ซิ่นลายหงส์ ตอนที่13 สอางยั่วยวนพ่อเจ้าตามแผนนางงอ
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
แขกของพ่อเจ้าลงรถยนต์คันโก้ แล้วเดินเข้ามาที่ประตูหน้าตึก สอางเห็นรีบจัดแจงเสื้อผ้าเครื่องประดับให้เข้าที่ทางร้องบอกพี่สาว
“ไทแขกมากันแล้วจ้ะ ยาเอื้อย”
สอางรีบออกมายืนต้อนรับ เตรียมทำท่าจะเชื้อเชิญแขกเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน อ้าปากจะทักแขก แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา ในนั้นเป็นกำจรกับไฉไล มาพร้อมกับพวกข้าราชการและฝรั่ง ผู้คนต่างทักทาย สนทนากัน ขณะเดินเข้ามา
สอางบ่นพึมพำกับตนเอง “บักกำจร อีไฉไล”
กำจรกับไฉไลเห็นสอางก็อึ้งไปเช่นกัน ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ พ่อเจ้ากับสะอาดออกมาจากด้านใน
“ท่านผู้การ มาตรงเวลาดีจริง”
นายพลทำความเคารพ “นี่กัปตันโรเจอร์ นายทหารจากประเทศอังกฤษกับภริยาขอรับพ่อเจ้า วันนี้กระผมขอให้ท่านสารวัตรหลวงอากาศกำจรช่วยเป็นล่ามภาษาอังกฤษให้ ท่านสารวัตรพูดคล่องกว่ากระผม”
พ่อเจ้าจับมือกับแขกฝรั่งก่อนจะยิ้มให้กำจรตามมารยาท เพราะลึกๆ ก็ไม่ได้ชอบกำจรกับเมีย
ไฉไลกอดแขนกำจรแจ อวดผัว “หลวงอากาศกำจรเรียนจบมาจากประเทศอังกฤษน่ะค่ะ”
“ที่จริงฉันก็พอสนทนาได้ ไม่จำเป็นต้องลำบากท่านสารวัตรดอก แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว เชิญข้างในก่อน โต๊ะอาหารกำลังพร้อมพอดี”
พ่อเจ้าเดินนำสะอาดและคนอื่นๆ เข้าไปในวัง
กำจรกับไฉไลหน้าเจื่อน รับรู้ว่าพ่อเจ้าไม่ค่อยยินดีต้อนรับนัก แต่พอจะตามเข้าไป สอางก็ยืนขวางไว้
“สอาง... คุณ...มาทำอะไรที่นี่” กำจรฝืนยิ้มทัก
“ข้อยมาอยู่กับเอื้อยข้อย แม่เจ้าสะอาด ชายาพระขัตติยะรามังกูร ผู้ว่าราชการเมืองอีสานบุรี” สอางพูดข่ม
ไฉไลยิ้มด้วยปากถากด้วยตา มองสอางที มองสะอาดที
สะอาดเดินย้อนกลับมาดูเพราะเป็นห่วง กลัวสองสาวจะปะทะกัน
“ตายจริง ลืมไปเสียสนิทเลย นี่ฉันยังรู้สึกว่าชายาท่านพ่อเจ้า ยังเป็นแม่เจ้าปทุมรัตน์อยู่ แย่จริงๆเลย ลืมได้ยังไงนี่ ท่านเพิ่งถึงแก่พิราลัย ถวายเพลิงไปเมื่อไม่นานนี้เอง กระดูกยังไม่ทันจะเย็นด้วยซ้ำ”
สอางกำมือแน่น อยากตบไฉไลซักฉาด ทั้งสองประจันหน้ากัน
“สอางน้องหล่า” สอางเข้าไปจับแขนดึงสติ แล้วพูดกับกำจรเย็นชา “เชิญท่านสารวัตรกับภริยาข้างในก่อนจ้ะ”
กำจรยิ้มฝืนๆ ค้อมหัวให้ แล้วรีบพาไฉไลเข้าไป สอางมองตามแค้นใจ
“ยาเอื้อยบ่อน่าให้อีผู้ดีตีนแดงนั่นมันเข้าไปเหยียบวังให้เป็นเสนียดเลย”
“เอื้อยเข้าใจเจ้า แต่เพิ่นเป็นแขกของพ่อเจ้า ถึงสิซังปานได๋ จั่งได๋ก็ต้องต้อนฮับเพิ่น อดทนแหน่เด๊อ น้องหล่า”
สะอาดยิ้มปลอบใจน้อง แล้วดึงแขนสอางตามเข้าไปด้านใน
สอางนั่งหน้าตึงอยู่ที่โต๊ะอาหาร ขณะที่พ่อเจ้าสนทนากับแขกเหรื่อเป็นภาษาอังกฤษ ไฉไลสนใจสอดฟังหน้าสลอน ข่มคนอื่นว่าตนเองฟังออก ปรายตามามองสอางกับสะอาดที่ทำหน้าไม่รู้เรื่อง แล้วยิ้มเย้ย
“แหม คุยกันเป็นภาษาไทยบ้างเถอะค่ะ สงสารแม่เจ้ากับน้องสาว ประเดี๋ยวจะน้ำลายบูดเสียก่อน”
“ไม่เป็นไรดอกจ้ะ ผู้ชายคุยกันเรื่องกิจบ้านการเมืองกัน ข้อยเป็นผู้หญิงไม่ควรจะสอด...สอดรู้สอดเห็นไป ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี”
สอางหัวเราะเบาๆ ออกมาด้วยความสะใจ รู้ว่าสะอาดแขวะไฉไล
“ยังไงก็ต้องรู้ไว้บ้างนะคะ ขึ้นมาจากโคลนจากตม ได้อวยยศเป็นแม่เจ้าแล้ว ก็ควรต้องหัดทันโลกทันสังคมไว้บ้าง เป็นหน้าเป็นตาให้ชาวอีสานบุรี พวกเขาจะได้ไม่ขายหน้า”
กำจรหันไปดุ “ไฉไล”
ไฉไลเชิดหน้าไม่แคร์ พ่อเจ้าเหลือบมองไม่พอใจ
“ขอบใจภริยาท่านสารวัตรมาก ที่อุตส่าห์ฝักใฝ่ห่วงใยเมียฉัน แต่ผู้หญิงอีสานกับผู้หญิงสยามไม่เหมือนกันดอก ทุกวันนี้ สะอาดก็เป็นหน้าเป็นตาให้ชาวบ้านชาวเมืองได้เป็นอย่างดีแล้ว”
พ่อเจ้าหันไปยิ้มให้สะอาด โอบเอวเป็นเชิงอวดโอ้และยกย่องให้เกียรติ
“ฉันโชคดีกว่าผู้ชายหลายคน ตรงที่ได้เมียประเสริฐ รู้จักรักษาหน้าให้ผัว ด้วยการวางตัวดี มีมารยาทในสังคม”
แขกเหรื่อได้ยินเช่นนั้นก็เงียบฟังกันหมด พ่อเจ้าหันไปมองสะอาด
“เรื่องงานบ้านงานครัว เรือนสามน้ำสี่ แม่เจ้าสะอาดไม่น้อยหน้าใคร ไม่มาเกะกะวุ่นวายกับธุระของผัว ผู้ชายเราจะต้องการอะไรอีก นอกจากเมียประเสริฐแบบนี้ จริงไหม ท่านสารวัตร” ตอนท้ายพ่อเจ้าแดกดันกำจร
“จริงขอรับ”
กำจรรับคำหน้าเจื่อนหันไปแปลให้แขกฝรั่งฟัง
“Master admires Lady Sa-ad as the perfect wife who cares for husband’s honor. She takes good care of house and always minds her manners.”
