ซิ่นลายหงส์ ตอนที่15 สะอาดระลึกชาติได้เห็นความชั่วช้าในอดีต
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
ที่วัดป่าริมแม่น้ำชี เช้าวันเดียวกัน สะอาดเดินกวาดใบไม้อยู่ในบริเวณวัด แล้วเห็นแม่ชีเดินมาหยุดตรงหน้า ก็รีบวางไม้กวาด
“แม่ขาวน้อย เป็นจั่งได๋แนลูก นอนหลับดีขึ้นแนบ่อ”
“ข้าน้อยพยายามข่มตาให้หลับ แต่ใจก็ยังคึดพ้อภาพนิมิตเจ้าค่ะ ท่านแม่ซี ก็เลยลุกขึ้นนั่งสมาธิเกือบค่อนคืนเจ้าค่ะ
“แล้วลูกได้เห็นหยังแนบ่อล่ะ”
สะอาดส่ายหัวสีหน้าเศร้ามอง “บ่อเลยเจ้าค่ะ”
“บ่อฮู้ มันก็บ่อทุกข์ ที่เจ้าบ่อฮู้บ่อเห็นหยังเพิ่ม ก็อาจเป็นเพราะว่า เพิ่นอยากให้เจ้าฮู้แค่เพียงทอนี่ ทุกข์แค่เพียงทอนี่ ก็นับว่าดีแล้ว”
แม่ชีมองสะอาดด้วยสีหน้าเข้าใจ เห็นใจ
“แม่ขาวน้อย เจ้ามานี่เพื่อให้มีจิตใจสงบเย็น ก็ควรมุ่งมั่นปฏิบัติให้ได้ผลนั่น อย่าเพิ่งเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นแนวอื่นเลยลูก”
“ข้าน้อยสิพยายามเจ้าค่ะ”
สะอาดรับเอาคำ สีหน้าละอายใจที่ไขว้เขวกับเรื่องอื่นจนเสียสมาธิในการปฏิบัติธรรม
ญาแม่กับแม่ครูเดินคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง มองไปทางสะอาดที่ก้มหน้ากวาดใบไม้ต่ออย่างจับสังเกต
“สะอาดมาถือศีลเทือนี่ เบิ่งทรงซึมเศร้าเหงาหงอยจั่งได๋ก็บ่อฮู้ แม่คำอ่อน”
“แม่นความญาเอื้อยว่า ข้าน้อยบ่อน่าพาลูกมาเลย เพิ่นคงสิห่วงเฮือนห่วงซาน”
“เพิ่งแต่งดองออกเฮือนแท้ๆ เป็นหยังจึงติดผัวปานนั่นน้อ หลานเอ๊ย”
“บ่อแม่นติดพ่อเจ้าดอกญาเอื้อย ที่เพิ่นเป็นห่วง ก็คงเป็นเพราะว่าสอางมันอยู่นั่น บ่อฮู้ว่าปานนี่ สิสร้างเรื่องสร้างราวหยังแน ว่าแล้วก็อยากลาท่านแม่ซีกลับไปจัดการลูกเต้า”
“อ้าว ผั่นเป็นแนวนั่น นี่เอื้อยซวนเจ้าทั้งสองมาสงบจิตสงบใจแท้ๆ อดทนเอาอีกจักหน่อยแน่ อีกแค่คืนเดียวทอนั่น สอางมันคงบ่อเป็นบ้าลุกขึ้นมาจูดไฟเผาวังเพิ่นดอก”
ญาแม่พยักหน้ารับ แต่ไม่วายมองไปทางสะอาดอย่างเป็นห่วง
สอางนอนกอดซบพ่อเจ้าบนเตียง สีหน้าพ่อเจ้าดูมึนงงหลงใหล
“เป็นหยังเฮาสองคนถึงบ่อเจอกันเร็วกว่านี่เจ้าคะ พ่อเจ้า”
พ่อเจ้าลูบไล้ใบหน้าเนื้อตัวสอางอย่างหลงใหล “ถึงจะช้าไป แต่ฉันก็ดีใจที่ได้พบกับเธอนะ สอาง”
พ่อเจ้าประคองใบหน้าสอางให้หันมาแล้วก้มลงจะจูบ สอางแสร้งทำเป็นเอียงอายหันหน้าหนี
“คำเว้าหวานม่วนหูแบบนี่ ข้าน้อยคงสิได้ฟังเพียงแค่มื่อนี่เป็นมื่อสุดท้าย เพราะเมื่อยาเอื้อยกลับคืนมา พ่อเจ้าก็คงสิลืมเหมิด” สอางตัดพ้อ
“ฉันจะลืมได้อย่างไรล่ะ”
“ ลืมบ่อลืม ยาเอื้อยก็คงสิกลับมาปรนนิบัติพัดวีพ่อเจ้า ลบฮอยของข้าน้อยเหมิดเกลี้ยง”
“ไม่จริงดอกสอาง สะอาดจะลบรอยเธอได้อย่างไร”
พ่อเจ้ายิ้มชอบใจที่สอางหึง บีบคางเอ็นดู สอางทำสะบัดสะบิ้ง
“ก็ในเมื่อฉันกับเขา ยังไม่เคยเข้าหอหลับนอนด้วยกันซักคืนเดียว”
สอางช็อกนิดๆ รับรู้แค่สะอาดแยกห้องนอน แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่เคยนอนกับพ่อเจ้า
“อีหลีบ่เจ้าคะ”
พ่อเจ้ายิ้มเอ็นดู “นับจากแม่บัวแล้ว เธอเป็นเมียคนที่สองของฉันนะ สอาง”
สอางยิ้มปลื้ม ดีใจ เข้ากอดซบกับพ่อเจ้าออดอ้อน พ่อเจ้ากอดตอบ สีหน้าอิ่มเอิบ
ข้าหลวงคนสนิทรีบร้อนเข้ามาในตำหนัก ตรงมาหาทองมีที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
“ทองมี พ่อเจ้ายังบ่อทันตื่นบรรทมอีกบ้อ”
ทองมีหลุดปาก “ตื่นแล้วจ้ะ”
“แล้วเพิ่นเฮ็ดหยังอยู่ ข้อยไปส่องเบิ่งอยู่ห้องงานก็บ่อเห็น”
ทองมีอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ถูก จนศรีธาราเดินเข้ามาเห็นทั้งสองทำท่าว้าวุ่นก็แปลกใจ
“มีอะไรกันหรือ ท่านข้าหลวง”
“ข้าน้อยกำลังตามหาพ่อเจ้าน่ะท่านซาย เพิ่นยังบ่อออกไปห้องงาน ก็เลยแปลกใจ”
“เมื่อซักครู่ผมแวะเข้าไปหา ท่านตื่นแล้วนี่ ตอนนี้ท่านพ่อยังอยู่ที่ห้องหรือทองมี”
ทองมีอึกอัก “เอ่อ คง...อย่างนั่นล่ะเจ้าค่ะ ท่านซาย”
ศรีธารานึกเป็นห่วงพ่อ รีบเดินไปดู
ศรีธาราเดินตรงมาหยุดที่หน้าห้องนอนพ่อเจ้า เคาะประตูเรียก
“ท่านพ่อครับ ท่านพ่อ... เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ศรีธาราเงี่ยหูฟังได้ยินแต่ความเงียบ เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
“ท่านพ่อ...”
ศรีธารามองไปที่เตียง พบแต่ความว่างเปล่า จึงเดินเข้าไปดูที่ห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบอีก
พ่อเจ้าเดินกลับเข้าห้องมาพอดี เห็นศรีธาราอยู่ในห้องก็ชะงัก พยายามไม่ให้มีพิรุธ
“จะเอาอะไรหรือ ศรีธารา”
“เปล่าครับ ผมไม่เห็นท่านพ่อที่โต๊ะเสวย ท่านข้าหลวงก็เป็นห่วง กลัวจะไม่สบาย”
พ่อเจ้าหลบสายตาลูกชาย เก็บซ่อนพิรุธ
“ท่านพ่อไปไหนมาหรือครับ”
“พ่อไปเดินเล่นมา”
พ่อเจ้าพูดจบก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ไม่อยากอยู่ให้ลูกชายซักไซ้ต่อ ศรีธาราแปลกใจกับท่าทีแปลกๆ ของพ่อเจ้า
ด้านนางงอสะดุ้งตื่นรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อมีคนเขย่าตัวปลุก
“แม่งอ เป็นจังใด๋แน แม่งอ”
นางงอมองเห็นโซ่ทองกับนางสายจ้องมองอยู่ก็สะดุ้งเฮือก รีบปัดมือออก แล้วลุกขึ้นนั่ง
“พวกมึงขึ้นมาเทิงเฮือนกูเฮ็ดหยัง”
“อีแม่ข่อยให้คนไปเอิ้น บอกวาแม่งอบอสำบาย”
นางงอหันไปหานางสาย นางสายรีบบอก
“ข้อยผ่านมาทางหน้าเฮือน ได้ยินเสียงดังตึ้งตั้ง เลยฟ่าวขึ้นมาเบิ่ง กะเห็นเจ้านอนซักดิ้นซักงออยู่ เจ้าบ่อฮู้โตเลยซั่นบ้อ”
นางงอจับที่หน้าอกตัวเอง ความรู้สึกร้อนผ่าวช่วงคอ ตอนกินยาลงไป หายไปหมดแล้ว
“แม่งอเป็นหยังบอ ให่ข่อยตรวจอาก่ารให่สาเนาะ”
โซ่ทองขยับเข้ามายื่นมือ นางงอถอยหนีอีก
“บ่อต้อง กู่บอเป็นหยังแล้ว” นางงอเสียงอ่อนลง “พวกสูมีหยังเฮ็ด กะไปหาเฮ็ดสา เดี๋ยวกูสิออกไปหาสอาง”
นางงอผุดลุกขึ้นจะแต่งตัว แต่แล้วก็ร้องลั่นทรุดลงทันที เจ็บไปทั้งตัวเพราะยาเพิ่งออกฤทธิ์ โซ่ทองกับนางงอรีบเข้ามาช่วยกันประคอง
“เป็นปานนี่ ยังสิวาบอเป่นหยังอีกบ้อ ให่บักโซ่มันเบิงอาการสาเถาะแม่งอ”
“บ่อ สูยามายุ่ง โอย...”
