ซิ่นลายหงส์ ตอนที่23 ญาแม่คำอ่อนฆ่าปิดปากนางสาย
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
สะออนกับนางสายช่วยกันจัดเตรียมพาข้าว เตรียมยกไปให้ญาแม่บนเรือนใหญ่ เสากับสีแหล่โผล่เข้ามา
“สิเอาพาข้าวไปให้ไผ” เสาถามอย่างวางอำนาจ
“กูกะสิเอาข้าวเซ้าไปส่งญาแม่นั่นแหล่ว แม่นหยัง” สายบอก
“วางลง” สีแหล่สั่ง
สะออนมองฉงน “เป็นหยัง เอื้อย มีหยัง”
“นี่เป็นคำสั่งของญาแม่จันทร์” สีแหล่บอก
สายมองทั้งสองอย่างไม่ให้ราคา ยกพาข้าวขึ้น
“มันสิสวยแล้ว ญาแม่คำอ่อนเพิ่นสิหิวข้าว”
“ข้อยบอกให้วางลง นางสาย เจ้าบ่อได้ยินบ้อ” เสาเสียงแข็ง
“เอื้อยบอกแม่งอแหน่จ้ะว่าข้าวกะนึ่งไว้หลายกระติบ กับข้าวกับปลากะเฮ็ดไว้หลาย” สะออนพูดดีๆ ด้วย
“แต่ญาแม่จันทร์บ่อให้ไผเอาไปกิน ถ้าเพิ่นบ่อได้สั่ง”
“พากันเป็นหยังไปนี่ มันสวยแล้วเด้เอื้อย ปะ นางสาย” สะออนชักหงุดหงิด จะออกไป
เสากับสีแหล่เข้ามาคว่ำแย่งพาข้าวหยิบถ้วยกับข้าวเทราดลงบนพื้น สะออนกับนางสายตกใจ
“ทุกอย่างทุกแนวในเขตเฮือนนี่เป็นสมบัติของญาแม่จันทร์ ไผสิเฮ็ดหยัง กะต้องขอเพิ่นก่อน” เสาบอก
สายโกรธจัด “เก่งแท้ๆ พวกสู กูเอาข้าวสารไปนึ่งเฮือนกูกะได้”
สีแหล่พูดดักคอ “เบิ่งดีๆ ก่อนเด้อล่ะ ว่าข้าวกระสอบใด๋มาจากนาของพ่อญาแม่จันทร์ กระสอบใด๋มาจากนาของพ่อญาแม่คำอ่อน”
สะออนมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ และสะเทือนใจใหญ่หลวง นางสายมองดูเสาและสีแหล่อย่างขุ่นเคือง
นางสายสายพาพวกบ่าวมาทำอาหารที่เรือนของตัวเอง บอกกับทุกคนว่า
“ต่อไปนี้ บ่อต้องไปยุ่งวุ่นวายกับครัวใหญ่แล้วเด้อ ให้เจ้านายเพิ่นเว้าจากันให้เฮียบฮ้อยก่อน สิเฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน กะมาเฮ็ดอยู่ครัวเฮือนนี่”
“ข้อยสิไปเว้ากับญาเอื้อยสอางว่าเป็นหยังปล่อยให้เป็นอย่างนี่ พี่น้องกันเทิงนั่น เป็นหยังคือใจจืดใจดำแท้ ถ้าสิให้ข้อยกราบตีนแม่งออีหลี เพื่อขอข้าวให้พวกเฮากิน ข้อยยอมกราบกะได้” สะออนว่า
โซ่ทองห้ามไว้ “อย่าเลยสะออน บ่อมีครัวใหญ่ เฮาใซ้ครัวนี่กะได้ บ่ยากดอก”
“แม่นความเจ้าว่า เฮาเฮ็ดกินกันอยู่นี่กะบ่อเดือดฮ้อนหยัง ต่างคนต่างอยู่แบบนี่กะดีคือกัน สิได้บ่อต้องมีเรื่องผิดเถียงกันให้วุ่นวายอีก”
ส่วนนางจันทร์นั่งปรุงโฉมประทินผิวอยู่ในห้องนอนเดิมของสะอาดบนเรือนพุทไธเทพ เอาน้ำมันหอมทาผิว ประแป้งหน้าขาวสว่าง
สอางนั่งมองดูอยู่อย่างทึ่งๆ ลึกๆ รู้สึกเกรงกลัวบารมีหลังจากรู้ความจริง
“อีงอ เอ่อ... แม่จันทร์ เป็นหยังถึงรูปร่างเจ้าเปลี่ยนจากผีเป็นคน ผู้จกผู้งามขึ้นผิดหูผิดตาอย่างนี่”
นางจันทร์ยิ้มกริ่ม “ต้องขอบใจพ่อครูสมิงพันดง เพิ่นปรุงยาวิเศษให้ข้อย แลกกับตำรับยาของพ่อข้อย แต่กว่าข้อยสิหาย กว่าสิผู้จกผู้งามอย่างนี่ กะต้องทนฮ้อน ทนฟืนไฟ ทรมานอยู่เป็นเดือน”
สอางสนใจ “วิเศษถึงขนาดเฮ็ดให้เจ้างามและสาวกว่าข้อยอีกพู่นบ้อ”
“แม่เจ้าเบิ่งเอาเองกะแล้วกัน”
สอางลูบผิวพรรณของนางงออย่างสนใจ
“เฮ็ดจั่งใด๋ข้อยถึงสิได้ยาแบบเจ้าบ้าง ตั้งแต่มีอังกูร ข้อยกะฮู้สึกว่าโตเองเหี่ยวแห้งลงทุกมื่อ ข้อยอยากได้ยาที่เฮ็ดให้โตเองกลับมางาม มีน้ำมีนวลคือเก่า แม่จันทร์...เจ้าพาข้อยไปหาพ่อครูสมิงพันดงแหน่เด้อ”
นางงอสีหน้าลังเล สอางเซ้าซี้
“ข้อยบ่ออยากเป็นอีกาหน้าดำ เป็นตาสมเพช ข้อยต้องงามสง่าเป็นนางพญาหงส์ ถ้าเจ้าซ่อยให้ข้อยกลับมาครองบัลลังก์นางพญาหงส์ได้ สิให้ก้มกราบตีน ข้อยกะสิเฮ็ด”
สอางทำท่าจะก้มกราบจริงๆ นางจันทร์รีบประคองไว้
“บ่อต้องเฮ็ดปานนั่นดอก แม่เจ้า มีแนวใด๋ที่แม่เจ้าขอ แล้วข้อยบ่อเคยเฮ็ดให้แนล่ะ
แววตาสอางเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ในเวลาต่อมา นางจันทร์พาสอางมาที่สำนักสมิงพันดง เสากับสีแหล่รออยู่ใต้ถุนเรือน
“แม่เจ้าสอาง ผู้มีวาสนาสูง บุญหนักศักดิ์ใหญ่ เป็นบุญหลายที่ข้าน้อยได้เข้าพบใกล้ๆ แม่เจ้าคือมางามแท้”
สมิงพันดงทักทายยกยอเอาใจ ส่งสายตามองโลมเลีย จนสอางเริ่มไม่ชอบใจ พูดใส่อย่างเย่อหยิ่ง
“เห็นแม่จันทร์ว่าพ่อครูมียาดี ข้อยอยากขอแบ่งมากินแน สิต้องเสียเงินเสียคำท่อใด๋กะว่ามา ข้อยพร้อมจ่ายให้”
สมิงชั่วพูดเย้า “แม่เจ้ายังมีเงินมีคำอีกอยู่บ้อ กะเห็นว่าบ่อได้อยู่กับพ่อเจ้าแล้ว”
สอางหน้าตึง นางจันทร์ปราม
“เจ้าอย่ามาลำเลิกถึงประวัติเพิ่น หน้าที่ของเจ้าคือหาว่านยามาปรุงรักษาให้แม่เจ้ากลับมางาม มีน้ำมีนวลคือตอนยังบ่อทันมีลูก”
“ว่านยาและพิธีรักษามันเป็นสูตรเฉพาะของข้าน้อย ถ้าแม่เจ้าอยากได้ยา ก็ต้องมารักษากับข้าน้อยหลายๆ เทือแหน่ แม่เจ้าคงสิต้องได้เทียวไปเทียวมาสำนักข้าน้อยดู๋ๆ สิสะดวกบ่อล่ะ”
สมิงพันดงพูดพลางส่งสายตาเจ้าชู้มีเลศนัย
“จั่งใด๋กะได้ ขอให้ว่านยาเจ้ามันได้ผลกะแล้วกัน”
สมิงยิ้มกริ่ม แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร จู่ๆ ก็มีเสียงชาวบ้านร้องโวยวายดังขึ้น เสียงดังมาจากตีนบันได
“มันอยู่ไส บักคนอุบาทว์บ้านอุบาทว์เมือง”
“พวกเดรัจสานวิซา ไปลากคอมันลงมา”
“คนซั่วๆอย่าปล่อยมันไว้”
นางจันทร์ สอาง สมิงพันดง ตื่นตกใจไปตามๆ กัน
ชาวบ้านออกันอยู่หน้าเรือน ลูกน้องสมิงพันดงโผล่หน้าออกมาดู แล้วต้องตกใจเมื่อพบว่ามีก้องปะปนอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน ท่าทางยังบาดเจ็บเอามือกุมท้องตลอดเวลา
“บักห่านั่นล่ะที่มันแทงข้อยตกน้ำ” ก้องหน้าลูกน้องสมิง
“ซุมสารเลว มึงลักผ่าท้องศพอีบุญโฮม แล้วยังคิดสิฆ่าบักก้อง” ชาวบ้าน1 หัวหน้ากลุ่มตะโกนด่า
ลูกน้องสมิงตกใจ กรูกันกลับเข้าเรือนไป ชาวบ้านเฮละโลตามขึ้นไป
เสา กะสีแหล่ซุ่มดูอยู่ใต้ถุนบ้าน ริมผลุบหายไป
ลูกน้องสมิงกรูกันเข้ามาหาสมิงพันดงในห้อง
“เสียงเอะอะโวยวายอีหยัง”
“พ่อครู ซุมไทบ้านมันบุกมาจ้ะ” ลูกน้อง1 คนสนิทรายงาน
สมิงพันดงประหลาดใจปนหงุดหงิด “ไทบ้านทางใด๋อีก”
“บักก้องมันบ่อทันตาย มันหนีไปบอกไทบ้านเหมิดแล้ว ว่าเฮาลักไปผ่าท้องศพอีบุญโฮมในป่าซ้า”
สอางกับนางจันทร์ตกใจ ชาวบ้านวิ่งครืนๆ ขึ้นมาบนเรือน
ชาวบ้าน 1ตะโกนเรียก “บักสมิงพันดง มึงอยู่ไส ออกมาถะแม้”
สมิงพันดงกับทุกคนซ่อนตัวเงียบอยู่ในห้อง จนกระทั่งได้ยินเสียงข้าวของตกดังเพล้งที่นอกชาน ทั้งหมดสะดุ้ง
ชาวบ้านโกรธแค้นเข้าไปทำลายข้าวของปลุกเสกตรงโถงทำพิธี สมิงพันดงกับลูกน้องรีบออกไปห้าม