สองคนมองมาที่สะอาดแล้วพยักหน้าเห็นด้วย พูดชื่นชมอาหารตรงหน้า
สะอาดยิ้มเขินรับคำชมของพ่อเจ้า โดยมีสายตาของสอางเหลือบมองอย่างหมั่นไส้
“ข้าน้อยขอไปจัดของหวานในครัวออกมาฮับแขกก่อนเจ้าค่ะ เดี๋ยวสิพากันอิ่มก่อน”
“ขอชาร้อนๆ ให้ฉันซักแก้วด้วยนะคะ...แม่เจ้า”
ไฉไลร้องสั่งไล่หลังราวกับสะอาดเป็นคนรับใช้ แล้วนั่งกอดอกมองเย้ยๆ สอางเห็นแล้วยิ่งขัดตา
สะอาดเข้ามาในครัว เตรียมชาไปเสิร์ฟ สอางเดินตามมา
“อย่าไปเฮ็ดให้มันเด้อยาเอื้อย อีปอบนั่นมันเห็นยาเอื้อยเป็นขี้ข้า”
“เฮาเป็นเจ้าบ้าน แขกสิเอาแนวใด๋ เฮาก็ต้องแต่งให้ เอื้อยบ่อคึดหยังหลายดอก”
สะอาดวางถ้วยชาใส่ถาดจะยกไป แต่สอางจับถาดไว้
“ดี ถ้าจังซั่น ข้อยสิเอาไปให้มันเอง”
สะอาดชะงัก ทำท่าจะปฏิเสธ แต่สอางไม่ปล่อยมือ
“อย่าให้มันได้ใจ ว่าขนาดแม่เจ้าสะอาดยังต้องยกน้ำซาไปประเคนให้มันด้วยโตเอง ยาเอื้อยไปเบิ่งขนมอยู่เตาเถาะ”
สะอาดมองหน้าสอางอย่างชั่งใจ สุดท้ายปล่อยมือ ผละไปดูขนมบนเตาที่บ่าวหญิงตระเตรียมอยู่
สอางมองถ้วยชาร้อนในถาด ยิ้มชั่วแล้วบ้วนน้ำลายถุยลงไปในถ้วยชา ชงๆ แล้วยกออกจากครัว
ไฉไลรู้สึกเป็นต่อเมื่อเห็นสอางต้องมาคอยรับใช้ ยกชาขึ้นจิบโดยไม่รู้เรื่องอะไร สอางยิ้มสาสมใจ
สะอาดหันมาเห็น “ยิ้มอีหยัง น้องหล่า”
“บ่อมีหยังดอกจ้ะ ยาเอื้อย ข้าน้อยกำลังคึดเอ็นดูท่านสารวัตรกำจรกับเมีย เบิ่งทรงคือสิฮักสิหอมกันคัก ไปไสก็ต้องโตติดกัน บ่อฮู้ว่าทุกมื่อนี่ ท่านสารวัตรไปจับโจร ก็ต้องเอาเมียไปนำบ่อ”
สอางพูดเหน็บแนม ส่งสายตาเยาะหยันไปทางกำจร จนผัวเก่าทำหน้าไม่ถูก ท่าทีอึดอัดใจ ไฉไลเหลือบมองสายตาสอางกับกำจรที่ส่งหากัน รีบกอดแขนผัวโชว์ แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“ก็ดีเหมือนกันนะคะกำจร ฉันก็ชอบจับโจรเหมือนกัน โดยเฉพาะโจรที่ชอบขโมยของของคนอื่น ฉันอาจจะช่วยให้มันเห็นนรกตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปนอนในคุกก็ได้”
ไฉไลพูดพลางจ้องหน้าสอาง จิบน้ำชาไป
สอางไม่ตอบโต้ ได้แต่ยิ้มในสีหน้าอย่างสะใจ รู้ว่าไฉไลกินน้ำลายตัวเองเข้าไปแล้ว
ที่เรือนแพทย์เวลาเดียวกัน สะออนกับโซ่ทองยังนั่งบดยาหยอกล้อ พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่บนเรือน โดยไม่เห็นว่าญาแม่ถือตะเกียงขึ้นเรือนมา และได้ยินสองคนคุยกัน
“มื่ออื่น แม่สายเพิ่นบอกว่าสิต้มไหม สาวฝักหลอก” (สาวฝักหลอก = สาวไหม)
“อ้ายวานเจ้าเอาดักแด้มาให้ลูกอ้ายกินแหน่เด้อ”
“อ้ายเว้าปานว่ามีลูกเป็นนก” สะออนหัวเราะคิกชอบใจ “คือแปลกแท้ นกอีแก้วมันบอกฮักพ่อฮักแม่ทุกมื่อเลย พ่อมันก็คืออ้าย แล้วแม่มันล่ะเป็นไผ”
“ถ้าอยากฮู้ เจ้าก็ไปถามมันเอาเองตั้ว สะออน”
“ข้อยเว้าภาษานกบ่อฮู้เรื่องดอก”
“เจ้าสิแพ้นกเด๊ ขนาดนกมันยังเว้าภาษาคนฮู้เรื่องเลย”
ทั้งสองหัวเราะหัวใคร่อย่างชอบใจ หยอกเอินกันไปมา จนเสียงญาแม่ดังขัดขึ้น
“หัวขวนอีหยังกัน เบิ่งทรงสะอิกสะอ้อยแท้”
“เว้าเรื่องนกอีแก้วกันอยู่จ้ะ ญาแม่”
“ดึกดื่น มืดค่ำแล้ว เป็นหยังบ่อไปหาหลับหานอน มาขลุกหยังกันอยู่นี่”
“เฮาสองคนอยากฟ่าวบดยาให้ญาพ่อให้มันแล้วจ้ะ”
ญาแม่หน้าตึงๆ ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยกับพ่อแพทย์เรื่องนี้
“ญาพ่อไปยามไทพี่น้องอยู่เมืองพนมไพรตั้งหลายมื่อ สิอยู่เอาบุญผะเหวดอยู่นั่น เจ้าบ่อต้องเร่งมือให้แล้วมื่อนี่กะได้ดอก แยกย้ายกันไปหาหลับหานอนได้แล้ว”
“แต่ว่า...” สะออนอิดออด
“วางลง มื่ออื่นจั่งมาเฮ็ดต่อ เวียกงานมันบ่อหนีไปไสดอก”
สะออนมองหน้าแม่เหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็จำใจต้องลุกกลับไป ญาแม่หันมามองโซ่ทองที่เก็บข้าวของอยู่
“โซ่ทอง ข้อยมีเรื่องสิเว้านำ”
โซ่ทองชะงัก มองหน้าญาแม่อย่างแปลกใจ
โซ่ทองเอาสมุนไพรเข้ามาเก็บในห้องเก็บยา เห็นญาแม่เดินตามเข้ามา
“ญาแม่มีธุระหยังกับข้าน้อยจ๊ะ”
“เจ้าฮู้อยู่แม่นบ่อ โซ่ทอง ว่าเจ้าศรีธาราถืกอกถืกใจลูกสาวหล่าของข้อย”
โซ่ทองตอบไม่เต็มปาก “จ้ะ”
“เจ้าซ่อยหยังข้อยอย่างหนึ่งได้บ่อ ซ่อยให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ใกล้ซิดกัน ข้อยอยากให้เพิ่นสานสัมพันธ์กันได้เร็วๆ”
โซ่ทองอึ้งสบตาญาแม่ เก็บซ่อนความรู้สึกใจหายไว้ ญาแม่ไม่ได้ใส่ใจ คิดเพียงว่าโซ่ทองตกใจ รีบพูดต่อ
“ข้อยฮู้ว่าเจ้าฮู้สึกจั่งได๋ ข้อยฮู้ว่าเจ้าฮักลูกข้อย...คือน้องแท้ๆ และตอนนี่ น้องสาวของเจ้ามันก็ใหญ่เป็นสาวแล้ว ถึงเวลาที่ต้องมีคนมาฮัก”
โซ่ทองน้ำตารื้น หลบสายตาญาแม่วูบ
“เพิ่นได้พ้อพ่อซายที่ดวงสมพงศ์ วาสนาสูงคู่ควรกัน หน้าที่ของแม่ที่ดีนั่น ข้อยก็ต้องผลักดันให้เพิ่นได้ครองคู่กัน แล้วหน้าที่ของอ้ายที่ดีล่ะ เจ้าสิเฮ็ดแนวใด๋”
โซ่ทองฟังแล้วเศร้าใจ ได้ยินชัดเจนว่าญาแม่เชียร์ศรีธารา แต่ก็พูดอะไรไม่ได้นอกจากฝืนยิ้มรับเอาคำ
“ข้อย... ข้อยก็สิเฮ็ดตามที่ญาแม่เห็นดีเห็นงามจ้ะ”
ญาแม่พยักหน้าพอใจแล้วเดินออกไป โซ่ทองก้มหน้าเศร้า
แขกกลับหมดแล้ว สะอาดเข้ามาเปิดผ้าคลุมเตียง จัดหมอนที่นอนให้สามี จนเห็นพ่อเจ้าเข้ามา ท่าทางมึนเมา ออกอาการซวนเซนิดๆ สะอาดรีบเข้าประคองพามานั่งเตียง
“พ่อเจ้าเป็นหยังบ่อเจ้าคะ”
พ่อเจ้ากำลังมึนๆ ได้ที่จากฤทธิ์ไวน์เงยหน้ามองเห็นแก้มสะอาดจ่ออยู่ใกล้แค่คืบก็ใจสั่น พยายามตั้งสติ
“บ่อเป็นหยัง ข้อยคงสิดื่มไวน์กับกัปตันโรเจอร์หลายไปจักหน่อย”
สะอาดประคองพ่อเจ้านั่งลงที่เตียง แล้วถอยออกมาอย่างเกร็งๆ พ่อเจ้ามองสะอาดตาเชื่อม
พ่อเจ้ากัปตันโรเจอร์กับภริยาฝากข้อยมาชมเจ้า ว่าเจ้าเฮ็ดกับข้าวแซบหลาย
“ข้าน้อยก็เฮ็ดตามที่แม่ครัวเพิ่นบอกเจ้าค่ะ พ่อเจ้าเอาคำฝากซมไปให้ซุมสาวๆ ในครัวดีกว่า”
สะอาดยิ้มเจียมตัว พ่อเจ้ามองสะอาดที่ยืนห่างเป็นวา แต่ก็ยังนึกเอ็นดูมากกว่าจะรำคาญ
“เซาคึดสาเถาะ ว่าโตเองบ่อคู่ควรกับคำซมของผู้อื่น เจ้าเฮ็ดทุกอย่างได้เหมาะสมกับความเป็นแม่เจ้าแล้วล่ะ สะอาด”
สะอาดได้แต่ก้มหน้าเขิน พ่อเจ้ามองแล้วขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ นึกครึ้มๆ ใจ
พ่อเจ้าพูดเสียงหวานอ้อนๆ เมียคราวลูก “คืนนี้ข้อยนอนบ่อค่อยหลับ อยู่เว้านำกันก่อนได้บ่อ”
สะอาดเงยหน้ามองพ่อเจ้าอย่างประหลาดใจ พ่อเจ้าส่งสายตาบ่งบอกความเสน่หามาเต็ม
“หรือสิค้างอยู่ห้องนี่ ข้อยก็บ่อว่าอีหยัง”
สะอาดตะลึงเข้าใจความหมาย ใจเต้นระทึกเพราะไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน
พ่อเจ้ามองทั่วตัว เอื้อมมือขึ้นเหมือนจะแตะแขน แต่พอเห็นสายตาตื่นๆ ของสะอาดก็รู้สึกผิดลดมือลง
“หรือเจ้ามีแนวอื่นต้องไปเฮ็ด”
“ข้าน้อย...” สะอาดพูดไม่ออกจะเสนอตัวอยู่ต่อก็อาย “ข้าน้อยสิไปหาแนวมาให้พ่อเจ้าเสวยแก้เมาเจ้าค่ะ”
สะอาดพูดจบก็รีบออกจากห้องไป พ่อเจ้าถอนใจ อารมณ์ค้างเติ่ง
สะอาดเปิดประตูออกมาจากห้องแล้วหยุดยืน ตั้งสติ หันกลับไปมองทางห้องพ่อเจ้า ก่อนจะเดินกลับห้อง โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของสอางยืนมองอยู่จากอีกด้านหนึ่งไกลๆ
สอางเห็นสะอาดลับตาไปแล้ว ก็รีบเดินมาทางห้องพ่อเจ้า ทำเป็นจับเสื้อผ้าให้ดูเปิดเผยเนื้อตัวหน่อย
“มีผัว แต่บ่อยอมนอนกับผัว แล้วสิมีไปเฮ็ดหยัง...ยาเอื้อยเอ๊ย”
สอางมองตามสะอาดไป สีหน้าเย้ยๆ เหมือนมีความปรารถนาร้าย
ญาแม่กลับจากทำบุญที่วัดเดินมาที่เรือนใหญ่ด้วยสีแหน้าแช่มชื่นผ่องใส แต่พอจะก้าวขึ้นเรือนก็เห็นคนโยนห่อผ้าลงมา ห่อผ้ากระแทกพื้นเห็นเสื้อผ้าของตนโผล่ออกมา
“นี่มันอีหยังกัน บักได๋อีได๋โยนของกูลงมา”
ญาแม่โมโหมองขึ้นไปบนเรือน เห็นนางงอนุ่งซิ่นสวยยืนจังก้าอยู่ที่หัวบันได รูปร่างเหมือนตอนเป็นสาวไม่ได้หลังค่อมคู้เหมือนที่เคยเห็น เป็นนางงอที่ดูดีมีสง่าราศีมาก
“กูเอง กูเก็บผ้าผ่อนมึงโยนลงไปให้แล้ว มึงสิได้บ่อต้องขึ้นมาเก็บเองให้เสียเวลา อีคำอ่อน”
“อีงอ” ญาแม่คำอ่อนมองนางงอแล้วอึ้งไป เพิ่งสังเกตรูปร่างที่เปลี่ยนไป “นี่มึง...”
