ซิ่นลายหงส์ ตอนที่7 สอางเลิกกำจรกลับมาอยู่เรือนพุทไธเทพ
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา
พ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูร เข้ามาในห้องบรรทมด้วยสีหน้าครุ่นคิด หวนนึกถึงการสนทนากับแม่เจ้าปทุมรัตน์ก่อนหน้านี้
ตอนนั้นพ่อเจ้าตกใจมาก มองหน้าแม่เจ้า หลังอีกฝ่ายเล่าเรื่องสู่ขอสะอาดให้จบลง
“แม่บัว ทำไมถึงมีความคิดอย่างนี้”
“ยอมรับความจริงเสียเถิดค่ะท่าน โรคของอิฉันรักษาไม่หายหรอก ยังไงวันหนึ่ง อิฉันก็ต้องจากท่านไป แต่อิฉันจะไม่ยอมเป็นเมียใจดำ ทิ้งให้ท่านต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง จะหวังพึ่งพาลูกเรา เขาก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง สิ่งเดียวที่อิฉันต้องทำคือต้องหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาดูแลท่าน”
“โธ่เอ๋ย แม่บัว ฉันอาจจะไปก่อนแม่บัวก็ได้ ใครจะรู้ เรื่องนั้นมันยังอีกไกล ยาของพ่อแพทย์พุทไธก็ได้ผลดี ดูสิ แค่ไม่กี่วัน แม่บัวก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก”
“แต่ก็ไม่มากพอที่อิฉันจะลุกขึ้นมาปรนนิบัติดูแลคุณพี่” แม่เจ้าพูดเป็นนัย “ท่านเป็นผู้ชาย ยังต้องการความใกล้ชิดเสน่หา เมื่ออิฉันทำไม่ได้...”
พ่อเจ้านึกละอายใจ “แม่บัว...”
“อย่าอายเลยค่ะท่าน เราเป็นผัวเมียกัน ทำไมอิฉันจะไม่เข้าใจ”
พ่อเจ้าทำหน้าพูดไม่ออก เพราะลึกๆ รู้ว่าเป็นเรื่องจริงที่ตัวเองยังเสน่หาผู้หญิงอยู่
“แล้วเด็กสาวคนนี้ เขาจะเห็นดีเห็นงามด้วยหรือ”
“สะอาดคงจะยังไม่รู้หรอกค่ะ แต่พ่อแม่แกเข้าใจเจตนาของอิฉันดี”
แม่เจ้าเห็นสีหน้าอึดอัดกระดากใจของสามีก็เข้าใจ
“ท่านลองเก็บไปตรองดูก็แล้วกันค่ะ วันนี้ท่านยังไม่คิดเรื่องนี้ แต่วันหน้าหากจะมีใครอื่น อิฉันก็อยากจะให้เป็นคนที่ตัวเองเห็นดีเห็นงามด้วย ความเห็นแก่ตัวของอิฉันก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ”
คิดแล้ว พ่อเจ้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดถึงสะอาด ในอิริยาบถชดช้อยชวนมองต่างๆ ที่แอบลอบมอง พ่อเจ้าค่อยๆ ตาปรือลง เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ ดำดิ่งสู่อดีตชาติ
สาธุบาทเจ้ารามังกูร ชาติภพก่อนของพ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูร โอบกอดศรีสะอาดอยู่ที่ริมหน้าต่าง หลังคืนวันอภิเษก
“เมื่อคืนนี้เจ้าหลับสำบายดีบ่อ ศรีสะอาด”
ศรีสะอาดยิ้มเอียงอาย “สำบายดีเพคะ”
“แล้วเป็นหยัง เจ้าจึงลุกขึ้นมาแต่เซ้า ? บ่อนอนต่ออีกจักหน่อยล่ะ”
“ข้าน้อยลุกขึ้นมาแนมเบิ่งแสงตะเว็นรุ่งอรุณสุดท้ายในเวียงคำนาค บ้านเกิดเมืองนอน ก่อนที่สิตามเสด็จท่านไปอยู่เมืองสี่พันดอน” ศรีสะอาดบีบน้ำตา “ข้าน้อยคงบ่อมีวาสนาได้คืนมาเวียงคำนาคอีกแล้ว”
สาธุบาทเจ้าลูบเรือนผมเอ็นดู “ที่แท้เจ้าก็อาลัยอาวรณ์ บ่ออยากจากบ้านนี่เอง”
“ข้าน้อยบ่อฮู้ว่า สิมีสิ่งใด๋คอยท่าข้าน้อยอยู่เบื้องหน้านั่นเพคะ”
“สิ่งที่คอยท่าเจ้าอยู่ ก็คือโฮงหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่ากว่าบ่อนนี่ เพชรนิลจินดาหลวงหลายล้นกำปั่น ข้าทาสบริวารอ้อมหน้าอ้อมหลัง” สาธุบาทเจ้าเชยคางศรีสะอาดขึ้น “อย่าได้คึดกังวลไปเลย เจ้าสิเป็นมหาเทวีที่มีความสุขที่สุดในลุ่มแม่น้ำของ” (แม่น้ำของ = แม่น้ำโขง)
ศรีสะอาดฟังแล้วดีใจ แต่แกล้งทำเป็นตีหน้าโศก สาธุบาทก้มหน้าลงจูบแก้มนวล ศรีสะอาดทำเป็นขวยเขินเอียงอาย แต่สายตาลอบยิ้มมีความสุข สาธุบาทเจ้าพนมมือขึ้นให้สัตยาธิษฐาน
“ข้อยขอถวายสัตยาธิษฐานต่อท้าวพญาศรีสุทโธมหานาคราช ผู้ขุดสร้างแม่น้ำของอันศักดิ์สิทธิ์ ว่าข้อยสิถือใจมั่น ฮักแพงอัญญานางศรีสะอาด ยกยอขึ้นเป็นมหาเทวีแห่งเมืองสี่พันดอน ข้อยสิเลี้ยงบำเรอเพิ่นให้สุขสำบายปานอยู่เทิงสวรรค์ซั้นฟ้า”
ศรีสะอาดซ่อนรอยยิ้มไว้ใต้ใบหน้าสงบสำรวม แววตาบ่งบอกถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่
เช้าวันใหม่ สะออนพาตัวเองมาหาโซ่ทองแต่เช้าเพื่อบอกเล่าอาการสอางให้ฟัง เวลานี้นั่งอยู่ที่แคร่หน้ากระท่อม ส่วนโซ่ทองนั่งทำงานจักสานง่วนอยู่
“ข้อยสิมาบอกอ้าย ว่ายาเอื้อยสอางเพิ่นบ่อได้เป็นหยังหลายดอก ฮอยแผลกายฟกซ้ำดำเขียวก็บ่อเห็นมี ถ้าสิมี ก็คงมีแต่ฮอยแผลใจที่อกไหม้ไส้ขมอยู่นั่นล่ะ อ้ายมียารักษาเพิ่นบ่อล่ะ”
คำตอนท้าย สะออนแกล้งถามประชดส่งอย่างหมั่นไส้ โซ่ทองพยักหน้ารับ
“ฮอยแผลใจ มีแต่เวลาเท่านั่นล่ะ ที่สิเป็นยารักษาได้ ขอบใจเจ้าหลายที่มาบอกอ้าย”
“อืมม์ ข้อยไปล่ะ” สะออนลุกขึ้น โซ่ทองเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน สะออน แม่อ้ายเพิ่นเฮ็ดต้มส้มปลาข่อ ใกล้สิปลงหม้อแล้ว อยู่กินข้าวนำกันก่อน” (ต้มส้มปลาข่อ = ต้มยำปลาช่อน)
“ค่าจ้างของข้อยแม่นบ่อ”
“ถ้าสิกิน ก็มานั่งกินนำกัน แล้วตักใส่ถ้วยไปฝากสอางนำ เพิ่นสิได้ดีใจ ที่น้องสาวหล่าบ่อทอดถิ่มเพิ่นในยามทุกข์ยามโศก เพิ่นสิได้ฮักเจ้า”
สะออนค้อนหมั่นไส้ ที่โซ่ทองห่วงใยสอางตลอดๆ ลงนั่งรอ จนสายยกพาข้าวออกมาพอดี
“ต้มส้มปลาข่อแล้วแล้วเด้อลูกเอ๊ย เซาเวียกเซางานมากินข้าวกันก่อน แม่สะออน มากินข้าวนำกันเด๊อจ้า” (แล้วแล้ว=เสร็จแล้ว)
“สะออน แบ่งใส่ถ้วยไว้ให้สอางแหน่ น้องหล่า”
“เบิ่งเอาเด้อแม่สาย อ้ายโซ่ทองเพิ่นหมั่นปิดทองหลังพระ ตายไปคงสิได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรเทวดาเทิงสวรรค์แท้ๆ”
สะออนพูดอย่างหมั่นไส้ ขณะช่วยสายจัดพาข้าว สายกลั้นยิ้มพลางหันพยักหน้าเรียกลูกชาย
โซ่ทองมองสะออนอย่างระอา เช็ดมือกับผ้าขาวม้าที่คาดเอว ก่อนจะเดินมาร่วมวงข้าว
“ถ้าอ้ายไปเกิดเทิงสวรรค์ เจ้าก็ต้องตกนรกล่ะ เพราะเจ้ามันมักเว้าเสียดเว้าสีคนเฮ็ดความดีอย่างอ้าย”
สะออนหน้าหงิก ก้มหน้ากินข้าวแบบกระแทกกระทั้น สายมองทั้งสองคนแล้วยิ้มขำเอ็นดูทั้งคู่
ด้านยาแม่คำอ่อนกับแม่ครูคำอุ่น พากันมาเดินจ่ายตลาด มีเพ็ง กับเภาช่วยกันเดินถือของตาม จนมาหยุดที่แผงขายผลไม้ ยาแม่จะหยิบส้มโอขึ้นมา แต่มือไฉไลแปะยื่นลงมาพร้อมๆ กัน ยาแม่ชะงักมองหน้าแล้วตกใจเมื่อเห็นไฉไล
ไฉไลเหยียดยิ้มทักทาย “นึกว่าใคร ยาแม่คำอ่อนนี่เอง”
ยาแม่ฉุนกึก “ข้อยบ่อได้เป็นแม่ของเจ้า”