นางงอขยับตัวแต่ก็เจ็บร้าวทั้งกาย ลุกไม่ขึ้น โซ่ทองถอนใจ
“ถ่าบออยากให้ข้อยเบิ่ง กะอย่าฟ่าวลุกไปไสเลย แม่งอนอนพักกอน อาการสิได้ดีขึ้น”
นางงอข่มความเจ็บ “กูต้องเอาของไปให้สอาง”
“มื่อนี่ ข่อยสิเอายาไปถวายพ่อเจ้าอยู่วังอินทนิล แม่งอสิเอาหยังไปให่สอาง ฝากข่อยไปกะได้”
นางงอมองโซ่ทองอย่างลังเลว่าจะฝากไปดีหรือไม่
ในเวลาต่อมา โซ่ทองเดินมาทางเรือนแพทย์ ก้มลงมองดูห่อกระดาษที่ถูกมัดพันไว้แน่นหนา นึกถึงคำกำชับกำชาของนางงอ
“กูฝากของนี่ไปให่สอางแน บ่อต้องถามวามันคือหยัง แล่วกะอย่าเปิดเบิ่งเป็นอันขาด ถ้าบ่ออยากให้สอางเอาตีนเหยียบหน้ามึง”
โซ่ทองพลิกดูเหมือนอยากรู้ว่าเป็นยาอะไร แต่สุดท้ายตัดใจเก็บใส่ล่วมยา เดินขึ้นเรือนแพทย์ไป แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นศรีธารากำลังนั่งช่วยสะออนเตรียมยาอยู่บนเรือน
“ท่านซาย มาแตเซ่าเลยนะ”
“ผมรีบตื่นน่ะครับ กะจะมาชวนสะออนไปทำบุญอีกซักวัน” ศรธารายิ้มเขิน “ที่ไหนได้... เพิ่งรู้ว่าเขาจัดงานแค่วันเดียวเท่านั้น”
“วัดบ้านแคนหลวงเฮามีงานแค่มื่อเดียว แต่มีวัดกลาง วัดบูรพา ที่จัดงานบุญผะเหวดอีกหลายมื่อ ถ้าท่านซายอยากฟังเทศน์อีกกะให้สะออนพาไป”
สะออนเงยหน้าขึ้นมามองโซ่ทองตาขวาง งอนหนักที่โซ่ทองยังเชียร์ตนกับศรีธาราไม่เลิก หันไปแกล้งพูดหวานกับศรีธารา
“ท่านซาย ข้าน้อยว่าฟังเทศน์มหาชาติปีละหนกะพอเจ้าค่ะ ไปทำบุญยางอืนดีกว่า”
“ได้สิสะออน คุณอยากทำบุญอะไรล่ะ”
“ข้าน้อยอยากจะเอายาของญาพ่อไปฝนแจกจายให้ซาวบ่านเจ้าค่ะ”
“ได้สิ เดี๋ยวผมขับรถให้ เราน่าจะลองออกไปที่หมู่บ้านห่างไกลดูบ้าง เผื่อจะมีชาวบ้านเจ็บป่วยที่เดินทางมาบ้านแคนหลวงไม่ไหว ดีไหมครับ อ้ายโซ่ทอง”
“กะดีจ้ะ แตเซิญไปกันสองคนเถาะท่านซาย ข้าน้อยมีธุระทางอืนแล้ว” โซ่ทองยิ้มฝืดๆ
สะออนหน้าคว่ำ กระแทกกระทั้นห่อยาอย่างแรง แต่ก็ยังหันไปหวานกับศรีธาราอีก
“ข้าน้อยกะวาดีเจ้าค่ะ ไปกันสองคน เยี่ยมซาวบ้านแล่ว จะได้แวะเที่ยวกันต่อ” สะออนยิ้มหวาน “ท่านซายอยากจะไปเที่ยวเบิ่งหยัง ข้าน้อยจะพาไปทุกที่เลยเจ้าค่ะ”
“ผมเองก็นึกไม่ออก ไปไหนดีครับอ้าย”
ศรีธาราหันไปถามโซ่ทองเชิงเอาใจ แต่สะออนหมั่นไส้เลยขัดขึ้น
“ถ้าจั่งซั่น กะยังบ่อต้องคิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวคอยๆ คิดไประวางทาง หรือผ่านที่ได๋งามๆ กะแวะที่นั่นดีบอเจ้าคะ”
สะออนทำเป็นจ๊ะจ๋ากับศรีธารา แต่ไม่วายมองมาทางโซ่ทองอย่างเชือดเฉือน โซ่ทองเอือมๆ เบือนหน้าหนี
ที่วังอินทนิล ทองมีกับบ่าวสองคนกำลังทำงานกันอยู่ในครัว สอางเดินหน้าบึ้งเข้ามา ในมือถือผ้าซิ่นลายหงส์มาด้วย วางอำนาจใส่
“มาสุมหัวกันอยู่นี่เอง กูเอิ้นหาถึงบ่อมีหมาโผล่หัวไปจักโต”
“ท่านนางสิเอาหยังเจ้าคะ” ทองมีถาม
“เอาผ้าผืนนี่ไปซักให้กูแหน่”
สอางโยนผ้าซิ่นไปตรงหน้าทั้งสาม แทบจะคลุมโต๊ะที่กำลังทำงานอยู่ ทองมีไม่พอใจแต่ต้องพยายามข่มใจ
“เดี๋ยวข้าน้อยสิเฮ็ดให้ดอกเจ้าค่ะ แต่ขอเฮ็ดเวียกนี่ให้แล้วก่อน”
“มึงก็วางมือมาซักผ้าให้กูจักคนแน มีกันตั้งหกมือหกตีน สิเกี่ยงเวียกเกี่ยงงานกันเฮ็ดหยัง”
“ถ้าท่านนางรอบ่อไหว ก็ให้คนอยู่บ้านมาเอาไปซักตั้วเจ้าคะ”
สอางฉุนขาด แว้ดใส่ “อีทองมี มึงมาต่อปากกับกูเข้าเด้อ อีขี้ข้า”
“พวกข้าน้อยเป็นขี้ข้าของพ่อเจ้าแม่เจ้า บ่อแม่นขี้ข้าของท่านนาง ถ้าท่านนางสั่งหยังมา แนวใด๋เฮ็ดได้เลย ก็สิฟ่าวเฮ็ด ถ้าเฮ็ดบ่อทันได้ ท่านนางก็ควรต้องถ่า”
สอางเลือดขึ้นหน้า ตรงเข้าจิกหัวทองมีจนทองมีร้องโอ๊ย อีกสองคนลุกขึ้นอย่างตกใจ
“อย่ามาปากดีกับกูเด้อ มึงบ่ออยากมีเงาหัวแล้วแม่นบ่อ อีทองมี มึงฮู้บ่อว่ากูเป็นไผ”
สอางจิกหัวทองมีให้หันมาหา ทองมีร้องเจ็บปวด แต่หันมาสู้ อีกสองคนพยายามเข้ามาห้าม
“แล้วท่านนางเป็นไผล่ะเจ้าคะ”
สอางแค้น อยากจะแสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของพ่อเจ้าแล้ว แต่ยังไม่กล้าพูด เพราะกลัวพ่อเจ้าไม่พอใจ
“ก็เป็นคนที่สิไล่ฆ่าคอมึงออกยามใด๋ก็ได้”
สอางผลักหัวทองมีออกไปอย่างแรงจนล้มลงไป สองบ่าวรีบเข้าไปประคอง
“ถ้ามึงบ่อเซื่อ ก็ลองเบิ่ง ว่าถ้าบ่อซักผ้าซิ่นให้กูภายในแลงนี่ พ่อเจ้าสิว่าจั่งได๋”
สอางสะบัดหน้า เดินออกไปจากครัวอย่างฉุนเฉียว บ่าวชื่อคำมูนเข้าไปหาทองมีที่โกรธจนตัวสั่น
“นี่น้องสาวของยาแม่สะอาดอีหลีบ้อสู คือซั่วทรามนามหมาคักแท้”
“นั่นแหล่ว นิสัยสันดานก็ต่างกันปานฟ้ากับเหว” เหลี่ยมบ่าวชายก็ส่ายหัว
“เหวนรกซัดๆ ข้อยคืออยากให้แม่เจ้าสะอาดกลับคืนมาเร็วๆ แท้”
ทองมีกังวล เพราะรู้ว่าตอนนี้สอางกับพ่อเจ้านอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ไม่กล้าบอกใคร
ฟากสะอาดนั่งสมาธิอยู่ที่ริมแม่น้ำด้วยอาการสงบ จิตใจจดจ่อมากขึ้นกว่าเคย เสียงคำสอนแม่ชีดังก้องในหู
“บ่อฮู้ มันก็บ่อทุกข์ ที่เจ้าบ่อฮู้บ่อเห็นหยังเพิ่ม ก็อาจเป็นเพราะว่า เพิ่นอยากให้เจ้าฮู้แค่เพียงทอนี่ ทุกข์แค่เพียงทอนี่ ก็นับว่าดีแล้ว”
“แม่ขาวน้อย เจ้ามานี่เพื่อให้มีจิตใจสงบเย็น ก็ควรมุ่งมั่นปฏิบัติให้ได้ผลนั่น อย่าเพิ่งเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นแนวอื่นเลยลูก”
เสียงแม่ชีก้องกังวานเตือนใจสะอาด แต่กลับเหมือนนำทางจิตของสะอาดให้ดิ่งลึกลงไปสู่ภาพนิมิตอีกครั้ง
สมัยเวียงคำนาค
ศรีสะอาดนั่งรอใครคนหนึ่งอยู่ที่อุทยานดอกไม้ มีนางข้าหลวงคอยพัดวีให้ สักพักจึงเห็นสีออนเดินเข้ามาหาจากอีกทาง
“สีออน”
สีออนยกมือไหว้แล้วเดินเข้ามาหา ศรีสะอาดเข้าไปประคองให้นั่งลง
“อัญญาปี้ มีอันใดจะหื้อน้องฮับใจ้หรือเพคะ ถึงหื้อคนไปตาม หรือว่าจะเป็นเรื่องพิธีฮับเสด็จสาธุบาทเจ้ารามังกูร”
“บ่อแม่นดอก น้องหล่า เอื้อยบ่อกล้าฮบกวนเจ้าเรื่องนั่นดอก” ศรีสะอาดนิ่งคิด ยิ้มพราย “แต่ก็เกี่ยวกั่นอยู่หน่อยนึง”
“เกี่ยวอย่างใดเพคะ”
ศรีสะอาดยิ้มเขิน “เอื้อยอยากขอยืมผ้าซิ่นลายหงส์ของน้องที่ใส่ในมื่ออภิเษกสมพงศ์กับอัญญาอ้ายศรีโซ่ทอง”
สีออนทวนคำ “ผ้าซิ่นของอัญญาปี้หูกคำ”
ศรีสะอาดชะงักหุบยิ้มแทบไม่ทัน อารมณ์ไม่ดีเมื่อถูกตอกย้ำ จนลืมตัวเสียงแข็งใส่
“นั่นล่ะ แต่ตอนนี่มันเป็นของน้องแล้ว บ่อแม่นหรือสีออน ขอให้เอื้อยได้บ่อ เอื้อยอยากเอามาใส่ในพิธีอภิเษกสมพงศ์ของโตเองบ้าง”
สีออนอึ้ง สีหน้าไม่ดี ขณะที่ศรีสะอาดมองหน้ารอคำตอบอย่างแปลกใจ
“น้อง...น้องคงหื้อบ่าได้เพคะ”
ศรีสะอาดผิดหวัง “อ้าว เป็นหยังล่ะ”
“น้อง ถวายคืนหื้ออัญญาปี้หูกคำไปแล้วเพคะ”
ศรีสะอาดหน้าบึ้ง คิดแค้นในใจ
ศรีสะอาดบุกเข้ามาในคุ้มของหูกคำ พลางชี้นิ้วสั่งนางข้าหลวงให้ค้นหาซิ่น
“สูค้นเบิ่ง ถึงต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาซิ่นลายหงส์ของมันให้พ้อ”
พวกนางข้าหลวงกระจายกันเข้ารื้อต่างๆ ทหารเข้ามาช่วย สีออนตามมาด้วย มองอย่างหวาดๆ
“สุมาเต้อเจ้า อัญญาปี้ อย่ายะจะอี้เลยเพคะ จ๊ะได ซิ่นผืนนั้นก่อเป่นของอัญญาปี้หูกคำ หากเปิ้นบ่าเต็มใจ๋จะยกหื้อ...”