“ส่วนของแนวอื่น เดี๋ยวกูสิส่งตามลงไป”
นางงอบอกไม่ทันขาดคำ เพ็งกะเภาถือกล่องกำปั่นกับห่อผ้า 2-3 อย่างเดินตามออกมาแล้วโยนลงไปด้านล่าง ต่อหน้าญาแม่
“พวกมึงเฮ็ดอีหยังกัน อีเพ็ง อีเภา”
เภาบอกด้วยท่าทีเฉยเมยไม่ยำเกรงอย่างเก่า “ข้าน้อยเฮ็ดตามที่ยาแม่จันทร์สั่ง”
“มึงว่าจั่งได๋เกาะ”
ญาแม่ช็อก แทบไม่เชื่อหู ถลันจะขึ้นไปหา แต่นางงอชี้หน้าตวาดลั่น
“หยุดอยู่นั่นล่ะ มึงบ่อมีสิทธิ์เอาตีนมึงขึ้นมาเหยียบเฮือนกู เฮือนพุทไธเทพเป็นของกู ขี้ข้างัวควายของมึงทั้งเหมิดก็เป็นของกู”
นางงอหันไปมองเพ็ง กะเภาที่ยืนยิ้มเยาะญาแม่กันอยู่
“นี่มันอีหยังกัน” ญาแม่งงหนัก
“ผัวมึง... ก็เป็นของกู” นางงอบอก
“บ่อจริง กูบ่อเซื่อมึงดอก” ญาแม่คำอ่อนไม่เชื่อ
“พ่อแพทย์เพิ่นตาสว่างแล้ว ที่เฮือนพุทไธเทพมีแต่เรื่องสิบหายวายป่วง ก็ย่อนว่าเอาโตกาลกิณีอย่างมึงเป็นเมีย นับจากมื่อนี่ เฮือนพุทไธเทพสิบ่อมียาแม่คำอ่อนอีกต่อไป สิมีแต่ญาแม่จันทร์ทอนั่น”
ญาแม่คำอ่อนช็อก อ้าปากค้าง นางงอเห็นยิ่งสะใจ ระเบิดเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น เพ็ง กะเภาหัวเราะตาม
“บ่อ บ่อได้ เป็นไปบ่อได้”
ญาแม่กรีดร้องเสียงก้อง แล้วเป็นลมฟุบลง
ที่แท้ญาแม่ฝันร้าย นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงหลับตา พึมพำงึมงำๆ สะอาดเขย่าตัวเรียกสติ
“เป็นไปบ่อได้ บ่อมีทาง”
“ญาแม่...ยาแม่จ๊ะ”
ญาแม่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เหงื่อกาฬเต็มหน้า เห็นว่าสะอาดเป็นคนที่เขย่าตัวตนเองอยู่
“สะอาด” ญาแม่มองเห็นเพ็ง เภา ก็นึกโมโห ตวาดลั่น “อีเพ็ง อีเภา มึงไปไกลๆ กู อีซุมงูพิษ”
เพ็ง กะเภาตกใจถอยหนี ขยะที่ยาแม่พยุงตัวลุกขึ้น คว้าอะไรขว้างใส่
สะอาดรีบห้าม “เกิดหยังขึ้น ญาแม่”
“พวกมันรวมหัวกับอีงอทรยศแม่ มันสิไล่แม่ออกจากเฮือน”
ญาแม่พูดจบก็เหลียวมองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเรือน เพ็ง เภา รีบยกมือไหว้
“ทรยศหยัง ข้าน้อยบ่อฮู้เรื่อง” เพ็งงง
“พวกเฮายังบ่อได้เฮ็ดหยังยาแม่เลย แม่งอก็ออกไปไสบ่อฮู้ตั้งแต่มื่อเซ้า ยังบ่อมีไผเห็นเลย” เภาก็เง็ง
ญาแม่มองสองบ่าวอย่างสับสน เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ก็อีงอ...” ญาแม่ชะงักมองตัวเองเห็นว่าใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอยู่ นึกได้ จับแขนสะอาดถามย้ำ “นี่แม่ขึ้นมาอยู่เทิงเฮือนได้จั่งได๋”
สะอาดงง แล้วหัวเราะออกมา “ยาแม่ก็ขึ้นมานอนตั้งแต่เมื่อคืนนั่นเด๋ แม่นบ่อเพ็ง เภา”
สะอาดหันไปถาม ทั้งสองพยักหน้าหงึกหงัก
“มื่อเซ้านี่ พ่อเจ้าเพิ่นมีธุระนอกเมือง ข้าน้อยเลยติดรถมาหายาแม่ พอมาฮอด เพ็ง เภาก็บอกว่ายาแม่นอนกระสับกระส่ายคือสิฝันร้าย ข้าน้อยเลยฟ่าวขึ้นมาเบิ่ง”
“นี่แม่ฝันซั่นบ่อ”
ยาแม่พึมพำยกมือทาบอกไม่อยากเชื่อ ใจที่กระวนกระวายเริ่มคลายลง
ที่บ้านแม่ครูคำอุ่มเช้านั้น แม่ครูนั่งสอยชุดนางรำอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้าน ฟังยาแม่กับสะอาดเล่าเรื่องจนจบแล้ว
“เวรกรรม ฝันเป็นเรื่องเป็นราวไปได้ว่าอีงอมันเซาหลังค่อม แถมยังยาดผัวไปจากเจ้าได้อีก ปูนนี่แล้วเด้แม่คำอ่อน พ่อแพทย์เพิ่นบ่อเปลี่ยนใจง่ายๆดอก หรือถ้าสิเอาเมียใหม่ ก็เอาสาวๆไปเลย สิบ่อดีกว่าติ”
ยาแม่ยิ้มเฝื่อนๆ สะอาดหัวเราะ
“ตั้งแต่เกิดได้ใหญ่มา ข้าน้อยก็เห็นยาพ่อฮักยาแม่ผู้เดียว แม่งอก็บ่อเคยมีท่าที อีหยังให้กินแหนงแคลงใจ ยาแม่คงสิเอาคำเว้าสอางมาคึดหลายไปจ้ะ แม่ป้า” สะอาดว่า
“คำเว้าแม่สอางซั่นติ ฮึ ถ้าอย่างนั่น ป้าก็บ่อแปลกใจดอก” แม่ครูติติงน้องสาว “ก็ฮู้ว่าสอางมันเป็นคนจั่งได๋ เจ้ายังสิเก็บเอาคำเว้าไร้สาระของมันมาคึดอีกน้อ แม่คำอ่อน”
ญาแม่เสียงอ่อย “ซ่วงนี้ ข้าน้อยฮู้สึกจิตใจบ่อค่อยดี วิตกกังวลจั่งได๋ก็บ่อฮู้ ญาเอื้อย”
“อย่าไปหาคึดหยังหลาย อายุมาถึงขั้นนี้แล้ว แนวใด๋วางพอได้ ก็วางสาเถาะ แม่คำอ่อน”
ญาแม่ก้มหน้าไม่รับปาก แม่ครูรู้ว่าพูดเตือนอย่างเดียวไม่สำเร็จ เลยชวนไปเข้าหาทางธรรม
“บุญผะเหวดปีนี่ ไปถือศีลกันบ่อล่ะ สิได้ห่างทางโลกจักหน่อย”
สอางออกจากห้องนอนเดินมาที่โถงวัง แล้วเห็นเสากับสีแหล่รออยู่ ทั้งสองท่าทางดีใจ
“แม่สอาง เป็นจั่งได๋แหน่จ้า อยู่วังนี่ สุขสำบายดีบ่อ” เสาจ๊ะจ๋า
“ข้าน้อยสองคนเอาแนวอยู่แนวกินอยู่เฮือนมาฝากจ้ะ เผื่อว่าแนวกินในเวียงในวังสิบ่อแซบ บ่อถืกปาก”
สีแหล่วางตะกร้าใส่พวกอาหารแห้งลงบนโต๊ะ สอางปรายตามองอย่างดูแคลน
“เฮอะ มึงกล้าเอาของบ้านเฮามาเทียบกับแนวกินในวังได้จั่งได๋ อีสีแหล่ อีกอย่าง ยาเอื้อยกูก็ยังอยู่ทั้งคน เอาของพวกสูคืนไปซะ”
สีแหล่คอหดหน้าเจื่อน เสารีบคลานเข้ามาเกาะขาประจบ
“ถ้าจังซั่น ข้าน้อยมีของฝากอีกอย่าง แม่สอางต้องถืกใจแน่เลยจ้ะ”
“แม่นหยัง”
เสาหันไปทางประตูตำหนัก แล้วเดินออกไปลากนางงอเข้ามา
“อีงอ” สอางเห็นเป็นนางงอก็โกรธจัดหันไปด่าเสากะสีแหล่ “พวกมึงนี่ สาระแนคัก”
สอางยกเท้าถีบสีแหล่ที่อยู่ใกล้ตัวกว่าทุกคนจนหงายเงิบ เสาตกใจรีบผวาเข้าไปประคอง หันมาอีกทีสอางก็เดินหนีไปแล้ว
สอางเดินหัวเสียกลับเข้าห้องทันที นางงองกเงิ่นตามมา มีเสากับสีแหล่พยุงกันตามมาติดๆ
“สอาง... สอาง... ฟังข้อยก่อน”
สอางไม่สนใจ คว้าบานประตูจะปิด ขณะที่นางงอยื่นมือเข้ามา
“โอ๊ย”
“แม่สอาง อย่าจ้ะ แม่งอเพิ่นเจ็บ”
สอางไม่สนใจ กระแทกประตูงับแขนนางงออีก เสากะสีแหล่ช่วยกันร้องห้าม นางงอบอกด้วยเสียงเว้าวอน
“สอาง ข้อยมีของมาฝากเจ้า”
“ของอีหยังของมึง กูก็บ่อเอาทั้งนั่น ไสหัวไป”
สอางพยายามจะงับประตู แต่นางงอรีบหยิบห่อผ้าซิ่นออกมา แล้วสอดมาทางช่องประตู
“ข้อยเอาซิ่นลายหงส์มาให้เจ้า”
สอางอึ้งไปมองซิ่นลายหงส์ ชะงักมือที่กำลังจะปิดประตู
ต่อมา นางงอนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นกับเสา สีแหล่ มือยังลูบแขนที่โดนประตูงับใส่ป้อยๆ สอางอารมณ์เย็นลงเมื่อเห็นผ้าซิ่น แต่ยังไว้ตัว
