ซิ่นลายหงส์ ตอนที่ 6 ไฉไลบุกอีสานทวงผัวคืนจากสอาง
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา
ไฉไลแสดงตัวเดินออกจากความมืด มาหยุดยืนที่หน้าเรือน ตรงหน้าทั้งสองคนที่กอดหอมกันอยู่บนชานเรือน มีประทินคนขับรถตามมาห่างๆ
“บอกมันไปสิ ว่าคุณก็พูดอย่างนี้กับฉันเหมือนกัน”
กำจรยืนนิ่งเป็นหินไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าไฉไลจะบุกมาหาถึงที่นี่ ขณะที่สอางยังจับต้นชนปลายไม่ถูก และเห็นหน้าไฉไลไม่ชัด
“อีนี่มันเป็นไผ ท่านสารวัตร”
“แกยังไม่เห็นรูปที่ฉันส่งมาให้ดูเป็นบุญตาหรอกหรือ”
พร้อมกับว่าไฉไลเดินฉับๆ ขึ้นบันไดมา สอางเห็นหน้าไฉไลชัดเจนขึ้นก็อึ้งไป จำได้ว่าเคยเห็นในรูป
“หรือว่าเห็นแล้ว แต่ก็ยังทำมึน ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าผู้ชายคนนี้เขามีลูกมีเมียแล้ว”
คำว่าลูกเมียกระแทกเข้าหน้าสอางเต็มๆ
“ลูกเมีย” สอางหันขวับไปหากำจร “หมายความว่าจั่งได๋ ไสท่านบอกข้อย ว่าเป็นรูปน้องสาวกับหลานชาย”
สอางคาดคั้นกำจรที่ยังช็อกๆ ทำอะไรไม่ถูก ไฉไลแค่นหัวเราะออกมา
“งั้นก็แกมันก็คงโง่จริง สมกับที่อยู่บ้านนอกคอกนา เขาหลอกอะไรก็เชื่อ” ไฉไลตวัดสายตามองผัว “เข้าใจคิดนะคุณหลวง เลือกเมียน้อยโง่พอๆ กับควายสนตะพายง่ายดีล่ะสิ”
สอางกรี๊ดลั่นด้วยความเจ็บใจ เสากับสีแหล่โผล่หน้าออกมาดู ทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ก็อยากรู้อยากเห็น
“อีผู้ดีแปดสาแหรก อีปลาแดกบ่อพอเกลือ อีผีกินดาก อีพากกินหัว พูดจาอย่างนี้ มึงอยากถูกตบฟันร่วงหมดปากซั่นบ่อ”
สอางเงื้อมือถลา จะตบไฉไล แต่กำจรกันมือไว้
“สอาง”
“มันเป็นเมียท่านจริงหรือ บอกข้อยมาเดี๋ยวนี่”
กำจรกระอักกระอ่วนใจ ไม่กล้าพูด เพราะยังไม่อยากหักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไฉไลรำคาญ
“ประทิน”
ประทินหิ้วกระเป๋าวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรู้งาน เปิดกระเป๋า หยิบใบทะเบียนสมรสยื่นให้ไฉไลส่งให้สอาง
“ดูซะให้เต็มตา ว่าฉันเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกจารีตประเพณี ไม่ได้ลักคาบมากินเวลาที่เจ้าของเขาเผลอเหมือนแก”
สอางกราดสายตาอ่านชื่อในทะเบียนสมรส ตัวชาด้วยความตกใจ
“อ่านออกหรือเปล่าอีบ้านนอก” ไฉไลยิ้มเยาะ “ถ้าอ่านไม่ออกฉันจะให้คนขับรถอ่านให้ฟัง”
สอางกรี๊ดทนไม่ไหว ขยำทะเบียนสมรสในมือ ฉีกทิ้งจนไม่เป็นชิ้นดี
“บอกมันไปสิท่านสารวัตร ว่าข้อยบ่อได้ลักกินของๆไผ ท่านแต่งขันมาขอข้อย แต่งดองออกเฮือนกันตามฮีตตามคลอง ไทบ้านเป็นสักขีพยาน” เห็นกำจรเอาแต่ยืนนิ่ง สอางตวาดลั่น “นิ่งเสยอยู่เฮ็ดหยัง บอกมันสิ แล้วก็ไล่มันไป”