มหาเทวีคำอ่อนมาด้วย เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “สีออน ที่เจ้าได้นุ่งได้ครอง อีหูกคำมันกะบ่อได้เต็มใจหยังดอก ศรีสะอาดนี่ล่ะ ไปยาดแย่งมาให้ เจ้าถึงได้มีซิ่นงามๆ นุ่งในมื่ออภิเษกสมพงศ์ บาดนี่ ถึงย่ามของเพิ่น เจ้าสิขัดขวางไปเพื่อหยัง”
สีออนตกใจส่ายหน้าบอก “ข้าเจ้าบ่าได้ขัดขวางเพคะ แต่ข้าเจ้าว่าอัญญาปี้บ่าสมควรบุกเข้ามาฮื้อค้นเฮือนของเปิ้น”
“เฮือนของมัน อีกบ่อโดน ก็ต้องถืกม้างถิ่ม เพราะอาญาบ่อพ้นหัวพ้นกบาลอีเจ้าของมัน” ศรีสะอาดว่า
สีออนหน้าเสีย เศร้าใจ มหาเทวีจ้องเข้มงวด
“เซาเห็นอกเห็นใจอีหูกคำสา สีออน ทุกมื่อนี่ เจ้าเข้ามาดองเป็นวงศ์วานว่านเครือเดียวกับเฮาแล่ว กะต้องนับมันเป็นศัตรูของเจ้านำ จำเอาไว้”
ที่คุกหลวงคืนเดียวกัน
หูกคำถูกคุมตัวยืนอยู่นอกคุก เนื้อตัวมอมแมม เป็นแผลเพราะโดนแมลงกัดต่อย ศรีสะอาดเข้าไปบีบหน้าคาดคั้น
“มึงบอกกูมา อีหูกคำ มึงเสี่ยงผ้าซิ่นลายหงส์ไว้ไส”
หูกคำจ้องหน้าศรีสะอาดนิ่ง ไม่ตอบ ศรีสะอาดตะคอก
“กูบอกให้มึงเว้า”
หูกคำนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมา ศรีสะอาดโมโห ตบเผียะ สีออนมองอย่างสงสารจะเข้าไปห้าม แต่มหาเทวีส่งสายตาเขียวปรามแล้วเข้าไปขู่
“ถ่ามึงบ่อบอก กูสิเผาเฮือนกับโฮงต่ำผ้าของมึงให้มอดเป็นจุณ”
หูกคำหัวเราะ “ก็เอาแมะ จั่งได๋ ข้าน้อยก็คงบ่อได้กลับไปอยู่นั่นอีกแล้ว บ่อแม่นรึเพคะ กะเผาให้มันมอดไหม้ไปเลย ซิ่นลายหงส์สิได้ไปอยู่กับข้าน้อยในภพหน้า บ่อต้องตกไปอยู่ในมือของคนซั่วซ้าสารเลว”
ศรีสะอาดแค้นใจตบหน้าหูกคำอีก
“มึงคิดผิดแล้ว ที่สิลองดีกับกู กูสิง้างปากมึงให้ได้ ทรมานมัน”
ทหารจับตัวหูกคำให้ทรุดนั่งลง บังคับให้ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาวางบนตั่งเล็กๆ แล้วใช้กริชกรีดแขนเป็นแผลเล็กๆ
หูกคำร้องกรี๊ดเจ็บปวด พยายามดิ้น แต่ทหารช่วยกันจับยึดแขนไว้ แล้วกรีดแผลอีกข้าง สลับกันไปมา
“บาดทีนี่ มึงสิบอกได้ไป่”
หูกคำกรีดร้องส่ายหน้าไม่ยอมบอก ศรีสะอาดโกรธ ตะคอกทหาร
“ปาดแขนปาดขามัน จนกว่ากูสิสั่งให้หยุด”
ทหารทำตาม เสียงหูกคำกรีดร้อง ดิ้นเจ็บปวด สีออนมองดูด้วยความเวทนาสงสาร
ศรีสะอาดกลับเข้ามาในคุ้มกับมหาเทวีด้วยความฉุนเฉียว
“อีนี่มันปากแข็งคัก ทรมานจนสลบไปหลายเทือ มันก็ยังบ่อยอมเปิดปากเว้า”
“มันคงฮู้วา จั่งได่เฮากะบ่อฆ่ามัน เพราะถ่ามันตาย ผ้าซิ่นกะคงสิหายสาบสูญไป”
“สีออนน้อสีออน เป็นหยังคือมาโง่แท้ ได้ของดีมาไว้กับโต ก็ดันโง่เอาไปคืนเขา ข้าน้อยสิเฮ็ดจั่งได๋ดีเพคะ อัญญาแม่”
มหาเทวีครุ่นคิด รำพึง
“ใซ่ไม้แข็งบ่อได้ผล กะต้องใซ่ไม้อ่อน”
ศรีสะอาดงง “สิให้ข้าน้อยไปเฮ็ดดีกับมันซั่นบ้อ มันก็ยิ่งสิได้ใจล่ะเพคะ”
“ไผวาเฮาสิต้องเฮ็ดดีกับมันล่ะ”
มหาเทวียิ้มร้ายออกมาอย่างน่ากลัว
สะอาดสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมา ยังเห็นเหตุการณ์ในภาพนิมิตติดตา
“ซิ่นลายหงส์... สอาง...”