นางงอหันไปบอกเสา สีแหล่ “มึงสองคนออกไปก่อน กูสิเว้ากับเจ้านายกู”
เสากะสีแหล่รับเอาคำเบาๆ แล้วรีบถอยออกไป สอางยังมองนางงออย่างไม่วางใจ
“มึงกล้าคักเนาะ ที่เสนอหน้ามา หนังคงสิหนาไปเหมิดตนเหมิดโต ถึงบ่อเจ็บบ่อจำ มึงสิเอาอีกบ่อ”
นางงอส่ายหน้าแล้วรีบก้มลงกราบที่เท้าสอาง
“ข้อยมาขอสมมาเจ้า ที่เฮ็ดให้เจ้าผิดใจกับพ่อแพทย์”
สอางมองนางงอที่นั่งอยู่แทบเท้า ยังหมั่นไส้นิดๆ จะเดินหนี แต่นางงอคว้าข้อเท้าไว้ซบหน้าลงกับขาบีบน้ำตา
“แต่ข้อยอยากให้เจ้าเข้าใจว่า ข้อยบ่อคึดอาจเอื้อมอยากเป็นเมียพ่อแพทย์ดอก ข้อยฮู้โตดีว่าเกิดมาด้อยวาสนา พิกลพิการ เป็นได้แค่ขี้ข้า เจ้าเซาระแวงข้อยสาเถาะ”
“คำเว้า มันก็แค่ลมปาก ไผมันก็เว้าได้”
“ถ้าอย่างนั่น ข้อยสิเฮ็ดให้เจ้าเห็น ข้อยสิมาอยู่ฮับใซ้เจ้าอยู่นี่”
สอางชะงักนิ่งมอง นางงอเงยหน้าขึ้น พูดด้วยท่าทางจริงจัง
“ข้อยสิได้อยู่ห่างจากพ่อแพทย์ ให้เจ้าสำบายใจ ดีบ่อ”
สอางลังเล เพราะไม่รู้นางงอจะมาไม้ไหน ขณะที่นางงอคลี่ยิ้มเต็มหน้า
“แต่ข้อยสิมาอยู่นี่ได้ เจ้าต้องมีอำนาจวาสนาในวังนี่ ข้อยเลยเอาซิ่นลายหงส์มาให้เจ้า”
สอางนิ่ง เริ่มปะติดปะต่อคำพูดของนางงอ ขณะที่นางงอค่อยๆ คลี่ผ้าซิ่นออก ให้เห็นลายหงส์สวยงาม
“นี่มึงสิให้กู...”
“ซิ่นลายหงส์สวาหะสีแดงนี่ เคยเฮ็ดให้สารวัตรกำจรหลงฮักเจ้าจนโงหัวบ่อขึ้นมาแล้ว ข้อยคึดว่า บาดนี่ เจ้าต้องได้เพิ่งพามันอีกเทือ”
นางงอพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
เสากับสีแหล่ยืนกระวนกระวายรออยู่ที่หน้าประตู พอเห็นนางงอเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแจ่มใสก็รีบลุกขึ้น
“แม่สอางเพิ่นว่าจั่งได๋แหน่ แม่งอ” เสาถาม
“กูสิว่าจั่งได๋ กูก็ขอบใจมัน ที่มีน้ำใจนึกถึงเรื่องสำคัญ”
สอางมองไปทางนางงอยิ้มๆ เสากับสีแหล่พลอยยิ้มดีใจ
“ข้าน้อยว่าแล้วตั้ว... ว่าแม่สอางต้องเห็นความดีของแม่งอ เพราะว่าบ่อมีไผซื่อสัตย์กับแม่สอางทอแม่งอกับพวกข้าน้อยสองคนอีกแล้ว” สีแหล่ยิ้มดีใจ
เสารีบเข้ามาเกาะแกะบีบนวดขา
“แม่นแล้วจ้ะ ข้าน้อยกับอีสีแหล่คึดฮอดแม่สอางล้ายหลาย”
“เอาไว้ให้ฮอดเวลาก่อน” สอางบอก
สีแหล่ยิ้มดีใจ “อีหลีเด้อ”
สองบ่าวเข้ามาแย่งกับบีบนวดเอาใจสอาง นางงอหันไปมองที่หน้าประตูด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น
“มีไผมาก็บ่อฮู้ สอาง”
ข้าหลวงคนสนิทของพ่อเจ้า ยืนคุยอยู่กับสมิงพันดงและลูกน้องที่ศาลาในสวนสวยด้วยท่าทางอึดอัด
“ข้อยบอกแล้วว่าพ่อเจ้ากับแม่เจ้าบ่ออยู่ กลับไปสา”
“แต่ข้อยก็บอกแล้วว่าข้อยถ่าได้”
ข้าหลวงไม่พอใจ “หม่องนี่เป็นวังเจ้าเมือง บ่อแม่นศาลาท่าน้ำ สิมานั่งรอซื่อๆ ได้จั่งได๋”
สมิงพันดงจ้องหน้าข้าหลวงอย่างไม่พอใจ ไม่ยอมถอย
“มีหยังกัน” เสียงสอางแหลมเข้ามา
ข้าหลวงกับสมิงพันดงและลูกน้องหันไปมอง เห็นสอาง นางงอ เสา และสีแหล่เดินตามกันมาเป็นขบวน
นางงอกับสมิงพันดงประสานสายตากับ ภาพอดีตแว่บเข้ามารางๆ ในหัวเหมือนคนคุ้นเคยกันมาก่อน
ข้าหลวงหันไปบอกสอางอย่างไม่เต็มใจ
“ท่านผู้นี่มาขอเข้าเฝ้าพ่อเจ้า แต่ข้าน้อยบอกแล้วว่าเพิ่นบ่ออยู่ บอกให้กลับไปก็บ่อฟัง”
“ข้อยคือ พ่อครูสมิงพันดง เป็นคนจรมาจากทางใต้ อยากสิมากราบสักการะพ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูร เพราะเทือก่อนที่พ้อกันอยู่เฮือน ข้อยบ่อมีโอกาสได้เฮ็ดให้สมเกียรติ ข้อยเอาว่านเอายาบำรุงร่างกายอย่างดีมาถวายพ่อเจ้านำ”
ลูกน้องขยับเข้ามา ยกห่อยาของฝากที่เตรียมมาวางบนโต๊ะให้สอางดู สอางมองสมิงพันดงแล้วนึกได้
“ท่านนี่เอง พ่อครูสมิงพันดง ฝากของไว้กับข้อยก่อนก็ได้ดอก ข้อยสิเป็นโตแทนของพ่อเจ้ากับแม่เจ้าให้”
“แม่สอาง แต่เจ้าบ่อแม่นโตแทนของพ่อเจ้า...” ข้าหลวงบอก
สอางหันไปตวาดแว้ด “แล้วในนี่ มีไผฐานะสูงกว่ากูแหน่บ่อ บักขี้ข้าห้าเบี้ย”
ข้าหลวงชะงักตกใจ สอางตาเขียวด่าว่าเสียงขุ่น
“มึงมันเป็นแค่ขี้ข้า แต่กูเป็นน้องสาวแม่เจ้าสะอาด เป็นหยังกูสิเป็นโตแทนเอื้อยกับพี่อ้ายกูบ่อได้” (พี่อ้าย = พี่เขย)
สมิงพันดงได้ยินเต็มสองหู รู้ทันทีว่าสอางเป็นใคร นึกหยันในใจ แต่ก็ทำทีเป็นนอบน้อมตามน้ำเอาใจ
“ดีคือกัน ท่านนาง ถึงบ่อได้พ้อกับพ่อเจ้า แต่ได้พ้อกับเจ้านายจักคนก็นับว่าเป็นบุญแล้ว ข้อยยินดีฝากว่านยาเหล่านี่ไว้กับท่านนาง แล้วฝากทูลพ่อเจ้าว่า มื่อหน้าข้อยสิเอาของมากราบสักการะเพิ่นอีก”
สมิงพันดงยื่นห่อยาให้แล้วรีบก้มลงกราบพร้อมกับลูกน้อง ด้วยท่าทางประจบประแจง
สอางมีท่าทีพอใจมากๆ ที่มีคนกราบไหว้ ขณะที่ข้าหลวงทำท่าฮึดฮัดขัดใจ
สมิงพันดงออกมาจากวังพร้อมกับลูกน้อง อดชื่นชมแม่หม้ายยังสวยไม่ได้
“อีนั่นน่ะติ ลูกสาวโตแสบของบักเฒ่าพุทไธ มันก็ผู้งามคือไทบ้านเขาส่าเขาลือเด้เนาะ”
“ผู้งาม แต่สันดานมันสวนไปคนละทางกับหน้าตาเลยเด้พ่อครู คนเลี้ยงก็บ่อแม่นไผ อีงออัปลักษณ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หั่นล่ะ อีนี่มันเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับยาแม่คำอ่อนมาตั้งแต่เป็นสาว”
“อีหลังค่อมนั่นบ่อ”
“แม่นจ้ะ แต่ก่อนมันซื่อว่าจันทร์ เคยฮักกัน เป็นคู่มั่นคู่หมายของพ่อแพทย์พุทไธมาก่อน แต่ถืกเขายาดแย่งไป แต่ถึงสิบ่อได้กัน มันก็บ่อซมซานหนีไปไส เสือกอยู่เป็นขี้ข้าฮับใซ้เขาอีก แต่ข้อยว่า มันบ่อได้จงฮักภักดีหยังดอก มันคงอยู่เพื่อเอาคืน เห็นบ่อ มันเลี้ยงอีสอางให้ผลาญพ่อผลาญแม่มัน”
สมิงพันดงฟังแล้วคิดตาม ได้ความคิดชั่วแว่บขึ้นมาในหัว
“กูเริ่มสนใจอีงอนี่แล้วล่ะ อีนี่ล่ะ มันสิเป็นเครื่องมือเผาเฮือนบักเฒ่าพุทไธได้อย่างดี อีนี่ประหลาดคน พ่อซายเขาแต่งผู้อื่นเป็นเมียไปแล้ว เป็นหยังยังมาทนโง่ฮ่วม เฮือนกับเขาอยู่ได้”
“มันสิถิ่มเฮือนนี่ไปได้จั่งได๋ล่ะพ่อครู ก็ย่อนทรัพย์สมบัติทั้งเหมิดในเฮือนนี่....”
