ซิ่นลายหงส์ ตอนที่21 ไฉไลยิงกำจรตายจับได้เล่นกับชู้สอาง
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
เช้าแรกของการครองคู่เมียผัว สะออนค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อแสงตะวันสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง แล้วสะดุ้งเมื่อได้ยินโซ่ทองเรียกเสียงหวาน
“เจ้าตื่นแล้วบ้อ สะออน”
สะออนเหลือบมามอง แล้วพบว่าโซ่ทองนอนกอดอยู่ข้างๆ
“อ้ายโซ่”
โซ่ทองยิ้มเย้า “เจ้าตื่นหยัง น้องหล่า เจ้าจำบ่อได้บ้อ ว่าเป็นหยังอ้ายคือได้เข้ามานอนในห้องนี้กับเจ้า”
สะออนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตนแต่งงานกับโซ่ทองแล้ว หน้าแดงเขินต้องขยับตัวหนี
“อ้าย...ตื่นก่อนข้อย แล้วเป็นหยังบ่อลุกออกไป”
“อ้าย..ก็อยากอยู่กับเจ้าแบบนี่โดนๆ”
โซ่ทองพูดเขินๆ สะออนยิ่งเขินกว่า แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าน้ำตารื้น เมื่อนึกถึงนกอีแก้วแสนรู้
“แต่ตอนนี้... ลุกกันเถาะอ้าย เฮาไปฝังอีแก้วกันเถาะ”
สีหน้าโซ่ทองเศร้าสลด “อืม เฮ่อ...อีแก้วลูกพ่อเอ๊ย นี่สอางเพิ่นสิสำนึกผิดบ่อน้อ ว่าเพิ่นเฮ็ดบาปเฮ็ดเวรหยังลงไปแหน่”
สะออนได้แต่ถอนใจ
อีกฟากนางฆาตกรฆ่านกแก้ว แม่เจ้าบ่าวตั้งเดินโสลเสลกลับเข้ามาในโถงวังอินทนิลในตอนเช้าตรู่ แล้วต้องสะดุ้งประสาวัวสันหลังหวะ เมื่อพ่อเจ้าเดินลงมาเห็นพอดี
“ไปไหนมาสอาง”
สอางก้มหน้างุด ลึกๆ ก็ละอายใจใส่สิ่งที่ตัวเองทำลงไป
“ข้าน้อย...ไปหาแม่ซีสะอาดอยู่วัดมาเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าแปลกใจ “ไปทำไม”
“ก็ตั้งใจสิไปโกนหัวบวชให้มันฮู้แล้วฮู้รอด ย่อนว่าบ่อมีไผให้อภัยข้าน้อยดอก ที่ฆ่านกอีสะออนตาย” สอางประชดส่ง
พ่อเจ้าถอนใจ “เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องฆ่านกเท่านั้นน่ะหรือ แล้วที่เธอฉีกหน้าทุกคน ทำให้น้องสาวเสียใจในวันแต่งงานของตัวเอง เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง”
“ข้าน้อยบ่อเคยเฮ็ดไผก่อน ข้าน้อยบอกพ่อเจ้าแล้ว ว่าผ้าซิ่นลายหงส์เป็นของข้าน้อยผู้เดียว แต่ก็ยังปล่อยให้คนมาลักไป แล้วสิบ่อให้ข้าน้อยเคียดได้จั่งใด๋”
“แต่เธอก็ทำเกินไป ไม่พอใจอะไรก็น่าจะเก็บไว้คุยกับภายใน ไม่ใช่อาละวาดไม่ไว้หน้าแขกเหรื่อ”
สอางเบือนหน้าหนี ไม่อยากฟังคำเทศน์จากผัวคราวพ่อ พ่อเจ้าเห็นท่าทีของอีกฝ่ายแล้วได้แต่ถอนใจ
“เอาเถอะเรื่องนี้ ลูกชายลูกสาวฉันก็ผิด ฉันตำหนิพวกเขาไปแล้ว แต่ฉันขอร้องเถอะสอาง เธอเป็นแม่คนแล้ว ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก อย่าทำเรื่องน่าอับอายให้เขามีภาพจำที่ไม่ดีต่อตัวเธอเลย”
พ่อเจ้าพูดจบก็เดินไปทางห้องทำงาน สอางฉุนที่โดนด่ารับอรุณ
สอางนั่งหน้างออยู่ในห้องนอน ยังไม่สบอารมณ์ เสาอุ้มอังกูรเข้ามาหา
“ท่านซายน้อยเจ้าขา ท่านแม่มาแล้ว คึดฮอดท่านแม่บ่อเจ้าคะ”
“อุ้มท่านซายแนเจ้าค่ะ แม่เจ้า” สีแหล่ว่า
สอางหันไปมองลูกรับมาอุ้ม อารมณ์ดีขึ้นทันตา เสาทำหน้าสงสัยใคร่รู้แล้วตัดสินใจถาม
“แม่เจ้าไปนอนกับท่านแม่ซีอยู่วัดมาอีหลีบ้อเจ้าคะ”
สอางเอ็ดเสียงเขียว “เสือกหยังนำ บ่อแม่นธุระเวียกงานของสู”
เสาคอย่นไม่กล้าถามต่อ สอางนึกได้ มองหาผ้า
“แล้วผ้ากูเดะ”
“อยู่นี่เจ้าค่ะ”
เสารีบเอาผ้าซิ่นมาให้ สอางมองแล้วหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“เอาไปซักไปล้างให้เหมิดกลิ่นอีสะออน แล้วเก็บไว้ในหีบ ใส่กุญแจ เอาลูกกุญแจห้อยคอมึงไว้ ถ้ายังหายอีก กูสิหักคอมึง”
เสายิ้มแหย รับคำสอางอย่างกลัวๆ
แม่ชีสะอาดนั่งฟังญาแม่เล่าวีรกรรมสอางด้วยความหนักใจ
“แม่ก็คึดว่าพอมีลูก นิสัยใจคอสอางมันสิเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้น แต่ที่ไหนได้ ก็ยังเป็นคนเก่าที่บ่อเคยคึดเห็นใจไผนอกจากโตเอง”
“ข้าน้อยอยากให้น้องมาลองมาถือศีลฟังธรรมบ้าง เผื่อว่าใจที่ฮ้อนฮุ่มสิเย็นลง”
“ไผสิไปบอกมันให้เข้าวัดเข้าวาได้ สอางมันเป็นแม่เจ้าแล้ว ยิ่งบ่อเห็นกะลาหัวไผ ขนาดแม่ยังเว้ากับมันบ่อได้เลย ก็เหลือแม่ซีผู้เดียว แม่ซีต้องไปเองแล้วล่ะ”
สะอาดนิ่งนึกถึงพ่อเจ้า ถึงแม้เวลานี้จะปล่อยวางได้แล้ว แต่ก็ไม่อยากเผชิญหน้าอยู่ดี
“ข้าน้อยบ่ออยากกลับไปนั่นอีก”
“ถ้าอย่างนั่น ก็สุดแท้แต่เวรกรรมเถาะแม่ซี ถ้ามันยังพอมีบุญติดโตมาบ้าง สุดท้ายก็คงสิคึดได้ แต่ถ้าคึดบ่อได้ สงสัยมันคงเกิดมาใซ้ซาติ เพื่อเป็นคนแบบนี้ไปตลอดอายุขัยของมัน”
สะอาดกังวล ห่วงน้อง
สะออนกับโซ่ทองช่วยกันขุดหลุมเล็กๆ ใต้ต้นไม้ในสวนสมุนไพร แล้ววางร่างของอีแก้วในห่อผ้าลงไป แล้วเอาผลไม้ที่อีแก้วชอบกิน ใส่ลงไปในหลุมด้วย