ไฉไลพูดเยาะเย้ยเสียงหวาน “ฉันก็แค่เรียกตามที่ชาวบ้านเขาเรียกกัน เห็นแม่คำสีบอกว่ายาแม่กับพ่อแพทย์เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แห่งหมู่บ้านแคนหลวง ที่คนทั้งเมืองอีสานบุรีเคารพนับถือไม่ใช่หรือจ๊ะ”
ยาแม่หน้าตึง ไม่อยากเสวนาด้วย เบือนหน้าหนี แม่ครูไม่เคยรู้จักไฉไลมาก่อน มองงงๆ กระซิบถาม
“อีนางนี่เพิ่นเป็นไผ คำอ่อน”
ยาแม่ทำหน้าอึดอัดใจตอบไม่ถูก ไฉไลหันมายิ้มให้แม่ครู จงใจพูดเสียงดังให้คนทั่วตลาดได้ยิน
“ฉันชื่อไฉไล เป็น ‘เมีย’ ของท่านสารวัตรหลวงอากาศกำจร ลูกเขยของยาแม่คำอ่อนยังไงล่ะ”
แม่ครูตกใจ มองหน้าน้องสาวเป็นเชิงถามว่าจริงหรือเปล่า แต่ยาแม่คอแข็งไม่กล้าสบตาใคร
ขณะที่พวกแม่ค้าได้ยินก็มองตรงมาที่ยาแม่เป็นตาเดียวกัน ไฉไลเห็นแล้วยิ่งสะใจ พูดประจานอีก
“เมื่อวาน เพิ่งจะรู้ว่าลูกสาวของยาแม่ใจตรงกับฉันเรื่องเลือกสามี พอวันนี้ก็มาใจตรงกับยาแม่เรื่องซื้อส้มโออีก ท่าทางเราคงจะหนีกันไม่พ้น แต่เอาเถอะ ฉันได้ผัวคืนมาแล้ว ส้มโอนี่ฉันยกให้ก็แล้วกัน เอาไปให้แม่สอางกินแก้ช้ำที่โดนผัวฉันตบ เลือดกบปาก”
พวกแม่ค้าทำหน้าตกใจเมื่อได้ยิน เริ่มซุบซิบกัน ขณะที่ไฉไลยิ้มระรื่นสะใจ ยื่นส้มโอให้ยาแม่
ยาแม่มองไฉไลอย่างเจ็บใจ กวาดตามองรอบๆ เห็นพวกแม่ค้าซุบซิบกันก็ร้อนตัว กระตุกมือแม่ครู
“ไปกันเถาะยาเอื้อย”
ยาแม่ดึงแม่ครูเดินลิ่วๆ โดยมีเพ็ง กะ เภารีบตามออกไป ท่ามกลางสายตาที่ยังจ้องมอง และไฉไลที่ยิ้มสมน้ำหน้าตามหลังไป
แม่ครูคำอุ่นทรุดนั่งลงตรงชานเรือนยกพื้นบนเรือนพุทไธเทพ ท่าทางหน้ามืด
“ตายๆๆ ฟังแล้วเอื้อยสิเป็นลม เกิดเรื่องฮ้ายแฮงปานนี่เลยติ เจ้าก็น่าสิมาเว้าสู่เอื้อยฟังแหน่”
“ข้าน้อยบ่อฮู้สิเว้าจั่งได๋ เรื่องนี่มันน่าเว้าสู่กันฟังอยู่หรือยาเอื้อย”
“เฮาเป็นพี่น้องกัน มีอีหยังก็ต้องปรึกษาหารือ ซ่อยกันแก้ปัญหา”
“แก้อีหยังบ่อได้ดอกยาเอื้อย ตอนนี่ สอางก็กลับมาอยู่ที่เฮือนแล้ว ข้าวของทั้งหลายก็ขนคืนมาเหมิด”
ยาแม่ปรับทุกข์กับแม่ครู โดยไม่รู้ว่าสอางเดินออกมาจากในห้องและได้ยิน
“ข้าน้อยล่ะบ่ออยากสิสมพื้นน้ำหน้าลูกเลย แต่มันก็อดคึดบ่อได้ สิว่าไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องบาปไผเวรมัน ข้าน้อยบ่ออยากใส่กรรมลูก แต่สิ่งที่เพิ่นเฮ็ดกับเอื้อย ยาดแย่งผัวมาจากมือของเอื้อยโตเอง บาปกรรมมันเลยส่งผลหนัก” ยาแม่ถอนใจ “สอางเอ๋ย เป็นหยังเจ้าจึงต้องเฮ็ดบาป ให้พ่อแม่พี่น้องถึงแก่ความอับอาย”
สอางหน้าตึงแหวเสียงใส่ “แล้วสิให้ข้าน้อยเฮ็ดจั่งได๋ สิให้ข้าน้อยฆ่าโตตายล้างอายให้ซั่นบ้อ”
ยาแม่กับแม่ครูตกใจ หันขวับไปทางเสียง เห็นสอางยืนจ้องอยู่ ด้วยแววตาทั้งโกรธทั้งเจ็บช้ำ
“สอาง”
“ยาแม่บอกว่า บ่อคึดสมพื้นน้ำหน้าข้าน้อย แล้วที่มาสุมหัวกันเว้าพื้นนินทาลับหลังนี่ มันหมายความว่าจั่งได๋”
ยาแม่เถียงไม่ออก รู้สึกผิด แม่ครูรีบไกล่เกลี่ย
“เว้าพื้นนินทาอีหยังกันล่ะสอาง แม่ของเจ้าก็แค่เว้าให้ป้าฟัง ฮู้บ่อว่ามื่อนี่ แม่กับป้าไปพ้ออีแม่ญิงเมืองสยามนั่นที่ตลาดมา”
“ข้าน้อยบ่อฮู้ ข้าน้อยฮู้แต่ว่า คนบ้านนี่มันหาความจริงใจบ่อได้” สอางน้ำตารื้น “ข้าน้อยบาดเจ็บซมซานคืนมา แทนที่สิเห็นอกเห็นใจ กลับมาตอกย้ำซ้ำตื่ม ว่าข้าน้อยเฮ็ดให้ญาติพี่น้องอับอาย”
สอางยืนน้ำหูน้ำตาไหลพราก สะเทือนใจใหญ่หลวง
แม่ครูชักโมโห “บ๊ะ อีนี่ เว้าจาบ่อเห็นหัวหงอกหัวดำ”
สอางไม่หยุด มองไปเห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่ตรงที่ยาแม่กับแม่ครูนั่ง ก็คว้าขึ้นมา
“สะใจกันหลายแม่นบ่อ ดี คนอย่างอีสอาง ตายซะก็คงสิดีกว่าอยู่”
ยาแม่กับแม่ครูตกใจลุกขึ้นห้าม นางงอกับสะออนขึ้นมาบนเรือนเห็นเข้าพอดี
นางงอร้องเสียงหลง “สอาง”
“ยาเอื้อย ยาเอื้อยเฮ็ดอีหยังนี่”
สะออนทิ้งหม้ออวยที่หิ้วมาจากบ้านโซ่ทอง พุ่งเข้ามาช่วยนางงอแย่งมีด ทุกคนเอะอะเอ็ดตะโรวุ่นวาย
“ปล่อยกู กูสิฆ่าตัวตาย กูมันคนอาภัพ มีผัวก็ซั่วทรามนามหมา มีญาติพี่น้องก็เอาแต่เหยียบย่ำซ้ำตื่ม กูอยากตาย” สอางร้องไห้คร่ำครวญตีโพยตีพาย
“สอาง เจ้าอย่าเฮ็ดจังซี่ วางมีดลง” นางงอขอร้อง
สอางไม่ยอม “ปล่อยให้กูตายเถาะอีงอ อยู่ไปก็อับอายขายหน้า มีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยว่ากูมันหน้าโง่ ถืกพ่อซายต้มตั๋วหลอกลวง กูบ่ออยากมีซีวิตอยู่แล้ว”
สอางกรีดร้องทำท่าจะเชือดตัวเอง นางงอเข้าไปง้างมือ โดนสอางสะบัดปลายมีดบาดแขนเป็นทางยาว
นางงอร้องลั่นเอามือจับแขน เห็นเลือดหยดเป็นทาง สอางตกใจ ปล่อยมือจากมีดทันที
“แม่งอ” สะออนอุทานลั่น
แม่ครูรีบเก็บมีดที่พื้นขึ้นมา เพราะกลัวสอางฉวยไปอีก นางงอเอามือกุมแขนตัวเอง ร้องโอดโอย
พ่อแพทย์เดินขึ้นเรือน ชะงัก มองเห็นเลือดแดงฉานที่แขนนางงอ และพื้น
“เกิดอีหยังขึ้น แม่งอ”
นางงอไม่ตอบ เอามือกุมแขนตัวเองกลั้นความเจ็บ ขณะที่สายตามองสอางที่กำลังช็อกอย่างตัดพ้อ
บนเรือนแพทย์ สะออนเอาสมุนไพรทาแผลให้นางงอ แล้วใช้ผ้าพันตรงช่วงท้องแขนให้ เทยาน้ำให้กิน
“กินยาจักหน่อยเด้อแม่งอ แผลสิได้บ่อระบม”
นางงอประคองถ้วยยากิน แต่ไม่ถนัดเพราะเจ็บมืด
“ระหว่างนี่ ก็อย่าเพิ่งใซ้แฮงแขนข้างนี่ เดี๋ยวแผลสิแตก”
นางงอพยักหน้ารับ ก้มลงมองแขนน้ำตาซึม สะออนสงสาร พูดปลอบประโลมเสียงอ่อนโยน
“แม่งออย่าเคียดซังยาเอื้อยเลยเด๊อ เพิ่นบ่อได้ตั้งใจดอก”
นางงอเสียงเครือ “ข้อยฮู้ ต่อให้ตั้งใจ ข้อยก็เคียดซังสอางบ่อลงดอก เพิ่นกำลังทุกข์ใจแสนสาหัส หากมันซ่อยแบ่งเบาความเจ็บเพิ่นได้ ต่อให้ต้องเสียแขนเสียขา ข้อยก็ยอม”
นางงอปาดน้ำตา พยายามใช้แขนอีกข้างพยุงตัวลุกขึ้น สะออนฟังแล้วอึ้งๆ ไม่นึกว่านางงอจะจงรักภักดีกับพี่สาวมากขนาดนั้น
นางงอเปิดประตูเข้ามาในห้องสอางอย่างแผ่วเบา เห็นพ่อแพทย์นั่งเฝ้าสอางที่หลับไปแล้ว
“สอางเป็นจั่งได๋แหน่ พ่อแพทย์”
“ข้อยต้มน้ำว่านคลายประสาทให้กิน คงสิหลับไปได้จักพักแล้วล่ะ เจ้าไปเฮ็ดเวียกงานของเจ้าสาเถาะ แม่งอ”
นางงอส่ายหน้า “ข้อยสิเฝ้าเพิ่นอยู่บ่อนนี่ เพิ่นตื่นขึ้นมา สิได้เอิ้นหาใซ้เวียกใซ้งานข้อย”
นางงอพูดพลางลูบเท้าสอางอย่างห่วงหาอาทร พ่อแพทย์มองเห็นแผลที่แขนก็สงสาร
“แล้วฮอยบาดของเจ้า เป็นจั่งได๋แหน่ล่ะแม่งอ”
นางงอบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ฮอยบาดที่กาย มันเจ็บบ่อเท่า ที่ต้องเห็นสอางทรมานเซ่นนี่ เวรกรรมแท้ๆ”
นางงอสะอื้น ซบหน้ากับเท้าของสอางอย่างจงรักภักดี
ด้วยเวรกรรมที่กระทำร่วมกันมาตั้งแต่สมัยเวียงคำนาค
พระสนมทองจันทร์นั่งประทินโฉมอยู่หน้ากระจกในห้อง ภายในคุ้ม มีนางข้าหลวงช่วยแต่งตัวติดเครื่องประดับ นางข้าหลวงแม่นมอุ้มทารกน้อยหูกคำที่ร้องไห้จ้าเข้ามา ทองจันทร์หันขวับไปมองอย่างอารมณ์เสีย
“ได้เวลาอัญญานางน้อยเสวยนมแล้วเพคะ อัญญานางทองจันทร์” ข้าหลวงแม่นมบอก
“เป็นหยังมึงบ่อต้มน้ำข้าวให้มันกิน สิอุ้มมันเข้ามาเฮ็ดหยัง กูหนวกหู”
“แต่แพทย์หลวงบอกว่าอัญญานางน้อยต้องได้เสวยน้ำนมจากอัญญาแม่นะเพคะ”
“สิให้มากินแต่นมกู เดี๋ยวมันก็แห้งเหี่ยวเหมิดดอก แล้วอัญญาหลวงล่ะ เป็นหยังบ่อเสด็จมาหากูจักเทือ แล้วมื่อได๋ กูสิมีลูกซายถวาย คืออีมหาเทวีล่า”
“อัญญาหลวงทรงเวียกงานราดซะการอยู่เพคะ” แม่นมบอกกล้าๆ กลัวๆ “แต่ถ้าเพิ่นทรงฮู้ว่า ให้อัญญานางน้อยต้องเสวยน้ำต้มข้าวแทนน้ำนมแม่ พระอาญาสิบ่อพ้นเกล้าหนาเพคะ”
ทองจันทร์กำลังจะติดเครื่องประดับถลึงตา หันขวับมาหานางข้าหลวง แล้วตรงเข้ามาคว้าคอขย้ำ
“มึงสิสาระแนไปส่ออัญญาหลวงซั่นบ้อ อีขี้ข้า” (ส่อ=ฟ้อง)
“บ่.. บ่อแม่นเพคะ ข้าน้อยบ่อกล้าดอกเพคะ”
ทองจันทร์บีบคอนางข้าหลวงข่มขู่ นางข้าหลวงตัวสั่นงันงก คนอื่นๆ ตกใจกลัวทั้งแถบ ไม่มีใครกล้าห้าม
เสียงหูกคำร้องไห้ดังกว่าเดิมเหมือนตกใจ ทำให้ทองจันทร์ได้สติ มองลูกในห่อผ้าอย่างหงุดหงิด
อีกคืนหนึ่ง กลางสวนหม่อนในความมืดมิด สนมทองจันทร์ในสภาพคลุมผ้าพรางตัวเดินลัดเลาะเข้ามาในนั้น อุ้มหูกคำในห่อผ้ามาด้วย ท่าทางลับๆ ล่อๆ
ทองจันทร์มองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว หยุดที่ต้นหม่อนต้นใหญ่ มีรังมดแดงอยู่ที่พื้นใต้ต้น
“แหกปากฮ้องไห้ดีหลายแม่นบ่อ อีลูกเวร คืนนี่ มึงนอนอยู่ใต้กกหม่อนนี่ล่ะ”
ทองจันทร์วางหูกคำลงบนรังมดแดง มดแดงเริ่มแตกฮือ หูกคำมองทองจันทร์ไร้เดียงสา
“บ่อต้องมาแนมหน้ากู มันเป็นเวรกรรมของมึงผู้เดียว ที่บ่อเกิดมาเป็นลูกซาย ให้กูไว้ต่อรองอำนาจกับอัญญาหลวง เสียซาติเกิดมาเป็นลูกกษัตริย์แท้ๆ”
มดแดงเริ่มไต่ขึ้นมาตามตัวหูกคำ หูกคำเริ่มดิ้นร้องไห้ แต่ทองจันทร์มองอย่างสะใจ
“ดี ให้มดแดงกัดกินมึงให้ตายไปเลย กูสิได้สำบายโต บ่อต้องมีมึงเป็นมารซีวิต”
ทองจันทร์เดินหนีไปโดยไม่แยแส เสียงร้องไห้ของหูกคำ และฝูงมดที่ไต่ตามตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
คล้อยหลังทองจันทร์ไม่นาน แม่ไอ่เดินงกๆ เงิ่นๆ ถือกระบุงใบหม่อนลัดเลาะมาจากอีกด้าน ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด จึงเดินมาตามเสียง พอมาเห็นทารกโดนมดแดงรุมกัดก็ตกใจ
“เด็กน้อย เด็กน้อยมาแต่ไสนี่ ตายแล้ว มดกัดจนแดงเหมิดโตเหมิดตน”
แม่ไอ่อุ้มหูกคำขึ้นมา แล้วรีบเอาปัดมดออกจากตัว ขณะที่หูกคำร้องไห้จ้าเจ็บปวด
“อีแม่ใจยักษ์ใจมารทางได๋หนอมาโผดลูกไว้สวนหม่อนนี่”
นางงอเช็ดตัวให้สอาง สอางรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังนอนนิ่งๆ อยู่ จนมองเห็นแขนนางงอที่บาดเจ็บเพราะตนทำมีดบาดก็ถามอาการ
“แขนมึงเป็นจั่งได๋แหน่อีงอ”
นางงอมองแขนตัวเอง “เจ็บระบมบ่อหลายดอก”
สอางพูดดุด่า แต่น้ำเสียงแฝงความห่วงใยนิดๆ “แล้วมึงสิมาเซ็ดเนื้อเซ็ดโตกูเฮ็ดหยัง เดี๋ยวก็พิกลพิการตื่มเก่าดอก มึงนั่งอยู่เสยๆเถาะ อย่ามายุ่งยากกับกู”
นางงอถอยไปไม่กล้ายุ่งอีก
“ถ้าเซ่นนั่น ข้อยสิไปยอถ้วยข้าวต้มเข้ามาให้เจ้า เจ้ายังบ่อทันได้กินข้าวแลงเลยคงสิหิวหลายแล้ว”
“กูสิหิวหรือบ่อหิว มึงก็บ่อต้องยอมา ให้อีเสาอีสีแหล่ พวกมือดีตีนดีมันเฮ็ด”
สอางสั่งโดยไม่มองหน้า นางงอลอบยิ้มน้ำตาซึม ตื้นตันใจเมื่อรู้ว่าลึกๆ สอางก็ยังมีน้ำใจห่วงตนอยู่บ้าง
มุมหนึ่งในสวนสวย ยามค่ำคืน สะออนออกมารับลม ยืนเหม่อครุ่นคิดถึงเรื่องสอางอยู่ตรงนั้น ในหัวแต่ภาพสอางร้องไห้อาละวาด คร่ำครวญอยากฆ่าตัวตาย สะออน โดยมีนางงอพยายามแย่งมีด
“ปล่อยกู กูสิฆ่าตัวตาย กูมันคนอาภัพอับโซค มีผัวก็ซั่วทรามนามหมา มีญาติพี่น้องก็เอาแต่เหยียบย่ำซ้ำตื่ม กูอยากตาย”
“สอาง เจ้าอย่าเฮ็ดอย่างนี่ วางมีดลง”
“ปล่อยให้กูตายเถาะอีงอ อยู่ไปก็อับอายขายหน้า มีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยว่ากูมันหน้าโง่ ถืกพ่อซายต้มตั๋วหลอกลวง กูบ่ออยากมีซีวิตอยู่แล้ว”
คิดแล้ว สะออนถอนใจยาวเป็นห่วงพี่สาว ทรุดนั่งลงที่แคร่ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงแคนเป่าแว่วมา แต่ฟังไม่เป็นเพลง สะออนสะดุ้งเอามืออุดหู พยายามมองหาต้นเสียง จนเห็นศรีธารานอนเป่าแคนอยู่บนต้นไม้
“อ้ายแก้ว เจ้าทำอะไรนี่”
ศรีธาราหยุดเป่าแคน กระโดดลงมาหาสะออน
“ผมแอบเห็นคุณยืนทอดถอนใจอยู่นาน กลัวจะเครียด ก็เลยเป่าแคนกล่อมให้สบายใจไงครับ”
สะออนขำ “นั่นนะเหรอเพลง”
ศรีธาราพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “อ้ายโซ่ทองสอนผมเป่าตั้งหลายเพลงแน่ะครับ ลองฟังดูนะ”
จากนั้นบักแก้วก็เป่าแคนโชว์ต่อ สะออนเอามืออุดหูแล้วหัวเราะออกมา ศรีธาราเห็นก็ดีใจ
“คุณขำ แสดงว่าสบายใจแล้วใช่มั้ย”
“ข้อยขำก็เพราะว่าเสียงแคนของเจ้า ฟังไม่เป็นเพลงเลยน่ะสิ”
“แต่อย่างน้อยผมก็ทำให้คุณหายเครียด ใช่ไหม แล้วคุณไม่สบายใจเรื่องอะไร”
สีหน้าสะออนขรึมลง นึกเป็นห่วงสอาง
“ข้อยเป็นห่วงยาเอื้อยสอาง เมื่อบ่ายนี้เพิ่นคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย”
“คุณต้องอย่าปล่อยให้พี่สาวอยู่ตามลำพังนะ ลองชวนให้ออกมาสูดอากาศนอกห้องบ้างสิครับ จะได้อารมณ์ปลอดโปร่ง หรือจะเรียกผมไปเป่าแคนให้ฟังก็ได้นะ”
ศรีธาราพูดจบก็เป่าแคนเป็นเพลงเพี้ยนไปเพี้ยนมาต่อ
“ก็ดีเหมือนกัน” สะออนหัวเราะขำ
ศรีธาราเป่าแคนให้สะออนฟังต่อไป สะออนฟังแล้วยิ้มอารมณ์ดีขึ้น
จนมีเสียงดุๆ ของโซ่ทองดังขึ้น “สะออน”
สะออนกับศรีธาราหันกลับไปมอง เห็นโซ่ทองยืนสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“มืดค่ำแล้ว เป็นหยังเจ้ายังบ่อขึ้นเฮือน”
“ข้อยออกมานั่งเล่นจ้ะอ้าย”