ส่วนที่สำนักสมิงพันดงเวลานั้น สมิงพันดงนั่งเอกเขนกให้ลูกน้องบีบนวดอยู่ มองเห็นนางงอเดินตึงๆ ขึ้นเรือนมา โดยที่นางงอเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นโดยที่ยังไม่รู้ตัว
“ข้อยว่าแม่นไผมาแต่ไส แม่งอนี่เอง”
สมิงพันดงลุกเดินไปหา ยิ้มกริ่ม
“เป็นจั่งได๋แนล่ะ ยาที่เอาไปกิน”
“เป็นจังได๋นั่นเบาะ กูกะเกือบตายนั่นแหล่ว บักหมอผีนรก”
นางงอปาห่อยาที่ยังไม่ได้กินใส่สมิงพันดง
“มึงต้มกู เอายาพิษให้กูกิน บักซาติซั่ว”
นางงอถลันเข้าไปทุบตีสมิงพันดงสุดแรง สมิงพันดงยกแขนป้องแต่ไม่โต้กลับ
ลูกน้องเห็นท่าไม่ดีจะเข้ามา แต่สมิงพันดงยกมือห้ามไว้ แล้วหัวเราะใส่ นางงองง
“มึงหัวขวนหยัง กูบ่อยอมเป็นควายให้มึงต้มอีกแล่ว บักห่าสมิงพันดง”
“ข้อยต้มหยังเจ้า แม่งอ”
“ยังสิมีหน้ามาเล่นลิ้นอีก พ่อแพทย์กลับมาฮอดยามใด๋ กู่สิฟ้องให้เพิ่นมาไลฆ่าคอมึงออกจากหมู่บ้านนี่”
สมิงพันดงยิ้มขำ “เจ้าสิเล่นงานข้อย ที่ข้อยเฮ็ดให้เจ้าดีขึ้นซั่นบ้อ”
นางงอตวาด “ดีขึ้นหยังของมึง”
สมิงพันดงยังกอดอกมองนางงอหัวจรดเท้ายิ้มๆ
“แม่งอมีเฮี่ยวแฮงหลายขึ้น มาฮอดก็ฆ่าตีข้อย ทุบเอาๆ เดินเหินก็บ่อก่องจ่องแก่งแจ่งคือแต่กี้”
นางงอชะงัก เพิ่งคิดได้ หยุดสำรวจตัวเอง
“ทางจากเฮือนพุทไธเทพมานี่ ก็ไกลเติบ แต่เจ้ายังมีแฮงเดินมา มีแฮงเหลือมาฆ่ามาตีข้อย เจ้ายังบ่อว่าดีขึ้นอีกบ้อ”
นางงอเงยหน้ามองสมิงพันดงอย่างพิศวง สมิงพันดงยิ้มพอใจ
“ข้อยบอกแล้วว่ายามันฤทธิ์แฮง ตอนกินก็สิทรมานคือคนใกล้ตาย แต่สุดท้ายก็สิส่วงเซา แถมยังมีกำลังวังซาขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก ข้อยเว้าผิดหม่องใด๋ล่ะแม่งอ”
นางงอนิ่ง สงบลง เริ่มคิดได้ว่าเหมือนตัวเองจะดีขึ้นอย่างที่สมิงพันดงว่าไว้จริงๆ
อีกฟาก พ่อเจ้านั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินเสียงคนแง้มประตูเข้ามาเบาๆ
“ของว่างหรือ ท่านไซยสาเกต ฉันบอกแล้วไงว่ายังไม่กิน”
พ่อเจ้าพูดขณะก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ แต่ไม่มีเสียงตอบจากด้านหลัง พ่อเจ้าเลยเงยหน้าขึ้นจะหันไปมอง แต่ทันใดก็ถูกจู่โจมเข้ามาปิดตาทั้งสองข้างแล้วกอดแน่น
“ใครน่ะ เล่นอะไร”
“ข้าน้อยอุตส่าห์เข้ามาเป็นของว่างให้พ่อเจ้าซิม พ่อเจ้าบ่ออยากกินอีหลีบ้อเจ้าคะ”
“สอาง”
พ่อเจ้ารีบแกะมือสอางออก หันกลับไปมอง สอางโผเข้ากอดซบ
“อะไรกันนี่”
“ข้าน้อยได้ยินว่าพ่อเจ้ากลับมาจากข้างนอกแล้ว ก็เลยฟ่าวมาหา ข้าน้อยคิดฮอด”
พ่อเจ้าขำเอ็นดู “อะไรกัน ฉันออกไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”
“แค่ชั่วโมงเดียว มันก็โดนเป็นปีสำหรับข้าน้อย พ่อเจ้าคึดฮอดข้าน้อยบ่อ บอกข้าน้อยให้ซื่นใจแนเจ้าคะ”
สอางเข้าพัวพันพ่อเจ้า จะกอดจะหอม พ่อเจ้าผลักออกเขินๆ
“อย่าน่าสอาง นี่มันกลางวันแสกๆ”
“กลางเว็นกลางคืน มันสำคัญอยู่บ้อเจ้าคะ ถ้าผัวเมียสิฮักสิหอมกัน”
พ่อเจ้าหัวเราะประหม่า ห่างจากการมีผู้หญิงมาออดอ้อนไปนานจนเขิน เริ่มใจอ่อน หันมาประคองหน้าสอาง
พ่อเจ้าพูดเขินๆ “ฉันก็คิดถึงเธอ”
“ซื่นใจข้าน้อยหลาย”
สอางยื่นหน้าเข้าจะหอมแก้ม ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก พ่อเจ้ารีบผลักสอางออกห่าง เห็นเป็นข้าหลวงชายเดินเข้ามาแล้วชะงักนิ่ง จับอาการลุกลี้ลุกลนของทั้งสองได้ แต่ทำไม่สนใจ
“มีอะไรหรือ ท่านไซยสาเกต”
“มีแขกมารอพบพ่อเจ้าขะน่อย” (ข้าน้อย = ขอรับ ออกเสียง ค่ะน่อย)
แขกที่ว่าคือโซ่ทองนั่นเอง เขาเหลือบมองสอางที่นั่งบนโซฟาข้างๆ พ่อเจ้าเหมือนตีเสมอ ก่อนจะหันไปพูดธุระกับพ่อเจ้า
“พ่อแพทย์สั่งไว้ก่อนเดินทางไปพนมไพร ให่ข่าน่อยม่าถวายก่ารตรวจสุขภาพให่ พ่อเจ้าตามกำหนด และจัดยาบำรุงไว้ให่พ่อเจ้ายาให่ขาดเหลือขะน่อย”
“ขอบใจมาก นี่อีกกี่วันล่ะ พ่อแพทย์พุทไธถึงจะกลับ”
“คงบ่อเกิน 2-3 มื่อนี่ขะน่อย”
สอางนึกหมั่นไส้ สอดขึ้นว่า “ที่จริงรอญาพ่อตรวจเองน่าสิดีกว่านะเจ้าคะพ่อเจ้า ขี้ข้าห้าเบี้ยอย่างบักโซ่ทองมันสิมาเก่งกาจเท่ายาพ่อของข้าน้อยได้จั่งได๋”
โซ่ทองก้มหน้างุดเจียมเนื้อเจียมตัว พ่อเจ้ามองเอ็นดู
“ไม่เป็นไรดอก มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว อีกอย่างถ้าพ่อแพทย์พุทไธมั่นใจให้โซ่ทองคอยทำหน้าที่แทน ฉันก็มั่นใจในตัวเขา อยากจะตรวจอะไรก็เชิญเถอะ ไปที่ห้องของฉันดีไหม”
“โดยข้าน้อย” (โดยข้าน้อย, โดยข่ะน่อย = ขอรับท่าน, ขอรับกระผม)
โซ่ทองยิ้มออก ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตามพ่อเจ้าออกไป
สอางปรายตามองอย่างหงุดหงิดที่โซ่ทองมาขัดจังหวะ
ทางด้านสะออนกับศรีธาราพากันตระเวนไปตามที่ต่างๆ ในเมืองอีสานบุรี เดินดูข้าวของในตลาด พร้อมกับแจกยาให้ชาวบ้านที่มาตั้งแผงขายของ ศรีธาราทักทายพูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ชาวบ้านเองก็ชอบใจมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แบ่งของที่ขายให้ฟรีๆ ตอบแทนน้ำใจ
ศรีธาราตื่นตาตื่นใจกับข้าวของแปลกตามากมีในตลาด และได้รับของฝากเต็มมือ คอยชี้ชวนให้สะออนดูนั้นนี้อย่างเบิกบานใจ จนไม่ได้สังเกตเลยว่าสะออนดูเนือยๆ ไม่มีกะจิตกะใจ และใจลอย
ศรีธาราถือของพะรุงพะรัง เดินตามสะออนออกมาจากตลาด ท่าทางกระตือรือร้นอยากไปเที่ยวต่อ
“ตกลงคุณจะพาผมไปเที่ยวไหนต่อ สะออน”
สะออนซึมๆ “ข่ะน่อยว่า กลับเฮือนดีกว่าเจ้าค่ะ”
“อ้าว…”
“ขะน่อยอยากจะซวนท่านซายไปเบิ่งดอกคูนดอกจาน แต่มื่อนี่ฟ่าครึ่มๆ ย่านไป่ติดฝนกล่างท่างแล่วจะล่ำบากน่ะเจ้าค่ะ” (ดอกจาน = ดอกทองกวาว)
“นั่นสิ เสียดายจัง”
“เอาไว้วันอื่นนะเจ้าคะ แล้วข่ะน่อยจะพาเที่ยวใหม่”
ศรีธารานิ่งคิด แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ ให้ผมเป็นฝ่ายพาคุณไปเที่ยวแทน”
สะออนงง “ไปเที่ยวไสหรือเจ้าคะ ท่านซาย”
ศรีธาราไม่ตอบ แต่เดินอมยิ้มนำไป
สอางนอนเอกเขนกกินผลไม้อยู่ที่โซฟา เหลือบตาเห็นโซ่ทองเดินผ่านมาก็ชักสีหน้า
“สอาง”
“มึงสิโผล่หน้ามาให้กูอารมณ์เสียเฮ็ดหยังบักโซ่ทอง แล้วธุระแล้วก็กลับไปแหมะ”
โซ่ทองไม่โต้ตอบ ล้วงเข้าไปในล่วมยา ส่งห่อกระดาษให้
