้แต่งงานกับผมได้ใช่มั้ยครับ"
"ฉันคงรับปากกับเธออย่างนั้นไม่ได้หรอก จนกว่าขมจะยอมรับฉันเป็นพ่อ...เธอช่วยเกลี้ยกล่อมขมเรื่องนี้ได้มั้ยล่ะ...หรือมีวิธีอะไรจะแนะนำฉันได้บ้างมั้ย"

รัฐพูดอะไรไม่ออก พลอยหนักใจไปกับรังสรรค์ด้วย

ครูสมพรยืนพูดโทรศัพท์กลางบ้าน

"คำแนะนำตอนนี้ ก็คงจะต้องปล่อยให้เวลาทำหน้าที่เยียวยาเธอ"
ชาติสยามพูดโทรศัพท์กลางบ้าน
"ผมกลัวว่าเธอจะเสียโอกาสเรื่องการเรียนน่ะสิครับ"
"ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจก่อนหมดสิทธิ์สอบ"
"ครับ"
"นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ กินได้ นอนหลับ มีซึมๆบ้างเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าตกใจ"
"ขอบคุณครับครู ครูคงไม่รำคาญนะครับที่ผมโทรมาหาทุกวันอย่างนี้"
"ยินดีค่ะ ในฐานะเจ้าบ้าน ดิฉันรับรองว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ทั้งหนูขมทั้งหนูรุ้งเลย"
"หนูรุ้ง ?"
"คุณรุ้งกาญจน์ คู่รักคุณไงคะ"
"อยู่ที่นั่นด้วยเหรอครับ ?"
"มาตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ นั่งคุยกับขมยืดยาว เห็นว่านัดกินข้าวเย็นกันวันนี้ด้วย...จะให้บอกมั้ยคะว่าคุณโทรมา"
"อย่าเพิ่งบอกดีกว่าครับ"
"งอนกันอยู่ละซี...หนุ่มสาวยุคนี้ ขยันงอนกันจังนะคะ...แต่พูดก็พูดเถอะ ดิฉันรู้สึกว่าหนูรุ้งนี่แหละที่จะเป็นคนเกลี้ยกล่อมขมได้ เพราะไม่ว่าเธอพูดอะไร ดูเหมือนขมจะเชื่อเธอไปหมดทุกอย่าง"

ที่ตึกขาว รัฐหยิบสร้อยเส้นที่เคยใช้ขอหมั้นขมขึ้นมาดู หน้าตาครุ่นคิด
สาวใช้เดินเข้ามาหา
"คุณรัฐคะ คุณรติรสมาหาค่ะ"
"อือม"
รัฐขยับตัวเดินออกไปหน้าห้อง รติรสยืนรออยู่ หน้าตาจริงจัง
"มีอะไรเหรอ รส"
"คุณพ่อให้มาขอความช่วยเหลือจากพี่รัฐค่ะ"
"ช่วยเหลือ เรื่องอะไร"
"คุณพ่ออยากให้พี่รัฐพาท่านไปหาขมค่ะ"