“ไปสู่สุคติเด้ออีแก้วลูกพ่อเอ้ย พ่อกับแม่ขอส่งเจ้าแค่นี้ แต่เฮาสิบ่อพรากจากกันตลอดไปดอก ขอให้ซาติหน้า เจ้ากลับคืนมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ใหม่เด้อ”
“แม่สิรอให้เจ้ากลับคืนมาเป็นลูกให้แม่ได้อุ้มไวๆ เด๊อลูก”
สะออนปาดน้ำตา พลางช่วยโซ่ทองกลบดินในหลุมด้วยความเศร้าสร้อย
โซ่ทองเดินจูงมือสะออนออกมาจากสวน พูดทีเล่นทีจริง
“อ้ายสิบ่อให้เจ้ารอโดนดอก สะออน เฮาสิต้องมีลูกนำกันไวๆ ถ้าคนแรกเป็นพ่อซาย อ้ายก็สิมีคนที่สอง คนที่สาม จนกว่าเฮาสิได้ลูกสาว”
สะออนยิ้มเขิน “แล้วเฮาสิเลี้ยงไหวบ่ออ้าย”
“ญาพ่อญาแม่ของเจ้าก็ยังเลี้ยงลูกสามคนมาได้ รวมเถิงบริวารอีกตั้งหลวงหลาย ถ้าเฮาเดินตามฮอยเพิ่น สิมีลูกจักสี่ซ้าห้าคนก็ยังไหว”
สะออนยิ้มอุ่นใจเดินเคียงโซ่ทองไป แต่สายตาสังเกตเห็นความผิดปกติรในสวน กวาดตามองฉงนฉงาย
“เอ๋า...อ้าย...เป็นหยังต้นว่านต้นยาที่เฮาปลูกมันหักโค่นแบบนี่ล่ะอ้าย”
ต้นไม้สมุนไพรในสวนถูกฟันทิ้งล้มตาย เหมือนมีใครจงใจเข้ามาทำลาย โซ่ทองมองไปรอบๆ สีหน้าโกรธแค้น รู้ทันทีว่าเป็นผลงานของใคร
บนเรือนสำนักสมิงพันดงเวลานี้ มีชาวบ้านจับกลุ่มกันนั่งสลอนอยู่ตรงนอกชาน รอรับน้ำมนต์ที่สมิงพันดงเดินพรมแจก มีลูกศิษย์ลูกน้องคนสนิทเดินตามแจกห่อยาที่โฆษณาเป็นยาวิเศษให้ชาวบ้าน
ทันใดนั้นเอง โซ่ทองกับสะออนก็ผลุนผลันขึ้นเรือนมา
“บักเฒ่าสมิงพันดง”
สมิงพันดง และพวกชาวบ้านชะงักหันมามองโซ่ทองกับสะออนเป็นตาเดียว สมิงพันดงยิ้มเยาะรู้อยู่แล้วว่าโซ่ทองต้องบุกมา
“แม่นหยังล่ะ สิมาขอยาวิเศษจากกูบ้อ พ่อแพทย์โซ่ทอง มึงเอาไปทานให้มันจักห่อสองห่อตี้ล่ะ”
ลูกน้องเดินยิ้มๆ เข้าไปหาโซ่ทอง แล้วยื่นห่อยาให้ สะออนปัดทิ้งทันที
“มึงสิเอายามาซดใซ้สวนว่านยาของพ่อกู ที่ถืกลูกน้องมึงเข้าไปม้างทำลายแม่นบ๊อ”
สมิงพันดงหัวเราะเยาะ “ฮ่วย มึงปล่อยให้เมียกล่าวหากูแบบนี่ บ่อดีเด้ พ่อแพทย์โซ่ทอง กูบ่อฮู้เรื่องหยังนำสูดอก”
“ถ้าบ่อแม่นมึง แล้วหมาโตใด๋ที่มันจ้องทำลายสำนักแพทย์พุทไธเทพ”
สมิงชั่วยิ้มเยือกเย็น แล้วเดินเข้ามาประจันหน้าสองคน
“สำนักแพทย์พุทไธเทพทำลายโตเองซั่นดอก ตั้งแต่บักพุทไธมันเฮ็ดเสื่อมเสียวางยาให้แม่เจ้าปทุมรัตน์ตายคาเตียง แล้วก็ปล่อยให้ลูกสาวมันยาดแย่งแข่งกันผลัดกันขึ้นเป็นเมียพระขัตติยะรามังกูร ไทบ้านไทเมืองเขาฮู้กันทั่ว กูบ่อได้ไปเฮ็ดหยังจักหน่อย”
“บักเฒ่าเจ้าเล่ห์ มึงฮู้ดีแก่ใจว่ามันเป็นเรื่องบ่อจริง”
โซ่ทองโมโห ตรงเข้าเค้นคอสมิงพันดง ลูกน้องกรูกันเข้ามาทันที
“ปล่อยพ่อครูเดี๋ยวนี่ บักโซ่ทอง บ่อซั่น พวกกูเหยียบคอมึงตายแท้”
โซ่ทองจ้องหน้าสมิงพันดงอย่างเดือดดาล แต่สมิงชั่วยังยิ้มยั่วโทสะอยู่อย่างนั้น โซ่ทองเงื้อหมัดจะชก ลูกน้อง1 ร้องขึ้น
“พี่ป้าน้าอาเทิงเฮือนนี่ก็คงสิบ่อเกรงใจมึงคือกัน ถ้ามึงเฮ็ดหยังท่านพ่อครู แม่นบ๊อ พี่น้อง”
พวกชาวบ้านลุกฮือขึ้นทันที ตรงเข้ามาล้อมกรอบโซ่ทองกับสะออนไว้ จ้องมาที่ทั้งสองคนด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
สะออนส่งตาปรามโซ่ทอง เพราะไม่อยากมีเรื่องกับชาวบ้าน
“อ้าย อย่าเอาโตไปแลกกับมันเลย ถ้ามันบ่อยอมรับเรื่องซั่วทรามที่เฮ็ดไว้ ก็แปลว่ามันบ่อแม่นลูกพ่อซาย”
“อย่าให้กูเห็นพวกมึงในเขตเฮือนพุทไธเทพก็แล้วกัน กูบ่อปล่อยพวกมึงแท้”
โซ่ทองยอมปล่อยมือ แล้วจูงแขนสะออนลงจากเรือนไป สมิงพันดงยังหัวเราะหึๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน
อีกฟาก ผู้ช่วยไชยสาเกตพาเจ้าเมืองไกรสีกับธิดาของท่าน เจ้าดาราไล เข้ามาพบพ่อเจ้าในโถงรับแขกวังอินทนิล
“เชิญนั่งก่อนยาอ้ายไกรสี ไม่ได้พบกันเสียนาน สุขสบายดีมั้ย ไปยังไงมายังไงถึงได้แวะมาอีสานบุรีได้
“ข้อยได้ยินว่าท่านเพิ่งได้ลูกน้อย ก็เลยอยากมาเยี่ยมยาม ฮ่วมยินดีนำ”
พ่อเจ้ายิ้มเขินๆ แล้วสายตามองเลยไปทางดาราไลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ส่วนนางนี้ แม่นลูกสาวข้อย ซื่อดาราไล”
ดาราไลยกมือไหว้ พ่อเจ้ารับไหว้ยิ้มทักตอบจนดาราไลเขิน เสมองไปที่อังกูร
“เป็นตาฮักเป็นตาหอมแท้ ท่านซายน้อยเพิ่นซื่อหยังเจ้า”
“อังกูร”
“ซื่อม่วนแท้ สำบายดี ท่านซายน้อยอังกูร”
ดาราไลก้มลงไปหยอกล้อกับอังกูรในเปล พ่อเจ้ายิ้มเอ็นดู รู้สึกถูกชะตาดาราไลตั้งแต่แรกเจอ
ไม่นานต่อมาดาราไลอุ้มอังกูรเดินเล่นอยู่ในห้องรับแขก สอางเดินลงมาเห็น มองดาราไลอย่างไม่คุ้นหน้า
“เจ้าเป็นไผ สิอุ้มเอาลูกข้อยไปไส”
ดาราไลหันไปมองสอางที่ตรงเดินตรงเข้ามาในท่าทางไม่เป็นมิตร
“บ่อได้ไปไสเด้เจ้า”
“ก็เห็นอยู่คาตา ว่าอุ้มลูกข้อยย่างไปย่างมา สิเอาไปไส หรือว่าเป็นแม่นมคนใหม่”
“อั่น... ข้อยบ่อแม่น...”