“พวกมึงเซาเดี๋ยวนี่เด้อ มึงบ่อมีสิทธิ์มาม้างเฮือนเพซาน ทำลายข้าวของๆ กู
“หมู่บ้านพวกเฮาบ่อต้อนรับพวกเดรัจสานวิซา ม้างมันถิ่มให้เหมิด แล้วจับโตมันไว้” ชาวบ้าน2 ร้องบอกคนอื่นๆ
ชาวบ้านกรูกันเข้าไปทุบทำลายข้าวของ สมิงพันดงกับลูกน้องเข้าไปห้าม โดนชกโดนเตะกระเด็นออกมา
สอางกับนางจันทร์ชะเง้อคอมองอยู่ในห้อง แล้วถอยกรูดเข้ามาหลบอย่างตกใจ
นางจันทร์เห็นท่าไม่ดี “แม่เจ้า หนีกันเถาะ เบิ่งทรงสิบ่อดีแล้ว เดี๋ยวถ้าไทบ้านมาเห็นเฮาสิเดือดฮ้อนไปนำ”
“แล้วยาของกูเด้”
“ซ่างมันเถาะน่า”
สองคนลนลานหาช่องทางหนีออกจากเรือน แล้วชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง เห็นเสากับสีแหล่ด้านล่าง โบกไม้โบกมือ ช่วยกันเอาบันไดไม้ไผ่มาพาดที่หน้าต่างให้
“เร็วๆ จ้ะ ญาแม่จันทร์ แม่เจ้า”
นางจันทร์ดึงสอางไปที่หน้าต่าง แล้วดันให้ปีนลงไปก่อน ด้วยความร้อนรน
ส่วนที่นอกชานสมิงพันดงกับลูกน้องถูกรุมซ้อมจนน่วม
บ่ายวันนั้นโซ่ทองนั่งฝนยาอยู่บนเรือนแพทย์ สะออนกำลังคัดแยกยาใส่ภาชนะเตรียมนำไปเก็บในห้อง
“อ้ายไปฝนว่านยารักษาไทบ้านมื่อนี่ ไทบ้านบอกว่าสิรวมโตกันไปไล่บักพ่อครูสมิงพันดงออกจากหมู่บ้าน”
“เป็นหยังล่ะอ้าย”
“กะมีคนไปเห็นมันขุดศพเด็กน้อยมาปลุกเสกเฮ็ดกุมารทอง”
สะออนตกใจ “หา เป็นหยังมันคือจิตใจซั่วทรามปานนี่”
“ไทบ้านแห่ไปเผาเฮือนมันไล่ของ ไล่เสนียด”
“ในที่สุด เทวดาฟ้าดินกะมีตา เห็นว่าไผเฮ็ดดี ไผเฮ็ดซั่ว ข้อยดีใจหลาย จากนี่ไปไทบ้านกะสิคืนมาเคารพนับถือวิซาแพทย์ของครูบาอาจารย์เฮา”
“อ้ายกะสิรักษาศักดิ์ศรีและวิซาของครูแพทย์ทุกท่าน อุทิศตน หาว่านหายามาไว้ซ่อยเหลือไทบ้าน สิปลูกต้นว่านต้นยาไว้ให้พอเฮ็ดยาแจกจ่ายรักษาไทบ้าน”
“ข้อยดีใจหลายที่พ่อและผัวข้อยเป็นคนเฮ็ดกุศล สงเคราะห์คนบ่อเลือกซนซั้นวรรณะ”
โซ่ทองมองไปทางประตูบันไดเรือน เห็นศรีธารากับสะหวีวิไลวันเดินขึ้นเรือนมาหา
“ท่านซาย ท่านหญิงสะหวีวิไลวัน”
“เชิญขึ้นเรือนมานั่งพักก่อนเจ้าค่ะ”
สะหวีวิไลวันทักทายทั้งคู่เป็นภาษาอีสาน “พากันขยันแท้น้อ สะออน พ่อแพทย์”
“เตรียมยาไว้ให้อ้ายโซ่ทองเพิ่นเอาไปรักษาแจกจ่ายไทบ้านน่ะเจ้าค่ะ”
“สมกับเป็นลูกหลานของท่านพ่อแพทย์พุทไธแท้ๆ”
“ขอบใจเจ้าค่ะ ท่านหญิง”
ศรธาราเอ่ยขึ้น “วันนี้ผมพาท่านหญิงวันมาพักผ่อน คิดถึงเรือนพุทไธเทพ เลยแวะมาเยี่ยม มาส่งข่าวอ้ายกับสะออนด้วยครับว่าตั้งแต่ท่านพ่อกลับมาจากโรงแพทย์ของบาทหลวงแล้ว อาการท่านก็ดีขึ้น”
“ข้าน้อยดีใจที่ได้ยินข่าวนี้”
“ผมอยากเชิญอ้ายกับสะออนไปเยี่ยมท่านที่วังสักหน่อยครับ”
“ดีเลย ข้าน้อยจะเอายาไปถวายเพิ่นด้วย”
พ่อเจ้านอนพักอยู่บนเตียงในตำหนัก อาการยังอ่อนล้าอยู่มาก โซ่ทองจับชีพจร เจ้าดาราไลอุ้มอังกูรอยู่ในห้องนั้นด้วย
“อาการพ่อเจ้าดีขึ้นมากแล้ว อาจจะอ่อนล้าบ้าง ข้าน้อยจะปรุงยาบำรุงถวาย” โซ่ทองบอก
“ขอบใจมากนะ พ่อแพทย์”
พ่อเจ้ายิ้มเนือยๆ มองดูโซ่ทองด้วยความชื่นชม
“เห็นพ่อแพทย์แล้วอดนึกถึงคุณงามความดีของท่านพ่อแพทย์พุทไธไม่ได้”
“ข้าน้อยก็นึกถึงท่านพ่อแพทย์อยู่เสมอข้าน้อย”
“ถ้าไม่ได้พ่อแพทย์ช่วยไว้ในยามวิกฤต ฉันก็คงจะไม่รอด”
“บ่อดอกข้าน้อย การแพทย์แผนฝรั่งที่โรงแพทย์บาทหลวงนั้นมากกว่าที่ซ่อยพ่อเจ้า”
“อย่าถ่อมตนเกินไปเลย การแพทย์แผนโบราณของครูบาอาจารย์เจ้าก็ช่วยผู้คนไว้มากเหลือคณา”
โซ่ทองพนมมือขอบคุณ “ยิ่งได้ฟัง ข้าน้อยยิ่งสำนึกพระคุณครูบาอาจารย์”
ศรีธาราเสริมว่า “ท่านพ่อดำริกับผมไว้หลายวันก่อน ว่าท่านอยากจะจัดพิธีขึ้นยศแต่งตั้งอ้ายเป็นแพทย์หลวงประจำองค์คนใหม่”
“ตำแหน่งหัวเจ้าบ้านแคนหลวงนั้น ฉันก็อยากจะยกให้พ่อแพทย์ด้วย ฉันเชื่อว่าอำนาจเมื่อตกอยู่ในมือของคนดี บ้านเมืองนั้นย่อมสงบสุข” พ่อเจ้าบอก
ทุกคนล้วนมีสีหน้าปลาบปลื้มยินดีตามจริตใครมัน
สะออนยิ้มชื่น มองโซ่ทองด้วยความรักและศรัทธา โซ่ทองดีใจที่ได้ผลแห่งความวิริยะอุตสาหะของตนมีคนมองเห็น
ศรีธารายิ้มมองคู่รักของสะออนโซ่ทองอย่างมีมุทิตา แล้วหันไปยิ้มให้กับสะหวีวิไลวัน
พ่อเจ้าขยับลุกขึ้นนั่ง หันไปยิ้มให้เจ้าดาราไลที่อุ้มอังกูรอยู่กับอ้อมอกด้วยท่าทีความทะนุถนอม ดาราไลส่งอังกูรให้พ่อเจ้าอุ้ม
“เตรียมตัวไว้เถอะนะ อีกไม่กี่วัน ฉันจะให้ทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อสืบทอดวิชาที่พ่อแพทย์ได้ร่ำเรียนมา”
วันเดียวกันนี้ ญาแม่สอดส่ายสายตาดูทาง จนแน่ใจแล้วจึงพากันเดินขึ้นบันไดเรือนใหญ่กับนางสาย
“อีงอกับสอางพากันออกไปข้างนอกแล้ว นางสาย เจ้าพาข้อยไปเอาของสำคัญแน”
“ของสำคัญ ของอีหยังญาแม่”
“ข้อยสิมาเอากระดูกผัวข้อยไปไว้เฮือนแพทย์”
ญาแม่เดินตรงเข้ามาในห้องพระที่มีกระดูกพ่อแพทย์พุทไธ
ญาแม่ตกตะลึงที่เห็นโถกระดูกสองใบวางเรียงกัน และเกิดความไม่พอใจ
“อีงอ มึงกำเริบเสิบสาน เอากระดูกพ่อมึงมาไว้ในห้องพระของกู”
ญาแม่โกรธจัด เดินเข้าไปหยิบเอาโถกระดูกพ่อแพทย์จันทกุมารจะไปโยนทิ้ง
“เฮือนของผัวกู บ่อแม่นหม่องของพวกมึง”
สายร้องห้าม “ญาแม่ อย่าเฮ็ดอย่างนั่นเลย”
“เป็นหยัง แม่สาย”
“อย่าผูกบ่วงเวรบ่วงกรรมต่อกันอีกเลย ญาแม่ แค่นี่ บ้านเฮามันกะฮ้อนกะไหม้หลายคักแล้ว”
“เจ้าเว้าหยังของเจ้า แม่สาย”
“ญาแม่อย่าเฮ็ดบาปเฮ็ดกรรมอีกเลย ข้าน้อยขอไหว้ล่ะจ้ะ”
ญาแม่สะดุดหู จ้องเขม็ง “เจ้าหมายความว่าจั่งใด๋ ข้อยเฮ็ดกรรมหยัง เจ้าไปฮู้หยังมา เว้ามา”
“บ่อมีหยังดอกจ้ะ ข้าน้อยแค่สิบอกว่า อย่าเฮ็ดกรรมกับกระดูกเพิ่นเลย เฮือนนี่พ่อแพทย์จันทกุมารเพิ่นปลูกเพิ่นสร้าง เพิ่นเป็นเจ้าของมาก่อน กระดูกของเพิ่นกะมีสิทธิ์ที่สิอยู่เทิงเฮือนของเพิ่น แม่นว่าทุกมื่อนี่ มันสิตกทอดถึงลูกถึงหลานคนใด๋แล้วกะตาม”
ญาแม่โมโห “ไสลูกหลานมัน สิมีกะแต่อีงอผู้เดียวนั่นล่ะ และข้อยกะบ่อนับญาติกับมัน”
นางสายพูดดีๆ ด้วย “แต่พ่อแพทย์จันทกุมารเพิ่นกะเป็นครูผู้ให้วิซาความฮู้แก่พ่อแพทย์พุทไธ และลูกซายของข้าน้อยเด้จ้ะ”
“นี่บ้อ เหตุผลที่เจ้ามาห้ามข้อย” ญาแม่จ้องตาจับพิรุธ “หรือมีเหตุผลอื่น”
“บ่อ...บ่อมีจ้ะ”
ญาแม่จ้องตาค้นเอาความจริง เพราะอยากรู้ว่านางสายรู้ความจริงอะไร
“เฮาลงจากเฮือนไปก่อนดีกว่าเนาะ เดี๋ยวแม่งอกลับมา สิเกิดเรื่องวุ่นวาย”
นางสายตัดบทหลบสายตา ญาแม่มองจับพิรุธ เมื่อไม่ได้อะไรก็ยอมเดินออกไปจากห้อง