โต๊ะอาหารสวย ริมน้ำ โขมพัสตร์และรุ้งกาญจน์นั่งอยู่ที่นั่น
"เกิดเป็นขมนี่น่าอิจฉานะ ใครๆก็รัก"
"ไม่จริงหรอกค่ะ"
"จริงสิ ตอนนี้ทุกคนรอบๆตัวเธอกำลังรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไว้กับเธอและแม่ เพราะฉะนั้น ถ้าเธออยากได้อะไร ต้องตัดสินใจตอนนี้หละ"
"ขมไม่เคยอยากได้อะไร มากไปกว่าที่ขมมี"
"แล้วเธอรู้รึยังว่าเธอมีอะไรบ้าง...รัตนเดชากรเป็นตระกูลใหญ่ ร่ำรวย สามารถให้เธอได้ทุกอย่าง"
"ขมไม่ต้องการเป็นรัตนเดชากร"
"แต่เธอไม่อยากเดินตามความฝันของแม่เหรอ...เรื่องการศึกษาของเธอไม่ใช่เรื่องที่แม่แขต้องการหรอกเหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"งั้นก็ใช้โอกาสนี้ กลับไปเรียนต่อสิ ไปสอบให้จบ มอ.8 แล้วก็ใช้เงินทุนของรัตนเดชากร ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอกซะ นั่นก็จะทำให้เธอห่างจากบ้านพุทธชาดไปเอง"
โขมพัสตร์ค่อยๆครุ่นคิดตามคำพูดของรุ้งกาญจน์
"แล้วถ้าเธออยากตัดขาดกับใคร ก็พูดให้ชัดไปเลย ไม่ว่าจะนายรังสรรค์หรือนายชาติสยาม ดีกว่าจะมาหมกตัวอยู่ที่บ้านครูสมพร เพราะพวกเขาก็จะผลัดกันมาตามง้อให้เธอกลับไปวันยังค่ำ...เชื่อฉันเถอะ"
โขมพัสตร์ใช้ความคิดมากขึ้น
"หรือถ้าไม่อยากไปเมืองนอก ก็แต่งงานซะเลย จบ มอ.8 แล้วแต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดทันที เธอก็จะไม่ต้องข้องแวะกับคนที่เธอรังเกียจอีกต่อไปเหมือนกัน เลือกเอา"
ชาติสยามหน้าตึงก้าวเข้ามา
"รุ้ง คุณพูดอะไรกับขมน่ะ"
รุ้งกาญจน์หันไปโปรยยิ้มหวานให้ชาติสยาม
"ในที่สุดพระเอกก็ตามนางเอกมาจนได้...เห็นมั้ยขม"
ชาติสยามก้มลงไปพูดเสียงห้วนใส่หน้ารุ้งกาญจน์ใกล้ๆ
"ผมถามว่าคุณพูดอะไรกับขม คุณให้ขมเลือกอะไร"
รุ้งกาญจน์ลุกขึ้นยืนประจันหน้าชาติสยาม และพ่นคำพูดใส่หน้าเขาทันที
"ฉันกำลังหาวิธีให้ขมกลับไปเรียน กลับไปสอบ"
"วิธีอะไรของคุณ ผมได้ยินแต่ว่าให้กลับไปแต่งงาน"
"ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียดเอง"
"คุณหยุดเอาความคิดเพี้ยนๆของคุณยัดใส่หัวหลานสาวผมซะทีเถอะ"
โขมพัสตร์ลุกขึ้นยืนอีกคน
"ขมไม่ใช่หลานคุณนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามขมคุยกับใคร"
"แต่เขากำลังยัดเยียดความคิดที่ไม่ถูกต้องใส่หัวเธอนะ"
"เรื่องถูกผิดขมคิดเองได้ คุณเลิกกล่าวหาอารุ้งซะทีเถอะ อารุ้งหวังดีกับขมมากกว่าคุณอีก"
ชาติสยามเดินเข้าไปพูดใกล้โขมพัสตร์
"ถ้าเขาหวังดีจริง ทำไมต้องแอบมาหาขมโดยไม่บอกอา ทำไมต้องปิดบังอา"
"ถ้าฉันคิดจะปิด คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันอยู่ที่นี่"
ชาติสยามนิ่งไป
"ฉันแค่ต้องการชี้ให้ขมเห็นความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ และความสำคัญต่ออนาคตของเธอ เพื่อให้เธอรู้จักตัดสินใจ ไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซังแบบที่คุณชอบทำ"
"แต่คำแนะนำของคุณคือให้ขมจงเกลียดจงชังทุกคนรอบตัวเธอ"
"อารุ้งไม่ได้พูดแบบนั้น"
"แต่เขาคิดอย่างนั้น"
"คุณใส่ร้ายฉัน"
"เพราะผมรู้ทันคุณต่างหาก"
"แน่ใจเหรอ"
"คุณชอบให้ทุกคนคิดและทำแบบเดียวกับคุณ ความคิดของคุณต้องถูกที่สุดเสมอ อย่างนี้มันคือความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ความหวังดี"
"เมื่อก่อนคุณไม่เห็นพูดแบบนี้เลย...คุณเคยชอบที่ฉันมั่นใจในตัวเอง เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง เดี๋ยวนี้ไม่ชอบแล้วเหรอ เจออะไรเข้าไปล่ะ ถึงเปลี่ยนใจไปจากเดิมได้"
ชาติสยามนิ่งไปอีกครั้ง
"หรือที่จริงคุณอาจจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่เป็นฉันต่างหากที่เพิ่งเห็นธาตุแท้ของคุณ...อากลับก่อนนะขม..."
รุ้งกาญจน์ขยับตัวจะเดินออก แต่ก็หันมาพูดกับชาติสยามอีกครั้ง
"ดีใจนะที่วันนี้เราได้เจอกัน เพราะมันช่วยตอกย้ำความคิดของฉัน ว่า เรา ต้องเลิกกันเด็ดขาดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
รุ้งกาญจน์เดินออกไปจากร้าน
โขมพัสตร์มองเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก ผิดหวัง ปน สงสารและเห็นใจ
ทั้งสองต่างยืนนิ่งสักพัก โขมพัสตร์จึงตัดสินใจขยับตัวเดินออก
"ขม"
"มีอะไรอีกคะคุณชาติสยาม"
"จำที่อาพูดกับขมก่อนเปิดจดหมายพี่ชวาลได้มั้ย...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะยังเป็นอาเป็นหลานกันอยู่ ขมลืมรึยัง"
"ขมจำได้ค่ะ แต่ขมไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น"
"ขม"
"ขมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว ขมกลับละ...ขมกลับเองได้ค่ะ"