ไฉไลเหยียดยิ้ม “ฉันไม่สนหรอกว่างานแต่งแกมันจะใหญ่คับบ้านคับเมืองแค่ไหน ถึงยังไงแกก็มาทีหลัง ต่อให้ทะเบียนขาดอีกเป็นร้อยใบ กฎหมายก็ตีตราว่าผู้ชายคนนี้เป็นผัวฉัน”
สอางแว้ดใส่ “โคตรเหง้ามึงเป็นใคร ถึงมาโก่งคอใส่กูบนเฮือนผัวกู”
“แกมันก็ทำได้แค่ขอส่วนบุญ เลียน้ำใต้ศอกไปวันๆ” ไฉไลถลาเข้าไปคว้าแขนกำจรดึงรั้งไป “วันนี้ฉันจะมาเอาผัวฉันคืน อีนางบำเรอชั้นต่ำ ไสหัวไป”
“กูไม่ไป” สอางไม่ยอม
“จับมันโยนลงไปเลยประทิน”
กำจรตกใจ “ไฉไล”
ประทินละล้าละลัง ไฉไลขึงตาบังคับให้เข้ามาจับตัวสอาง แต่ก่อนจะถึงตัว เสากับสีแหล่ก็วิ่งแจ้นเข้ามาขวาง
“มึงสิเฮ็ดอีหยังเจ้านายกู อย่าแม้แต่สิคึด” เสาจ้องประทินเอาเรื่อง
“อ๋อ แห่แหนกันมาเกาะผัวกูกินทั้งบ้านนี่เอง ถึงได้ไล่ไม่ไป” ไฉไลสั่งประทินเสียงเข้ม “โยนอีพวกตัวขี้ข้านี่ลงไปก่อนเลย อีตัวเจ้านายฉันจะจัดการมันเอง”
ไฉไลผละจากกำจรเข้ามาหาสอาง ขณะที่ประทินฉุดกระฉากกับเสาสีแหล่
“ไฉไลไม่เอาน่า มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันสิ”
กำจรพยายามยื้อยุดไฉไลไว้ ไฉไลสะบัดไม่ยอม สอางมองแค้นใจ หันไปคว้ามีดปอกผลไม้ใกล้มือมาถือไว้ชี้หน้าไฉไลและกำจร
“มึงเข้ามาเลย กูจะได้ลากไส้มึงออกมามัดใส่กัน ทั้งตัวผู้ตัวเมีย”
กำจรตกใจ “สอาง อย่า...”
สอางตวาดลั่น “มึงหุบปาก คนอย่างมึงก็สมควรตายพอๆ กับมัน มึงเหยียบหัวใจกู เฮ็ดกับกูส่ำหมูส่ำหมา สูต้องตกนรกหมกไหม้ บ่อได้ผุดได้เกิด สิเผาฟืนหรือเผาถ่าน มึงสั่งพ่อแก้วแม่แก้วมึงได้เลย”
สอางพูดแล้วจ้วงมีดจะแทงใส่ไฉไล กำจรปราดเข้าไปแย่งมีดจากสอาง พลางหันไปเรียกประทิน เสา สีแหล่
“สอาง ใจเย็นๆ ก่อน มาช่วยกันหน่อยสิวะ”
เสากับสีแหล่ พันตูอยู่กับประทิน ทั้งสามเห็นมีดในมือสอางตวัดไปมาก็ตกใจ รีบผละไปช่วยกันแยกทั้งสองออกจากกัน
“ปล่อยกู ปล่อย”
ประทินปลดมืดออกจากมือไปได้ สอางดิ้นเร่าๆ ขณะที่เสากับสีแหล่เข้าไปช่วยกันจับแยก
“ใส่กุญแจมันสิกำจร อีบ้านี่มันจะทำร้ายเมีย ปล่อยมันไว้ทำไม” ไฉไลเสียงแข็งใส่
สอางได้ยินก็ยิ่งกรี๊ด ดีดดิ้นด้วยความแค้น พยายามจะพุ่งไปเล่นงานไฉไลให้ได้ กำจรเห็นท่าไม่ดี รีบฉุดไฉไลลงจากเรือนไปก่อน
“ปล่อยกู บักสารวัตร บักซาตซั่ว มึงสิเอามันไปไส กูสิถลกหนังกบาลมัน อีเสา อีสีแหล่ปล่อยกู กูสิฆ่ามัน ปล่อยกู”
สุดท้ายกำจรพาไฉไลมาเปิดห้องพักที่โรงแรมในตัวเมืองอีสานบุรี วางกระเป๋าลงบนเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาจัดใส่ตู้ให้ อย่างคนที่มีความยำเกรงเมีย
“คืนนี้คุณอยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวผม...”