“ข่อยเอาของที่แม่งอฝากมาให่เจ้า”
สอางงง รับมา เขย่าดูก็รู้ว่าเป็นว่านเมา
“มึงเอามาได้จั่งใด๋ เป็นหยังอีงอมันบ่อเอามาเอง”
“แม่งอบ่อซำบาย ข้อยก็เลยรับฝากมา แต่แม่งอบ่อได้บอกว่าข้างในแม่นหยัง”
“มึงบ่อฮู้ก็อย่ามาสาระแน บอกอีงอนำ ว่าต่อไปนี้กูบ่อต้องใซ้แล้ว บ่อต้องฝากมาอีก”
โซ่ทองรับคำ มองจ้องสอางอย่างเป็นห่วง พยายามไถ่ถามชวนคุย
“แล้วเจ้าอยู่นี่...ซำบายดีบ้อ”
สอางยิ่งหงุดหงิดรำคาญเป็นทวี “มึงนี่มันลามยิ่งกว่าขี้กลาก กูเว้านำบ่อจักคำ ทำเป็นถือวิสาสะ ถามนั่นถามนี่ มึงเป็นพ่อแม่พี่น้องโคตรเหง้ากูหรือจั่งได๋ บักซาติอีกา”
“บอแม่นจังซั่น ข่อยบอได้คึดลามปาม ข่อยแค่เป็นห่วงเจ้า” โซ่ทองพยายามพูดเป็นนัย “ถ่าเจ้าอยู่นี่แล่ว บ่อมี่ความสุข กะเมือเฮือนเฮาดีบ่อ”
สอางลุกพรวดอารมณ์เสีย
“กูสิสุขหรือสิทุกข์ มันไปหนักหัวกบาลหยังมึง ตรวจพ่อเจ้าแล้วแล้ว ก็ไสหัวกลับไปอย่ามาส่อหล่อ ลอยหน้าลอยตาให้กูอารมณ์เสีย กูบ่ออยากเห็นหน้ามึง ไป๊”
โซ่ทองเสียใจ กำลังจะเดินออกไป แต่ศรีธารากับสะออนสวนเข้ามาพอดี
“อ้ายโซ่ทอง มาที่นี่ได้ยังไง”
สะออนกับโซ่ทองมองกันอึ้งๆ คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่นี่พอดี
ในเวลาต่อมาศรีธารานั่งคุยกับพ่อเจ้าด้วยท่าทีแจ่มใส โดยมีสะออน สอาง โซ่ทองรวมกันอยู่ด้วยกัน
“ผมตั้งใจจะพาสะออนมาพบท่านพ่อ แล้วก็จะเลี้ยงข้าวเย็นซักมื้อ ไม่นึกเลยว่าจะได้เจออ้ายที่นี่ ที่แท้ธุระของอ้ายก็คือมาตรวจร่างกายท่านพ่อนี่เอง”
“แล้วกะคงสิแวะมาเยี่ยมญาเอื้อยนำแม่นบอ เพราะเห็นอ้ายจ่มว่าห่วงญาเอื้อยมาตั้งหลายมื่อแล่ว” สะออนพูดกับสอางแต่ปรายตามองไปจิกกัดโซ่ทอง
สอางร้อนตัว หันไปมองพ่อเจ้า
“สะออน เว้าหยังของเจ้า บักโซ่ทองมันเป็นขี้ข้าก้นครัว มันสิมาห่วงเอื้อยเรื่องหยัง เว้าไปทั่วทีปทั่วแดนเข้าเด้อ”
“กะต้องห่วงตั้วเพราะญาเอื้อยจากบ้านเฮามาตั้งโดน เพิ่นจ่มบอกให้ข้อยมาตามญาเอื้อยกลับเมือเฮือนตั่งแต่มื่อแรกด้วยซ้ำ”
“สะออน” สอางตวาดเบาแล้วรีบวางฟอร์มหัวเราะร่าเริง กัดฟันบอก “โดนๆ พ้อกันเทือ ก็มักเว้ากวนเอื้อยแท้น้อ มาๆ กินข้าวแลงนำกัน น้องหล่า เฮาพี่น้องบ่อกินข้าวฮ่วมพา กินปลาฮ่วมฮ้อย กันมาตั้งโดนแล้ว เสียดายที่ขาดยาเอื้อยสะอาดอีกคน”
โซ่ทองรู้สึกตัวเหมือนเป็นส่วนเกินของที่นี่ รีบขยับตัวลุก
“ถ้าจั่งซั่น ข้าน้อยขอโตกลับก่อน”
พ่อเจ้าเรียกไว้ “เดี๋ยวสิโซ่ทอง ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ”
สอาง สะออน ชะงัก โซ่ทองทำหน้าตกใจ อ้าปากจะปฏิเสธ พ่อเจ้าตัดบทเชิงบังคับกลายๆ
“ไม่ต้องห่วงพิธีรีตองอะไรดอก ถือว่าฉันเลี้ยงขอบใจที่ช่วยมาตรวจโรคให้ อย่าปฏิเสธน้ำใจฉันเลยนะ”
โซ่ทองเหวอไปทำตัวไม่ถูก
โซ่ทองนั่งเกร็งอยู่บนโต๊ะอาหารค่ำ รายล้อมด้วยสอาง สะออน ศรีธารา พ่อเจ้า
ศรีธาราตักอาหารใส่จานให้สะออนอย่างเอาอกเอาใจ ขณะที่พ่อเจ้าหันไปคุยกับโซ่ทองอย่างเอื้อเฟื้อ
“ตามสบายนะ คิดเสียว่าอยู่ที่บ้าน”
โซ่ทองยิ้มรับด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม สอางปรายตามองขวางไม่สบอารมณ์ เรียกความสนใจจากพ่อเจ้าบ้าง
“ข้าน้อยขอเปิดไวน์ได้บ่อเจ้าคะ พ่อเจ้า”
สะออน ศรีธารา โซ่ทองได้ยินถึงกับชะงักหันมามองสอางเป็นตาเดียว พ่อเจ้าเองก็แปลกใจ
“จะดื่มแต่วันเลยหรือสอาง”
“ข้าน้อยติดใจน่ะเจ้าค่ะ พ่อเจ้าเคยบอกว่าถ้ากินกับอาหาร สิได้รสซาติแซบหลายขึ้น บ่อแม่นหรือเจ้าคะ”
พ่อเจ้าอึ้งไป แล้วหัวเราะออกมา เหมือนเห็นเป็นเรื่องน่าเอ็นดู
“เอาสิ เอาเลย วันนี้เรามีแขกนี่นะ”
พ่อเจ้าหัวเราะครึ้มใจเรียกบ่าวมาสั่งขอไวน์
สะออนมองไวน์ที่ถูกรินใส่แก้วสอาง ข้างๆ กันอย่างตื่นตา ขณะที่สอางยกขึ้นจิบด้วยท่วงท่าชำนาญ หลังจากที่ได้ลองกินมาแล้ว
สะออนกระซิบถาม “ญาเอื้อย นี่เจ้ากินเหล้าติ”
“เหล้ามาแต่ไส อันนี่เขาเอิ้นว่าไวน์” สอางบอก
“แต่กลิ่นมันมาคือเหล้าแท้” สะออนมีสีหน้าขยาดหวั่นกลัว
“ก็เหล้าชนิดหนึ่งนั่นแหละครับสะออน แต่มันเกิดจากการหมักองุ่น ไม่ได้หมักจากข้าวเหมือนแถบบ้านเมืองเรา” ศรีธาราบอก
“กลิ่นก็หอมกว่าเหล้าอุ เหล้าโท บ้านเฮาตั้งหลาย เจ้าสิลองเบิ่งบ่อล่ะ น้องหล่า”
สอางคว้าขวดไหวน์มาจะรินใส่แก้วให้สะออน โซ่ทองทนไม่ได้ รีบห้าม
“สะออนยังน้อยอยู่ ยาเพิ่งหัดเพิ่นกินเหล้าเมาอย่าเลย สอาง”
สอางลืมตัวชักสีหน้าขึงตาจะด่าโซ่ทอง แต่สะออนสวนขึ้นเสียก่อน
“คำกะเด็กน้อย สองคำกะเด็กน้อย สิต้องให้ข้อยบอกอีกจักเทือ วาข้อยใหญ่แล้ว”
สะออนตวัดสายตาใส่โซ่ทองท่าทีงอนๆ โซ่ทองอึ้งพูดอะไรไม่ออก สะออนหันไปหาสอาง
“ข้อยขอลองซิมเบิ่งแหน่จ้า ญาเอื้อย”
สอางยิ้มหวาน “ต้องอย่างนั่นตั้ว น้องหล่า กินไวน์เป็น สิได้เข้าสังคมกับฝรั่งมังค่าได้ บ่อล้าหลัง เป็นพวกคนป่าคนดง เกี่ยวแต่ข้าว เป่าแต่แคน เลี้ยงแต่ควย”
สอางจงใจเหน็บโซ่ทอง รินไวน์ใส่แก้วให้สะออนทันที ศรีธารายิ้มสมใจ อยากเห็นสะออนทันสมัย
สะออนรับแก้วไวน์มาดมๆ แล้วนิ่วหน้ายิ้มเฝื่อนๆ ศรีธาราสอนวิธีจิบไวน์ให้สะออนทำตาม ขณะที่โซ่ทองมองดูภาพนั้นอย่างหม่นหมอง ไม่สบายใจ
อีกฟาก ที่เรือนพุทไธเทพ นางสายเดินผ่านเรือนนางงอ ต้องชะงักเมื่อเห็นนางงอเปิดประตูเรือนรับลม และกำลังปัดกวาดเช็ดถูเรือนท่าทีแข็งแรง
“แม่งอ นี่ลุกขึ้นมาถูเฮือนถูซานไหวแล้วเบาะ เดี๋ยวกะล้มดอก เป็นหยังบ่อเอิ้นอีเสาอีสีแหล่มาซอย”
“กะบอกแล้วเด๋ ว่ากูบ่อเป็นหยังแล้ว”
“แต่ร่างกายเจ้าบ่อแข็งแฮง ข้อยบอกเจ้า กะย่อนข้อยหวังดีเด๊”
“มึงบ่อต้องมาหวังดีกับกู ถึงมื้อหน้า กูสิเซาพิกลพิการ กูกะบ่อนับถือน้ำใจคนอย่างมึงดอก มันเป็นย้อนมึง อีสาย อีทรพี อีทรยศ มึงไปเข้ากับอีคำอ่อน ศัตรูหัวใจกู”
นางงอกระแทกเสียงระเบิดอารมณ์ใส่แล้วปิดประตูเรือนปัง นางสายอึ้งๆ งงๆ ที่อยู่ๆ นางงอก็รื้อฟื้นเรื่องอดีตขึ้นมาอีก
นางงอปิดประตู ลงนั่งที่เสื่อข้างเตียงค้นห่อยาของสมิงพันดงออกมา มองยานิ่ง เตรียมจะต้มกินอีก
ด้านโซ่ทองกับศรีธาราช่วยกันประคองสะออนที่หลับคอพับคออ่อนเดินมาทางบันไดเรือนใหญ่ เพ็งกะเภาลงมาเห็น
“แม่สะออน ตายแล้ว”