ชาติสยามยืนซึมอยู่เพียงลำพัง

เช้าตรู่ สาวใช้สองคนเดินเข้ามาเจอกันจากคนละทาง

"เห็นนายสุดใจมั้ย คุณไพลินเรียกหา จะให้ขับรถให้"
"นายสุดใจพาคุณหญิงไปธุระข้างนอก"
"น้าหยัดที่เรือนเล็กล่ะ ยืมตัวหน่อยได้รึเปล่า"
"น้าหยัดออกไปกับคุณรังสรรค์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง"
"ไปไหนกันแต่มืดอย่างนั้น"
"ไปอัมพวา ป่านนี้ถึงแล้วมั้ง"

รถตู้แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน รังสรรค์ก้าวลงมาจากรถ พร้อมด้วยรัฐและรติรส
"เนี่ยเหรอบ้านครูสมพร"
"ครับ ครูสมพรที่เคยช่วยเหลือขม กับ แม่แขของขมมาโดยตลอด"
ความกังวลปรากฏขึ้นในสีหน้าและท่าทางของรังสรรค์
เขาหันไปพูดกับรติรส
"ลูกว่า น้องจะยอมพูดกับพ่อมั้ยรส"
"รสไม่แน่ใจค่ะ"
"งั้นผมเข้าไปดูข้างในบ้านให้ก่อนนะครับ คุณอากับรส รอตรงนี้ซักครู่นะครับ"
รัฐเดินตรงเข้าไปในบ้าน ขณะที่โขมพัสตร์เดินออกมาจากบ้านพอดี
"พี่รัฐ มาแต่เช้าเชียว"
"จ้ะ...พี่ไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะ"
"พี่มากับใคร"
รังสรรค์ก้าวมาพร้อมเอ่ยปาก
"พ่อเองจ้ะ"
โขมพัสตร์หันไปเห็นรังสรรค์ สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
"ขม...พ่อมาหาขมนะลูก"
"ฉันไม่ใช่ลูกคุณ ฉันเคยบอกแล้ว จำไม่ได้รึไง"
โขมพัสตร์รีบวิ่งเข้าบ้าน รังสรรค์รีบวิ่งตามเข้าไป