กำจรยังพูดไม่จบ หันมาก็ถูกไฉไลตบฉาด
“ผมเจ็บนะไฉไล”
“แล้วฉันล่ะ ที่ถูกผัวสวมเขาให้อย่างนี้ ฉันไม่เจ็บหรือไง”
กำจรก้มหน้านิ่ง เถียงไม่ออก ไฉไลยิ่งพูดยิ่งน้ำตาคลอ
“ถ้าฉันคิดได้เร็วกว่านี้ซักหน่อย ป่านนี้ฉันคงจะแย่งมีดจากอีนั่นมาฟันไอ้ตัวสำส่อนของคุณให้ขาดกระเด็นไปแล้ว”
ไฉไลโกรธจัด ทุบเข้าที่อกกำจรพัลวัน
“เสียแรงที่ฉันเสียสละเพื่อคุณทุกอย่าง ยอมเลี้ยงลูกเลี้ยงแม่ให้คุณ กล้าดียังไงถึงทำกับฉันแบบนี้ ไอ้คนสารเลว”
ไฉไลยิ่งพูดยิ่งแค้น ทุบอกผัวดังอั้กๆ จนกำจรต้องจับมือรวบไว้
“ฟังผมอธิบายก่อนนะ”
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว ผู้ชายก็สันดานแบบนี้ คลำดูไม่มีหางก็คว้าเอามาสนองตัณหาได้หมด”
“ไม่จริงเลย ผมไม่ได้คิดที่จะเอาเขาเป็นเมีย ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเผลอไผล” พอเห็นไฉไลนิ่งไป พร้อมจะฟังนายตำรวจจอมกะล่อนก็โกหกต่อ “พ่อแพทย์พุทไธ พ่อของสอางเป็นแพทย์หลวง ผู้คนนับหน้าถือตาทั้งอีสานบุรี เขาเห็นผมตัวคนเดียว ก็เลยให้สอางมาดูแลผม”
ไฉไลคุมแค้น “แล้วดูแลกันอีท่าไหน มันถึงตะกายขึ้นมานอนเตียงกับคุณได้ หรือพ่อมันมาช่วยจัดท่า ช่วยพลิกคว่ำพลิกหงายให้”
กำจรอ้ำอึ้ง ไปไม่เป็น ได้แต่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“คุณฟังผมก่อน พ่อของสอางเป็นหมอปรุงยา เขาวางแผนจับผมให้ลูกสาว เลยมอมให้ผมกินยาอะไรก็ไม่รู้ ถึงได้ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป”
“เข้าใจผมหน่อยสิไฉไล ถ้าผมมีสติครบถ้วน เรื่องอะไรจะไปคว้าผู้หญิงบ้านนอกมาทำเมีย หนังสือหนังหาก็ไม่ได้เรียน เทียบกับคุณไม่ได้เลยซักนิด”
กำจรพูดพลางลูบไล้ออดอ้อน ไฉไลเริ่มอ่อนลง เพราะก็ยังรักกำจรอยู่มาก
“บอกให้พ่อมันมาเอาลูกสาวมันกลับไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะประจานให้ทั่วเมือง”
“ทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อแพทย์สนิทชิดเชื้อกับเจ้าใหญ่นายโตในเมืองนี้ ผมไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่”
ไฉไลกรี๊ดอย่างเหลือทน “แล้วคุณไม่กลัวมีปัญหากับเตี่ยของฉัน ที่ชุบเลี้ยงให้ตระกูลของคุณเงยหน้าอ้าปากกันทั้งโคตรบ้างหรือไง เลือกเอานะ ว่าจะตัดปัญหากับไอ้อีบ้านนอก ที่มันไม่มีปัญญาจะอุ้มชูคุณได้ หรือจะตัดขาดกับกองเงินกองทองอย่างฉัน”
กำจรอึ้งหนัก นิ่งงันไป มองหน้าไฉไลที่ยืนจ้องมาด้วยท่าทางเคียดขึ้งเอาจริงอยู่อย่างนั้น
กำจรกลับมาที่บ้านพัก เข้าห้องนอนมาเห็นสอางนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง มีเสากับสีแหล่นั่งเฝ้าปลอบ
“พวกเธอสองคนออกไปก่อน”
เสากับสีแหล่หันไปมองกำจรอย่างโกรธแค้นแทนนาย ลุกพรวดขึ้นยืนจังก้า
“ท่านสารวัตรสิเฮ็ดอีหยังแม่สอางอีก ตูข้อยบ่อยอมเด้อ” เสาเสียงแข็งใส่ไม่ไว้หน้า