“สอาง ตื่นแล้วหรือ”
พ่อเจ้ากับเจ้าเมืองเดินเข้ามา
“นี่คือ เจ้าดาราไล ธิดาเจ้าไกรสี เชื้อสายเจ้าเวียงจันทน์ รู้จักกันไว้สิ”
ดาราไลยกมือไหว้สอาง สอางรับไหว้อย่างไว้ตัว
“อ๋อ สมพอล่ะ แต่งเนื้อแต่งโตบ่อคือคนสิมาให้นม ข้าน้อยก็คึดว่าเป็นคนแปลกหน้า สิมาลักลูกไป”
พ่อเจ้าหน้าเจื่อนที่สอางพูดจาไม่ไว้หน้าแขก
“เมื่อกี้ อังกูรร้องกวนมาก ท่านนางก็เลยอาสาอุ้มมาเดินเล่น”
“ข้อยขอสมมาญาเอื้อยเด้อเจ้า ที่เฮ็ดให้ญาเอื้อยตื่นตกใจ”
ดาราไลทำท่าจะส่งคืนอังกูร แต่สอางโบกมือไม่ยอมรับอังกูรมาอุ้ม
“ถ้าจั่งซั่นก็อุ้มต่อไปโลด” สอางหันไปบอกพ่อเจ้า “เดี๋ยวข้าน้อยสิออกไปวัดก่อนเด้อเจ้าค่ะ พ่อเจ้า”
“เธอเพิ่งกลับมา แล้วจะไปทำอะไรอีก”
สอางทำเป็นยิ้มบอกกับแขกแบบสร้างภาพ เสียงอ่อนหวาน
“มื่อนี่เป็นวันศีลใหญ่ ไทบ้านสิพากันมาจำศีล ข้าน้อยว่าสิไปซ่อยเป็นแม่ครัว แต่งพาข้าวพาน้ำเลี้ยงคน ตอบแทนที่มื่อคืนไปฮบกวนท่านแม่ซีไว้ แต่เดี๋ยวแลงๆ ข้าน้อยก็กลับคืนมาแล้วเจ้าค่ะ ฝากอังกูรนำแนเด้อ ท่านนาง”
สอางยิ้มให้พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน และแตะแขนดาราไลอย่างสนิทสนม แล้วออกไปเลย ไม่รอฟังคำทัดทานของสามี พ่อเจ้าได้แต่มองตามอย่างอ่อนใจ
โซ่ทองกับสะออนช่วยพวกคนงานขุดดิน ฟันซากต้นไม้จนเหงื่อตก ขณะที่พวกคนงานอื่นๆ ช่วยกันเก็บกวาดซากต้นสมุนไพรไปทิ้ง
สะออนโมโหไม่หาย “เฮาสิปล่อยให้มันรังแกต่อไปเรื่อยๆ แบบนี่บ้ออ้าย”
“อ้ายก็บ่ออยากสิยอม แต่ตอนนี่ เฮาเฮ็ดหยังบ่อได้ มันมีคนศรัทธาหลายว่าเฮา ไปเว้าว่าถืกรังแก ก็บ่อมีไผเข้าข้างเฮาดอก”
“ถ้าเฮานิ่ง บ่อตอบโต้แบบนี่ คนก็สิยิ่งเซื่อถือศรัทธามันหลายขึ้นกว่าเก่า”
“แต่จักมื่อนึง ไทบ้านก็สิต้องเห็นความหลอกลวงของมัน ทองปลอม จั่งใด๋มันก็บ่อทนทานท่อทองแท้ดอก สะออน ให้เจ้าเซื่อมั่นในโตอ้ายเถาะ”
“จ้ะ อ้าย”
โซ่ทองลูบแก้มสะออนเชิงปลอบ แล้วหันไปขุดดินต่อ
สอางไม่ได้ไปวัดป่าถือศีล และเวลานี้ถูกกำจรอุ้มขึ้นเรือนมาวางลงบนเตียง แล้วก้มลงกอดจูบอย่างหื่นกระหาย
“จากกันไปไม่ถึงวัน ก็คิดถึงผมเสียแล้วเหรอ”
สอางหัวเราะคิก “ข้อยขี้คร้านอยู่วัง เบื่อหน่ายหน้าบูดหน้าบึ้งของพ่อเจ้า อังกูรมันก็เอาแต่ฮ้องไห่งอแง น่ารำคาญ”
“แล้วทิ้งลูกมาแบบนี้ คุณไม่ห่วงหรือไง”
“ลูกซายพระขัตติยะรามังกูรมีแต่คนยาดกันเลี้ยงเอาหน้าเทิงนั่นล่ะ เอ๊ะ สารวัตรนี่ ถามส่อหยังคักแนแท้ หรือว่าอยากให้ข้อยกลับวัง”
สอางทำสะบัดสะบิ้งจะลุกหนี แต่กำจรรวบตัวไว้
“เรื่องอะไรจะให้กลับ มีแต่ผมจะขังคุณไว้ในบ้านนี้ตลอดไปล่ะสิไม่ว่า”
กำจรตะโบมจูบสอางแรงๆ อย่างหื่นกระหาย สอางยิ้มระรื่นกอดตอบเลิกคิดเรื่องพ่อเจ้ากับลูกจนหมดสิ้น
อังกูรร้องไห้จ้าอยู่บนเบาะ เสา สีแหล่ทำอะไรกันไม่ถูก มีดาราไลเข้ามาช่วยดูเปลี่ยนผ้าอ้อม
“เบิ่งทรง เพิ่นสิบ่อสำบายโต ขอผ้าแพรมาเปลี่ยนให้ท่านซายน้อยแน”
เสากับสีแหล่ หันรีหันขวางคว้าผ้าอ้อมมาให้
“ข้อยต้องขอโทษหลายๆ ที่ทำให้ท่านนางวุ่นวายไปด้วย
ดาราไลบ่อเป็นหยังเจ้า ข้าน้อยมักเลี้ยงเด็กน้อยอยู่แล้ว ตอนอยู่ฝรั่งเศส ก็เคยฝึกงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กน้อย
ดาราไลพูดพลางเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กให้อย่างคล่องแคล่ว
พ่อเจ้าแต่มันควรจะเป็นหน้าที่ของแม่ เสา สีแหล่ เจ้าสองคนไปตามแม่เจ้ามาซิ บอกว่าให้กลับมาดูลูกได้แล้ว เกรงใจท่านนาง
“แล้วสิให้ข้าน้อยไปตามทางใด๋ล่ะเจ้าคะ” เสาถาม
“แม่เจ้าบอกว่าจะไปวัด พวกเจ้าก็ไปตามที่นั่นสิ”
“อ่อๆๆ เจ้าค่ะ”
เสากับสีแหล่รับเอาคำแล้วรีบออกไป พ่อเจ้ายิ้มอายๆ ให้กับดาราไล แล้วเข้าไปช่วยดูลูกอีกแรง แต่สีหน้าพ่อเจ้าซึ่งกลุ้มใจพฤติกรรมของสอางมันฟ้อง ดาราไลสังเกตเห็นจึงถาม
“เบิ่งทรงแม่เจ้าเพิ่นคงสิมักเฮ็ดบุญเฮ็ดทานเนาะเจ้าคะ”
พ่อเจ้าฟังแล้วไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะตอบยังไง
“เอ่อ...พอดี พี่สาวของแม่เจ้าเพิ่นบวชชี ช่วงนี้เพิ่นเลยแวะเวียนไปที่วัดบ่อยๆ”
พ่อเจ้าพูดพร้อมหันไปคิดกังวลใจ โดยมีดาราไลสังเกตและสงสัย
แม่ชีสะอาดนั่งคุยกับเสาและสีแหล่ ทั้งสองเลิ่กลั่กเมื่อสะอาดบอกว่าไม่ได้พบกับสอางเลย
“แม่เจ้าบ่อได้มานี่อีหลีบ้อเจ้าคะ แม่ซี” เสาถามย้ำ
“ข้อยบ่อได้เห็นหน้าสอางมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่มาบวชอยู่นี่”
“แต่แม่เจ้าบอกว่า มื่อคืนเพิ่นมานอนกับแม่ซีเด้เจ้าคะ เพิ่งกลับวังไปตอนเซ้า พอตกบ่าย ก็ขอออกมาอีกนี่ล่ะเจ้าค่ะ” สีแหล่บอก
สะอาดรู้ทันทีว่าสอางโกหกเพื่อไปไหนสักที่หนึ่งแน่ๆ
“เมื่อเซ้า ญาแม่มายามข้อย ถ้าสอางอยู่ ก็ต้องเห็นกัน ถ้าเจ้าสองคนบ่อเซื่อ ก็ลองไปถามญาแม่เบิ่ง”
เสากับสีแหล่พากันเดินออกมาจากวัด ท่าทางกังวลไม่คลาย
“กูว่าแล้วตั้ว ว่าแม่เจ้าบ่อได้มาวัดดอก คนอย่างแม่เจ้าสอางสิมาวัดได้ก็ยามตายยามเผาพู่นล่ะ เหมิดปีเหมิดซาติ บ่อเคยสิไปหาเฮ็ดบุญเฮ็ดทาน แล้วสิส่อหล่อมาโผล่วัดได้จั่งใด๋” เสาว่า
สีแหล่นึกได้ “หรือว่าเพิ่นสิไปหาแม่งอ
“อยู่สำนักพ่อครูสมิงพันดงนั่นบ้อ ? ไผก็ฮู้กันเหมิดบ้านแล้ว ว่าตอนนี่แม่งอบ่อแม่นไทพวกเฮาแล้ว แล้วแม่เจ้าเพิ่นสิแล่นไปเฮ็ดหยังนั่น” เสาว่า
“โอ๊ย แล้วกูต้องไปนำหาทางใด๋วะ”
เสากับสีแหล่ทำท่าหงุดหงิดกังวล แล้วเดินออกไป
ภายในห้องรักษาบนเรือนสมิงพันดง เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งคลุ้งอยู่ทั่วห้อง สมิงพันดงเปิดประตูเข้ามา แล้วทรุดนั่งลงบนแคร่ กวาดสายตามองร่างที่นอนบนแคร่