ลูกน้องคันปาก เล่าให้ฟังเป็นคุ้งเป็นแคว ระหว่างเดินไปกับสมิงพันดง
ที่หนองน้ำของหมู่บ้าน สะออนนั่งวักน้ำอยู่ข้างๆ เพ็งกับเภาที่ซักผ้าอยู่ สามสาวคุยกันตามประสาผู้หญิง
จู่ๆ มีเสียงแคนดังแว่วมาขัดจังหวะ พอหันไปมองเห็นโซ่ทองเดินจูงควายมาอาบน้ำ โจ้นนั่งอยู่บนหลังควายร้องหมอลำคลอเสียงแคนที่ก้านเป่า
พอโซ่ทองจูงควายลงหนองน้ำไป สองสหายหันมาป้อเพ็ง กะ เภา ร้องลำผญาจีบ
“อีนางเอ๊ย... แม่นว่าอ้ายทุกข์ยาก หากินใส่ปากกะไหวอยู่ ไปหาปลาหาปู ไปไต้เขียดไต้หนู เทิงปลูกผักปลูกหญ้า เลี้ยงเมียลูกสุขสบาย... เด้นาง”
เพ็งกะเภาทำท่าเอียงอายขวยเขินที่ถูกหนุ่มร้องหมอลำจีบ
“งานกินข้าวปุ้นเอาบุญผะเหวดฟังเทศน์มหาซาตปีนี่ อ้ายสิได้กินน้ำยาข้าวปุ้นฮ้อนๆ ฝีมือน้องหล่าบ่อน้อ” โจ้นว่า
“อยากฮู้ว่าสิยังแซบนัวคือปีก่อนอยู่บ่อ” ก้านยิ้มกริ่ม
“ถ้าอยากกินก็ต้องมาหมักแป้ง มาบีบเส้นข้าวปุ้นซ่อยกันตั้วอ้าย สิมารอถ่ากินซื่อๆ ฝันไปโลดว่าข้อยสิให้เจ้ากิน” เพ็งว่า
“ได้เลย บีบเส้นข้าวปุ้นบ่อยาก ให้บีบอย่างอื่น อ้ายก็เฮ็ดได้เด๊ะ” โจ้นปากมอมใส่
“บีบหยัง เว้าดีๆเด้อ” เภารำคาญ
“บีบแขนบีบขา นวดให้น่ะจ้า เผื่อว่าสาวๆ พากันปวดกันเมื่อย”
โจ้นเข้าไปยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัว
“ดี ปวดตีนพอดี มาบีบตีนให้แหน่”
เภาเสียงแข็งใส่ หนุ่มๆ พากันจ๋อย สะออนหัวเราะชอบใจ
“บักโจ้น บักก้าน พวกสูอย่าไปฮับปากส่งเดช งานครัวให้สาวๆ เฮ็ดไป อย่าลืมเด้อว่าเฮาต้องไปเตรียมงานเทิงศาลาวัดซ่อยกัน” โซ่ทองว่า
“โอ๊ยบักโซ่ มึงเป็นหยังมาขัดลาภกูแท้ มึงไปเฮ็ดผู้เดียวบ่อได้ติ พวกกูสิไปซ่อยงานสาวเพ็งกับสาวเภาในโฮงครัวเว้ย” ก้านโวย
“มึงก็เอาแม่สะออนไปซ่อยตี้ล่ะ บักโซ่” โจ้นยิ้มแซว
“ซุมลามปาม ยังสิมาใซ้สะออนต่ออีก”
โซ่ทองทำท่ายกตีนจะเตะ โจ้นกะก้านวิ่งหนีไปหลบหลังเพ็ง เภา สะออนเอ่ยขึ้นว่า
“แต่ข้อยไปซ่อยได้เด๊ะ อ้ายโซ่ ข้อยอยากไปฟังเทศน์”
“เจ้านี่ติ อยากฟังเทศน์” โซ่ทองหัวเราะขำ “งานบุญจักปีๆ อ้ายก็เห็นเจ้าเอาแต่แล่นเล่นเก็บหมากตูมหมากตาลอยู่ลานวัด บ่อเคยสนใจพระสงฆ์องคเจ้าจักเทือ”
“แต่ตอนนี่ข้อยใหญ่แล้ว บ่ออยากเล่นเป็นเด็กน้อยแล้ว แล้วข้อยกะอยากฟังเทศน์คือกัน เพราะผู้เฒ่าผู้แก่เพิ่นว่า ถ้าได้ฟังเทศน์มหาซาตสิบสามกัณฑ์จบในคืนเดียว ตายไป สิได้ไปเกิดเทิงสวรรค์ซั้นฟ้า”
โซ่ทองนิ่วหน้ามองอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ สะออนเข้าไปเกาะแขนอ้อน
สะออนเด๊ออ้ายโซ่ ให้ข้อยไปซ่อยงานอยู่วัดนำเด้อ ข้อยบ่ออยากอยู่เฮือนผู้เดียว ยาพ่อบ่ออยู่ ยาแม่กับยาเอื้อยสะอาดก็สิไปถือศีลกัน ให้ข้อยไปฟังเทศน์สาเด๊อ
สะออนกระตุกแขนโซ่ทองไปมา โซ่ทองใจอ่อน
เย็นนั้นพ่อเจ้านั่งร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับสะอาดและสอาง ทวนคำพูดของสะอาดที่มาบอกว่าจะไปถือศีล
“เจ้าสิไปถือศีลบ่อ ทางใด๋ล่ะ”
“วัดป่าริมแม่น้ำซีเจ้าค่ะ ยาแม่กับแม่ป้าคำอุ่นสิไปกัน ข้าน้อยเห็นว่าตรงกับงานบุญผะเหวดพอดี ถ้าไปถือศีลก็น่าสิได้บุญหลาย พ่อเจ้าสิว่าจั่งได๋เจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าอยากไปถือศีลกินทาน ข้อยสิไปห้ามหยังได้ ห่วงก็แต่สิกินอยู่ลำบาก เป็นหยังบ่อเลือกวัดใหญ่ในเมืองเฮา”
“ข้าน้อยบ่อย่านลำบากดอกเจ้าค่ะ ไปวัดไกลๆ ผู้คนบ่อหลาย จิตใจสงบดี สอาง...น้องอยากไปนำกันบ่อ”
สอางฟังเพลินๆ ถึงกับสะดุ้ง รีบส่ายหน้า
“อุ๊ย บ่อไปดอก ยาเอื้อยก็ฮู้ว่าข้าน้อยบ่อมักไปนั่งหลับหูหลับตา จำศีลแข่งกบแข่งเขียด ข้าน้อยทนเบื่อบ่อไหว ขอให้ข้าน้อยอยู่วังสาเถาะ ข้าน้อยสิได้คอยเบิ่งแยงดูแลงานบ้านงานเฮือนแทนยาเอื้อย อย่างมื่อนี่ ข้าน้อยก็ฮับแขกแทนยาเอื้อยกับพ่อเจ้า”
“มีแขกมาซั่นบ่อ ไผ”
“พ่อครูสมิงพันดงเจ้าค่ะ เพิ่นเอายาสมุนไพรมาถวายพ่อเจ้า บอกว่าสิมากราบสักการะงพ่อเจ้ามื่อหน้าเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าอึ้งมองหน้าสะอาดอย่างอึดอัดใจ สอางยังไม่รู้ตัว
สะอาดเดินตามสอางเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าท่าทางไม่สบายใจ
“น้องหล่า เทือหน้า ถ้ามีแขกแปลกหน้ามาหาเอื้อยกับพ่อเจ้า ก็บอกให้เขามาใหม่มื่อหน้า อย่าเพิ่งฮับอีหยังไว้ก่อนเป็นอันขาด”
“อ้าว เป็นหยังล่ะ ยาเอื้อย”
“แขกบางคนก็บ่อแม่นคนที่พ่อเจ้าอยากต้อนฮับ อย่างพ่อครูสมิงพันดง น้องบ่อฮู้หรือว่า เพิ่นก่อเรื่องให้ยาพ่อกับเอื้อยเสียซื่อเสียง แถมยังเอาโตสะออนไปกักขังข่มขู่อีก”
“ข้าน้อยฮู้ แต่เพิ่นทำท่าคืออยากมากราบขอสมมา สิให้ข้าน้อยใจดำ ไล่ตะเพิดไปได้ลงคอซั่นบ้อ”
“แต่เพิ่นบ่อแม่นแขกของเจ้า เจ้าสิตัดสินใจเอาเองบ่อได้ เทือหน้าก็ปล่อยข้าหลวงของพ่อเจ้าเฮ็ดหน้าที่ต้อนฮับไป”
สะอาดพูดสีหน้าจริงจัง สอางงอนสะบัดหน้าหนี
สอางยาเอื้อยคงเห็นว่าข้าน้อยข้ามหน้าข้ามตา ตีโตเสมอพ่อเจ้าแม่เจ้าแม่นบ่อ ถ้าจั่งซั่น มื่ออื่นข้าน้อยสิเมือเฮือน ข้าน้อยสิกลับไปเจียมเนื้อเจียมโตอยู่อย่างไทบ้าน บ่ออยู่สร้างความวุ่นวายในวังอีก
สอางสะบัดเสียงแล้วลุกไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำท่าจะรื้อเสื้อผ้า แต่สะอาดรีบคว้าแขนไว้
สะอาดบ่อแม่นจังซั่น เอื้อยแค่บ่ออยากให้ผู้อื่นตำหนิเจ้า ว่าเฮ็ดโตบ่อเหมาะสม
สอางสะบัดแขนกระฟัดกระเฟียด สะอาดดึงมากอดปลอบไว้
สะอาดอยู่วังนำกันนี่ล่ะ เอื้อยก็อยากมีพี่มีน้องอยู่นำ สิได้บ่อเหงา อย่าฟ่าวถิ่มเอื้อยไปเลย
สะอาดกอดสอางแน่นด้วยความรักและหวังดีอย่างจริงใจ แต่สอางกลับลอบยิ้มร้ายมีแผนชั่ว
ในอดีตชาติ สมัยเวียงคำนาคค่ำคืนหนึ่ง
เสียงปี่ภูไทเสียงแคน ดังกังวานหวานแว่ว ไปทั่วบริเวณวิหารหินทรายอร่ามเรืองรองไปด้วยแสงเทียนงดงาม
ด้านในวิหาร ราชบุตรกับเจ้าหญิงสีออนนั่งอยู่พื้น มีพานดอกบัวเผื่อน บัวแดง บัวหลวง พนมมือ ก้มกราบพระสามครั้งพร้อมกัน
คืนนี้ มีพิธีบุญแห่ข้าวพันก้อน นอกวิหารที่มีแสงเทียนสีทองอร่าม ประดับด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ท่ามกลางบรรดาข้าหลวงนางใน เจ้าราชบุตรศรีโซ่ทองกับเจ้าหญิงสีออนเดินด้วยกัน ในมือมีพานไม้บรรจุข้าวเหนียวปั้นกลมๆนับร้อย เรียงกันเป็นพุ่ม คนอื่นๆถือถาดปั้นข้าวเหนียว ราชบุตรและสีออนหยิบปั้นข้าวน้อยขึ้นตั้งจิตอธิษฐาน แล้ววางใส่ภาชนะใหญ่ใส่ปั้นข้าวเหนียวได้เป็นพันก้อน เพื่อจะใช้แห่ในขบวน