“มันแม่นยามมานั่งเล่นหรือ นี่มันยามพักผ่อนนอนหลับ มึงก็เหมือนกัน บักแก้ว ถึงเวลานอนก็ไปนอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลุกขึ้นมาทำงานไม่ไหวดอก”
โซ่ทองทำเสียงห้วนใส่ จนศรีธาราเจื่อน หมดสนุก
“ครับๆ ผมไปก่อนนะ สะออน ฝันดีนะ”
ศรีธาราบอกลาสะออนแล้วรีบเดินจ๋อยๆ ออกไป โซ่ทองมองตามตาขวางๆ แล้วหันมาหาสะออน
สะออนตักน้ำจากโอ่งมาล้างเท้าที่ชานบันได แล้วจะเดินขึ้นเรือน โซ่ทองตามมาส่ง
“สะออน เจ้าอย่าออกไปนั่งเว้ากับบักแก้วค่ำๆมืดๆ แบบนั่นอีก มันบ่องาม”
“ข้อยนั่งของข้อยอยู่ก่อน อ้ายแก้วเพิ่นตามมาเป่าแคนให้ฟัง ก็แค่นั่นเอง”
“เทือหน้า เจ้าต้องฮู้จักหลบจักเลี่ยง บักแก้วมันเป็นผู้บ่าวผู้แพว เจ้าก็กำลังเป็นสาวเป็นนาง เดี๋ยวไผมาเห็นเข้า เขาสิเอาไปเว้าพื้นนินทาให้เสื่อมเสีย”
สะออนโดนเทศน์ ก็ชักสีหน้าเบื่อหน่าย ไม่เห็นด้วย โซ่ทองเสียงอ่อนลง
“อ้ายเตือนก็ย่อนเป็นห่วงดอกนะ บ่ออยากให้ไผมองเจ้าเสียๆ หายๆ”
“ถ้าเซ่นนั่น อ้ายก็เมือเฮือนไปซะ อย่ามายืนเว้ากับข้อย มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวไผมาเห็นเข้าข้อยสิเสียหาย”
สะออนพูดยอกย้อน แล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นเรือนไป โซ่ทองมองตามส่ายหน้าระอาใจ
อีกฟาก ที่ห้องบรรทมแม่เจ้าปทุมรัตน์ ในวังอินทนิล คืนเดียวกัน
สะอาดเปิดหนังสือท่องเอบีซีให้แม่เจ้าฟังจนจบ แม่เจ้าสีหน้าพอใจยิ้มๆ พูดภาษากลางกับทุกคน
“หัวไวดีจริง สะอาด ถ้าหมั่นท่องบ่อยๆ ไม่นานเธอคงจะเริ่มใช้ภาษาอังกฤษได้แน่ๆ”
สะอาดยิ้มเจื่อนๆ “ข้าน้อยคงไม่ได้เอาไปใช้ที่ไหนดอกเจ้าค่ะแม่เจ้า ตั้งแต่เกิดมาข้าน้อยเคยเห็นคนฝรั่งมาที่บ้านแคนหลวงแค่ครั้งเดียว”
“ก็ไม่แน่หรอก วันหนึ่ง เธออาจจะมีกิจธุระที่ต้องได้พบปะกับคนต่างชาติต่างภาษาบ่อยๆ ก็ได้” แม่เจ้าพูดเป็นนัย “พรุ่งนี้ สายวารี ลูกสาวของฉันจะมาจากพระนครสยาม เขาเรียนอักษรศาสตร์ ฉันจะให้เขาช่วยสอนเพิ่มเติมให้เธอนะ”
“ข้าน้อยไม่รู้มาก่อนเลยว่าแม่เจ้ามีลูกสาว”
“มีทั้งลูกสาวลูกชายนั่นแหละ แต่เขาไปร่ำไปเรียน ไปโตอยู่ไกลบ้าน รูปถ่ายก็มีแต่ตอนเด็กๆ จริงสิ มีรูปตอนโตอยู่เหมือนกัน ลูกชายฉันส่งมาให้ตอนน้องสาวไปเยี่ยมเขาที่อังกฤษ”
แม่เจ้าหยิบหีบเล็กๆ ใส่จดหมายตรงโต๊ะหัวนอนออกมาเปิด หยิบรูปถ่ายในซองจดหมายส่งให้สะอาด
สะอาดรับมาดู แล้วมีสีหน้านิ่งอึ้งตะลึงงันไป ขณะที่แม่เจ้าเล่าให้ฟัง
“นั่นล่ะลูกๆ ของฉัน ศรีธารา กับ สายวารี”
รุ่งเช้าวันนี้ นางงอช่วยแต่งตัวให้สอางอยู่ในห้อง สีหน้าท่าทางของสอางดูดีขึ้น สักครู่หนึ่งเสากับสีแหล่ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยท่าทีตื่นเต้น
“แม่สอางๆๆๆๆๆ” เสาร้องลั่น
“แม่สอาง ตายแล้วๆๆๆๆๆ” สีแหล่แย่งพูด
นางงอรำคาญ “พวกมึงสองโต สิแหกปากหาสะแตกอีหยัง พ่อแม่มึงตายหรือจั่งได๋”
“อุ๊ย แม่งอ พ่อแม่ข้อยตายไปแต่โดนแล้ว” เสาย้อนขำๆ
“ให้กูเว้าเอง คือว่า แม่งอกับแม่สอาง ฟ่าวออกเบิ่งไปที่หน้าเฮือนเถาะจ้ะ แม่สะอาดเพิ่นกลับมาเฮือนเฮาแล้ว” สีแหล่รายงาน
สอางไม่สนใจ “ไผสิไป ไผสิมา ก็ซ่างหัวเขา เป็นหยังกูต้องสอดฮู้สอดเห็น”
“แต่แม่สะอาดเพิ่นนั่งรถยนต์คันใหญ่กลับมาเด๊จ้า แล้วก็มีพ่อซายกับแม่ญิงท่าทางผู้ดีมานำอีกสองคน แต่งโตคือพวกเศรษฐีผู้ดีน่ะจ้ะ” สีแหล่บอกอีก
“ข้อยเห็นเพิ่นเซิดหน้าซูคอ ปานว่าโตเองเป็นพญาหงส์ สายตานี่ แนมเหยียดทุกคนเลยล่ะจ้า” เสาใส่สี
“อีหลีซั่นบ่อ”
สอางตาโตขึ้นมาทันที
สอางเดินออกมาที่ชานเรือนพร้อมบริวารครบทีม นางงอ เสา สีแหล่ เห็นทุกคนนั่งคุยกันอยู่พร้อมหน้า พ่อแพทย์หันไปเห็น
“สอาง มานี่ ลูก”
สอางเดินไปทรุดนั่งตรงข้างๆ พ่อแพทย์ มองดูสะอาดกับแขกแปลกหน้าอย่างสนใจ โดยเฉพาะกับพ่อเจ้า เพราะท่าทางดูผู้ดีภูมิฐาน รับรู้ได้ถึงบารมีของอีกฝ่าย
“ไหว้พ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูร เจ้าเมืองอีสานบุรีของหมู่เฮาเสีย ส่วนนั่น เจ้าสายวารี ธิดาคนน้อยของเพิ่น”
สอางมองพ่อเจ้าอย่างทึ่งจัด เพราะไม่คิดว่าคนใหญ่คนโตระดับเจ้าเมืองจะมาอยู่บนเรือนนี้ รีบทรุดตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้นเรือน พนมมือไหว้ ก้มกราบลงอย่างศิโรราบ
พ่อเจ้ารับไหว้สีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ถูกสะกดด้วยความงามของสอางเหมือนกำจร
“สอาง น้องหล่า เป็นจั่งได๋แหน่...เอื้อยได้ข่าวว่าเจ้าบ่อค่อยสำบาย”
สะอาดถามไถ่ แต่ไม่พูดอะไรมากความ เพราะไม่อยากเอาน้องมาขายต่อหน้าพ่อเจ้ากับสายวารี มองสบสายตากับสอางเป็นนัยว่ารับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
สอางหน้าตึงรู้สึกอับอายขึ้นมาแว่บหนึ่ง คิดว่าสะอาดจะเหยียบย่ำตน ตอบกลับเสียงเย็นชา
“ข้อยบ่อได้เป็นหยัง สำบายดี บ่อมีหยังให้ไผต้องห่วง”
ยาแม่เห็นบรรยากาศเริ่มอึดอัด เลยหันไปคุยกับพ่อเจ้า
“พ่อเจ้ากับเจ้าสายวารีมาเยี่ยมถึงเฮือน มีสิ่งใด๋ให้หมู่เฮาฮับใซ้หรือบ่อเจ้าคะ”
“ฉันกับท่านพ่ออยากจะมาพบคนงานของพ่อแพทย์ที่ชื่ออ้ายแก้วน่ะจ้ะ” สายวารีบอก
พ่อเจ้า กับ ยาแม่ และทุกคน เว้นสะอาด ทำหน้าแปลกใจ
ทางด้าน สะออน เพ็ง เภา อยู่ในท้องทุ่งนา ด้านหลังเรือนพุทไธเทพ หากบ หาเขียด ไปทำอาหารอยู่ ศรีธาราเดินตามมา
“เดินย่องเบาๆ แหน่ บักแก้ว มึงนี่สิเฮ็ดกบเขียดกูตื่นเหมิด”
ศรีธาราบ่นอุบอิบ “อ้าว ก็ผมอยากให้พวกมันตื่น มันจะได้หนีไป”
“มึงว่าหยังนะ บักแก้ว” เภางง
“ไม่มีอย่างอื่นให้กินแล้วหรือ เอื้อยเพ็งเอื้อยเภา ทำไมต้องกินกบกินเขียดด้วย ทุ่งนาหนองน้ำ มีกุ้งหอยปูปลาตั้งมากมาย”
“ฮึ เจ้านี่บ่อฮู้หยัง อ้ายแก้ว กบเขียดนี่ล่ะ แซบที่สุด” สะออนบอก
“แม่น แซบที่สุดในสามโลก” เพ็งเสริม
“แซบที่สุดก็ต้องหมกกบนาใส่ผักซี ฝีมือแม่ป้าสาย”
เมื่อพูดจบ เพ็งก็ส่งสัญญาณให้เงียบเสียง แล้วชี้ให้สะออนดูกบที่ซ่อนตัวอยู่ในทุ่ง
สะออนย่องตามเพ็งที่เข้าใกล้ตัวกบ กำลังจะจับ แต่กบตกใจกระโดดหนีไป เภาส่งตะกร้าใส่กบให้ศรีธารา
“ถือไว้ บักแก้ว”
เภาส่งตะกร้าให้ศรีธารา แล้วช่วยเพ็งจับกบ แต่ศรีธาราก้มมองไปที่พื้นเห็นบางอย่างแทนร้องลั่น
“สะออน งู”
พร้อมกับว่า ศรีธารากระโจนเข้าคว้าร่างสะออนให้พ้นงู จนล้มลงไปด้วยกัน เพ็ง เภาตกใจกระโดดหนีกันไปคนละทาง