ระหว่างทางกลับเรือน ญาแม่มีท่าทีร้อนรนใจ อยากรู้ให้ได้ว่าที่นางสายพูดมีนัยอะไรแอบแฝง
“แม่สาย ข้อยยังบ่อหายข้องใจ ที่เจ้าบอกข้อยอย่าเฮ็ดกรรมอีก”
นางสายมีท่าทีกังวลใจ
“เจ้าฮู้เจ้าเห็นหยัง บอกข้อยมา”
“ข้าน้อยเห็นญาแม่กับแม่จันทร์จองเวรจองกรรมกันบ่อจบบ่อสิ้น ตั้งแต่มื่อแรกแล้ว”
สายพูดเป็นนัยพลางสบตากับญาแม่จังๆ ญาแม่นิ่งตะลึงใจหายวูบ นึกสังหรณ์ใจ
“และข้าน้อยกะได้เห็นว่า ซีวิตของญาแม่นับตั้งแต่มื่อนั่นกะทุกข์ขม ฮ้อนไหม้ย่อน ความเคียดแค้นซิงซังจนหาความสุขบ่อได้ ข้าน้อยอยากเห็นญาแม่ปล่อยวางมันลง อย่างน้อยกะเพื่อบ่อให้บาปกรรมมันฮ้ายแฮงขึ้น”
ญาแม่หวาดระแวงขึ้นมา “บาปกรรมหยังของเจ้า”
สายมองเห็นญาแม่ดูตกตะลึงก็รู้ว่าญาแม่เข้าใจความหมายของตน แต่ไม่อยากพูดออกไปตรงๆ
“ข้าน้อยขอเตือนญาแม่ไว้เพียงท่อนี่ดีกว่า จั่งใด๋ข้าน้อยกะเป็นแค่ขี้ข้า บ่อบังอาจสอนเจ้านาย แต่ขอให้ญาแม่ฮู้ว่า ข้าน้อยเตือนในฐานะขี้ข้าที่จงฮักภักดีต่อเจ้าบุญนายคุณจากใจจริง”
สายพูดด้วยท่าทีนอบน้อม ค้อมหัวให้แล้วเดินแยกไปทางโรงทอ ทิ้งญาแม่ได้ยืนหน้าเครียดอยู่ลำพัง และเกิดความหวาดระแวงในตัวนางสายขึ้นมาตะหงิดๆ
สะออนกับโซ่ทองกลับมาที่เรือนแล้ว เห็นญาแม่นั่งเครียดอยู่ตรงระเบียงบ้าน ทั้งสองมานั่งลงตรงหน้า
“ญาแม่ มื่อนี่ข้าน้อยกับอ้ายโซ่ทองไปวังอินทนิลมา พ่อเจ้าเพิ่นบอกให้เฮาเตรียมโต เพิ่นสิแต่งพิธีขึ้นยศให้อ้ายโซ่ทองเป็นแพทย์หลวงประจำองค์จ้ะ” สะออนบอก
“ข้าน้อยสานต่อเวียกงานตามที่พ่อแพทย์เพิ่นปรารถนาแล้วจ้ะ ญาแม่” โซ่ทองเสริม
“พ่อเจ้าเพิ่นยังสิแต่งตั้งให้อ้ายเป็นหัวเจ้าบ้านต่อจากยาพ่อและท่านตานำจ้ะญาแม่”
แทนที่ญาแม่จะออกอาการปลาบปลื้ม กลับนิ่งเฉย สีหน้าเหมือนหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องอื่น โซ่ทองหน้าเสีย
“ญาแม่บ่อดีใจเลยบ้อ ที่อ้ายโซ่เพิ่นสานต่อเวียกงานจากยาพ่อ” สะออนถามย้ำ
“สะออน” โซ่ทองกุมมือเชิงปราม ไม่ให้พูดต่อ
“ญาแม่ไปฮ่วมงานนำกันเด้อ อย่างน้อย ยาพ่อบ่ออยู่ กะยังมีญาแม่เป็นฮ่มโพธิ์ฮ่มไทรของลูกหลาน”
ญาแม่มีสีหน้ากังวล ไม่มีกะจิตกะใจจะสนทนาด้วย
“พวกเจ้าแต่งเอาเถาะ แม่สิไปอยู่บ้านแม่ป้าคำอุ่นจักสี่ซ่าห้ามื่อ”
“ญาแม่...”
“จ้ะ ญาแม่” โซ่ทองรับเอาคำ กุมมือปรามสะออนไม่ให้รบเร้า
ญาแม่ลุกขึ้นแล้วเดินลงเรือนไปเลย โซ่ทองมองตามด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าญาแม่ยังชิงชังรังเกียจตนอยู่ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว คำอ่อนกำลังกังวลเรื่องนางสาย
สอางเดินกระวนกระวาย หงุดหงิดอยู่ในห้องบนเรือนใหญ่กับนางจันทร์
“เจ้าต้องไปตามหาบักพ่อครูสมิงพันดงให้ข้อยเด้อแม่จันทร์ ข้อยอยากได้ยาจากมัน”
“ป่านนี้บักสมิงพันดงมันคงหนีเตลิดไปแล้วล่ะแม่เจ้า คนเหมิดบ้านสาปแซ่งขนาดนี่ เฮาอย่าไปเกี่ยวไปข้องกับมันเลย”
สอางโมโห “ถ้าบ่อมียาจากบักสมิงพันดง นับมื่อข้อยกะคงมีแต่สิเหี่ยวสิแห้งลงไปเรื่อยๆ ข้อยยอมไม่ได้”
สอางหยุดมองตัวเองในกระจกแล้วกระแทกนั่งลง หยิบเหล้ามาดื่มกิน นางงอดึงมือห้ามไว้
“แม่เจ้ากะอย่ากินเหล้าคักหลาย เหล้ายาน่ะมันเป็นของฮ้อน มันสิแผดเผาเจ้าให้เฒ่าลง ถ้าเจ้าเลิกกินเหล้า ผิวพรรณมันกะสิกลับคืนมาเต่งมาตึงคือเก่าเองนั่นล่ะ แล้วอย่าลืมเด้อ ว่าแม่เจ้ายังมีของอย่างหนึ่งที่สิซ่อยเสริมบารมีให้เจ้างามสง่าแบบที่บ่อมีแม่ญิงอีใด๋ในบ้านในเมืองนี่เทียบได้ กะซิ่นลายหงส์นั่นเด้”
สอางนิ่งไป นึกขึ้นมาได้ นางงอเดินไปที่หีบผ้า หยิบซิ่นลายหงส์ขึ้นมา คลี่ออกทาบตัวสอาง
สอางมองดูผ้าซิ่น จิตใจสงบลง ลูบไล้ผ้าซิ่นอย่างหลงใหล
“แม่นความเจ้าว่า ซิ่นลายหงส์ของข้อย...”
สอางพึงพอใจในคำเยินยอ เสากับสีแหล่พรวดพราดเข้ามา
“ญาแม่จันทร์ แม่เจ้าสอาง”
“มีหยัง อีเสา อีสีแหล่”
“พ่อแพทย์โซ่ทองกับแม่สะออนสิขอขึ้นเฮือนจ้ะ” สีแหล่รายงาน
ไม่นานต่อมา สอางกับนางจันทร์นั่งวางมาดอยู่ต่อหน้าโซ่ทองกับสะออนที่ชานเรือนยกพื้น
“ข้อยสิมาขอโถกระดูกยาพ่อน่ะจ้ะ แม่งอ”
“บ่อได้ กระดูกพ่อแพทย์ต้องอยู่เทิงเฮือนใหญ่ เคียงข้างกระดูกยาพ่อของข้อย”
“ซั่น ข้อยขอยืมไปแค่มื่อเดียวได้บ่อล่ะ ญาแม่จันทร์ ข้อยสิอัญเซิญเพิ่นไปฮ่วมพิธีอยู่วังอินทนิล”
สอางแปลกใจ “พิธีหยัง”
“พ่อเจ้าสิแต่งพิธีขึ้นยศ ยกให้อ้ายโซ่ทองเป็นแพทย์หลวงประจำองค์คนใหม่แทนยาพ่อของเฮาจ้ะ ญาเอื้อย” สะออนบอก
สอางตกใจ “พ่อเจ้า....พ่อเจ้า เพิ่น ยัง บ่อตาย อั่น... แล้วเพิ่นเป็นจั่งใด๋แน”
“พ่อเจ้ากะอาการดีขึ้นหลายแล้ว” โซ่ทองตอบด้วยสีหน้าเฉยชา “แผลที่ถืกกระสุนยิง ท่านหมอฝรั่งกะปิ้นปัวรักษาจนหายดีแล้ว”
“พ่อแพทย์เห็นว่าอ้ายมีส่วนซ่อยรักษาเพิ่น กะเลยสิแต่งพิธีประกาศคุณงามความดี ให้ไทบ้านไทเมืองได้ฮู้ทั่วกัน นับแต่นี่ อ้ายโซ่ทองเพิ่นสิได้กลายเป็นแพทย์หลวงที่ไทเมืองอีสานบุรีเคารพนับถือ”
สอางอึ้งไปเมื่อรู้ว่าโซ่ทองกำลังได้รับการอวยเกียรติใหญ่โต
“หากแม่เจ้าบ่อติดธุระเวียกงานหยัง ข้าน้อยกะอยากเซิญไปฮ่วมพิธีนำ”
“ญาเอื้อยไปนำกันเด้อ ในฐานะแม่เจ้าและลูกสาวของพ่อแพทย์พุทไธ ข้าน้อยอยากให้ญาเอื้อยไปฮ่วมงานเพื่อเป็นสิริมงคล”
สอางนิ่งคิด ไม่รู้ว่ายังจะเข้าหน้าใครติดมั้ย
บนเรือนของแม่ครูคำอุ่นเวลานี้ ช่างฟ้อนนางรำกำลังดัดมือ บ้างก็พับผ้าซิ่น ผ้าสไบ หมอแคนเป่าแคน เพลง บายศรีสู่ขวัญ ซักซ้อมเพื่อทำการแสดงอวยยศโซ่ทองที่วังอินทนิล
ญาแม่กลับมาอยู่กับพี่สาวหลายวันแล้ว กังวลกับเรื่องนางสายจนกระวนกระวายไปหมด เอาแต่ถอนหายใจ
“เจ้าเป็นหยังไป คำอ่อน น้องหล่า เป็นหยังถอนใจใหญ่อย่างนั่น”
ญาแม่กลัดกลุ้ม สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าทุกข์ใจ
“ญาเอื้อย... ยังพอสิจำเรื่องเก่าๆ ได้บ่อ”
“เรื่องหยัง”
“ตอนที่ญาเอื้อยฮับนางสายเข้ามาซ่อยเวียกงานในเฮือนข้าน้อย ญาเอื้อยไปพ้อมันอยู่ไส”
“สายมันเป็นคนทางเมืองน้ำดำ มีฝีมือทอผ้า มาได้กันกับหมอแคนทิดทอง แต่แม่ย่าบ่อมัก ย่อนว่าเป็นคนขี้ทุกข์ขี้ยาก ทิดทองเลยพามาปลูกกระท่อมน้อยๆอยู่กันสองผัวเมีย จนตั้งท้อง ก่อนที่ทิดทองสิตาย” (เมืองน้ำดำ = เมืองกาฬสินธุ์)
“ปลูกกระท่อมอยู่ไส”
“ก็เทิงที่ดินของพ่อบักทิดทอง ติดกับสวนปลูกว่านยาของพ่อแพทย์จันทกุมารนั่นล่ะ”
“หา...”