“เจ้าหญิงสีออน อ้ายดีใจหลายที่บุญเดือนสี่ปีนี่ ได้ฮ่วมพิธีแห่ข้าวพันก้อน เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาซาต ฮ่วมกับเจ้า”
“เป็นบุญของข้าเจ้าเหมือนกั๋น ตี้ได้ทำบุญมหากุศลฮ่วมจ้าดกับอัญญาปี้”
“หัวใจของอ้ายเป็นสุขเหลือเกิน ที่ได้เป็นคู่อยู่ฮ่วมเฮียงเคียงเจ้า อัญญาพ่ออัญญาแม่ก็คงสิมีความสุขบ่อน้อย ที่ได้เจ้าเป็นสะใภ้หลวง”
“เป็นพระมหากรุณาเพคะ”
“สีออน น้องหล่า หัวใจอ้ายนั่นหลงฮักเจ้า ปานราชสีห์น้อยหลงทางในป่าหิมพานต์ เจ้าจงฮ่วมสมพงศ์วงศากับอ้าย สืบลูกสืบหลาน มีสุขไพศาลสืบไป ลูกเต็มบ้าน ว่านเต็มสวน”
“ข้าเจ้าจะสนองพระกรุณาด้วยใจซื่อ ตอบบุญแทนคุณราชวงศ์เวียงคำนาคที่เมตตาช่วยข้าเจ้ากับพระญาติวงศ์ออกมาจากภัยสงคราม และช่วยคุ้มครองให้ราชวงศ์ของข้าเจ้าได้สร้างบ้านแป๋งเมืองใหม่”
“เฮาสองคนได้ดองเป็นผัวเมีย อยู่ดีสมสุขแล้ว สองแว่นแคว้นก็ได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน สืบจากนี้ไป ก็สิมีแต่ฮักกันพัวพันมั่นยืนไปซั่วฟ้าซั่วดิน”
“ขอบพระทัยเพคะ อัญญาปี้”
“อ้ายฮักเจ้าเด๊อ สีออนน้องหล่า”
ทั้งสองมองตากัน ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศพิธีงานบุญใหญ่
โซ่ทองสะดุ้งตื่นลืมตาโพลง ตื่นเต้นกับความฝันนั้น ยังเห็นภาพของสะออนในคราบเจ้าหญิงสีออนติดตา
“สะออนน้องหล่า นี่เจ้าอีกแล้วบ้อ”
สายวันนี้ชาวบ้านแคนหลวงกำลังตระเตรียมงานบุญผะเหวด วุ่นอยู่บนศาลาสำหรับฟังเทศน์ฟังธรรม โซ่ทองนั่งเฝ้าหลวงพ่อญาครูฉันท์เพลอยู่ด้านใน
“เรื่องที่ว่าฟังเทศน์มหาซาตจบ ครบ 13 กัณฑ์ แล้วลิได้บุญใหญ่ ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ มันเป็นเรื่องจริงแม่นบ่อจ๊ะ ญาครู”
“บูฮานเพิ่นก็บอกสอนสืบต่อกันมาว่าจังซั่นล่ะ แต่ที่แท้แล้ว มันเป็นกุศโลบายให้คนตั้งใจฟังธรรมคำสอน แล้วก็เอาข้อธรรมไปซ่อมแซมความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ และเมื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยคุณธรรมความดีแล้ว พอฮอดเวลาดับขันธ์ วิญญาณก็สิได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์นั่นเด้ อยู่ก็ฮ่มเย็น ตายก็เป็นสุข”
โซ่ทองฟังแล้วพยักหน้าคิดตาม พลางนึกถึงความฝัน
“แล้ว... ถ้าหนุ่มสาวได้ฟังเทศน์ฮ่วมกัน ก็สิเกิดอานิสงส์ได้ครองคู่กันไปทุกซาติเลยแม่นบ่อจ้า”
ยาครูชะงักมองโซ่ทอง “บุญผะเหวดปีนี่ มึงคึดสิซวนผู้สาวมาฟังเทศน์นำซั่นบ้อ ทิดโซ่ทอง”
โซ่ทองสะดุ้ง “บ่..บ่อแม่นจ้า”
ญาครูหัวเราะหึๆ “กูบ่อเซื่อดอก ท่าทางแบบนี่ สงสัยอีสายสิได้ลูกใภ้แท้ๆ”
โซ่ทองยิ้มเขินกลบ จนหันไปเห็นสะออนเดินขึ้นศาลามาพอดีจึงรีบตัดบท
“สะออนมาพอดี ถ้าอย่างนั่น ข้าน้อยขอโตไปซ่อยเพิ่นเตรียมงานก่อนเด้อจ้า ยาครู”
โซ่ทองไหว้ญาครู แล้วช่วยยกสำรับฉันท์เพลออกไป ญาครูมองตามโซ่ทองพลางนึกสงสัย
หลายวันต่อมา
ถึงวันงานบุญผะเหวด เสียงฆ้องดังกังวาน ผู้คนมาร่วมทำบุญเนืองแน่นวัดแคนหลวง ทั้งข้าราชการ ผู้หลักผู้ใหญ่เมืองอีสานบุรี มีขบวนฟ้อนรำแห่ผ้าผะเหวดสวยงาม ประกอบไปด้วยช้างทรงพระเวสสันดร พระนางมัทรี กัณหา ชาลี
ชาวบ้านที่มาร่วมงานบุญ มัดต้นกล้วยต้นอ้อยกับเสา ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมเล็กๆ สำหรับพิธีแห่ข้าวพันก้อน ตั้งเสาไม้ไผ่ภาชนะสำหรับวางข้าวพันก้อน
ส่วนที่โรงครัวหลังวัด เหล่าแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารคาวหวานวุ่นวายได้ที่ บ้างช่วยกันบีบแป้งหมักทำขนมจีนเป็นเส้นสวยลงในหม้อ อีกฝ่ายช่วยกันทำน้ำยาขนมจีน กลิ่นหอมฟุ้ง
นางงอ เพ็ง เภา เสา สีแหล่ ช่วยกันคนละมือสองมือกับชาวบ้าน เพ็ง กะ เภาเห็นนางงอดูอ่อนล้าก็หันมาบอกอย่างหวังดี
“แม่งอ ถ้ายืนบ่อไหว ก็ไปนั่งพักก่อนเถาะ เดี๋ยวพวกข้อยเฮ็ดเอง”
เภาเข้ามาแย่งงานไปทำต่อ นางงอค่อยๆ ลุกขึ้น พอเสากะสีแหล่เห็นก็รีบเข้าไปประคองปะเหลาะจะหนีงาน
“ถ้าจั่งซั่น ข้อยสิพาไปนั่งพักเด๊อ แม่งอ” เสาอาสา
เพ็งรู้ทัน “บ่อต้องส่อหล่อเลยพวกมึงน่ะ อยู่ซ่อยพวกกูนี่ แม่งอเพิ่นมีขาย่างไปได้”
เสากับสีแหล่หันมามองค้อนเพ็ง รีบปล่อยมือ ให้นางงอเดินออกไป ทั้งสองหันมาทำสะบัดสะบิ้งใส่กัน
“ฮึ ฮู้จังซี่ กูหนีไปหาแม่สอางอยู่วังแต่เซ้ามืด ซวนเที่ยวงานบุญผะเหวดวัดใหญ่ในเมืองดีกว่า สิได้บ่อต้องมาเฮ็ดเวียกหน้าไหม้หน้าหมองอยู่ในครัวนี่” สีแหล่บ่น
สองคนทำงานต่ออย่างกระแทกกระทั้น
พ่อเจ้าเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมไปงานบุญผะเหวดที่วัดแคนหลวง มีข้าหลวงคนสนิทยืนรออยู่
“รถพร้อมแล้ว พ่อเจ้า”
พ่อเจ้าพยักหน้ารับ เดินตามข้าหลวงออกไปทางประตูตึก แต่มีเสียงใครบางคนเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ บุญผะเหวดปีนี่ ข้าน้อยขอไปฮ่วมงานบุญนำแหน่เจ้าคะ”
พ่อเจ้ากับข้าหลวงชะงักหันไปมองที่บันไดเวียน เห็นสอางแต่งตัวสวยงามเต็มยศนุ่งซิ่นลายหงส์สีแดงสด
สอางส่งยิ้มหวานมาให้พ่อเจ้าในท่าทีเขินอายแต่แฝงความงามสง่า พ่อเจ้ามองด้วยสีหน้าฉงนในเบื้องแรก แล้วเปลี่ยนเป็นตะลึงพรึงเพริศรวกับต้องมนต์ เมื่อสายตาปะทะกับซิ่นสวยลายหงส์บนร่างงามของสอาง
บรรยากาศวัดป่าริมแม่น้ำชีเงียบสงบ มีชาวบ้านที่มาถือศีลแยกย้ายกันปักกลดที่นอนของตัวเองตามจุดต่างๆ ญาแม่กับแม่ครูกำลังเตรียมที่นอนของตัวเองไว้ใกล้ๆ กัน เห็นสะอาดยืนเหม่ออยู่ไม่ไกล
“เป็นหยังไปลูก เป็นหยังเบิ่งทรงจิตใจเลื่อนลอย”
สะอาดสะดุ้ง หันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ แม่ครูดูออก
“คึดฮอดผัวหรือจั่งได๋ ก็บอกแล้วว่าบ่อต้องมาก็ได้ แม่กับป้าอยู่กันได้”
“ข้าน้อยอยากมานำแม่ป้ากับยาแม่อีหลีจ้ะ ตั้งแต่ข้าน้อยไปอยู่วัง ก็ยังบ่อมีโอกาสไปถือศีลกินทานทางใด๋เลย”
“ถ้าอย่างนั่น ก็ตัดทางโลกให้เหมิดสาลูกหล่า อย่าไปหาคึดหยังหลาย อีกบ่อจักมื่อดอก เฮาค่อยคืนไปสู้กับมัน”
สะอาดรับคำ สีหน้าดีขึ้น แล้วหันมาช่วยยาแม่กับแม่ครูปักกลด