“เพิ่นเป็นหยังไป บักโซ่ ท่านซายเจ้าขา”
เพ็งเภาเข้าไปรับสะออนที่เมาไม่ได้สติแล้วนิ่วหน้าได้กลิ่นละมุดหึ่ง ถามขึ้นพร้อมกัน
“กินเหล้ามาบ้อ”
โซ่ทองบอกเสียงอ่อย “เพิ่นกินเหล้าฝรั่งเข้าไป ฟ้าวเอาขึ้นเฮือนไปก่อน แล้วหาน้ำให้กินซะ”
เพ็งเภาตาโตตกใจ รีบประคองขึ้นเรือนไป
ศรีธารากับโซ่ทองนั่งดูอาการอย่างเป็นห่วง เภารีบไปตักน้ำใส่ขันมาให้สะออนที่นั่งคอพับซบเภาอยู่ตรงชานเรือน จับปากให้ดื่มน้ำ
“กินน้ำจักหน่อยแน แม่สะออน สิได้เซาเมา”
สะออนงึมงำๆ ยังไม่ยอมลืมตา แต่พยายามกินน้ำ เพ็งบีบแขนขา
“โตฮ้อนปานนี่ สิเฮ็ดจั่งได๋กันล่ะบักโซ่ เพิ่นบ่อเคยเป็นแบบนี่เลยหนา”
“เดี๋ยวก็หายครับ ปกติดื่มครั้งแรกก็มักเป็นแบบนี้ทุกคน อีกหน่อยก็จะชิน” ศรีธาราบอก
โซ่ทองของขึ้น โมโหสะออนจนพาลพาโล “ท่านซาย นี่ยังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกรึ สะออนบ่อควรดื่มตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ท่านซายเองแทนที่จะซอยกันห้ามปราม กลับส่งเสริมให้ดื่ม”
“แต่มันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงฝรั่งนะอ้าย ไอ้ไวน์นี่จะเรียกว่าเป็นเหล้ามันก็ไม่แรงขนาดนั้นดอก” ศรีธาราเถียง
โซ่ทองขึ้นเสียงใส่ “แต่สะออนเป็นแม่ญิงอีสาน บ่อแม่นแม่ญิงฝรั่ง ถ้าท่านซาย ปลาบปลื้มวิถีซีวิตแบบฝรั่ง กะควรไปหาแม่ยิ่งแบบนั่นที่อื่น บ่อแมนที่นี่”
ศรีธาราหน้าเสีย รับรู้ได้ว่าโซ่ทองกำลังโกรธจัด
“ถ้าท่านซายหวังดีกับสะออนจริง กะควรจะส่งเสริมกันไปในทางที่ดี บ่อแม่นปล่อยให้เฮ็ดโตสำมะเลเทเมาแบบนี่”
ศรีธาราจ๋อยสนิท ไม่กล้าเถียง
ฝ่ายพ่อเจ้ากับสอางนั่งอิงแอบแนบซบกันอยู่ที่โซฟา ยังดื่มไวน์กันไม่เลิก
“ดูสิ ไปกันหมด ที่จริงเจ้าน่าจะให้น้องสาวค้างคืนที่นี่”
“ถ้าสะออนอยู่ ข้าน้อยกับพ่อเจ้า...ก็คงต้องแยกกัน แล้วคืนนี่... ข้าน้อยสินอนหลับได้จั่งได๋ล่ะเจ้าคะ” สอางออเซาะออดอ้อน
“แต่สะออนเมาคอพับคออ่อนแบบนั้น ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็แค่เมา ถึงมันสิป่วยไข้ ว่านยาอยู่เฮือนก็มีตั้งหลวงหลาย พ่อเจ้าอย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ บักโซ่ทองมันก็ต้องคอยดูแลบ่อห่าง เผลอๆ ท่านซายศรีธาราอาจสิหาเรื่องนอนเฝ้าอีกคน”
สอางกอดคอพ่อเจ้าหัวร่อต่อกระซิก
“พ่อเจ้าห่วงเรื่องของเฮาสองคนดีกว่าเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าหัวเราะตาม แล้วก้มลงจูบสอาง บ่าวหญิง 2 คน ของวังอินทนิล คำมูน กับ เลี่ยม เดินผ่านมาเห็น พากันชะงักตกใจ แล้วรีบหลบไป
คำมูน กับเลี่ยม พากันวิ่งหนีมาด้วยความตกใจ เห็นทองมีนั่งซึมอยู่ตรงหน้ารูปแม่เจ้าบริเวณโถงใหญ่
“ทองมี เป็นหยังเจ้าบ่อบอกข้อย ว่ามันเกิดเรื่องอุบาทว์ซาติซั่วจั่งซี่ขึ้น” คำมูนแปลกใจ
“สิให้ข้อยเว้าออกไปได้จั่งได๋ คำมูน แค่คึด ข้อยก็ยังอายแทน ที่พ่อเจ้าเปลี่ยนไปได้ปานนี่” ทองมีทุกข์หนัก
“เวรกรรมแท้ๆ เฮ็ดหยังกันบ่ออายผีสางเทวดา บ่อย่านบุญย่านบาป” เลี่ยมว่า
ทองมียกมือไหว้ “สาธุเด๊อ... ขอให้ดวงวิญญาณแม่เจ้าปทุมรัตน์ ซ่อยดลจิตดลใจให้พ่อเจ้าเพิ่นมีสติ คึดได้ เซาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก่อนที่มันสิสายเกินไปเด้อสาธุ”
นางสายพับเสื้อผ้าผ้าอยู่ ถึงกับออกอาการตกใจ
“แม่สะออนนั่นเบาะ กินเหล้าจนเมา”
“เฮ้อ...กะย่อนเอื้อยของเพิ่นกับเจ้าศรีธารานั่นล่ะ พาเฮ็ดของบ่อแม่นแนว อยากสิสอนให้เพิ่นเฮ็ดโตโก้คือฝรั่ง กินไปได้บ่อจักแก้ว กะหลับคอพับ ปานนี่กะยังบอทันตื่น”
นางสายทอดถอนใจ โซ่ทองปรับทุกข์ต่อ
“ข้อยพยายามห้ามแล้วเด๊อีแม่ แต่เพินคงคึดว่าข้อยไปยากหน้ายากหลัง แฮงห้ามกะซำแฮงยุ กินบ่อหยุด”
“กะเฮ็ดเท่าที่เฮาเฮ็ดได้นั่นล่ะ บักหล่าเอ๊ย เฮามันเป็นแค่ขี้ข้าเขา อยู่กั้บขี้เถ้าเต่าทาน เฮ็ดหยังเกินหน้าที่ มันกะบ่อง่าม เจ้าเฮ็ดดีแล้วล่ะลูก”
นางสายปลอบโซ่ทองแล้วชะงัก เมื่อได้ยินเสียงดังแว่วๆ มาจากหน้าเรือน
โซ่ทองกับนางสายเปิดประตูออกไปดู เห็นเพ็งวิ่งกระหืดกระหอบมา
“แม่นหยัง อีเพ็ง”
เพ็งหอบหายใจ สีหน้าไม่ดี “บักโซ่ ไปเบิงแม่สะอ่อนแหน่ เพิ่นฮากแตกแล้ว”
นางสายประคองสะออนที่เวลานี้เนื้อตัวแดงเป็นปื้นจากฤทธิ์ไวน์ อาเจียนใส่กระโถน มีเพ็ง เภา ช่วยกันลูบหลัง โซ่ทองบดยาผสมน้ำ แล้วประคองให้สะออนกิน สะออนหอบตัวโยน แต่มีสติแค่ครึ่งๆ
“กลั้นใจกินแหน่เด๊อ สะออน สิได้ดีขึ้น”
สะออนเบ้ปากกับรสขมของยา แต่ก็กลืนลงคอไป ทำท่าขยักขย้อน แต่ก็เริ่มสงบลง
โซ่ทองหันมาทางเพ็ง กะ เภา “ขอน้ำจักขันมาเซ็ดเนื้อเซ็ดโตให้เพิ่นแหน่”
สองสาวรีบลุกไป โซ่ทองจับเนื้อจับตัวสะออนอย่างเป็นห่วง พลางหันมาบอกนางสาย
“อีแม่ไปนอนสา คืนนี่ ข้อยคงต้องเฝ้าเบิ่งอาการสะออนเหมิดคืน ให้นอนอยู่กลางบ้านนี่ล่ะ เดี๋ยวข้อยสิให้เอื้อยเพ็งกับเภาอยู่เป็นหมู่”
นางสายพยักหน้ารับเอาคำแล้วลุกลงเรือนไป โซ่ทองหันมามองสะออน ถอนใจ
“บาดทีนี่ เจ้าสิหลาบสิจำบ่อ สะออน”
สะออนนอนหลับลึกล้ำ ดำดิ่งสู่อดีตชาติอีกครา
สมัยเวียงคำนาค หูกคำนอนซมเพราะพิษไข้ผสมอาการบาดเจ็บการการถูกทรมาน พยายามปรือตามองเหมือนได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในคุก
เป็นสีออนนั่นเองเดินเข้ามาในนี้พร้อมเครื่องมือทำแผล แต่ถูกทหารยามขวางไว้มาดขึงขัง
“หลีกไป”
“อัญญานางสิเฮ็ดหยังพระเจ้าข้า” ยาม1 ขวางขึงขัง
“บ่อหันหรือจะใด ว่าเฮาเอาว่านยามาหื้ออัญญานางหูกคำ”
“ผู้ใด๋สั่งให้อัญญานางมาพระเจ้าข้า” ยาม2 ถาม
สีออนบอกเสียงเข้ม “เฮาสั่งเอง คนเจ็บไข้ได้ป่วย จะปล่อยดูดายหื้อต๋ายคาคุกหรือจะได อัญญานางหูกคำ เปิ้นเป็นถึงพระธิดาของอัญญาหลวงนะ”
ทหารยามทั้งสองอึกอักลังเล
“หรือจะหื้อเฮากลับไปทูลฟ้องอัญญาหลวง ว่าเจ้าสองคนกีดกั๋นบ่อหื้อเฮาเมตต๋าต่ออัญญานางหูกคำ”
ทหารยามกลัวๆ ยอมถอยหลบ แล้วไขกุญแจคุกให้
สีออนรีบเข้าไปหาหูกคำที่นอนพิงผนังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ เขย่าตัวกระซิบเรียก
“อัญญาปี้... ได้ยินข้าเจ้าก่อเพคะ”
หูกคำสะลึมสะลือ ปรือตามอง
“เจ้าหญิงสีออน...”