ญาแม่ตกใจอย่างสุดขีด ได้ยินเสียงนางสายดังก้องในหู
“ญาแม่อย่าเฮ็ดบาปเฮ็ดกรรมอีกเลย ข้าน้อยขอไหว้ล่ะจ้ะ”
“เจ้าเว้าคือฮู้เห็นว่าข้อยเฮ็ดกรรมหยังไว้”
“ข้าน้อย...เอ่อ...”
“เจ้าฮู้เจ้าเห็นหยัง บอกข้อยมา”
แม่ครูคำอุ่นเห็นท่าทีน้องสาวแปลกใจจึงออกปากถาม
“เจ้าเป็นหยังบ่อ น้องหล่า”
“บ่อ... บ่อมีหยังจ้ะ ญาเอื้อย”
ญาแม่รีบเดินออกไปที่ชานเรือน พยายามสงบจิตสงบใจ สีหน้าทุกข์ใจใหญ่หลวง
อีกฝั่ง สอางกลับเข้าห้อง ปรึกษากับนางงอ
“แม่เจ้าต้องไปฮ่วมงานอยู่วังอินทนิล ไปให้พ่อเจ้าเห็นหน้า ข้อยเซื่อว่าเพิ่นยังบ่อลืมเจ้าดอก”
“เกิดเรื่องอุบาทว์ฮ้ายแฮงแบบนั่น เจ้าคึดว่าพ่อเจ้ายังสิอยากเห็นหน้าข้อยอีกอยู่บ้อ”
“ผัวเมียเคยกินเคยอยู่ เคยนอนนำกันมา จั่งใด๋กะต้องมีเยื่อใยอยู่บ้าง ที่แม่เจ้าต้องหนีกลับมาอยู่เฮือน กะบ่อแม่นว่าพ่อเจ้าเพิ่นไล่หนี แต่เป็นย่อนซุมลูกซายลูกสาวโตแสบพวกนั่น”
สอางนิ่งฟัง คล้อยตามนิดๆ ว่านางงอพูดถูก
“ลองไปพ้อหน้าเพิ่นเบิ่งจักหน่อย เอามารยาห้าร้อยเล่มเกวียนของแม่ญิงเข้าสู้ เฮ็ดให้เพิ่นใจอ่อนให้ได้”
“มันสิได้ผลบ้อ ถ้าพ่อเจ้าเพิ่นเหมิดศรัทธาข้อยแล้ว” สอางอดกังวลไม่ได้
“เหมิดศรัทธา แต่ยังบ่อเหมิดเสน่หา แม่เจ้ากะสิได้ทุกอย่างทุกแนวคืน พ่อเจ้ามีเงินคำกำแก้วมหาศาล ถ้าแม่เจ้ากลับไปเข้าวังได้ กะสิสุขสำบายกว่านี่ ร้อยเทือพันเทือ เรื่องหยังต้องมานอนเหมิดราคาไปมื่อนึงๆ แบบนี่”
สอางนึกเสียดายชีวิตหรูหราในวัง นางงอเดินไปที่หีบใส่ผ้าซิ่นลายหงส์ คลี่หีบไม้ออก
“ไปโลด นุ่งซิ่นลายหงส์ผืนนี่ไป พ่อเจ้าเพิ่นเคยตกหลุมเสน่หาของแม่เจ้ากะย่อนซิ่นผืนนี่ ก็ให้มันได้แสดงอำนาจวิเศษของมันอีกเทือ”
สอางมองดูผ้าซิ่น เสน่หาในความงามของมัน และเชื่อนางงอ
“แม่เจ้างามที่สุดแล้ว ยามนุ่งครองผ้าซิ่นผืนนี่ ปานว่าสีแดงของมันปลุกเสกเลือดในกายเจ้าให้เปล่งปลั่งมีสง่าราศี แขกคนในงานพิธีสิต้องอัศจรรย์ใจ ออนซอนในความงามสง่าของนางพญาหงส์ในกายเจ้า”
สอางยิ้มลำพองใจ เกิดความกระตือรือร้นที่จะไปทวงบัลลังก์นางพญากลับคืน
พ่อเจ้าขัตติยะฯ ศรีธารา สายวารี ดาราไล เจ้าไกรสี สะหวีวิไลวัน อังกูร สะออน และ นางสาย ตลอดจนแขกคนสำคัญของเมืองอีสานบุรี ทุกคนมารวมตัวกันที่โถงตำหนักใหญ่วังอินทนิล ในเช้าวันนี้โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อร่วมยินดีกับโซ่ทอง
เสียงประโคมดนตรีอีสานแว่วหวานดังก้องกังวานไปทั่วงาน ช่างฟ้อนนางรำลูกศิษย์แม่ครูร่ายรำอย่างชดช้อยสวยงามจบลง พ่อพราหมณ์นำเข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญอันเข้มขลัง โซ่ทองสวมชุดขาว รับตำแหน่งแพทย์หลวง
“ขอบใจทุกท่านที่มาร่วมงานเอิ้นขวัญของข้อยในวันนี้ ขอให้ทุกท่านจงอยู่ดีมีสุข และในวาระนี้ ข้อยขอให้ทุกท่านและฟ้าดินจงร่วมเป็นพยานในการขึ้นยศของพ่อแพทย์โซ่ทอง ลูกศิษย์รักของท่านพ่อแพทย์พุทไธ ดำรงตำแหน่งแพทย์หลวงประจำตัวข้อย พระขัตติยะรามังกูร ผู้ว่าราชการเมืองอีสานบุรี”
โซ่ทองเชิญขันหมากเบ็ง ขึ้นไหว้ครูและสักการะพ่อเจ้าตามประเพณี
“ขอให้ชาวบ้านชาวเมืองของเรา จงสรรเสริญท่านพ่อแพทย์ผู้นี้เช่นเดียวกับที่ข้อยสรรเสริญ ขอให้พวกเรารับขวัญท่านพ่อแพทย์ เพื่อสืบทอดวิชาแพทย์แผนโบราณ ช่วยเหลือรักษาพวกเราให้อยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้าเทอญ”
พ่อพราหมณ์เริ่มทำพิธี “ให้พวกเจ้าเชิญขวัญพ่อแพทย์โซ่ทองพร้อมกันว่า มาเด้อขวัญเอ้ย”
แขกเหรื่อขานรับ “มาเด้อขวัญเอ๊ย มาเด้อขวัญเอ๊ย มาเด้อขวัญเอ๊ย” พร้อมกัน
พราหมณ์โปรยข้าวตอกดอกไม้ใส่ในพาขวัญที่โซ่ทองถือด้วยสองมือ พ่อเจ้าเจิมแป้งที่หน้าผากให้โซ่ทอง
สะออนมองดูสามีด้วยความภูมิใจ นางสายปาดน้ำตา ปีติยินดีกับบุญวาสนาของลูก
โถกระดูกของพ่อแพทย์วางอยู่บนโต๊ะท่ามกลางดอกไม้บายศรีเครื่องบูชา
สีหน้าของทุกคนชื่นมื่นเบิกบาน ยินดีกับโซ่ทองอย่างจริงใจ พ่อเจ้า เจ้าดาราไลอุ้มอังกูร เจ้าไกรสี ศรีธารา นั่งคู่กับสะหวีวิไลวัน สายวารี ข้าหลวง ทองมี สะออน
นางสายน้ำตาคลอ ปลื้มปีติ โดยไม่รู้ว่าวันเดียวกันนี้ ญาแม่คำอ่อนมีแผนจัดการหมายเอาชีวิตตน
ญาแม่เดินขึ้นมาบนเรือนนางสายด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ แล้วล้วงหยิบห่อรากว่านมือผีออกมา พึมพำกับตัวเอง
“เจ้าห้ามบ่อให้ข้อยเฮ็ดบาปเฮ็ดกรรม นั่นล่ะ ข้อยยิ่งต้องได้เฮ็ด ย่อนว่าถ้าข้อยบ่อเฮ็ดบาปกับเจ้ามื่อนี้ มื่อหน้า ลูกหลานกะมีอันต้องเหมิดศรัทธาที่ได้ฮู้เรื่องบาปของข้อย อโหสิกรรมให้ข้อยสาเด้อ นางสาย บุญคุณเจ้ามีต่อข้อยนั้นหลายคัก ข้อยสิตอบบุญแทนคุณเจ้า ของกินแนวใด๋ที่เจ้ามักบกิน ข้อยสิใส่บาตรหยาดน้ำไปให้ดอก
ญาแม่ใช้รากว่านมือผีกวนน้ำในแอ่งน้ำดื่มบนชานเรือน แล้วทิ้งไปในกองใต้ก้นตุ่มน้ำข้างบ้านของนางสาย
ส่วนที่วังอินทนิล พิธีอวยยศแต่งตั้งโซ่ทองจบลงอย่างงดงามตามประเพณี
พ่อเจ้าจัดเลี้ยงอาหารแขกเหรื่อในงานเฉลิมฉลอง ให้เกียรติโซ่ทองมาร่วมวงกินพาข้าวร่วมกับตนและแขกเจ้าใหญ่นายโต เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก พ่อเจ้ากล่าวชื่นชมสรรเสริญพ่อแพทย์โซ่ทองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พ่อแพทย์โซ่ทองท่านเป็นศิษย์รักของท่านพ่อแพทย์พุทไธ พ่อแพทย์ท่านถ่ายทอดวิชาความรู้ทางการแพทย์ให้ และยังยกลูกสาวคนเล็กให้เป็นศรีภรรยาด้วยนะ”
พ่อแพทย์บุ้ยใบ้เหลียวไปมองชื่นชมความงามของสะออน ที่อุ้มอังกูร และพูดคุยอยู่กับดาราไล สะหวีวิไลวัน และสายวารีอยู่
“นั่นล่ะ ญาแม่สะออน”
“พ่อแพทย์พุทไธท่านมีลูกสาวเหลืออีกมั้ยขอรับ กระผมชักจะอยากมีวาสนาได้ถวายตัวเป็นศิษย์ด้วยคนขอรับ” แขก1 เย้า เรียกเสียงหัวเราะสนุกสนานจากคนในวงพาข้าว
ระหว่างนี้เองสอางและนางจันทร์เดินนวยนาดเข้ามาในงานพอดี ทุกสายตาหันไปจับจ้อง สอางนุ่งซิ่นลายหงส์อันงามสง่า เดินวางเชิดหยิ่งจองหองในศักดิ์ศรีความเป็นนางพญาหงส์