ร่างนั้นถูกพอกด้วยยาสีดำตลอดทั้งช่วงขาที่เปิดเปลือยออกมาจากม้วนเสื่อที่พันยาวตลอดตัวซึ่งนอนบนแคร่ ที่เตาไฟรมอยู่ข้างใต้เห็นควันกรุ่นๆ
“เบิ่งทรง เจ้าคงสิฮ้อนเนาะ เอาล่ะ ผ่านคืนนี่ไป เจ้าก็สิบ่อต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้วล่ะ”
ในม้วนเสื่อที่พันตัวขึ้นมาถึงช่วงลำคอ เผยให้เห็นว่าคนที่สมิงพันดงพูดด้วยคือนางงอนั่นเอง นางงอค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วคลี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
คืนนั้นเสากับสีแหล่นั่งตบยุงรออยู่ที่ศาลาริมถนนหน้าวัง ท่าทางเซ็งกันทั้งคู่
“เฮาต้องรอไปอีกโดนปานใด๋วะ อีสีแหล่”
“โอ๋ย อีอั่นนี่ มึงถามกู แล้วสิให้กูไปถามไผ กูบ่อได้มีญาณวิเศษสิส่องเห็นเด้”
“เพิ่นไปไสของเพิ่นวะ บ้านก็บ่อมีคนอยู่ แล้วสิไปนำหาทางใด๋ได้อีก” เสาหน้าเครียด
เสาพูดพลางเกาหัวแกรก สีแหล่ตบยุงต่อไปแล้วมองไปที่ถนนไกลออกไป
“เอ๋านั่น ไผกำลังลงจากรถวะ นั่นน่ะ”
เป็นกำจรเดินเข้ามาส่งสอางที่ถนนหน้าวัง
“ส่งข้อยแค่นี่ล่ะ ท่านสารวัตร เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“คนที่ไหน ไม่เห็นจะมีใครเลย”
กำจรดึงสอางเข้ามากอดจูบ สอางสะบัดสะบิ้งผลักออกพอเป็นพิธี
“อยู่นำกันมาเหมิดมื่อเหมิดเว็นแล้ว ยังบ่อหนำใจอีกเบาะ”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้คุณแยกจากผมไปไหนเลยด้วยซ้ำ สอาง”
กำจรกอดอีก สอางวูบไหว แต่แข็งใจผลักออก
“พอได้แล้ว เฮ็ดปานสิบ่อได้พ้อหน้ากันอีกหลาย เดี๋ยวมื่ออื่น ข้อยก็สิลักไปหาสารวัตรอีกคือเก่า”
“คุณสัญญาแล้วนะ”
สอางยิ้มขวยเขิน เอามือแตะปากตัวเอง แล้วแตะที่ปากกำจร
“สัญญา”
กำจรยิ้มพอใจเดินขึ้นรถขับไป สอางหันกลับเดินตรงไปที่ประตูเล็กจะเข้าวัง แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นเสากับสีแหล่ยืนมองอยู่
“อีเสา อีสีแหล่ สูมาตั้งแต่ยามใด๋”
เสากับสีแหล่มองสอางอย่างช็อกๆ แล้วมองเลยไปถึงกำจรที่ออกไปแล้ว
“กะตั้งแต่แม่เจ้า...มากับท่านสารวัตรนั่นล่ะเจ้าค่ะ”
สอางร้อนใจ “สูเห็นหยังแน”
สีแหล่ปากคอสั่น “กะ เห็น... เห็นทุกอย่างทุกแนวนั่นล่ะเจ้าค่ะ
สอางหน้าเครียดขึ้นมา เสากับสีแหล่ยังช็อกไม่หาย เพราะไม่เคยคิดว่าสอางจะกล้าคบชู้
สอางตั้งสติ กลบความร้อนรุ่มกังวลให้อยู่ข้างในใจ แล้วเดินเข้าตำหนักมาพร้อมเสากะสีแหล่
“ไปตามกันถึงไหน ถึงได้กลับมาจนป่านนี้” พ่อเจ้าเดินมาขวาง
เสากับสีแหล่ก้มหน้างุด ไม่กล้าตอบ สอางพูดบอกน้ำเสียงอ่อน ท่าทีสำรวมเหมือนคนเข้าวัดเข้าวา
“ก็อยู่วัดนั่นล่ะเจ้าค่ะ ข้าน้อยกับอีสองโตนี่อยู่ซ่อยแม่ซีเพิ่นต้มน้ำบักตูม เลี้ยงไทบ้านที่มาจำศีล”
“หายไปทั้งวัน ไม่นึกถึงลูกบ้างเลยหรือสอาง”
“ก็มีเทิงพ่อเจ้า เทิงอีแม่นม สิให้ข้าน้อยห่วงหยังอีกล่ะเจ้าคะ”
พ่อเจ้าดุ “แต่เธอเป็นแม่ ยังไงก็ต้องดูแลลูกบ้าง ไม่ใช่เห็นคนทำอะไรแทน แล้วจะเถลไถลยังไงก็ได้”
สอางมองค้อนตาคว่ำ เบื่อผัวแก่อยู่แล้วก็ยิ่งความอดทนต่ำลง
“เฮ็ดดีก็ได้ซั่ว ข้าน้อยเฮ็ดหยังกะบ่อเข้าตาพ่อเจ้าจักแนวดอก ขนาดไปเข้าวัดเข้าวา ก็ยังด่ายังว่า ปานไปฆ่าไปแกงไผมา อีเสา อีสีแหล่ ไปเอาลูกกูมา กูสิกกนอนให้พ่อเจ้าสำบายใจ”
สอางจ้องหน้าพ่อเจ้าอย่างดื้อรั้นไม่ยอมคน แล้วสะบัดสะบิ้งเดินขึ้นห้องไป
พ่อเจ้าพยายามอดทนอดกลั้น ทั้งที่เอือมระอาสอางมากขึ้นทุกที
สอางอุ้มลูกไว้กับอกแต่สีหน้ายังบึ้งตึงบูดบึ้ง หงุดหงิดไม่คลาย เสากับสีแหล่ตามเข้ามา
“แม่เจ้าเจ้าขา...” เสาพยามเตือน
สอางสวนขึ้น “กูฮู้ว่าพวกสูสิว่าหยัง หุบปากไปเลย กูบ่ออยากฟัง”
สีแหล่บอกอย่างหวังดีว่า “แต่พวกเฮาเป็นห่วงแม่เจ้าเด้เจ้าคะ เฮ็ดแบบนี้ บ่อดีเลย แม่เจ้าเป็นคนมีหน้ามีตา ถ้าไทบ้านไทเมืองฮู้เข้า สิเสื่อมเสีย”
“ไผมันสิมาฮู้ ถ้าพวกสูบ่อปากปลาแดก”
“กะอีไฉไลนั่นเด้เจ้าคะ” เสาว่า
สอางหัวเราะลั่น “สารวัตรเพิ่นป๋าอีไฉไลไปแล้ว จั่งได้คืนมาเอากู เพิ่นรอวันที่สิได้พ้อกูมาโดนแล้ว ต้องขอบใจอีสะออนที่หาเรื่องให้กูได้ออกจากบ้านไปมื่อนั้น” (ป๋า = เลิก, หย่า)
สอางนึกถึงสารวัตรกำจร แล้วยิ้มมีความสุข เสากับสีแหล่มองหน้ากัน หนักใจ
“โอ๊ยน้อ... แม่เจ้า”
“มึงอย่ามาเฮ็ดหน้าเวทนาสงสารกู กูกำลังอยู่ดีมีสุข สารวัตรกำจรเทิงฮักเทิงหลงกู ขนาดสั่งให้กินน้ำล้างตีน ก็ยังยอม พ่อซายที่สยบใต้ตีนกูอย่างนี่ล่ะ มันจั่งสิดี กูอยากได้ผัว บ่อแม่นอยากได้พ่อ คือจั่งพ่อเจ้า” สอางกระแทกน้ำเสียงประชด
สีแหล่เตือน “แต่พ่อเจ้าเพิ่นก็เลี้ยงดูให้แม่เจ้าสุขสำบายทุกอย่างทุกแนวเด้เจ้าคะ”
“กูก็อุ้มท้อง ออกลูก ให้เป็นของตอบแทนแล้วเด้ สิเอาหยังกับกูอีก ! พวกสูเซาเว้าเรื่องนี่เถาะ กูปวดประสาท กูจ้างก็ได้เอ้า”
สอางรำคาญ เอื้อมมือไปหยิบถุงห่อเงิน เสากับสีแหล่รับมา แต่ก็ยังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในอดีต คำจันแอบวิ่งลัดเลาะย้อนมาทางคุ้มของศรีสะอาด ได้ยินเสียงทหารดังแว่วก็รีบซ่อนตัวหลังพุ่มไม้
คำจันเห็นทหารจำนวนหนึ่งรีบกรูกันออกไปจากหน้าคุ้ม ก็รีบปีนขึ้นไปทางหน้าต่างแล้วหายตัวเข้าไปในคุ้มของศรีสะอาด
คำจันกระโจนลงมาด้านในคุ้ม เห็นทุกอย่างมืดสนิท ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวก็แน่ใจว่าพวกทหารคงพาศรีสะอาดกับพวกข้าหลวงออกไปแล้ว เลยพุ่งตรงไปค้นหาซิ่นลายหงส์ รื้อหีบผ้าภายในคุ้มออกมา