บรรยากาศงานบุญผะเหวดวัดแคนหลวงปีนี้คึกคักล้นหลามไปด้วยผู้คน พิธีกรรมทางศาสนาดำเนินไปนางงอนั่งอยู่พักเหนื่อยอยู่ที่แคร่ใต้ร่มไม้ใหญ่ มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมา ซักพักก็รู้สึกว่ามีคนเดินมานั่งใกล้ๆ จึงหันไปมอง
“ข้อยขอนั่งนำจักคนแหน่ได้บ่อ...แม่จันทร์”
นางงอตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อจริง มองหน้าเขม็ง สมิงพันดงทำเป็นหัวเราะ
“บ่อมักซื่อนี่ที่ข้อยเอิ้นเจ้าซั่นบ้อ ข้อยว่ามันฟังม่วนหูกว่าแม่งอตั้งหลาย”
นางงอสะอึก มองสมิงพันดงอย่างประเมิน
“เจ้าฮู้จักซื่อข้อยได้จั่งได๋”
“ลูกน้องข้อยเป็นลูกหลานไทบ้านนี่ มันก็เว้าสู่ข้อยฟังเหมิดนั่นแหล่วว่าไผเป็นไผในเขตบ้านแคนหลวง” สมิงชั่วเห็นสายตานางงอระแวง ก็รีบบอก “ข้อยก็จำเป็นต้องฮู้ไว้ เพราะว่าข้อยมาทำมาหากินบ้านนี่ แม่จันทร์อย่าถืออย่าซาข้อยเลย”
แม้สมิงพันดงพูดดีด้วย แต่นางงอก็อ่านออกว่าไว้ใจไม่ได้ เลยไม่อยากผูกไมตรีด้วย
“สอดฮู้สอดเห็น อยากสิฮู้ก็ฮู้ไป แต่อย่ามาเอิ้นข้อยซื่อนี้ มักแสลงใจข้อย”
นางงอลุกขึ้น จะเดินกระย่องกระแย่งหนี สมิงพันดงทำเป็นใจเย็น พูดไล่หลัง
“จ้า เอิ้นแม่งอคือเก่าก็ได้ แล้วแม่งอพอใจที่สิให้โตเองเป็นแบบนี่ซั่นบ้อ”
นางงอชะงักหยุดเดิน แต่ไม่ยอมหันกลับมาหาสมิงพันดง เพราะคำถามจี้ใจดำ
สมิงพันดงใจเย็น “ข้อยได้ยินว่าแต่ก่อน เจ้าเป็นแม่ญิงที่ผู้งามที่สุดในหมู่บ้าน เป็นฮอดลูกสาวพ่อแพทย์จันทกุมาร แพทย์หลวงประจำองค์ของพ่อเจ้าองค์ก่อน”
นางงอนิ่งฟัง แต่ตัวสั่นสะท้านนิดๆ มือกำแน่น
“แต่ก็ต้องมามีเหตุ ที่เฮ็ดให้เจ้า ต้องพบพ้อกับความสูญเสีย...”
นางงอหันกลับมาตวาด เห็นน้ำตาคลอๆ เหมือนกับสะเทือนใจในคำพูดนั้น
“เซาเว้า อย่ามาหาลามปามฮื้อฟื้นอดีตข้อย”
“ก็ได้ ข้อยแค่อยากสิบอกเจ้าว่า มดหมออย่างข้อย ถึงสิบ่อมีศักดินาฐานะเทียบเท่าพ่อแพทย์พุทไธ แต่ก็ปิ้นปัวรักษาคนมาบ่อน้อย อาการอย่างแม่งอ ข้อยมียาดีที่สิรักษาได้ ถ้าแม่งอสนใจ ไปหาข้อยที่สำนักก็แล้วกัน”
นางงอมองหน้าสมิงพันดงที่พูดโอ้อวด แล้วแค่นหัวเราะออกมา
“พ่อของเจ้าน่ะเป็นแพทย์หลวงฝีมือเลิศ แต่ก็บ่อแม่นว่าลูกศิษย์เพิ่นสิเลิศไปนำ”
นางงอสะดุดหูในคำพูดจี้ใจ
“เจ้าอยู่กับพ่อแพทย์พุทไธมาหลายปี แต่เหลียวเบิ่งสภาพเจ้าแน่ เป็นหยังบ่อคึด สิลองยาตำรับใหม่ๆที่ขลังกว่าเบิ่ง เจ้าอาจสิคืนมาเป็นผู้เป็นคนอย่างสมบูรณ์ คืนมาผู้งามเป็นสาวส่ำน้อย แล้วก็ทวงคืนทุกอย่างที่เจ้าสูญเสียไป”
นางงอรู้สึกตัวร้อนผ่าว สมิงพันดงพูดแทงใจดำทุกอย่าง แถมยังยิ้มมีเลศนัย ทนเผชิญหน้าไม่ได้ รีบเดินหนีไป โดยมีสมิงชั่วยิ้มเจ้าเล่ห์มองตาม มั่นใจว่านางงอจะต้องกลับมาหาตนแน่นอน
ชาวบ้านแคนหลวงมานั่งออกันอยู่ที่ลานหน้าศาลา รอต้อนรับพ่อเจ้าที่เดินทางมาร่วมงานบุญ จนสักครู่ก็เห็นพ่อเจ้าลงรถเดินมามีข้าหลวงรับใช้เดินตามหลัง ชาวบ้านมองตะลึงสงสัยเมื่อเห็นสอางแต่งกายงดงามเดินเฉิดฉายตามหลังพ่อเจ้าติดๆ
พ่อเจ้าหันมามองสอางอย่างชื่นชมความงาม สอางยิ้มเขินอายเดินเคียงพ่อเจ้า ข้าหลวงคนสนิทมองด้วยแววตาแปลกใจ
อีกฟาก สะออน โซ่ทอง และคนอื่นๆ กำลังช่วยกันขนเครื่องกัณฑ์เทศน์มาที่ศาลา แปลกใจที่เห็นผู้คนส่งเสียงฮือฮา
“ไทบ้านเพิ่นมุงเบิ่งหยังกันน่ะอ้าย”
“เห็นว่าพระขัตติยะรามังกูรกับแม่เจ้าสะอาดมาฮ่วมงานบุญ ไทบ้านคงสิตื่นเต้น ผู้ลางคนก็ยังบ่อได้เห็นยาเอื้อยเลยตั้งแต่ไปอยู่เวียงอยู่วัง ยอยศขึ้นเป็นแม่เจ้า”
“ยาเอื้อยสะอาดนั่นบ้อ เพิ่นสิมาได้จั่งได๋ เพิ่นไปถือศีลอยู่วัดป่าทางแม่น้ำซีพู่น”
สะออนกับโซ่ทองมองหน้ากันอย่างแปลกใจ แล้วรีบเร่งฝีเท้าตามไป
ที่ลานหน้าศาลาการเปรียญ สอางเดินเกาะแขนพ่อเจ้าตรงมา มีชาวบ้านทรุดลงนั่งทำความเคารพระหว่างทางอย่างนอบน้อม บางคนพอเงยหน้ามองเห็นสอางซุบซิบๆ กัน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่รู้ว่าสอางไม่ใช่แม่เจ้า สอางยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขณะที่พ่อเจ้าก็เดินยิ้มแย้มทักทายชาวบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สอางเดินโปรยยิ้มไปทั่วจนจะขึ้นบันไดศาลา ก็เห็นสะออนกับโซ่ทองแทรกคนเข้ามา
สะออนตกใจที่เห็นสอางไม่ใช่สะอาด “ยาเอื้อย”
“อีหล่า... สะออน มาเอาบุญกับเขาคือกันติ เจ้าน่ะ”
สอางทักน้องเสียงหวานอย่างอารมณ์ดี แม้จะเห็นโซ่ทองอยู่ด้วย
“หรือว่ามาซ่อยบักโซ่ทองมันเฮ็ดเวียกงานแบกหาม” สอางจิกสายตามองโซ่ทอง “ยาพ่อยาแม่บ่ออยู่ อย่าไปหาเล่นขี้ดื้อขี้มึนทางใด๋ล่ะ”
สอางดุที่เล่นทีจริง แล้วเกาะแขนพ่อเจ้าขึ้นศาลาไป ไม่ใส่ใจสะออนอีก
“ไคแหน่ที่ยาเอื้อยเพิ่นอารมณ์ดี บ่อเซ่นนั่นนะ อ้ายโซ่คงถืกอีก”
สะออนถอนใจโล่งอกหันไปหาโซ่ทอง เห็นเขายังคงมองตามสอางไปอย่างไม่วางตาก็นึกขำ
“ยังตะลึงบ่อหายหรือจั่งได๋อ้าย ที่บ่อถืกเพิ่นด่า”
“บ่อ... แต่อ้ายแปลกใจ”
“แปลกใจหยัง”
“เจ้าบ่อเห็นหรือว่าสอางตามเกาะแขนพ่อเจ้าเป็นเงาตามโต เพิ่งไปอยู่วังได้บ่อจักมื่อ เป็นหยังคือสนิทออกหน้าออกตากันขนาดนั่น”
สะออนอึ้ง เพราะไม่ได้ทันสังเกตมาก่อน
พ่อเจ้ากับสอางขึ้นมาบนศาลา ชาวบ้านที่นั่งอยู่ต่างพากันขยับตัวหลีกทางให้ ทุกสายตามองไปยังสอางกับพ่อเจ้าเป็นตาเดียว สอางลอยหน้าลอยตาระรื่น สายตาเหลือบไปเห็นกำจรกับไฉไลที่นั่งอยู่มุมหนึ่งบนศาลาก็เมินหน้าหนี
“อีเมียน้อยคุณ ไปยังไงมายังไง ถึงได้ร่านควงพี่เขยมาออกงานซะหน้าบานอย่างนั้น หรือว่ารวบหัวรวบหางเอาเป็นผัวไปซะแล้วก็ไม่รู้” ไฉไลยิ้มเยาะ
“วันนี้บุญใหญ่นะไฉไล อย่าพูดจาอกุศลอย่างนั้นสิ”
“หืมม... แตะต้องไม่ได้เลยนะ อีนั่นมันคงวิเศษมากล่ะสิท่า”
“นี่มันในวัดในวานะคุณ”
“วัดวาก็ไม่คุ้มครองพวกบาปหนาหรอก” ไฉไลขึงตาใส่ผัว “ฉันก็พูดตามที่เห็น คนที่ชื่อว่าเคยลักกินขโมยกินของชาวบ้านมาแล้ว ยังไงมันก็หนีสันดานเดิมไม่พ้นหรอก ดูมันสิ ได้อยู่กับผัวชาวบ้าน ระริกระรี้เป็นกระดี่ได้น้ำ”
กำจรถอนใจรำคาญ ไม่อยากคุยด้วย แต่สายตาก็อดมองไปทางสอางไม่ได้
รับภาพสอางไปนั่งอยู่เคียงข้างพ่อเจ้ากับแขกผู้ใหญ่ แม้จะดูสำรวมขึ้น แต่ก็ยังเล่นหูเล่นตากับพ่อเจ้า
ไฉไลเห็นสายตากำจร เริ่มหึง “มองมันไม่วางตาเชียวนะ นึกเสียดายอาจมที่เคยกลืนเคยกินหรือไง !?