นางจันทร์มองไปที่วงพาข้าวพ่อเจ้า “นั่น พ่อเจ้านั่งอยู่นั่น มีแต่แขกเจ้าใหญ่นายโต แม่เจ้าฟ่าวเข้าไปแสดงโตสา”
สอางเดินฝ่าสายตาฝูงชนที่มองมาด้วยความรู้สึกทึ่งระคนประหลาดใจที่สอางกล้าบากหน้ามาร่วมงานทั้งๆ ที่ทำเรื่องอื้อฉาวเอาไว้ สอางพนมไหว้พ่อเจ้าท่าทีชดช้อย ทักทายด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
“พ่อเจ้า ข้าน้อยขอไหว้ ขอสมมาเจ้าค่ะที่มาบ่อทันพิธีขึ้นยศแพทย์หลวงให้น้องเขย”
พ่อเจ้ามองมาด้วยท่าทีหมางเมินเฉยชา
“จริงๆ ถ้าเธอติดธุระ จะไม่มา ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ”
“บ่อมาได้จั่งใด๋ล่ะเจ้าคะ คนในครอบครัวได้กินยศกินตำแหน่งสูงศักดิ์ กะต้องมาฮ่วมยินดี อ้อ” สอางพูดเสียงดังแสดงตน “ข้อยขอต้อนฮับทุกท่านเด้อ หลายคนคงฮู้ว่าข้อย คือแม่เจ้าสอาง ซายาพระขัตติยะรามังกูร เจ้าเมืองอีสานบุรี”
“ผู้ชายเขาจะคุยกันประสาผู้ชาย แม่ญาแม่ญิงไปอยู่ด้วยกันวงนู้นไป”
พ่อเจ้าชี้ไปทางวงพาข้าวสะออน ขณะที่สะออนกำลังส่งลูกให้ดาราไลอุ้มพอดี
“นั่นอังกูร ลูกซายข้าน้อย อังกูรคงสิคึดฮอดแม่หลาย เบิ่งดู๊ล่ะ มีแต่คนยาดกันอุ้ม” สอางอวดโอ้กลายๆ
“ปล่อยให้สะออนดูแลอังกูรดีกว่า เธอจะทำอะไรก็จะได้สบายตัว หรือถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว จะกลับบ้านไปก็ไม่มีใครว่า”
สอางฉุนขาด แววตาแข็งกร้าวขึ้นมาแว่บหนึ่ง รีบยิ้มกลบเกลื่อนความอับอายที่ถูกผัวพูดหักหน้า ลุกขึ้นเดินไปหยิบแก้วไวน์ที่จัดวางไว้รอแขก กรอกไวน์เข้าปากล้างไฟโทสะในอุรา
ออกจากเรือนนางสาย ญาแม่คำอ่อนตรงมายังโรงทอผ้า ทำทีว่ามาดูคนงานทอผ้า และเอ่ยถามขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“โซ่ทองกับสะออนสิกลับคืนมายามใด๋ เขาได้บอกพวกเจ้าไว้บ่อ”
“น่าสิแลงๆจ้ะ ญาแม่” บ่าว1 บอก
“เสร็จพิธีแล้วพ่อเจ้าคงสิให้กินข้าวอยู่วังนั่นล่ะ พวกเจ้าไปเฮ็ดเวียกเฮ็ดงานซะ ข้อยสิทอผ้าขาวไว้ถวายแม่ซีสะอาด”
“จ้ะ พวกข้าน้อยสิไปเก็บใบหม่อนมาเลี้ยงไหมจ้ะ” บ่าว2 ว่า
ญาแม่ไม่ได้ใส่ใจฟัง เพราะหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องอื่นจนสีหน้าเครียด มือจับฟืมทอผ้าไปอย่างสติเลื่อนลอย พวกบ่าวสังเกตเห็นชัดเจนว่าญาแม่ดูมีความกังวลและไม่เป็นสุขเอาเลย
งานเลี้ยงที่วังอินทนิลดำเนินไป สอางจิบไวน์ไปหลายแก้ว เริ่มเมากรึ่มได้ที่ กรีดแขนกรายมือฟ้อนรำไปกับเสียงดนตรี มองไปเห็นสะออนนั่งเคียงข้างโซ่ทองสีหน้าระรื่นอยู่ในวงพาข้าวพ่อเจ้าและแขกเหรื่อ ก็เกิดความริษยาน้องสาว
“หน้าบานเป็นกลองเพลเลยเนาะมึง อีสะออน บักโซ่ทอง พวกหมากพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี”
นางงอเดินเข้ามาปราม
“กินแต่พองามเด้อ แม่เจ้า อย่ากินจนเมาหัวราน้ำ”
“อย่ามาสั่งสอน ในวังนี่ มึงฮู้บ่อว่าไผมีบารมีรองลงจากพ่อเจ้า กะกูนี่เด้ แต่พ่อเจ้าเพิ่นกำลังมีปัญหากับกู”
“อย่าเพิ่งยอมแพ้ ไปเอาลูกมาเป็นเครื่องมือต่อรองพ่อเจ้า พ่อเจ้าฮักลูก จั่งใด๋กะต้องฮักแม่ของลูก เซื่อข้อยเถาะ”
“เออว่ะ กูยังมีลูก ไสล่ะ ลูกกู” สอางส่งเสียงดังเอะอะร้องหาลูก “อังกูรลูกแม่... อังกูรอยู่ไส...”
สอางมองไปเห็นเจ้าดาราไลอุ้มอังกูรคุยอยู่กับสายวารี และดูท่าทางอังกูรมีความสุข สอางปรี่เข้าไปหาเรื่อง นางงอรีบตามไปดู
“ลูกกูอยู่ไส เอาลูกกูมานี่”
สอางตรงไปกระชากตัวอังกูร ดาราไลกลัวตกใจ หันหน้าหนี
“แม่เจ้า ค่อยๆ เจ้าค่ะ เดี๋ยวเพิ่นสิเจ็บ”
“นี่มันลูกกู บ่อแม่นลูกมึง”
สายวารีโมโหมาก “ท่านพี่ดาราไล อย่าเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่เจ้าเลยค่ะ หล่อนไม่มียศศักดิ์อะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกแล้ว”
สอางโกรธโวยวายอาละวาดดังลั่น “อ๋อ ที่บ่อให้กูเกี่ยวข้องกับโคตรเหง้าของพวกมึง กะย่อนพวกมึงเตรียมสิยกยออีนี่ขึ้นเป็นแม่เจ้าคนใหม่แม่นบ๊อ กูว่าแล้วตั้ว... ที่มึงมายุ่งยากวุ่นวายกับลูกกูนิ่ มึงเห็นว่าลูกกูเป็นลูกเจ้าเมือง มีเซื้อสายกษัตริย์ สิได้สืบทอดบัลลังก์เป็นเจ้าเมืององค์ใหม่ แม่นบ๊อ”
“เจ้าดาราไลท่านก็มีเชื้อสายกษัตริย์เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องใช้เด็กอ้างอิงฐานะตนเหมือนที่ใครบางคนกำลังทำ และทำด้วยความหน้าด้านซะด้วย”
“ปากดีแบบนี่ล่ะ สิถืกตบเอาง่ายๆ”
“สกุลรุนชาติต่ำที่สุด เธอมาเกิดร่วมท้องกับพี่สาวน้องสาวได้ยังไง ทั้งสองคนนั้นมีแต่คนดี ไม่ใช่ผู้หญิงไร้ยางอายเหมือนเธอ”
“อย่ามาปากปลาแดก ข้อยสิมาเอาลูก”
สายวารีพูดแทงใจดำ “ถามลูกก่อนสิ ว่าอยากจะอยู่กับแม่อย่างเธอมั้ย”
“มันเป็นเรื่องของข้อยกับลูก คนอื่นมาเสือกหาสะแตกหยัง”
“ฉันไม่ยุ่งแน่ ถ้าที่นี่ไม่ใช่วังของพ่อฉัน แล้วอังกูรไม่ใช่น้องฉัน” สายวารีหันมาทางดาราไล “ท่านพี่ พาน้องไปที่อื่นก่อนค่ะ น้องจะจัดการผู้หญิงคนนี้เอง”
ดาราไลรับคำแล้วรีบอุ้มอังกูรออกไป
“เอาลูกกูมา เอาลูกกูมา”
สอางยื้อแย่งแล้วตบสายวารีด้วยความโมโหจนคว่ำ ก่อนจะไล่ตามออกไป
อังกูรตกใจร้องไห้ดังลั่น ดาราไลกลัวอารมณ์อันรุนแรงของสอาง ดึงอังกูรกลับมากอดไว้แน่นอย่างปกป้อง วิ่งหนีไปอีกทางของโถงใหญ่ท่ามกลางสายตาแตกตื่นของแขกเหรื่อในงาน
ดาราไลอุ้มอังกูรวิ่งหนีมา มีสอางกรีดร้องวิ่งไล่ตามไม่ลดละ ผู้คนในงานแตกตื่นตกใจ ดนตรีหยุดบรรเลง ช่างฟ้อนนางรำตกใจ วงแตกกระเจิง ทุกคนหันขวัมองตามเสียงกรี๊ดของสอาง
“ญาเอื้อย...”
สอางกรี๊ด “อีซาติซั่วนี่มันสิลักลูกกู จับมันไว้ มันสิลักลูกกูไป เอาลูกกูคืนมา”
“สอาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ วันนี้เป็นพิธีมงคล เธออย่ามาทำเรื่องอัปมงคลให้เป็นมลทินแก่พิธี” พ่อเจ้าลุกมาขวางส่งเสียงอันทรงอำนาจตวาดขึ้น แต่ไม่เป็นผล
“กะซ่าง ข้าน้อยบ่อสน แต่ลูกเป็นเลือดเนื้อของข้าน้อย ถึงพ่อเจ้าสิบ่อฮักข้าน้อย แต่ข้าน้อยฮักลูก เอาลูกข้าน้อยมา อีพากนี่มึงยังสิหน้าด้านอยู่ได้ เอาลูกกูคืนมา!