“ข้าเจ้ามาทำแผลหื้อเจ้าปี้ จะได้หายเจ็บนะเพคะ”
สีออนเปิดห่อหยิบผ้ากับยาออกมา แล้วยกแขนหูกคำขึ้นดู เห็นเลือดซึมเป็นริ้วๆ เนื้อตัวช้ำเลือดช้ำหนองน่ากลัว แต่สีออนทำแผลให้อย่างไม่รังเกียจ
แม่ไอ่งกๆ เงิ่นๆ ยกผ้าซิ่นลายหงส์มาถวายให้ ศรีสะอาดรับซิ่นลายหงส์มาดูอย่างพอใจสมใจ
“ซิ่นลายหงส์ ในที่สุด มันก็ตกเป็นของกู” ศรีสะอาดหัวเราะ
“ซิ่นผืนนี่ อัญญานางหูกคำฮักแพงที่สุด เพิ่นสั่งให้ขะน่อยเก็บเอาไว้ให้มิดซิดอย่าให้ไผแตะต้อง แต่ขะน่อยย่อมแลกกับอิสระเจ้าค่ะ”
ศรีสะอาดยิ้มให้ “ได้ แม่ไอ่ แต่แรก ข้อยก็คึดว่าสิไว้ซีวิตเจ้าอยู่แล้ว ข้อยบ่อเคยลืมดอก ตอนเป็นเด็กน้อย เจ้าเคยเซิญพญางูออกให้ ถ้าบ่ออย่างนั่น ข้อยคงถืกพญางูกัดตาย”
สมัยเด็กๆ อัญญานางศรีสะอาด เดินเล่นอยู่คนเดียวในอุทยาน จนเห็นงูเห่าเลื้อยมาตรงหน้าก็ตกใจกลัว ถอยหลังหนี ไปเหยียบชายตีนซิ่นหงายหลังล้มลงผวากลัวสุดขีด งูเห่าตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาหา ได้กลิ่นอายมนุษย์ แผ่แม่เบี้ยจะฉก
“ซ่อยข้อยแหน่ พญางูสิกัดข้อย ซ่อยข้อยแหน่”
แม่ไอ่ถืออุปกรณ์ทอผ้าไหมเดินผ่านมา ได้ยินเสียงเข้า ก็รีบทิ้งลง แล้ววิ่งรี่เข้ามาหา คุกเข่าลง พนมมือ พูดกับงูเห่า
“ท่านพญางูใหญ่เจ้าขา อย่าเฮ็ดอันตรายแก่อัญญานางศรีสะอาดเลยเจ้าค่ะ อัญญานางน้อยองค์นี้เป็นพระธิดาของอัญญาหลวงพุทธางกูร สืบสายโลหิตพญานาคสิบห้าตระกูลแห่งแม่น้ำของ”
พญางูมีท่าทีตั้งใจฟังแม่ไอ่พูด
“หมู่เฮาเป็นเผ่าพงศ์วงศาเดียวกัน อย่าฆ่าแกงกันให้เป็นบาปเลยเจ้าค่ะ ขออัญเซิญท่านพญางูใหญ่ออกจากเขตโฮงเฮือนหลวง ไปอยู่เย็นเป็นสุข ตามวิถีของท่านสาเจ้าค่ะ”
สิ้นคำแม่ไอ่พญางูก็หุบแม่เบี้ยลง น้อมตัวลงราบกับดิน แล้วเลื้อยออกจากเขตวังไป
ศรีสะอาดจำได้ดีไม่เคยลืม “ข้อยบ่อแม่นคนเนรคุณคนดอก แม่ไอ่ ข้อยสิไถ่ถอนซีวิตคืนให้เจ้า พร้อมกับเงินคำห่อนี่ ให้เจ้าเอาไปตั้งโต” อัญญานางโยนห่อเงินให้ แล้วสั่งทหาร “พาโตแม่ไอ่ไปส่งหม่องที่เพิ่นอยากสิไป ก่อนตะเว็นสิแจ้ง”
ทหารเข้ามาหาแม่ไอ่ แต่แม่ไอ่ถอยกรูดหนี
“แล้วอัญญานางหูกคำกับข้าหลวงอื่นๆ ล่ะเพคะ ข่ะน่อยทูลขอแล้วว่า ถ้าอัญญานางสิเอาผ้าซิ่นล่ายหงส์ไป กะขอประท่านแลกกับอิสระของทุกคน”
“พวกมันบ่อได้มีบุญคุณหยังต่อข้อย โดยสะเพาะอีหูกคำ”
แม่ไอ่ชอกช้ำใจสุดจะประมาณ “อัญญานาง”
“ถ้าข้อยปล่อยอีหูกคำไป จักมื่อหนื่ง มันก็ต้องกลับมาล้างแค้นข้อย แม่ไอ่หนีไปผู้เดียวสา อย่ามาอาลัยใยดีผู้อื่นอยู่เลย”
“บ่อเพคะ ข่ะน่อยหนีเอาโตรอดไปผู้เดียวบ่อได้” แม่ไอ่ตัดสินใจพุ่งเข้าดึงผ้าคืน “ข่ะน่อยขอผ้าซิ่นคืนสาเพคะ”
“ฮ่วย เจ้าเป็นบ้าไปแล้วบ้อ แม่ไอ่ ปล่อยข้อยเดี๋ยวนี่หนา”
ศรีสะอาดโกรธยื้อแย่งผ้ากับแม่ไอ่ดึงไปดึงมา ทหารตรงเข้าไปกระชากแม่ไอ่ออกมา เหวี่ยงล้มลง แม่ไอ่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เก็บเอาเงินคำกำแก้ว แล้วก็หนีไปซะ นี่ข้อยปรานีต่อเจ้าที่สุดแล้วหนา ถ้าบ่อไป เจ้าก็ต้องกลับเข้าคุกไปรอมื่อประหาร ตายตกนรกหมกไหม้ไปพร้อมกับอีหูกคำ มึงมีทางเลือกแค่นี่”
แม่ไอ่น้ำตาอาบหน้าเสียใจเหลือแสน ศรีสะอาดเมินมองกอดซิ่นไว้แนบตัวแล้วหันหลังเดินออกไป
“ข่ะน่อยสิบากหน่ากลับคืนไปหาอัญญานางหูกคำได้จั่งได๋เพคะ ในเมื่อรักสมรักษาของฮักไว้ให้เพิ่นบ้อได้ ข่ะน่อยมันผิดเอง ที่หลงเซื่อคนไร้สัจจะวาจาอย่างอัญญานาง”
“แม่ไอ่”
ศรีสะอาดหันกลับมาตวาด ชะงักมองแม่ไอ่ที่หยิบ กระสม ไม้แหลมที่ใช้พลิกไหมขึ้นมากำไว้ในมือ
“ความโง่ของข้าน่อย สมควรต้องซดใซ่ด้วยซีวิต”
ขาดคำแม่ไอ่เงื้อกระสมขึ้นจ้วงแทงปักอกตัวเองอย่างแรง ศรีสะอาดช็อกสุดขีด ขณะที่แม่ไอ่กระอักเลือดออกมาซวนเซล้มลงกับพื้น ขาดใจตายคาที่
ฝันนั้นทำให้สะอาดสะดุ้งตื่น ลืมตาโพลงขึ้นมา
“แม่ไอ่” สะอาดสับสนงุนงงภาพนิมิตแม่ไอ่ฆ่าตัวตายนั้นยังติดตา “แม่สาย...นี่ แม่สายก็อยู่ในนิมิตของข้อย”
สะอาดหอบหายใจ ลุกขึ้นนั่ง นอนไม่หลับอีกแล้ว มองไปที่ขอบฟ้าทิศตะวันออกเห็นตะวันขึ้นพอดี
ในเวลาต่อมา สะอาด ยาแม่ แม่ครูมากราบลาแม่ชี
“จงจำไว้ให้มั่น ว่าจิตที่มีสมาธิ นิ่งสงบ ใสสะอาด สิเกิดปัญญาแจ้งสว่าง ฮู้เห็นความจริงของสรรพสิ่งในโลก ปัญญาของลูกสิแจ้งสว่างหลายน้อยแค่ใด๋นั่น ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลูกหมั่นรักษาศีลสมาธิได้ใสสะอาดแค่ใด๋”
สะอาด ญาแม่ แม่ครูสาธุพร้อมกัน แม่ชีมองสะอาดอย่างเอ็นดู
“แม่ขาวน้อย แม่หวังว่าการมาถือศีลเทือนี่ คงสิบ่อแม่นเทือสุดท้ายของเจ้าดอกนะ”
“ถ้าข้าน้อยมีโอกาส ก็อยากพาจิตใจมาอยู่สงบฮ่มเย็นอีกเจ้าค่ะ ท่านแม่ซี”
ญาแม่หันไปมองสะอาด ยิ้มๆ แล้วพูดแก้ให้ เพราะคิดว่าสะอาดคงปลีกเวลามาไม่ได้
“มาถือศีลเทือนี่ ข้าน้อยได้เห็นแล้วว่าที่วัดขาดแคลนสิ่งใด๋บ้าง ข้าน้อยสิพาแม่เจ้าสะอาดเอาเครื่องใซ้จำเป็นมาถวายเป็นทาน เป็นประโยชน์แก่อุบาสิการุ่นหลังๆ ต่อไปเจ้าค่ะ”
สะอาด ญาแม่ แม่ครูก้มลงกราบ แม่ชีไม่ตอบอะไร แต่มองสะอาดนิ่งเหมือนล่วงรู้บางอย่าง
สายตะวันโด่ง สะออนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ แล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนนอกชานกลางเรือนพุทไธเทพ ขยับตัวหันไปอีกทางแล้วเจอหน้าโซ่ทองนอนซบอยู่ใกล้ๆ กัน ถึงกับสะดุ้งโวยวายลั่นเรือน
“ฮึ้ย อ้ายโซ่”
โซ่ทองสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นในอาการงัวเงีย “แม่นหยัง สะออน”
“อ้ายมานอนอยู่เทิงเฮือนข้อยได้จั่งได๋ แล้วเป็นหยังข่อยถึงมานอนอยู่นี่”
“กะเมื่อคื่นเจ้าเม่า ฮากเหมิดคื่น คี่งกะฮ่อนป่านไฟ่ อ้ายต่องลุกขึ่นม่าฝนอย่า เซ็ดเนื้อเซ็ดโต่ให่
“เมา ฮาก ข้อยนี่เบาะ” สะออนไม่อยากเชื่อ
โซ่ทองหมั่นไส้ “ลืมไปแล้วเบาะว่าเจ้ากินหยังเข้าไป ตอนอยู่วังอินทนิล”
สะออนนิ่งคิดแล้วนึกขึ้นได้ หน้าเจื่อนไป
“ย้อนข้อยกินไวน์อีหยังนั่นเข้าไปนั่นเบาะ”
“อาการของเจ้ามื่อคืน มันคือการแพ้เหล่า ส่าขึ้นเหมิดตนเหมิดโตจนเป็นไข้”
สะออนก้มลงจับเนื้อตัวตัวเอง แล้วนึกได้ แหวใส่
“กะอ้ายนั่นล่ะ มี่แต่หยามน้ำหน่าข่อยวาเป็นเด็กน่อย ข่อยกะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าข่อยใหญ่แล้ว”