คำจันมัวแต่ง่วนอยู่กับการรื้อดูผ้าซิ่นที่เก็บไว้ในหีบผ้า จึงไม่ทันเห็นว่ามีใครซ่อนตัวอยู่ที่ม่านด้านหลัง แล้วพุ่งเข้ามาจ้วงแทงด้านหลัง คำจันร้องลั่นทรุดลง แล้วเห็นว่าคนที่ถือมีดยืนอยู่คือทหารที่ซ่อนตัวอยู่พร้อมกับศรีสะอาด
“กูคึดแล้ว ว่าอีหูกคำมันต้องส่งคนมาเอาผ้าซิ่นของมันคืน แต่บ่อคึดว่าสิเป็นมึง บักคำจัน”
“อ...อัญญานางศรีสะอาด” คำจันตั้งสติ ข่มความกลัว
“มึงมันฮนหาหม่องตายแท้ๆ” ศรีสะอาดสั่งทหาร “ในเมื่อมันเข้ามาหาหม่องตาย ก็ฆ่ามันซะ”
ทหารพุ่งเข้าฟันคำจันทันที คำจันกลิ้งตัวหลบทั้งที่บาดเจ็บแล้วเป่าลูกดอกพุ่งเข้าปักที่คอของทหารจนล้มลง
ทหารอีกคนพุ่งเข้าใส่คำจัน ใช้มีดฟันจนลูกดอกหลุดมือกระเด็นไป แล้วหันมาจะแทงคำจัน คำจันใช้มือยันมีดไว้ ออกแรงสวนดันมีดเสียบคาอกทหาร แล้วกระชากมีดออกจากร่างมาเป็นอาวุธก่อนจะหันเข้ามาหาศรีสะอาดที่ยืนตะลึงตะไลอยู่
“ซิ่นลายหงส์อยู่ไส” คำจันขู่ถามคาดคั้น
ศรีสะอาดถอยกรูดหนีอย่างหวาดกลัว คำจันพุ่งเข้าใส่แล้วเอามีดจ่อคอ ศรีสะอาดร้องวี้ด
“ส่งซิ่นลายหงส์ของอัญญานางหูกคำมาให้ข้าน้อย”
ศรีสะอาดกลัวตาย ลนลานก้มลงค้นหีบผ้าจนเจอซิ่นลายหงส์ แล้วรีบส่งให้คำจัน ทันใดนั้นเองพวกทหารด้านนอกที่ได้ยินเสียงศรีสะอาดรีบกรูกันเข้ามาพร้อมกับมหาเทวี
“บักห่าคำจัน”
“อัญญาแม่ ซ่อยข้าน้อยแน้”
มหาเทวีสั่งเสียงกร้าว “สูจับมันไว้”
คำจันหันไปเห็นพวกหทารที่มีจำนวนมากกว่าก็ตกใจ รู้ว่าสู้ไม่ได้ รีบผลักศรีสะอาดเข้าใส่ทหาร ก่อนจะรีบปีนหน้าต่างหนีไป
สีออนพาหูกคำมาที่หลุมศพของแม่ไอ่ในสวนหม่อนข้างโรงทอ คอยหันมองไปทางด้านหน้าด้วยความกังวล
“แม่ไอ่ อโหสิกรรมให้ข้อยสาเด้อ ที่ข้อยเข้าใจแม่ไอ่ผิดไป บัดนี้ข้อยฮู้แล้ว ว่าอีศรีสะอาดซาติซั่ว มันก่อกรรมทำเวรไว้กับแม่ไอ่”
หูกคำน้ำตาไหลแค้นใจ พนมมือไหว้
“อโหสิกรรมให้ข้อยเด้อ ที่ปกป้องแม่ไอ่บ่อได้”
หูกคำฟุบหน้าลงกับหลุมศพ ร้องไห้สะอึกสะอื้น สีออนมองไปเห็นคำจันวิ่งมา
“อัญญาเอื้อย”
หูกคำเงยหน้าขึ้นมองตาม เห็นคำจันวิ่งตรงเข้ามาหา พร้อมกับผ้าซิ่นลายหงส์ในมือ
“ข้าน้อยได้ผ้าซิ่นมาคืนให้อัญญานางแล้ว”
หูกคำมองผ้าซิ่นในมือคำจัน แล้วสังเกตเห็นรอยเลือดไหลเป็นทางมาจากต้นแขน
“ท้าวเพียงคำจัน ท่านบาดเจ็บ”
“ข้าน้อยบ่อเป็นหยังดอก ฟ่าวหนีเถาะพระเจ้าข้า พวกทหารกำลังมานี่ อัญญานางฟ่าวหนีไปสา สิได้บ่อต้องอาญา”
สีออนพยักหน้ากังวลแล้วรีบวิ่งหนีไป หูกคำเข้าไปประคองคำจัน ทันใดนั้นเสียงพวกทหารก็ดังแว่วเข้ามา พร้อมกับส่องไฟเข้ามาดูในสวนหม่อน
“พวกมันอยู่นั่น”
คำจันตกใจ รีบพาหูกคำหนีไปทางด้านท้ายสวน พวกทหารบุกลุยเข้ามาในสวนหม่อนแล้วตามไปติดๆ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของสีออนที่กำลังแอบมองอยู่
“อัญญาอ้าย”
สีออนนึกถึงโซ่ทอง แล้วรีบวิ่งหลบไปอีกทาง
คำจันพาหูกคำวิ่งหนีออกมานอกวัง แต่แผลของคำจันที่ถูกฟันเริ่มออกฤทธิ์จนเริ่มวิ่งไม่ไหว ทรุดลง
“ท้าวเพียคำจัน ท่านเป็นจั่งใด๋แน ท่านไหวบ่อ”
คำจันมองหน้าหูกคำพยายามสร้างกำลังใจ
“ไหวพระเจ้าข้า จั่งใด๋ก็ตาม เฮาต้องไปให้พ้นจากป่านี่”
หูกคำจันยื่นมือให้คำจันจับ แล้วออกวิ่งไปด้วยกันอีก แต่พอพ้นเขตต้นไม้ใหญ่ก็เจอทหารเข้าขวางหน้าไว้
“จับมันสองคนไปให้อัญญานางมหาเทวีให้ได้” หัวหน้าทหารสั่ง
หูกคำมองพวกทหารอย่างตกใจ คำจันรีบดันหูกคำไว้ด้านหลัง แล้วชักดาบออกมาสู้
พวกทหารกรูกันเข้ามาใส่ทันที คำจันฟันสู้กับทหารพยายามป้องกันหูกคำเอาไว้
“อัญญานางหนีไปพระเจ้าข้า หนีไป”
หูกคำละล้าละลังไม่กล้าทิ้งคำจันไว้ ทหารถือโอกาสพุ่งตรงเข้ามากระชากผ้าซิ่นลายหงส์ไป
“ปล่อย ปล่อยผ้าซิ่นของข้อยเดี๋ยวนี่”
หูกคำยื้อแย่งผ้าจนล้มลงไป คำจันเห็น รีบไปหันเล่นงานทหารที่พยายามจะแย่งผ้าซิ่นลายหงส์
ทหารอื่นๆ ฉวยโอกาสตอนที่คำจันไม่ระวังตัว ฟันเข้าที่กลางหลังอีกครั้ง คำจันร้องลั่น แต่ยังขืนตัวขึ้นหันไปสู้กับพวกทหาร ไม่ให้ใครเข้าถึงตัวหูกคำ แต่ก็ถูกทหารฟันล้มลงอีก
“อย่า อย่าเฮ็ดเพิ่น โอ๊ย”
หูกคำวิ่งเข้าไปจะห้าม จนโดนมีดของทหารฟันเฉี่ยวแขนจนเลือดไหล หูกคำมองดูแขนตัวเองอย่างตกใจ
คำจันเห็นหูกคำถูกฟันที่แขนก็กัดฟันลุกขึ้นสู้กับทหารที่รุมเข้ามาเรื่อยๆ จนในในที่สุดก็ถูกแทงเข้าที่ช่องท้องจนทรุดลง กระอักเลือด หูกคำหวีดร้องตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“ท้าวเพียคำจัน”
คำจันเลือดออกเต็มตัวทั้งปากทั้งจมูก ลมหายใจแผ่ว ทรุดลงบนตักของหูกคำ
“ข้าน้อย...ข้าน้อยขอสมมาที่ซ่อยอัญญานางได้แค่นี่”
“บ่อเป็นหยัง ท้าวเพียคำจัน ท่านบ่อต้องขอสมมาข้อย”
หูกคำสะอื้น บีบมือคำจันไว้ คำจันค่อยๆ พยายามยกมือขึ้นแตะหน้าหูกคำ
“ข้าน้อยมันบุญน้อย จึงต้องถวายบังคมลาอัญญานางเพียงท่อนี่...แต่ถ้าหากซาติหน้ามีจริง ขอให้ข้าน้อยได้ฮ่วมบุญเป็นคู่คองของอัญญานาง....ตราบลมหายใจสุดท้าย”
คำจันพูดพลางมองหน้าหูกคำ น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะค่อยๆ หมดลมหายใจ
หูกคำร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารคำจันที่ต้องมาตายเพราะตัวเอง ศรีสะอาดกับมหาเทวีตามมาถึงพอดี
“ฆ่าอีหูกคำให้มันตายหม่องนี่เลย มันสิได้ตายตกตามกัน ไปอยู่นำกันในนรก”
หูกคำเงยหน้าขึ้นมองมหาเทวีด้วยความคับแค้นใจ ศรีสะอาดตรงไปกระชากผ้าซิ่นลายงหงส์ออกมา
“มึงนี่มันบ่อแม่นแค่นักโทษหนีอาญา แต่มึงยังคึดสิลักเอาสมบัติของกู อัญญาแม่ เพคะ ก่อนที่มันสิตาย ขอให้มันต้องอาญา ถืกตัดมือเทิงสองข้างก่อนเถาะเพคะ”
หูกคำแค้นใจ “อีศรีสะอาด ซิ่นลายหงส์เป็นของกู”
“ตั้งแต่มื่อที่อัญญาพ่อยึดมาจากมึง ก็ส่ำว่ามันเป็นของกูแล้ว จำใส่กบาลมึงไว้ อีหูกคำ”