ระหว่างนี้ โซ่ทองเดินนำ พาสะอาด พ่อเจ้า สายวารีออกมาตามหาศรีธารา พอเห็นศรีธาราล้มทับอยู่บนตัวสะออนก็หึงจนเลือดขึ้นหน้า
“บักแก้ว นั่นมึงทำอะไร”
โซ่ทองจะพุ่งไปเล่นงานศรีธารา แต่ถูกสะอาดดึงแขนไว้
“โซ่ทอง อย่า”
“ยาเอื้อยสะอาดบ่อเห็นหรือว่ามันเฮ็ดบัดสีกับสะออน” โซ่ทองชี้หน้าตะโกนด่า “มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้บักแก้ว”
ศรีธาราตกใจรีบลุกขึ้นมา แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นพ่อเจ้ากับสายวารีน้องสาว เดินตามมาทางด้านหลังด้วย
“เจ้ามาอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ศรีธารา”
“ท่านพ่อ” ศรีธาราอึ้งไป
โซ่ทอง สะออน เพ็ง เภา ชะงักมองหน้าศรีธารากับพ่อเจ้าที่เรียกกันด้วยสรรพนามแปลก สะอาดรีบบอก
“สะออน โซ่ทอง” สะอาดหันมาทางเพ็งและเภา “พวกเจ้าสองคนนำ กราบสมมาเจ้าศรีธาราซะ เพิ่นคือโอรสของพ่อเจ้า พระขัตติยะรามังกูร เจ้าเมืองอีสานบุรีของหมู่เฮา”
โซ่ทอง สะออน เพ็ง เภา ช็อก ศรีธารามองหน้าทุกคน หน้าจ๋อย
สอางยืนมองอยู่ตรงระเบียงบนเรือนใหญ่ และแอบคุยกับนางงออย่างตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าศรีธาราเป็นโอรสของพ่อเจ้า
“กูก็คึดสังหรณ์อยู่ว่า บักแก้ว เบิ่งแล้วบ่อแม่นไทบ้านธรรมดา”
“สอาง เจ้านิ่บ่อทันเอื้อยกับน้องเล้ย สองคนนั่น คงสิคาดการณ์ออก เจ้าก็เบิ่งเอา”
ศรีธาราก้มลงกราบพ่อเจ้าที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงกลางชานเรือน ท่ามกลางคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่รอบๆ
“ที่เจ้าทำอยู่นี่ สนุกมากนักหรือ ศรีธารา” พ่อเจ้าถามเสียงเย็นชา
“มิได้ครับ ท่านพ่อ ลูกไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงใคร”
“แล้วทำไมท่านพี่ถึงไม่กลับบ้าน น้องส่งจดหมายไปแจ้งข่าวว่าท่านแม่ป่วย ก็ไม่เห็นตอบ” สายวารีติง
ศรีธาราอธิบาย “พี่ไม่รู้เลย สายวารี พอเรียนจบ พี่ก็รีบกลับมาสยาม ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ทุกคนที่วัง” เขาหันมาเล่าให้พ่อเจ้าฟัง “แต่พอมาถึงอีสานบุรี ลูกก็ถูกปล้นครับท่านพ่อ โชคดี คนที่เรือนพุทไธเทพพาตัวมารักษา”
ศรีธาราเล่าพลางส่งสายตาไปหาสะออนที่ยังนั่งอึ้งอยู่ข้างๆ โซ่ทอง
“ลูกก็เลยตั้งใจจะอยู่ที่นี่สักพักเพื่อทำงานตอบแทนน้ำใจทุกคน แล้วก็ศึกษาวิถีชีวิตของคนอีสานบุรีด้วย” ท้าวศรีธารามองทุกคนอย่างจริงใจ “ลูกไม่ได้มีเจตนาล้อเล่นเพราะเห็นแก่ความสนุกส่วนตัวนะครับ แต่หากทุกคนไม่พอใจ ลูกก็ต้องกราบขอขมา”
ศรีธารายกมือไหว้ทุกคน พ่อเจ้าฟังเหตุผลของลูกชายแล้วคลายโกรธลง
“พวกเราไม่ได้ติดใจอะไรดอก ท่านชาย เพียงแต่เสียดายว่า หากรู้ความจริงเร็วกว่านี้ ก็จะได้ต้อนรับให้สมเกียรติของท่าน” พ่อแพทย์ว่า
“เพียงเท่านี้ ผมก็หมดปัญญาจะตอบแทนบุญคุณของพ่อแพทย์กับครอบครัวแล้วครับ”
ศรีธาราเหลือบมองสะออนอีกครั้ง ส่งสายตาเหมือนอยากจะพูดอะไรด้วย แต่พ่อเจ้าตัดบทเสียก่อน
“ในเมื่อความแตก เจ้าก็คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ ศรีธารา มีข้าวของอะไรก็ไปเก็บมาซะ แล้วกลับวังกับพ่อ แม่ของเจ้ารออยู่”
ศรีธาราจ๋อย รับเอาคำบิดา สายตายังมองสะออนอย่างรู้สึกผิด
สอางลอบมองอยู่ ยิ่งหมั่นไส้พี่สาวกับน้องสาวมาก
ศรีธาราเดินออกมาจากกระท่อมพร้อมกับเสื้อผ้าเครื่องใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ ส่งให้สะออน
“เสื้อผ้าพวกนี้ เก็บไว้ให้คนงานในเรือนใช้ได้นะสะออน ผมคงไม่ได้ใส่อีกแล้ว”
สะออนรับเสื้อผ้ามายิ้มเจื่อนๆ ศรีธาราจ้องหน้า
“สะออน คุณโกรธผมหรือเปล่า”
“ข้าน้อยไม่บังอาจโกรธท่านดอก ท่านชายศรีธารา”
“แต่ถึงอย่างไร ผมก็ต้องขอโทษ ที่ไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่แรก”
สะออนก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตา ปล่อยให้ศรีธาราพูดต่อ
“แต่ผมก็ดีใจนะที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะการได้อยู่ที่นี่ เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากสำหรับผม ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ได้รับมิตรภาพจากคุณ จากอ้ายโซ่ทอง และคนอื่นๆ ถ้าย้อนเวลากลับไป ผมก็คงจะไม่บอกความจริงกับคุณอยู่ดี”
“ข้าน้อยเข้าใจเหตุผลของท่าน”
“ผมหวังว่าคุณคงจะยังต้อนรับ ถ้าผมกลับมาที่เรือนพุทไธเทพอีก”
“พวกเรายินดีต้อนรับท่านเสมอ”
ศรีธารายิ้มดีใจ กลับเข้าในไปกระท่อมอีก คราวนี้ถือแคนเลาที่ใช้เป่าเล่นทุกคืน
“ถ้าอย่างนั้น ผมฝากแคนนี้ไว้กับคุณนะ วันหน้าผมจะกลับมาเป่าแคนให้ฟังอีก เวลาที่คุณมีเรื่องทุกข์ใจ”
สะออนรับแคนมาถือไว้งงๆ ศรีธารายิ้มให้ บ่งบอกสายตามีความหมายลึกซึ้ง
ทางฝ่ายสายวารีเดินเลือกผ้าไหมในโรงทออย่างสนอกสนใจอยู่กับสะอาดและยาแม่
“มีแต่ซิ่นลายสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ จริงตามคำของท่านแม่ ที่ว่าซิ่นของยาแม่คำอ่อนขึ้นชื่อ เรื่องลวดลายที่งดงามไม่เหมือนใคร”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือทอของสะอาดทั้งนั้นแหละจ้ะ ข้อยแก่แล้ว หูตาเริ่มไม่ดี ก็เลยไม่ได้ทอเองมานานแล้ว” ยาแม่ยิ้มบอก
สายวารีเอาซิ่นมาแนบตัว แล้วหันไปหาสะอาด
“ถ้าอย่างนั้น คงต้องถามพี่สะอาด ถ้าฉันอยากขอซื้อไปนุ่งอวดสาวๆที่พระนครบ้าง พอจะขายได้ไหมจ๊ะ”
“ไม่ต้องซื้อดอกจ้ะ ท่านนาง ท่านนางชอบใจผืนไหน ก็เลือกเอาไปได้เลย” สะอาดว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ ของสวยของงามแบบนี้ จะมาหยิบฉวยไปเฉยๆ ได้อย่างไรกัน บอกราคามาเถอะนะคะ แพงแค่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยง”
“ท่านนางเอาไปเถอะจ้ะ ถือว่าเป็นของขวัญที่ได้มีโอกาสรู้จักกันนะจ๊ะ”
สายวารีอิดออด แต่เห็นทั้งสองยืนยันหนักแน่นก็ไม่อยากเซ้าซี้ พึมพำขอบคุณแล้วเลือกต่อ
สายวารีเลือกผ้าไหมสวยถูกใจได้จำนวนหนึ่งก็ไหว้ลายาแม่ ไปขึ้นรถกลับวังพร้อมสะอาด พ่อเจ้าและศรีธารา
ยาแม่เดินออกมาส่งทั้งหมดที่หน้าโรงทอด้วยสีหน้าแช่มชื่นยินดี พอรถแล่นพ้นเรือนพุทไธเทพไป ก็หันมาเห็นสอางมองอยู่กับนางงอ ก่อนจะเดินเข้ามาหาพูดกวนตีนใส่