“เธอทำตัวอย่างนี้ ยิ่งทำให้ชาวบ้านชาวเมืองสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นแม่ของเด็ก”
ความเมาประสมความคับแค้น สอางขึ้นมึงกูแสดงธาตุแท้ออกมา
“กูนี่เด้แม่ของมัน พวกมึงเบิ่งไว้ กูนี่ล่ะ แม่เจ้าสอาง ซายาพระขัตติยะรามังกูร เจ้าเมืองอีสานบุรี อังกูรมันบุญวาสนาสูง มีพ่อเป็นเจ้าเมือง มีแม่เป็นนางพญาหงส์”
อังกูรตกใจร้องไห้ดังลั่น
“เอาลูกกูมา เอาลูกกูมา”
สอางเข้าไปยื้อแย่ง ฉุดกระชากลากดึงเอาลูกมาให้ได้ ดาราไลกอดอังกูรไว้แน่น ขอร้องดีๆ
“อย่าเฮ็ดเด็กน้อยเลย เหลือโตนเพิ่นเถาะ ข้าน้อยขอไหว้ล่ะ เด็กกำลังเจ็บ ปล่อยเพิ่นเถาะเจ้าค่ะ”
“มึงนั่นล่ะปล่อย กูบ่อมีทางปล่อยดอก นี่ลูกกู”
“ข้าน้อยขอไหว้ล่ะ อังกูรเพิ่นเจ็บจนแดงเหมิดแล้ว ปล่อยมือสาเด๊อเจ้าค่ะ”
“ปล่อยไป เขาก็หาว่ากูบ่อแม่นแม่มันตั้ว”
ดาราไลสงสารอังกูรร้องไห้โฮ ยอมปล่อยอังกูรให้ เด็กชายร้องจ้า
“สูเห็นแล้วแม่นบ่อ ว่าไผเป็นแม่มันโตจริง กูนี่เด้ แม่เจ้าสอาง นางพญาหงส์ผู้สูงศักดิ์”
พ่อเจ้าโกรธจัด ประกาศก้อง “พี่น้องทุกคน พวกท่านอยากให้ใครเป็นแม่ของลูกข้อย”
แขกเหรื่อในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังเซ็งแซ่ ไปในทางดูถูกสอางทั้งสิ้น
“พ่อเจ้าเว้าบ่อให้เกียรติเมียโตเอง บ่อให้เกียรติแม่ญิงที่อุ้มท้องตั้งเก้าเดือน”
“ส่งลูกมาให้ฉัน สอาง”
สอางมึนเมาเดินโซซัดโซเซ ศรีธาราและสายวารีได้จังหวะ เข้าไปฉวยชิงเอาอังกูรออกมา
“เอาลูกกูคืนมา”
สอางกรีดร้องกระทืบเท้าด้วยความแค้นใจ สะออนกับโซ่ทองรีบลุกขึ้นไปหา
“ญาเอื้อย พอเถอะจ้ะ อายไทบ้านไทเมืองเพิ่น”
พ่อเจ้าประกาศก้อง “ลูกของฉันเกิดจากใครก็ช่าง แต่คนที่จะเลี้ยงดู ต้องเป็นผู้หญิงที่รักลูกฉัน ต้องเป็นผู้หญิงที่รักและซื่อสัตย์ต่อฉัน ผู้หญิงระยำสำส่อนอย่างเธอ อย่าเอามลทินมาแปดเปื้อนชีวิตลูกฉัน เอาเศษชีวิตของเธอออกไปจากที่นี่ซะ จะไปขึ้นสวรรค์หรือนรกขุมไหนก็ไป อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก”
“กูบ่อไป หม่องนี่คือวังของกู กูคือแม่เจ้าสอาง กูเป็นนางพญาหงส์”
“ลากปีกแม่นางพญาหงส์นี่ออกไปทิ้งไกลๆ จากวังของฉันเดี๋ยวนี้ อย่าให้อยู่เป็นเสนียดจัญไร ออกไป”
บ่าวไพร่กรูเข้ามาลากตัวสอางออกไป สอางกรีดร้องสุดเสียง ร้องไห้ฟูมฟายน้ำหูน้ำตานองหน้า
“บักเฒ่า มึงกล้าดีจั่งใด๋ ให้อีพวกขี้ข้าซั้นต่ำมาแตะเนื้อต้องโตนางพญาหงส์อย่างกู”
ทุกคนมองสอางด้วยความสมเพช สะออนเดินน้ำตาไหลอาบแก้มตามไปมีโซ่ทองคอยประคอง
ญาแม่นั่งทอผ้าจนได้ผ้าขาวบริสุทธิ์เต็มผืน
บ่าวอีกสองคนจากโรงครัว คนละคนกับที่ไปใบหม่อน ยกพาข้าวมาส่งที่โรงทอผ้า วางบนแคร่แล้วหันไปเรียก
“ญาแม่ กินข้าวกินน้ำก่อนเด้อ” บ่าว3 เรียก
บ่าว4 ถือขันน้ำเดินตามมา วางลงข้างๆ พาข้าว
“กินข้าวน้ำซ่ามปลาก่อนเด้อ ญาแม่เอ้ย”
“เอาวางไว้นั่นล่ะ พวกเจ้าไปหาเฮ็ดเวียกเฮ็ดงานสา”
ญาแม่ออกจากกี่ มานั่งที่แคร่ทอดสายตามองดูผ้าขาวที่ทอเสร็จ เอามือลูบไล้ผ้านึกถึงแม่ชีสะอาด
“สะอาด ถ้าเจ้าใฝ่ไปทางธรรม ทางหลุดพ้น แม่กะสิทอผ้าขาวให้เจ้า ให้แม่ได้เพิ่งใบบุญ ได้เกาะซายผ้าขาวขึ้นสวรรค์ไปนำ แม่ทุกข์ใจหลาย ฮ้อนไหม้คือตกนรกทั้งเป็น”
ญาแม่หันไปมองพาข้าวที่บ่าวยกมาให้ แต่รู้สึกกินอะไรไม่ลง คว้าขันน้ำมาดื่มแก้กระหาย มองผ้าอย่างชื่นชม
สอางกลับมาถึงเรือนพุทไธเทพแล้ว เวลานี้กำลังอาละวาดขว้างข้าวของกระจายลงบนพื้น กรีดร้องด้วยความเจ็บแค้น นางจันทร์ยืนดูนิ่งๆ
“เป็นย่อนมึงผู้เดียว อีสาระแน ยุแยงให้กูไปเฮ็ดโตอับอายขายหน้าไทบ้านไทเมือง”
“ข้อยบ่อได้ตั้งใจ ข้อยเองกะบ่อฮู้ว่าพ่อเจ้าสิมีเมียใหม่ไวปานนี่ อีนั่นมันกะหน้าด้าน คงจ้องจับพ่อเจ้าเป็นผัวโดนแล้วล่ะ พอรวบหัวรวบหางได้ กะยึดเอาเทิงลูกเทิงผัว เทิงวังอินทนิล”
“อีแม่ญิงแพศยา ยาดผัวคนอื่น กูอยากปาดเนื้อมันโยนให้หมากิน”
“พ่อเจ้ากะกำลังหลงเมียใหม่ เพิ่นเลยยังบ่อสนใจเจ้า”
สอางกรี๊ด “มึงสิเว้าซ้ำเติมกูหาสะแตกหยัง อีงอ กูบ่อได้อยากฮู้ หุบปาก กูบ่ออยากได้ยิน หนีไปไกลๆ ออกไปจากห้องกู”
สอางอาละวาดเสียงดังโวยวาย ขว้างข้าวของตะเพิดไล่นางจันทร์อย่างไม่ไว้หน้า
นางจันทร์ฉุนกึกออกจากห้องสอางมาที่นอกชาน เจอเสากับสีแหล่เดินขึ้นมาส่งข่าว
“ญาแม่คำอ่อนกลับมาแล้วจ้ะ ญาแม่จันทร์”
นางงอยิ้มเยาะ “ฮึ ในที่สุดมันกะซมซานกลับคืนมา ตอนนี่มันอยู่ไส”
“อยู่โฮงต่ำผ้าจ้ะ”
“โฮงต่ำผ้าของมัน แต่อยู่ในเขตที่ดินของพ่อกู มึงว่าไผสิซนะ”
นางจันทร์ยิ้มร้ายเดินนำลงเรือนไป
นางจันทร์เดินนวยนาดเข้ามาในโรงทอพึมพำกับตัวเอง
“มึงคึดว่ามึงเป็นใหญ่ในบ้านพ่อกูซั่นบ้อ มื่อนี่ล่ะ มึงสิบ่อมีแผ่นดินอยู่ กูสิไล่มึง สิฮื้อโฮงต่ำผ้าของมึงถิ่มให้เหมิด”
“ซ่อยกูแน้... ไผกะได้ ซ่อยกูแน้...”
นางจันทร์ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคนร้องด้วยความทุกข์ทรมาน จึงส่งเสียงถามไป
“นั่น เสียงหยังน่ะ ไผ... ไผสิตาย”
เมื่อเดินตามเสียงไป ก็เห็นคำอ่อนกำลังดิ้นทุรนทุรายกระอักเลือดอยู่กับหูกทอผ้า นางจันทร์ช็อก
“อีคำอ่อน”
“ซ่อยกูแน้... ไผกะได้ ซ่อยกูแน้...”