“ใหญ่แล้วอีหลีเบาะ ใหญ่แล่วกะต้องดูแลโตเองได้ตั้ว บ่อแมนเจ็บปวยขึ้นมา กะเฮ็ดให่ผู้อื่นยากกันเหมิดเฮือน บ่อได้หลับได้นอน” โซ่ทองหมั่นไส้ บ่นชุดใหญ่
เสียงญาแม่ดังนำเข้ามา “ผู้ใด๋เป็นอีหยัง”
สะออนกับโซ่ทองสะดุ้ง หันไปมอง เห็นญาแม่ขึ้นเรือนมา
“ญาแม่” สะออนพูดออกมาแล้วได้กลิ่นละมุดหึ่ง ต้องรีบเอามือปิดปากตัวเอง
สะออนอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้ว เดินเข้ามานั่งกินข้าวกับญาแม่ที่พาข้าว โซ่ทองนั่งอยู่ห่างๆ
“แม่ถาม เป็นหยังบ่อมีไผปาก ว่าเจ้าป่วยเป็นหยัง”
สะออนเหลือบมองโซ่ทองเชิงขอร้อง “บ่อได้เป็นหยังจ้ะ”
“แล่วเป็นหยังเอาบ่อนนอนแม่มาปูนอน ห้องหับมี คื่อบอเข่าไปนอน” ญาแม่คาใจไม่หาย (บ่อนนอน, หม่องนอน (สรรพนาม) = ที่นอน)
สะออนสบตากับโซ่ทองอีกครั้งเชิงให้ช่วย ญาแม่สงสัยเลยหันไปมองโซ่ทองเชิงถาม
โซ่ทองโกหกช่วย “มื่อคืนนี่ ข่าน่อยกับเจ้าศรีธาราเป่าแค่นเลนกันจนเดิกดื่นจ้ะ ยาแม่ สะออนกั้บเอื้อยเพ็งเอื้อยเภากะเลยออกมานอนฟังอยู่ซานเฮือนจนหลับไป”
“แล้วที่ว่าป่วยน่ะ ไผป่วยเป็นหยัง” ญาแม่ซัก
สะออนกับโซ่ทองอึ้งไปอีก สะออนแก้สถานการณ์ รีบเข้าไปกอดอ้อนแม่เปลี่ยนเรื่องคุย
“อ้ายโซ่ท่องแค่ขู่ข่ะน่อยที่ออกมานอนนอกห้อง ว่าสิตากน้ำค้างเป็นหวัดเป็นไอ แค่นั่นจ้ะญาแม่ แล้วญาแม่เป็นจังได๋แน ไปถือศีลมาสำบายใจขึ้นบ่อ แล้วยาเอื้อยอยู่ไสล่ะจ๊ะ”
สะออนซักถามเจื้อยแจ้ว ไม่เปิดโอกาสให้ญาแม่คำอ่อนได้ถามอะไรอีก แล้วแอบขยิบตาขอบคุณโซ่ทอง
นางสายเก็บไหมใส่กระจาดเดินเข้ามาเก็นด้านในโรงทอ จู่ๆ ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นสะอาดเดินมาทรุดลงกราบแทบเท้า
นางสายช็อกวางกระจาดลง รีบประคองสะอาดขึ้น “อีหยังกันเจ้าคะ แม่เจ้า”
“ข่อยอยากกราบแม่สายจ้ะ”
“เกิดหยังขึ้น บ่อเห็นต้องเฮ็ดป่านนี่เลย แม่เจ้าเป็นถึงซายาผู้ว่าราชการเมือง” นางสายงงไม่หาย
“ถ้าข้อยเคยเฮ็ดบาปเฮ็ดเวรแนวใด๋เอาไว้กับแม่สายในอดีต ข้อยขอให้แม่สายอโหสิกรรมให้แหน่เด้อ”
“โอ๊ยน้อ…”
นางสายดึงตัวสะอาดเข้ามากอด
“คนอย่างแม่เจ้าสะอาดสิเฮ็ดบาปเฮ็ดเวรหยังกับข่ะน่อย บ่อมีดอกเจ้าค่ะ มีแต่ข่ะน่อยเสียอีกที่เป็นหนี้บุญคุณใหญ่หลวงที่แม่เจ้าเมตตากรุณา อย่ากราบไหว่ คนต่ำต้อยด้อยค่าอย่างข่ะน่อยเลย มันสิเสื่อมเสียเกียรติของแม่เจ้าซื่อๆ”
สะอาดกอดนางสายแน่น น้ำตาคลอๆ หวนนึกถึงภาพในอดีตชาติที่นางไอ่ฆ่าตัวตายต่อหน้าอัญญานางศรีสะอาด
ในเวลาต่อมาสะอาดนั่งลงในหูกประจำตัวทอผ้าด้วยความเพลิดเพลิน มีนางสายยืนดู มองเห็นผ้าที่ค่อยๆ ออกทอออกมาเป็นผืนสีขาว
“บ่อได้ทอผ้าตั้งโดน มือไม้มันเป็นบ่อเข้าที่เข้าทาง เห็นทีข้อยต้องกลับมาเฮือนดู๋ๆ สาแล้ว”
นางสายยิ้มชื่น ดีใจ “ดีเจ้าค่ะ ตั้งแต่แม่เจ้าไป พวกเฮากะต่ำผ้ากันน้อยลงเรื่อยๆ บอฮู้สิเลือกลายเลือกสีหยังดี”
“ถ้าอย่างนั่น ก็ต่ำผ้าขาวไว้หลายๆ โลด ข้อยสิเอาไปถวายวัดป่าริมแม่น้ำซีที่ไปถือศีลมา แล้วถ้าข้อยมีเวลาสิกลับมาซ่อยดอก”
นางสายยิ้มดีใจ แล้วมองสงสารสะอาดที่ลูบไล้หูกทอผ้าด้วยความคิดถึง
“ที่จริง ถ้าแม่เจ้าบ่อมีเวลากลับมาเฮือน กะน่าสิหาห้องหับจักห้องอยูวัง เอาหูกไปตั้งกะได้เด้เจ้าคะ สิได้บ่อฮางจากเวียกงานที่ฮัก”
สะอาดนิ่งคิด “ข้อยคงต้องถามพ่อเจ้าก่อนว่าสิอนุญาตบ่อ แต่ต่ำผ้าอยู่ไส ก็คงบ่อมีความสุขส่ำอยู่โฮงต่ำผ้าของเฮาดอกจ้ะ แม่สาย”
สะอาดพูดพลางหันไปต่ำหูกสอดไหมทอผ้าต่ออย่างมีความสุข
ด้านสอางนอนกกกอดกับพ่อเจ้าอยู่บนเตียง พอพ่อเจ้าขยับจะลุก สอางก็กอดไว้แน่น
“สิไปไสล่ะเจ้าคะ พ่อเจ้า อยู่กับข้าน้อยอีกจักหน่อยแหน่เจ้าคะ”
“มันสายแล้วนะสอาง วันนี้ฉันมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง”
“ก็ปล่อยให้พวกคนงานมันเฮ็ดแทนไปตั้วเจ้าคะ พ่อเจ้าเป็นถึงผู้ว่าราชการเมือง อยู่ซื่อๆ บ้าง สิเป็นหยัง”
“เป็นถึงผู้ว่าราชการเมือง ยิ่งต้องไม่ควรอยู่เฉย เวลามีคนทุกข์ยากมาขอพึ่งพา เราจะปล่อยให้เขารอไม่ได้”
พ่อเจ้าจะลุก แต่สอางไม่ยอมปล่อยรั้งกายไว้ ออดอ้อน
“แล้วความทุกข์ของข้าน้อยที่ถืกผัวทิ้งให้นอนเดียวดายอยู่เทิงเตียงล่ะเจ้าคะ ไผสิให้พึ่งพาได้บ้าง”
“ไม่เอาน่าสอาง แค่นี้ฉันก็เหลวไหลมากพอแล้ว อย่าให้ฉันเป็นผู้ว่าราชการเมืองชั้นเลว ที่เอาแต่ความสุขของตัวเอง จนไม่สนใจการงานอื่นเลยนะ”
พ่อเจ้าปลดมือสอางออก แล้วลุกเข้าห้องน้ำไป สอางนอนนิ่ง สีหน้าเซ็งๆ
เวลาเดียวกันนางงอนอนดิ้นรนทุรายด้วยความทรมาน แล้วอาการค่อยๆ สงบลงเรื่อยๆ จนนิ่งไป
นางงอนอนลืมตามองเพดาน เห็นห่อยากระจายอยู่ใกล้ตัว นางงอยันกายลุกขึ้นมามองตัวเองในกระจก ค่อยๆ แกะผมที่ขมวดเป็นปมอยู่ด้านหลัง ปล่อยสยายออก มองตัวเองอย่างพึงพอใจ
นางงอผูอัปลักษณ์หลังงองุ้มกลายกลับมาเป็นทองจันทร์ หรือแม่จันทร์วัยสาวสวยสดใส ผมยาวประบ่ามองสะท้อนกลับมา
“แม่จันทร์” มีเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
แม่จันทร์หันไปมองทางเสียง นึกถึงความหลังสมัยสาวๆ
เวลานั้นแม่จันทร์อยู่ในห้องส่วนตัวบนเรือนพุทไธเทพ หญิงสาววัยไล่เลี่ยกับแม่จันทร์ก้าวเข้ามาในห้อง
“เจ้าคือผู้งามแท้ มื่อนี่ เฮาไปกันได้แล้ว ป้ะ เดี๋ยวขบวนอัญเซิญขันหมากเบ็ง เพิ่นสิฮอดวัดสาก่อน”
ทองจันทร์ยิ้มหวานให้เพื่อนแล้วลุกขึ้น ใส่ซิ่นงามเสื้อสวยงามบ่งบอกฐานะธิดาของสวยของพ่อแพทย์แห่งเรือนพุทไธเทพ ทองจันทร์เดินออกจากห้องไป ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมีความสุข
ที่วังอินทนิล ศรีธาราเดินมาหยุดหน้าห้องพ่อเจ้า เคาะประตูเรียก
“ท่านพ่อครับ...”
ศรีธาราเห็นไม่มีเสียงตอบ เลยเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงคนอาบน้ำดังมาจากในห้องน้ำเลยรู้ว่าพ่อเจ้าอยู่ในนั้น ขณะกำลังจะเดินออกไป สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่พื้น ก้มลงหยิบขึ้นมา พบว่ามันคือเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของผู้หญิง จังหวะนี้เองพ่อเจ้าก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา
“อ้าว ศรีธารา”
ศรีธารางงๆ “ยาเอื้อยสะอาดกลับมาแล้วหรือครับ”
“ยังนี่ แต่น่าจะกลับวันนี้ ลูกมีอะไรหรือ”
ศรีธารานิ่งอึ้งไปกว่าเดิม แล้วหยิบเครื่องประดับชูขึ้นมา
“แล้วนี่เป็นของใครหรือครับท่านพ่อ”
พ่อเจ้านิ่งงันเหมือนถูกสาปจ้องของในมือศรีธาราเขม็ง
อ่านต่อตอนที่ 16