หูกคำกรีดร้องอย่างเคียดแค้น พุ่งตัวจะเข้าไปเอาคืน แต่หทารยึดแขนสองข้างไว้
“สูได้ยินที่ลูกกูสั่งบ่อ ตัดมืออีหูกคำ ถ้ามันยังหนังเหนียวบ่อยอมตาย ก็ตัดหัวมันซะ”
เสียงโซ่ทองดังขึ้น “สิมีไผแตะต้องนักโทษในคุกหลวงบ่อได้เป็นอันขาด หากบ่อมีคำสั่งจากอัญญาหลวง”
มหาเทวีกับศรีสะอาดหันไป เห็นโซ่ทองกับสีออนเดินเข้ามา
“ศรีโซ่ทอง ลูกสิซ่อยมันบ้อ” มหาเทวีขัดใจ
“ขอเดซะ บ่อแม่นดอกพระเจ้าข้า เพียงแต่ข้าน้อย สนองพระเสาวนีย์อัญญาแม่ที่สิสั่งลงโทษอีหูกคำโดยที่อัญญาพ่อยังบ่อฮับฮู้บ่อได้พระเจ้าข้า สิเกิดเหตุ สิบบ้านส่าห้าบ้านลือ มัวหมองถึงอัญญาพ่อได้ ควรรอให้เพิ่นเสด็จกลับจากราชซะการต่างแดนสาก่อน”
ศรีสะอาดไม่พอใจ “แต่มันเป็นนักโทษหนีคุก ถ้าเอามันกลับไปขังอีก แล้วมันหนีไปได้อีกล่ะ”
โซ่ทองทอดสายตามองหูกคำอย่างเห็นใจแว่บหนึ่ง แล้วจำใจบอก
“อีหูกคำมันหนีได้ ย่อนท้าวเพียคำจันซ่อยเหลือ แต่ตอนนี่ ท้าวเพียคำจันมันก็ตายไปแล้ว ไผสิซ่อยมันได้อีก”
หูกคำเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บใจ เข้าใจว่าโซ่ทองไม่ปรานีกับตนเองเลย สายตาเหลือบเลยไปยังสีออน
โซ่ทองจั่งใด๋มันก็บ่อพ้นโทษประหารอยู่แล้ว ให้อัญญาพ่อเป็นคนลงอาญามันด้วยโตเพิ่นเองสิดีกว่า
มหาเทวีกับศรีสะอาดฮึดฮัดขัดใจ สะบัดหน้าเดินกลับเข้าวังไป โซ่ทองเหลือบมองหูกคำ
“กุมโตมันไปขังไว้ที่คุกหลวงคือเก่า”
ทหารดึงร่างของหูกคำขึ้น แล้วคุมตัวไป หูกคำหันมามองโซ่ทองด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะเมินหนีไป ขณะที่สีออนก็มองตามจนลับสายตาด้วยความสงสาร
“อัญญาอ้ายเพคะ...”
“อย่าบังคับให้อ้ายต้องหนักใจหลายกว่านี้เลย สีออน อ้ายซ่อยได้หลายที่สุดแค่นี่”
โซ่ทองเดินหนีกลับวังไป สีออนทอดถอนใจ เวทนาชะตากรรมของหูกคำ
สะอาดนั่งสมาธิค่อยๆ ลืมตาขึ้น นึกถึงภาพสุดท้ายของหูกคำด้วยความสังหรณ์ใจ
“สอาง นี่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าอีก”
สะออนมาถวายผ้าแล้วนั่งคุยกับแม่ชีสะอาด
“ได้พ้อแม่เจ้าสอางบ้างแนบ่อ สะออน”
สะออนหน้าเจื่อน “ตั้งแต่มื่องาน ก็ยังบ่อได้พ้อกันเจ้าค่ะ แม่ซีถามข้าน้อยเฮ็ดหยัง”
“มื่อก่อน เสากับสีแหล่เพิ่นมานำหาสอางอยู่วัด ย่อนสอางบอกพวกเขาว่ามานอนวัดกับเอื้อย”
“ญาเอื้อยสอางนั่นบ้อสิไปนอนวัด” สะออนไม่อยากเชื่อ
“ก็นั่นไงล่ะ เอื้อยถึงได้ว่ามันแปลก แล้วมื่อคืนนี่ เอื้อยก็ฝันประหลาดถึงเพิ่นกับ” สะอาดลังเลที่จะเล่าเรื่องภาพนิมิตที่เห็น “ท่านสารวัตรกำจร...เอื้อยสังหรณ์ใจบ่อค่อยดีเลย อยู่ซือๆ ก็ฝันเห็นเพิ่นกับสอางขึ้นมาอีก”
“ฝันว่าจั่งใด๋เจ้าคะ แม่ซี”
สะอาดคิดหนัก สีหน้าดูไม่ค่อยดี
โซ่ทองนั่งคุยกับสะออนบนเรือนพุทไธเทพ
“เจ้าสิไปยามแม่เจ้าบ้อ สะออน”
“จ้ะ ว่าสิไปเบิ่งเพิ่นจักหน่อย”
“มีหยังบ่อ”
“แม่ซีเพิ่นฝันถึง เป็นฝันบ่อค่อยดีปานใด๋” สะออนนิ่งนึก “เพิ่นฝันเห็นท่านสารวัตรแต่งซุดนักรบ ถืกแทงตายต่อหน้าญาเอื้อยสอาง แล้วก็อธิษฐานว่าสิกลับคืนมาครองคู่กับญาเอื้อยสอางอีก เป็นคือกับที่แม่ซีเว้าสู่ฟังทุกแนว”
โซ่ทองฟังแล้วนิ่งงันไป แววตาดูประหลาดใจ
“เพิ่นก็เลยฮู้สึกสังหรณ์ ย่อนว่ามื่อก่อน ญาเอื้อยก็ตั๋วคนอยู่วังว่าไปนอนค้างอยู่วัด ทั้งๆ ที่บ่อได้ไป”
สะออนพูดจบก็เหลือบไปเห็นสีหน้าโซ่ทอง ที่ดูอึ้งๆ คิ้วขมวดจึงแตะไหล่ถาม
“อ้าย เป็นหยังไป คือเฮ็ดหน้าจั่งซั่น”
โซ่ทองเหมือนออกจากความคิดตัวเอง หันมาสบตาสะออนจริงจัง ก่อนตัดสินใจบอก
“สิ่งที่แม่ซีสะอาดบอก อ้ายก็เห็นคือกัน...ในฝัน”
สะออนมีสีหน้าคาดไม่ถึง
ในเวลาต่อมาสอางอุ้มลูกนั่งลงข้างๆ พ่อเจ้า เห็นสะออนกับโซ่ทองนั่งคุยอยู่
“มีธุระเวียกงานหยังอีกล่ะบาดนี่ สิมาหยิบมายืมหยังของกูอีก”
“บ่อมีหยังดอกจ้ะ ญาเอื้อย ข้าน้อยคึดฮอดหลานน้อย เลยมายาม ให้ข้าน้อยอุ้มหลานแนเด้อ”
สอางมองสะออนอย่างไม่วางใจ แต่ก็ยอมส่งลูกให้อุ้ม โซ่ทองมองอังกูรอย่างเอ็นดู แล้วหันไปพูดกับพ่อเจ้า เพราะไม่กล้าคุยกับสอางตรงๆ กลัวโดนด่า
“วันก่อนที่ท่านชายอังกูรไปเยี่ยมที่เรือน พี่ป้าน้าอาก็ชื่นใจกันทั้งบ้าน สะออนเองก็ติดหลานมาก รบเร้าว่าเมื่อไรจะมาตรวจท่านชายอีก ข้าน้อยก็เลยต้องพามา”
พ่อเจ้าแซวอย่างเอ็นดู “ก็รีบมีลูกเองเสียทีสิ สะออน จะได้เลี้ยงเป็นเพื่อนกัน”
สะออนยิ้มขวยเขินกับโซ่ทอง โซ่ทองโอบเอวสะออน
“ข้าน้อยก็อยากมีเร็วๆ ญาแม่กับแม่ของข้าน้อยก็อยากอุ้มหลานเต็มทีแล้ว”
สอางทำเป็นฟังเฉยๆ แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“อีหลีบ้อ สะออน ที่ญาแม่อยากอุ้มหลาน”
“แม่นจ้ะ ญาเอื้อย ตั้งแต่ญาพ่อเพิ่นเสีย เพิ่นก็จ่มว่าเหงา ถ้าบ่อไปวัด ก็บ่อฮู้สิเฮ็ดหยัง แต่ข้าน้อยก็บ่อมีปัญญาสิเสกลูกมาให้เพิ่นเลี้ยงได้ทันใจดอก ก็คงต้องรอไปก่อน”
สอางยิ้มในสีหน้าเหมือนมีแผนการชั่วในใจ
“สิมาฮับเอาอังกูรไปเลี้ยงอยู่เฮือนบ้างก็ได้เด้อ เอื้อยบ่อว่าหยังดอก”
สะออนเหลือบตามองสอางอย่างแปลกใจ สอางยิ้มพราย สร้างภาพพี่สาวผู้ใจดีขึ้นมาทันที
“เอาไปมื่อนี่เลยก็ได้ เดี๋ยวแลงๆ เอื้อยค่อยสิไปฮับคืนมา เอาอีเสากับอีสีแหล่ไป ซ่อยเลี้ยงนำ ญาแม่เพิ่นสิได้บ่อเมื่อย”
สะออนกับโซ่ทองแปลกใจ สบตากัน แล้วหันไปมองพ่อเจ้าอย่างขอความเห็น
“ก็ตามใจเถอะ”
สอางยิ้มโล่งใจที่จะหาเหตุออกจากบ้านไปได้
ทางด้านนางงอส่องกระจกอยู่ในห้องบนเรือนสมิงพันดง ใบหน้าที่สะท้อนในกระจกดูผุดผาดสวยงามผิดตาราวกับสาวรุ่น นางงอมองเงาในกระจกอย่างพอใจ พลางก้มลงดูเรือนร่าง พบว่าเวลานี้นางงออยู่ในท่านั่งตัวตรง ไม่มีอาการหลังคดหลังงออย่างที่เคยเป็นมา