“ยาแม่ยกซิ่นงามๆ ให้เขาไปเสยๆ โดยบ่อคึดเสียดาย แต่ข้อยเป็นลูกในไส้แท้ๆ ขอผ้าซิ่นแค่ผืนเดียว กลับขี้หวง ตามทวงเซ้าทวงแลง”
ยาแม่หน้าตึง “ก็ซิ่นผืนที่เจ้าอยากได้นั่น มันบ่อแม่นของที่ไผสิยึดเอาไปครองไว้ผู้เดียว”
สอางยิ้มเยาะ แดกดัน “ฮึ บ่อแม่นว่า ยกผ้าซิ่นให้เจ้าที่วังนั่นเอาไปนุ่ง แล้วค่อยให้ยาเอื้อยไปถอนทุนคืนทีหลังซั่นบ่อ”
“เจ้าเว้าอีหยัง สอาง” ยาแม่ไม่พอใจ
นางงอยิ้มรู้ทัน “คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่เจ้าบอกสอางว่าสิแต่งขันมาขอสะอาด ที่แท้ก็คือพ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูรนี่เองหรือ สะอาดถึงได้หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ที่วัง”
ยาแม่ร้อนตัว “มึงพูดให้ดีๆ หนา อีงอ ลูกกูตามไปปรนนิบัติปิ้นปัวรักษาแม่เจ้าตามคำสั่งของเพิ่น”
สอางหัวเราะเยาะดังลั่น “เมียเพิ่นยังบ่อทันตาย ยาแม่ก็เอายาเอื้อยไปรอเสียบ โถ... ข้าน้อยก็หลงนึกดีใจกับยาเอื้อย ว่าสิได้เป็นเมียออกหน้าออกตาของเจ้าใหญ่นายโต บาดที่แท้ วาสนาก็เป็นได้แค่เมียก้นครัวนี่เอง”
สอางลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยถากถาง ยาแม่ฟังแล้วฉุนกึก อดไม่ไหว
“สิเป็นเมียก้นครัวหรือเมียก้นห้อง ถ้าผัวฮักซะอย่าง มันก็บ่อแย่ดอกสอาง ดีกว่าเป็นเมียออกหน้า แต่ก้นหม้อนึ่งยังบ่อทันดำ ก็บ้านแตกเตียงหัก”
สอางหน้าตึงทันควันเมื่อถูกจี้ใจดำ ยาแม่มองเยาะๆ แล้วเดินหนี ไม่พูดต่อ
สอางยืนคุมแค้น ความสัมพันธ์ของสอางกับยาแม่ นับวันจะยิ่งห่างเหินและเย็นชาต่อกัน ทั้งคู่พูดจารุนแรง ทำร้ายน้ำใจกันได้ เพราะชิงชังกันมาตั้งแต่อดีตชาติ
นางงอโมโหแทน “นี่หรือ คนเป็นแม่คน เหยียบย่ำน้ำใจลูกคนนึง เพื่อยกยอลูกอีกคนนึงให้เหนือกว่า น่าทุเรศใจ”
สอางมองตามยาแม่อย่างแค้นเคืองไม่แพ้กัน นางงอปลอบใจ
“อย่าไปถือไปซาเลย สอาง ฝันของเพิ่นบ่อเป็นจริงได้ง่ายๆ ดอก ลูกๆ ของพ่อเจ้า เบิ่งลักษณะเป็นคนปัญญาสูง คงบ่อยอมให้พ่อเจ้าแต่งเอาแม่ญิงบ้านนอกคอกนาอย่างสะอาดขึ้นไปตีเสมอกับแม่ของเพิ่นดอก”
ทันทีที่ถึงวังอินทนิล ศรีธารารีบเข้าไปกราบแม่เจ้าที่ตักแล้วซบหน้าอ้อน โดยมีสายวารีพับเพียบมองขำๆ อยู่ข้างๆ เตียง
“ลูกเสียใจที่ไม่ได้มากราบท่านแม่เร็วกว่านี้ ถ้าลูกรู้ว่าท่านแม่ป่วย คงจะไม่มัวทำเรื่องไร้สาระอยู่นอกวังแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่ได้กลับมาเห็นหน้ากัน แม่ก็ดีใจแล้ว” ยาแม่หันมาทางสะอาด “ลูกชายฉันไม่ได้สร้างความลำบากให้คนบ้านเธอใช่ไหมจ๊ะ สะอาด”
สะอาดไม่เลยเจ้าค่ะ แม่เจ้า ท่านชายศรีธาราขยันขันแข็ง ช่วยการงานที่เฮือนข้าน้อยเป็นอย่างดี ใครๆ ก็เอ็นดูเจ้าค่ะ
แม่เจ้าลูบหัวศรีธารากับสายวารีอย่างเอ็นดู หันมาทางพ่อเจ้า
“เห็นลูกๆ กลับมาอยู่พร้อมหน้าอย่างนี้ แม่ก็ชื่นใจ ท่านคะ จะว่าอย่างไร หากอิฉันอยากจะจัดงานฉลองที่ศรีธาราเรียนจบ ที่วังของเรา”
“ก็ดีเหมือนกัน วังอินทนิลไม่มีงานรื่นเริงมานานแล้ว แม่บัวอยากจัดก็เอาสิ”
แม่เจ้ายิ้มพอใจ ยกงานใหญ่ให้สะอาดแสดงฝีมือ “แต่อิฉันคงจะลุกขึ้นมาจัดแจงเองไม่ไหว สะอาด ช่วยรับเป็นแม่งานแทนฉันทีเถอะนะจ๊ะ มีอะไรก็ปรึกษากับพ่อเจ้าได้เลย”
สะอาดชะงักประหลาดใจ เหลือบไปสบสายตากับพ่อเจ้าโดยบังเอิญ พ่อเจ้ามองเมียอย่างรู้ทัน
ที่เรือนแพทย์ ตอนเย็นวันเดียวกัน สะออนกับโซ่ทองช่วยกันเก็บสมุนไพรตากแห้งใส่โหล เพื่อไว้เป็นวัตถุดิบปรุงยา พลางคุยกัน
“อ้ายบ่ออยากเซื่อเลย ว่าบักแก้วสิเป็นเจ้าศรีธารา เจ้าซายแห่งวังอินทนิล”
“ข้อยก็คือกัน” สะออนถอนใจ “เพิ่นน่าสิบอกเฮาตั้งแต่แรกเนาะ ปล่อยให้เอิ้นอ้ายแก้วๆ อยู่ได้ แล้วข้อยก็บังอาจใซ้งานเพิ่นไปสารพัด ทีนี้ ข้อยเฮ็ดโตบ่อถืกเลย”
“อ้ายบ่อแย่ว่าเจ้าดอกหรือ อ้ายฮ้ายด่าเพิ่นไว้หลาย เหาสิกินหัวก็คราวนี่ล่ะ”
สะออนอมยิ้มนึกขำ แล้วแกล้งวางมือจะสมุนไพร หันมาจะขยี้หัวโซ่ทอง
“ไส มาให้ข้อยเบิ่ง ว่ามีเหาขึ้นหรือยัง”
โซ่ทองยัวะรีบปัดมือออก “เจ้านี่ ลามปามแล้ว สะออน”
สะออนหัวเราะ พลอยทำให้โซ่ทองยิ้มออกไปด้วย
“แต่อ้ายก็โล่งใจ ที่เพิ่นไปจากเฮือนเฮาเสียได้”
“เพราะว่าบ่อมีไผกวนใจอ้ายแล้วแม่นบ่อ”
“บ่อแม่น แต่เพราะว่า เพิ่นมักมาเกี้ยวมาก่ายเจ้า อ้ายว่ามันบ่องาม”
สะออนคิดตาม แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็แม่นความอ้าย แต่ตอนนี่ เพิ่นก็กลับวังไปเป็นเจ้าเป็นนายแล้ว สิลงมาคลุกคลีกับหมู่เฮา ก็คงสิยาก อ้ายสำบายใจได้แล้วล่ะ”
โซ่ทองยิ้มกับสะออนอย่างสบายใจ
อีกฟาก สะอาดเข้ามาพบพ่อเจ้าในห้องทำงาน ท่าทางดูเกร็งๆ
“แม่บัวอยากจัดงานเลี้ยงให้เร็วที่สุด เพราะสายวารีต้องกลับไปเฮียนหนังสือต่อ ข้อยว่าวันเสาร์นี้น่าสิดี เจ้าคึดว่าสิทันบ่อ สะอาด”
“ทันเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้ามองสะอาดยิ้มๆ อดเอ็นดูไม่ได้
“เจ้านี่ดีเนาะ ขอให้เฮ็ดหยัง ก็ได้ทุกอย่าง บ่อเคยปฏิเสธ ถ้าติดขัดสิ่งใด๋ ก็บอกข้อยได้ บ่อต้องเกรงใจ”
“ข้าน้อยบ่อติดขัดดอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยอยากเฮ็ดให้แม่เจ้ามีความสุข อารมณ์ของคนป่วยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ หากจิตใจดีแล้ว ร่างกายก็สิดีไปนำกัน”
“ถ้าเซ่นนั่น ก็เอาตามที่ว่า ข้อยสิให้คนมาซ่อยเจ้าเตรียมงาน เฮ็ดกันคนละไม้คนละมือ ทุกอย่างสิได้เรียบร้อยทันเวลา หรือเจ้าสิเอิ้นไผมาใซ้งานอีกก็ตามสำบาย บ่อต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณพ่อเจ้าหลายเจ้าค่ะ”
“เงินนี่ ข้อยให้เจ้าเอาไว้ใซ้จ่าย ซื้อข้าวซื้อของเพิ่ม”
สะอาดพนมมือรับเงิน แล้วเผลอทำธนบัติร่วง พ่อเจ้ารีบก้มลงไปช่วยเก็บ จนใบหน้าใกล้ชิดแค่คืบ ทำให้นิ่งงันกันไปทั้งคู่
พ่อเจ้าจ้องตาสะอาดแล้วหวนนึกถึงสวาทในฝันขึ้นมาได้ ลืมตัวนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่สะอาดได้สติก่อน รีบหยิบเงินแล้วยืดตัวขึ้นมายังประหม่าอยู่มาก
“ข้าน้อย...ข้าน้อยขอโตไปก่อนเจ้าค่ะ”
สะอาดเก็บเงินแล้วรีบร้อนเดินออกไป พ่อเจ้ามองตามสะอาดเกิดความพึงใจมากขึ้นเป็นลำดับ
เช้าวันใหม่ เสากับสีแหล่เดินเข้ามาในเรือนครัว เห็นเพ็ง เภา เตรียมข้าวของเหมือนจะไปข้างนอก