“พอที ผมขี้เกียจฟัง”
กำจรหมดความอดทน ลุกหนีลงศาลาไปดื้อๆ ไฉไลยิ่งโกรธ
“จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ กลับมาฟังฉันพูด ฉันจะพูดให้หนักกว่านี้ ให้มันสาสมกับความเลวที่คุณเคยทำ ฉันดูออกนะว่าคุณร้อนตัว”
ไฉไลลุกเดินบ่นบ้าไล่หลังผัวตามลงศาลาไป
ที่วงแขกผู้ใหญ่ สอางนั่งแจกยิ้มไปทั่ว ปล่อยให้พ่อเจ้าคุยกับแขก กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นนางงอโผล่ขึ้นมาด้อมๆ มองๆ ส่งสัญญาณให้ สอางขยับจะลุกไปหา แต่พ่อเจ้าหันมาเห็นพอดี
“เจ้าจะสิไปไส... สอาง”
พ่อเจ้าถามเสียงละห้อย เผลอคว้ามือสอางไว้อย่างสนิทสนม จนคนในวงมองหน้ากัน
“ข้าน้อยสิไปแต่งพาข้าวปุ้นกับน้ำยามาถวายเจ้าค่ะ พ่อเจ้ารอจักคราวเด๊อเจ้าค่ะ”
สอางยิ้มหวานหยด แล้วลุกออกไป พ่อเจ้ายังคงเหลียวมองตามอย่างหวงแหน
แขกในวงนั้นเริ่มสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ แต่พอพ่อเจ้าหันมา ก็ฉีกยิ้มสนทนากันเหมือนไม่มีอะไร
สอางเหลียวซ้ายแลขวาเดินมาทางครัว จนเจอนางงอที่ยืนลับๆ ล่อๆ รออยู่
“ข้อยบ่อคึดเลยว่าเจ้าสิมีโอกาสได้นุ่งผ้าซิ่นลายหงส์เร็วปานนี่”
“กูก็บ่อคึดคือกัน ว่าสิประจวบเหมาะกับที่ยาเอื้อยเกิดอยากไปถือศีลขึ้นมาพอดี วาสนากูนิ่ แนวใด๋ๆ มันก็เข้าข้างกูไปเหมิดเลยอีงอ” สอางหัวเราะภูมิใจ
“แสดงว่าพอพ่อเจ้าเห็นเจ้านุ่งซิ่นลายหงส์ผืนนี่ ก็ตกตะลึงหลงใหลเจ้าเลยแม่นบ่อ”
สอางยิ้มภูมิใจ
“อื้ม แนมเบิ่งกูบ่อยอมให้คลาดสายตาเลยล่ะ คือกันกับคราวบักสารวัตรหน้าโง่นั่นบ่อมีผิด กูต้องขอบใจมึงหลายๆ อีงอ ที่เอาซิ่นมาให้กูได้ทันเวลา”
“ลำพังแค่ซิ่นอย่างเดียวก็อาจสิบ่อสำเร็จ คราวนั่น กว่าเจ้าสิได้แต่งกับสารวัตรกำจร เฮาก็ต้องใซ้แผนอื่น แต่เว้าเรื่องแผนนิ่ ข้อยเตรียมไว้ให้เจ้าแล้วล่ะ”
สอางตาลุกวาวอย่างดีใจ
ไม่นานนักนางงอยกถาดพาข้าวออกมาจากในครัว วางลงที่แคร่ข้างสอางที่นั่งรออยู่
“ข้าวปุ้นพานี่ เจ้าจงยอไปให้พ่อเจ้าเสวย อย่าให้บักได๋อีได๋แตะต้องเป็นอันขาด ข้อยใส่ว่านเมาลงไปแล้ว ขาดก็แต่เลือดของเจ้า”
สอางลังเล กลัวเจ็บ แต่ก็ตัดใจยื่นมือให้ นางงอล้วงเข้าไปที่ชายพกจะเอามีดเล็กๆ ออกมา แต่ทันใดนั้นเองไฉไลก็เดินเข้ามา
“ต๊าย แต่งตัวงามเลิศเป็นแม่เจ้า ทำไมถึงมาลักอยู่ลักกินข้าวก้นครัวล่ะจ๊ะ ทำไมไม่ขึ้นไปชูคอร่วมวงกับแขกผู้ใหญ่บนศาลานู่น หรือว่าละอายใจ เพราะคนเขารู้กันทั่วว่าเป็นได้แค่แม่เจ้าอุปโลกน์ ที่อาศัยควงผัวพี่สาวทีเผลอ”
“ข้อยสิไปไสมาไส แล้วมาแส่หยังนำล่ะ”
“ฉันเป็นเมียหลวง ก็ต้องเข้าข้างเมียหลวงด้วยกัน เห็นแล้วมันทนไม่ได้”
สอางเห็นท่าทางหาเรื่องของไฉไลแล้วนึกสนุก ยิ้มยั่วกวนตีนพร้อมกับหัวเราะเยาะ
“ทนบ่อได้ที่ผัวเจ้ายังเหลียวมองข้อยบ่อละสายตาหลายกว่าล่ะมั้ง น่าสมเพช ทวงผัวคืนไปได้แล้ว แต่ก็ยังบ่อวาย ฮ้อนฮนหวาดระแวง คงสิฮู้อยู่เต็มอกว่าสารวัตรกำจรมันบ่อเหลือความฮักให้เจ้าแล้ว”
ไฉไลเม้มปากแน่นด้วยความโมโห นางงอไม่อยากให้เสียเรื่อง รีบตัดบท
“วัดวามันเป็นอย่างนี่ล่ะ สอาง ผีเปรตผีพรายมันหลาย อย่าไปพัวไปพันกับผีสางคางแดงพวกนี่เลย” นางงอมองจิกไฉไล “ข้อยสิพาไปเฮ็ดบุญกรวดน้ำ ตัดเวรตัดกรรม”
สอางยิ้มเยาะแล้วหันหลังเดินหนีไปกับนางงอ ไฉไลพูดไล่หลังอย่างหมั่นไส้
“ตัดกรรมเก่า แต่ก็ไม่วายสร้างกรรมใหม่ ตอนนี้แกคงกำลังหาทางกินพี่เขยตัวเองอยู่สินะ นังผู้หญิงร่านสวาท”
สอางหยุดหันกลับมาแสยะยิ้มให้ พร้อมกับหัวเราะเยาะ
“กูสิอ่านกินไผ มันก็เรื่องของกู แต่ที่แน่ๆ ผัวของมึงน่ะ กูบ่อเอาคืนมากินอีกดอก สารวัตรกำจร มันมีค่าก็แค่เศษน้ำลายที่กูคายถิ่ม คือกับที่กูคายใส่ถ้วยน้ำซาให้มึงเจ้ากินมื่อก่อนนั่นเด้”
ไฉไลงง “อีชั่ว มึงหมายความว่ายังไง”
“เอ้อ รสซาติน้ำซาฮ้อนที่มึงกินกลั้วคออยู่วังอินทนิลมื่อก่อนนั่นน่ะ มันคือรสซาติน้ำลายกูเอง”
สอางพูดแล้วหัวเราะออกมาอีกด้วยความสะใจ ไฉไลช็อก นึกขยะแขยงอยากจะอ้วก
“อีสอาง”
ไฉไลกรี๊ด ถลาเข้าไปตบเปรี้ยงจนสอางหน้าหัน
อ่านต่อตอนที่14