นางงอสำรวจร่างกายตัวเองอย่างพอใจ จู่ๆ ก็มีมือหนาของผู้ชายเอื้อมมาจับที่แขน
“ยังหลงฮูปโตเองบ่อเซาอีกบ้อ แม่จันทร์” สมิงพันดงจูบไหล่นางงอ ดูออกว่าสองคนอยู่กินเป็นเมียผัวกันแล้ว
“ข้อยบ่อได้หลงจักหน่อย ข้อยหัวแต่เคยได้เห็นมันเต็มๆ ตา มื่อนี่ บ่อคึดบ่อฝันเลยว่าข้อยสิได้กลับคืนมามีฮูปจกฮูปงามคือเก่าอีก”
“กะเจ้าได้ยาดีของไผล่ะ”
สมิงพูดพลางลูบไล้แขนนางงอย่างหลงใหล นางงอหันไปยิ้มฉอเลาะ
“ข้อยบ่อลืมดอกว่าเป็นย่อนยาเจ้า และข้อยก็สิตอบแทนเจ้าอย่างงามคือกัน”
นางงอยิ้มหมายมาด มีแผนการบางอย่างในใจ
บนเรือนพุทไธเทพเวลานั้น สะออนอุ้มอังกูรมาวางลงบนเบาะที่ปูนอนไว้ ตรงข้างๆ ญาแม่
“เออ มันก็ยกลูกให้ง่ายๆ เนาะ แล้วก็บ่อมาสนใจหัวซา เฮ็ดปานว่าลูกของเล่น เล่นเบื่อแล้วก็ทานให้ผู้อื่นเล่น”
“ญาเอื้อยคงอยากให้ญาแม่ได้อยู่กับหลานโดนๆ นั่นล่ะจ้ะ”
“คนเป็นแม่ จั่งใด๋ก็บ่อควรถิ่มห่างจากลูกดอก” ญาแม่นึกแล้วแค่นยิ้ม “แม่น่ะมีบทเรียนมาแล้ว ก็ตอนที่ยกสอางให้อีงอเลี้ยงนั่นล่ะ มันเลยเสียคนแบบนี่”
สอางแต่งตัวสวยเดินออกมาจากห้อง ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ พอไม่เห็นใคร ก็รีบออกจากวังไป โดยไม่รู้ว่าที่หน้าต่างห้องทำงาน พ่อเจ้ากำลังยืนเหม่อคิดอะไรอยู่ เห็นสอางรีบร้อนออกจากวังก็มองตาม ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สอางเดินมาถึงบ้านกำจร หันรีหันขวางท่าทางลับๆ ล่อๆ แล้วรีบขึ้นเรือนไป กำจรเปิดประตูออกมารอรับสอาง ทั้งสองโผเข้ากอดกัน ก่อนจะกอดประคองพากันหายเข้าไปในห้องนอน
สองคนไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่ง เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน มองขึ้นไปบนเรือน
ที่วังอินทนลิพ่อเจ้านั่งนิ่งๆ เหม่อลอยครุ่นคิด เห็นคนขับรถยืนรายงานอยู่
“ข้าน้อยจอบตามไปซอมเบิ่งแม่เจ้าตามที่พ่อเจ้าสั่ง เพิ่นบ่อได้ไปเฮือนพุทไธเทพเด้ข้าน้อย”
“แล้วเพิ่นไปไหน”
พ่อเจ้าเหลือบมองหน้าคนขับรถรอฟังคำตอบ คนขับรถสีหน้าลำบากใจ
เย็นจวนค่ำแล้ว เสียงอังกูรร้องไห้ดังลั่นข้ามฉากมา สะออนอุ้มอังกูรไว้ กล่อมไปมา
“เฮ้อ ร้องไห้ขนาดนี่ คงหิวนมแล้วล่ะ”
“ญาเอื้อยว่าสิมาฮับลูก จนป่านนี้แล้วกะยังบ่อมา ข้อยมาเวทนาหลานแท้น้อ”
อังกูรร้องไห้ตัวแดงแข่งกับเสียง
“อ้ายไปตามสอางดีกว่า อังกูรสิได้กินนม”
โซ่ทองลูบหัวอังกูรแล้วลงเรือนไป สะออนอุ้มอังกูรไปมา
สอางกับกำจรนอนกอดกันอยู่บนเตียงอย่างเพลิดเพลินเจริญกาม จนเหลือบไปเห็นฟ้ามืด สอางรีบลุกขึ้น
“ข้อยต้องไปแล้วล่ะ ท่านสารวัตร”
กำจรกอดไว้ “อะไรกัน วันก่อน คุณยังกลับดึกกว่านี้ได้เลยนี่นา”
“แต่ข้อยต้องฟ่าวไปฮับลูก ตอนนี่ ฝากอีสะออนมันเลี้ยงไว้ ถ้าพาลูกกลับวังเดิกๆ ดื่นๆ พ่อเจ้าสิสงสัยเอาได้”
สอางรีบแต่งเนื้อแต่งตัวกำจรลุกตามไปกอดอ้อน
“จะทำยังไงนะ คุณถึงจะได้มาอยู่กับผมตลอดไป”
“ก็รอให้พ่อเจ้าตายก่อนตั้ว เพิ่นเฒ่าใกล้สิได้ลงโลงแล้ว อีกบ่อโดนก็ตาย หลังจากนั่น ถ้าข้อยสิเอาผัวใหม่ บักใด๋อีใด๋มันสิว่าหยังได้ ก็ข้อยเป็นถึงแม่เจ้าสอาง”
สอางหันไปยิ้มกริ่ม กำจรดึงสอางมาหอมแกมอย่างอาลัยอาวรณ์อีกครั้ง
พ่อเจ้ายืนแอบดูอยู่กับคนขับรถที่มุมลับตาไกลจากบ้านมาหน่อย พ่อเจ้าถามย้ำยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
“เจ้าแน่ใจนะ ว่าแม่เจ้าเข้าไปในบ้านหลังนี้”
“แน่ใจข้าน้อย แล้วข้าน้อยก็เห็นกับตา ว่าคนที่เปิดประตูออกมาฮับเพิ่น ก็คือท่านสารวัตรกำจร”
พ่อเจ้าขบกรามแน่นด้วยความโกรธ คนขับรถเห็นความเคลื่อนไหวที่บนเรือนก็รีบบอก
“เบิ่งทรงเพิ่นกำลังสิออกมาแล้วข้าน้อย”
พ่อเจ้ามองเขม็งไปที่ชั้นบน เห็นสอางกับกำจรประคองกอดกันออกมาต่อหน้าต่อตาก็สะอึก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ยิ่งพ่อเจ้าเห็นสอางกับกำจรยิ้มระรื่นลงบันไดมาก็ยิ่งผิดหวัง ตัดสินใจจะเข้าไปแสดงตัว แต่ยังไม่ทันโผล่เข้าไป ไฉไลที่หลบอยู่ใต้ถุนเรือนนานแล้วก็โผล่พรวดเข้ามาขวางหน้าทั้งสองไว้เสียก่อน
กำจรช็อก “ไฉไล”
“ตกต่ำถึงขนาดต้องเป็นชู้ลักอยู่ลักกินแล้วหรือ กำจร”
“มึงมาได้จั่งใด๋” สอางงงมาก หันไปหากำจร “ท่านสารวัตร ไสบอกว่าเลิกกับอีนี่แล้วเด้”
“เลิก” ไฉไลระเบิดหัวเราะดังลั่น “คนอย่างไอ้ผู้ชายระยำคนนี้ มันจะกล้าเลิกกับผู้หญิงที่เป็นบ่อเงินบ่อทองให้มันกับครอบครัวได้ยังไง ลำพังเงินเดือนตำรวจจะไปพอยาไส้อะไร”
สอางอ้าปากค้าง หันไปมองกำจร ไม่อยากเชื่อที่โดนหลอกอีก
“นอกจากว่ามันจะเห็นแกเป็นบ่อทองบ่อใหม่ ก็เลยคิดจะเขี่ยฉันทิ้ง”
“สารวัตร มึงต้มกูอีกแล้วแม่นบ่อ” สอางโกรธจัด
“ผู้หญิงโง่ๆ อย่างแก มันก็เป็นเหยื่อผู้ชายร้อยเล่ห์อย่างนี้ไปทั้งชาตินั่นแหละ แต่มันน่าช้ำใจ ตรงที่คราวนี้ ฉันก็หลงโง่ไปด้วย ที่ยอมปล่อยมันไว้ตามลำพัง เพราะเห็นแก่หน้าที่การงาน” ไฉไลหันด่ากำจร “คุณหาว่าพฤติกรรมของฉันทำให้คุณเสื่อมเสีย แต่ลงท้าย คุณก็ทำลายศักดิ์ศรีตัวเอง ด้วยการเล่นชู้สมสู่กับเมียเจ้าเมือง”
กำจรหน้าชาเถียงไม่ออก สอางได้สติ โมโหถึงขีดสุด หันไปทุบตีกำจรด้วยความแค้น
“บักซาติซั่ว บักห่าพากมึง บักสารวัตร บักสารเลว”
“แกมันก็สารเลวพอกันแหละ นังสอาง ฉันน่าจะยอมรับตั้งแต่แรก ว่าหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกแก เหมาะสมที่สุดแล้ว...ที่จะไปอยู่ด้วยกันในนรก”
ขาดคำไฉไลชักปืนออกมาจากกระเป๋าถือ สอางร้องวี๊ดตกใจสุดขีด กำจรเองก็ถอยกรูด
“ไฉไล...”