“อีเพ็ง อีเภา นี่พวกมึงสิพากันขนของไปไส” เสาถาม
สีแหล่หัวเราะ “สงสัยสิพากันกลับไปเลี้ยงงัวเลี้ยงควาย เฮ็ดไฮ่ไถนาที่บ้านเก่าล่ะมั้ง ไปแล้วไปลับ บ่อต้องกลับคืนมาอีกเด้อสู แผ่นดินเฮือนนี้จะได้สูงขึ้น”
เพ็ง เภา กระแทกของลงกับพื้นเสียงดัง
“มันบ่อสูงขึ้นดอก ถ้ามึงสองโตยังอยู่” เพ็งว่า
“พวกกูยังบ่อไปไสดอก แต่พวกมึงน่ะ ระวังโตไว้ให้ดี พากันขี้คร้านสันหลังยาว จักมื่อนึงเถาะ สิถืกเฉดกะลาหัว” เภาบอก
เสา กะ สีแหล่ลอยหน้าท้าทาย นางสายเดินออกมาจากในครัวตอบแทนว่า
“อีเพ็งอีเภามันสิไปอยู่วังอินทนิล”
สีแหล่เหน็บแนมประสาคนปากเสีย “ต๊ายตาย นี่สิแล่นตามไปฮับใซ้แม่สะอาดถึงวังเลยบ้อ”
“พ่อเจ้าแม่เจ้าเพิ่นไว้ใจให้แม่สะอาด เป็นแม่งานจัดงานเลี้ยงต้อนฮับเจ้าศรีธารากับเจ้าสายวารี พวกกูเลยต้องไปซ่อยเวียกซ่อยงานเพิ่น” เภาบอก
เสาเย้ย “โอ.... บาดที่แท้ ก็ไปเป็นขี้ข้าเขาอีกต่อนึงนี่เอง”
เสากับสีแหล่หัวเราะร่วน นางสายหมั่นไส้
“พากันหัวขวนไปเถาะ เดี๋ยวมึงสองโตก็ต้องได้มาเฮ็ดเวียกงานในครัวแทนพวกมัน อย่าหนีหายไปไสล่ะ บ่อเซ่นนั่น กูสิส่อยาแม่ให้เอาเรื่องสูแน่”
เสากับสีแหล่ชะงัก เพ็งกะเภายิ้มเยาะแล้วออกไป
สอางนั่งเอนๆ อยู่บนเตียงฟังในห้องนอน เสากับสีแหล่คาบข่าวมาเล่าให้ฟัง
“อีเพ็งอีเภามันมาอวดกันหน้าบานเลยจ้ะว่าแม่สะอาดไปใหญ่ไปโตอยู่ในวังอินทนิล ถึงขนาดพ่อเจ้าแม่เจ้ามอบหมายให้เป็นแม่งานจัดงานเลี้ยง”
“ฮึ ยาเอื้อยก็คงสิไปเสนอหน้าให้เพิ่นเห็นคุณค่าน่ะสิ หน้าบ่อมียางอาย” สอางหมั่นไส้
นางงอประเมินเหตุการณ์ “แต่ถึงจั่งได๋ งานนี่ก็เป็นงานใหญ่ เพราะในอนาคต เจ้าศรีธาราสิเป็นผู้ว่าราดซะการเมืองอีสานบุรีต่อจากพ่อเจ้า งานเลี้ยงเทือนี่สิต้องใหญ่โตเอิกเกริก และถ้าสะอาดเฮ็ดเวียกงานได้ดี ก็คงสิหน้าบานเป็นกระด้งฝัดข้าว”
“แม่นแล้วจ้ะ งานนี่คงสิมีแต่แขกสำคัญ ผู้ลากมากดีเต็มไปเหมิด หากแม่สะอาดบ่อต้องใจพ่อเจ้า ก็คงสิไปต้องใจพ่อซาย เจ้าใหญ่นายโตคนอื่นๆ ในงานเป็นแน่แท้” สีแหล่ว่า
สอางฟังแล้วยิ่งรุ่นร้อนในใจด้วยไฟริษยาแผดเผา
“สอาง เจ้าต้องไปฮ่วมงานนี่ แขกคนที่มางาน สิต้องมีแต่คนบุญใหญ่ยศสูง เจ้าสิดักดานอยู่เฮือน ยอมให้สะอาดไปโดดเด่นเป็นดาวอยู่ผู้เดียวซั่นบ่อ”
สอางครุ่นคิดคำพูดนางงอ
พ่อแพทย์กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ที่ชานเรือน คุยกับสอาง โดยมียาแม่หยิบจับทำงานอยู่ใกล้ๆ
“ถ้าเจ้าอยากไป ก็ไปนำกัน เจ้าศรีธาราเพิ่นเซิญทุกคนนั่นล่ะ”
“แต่เป็นหยังถึงบ่อมีไผบอกข้าน้อย”
สอางหันไปค้อนใส่ยาแม่ ฝ่ายนั้นชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง
“แม่บ่อได้บอก เพราะคึดว่าเจ้าคงบ่ออยากออกไปพบหน้าไผ แต่ละมื่อแต่ละเว็น เอาแต่เก็บโตอยู่ในเฮือน นี่พร้อมสิออกไปพบผู้คนแล้วบ่อ” ย่าแม่คำอ่อนประชดในที
สอางหน้าตึง เชิดหน้าเสียดสีตอบยาแม่ไปว่า
“ข้าน้อยมาคึดเบิ่งแล้ว ถึงสิเก็บเนื้อเก็บโตอยู่แต่ในเฮือน บ่อออกไปยุ่งยากกับไผ แต่คนปากปลาแดกมันก็ว่าฮ้ายให้ข้าน้อยอยู่ดี สู้ให้ข้าน้อยลุกขึ้นมาเปิดเนื้อเปิดโตตามปกติดีกว่า บ่อต้องไปเก็บเอาคำเว้าของพวกปากปลาแดกมาใส่ใจ”
ยาแม่ไม่พอใจ เพราะรู้ว่าสอางจงใจพูดกับตน พ่อแพทย์รีบตัดบท
“เอาล่ะลูก คึดได้อย่างนั่นก็ดีแล้ว พ่ออยากเห็นเจ้ากลับมาเป็นสอางคนเก่า”
พ่อแพทย์ลูบหัวสอางเชิงปลอบ สอางซบกอดเข่า แต่ยังไม่วายมองมาทางยาแม่ยิ้มเย้ย
“ถ้าเซ่นนั่น ข้าน้อยคงสิต้องเอาผ้าซิ่นลายหงส์ออกมานุ่งต่ออีกสักงานเด้อยาแม่”
ยาแม่เจ็บใจที่ถูกสอางเยาะเย้ย เบือนหน้าหนี ไม่อยากพูดจาด้วยอีก
ที่คุ้มอัญญานางหูกคำ ในเวียงคำนาค อดีตชาติ
นางข้าหลวงกับแม่ไอ่ช่วยกันพับผ้าใส่หีบ เตรียมตัวเดินทาง
“ได้ตามเสด็จไปกราบพระบาทพระเจ้าล้านซ้างที่เวียงจันทน์เทือนี่ ข้าน้อยว่าให้อัญญานางเตรียมผ้าซิ่นอีกเก้าผืนเก้าลายติดมือไปถวายแด่พระแผ่นดินล้านซ้างดีบ่อเพคะ”
“ก็ดี แม่ไอ่เลือกให้ข้อยแหน่ เอาผืนงามๆ สำหรับแม่ญิงนำ ข้อยสิถวายแด่พระอัครมเหสี”
แม่ไอ่รับคำแล้วลุกไปช่วยนางข้าหลวงเลือกผ้า แต่ทันใดประตูคุ้มก็ถูกเปิดเข้ามา เห็นมหาเทวีก้าวเข้ามาพร้อมกับนางข้าหลวงติดตาม ด่าทอต่อว่าเสียงดังเช่นเคย
“มึงฝันไปสาเถาะ ว่าสิได้ตามเสด็จอัญญาหลวงไปเวียงจันทน์”
หูกคำ แม่ไอ่ และนางข้าหลวงรับใช้ในคุ้มชะงักทั้งแถบ
“อัญญานางที่สิได้ตามเสด็จเทือนี่ มีแค่ศรีสะอาดลูกกูเท่านั่น”
หูกคำข่มใจบอกกล่าวดีๆ “แต่พระราชสาสน์แจ้งว่าพระเจ้าล้านซ้างอยากให้สาธุบาทเจ้ารามังกูรได้พบพ้อกับข้าน้อยผู้ต่ำทอผ้าซิ่นถวายเป็นเครื่องบรรณาการ อัญญาแม่ก็ทรงฮู้ดีว่าเป็นฝีมือของข้าน้อย บ่อแม่นฝีมือของอัญญาเอื้อยศรีสะอาด”
“แต่กูสิให้ลูกกูไป”
หูกคำอึ้ง รู้ว่ากำลังโดนมหาเทวีสกัด เชิดหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ถ้าเซ่นนั่น อัญญาเอื้อยก็ควรสิต้องขึ้นหูกต่ำผ้าไหมส่งไปถวายประซันกัน ให้สาธุบาทเจ้ารามังกูรเพิ่นเลือกว่านิยมซมซอบผ้าของอัญญานางองค์ได๋”
มหาเทวีได้ยินก็โมโห ตบหน้าเปรี้ยงหูกคำหน้าหัน
“อีจองหอง มึงเจียมกะลาหัวแหน่อีหูกคำ กูบ่อยอมให้มึงไปเป็นมหาเทวีเมืองใหญ่โตดอก มึงต้องสมสู่กับท้าวเพียยศต่ำๆ จึงสิสมวาสนามึง”
หูกคำน้ำตาคลอ มองหน้ามหาเทวีอย่างคับแค้น
“ศรีสะอาดเท่านั่นที่สิวาสนาสูง สมเป็นมหาเทวีแห่งสี่พันดอน ลูกอีแม่ญิงอุบาทว์บ้านอุบาทว์เมืองอย่างอีทองจันทร์ มันเหมาะสิสมสู่กับไพร่ อาศัยเฮือนเก่าๆคุ้มกะลาหัว ให้มึงจำจนกระดูกมึงเข้าหม้อ อีหูกคำ”
มหาเทวีชี้หน้าหูกคำอย่างเกลียดชังแล้วเดินออกไป หูกคำน้ำตาร่วงสะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด แม่ไอ่กอดปลอบด้วยความสงสาร
สอางฝันร้ายถึงอดีตชาติ สะดุ้งตื่น ตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“บ่อได้ กูบ่อยอม”
นางงอได้ยินเสียงสอางโวยวาย ก็ลนลานลุกขึ้นมองอ
“สอาง เจ้าเป็นหยังไป”
สอางหันมองนางงอน้ำตาเต็มหน้า นางงอยิ่งตกใจ รีบเข้าไปจับไม้จับมือปลอบ
“เกิดอีหยังขึ้น ไผเฮ็ดอีหยังเจ้า”
“กูฝัน...กูฝันอ้าย” สอางเสียงสั่นสะท้าน “ฝันว่ายาแม่มาฮ้ายมาด่ากู”
บอกว่ากูบ่อมีวันสิยิ่งใหญ่ได้ดีไปกว่ายาเอื้อย กูสิต้องจมปลักอยู่นี่ไปตลอดซาติ
“โถ...”