นางงอตั้งสติได้ ยืนมองดูภาพนั้น นึกถึงภาพตอนพ่อตัวเองถูกยาพิษ พ่อแพทย์จันทกุมารดิ้นทุรนทราย อาการคล้ายกันกับคำอ่อนเวลานี้ไม่ผิดเพี้ยน
ไม่นานนักโซ่ทองกับสะออนซึ่งกลับมาถึงเรือนและมีบ่าวไปตาม พากันวิ่งพรวดพราดเข้ามาในโรงทอผ้า ถลาเข้าไปหาญาแม่เวลานี้เนื้อตัวเขียวคล้ำ อาการคนต้องยาพิษสำแดงชัดแจ้ง
“ญาแม่”
“ญาแม่ เกิดหยังขึ้น แม่งอ ญาแม่เป็นหยัง”
“ข้อยบ่อฮู้”
สะออนน้ำตาไหลพราก ตกใจสุดขีด “ญาแม่เป็นหยัง ตั้งสติดีๆ ก่อนเด้อญาแม่”
โซ่ทองตรวจอาการ ญาแม่ดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์จากยาพิษ
“สะออน ญาแม่ต้องยาพิษ”
บ่าวประคองพาญาแม่มาบนเรือนนางสาย โซ่ทองโขลกยาถอนพิษอย่างรวดเร็ว ผสมน้ำให้ญาแม่ดื่มกินเข้าไป ญาแม่อาเจียนออกมาจนหมดเรี่ยวแรง โซ่ทองฝนยาแก้พิษละลายน้ำในขันให้ดื่ม ญาแม่ล้มตัวนอนหมดสติไป แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
“แข็งใจไว้ก่อนเด๊อ ญาแม่”
สะออนขวัญเสีย ประคองญาแม่ลงนอน ปาดน้ำตาสะอื้นไห้ด้วยความตกใจระคนสงสารมารดา
“อ้าย ข้อยย่าน... อ้ายต้องซ่อยญาแม่ให้ได้เด๊ออ้าย”
“อ้ายสิเฮ็ดจนสุดความพยายาม เฮาต้องซ่อยกันเด้อ”
สะออนพยักหน้ารับเอาคำ ซบหน้าร้องไห้กับโซ่ทอง
สะออนกับโซ่ทองเดินลงมาจากเรือน เห็นนางสาย นางจันทร์ เสา สีแหล่ และบ่าวคนอื่นๆ รอฟังข่าวอยู่ตรงลานหน้าเรือน นางจันทร์ร้อนตัว เอ่ยขึ้น
“อย่ามาแนมหน้ากูแบบนั่นเด้อบักโซ่ กูบ่อได้เฮ็ดหยัง พอเข้าไปในโฮงต่ำผ้า กะเห็นมันซักดิ้นซักงออยู่แล้ว ถึงกูสิซังมัน แต่กูกะบ่อเฮ็ดวิธีสกปรกอย่างนี่ดอก”
“พวกเฮาทุกคนกะบ่อฮู้บ่อเห็นหยังเลยจ้ะ” เสาว่า
“อีพวกขี้ข้าโฮงครัวนั่นล่ะ บ่อฮู้มันเอาหยังให้ญาแม่กิน”
สีแหล่ชี้ไปทางบ่าวสองคนที่ยืนร้องไหสะอึกสะอื้นอยู่กับนางสาย
“พวกข้อยบ่อได้เฮ็ด ให้ไปสาบานเจ็ดวัดเจ็ดวากะได้” บ่าว3 พูดไปร้องไห้ไป
บ่าว4 ร้องไห้ไม่หยุด เสริมว่า “ข้อยสิฆ่าญาแม่เฮ็ดหยัง พ่อแพทย์ เพิ่นดีกับพวกข้อยมาตลอด”
นางสายคาใจ “เจ้าเอาข้าวปลาพวกนั่นมาแต่ไส”
“ข้อยกะไปเฮ็ดอยู่ครัว เฮือนนางสายนั่นล่ะจ้ะ”
บ่าว3บอก พลางร้องไห้สะอื้นไห้ต่อไม่หยุด นางสายมีสีหน้าสงสัย
นางสายเดินเร็วรี่กลับไปที่เรือน มีพวกบ่าวรีบตามมา
“พวกสูตักน้ำมาจากแอ่งใด๋”
“ก็แอ่งอยู่บ้านนางสายนี่ล่ะจ้ะ” บ่าว3 ชี้ไปยังแอ่งใส่น้ำฝนดื่นตรงชานเรือน
นางสายเดินไป เอากระบวยตักน้ำขึ้นมาจากแอ่งจะดมดูกลิ่น สะออนกับโซ่ทองตามมา รีบร้องห้าม
“อีแม่ อย่าจ้ะ”
โซ่ทองแย่งกระบวยไป “ถ้ามีหยังอยู่ในน้ำนั่นอีหลี มันสิเป็นอันตราย”
บ่าว4 งงๆ “แต่ข้อยบ่อได้ผสมหยังลงไปอีหลีเด้จ้ะ พอจัดพาข้าวแล้ว กะตักน้ำใส่ขันไปให้ญาแม่เพิ่นกิน”
“แล้วพวกเจ้าได้กินน้ำจากแอ่งนี่บ่อ” สะออนถาม
บ่าวทั้งสองส่ายหน้า โซ่ทองสั่งหน้าเครียด
“ไปเอาขันมาตักน้ำนี่ไว้ ขันนึง ข้อยสิเอาไปตรวจ”
สอางรู้ข่าวเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีหวาดระแวง สับสน กับสิ่งที่เกิดขึ้น นางจันทร์กลับขึ้นมาบนเรือนแล้ว
“แม่นมันเกิดหยังขึ้นกับซีวิตคนใกล้โตของกู ลมพัดลมเพ ล้มป่วยล้มตายกันไปเหมิด กูสิบ้าตาย”
“ถึงแม้ว่าใจข้อยสิมัวหมองปานใด๋ มือของข้อยกะบริสุทธิ์เด้ แม่เจ้า ข้อยบ่อเคยฆ่าคน และกะบ่อเคยคึดสิเฮ็ด”
สอางมองเหล่ “บ่อแม่นมึง แล้วมันสิมีไผอีก”
“ข้อยสิไปฮู้บ้อ ว่าญาแม่ของแม่เจ้าไปสร้างศัตรูไว้ทางใด๋อีก แต่เว้าขึ้นมา กะน่าแปลกใจ อาการของอีคำอ่อน มันคืออาการญาพ่อของข้อยตอนเพิ่นต้องยาพิษจากพาข้าวในวัด ก่อนที่เพิ่นสิตาย”
“ญาพ่อมึงกะตายย่อนยาพิษซั่นบ้อ แล้วไผเป็นคนเฮ็ด”
“ไม่มีใครรู้ดอกจนถึงวันนี้” นางจันทร์
ค่ำคืนนั้นญาแม่ยังคงนอนซมไม่รู้สึกตัว สะออนนั่งเฝ้าไข้ดูแลอยู่ข้างๆ คอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดมือที่ร้อนผ่าวๆ ศรีธารารู้ข่าวแวะมาเยี่ยม เหลือบมองญาแม่อย่างเป็นห่วง ปรารภกับโซ่ทองขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“ผมว่าอาการของญาแม่น่าเป็นห่วงมาก อ้ายน่าจะพาท่านไปรักษาที่โรงแพทย์ของท่านบาทหลวง ดีมั้ย ผมจะเป็นธุระให้”
“สังขารญาแม่อ่อนแอมาก คงจะเดินทางไกลไม่ไหวดอกท่านชาย เรณูนครไกลเกินไป คงจะต้องรักษากันให้ดีที่สุดบนเรือนนี้”
“ตกลงว่าท่านป่วยเป็นอะไรครับ”
โซ่ทองมองไปทางญาแม่ “อาการเหมือน...จะต้องยาพิษ”
โซ่ทองหยิบขันน้ำมาส่งให้ศรีธาราดู
“ข้าน้อยถึงได้เก็บตัวอย่างนี้ไว้ และจะขอรบกวนท่านชายส่งไปตรวจกับท่านหมอฝรั่งสักหน่อยว่ามันมีพิษอะไรปนเปื้อนอยู่หรือไม่”
ศรีธารามองดูน้ำในขันแล้วพยักหน้า
“ได้ครับ”
ทั้งสองหันกลับไปมองญาแม่ที่นอนซมอยู่ เห็นสะออนสะอื้นไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม อีกมุมหนึ่งใกล้ๆ กันนั้นนางสายนั่งหน้าเครียดจัด แววตาไหวระริก ปะติดปะต่อเรื่องราว เหมือนล่วงรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว
ญาแม่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อกาฬออกเต็มหน้า ใต้เปลือกนั้นดำดิ่งกลับไปในอดีตตอนเป็นสาว
วันหนึ่งเวลานั้นเมื่ออดีต ภายในสวนเขตบ้านท้าวบุดดา ญาแม่คำหอม พ่อกับแม่ของคำอ่อน สองหนุ่มสาวคำอ่อนและพุทไธเดินชมสวนด้วยกันอย่างมีความสุข
พุทไธเหลียวมองอย่างสนใจ “สวนว่านยานี่ ไผเป็นคนปลูกน้อ คำอ่อน”
“ญาพ่อญาแม่ของข้อย เพิ่นมักปลูกกกไม้กกไหล่ยามว่างจากเวียกงานน่ะอ้าย”
“พ่อท้าวบุดดากับญาแม่คำหอมเพิ่นมีปัญญาสูงหลาย ต้นไม้พวกนี่มันให้คุณเป็นยาเด้ เจ้าฮู้บ่อ”
“อีหลีบ้ออ้าย ข้อยกะฮู้แค่บางต้น บ่อคืออ้ายดอก เฮียนวิซาแพทย์ กะหยั่งฮู้ได้ว่ากกไม้กกใด๋ให้คุณเป็นยาหยังแน”
“ข้อยกะต้องฮู้ ย้อนว่าต้องใซ้คุณวิเศษของมันปิ้นปัวรักษาคนเจ็บคนไข้”
“ต้นนี้แม่นต้นหยังอ้าย”
“อันนี้เป็นต้นว่านมือผี ลำต้นกับใบของมันเป็นยาดี แต่ฮากของมันมีพิษฮ้ายแฮง ไผต้องพิษมันกะถึงตาย”
“เป็นตาย่านแท้ ข้อยสิสั่งให้คนมาฟันถิ่มให้เหมิด”
“อย่าฟันมันถิ่มเลย เก็บเอาไว้ ต้นไม้พวกนี้ ใซ้มันเป็นคุณ มันกะให้คุณ ใช้ให้มันเป็นโทษ มันกะให้โทษ อยู่ที่ใจเฮาสิเลือกเอาคุณหรือเอาโทษของมัน”
คำอ่อนรับฟังข้อมูลว่านยา ต้นนั้น ต้นนี้ และจดจำไว้แม่น
ในเวลาต่อมาพ่อท้าวบุดดากำลังสนทนาอยู่กับญาแม่คำหอมที่นั่งนับเพชรนิลจินดาอยู่บนชานเรือน คำอ่อนนั่งพับผ้าแพรอยู่บนพื้นใกล้ๆพ่อแม่
“ข้อยให้คนไปสืบเบิ่งแล้วล่ะ ท้าวหมอพุทไธนี่เพิ่นบ่อแม่นคนธรรมดา เพิ่นมีเซื้อสายตระกูลนักปราชญ์ใหญ่ พ่อของเพิ่นนั่นเป็นคนมียศมีตำแหน่ง แต่เหมิดวาสนาไปสาก่อน ญาแม่บัวภาผู้เป็นมารดาจึงพาหนีมาโตเปล่า แล้วฝากโตให้เป็นลูกศิษย์ของพ่อแพทย์จันทกุมาร”
“ญาแม่บัวภากะบ่อแม่นคนธรรมดา เพิ่นงามปานนางพญาหงส์ แค่ได้เห็นแว่บตาเดียว ข้อยกะฮู้แล้วว่าเป็นผู้ดีสูงศักดิ์ ที่ตกทุกข์ได้ยาก เขาลือว่าผ้าซิ่นลายหงส์ที่เพิ่นใส่เอาบุญนั่นเป็นของโบราณสองร้อยกว่าปี ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ” ญาแม่คำหอมว่า
พ่อท้าวบุดดางุนงง “ผ้าซิ่นอีหยัง เบิ่งทรงเป็นตาล้ำค่า”
“ผ้าซิ่นลายหงส์น่ะพ่อท้าว แม่ญิงวาสนาสูงท่อนั่น จึงสิมีบุญผลาได้นุ่ง”
บุดดาตาประกาย อยากได้พุทไธมาเป็นเขยสืบทอดบารมีและสมบัติตน
“เจ้าคงฮู้แล้วเนาะ แม่คำหอม ว่าแม่ญิงนางใด๋ที่สิมีบุญผลาสูงอย่างนั่น”
ญาแม่ยิ้มมีเลศนัย แล้วหันไปเรียกคำอ่อนที่นั่งพับผ้าแพรอยู่ใกล้ๆ
“คำอ่อน”
“จ้ะ ญาแม่”
“แม่อยากเห็นเจ้าได้นุ่งครองผ้าซิ่นลายหงส์ผืนนั่น” คำหอมยิ้มมีเลศนัย
คำอ่อนนิ่งฟัง แววตาเป็นประกาย วาดหวังที่จะได้ครองคู่ในตัวแพทย์หนุ่มอนาคตไกลของเมืองอีสานบุรี
หลายวันต่อมา คำอ่อนแสร้งทำทีมาเยี่ยมพุทไธและเอาผลไม้ใส่กระบุงมาฝาก แล้วถามถึงซิ่นสวย พุทไธเปิดหีบไม้ออกให้คำอ่อนดูผ้าซิ่นลายหงส์ชัดๆ
“ซิ่นหงส์สวรรค์สุวรรณภูษา หรือ ผ้าซิ่นลายหงส์นี่ ญาแม่ของข้อยบอกว่า ต่ำขึ้นในราชสำนักเวียงคำนาค สองร้อยกว่าปีที่แล้ว”
คำอ่อนสัมผัสผ้าแล้วเกิดความหลงรักในความงามของผ้าโดยประหลาด
“งามหลาย สีแดงสดปานสีเลือด”
“ญาแม่ของข้อยบอกว่าเพิ่นเก็บรักสมรักษาไว้อย่างดี เพื่อฮับขวัญลูกสะใภ้ และตกทอดให้ลูกหลาน”
จันทร์เดินเข้ามาเห็น เกิดความโมโหหึง เดือดดาล
“อ้าย เฮ็ดหยังน่ะ”
“อ้าว จันทร์ คำอ่อนเพิ่นมายาม อ้ายเลยพาขึ้นมานั่งเล่นเทิงเฮือน”
“นี่เฮือนของพ่อข้อย อ้ายสิมักง่าย เอาคนฮู้หน้าบ่อฮู้รู้ใจขึ้นเฮือนบ่อได้”
“เป็นหยังล่ะ คำอ่อนเพิ่นมาเยี่ยมมายาม เอาหมากไม้หมากไหล่มาฝาก”
“บ้านนี่มีหมากไม้กินเหมิดปีบ่อเคยอึดอยาก บอกให้เขาเอาของเขากลับคืนไป”
“จันทร์...”