รังสรรค์วิ่งตามมาจับมือโขมพัสตร์ไว้ เธอออกแรงสะบัดมือรังสรรค์จนหลุด
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน...คุณไม่มีสิทธิ์มาใช้กำลังที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านพุทธชาด"
"ขม"
"ไม่ต้องเรียกชื่อฉันด้วย ฉันไม่ต้องการให้ชื่อฉันออกจากปากคนอย่างคุณ"
รติรสเดินก้าวยาวๆตามเข้ามา
"ขมจ๊ะ...คุณพ่อมาหาขมด้วยความเป็นห่วงนะ"
"ห่วงอะไร ? ทำไมเพิ่งมาห่วงตอนนี้"
"พ่อเพิ่งรู้ความจริง"
"ความจริงอะไรล่ะ ความจริงที่แม่ฉันสำส่อน หรือความจริงที่ฉันเป็นลูกชายชู้"
"ขม พ่อขอโทษ"
โขมพัสตร์ตะโกนเสียงดังลั่น
"อย่าเรียกชื่อฉัน อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นพ่อฉัน"
รังสรรค์ค่อยๆเอ่ยปากอย่างทรมาน
"ผมขอโทษ"
"ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ...ฉันต้องการไปให้พ้นจากแก"
"ขม เห็นแก่พ่อเถอะ พี่ขอร้อง"
โขมพัสตร์ประกาศกับทุกคน เสียงดังกังวาน
"ถ้าทุกคนยังเห็นดีเห็นงามกับผู้ชายคนนี้ คนที่บ้าอำนาจ คนที่ทำร้ายแม่ฉัน ตบตีแม่ฉัน ใส่ร้ายแม่ฉัน ก็แปลว่าพวกคุณก็อยู่คนละฝั่งกับฉัน"
รังสรรค์เดินตรงเข้าไปหาขม
"จะให้ผมทำยังไง ผมก็ยอมทั้งนั้น ผมขอแค่โอกาสครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง"
"ฉันไม่มีโอกาสนั้นให้แก...ออกไป อย่ามาใกล้ฉัน ออกไป"
รังสรรค์ยังคงเดินเข้าไปหาขม
"ฉันบอกให้ออกไป"
รังสรรค์ไม่ยอมหยุดเดิน
โขมพัสตร์คว้าของใกล้ตัวปาใส่หน้ารังสรรค์
"ออกไป ออกไป"
รังสรรค์ยังคงเดินฝ่าของเหล่านั้นจนเข้าไปคว้าตัวโขมพัสตร์ไว้ได้

โขมพัสตร์ตะโกนลั่น
"ไปให้พ้นจากฉันเดี๋ยวนี้"
"ไม่ พ่อไม่ไป ขมเป็นลูกพ่อนะลูก"
จังหวะนั้น คุณหญิงรัตนเดชากรก้าวเข้ามา เปล่งเสียงดังกว่าใครๆ
"รังสรรค์ กลับบ้านเดี๋ยวนี้"
"ผมจะพาขมกลับไปกับผมด้วย"
รังสรรค์จับตัวโขมพัสตร์ไว้แน่น โขมพัสตร์ดิ้นพล่าน
"ไม่"
"ฉันบอกให้กลับเดี๋ยวนี้ ตารังสรรค์ แกจะขัดคำสั่งแม่เหรอ...รสพาพ่อเราออกไป"
รติรสและรัฐค่อยๆเข้าไปแยกรังสรรค์ออกจากโขมพัสตร์
"ขมกลับไปอยู่กับพ่อนะลูก...ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลลูกบ้างนะ ขม"
รติรสและรัฐประคองรังสรรค์ออกไป
โขมพัสตร์ยืนร้องไห้ด้วยความเคียดแค้น
คุณหญิงรัตนเดชากรก้าวเข้าไปโอบกอดหลานสาว
"เขาไม่ใช่พ่อขม ขมไม่มีพ่อ อย่าให้ผู้ชายคนนี้มาใกล้ขมอีกนะคะ ขมขอร้อง"
"จ้ะ จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก...ย่าสัญญา"