นางงอกอดปลอบสอางที่ยังตัวสั่นอยู่ร้องไห้คร่ำครวญ
“กูบ่อยอม กูสิบ่อยอมแพ้ยาเอื้อยเด็ดขาด”
“บ่อมีทาง เจ้าสิบ่อมีวันแพ้ไผ สอาง เจ้ามีสายเลือดนางพญาหงส์ เจ้าสิต้องบินสูงกว่าทุกคน ฝันร้ายมันก็เป็นได้แค่ฝันร้าย”
สอางขวัญเสียสะอื้นเบาๆ ร้องไห้ไม่หยุด
“สงบจิตสงบใจซะ อย่าเก็บเอาคำเว้าของยาแม่มาคึดใส่ใจ เจ้าจงหาทางโบยบินให้สูงที่สุด ให้แม่ของเจ้าได้กระอักเลือดตาย ที่เหยียบเจ้าบ่อจม”
สอางคิดตามนางงอ สายตาแข็งกร้าวขึ้นมา
เช้าวันนี้ บริเวณสนามหญ้าหน้าวังอินทนิล มีการประดับประดาราวไฟ ตกแต่งสนามด้วยดอกไม้ พุ่มไม้ อย่างสวยงาม
โดยมีสะอาดคอยดูแล และช่วยบ่าวหญิงในวังจัดแต่งพวงมาลัยยาว นำมาร้อยประดับประดาพุ่มไม้ และได้สายวารีมาช่วยหัดร้อยมาลัยด้วยกัน สายวารีดูท่าทางสนใจใคร่รู้ และทั้งสองดูสนิทสนมรักใคร่กันอย่างรวดเร็ว
ศรีธารายืนดูทั้งสองสาวอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องนอนมารดา พร้อมกับแม่เจ้าปทุมรัตน์
“ยาเอื้อยสะอาดนี่เก่งนะครับท่านแม่ เวลาแค่สองวัน เตรียมงานได้ถึงขนาดนี้” ศรีธาราออกปากชื่นชม
“นั่นสิ ยิ่งแม่ได้รู้จักเด็กสาวคนนี้ แม่ก็ยิ่งถูกใจ นิสัยใจคอแม่สะอาดเป็นอย่างไรบ้าง เท่าที่ลูกได้สัมผัสมา”
“เธอเป็นคนจิตใจดี น้ำใจงาม อ่อนโยนกับทุกคน ไม่ถือตัวแม้แต่กับไพร่ทาสบริวาร ตอนที่ลูกไปอยู่ใหม่ๆ กินอาหารแปลกลิ้นไม่ได้ เธอก็อาสา หาอาหารถูกลิ้นมาให้กิน”
แม่เจ้าฟังแล้วยิ้มประทับใจ ศรีธาราพูดต่อ
“เรือนพุทไธเทพ ลูกสาวสามคนนิสัยใจคอไม่เหมือนกันสักคนครับ คนโต คือยาเอื้อยสะอาด จิตใจสะอาดเยือกเย็นเหมือนสายน้ำ คนรอง ชื่อสอาง สวยสอางสมชื่อ แต่ใจร้อนอารมณ์รุนแรงเหมือนไฟ ส่วนคนเล็ก ชื่อสะออน เหมือนส่วนผสมของพี่สาว ทั้งสองคน แต่ความเป็นเด็ก ก็ทำให้เธอยังมีความไสบริสุทธิ์”
แม่เจ้ายิ้มให้ “ได้ฟังลูกพูดเช่นนี้ แม่ชักอยากจะพบอีกสองคนไวๆ แล้วสิ โดยเฉพาะสะออน”
ศรีธารายิ้มตื่นเต้น “คืนนี้ท่านแม่จะได้พบแน่นอนครับ ผมมั่นใจว่าท่านแม่จะต้องรักและเอ็นดู สะออนไม่แพ้ยาเอื้อยสะอาดครับ”
ฝ่ายสะออน โดนนางสายกับยาแม่ลากตัวไปที่ลานอาบน้ำ แต่ยังร้องโวยวายไม่หยุด
“ปล่อยข้าน้อย ยาแม่ แม่สาย ปล่อยข้อย ข้อยอาบน้ำเองได้”
“อย่าโวยวายไปสะออน แม่บ่อได้เอาเจ้าไปฆ่าไปแกง แค่ขัดสีสะหวีวรรณให้เจ้างามเท่านั่นเอง” ยาแม่ว่า
“เอาหมากขามส้มขัดผิว คืนนี้เจ้าสิได้งามเปล่งปลั่ง” นางสายเสริม
“จ้า แม่สาย แต่ข้อยขัดเองก็ได้ โอ๊ย ข้อยเจ็บ”
สะออนดีดดิ้น ขณะถูกนางสายเอามะขามเปรี้ยวและกาบมะพร้าวช่วยขัดผิวให้ สอางเดินผ่านมา มองน้องสาวที่เอะอะโวยวายอย่างรำคาญ
“โอ๊ยน้อ กูรำคาญอีสะออน ทำท่าว่าเป็นลูกลิงลูกค่าง บาดที่แท้ก็คงอยากสิได้ผัวจนโตสั่น”
“จักหน่อย พอเห็นพ่อซายมาเกี้ยวมาก่าย ขี้คร้านแต่สิแต่งสิปรุง” นางงอว่า
“แต่งปรุงจั่งได๋ก็บ่องามส่ำกูดอก” สอางนึกขึ้นได้ “อีสะออนแต่งโตงามคืนนี่ คงสิมีคนฮ้อนฮนใจ”
“เจ้าหมายถึงไผ สอาง”
“สิแม่นไผล่ะ ก็บักกาดำต่ำเตี้ยเหี้ยดินนั่นเด”
สอางพูดถึงโซ่ทองอย่างชิงชัง นางงอนึกตามได้ยิ้มร่วมด้วย ทั้งสองหัวเราะชอบใจ
“สอาง เจ้าฟ่าวแต่งเนื้อแต่งโตสา คืนนี่เจ้าสิต้องงามที่สุด”
ค่ำวันนั้นโซ่ทองออกมาตรวจอาการและรักษาคนป่วยในหมู่บ้านแคนหลวง เวลานี้ลูบหัวเด็กน้อยคนป่วยให้กำลังใจ
“อย่าลืมกินยาตามที่อ้ายสั่ง แล้วอีกสองมื่อ อ้ายสิมายามไข้เจ้าใหม่
โซ่ทองเก็บของเตรียมกลับ หญิงชาวบ้านขยับเข้ามาหาเงินให้
“นี่จ้ะ อ้ายหมอโซ่ทอง ค่ายากับค่าครู”
โซ่ทองมองเงินในมือแม่เด็ก ดูออกว่าเป็นเงินจำนวนมากเกินกำลังของครอบครัวนี้
“ข้อยฮับแต่ค่ายาอย่างเดียวจ้ะเอื้อย ค่าปิ้นปัวรักษา ข้อยบ่อเอาดอก”
“เจ้าคือจิตใจงามแท้ ท้าวเอ๋ย ขอให้เจ้าเจริญๆ เด้อ”
“ขอบใจหลาย ข้อยลาล่ะจ้ะ”
โซ่ทองสะพายล่วมยา ไหว้ลากันแล้วลงเรือนไป
โซ่ทองเดินลัดเลาะมาตามทางในสวนรกเรื้อ มุ่งตรงไปยังบ้านในละแวกใกล้เพื่อไปรักษาคนป่วยต่อ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีชายสวมโม่งดำคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาขวาง โดยไม่รู้ว่ามันเป็นลูกสมุนของสมิงพันดงที่ไม่พอใจเรื่องการรักษาผู้ป่วยนั่นเอง
“มึงสิไปไส บักหมอเทวดา” ชาย1 พูดกวนตีน
โซ่ทองชะงักมองชาย1 อย่างระแวดระวัง มันเดินเข้าใกล้อย่างประสงค์ร้าย
“มึงเก่งคักซั่นบ้อ ลองรักษาโตเองแหน่เป็นหยัง”
โซ่ทองถอยหนีอย่างสังหรณ์ใจ แต่ไม่รู้ว่าคนร้ายชาย2 อีกคนโผล่มาจากด้านหลัง แล้วเงื้อดาบยาวฟันเข้าที่หลังโซ่ทองเต็มแรง
“โอ๊ย”
โซ่ทองร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ร่างทรุดลงคาพื้น คนร้ายทั้งสองคนตรงเข้ามายืนค้ำหัว
พวกมันพากันรุมเตะอัดโซ่ทองซ้ำอย่างเหี้ยมโหด
อ่านต่อตอนที่ 8