จันทร์หันไปเห็นหีบผ้า ตาขวางขึ้นมาอีก “อ้ายเอาหีบผ้าซิ่นลายหงส์ออกมาเที่ยวเปิดให้คนแปลกหน้าเบิ่งเฮ็ดหยัง เห็นไปกะส่ำนั่นล่ะ วาสนาบ่อสูงพอสิได้นุ่งได้ครองดอก”
คำอ่อนหน้าชา นิ่งงัน จ้องมองจันทร์โดยไม่โต้ตอบ สร้างภาพแสนดี และรักษาหน้าพุทไธ
จันทร์เดินหุนหันเข้ามาฉวยเอาหีบผ้าซิ่นไปถือไว้แน่น
“ผ้าซิ่นลายหงส์ในหีบนี่ ญาแม่ของอ้ายพุทไธเพิ่นเก็บไว้ฮับขวัญลูกใภ้ ถ้าเจ้าอยากเห็นหลาย ก็ให้มาเบิ่งในมื่อข้อยใส่แต่งดองออกเฮือน”
คำอ่อนจ้องมองจันทร์ด้วยความอาฆาตพยาบาท
ในวันทำบุญใหญ่ ผู้คนแน่นขนัดเต็มศาลาวัดแคนหลวง พ่อแพทย์จันทกุมารนั่งคุยอยู่ในกลุ่มชาวบ้านระหว่างรอกินข้าวเที่ยงหลังพระฉันเพลเสร็จ
ส่วนที่ใต้ถุนศาลา คำอ่อนกำลังจัดพาข้าว มองซ้ายแลขวาก่อนจะหยิบห่อผงยา ออกมาเทยาลงในน้ำขันน้ำดื่มคนจนน้ำใส แล้วยกพาข้าวไปหาพวกผู้หญิงที่กำลังเตรียมจะยกพาข้าวขึ้นไปเลี้ยงไทบ้านด้านบน
“เอาพาข้าวนี่ไปให้พ่อแพทย์จันทกุมารเด้อ อ้ายพุทไธเพิ่นบอกว่าพ่อแพทย์เพิ่นป่วย กินรวมกับผู้อื่นบ่อได้”
หญิง1พยักหน้ารับเอาคำ แล้วยกพาข้าวขึ้นไปให้ คำอ่อนยิ้มในสีหน้า มองตามอย่างหมายหมาด
คำอ่อนยืนดูอยู่ไกลๆ จนเห็นพ่อแพทย์จันทกุมารรับพาข้าวจากหญิง1ที่ฝากไป แล้วเริ่มลงมือกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับยกขันน้ำขึ้นดื่มด้วย
สะออนกับโซ่ทองนอนเฝ้าญาแม่ สะออนสะดุ้งตื่นขึ้นมามองเห็นญาแม่ท่าทางกระสับกระส่ายทุรนทุราย
“ญาแม่...”
ญาแม่คำอ่อนนึกถึงตอนใช้ว่านมือผีกวนน้ำในแอ่งน้ำดื่มบนเรือนนางสายขึ้นมาแว่บหนึ่ง
สะออนร้องไห้เวทนาแม่ ปลุกโซ่ทองขึ้นมาดูอาการญาแม่ด้วยกัน
“อ้าย ตื่นเถาะอ้าย
โซ่ทองลืมตาตื่นขึ้นมา
“ญาแม่อาการบ่อดีเลย ฝนยาให้ญาแม่กินแหน่ ข้อยใจบ่อดีเลยอ้าย”
ญาแม่มีอาการทุรนทุราย ทรมานแสนสาหัส
เช้าวันใหม่เสากับสีแหล่เข้ามาช่วยสอางแต่งตัวอยู่ในห้อง สองบ่าวสันหลังยาวคุยกันไปด้วยเรื่อบารมีโซ่ทองที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน
“แม่เจ้าสอางเอ๊ย แขกคนมายามญาแม่บ่อขาดสาย หัวคันไดบ่อแห้ง” สีแหล่ปรารภ
“ได้เห็นกับตาแล้วว่าบารมีพ่อแพทย์กับญาแม่ซ่างกว้างขวาง” เสาเสริม
“อีเสา กูว่าตอนนี่ ไทบ้านเขามาย่อนหวังฝากผีฝากไข้กับพ่อแพทย์โซ่ทองซะหลายกว่าเด้”
“กะแม่นหั่นแหล่ว พ่อแพทย์โซ่ทองเป็นเทิงแพทย์หลวง เป็นเทิงหัวเจ้าบ้าน”
“ญาแม่สะออนนั่นกะหน้าบานเป็นกระโบมส่ายข้าว ที่ได้ผัวบุญหนักศักดิ์ใหญ่”
“พ่อแพทย์เพิ่นกะบ่อเหลือคราบลูกหลานขี้ข้าแล้วล่ะทุกมื่อนี่ ไผกะกราบไหว้ศรัทธา” เสาสรุป
สอางสนใจ “อีหลีบ้อ กูล่ะอยากไปเห็นเองกับตา ว่าบักโซ่ทองมันสิบารมีกว้างใหญ่แค่ใด๋คงสิมีแต่พวกไทบ้านขี้ทุกข์ขี้ยากถือขันมาขอว่านขอยานั่นล่ะ มันสิยิ่งสิใหญ่แค่ใด๋กัน”
สอางพร้อมเสากับสีแหล่เดินมาถึงหน้าเรือนนางสาย มองเห็นโซ่ทองกับสะออนลงมาส่งแขกกลุ่มใหญ่ที่แต่งตัวเหมือนข้าหลวง และข้าราชการใหญ่โต บอกลากัน
“ขอให้ญาแม่คำอ่อนอาการดีขึ้นไวๆ หายเจ็บหายป่วย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเด้อ”
“มีลูกเขยเป็นถึงท่านแพทย์หลวงขนาดนี่ ญาแม่ต้องบ่อเป็นหยังดอก อีกบ่อจักมื่อกะหายดี ส่วงเซาแล้วล่ะ”
“กราบขอบใจท่านข้าหลวงหลายๆเด้อที่มายามญาแม่ และห่วงใยคนในเฮือนของข้าน้อย” โซ่ทองว่า
“กราบขอบใจหลายๆ จ้ะ” สะออนไหว้ขอบคุณ
“พ่อแพทย์โซ่ทองเป็นคนสำคัญของเมืองอีสานบุรี พวกเฮาและไทบ้านไทเมืองต้องได้ฝากผีฝากไข้ พึ่งพาว่านยาของท่าน”
แขก2ท่าน ยืนคุยกับสะออนและโซ่ทอง แล้วเหลือบมาเห็นสอางยืนมองอยู่
สอางรีบยืนเชิดหน้าวางท่าแม่เจ้า หวังจะให้พวกแขกผู้ใหญ่ทัก แต่ทุกคนกลับหลบสายตาเดินผ่านไปเลย ทิ้งให้สอางยืนหน้าม้านอยู่ จนนางจันทร์เดินเข้ามาสมทบทางด้านหลัง
“เบิ่งเอาโลด แม่เจ้าสอาง บักคนที่เคยถืกเจ้าเหยียบว่าเป็นลูกขี้ข้า สัญซาติอีกาบัดนี้มันงอกเงยขึ้นมาเป็นแพทย์หลวง เป็นหัวเจ้าบ้าน มีวาสนาบารมี บุญหนักศักดิ์ใหญ่ ข้าหลวงข้าราชซะการต้องได้มากราบไหว้ฮอดเฮือน”
สอางหวาดหวั่น ตัวสั่นสะท้าน ใจเต้นโครมคราม เต็มไปด้วยแรงริษยา และไม่อยากตกต่ำไปกว่านี้
“ส่วนน้องสาวของเจ้าที่เคยเป็นแค่นกกระจอก บัดนี่ กะกลายเป็นคนมีอำนาจวาสนา ย่อนได้ผัวเป็นผู้มีบารมีกว้างใหญ่ อีกจักหน่อย ไทบ้านกะสิเอิ้นเพิ่นว่าญาแม่สะออน เมียพ่อแพทย์โซ่ทอง แพทย์หลวงและหัวเจ้าบ้านจนคุ้นปาก ส่วนเจ้ากะสิเป็นแค่เอื้อยของญาแม่สะออนท่อนั่น”
“แล้วมึงสิให้กูเฮ็ดจั่งใด๋ อีงอ กูจั่งสิกลับมามีอำนาจวาสนาอีก”
ดวงตาของสอางเวลานี้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอัดแน่นอยู่ในนั้น
อ่านต่อตอนที่24 อวสาน