รุ้งกาญจน์นั่งเหม่อนิ่งอยู่ในห้องของเธอ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงขยับตัวลุกไปเปิดประตู ชาติสยามยืนอยู่หน้าประตูนั้น
"ผมขอโทษ"
รุ้งกาญจน์รีบปิดประตูทันที
ชาติสยามเอามือขวางไว้ จึงเหลือช่องว่างของประตูเพียงแค่พอมองเห็นหน้ากัน
"ฟังผมก่อนได้มั้ยรุ้ง"
"ฉันฟังคุณมาเยอะแล้ว ฉันจำคำพูดของคุณเมื่อคืนนี้ได้ครบทุกคำ...จะให้ฉันท่องให้ฟังมั้ย"
"แต่วันนี้คำพูดจะไม่เหมือนเมื่อคืน"
"คุณเป็นคนที่โลเลได้สม่ำเสมอมาก"
"ข้อนี้ผมขอค้าน เพราะผมไม่เคยโลเลกับรุ้ง....ไม่งั้นผมผ่านป้าคุณขึ้นมาถึงนี่ไม่ได้หรอก"
"คุณติดสินบนป้าฉันด้วยอะไร"
"ด้วยความจริงใจ และป้าคุณรู้ว่าสิ่งที่ผมจะพูดกับคุณมีความหมายมากแค่ไหน"
"ว่ามา"
"จะไม่ให้ผมเข้าไปข้างในเหรอ"
"พูดตรงนี้ก็ได้ยิน"
"ก็ได้...ผมขอโทษที่ใช้อารมณ์กับคุณ จนมองข้ามความปรารถนาดีของคุณ มองข้ามแม้กระทั่งความเป็นคุณที่ผมชื่นชมมาตลอด"
"ถ้าพูดยาวกว่านี้ ฉันจะอาเจียนนะ เอาเข้าเป้าเลยได้มั้ย"
"แต่งงานกับผมนะ รุ้งกาญจน์"
ชาติสยามเอ่ยปากอย่างจริงจัง จนรุ้งกาญจน์ถึงกับอึ้ง
"คุณขอผู้หญิงแต่งงานง่ายๆ ด้วยการพูดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอย่างนี้เหรอ"
"ก็พอผมจะเกริ่นนำ คุณก็เบื่อ จะขอเข้าไปคุกเข่าขอคุณแต่งงานต่อหน้า คุณก็ไม่ให้เข้าห้อง แล้วจะให้ผมทำยังไง"
"ทำให้ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูดสิ"
"ผมมีสักขีพยาน รออยู่ข้างล่าง"
"สักขีพยาน ?"
"จะลงไปกับผมดีๆ หรือจะให้ผมพาเขาขึ้นมาหารุ้งบนนี้"

ชาติสยามและรุ้งกาญจน์เดินลงบันไดบ้านมา โสมวดีและซ่อนกลิ่นนั่งรออยู่กลางห้องโถง
ทั้งสองเปล่งยิ้ม เบิกบาน
"เดินจูงกันลงมาแบบนี้ เราหาฤกษ์หายามจัดงานได้เลยมั้งคะ"
ซ่อนกลิ่นบอก "คงงั้นละค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณแม่ รุ้งไม่รู้ว่าคุณแม่มา ก็เลยไม่ได้รีบลงมาต้อนรับ"
"ไม่เป็นไร แม่มาน่ะไม่สำคัญเท่าพ่อคนนั้นมาหรอก"
โสมวดีพยักหน้าไปทางลูกชาย
"สำคัญสิครับแม่...ถ้าแม่ไม่มารุ้งไม่ยอมแต่งงานกับผมแน่"
"ตกลงกันได้แล้วใช่มั้ยจ๊ะ รุ้ง"
รุ้งกาญจน์ขยับตัวลงนั่งข้างๆป้า
"สิบปีมาแล้วที่รุ้งไม่เคยมีใคร นอกจากเขา...เมื่อเขาสัญญาว่าจะดูแลรุ้ง จะรัก
และเข้าใจรุ้งตลอดไป รุ้งก็ไม่มีอะไรปฏิเสธ"
"เห็นมั้ย แม่จะมาหรือไม่มา มันไม่ได้มีผลต่อความรักของเธอสองคนเลย มันอยู่
ที่ใจของเธอทั้งสองต่างหาก"
"แต่แม่ต้องมาเพื่อทำให้มันถูกต้องไงครับ" ชาติสยามบอก
"เอ้า งั้นดิฉันก็ขอสู่ขอหนูรุ้งอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะคะ คุณซ่อนกลิ่น
แล้วเราค่อยกำหนดวันหมั้น วันแต่งงานกันอีกที ดีมั้ยคะ"
"ค่ะ ดิฉันยินดี ถ้ายายรุ้งมีความสุข ดิฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ"
"แต่รุ้งคงต้องขอไปเคลียร์งานที่ค้างที่อังกฤษก่อนนะคะ"
"อย่าไปนานนักล่ะ เดี๋ยวจะไปหลงฝรั่งมังค่าจนลืมลูกชายแม่ซะฉิบ"
"ฝรั่งสู้ผมไม่ได้หรอกแม่ รุ้งเขารู้ดี"
รุ้งกาญจน์หันไปหยิกชาติสยามอย่างน่าเอ็นดู
"เอ้า ทีนี้ก็หอมกันหน่อย ผู้หลักผู้ใหญ่จะได้ชื่นใจ"

ชาติสยามกอด และหอมแก้มรุ้งกาญจน์อย่างมีความสุข

อ่านต่อตอนที่ 19


กำลังโหลดความคิดเห็น