ไฉไลจ้องกำจรด้วยความรักปนแค้น เล็งปืนมาตรงหน้าทั้งสอง
“ฉันจะไม่รั้งคุณไว้แล้วกำจร คุณอยากจะไปจากฉันก็เชิญ แต่ที่เดียวที่คุณจะพามันไปได้ ก็คือต้นงิ้วในนรกเท่านั้น”
ไฉไลยิงเปรี้ยงเข้ากลางอกกำจรทันที กำจรสะดุ้งเฮือกเอามือกุมหน้าอก เลือดเต็มมือ ล้มลงขาดใจตายคาที่ สอางร้องกรี๊ดเข่าอ่อนทำอะไรไม่ถูก ไฉไลเล็งปืนเข้าใส่สอางอย่างอาฆาตแค้น
“รักกันมากก็ตามไปอยู่กับมันสิ อีสอาง”
สอางกรี๊ดลั่นคิดว่าตัวเองไม่รอดแน่แล้วเพราะปืนจ่ออยู่ตรงหน้า ได้แต่เอามือปัดป้อง ร้องไห้ตัวสั่น แต่พอไฉไลจะลั่นไกพ่อเจ้าก็ปราดเข้ามาแย่งปืน
“โอ๊ย ปล่อยนะ ปล่อยฉัน”
สอางลืมตาขึ้นมองช็อกๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยคือพ่อเจ้า ไฉไลยื้อแย่งปืนกับพ่อเจ้า กระบอกปืนสะบัดไปมา
“บอกให้ปล่อย”
ไฉไลตะโกนลั่นสะบัดมือหนีพ่อเจ้าสุดแรงแล้วลั่นไกเปรี้ยงอีกครั้ง สอางสะดุ้งเฮือกเลือดกระเซ็นเข้ามาใส่เต็มหน้าร้องกรี๊ดสุดเสียง
ร่างพ่อเจ้าชะงักค้างก้มลงมองท้องตัวเองที่ถูกปืนลั่นใส่ แล้วค่อยๆ ทรุดลง คนขับรถรีบวิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
ไฉไลช็อกมองภาพพ่อเจ้าถูกยิงอย่างตกใจไม่คาดคิด ปืนค่อยๆ ร่วงหลุดมือ พวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียงปืนกรูกันเข้ามา รีบเข้าไปช่วยกันดูพ่อเจ้าและจับตัวไฉไลไว้ ขณะที่สอางยังคงช็อกตาเหลือกค้าง
ในหัวสอางอื้ออึงไปด้วยเสียงปืนและเสียงชาวบ้านที่ฟังไม่ได้สับ พอเหมือนจะมีสติอีกทีสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของกำจรที่นอนตายตาค้างอยู่ข้างๆ สอางผวาเฮือกแล้วร้องกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเตลิดหนีไป ขณะที่ชาวบ้านมัวแต่วุ่นวายจับกุมไฉไลและช่วยพ่อเจ้าอยู่จึงไม่มีใครสนใจ
สะออนกล่อมอังกูรจนหลับไป แล้วเห็นโซ่ทองขึ้นเรือนมาพอดี
“อ้าย... เห็นญาเอื้อยบ่อ”
โซ่ทองส่ายหน้าเครียดๆ “ข้าหลวงอยู่วังบอกว่าแม่เจ้ากับพ่อเจ้าออกจากวังมาตั้งแต่บ่ายแล้ว”
“เอ๋า แล้วเพิ่นไปไสกัน เป็นหยังคือยังบ่อมา”
โซ่ทองส่ายหน้าหนักใจ จนได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาก็โล่งอก จำได้เป็นเสียงรถจากวัง
“สงสัยเพิ่นสิมาแล้วล่ะ”
โซ่ทองรีบออกไปดูตรงนอกชาน สะออนอุ้มอังกูรที่หลับอยู่ตามออกไป
โซ่ทองกับสะออนออกมายืนรอที่ชานเรือน คิดว่าเป็นสอางกับพ่อเจ้า แต่กลายเป็นคนขับรถเดินลงรถมา
“แม่เจ้ากับพ่อเจ้าเด้ ท่าน”
เมื่อคนขับรถเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงเห็นเสื้อผ้าเนื้อตัวแดงไปด้วยเลือด พูดบอกสองคนอย่างร้อนรนใจ
“พ่อเจ้าถืกยิงจ้ะ แม่สะออน ตอนนี้อยู่ในรถ พ่อแพทย์โซ่ทองซ่อยเพิ่นแหน่”
โซ่ทองกับสะออนตกใจ
พ่อเจ้านอนอยู่บนเตียงในห้องที่วังร้องโอดโอย เลือดโทรมช่วงกลางลำตัว โดนปืนลั่นใส่เพียงถากๆ ที่ท้อง โซ่ทองจัดแจงฉีกเสื้อดูแผล มีสะออนคอยช่วย พ่อแพทย์หันไปทางไชยสาเกต
“ให้ไผไปต้มน้ำฮ้อนให้ข้อยแน”
ไซยสาเกตรับคำแล้วรีบออกไป สะออนเปิดกระเป๋าหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาเตรียม
“ข้าน้อยขอดูแผลหน่อยนะพ่อเจ้า อาจจะเจ็บสักหน่อยนะข้าน้อย”
“ขอสมมาเจ้าค่ะ”
สะออนเอาผ้าสะอาดใส่ปากให้พ่อเจ้างับไว้ ขณะที่โซ่ทองพยายามตรวจปากแผล พ่อเจ้าร้องลั่น กัดผ้าเจ็บปวด
ไซยสาเกตกับข้าหลวงเอาน้ำร้อนกับผ้าสะอาดมาเพิ่มให้อีก โซ่ทองรีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดปากแผล ทำความสะอาด
“ข้อยส่งข่าวไปบอกท่านซายกับท่านญิงแล้ว เพิ่นกำลังมา”
“แล้วนี่มันเกิดหยังขึ้น” สะออนถาม
“พ่อเจ้าสั่งให้ข้อยสะกดฮอยตามแม่เจ้าออกไปข้างนอก จนไปฮอดบ้านของท่านสารวัตรกำจร เพิ่นเทิงสองไปลักเล่นซู้กัน”
โซ่ทองตกใจ แต่ไม่เท่าสะออน สองคนฟังไชยสาเกตเล่าต่อ
“แล้วตอนแม่เจ้ากลับออกมา เมียท่านสารวัตรก็โผล่เข้ามายิงเพิ่นสองคน พ่อเจ้าพยายามสิเข้าไปห้าม เลยถืกปืนลั่นใส่”
“แล้วตอนนี่ ญาเอื้อยข้อยอยู่ไส ท่านไซยสาเกต”
ไชยสาเกตส่ายหน้า “เพิ่นแล่นหนีเตลิดไป ข้อยก็บ่อฮู้ว่าไปทางใด๋”
สะออนอึ้งนิ่งงันไป นึกเป็นห่วงพี่สาวจับใจ กลัวจะเป็นอันตราย
อ่านต่อตอนที่ 22