“ถ้าแม่สอางเป็นอีหยังไปแม้แต่ปลายเล็บข่วน ท่านสารวัตรก็อย่าหวังว่าสิอยู่ในแผ่นดินอีสานบุรีได้” สีแหล่ด่าว่า
“พวกเธอคิดว่าฉันจะทำอะไร” กำจรไม่ถือสา ถอนใจอย่างหนักอก “ฉันแค่จะคุยกับเมียฉัน”
“สิเว้าอีหยัง ก็ต้องเว้าต่อหน้าตูข้อย”
“อย่ามาบงการฉันนะ นี่มันเรื่องของผัวเมีย ขี้ข้าไม่เกี่ยว ออกไป”
กำจรโกรธตวาดเสียงดัง สีหน้าดุดัน เสากับสีแหล่เริ่มกลัว จำต้องเลี่ยงออกไปเงียบๆ
กำจรหันไปเรียกสอางที่นอนอยู่ “สอาง”
ทันทีที่เสาสีแหล่ออกมานอกชานปิดประตูลง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหวีดร้องของสอาง ร้องด่ากำจรลั่นเรือน สองบ่าวหารือกันหน้าเครียด
“ถ้าผัวเมียคู่นี่ฆ่ากันตายขึ้นมา ซุมเฮาสิเดือดฮ้อนบ่อ มึงว่า”
“มึงก็ไปเอิ้นพ่อแพทย์กับยาแม่มาสิอีเสา”
“เอิ้นมาสมน้ำหน้าแม่สอางน่ะหรือ ถ้าเพิ่นฮู้ว่าแม่สอางแต่งดองมาเป็นเมียน้อยเขา คงสิหัวขวนเยาะเย้ย จนแข่วหลุดแข่วร่วง”
“เอ้า แล้วสิเฮ็ดจั่งได๋ล่ะ”
สีแหล่เกาหัวกลุ้มจัด แล้วต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงข้าวของแตกกระจายดังเปรื่องปร่างออกมาจากในห้อง
สอางกรีดร้องลั่นห้องนอน รวบหมอนผ้าห่มมาขว้างใส่สารวัตรเต็มแรง ด้วยความหึงหวงระคนโกรธแค้น
“เอาเลยสอาง... เอาให้สาสมใจคุณ จะฆ่าผัวให้ตายก็เชิญ” กำจรแสร้งทำตัวให้สงสาร
“เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นท้าทายข้อย ไปลากคออีแม่จ้างข้างตลาดนั่นมา ข้อยสิฆ่ามัน”
กำจรรวบกอดตัวสอางไว้ ขณะที่สอางสะอื้นไห้จนตัวโยน
“สอาง คุณจะอาละวาดให้ผมเจ็บแค่ไหนก็ได้ เอาให้หนำใจ แล้วก็หยุดฟังผมก่อน”
“ข้อยบ่อฟังลูกอีคนตอแหลอย่างเจ้า เก็บเอาคำต้มตั๋วหลอกลวงของเจ้า ไปเว้ากับแม่ญิงคนอื่น คนอย่างอีสอาง โง่เทือเดียวก็เกินพอ”
“ผมยอมรับนะ ว่าผมโกหกคุณ แต่จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อผมรักคุณ ผมอยากอยู่กับคุณนะ สอาง”
กำจรสายหวาน พูดแล้วก้มลงหอมเรือนผมสอางอย่างรักใคร่ สอางดิ้นหนีไม่อยากฟัง
“ผมกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักกันแล้ว แต่เขาไม่ยอมเลิกรากับผม เพราะว่าผมพลาดทำเขาท้อง”
ดวงตาสอางฉายประกายแวววาว เชื่อคำเขา มันอาจจะเป็นคำที่เธออยากได้ยิน
“ผมรับผิดชอบลูกที่เกิดมา แต่ต้องหนีมาทำงานที่นี่ให้พ้นหูพ้นตาเพราะผมรำคาญเขา แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะกล้าตามมารังควาน แล้วยังเอาใบทะเบียนบ้าบอคอแตกนั่นมาทวงสิทธิ์”
กำจรตีหน้าซื่อขอคะแนนความเห็นใจจากสอาง
“โชคดีที่เมียรักของผมได้ฉีกมันไปแล้ว ตามกฎหมาย ก็ถือว่าสิ้นสุดสภาพสมรสขอบคุณคุณมากสอาง คุณช่วยผมไว้แท้ๆ ทะเบียนมันขาดแล้ว ก็เท่ากับว่าผมกับเขาก็ขาดกันด้วย”
กำจรประคองใบหน้าสอาง เป่าหูหลอกต่อ แน่ใจว่าสอางไม่รู้เรื่องกฎหมาย สอางเคลิ้มแต่ก็ระแวงขึ้นมาอีก
“ไปอมวัดอมโบสถ์มาเว้าข้อยก็บ่อเซื่อ เป็นหยังข้อยต้องเซื่อเจ้า”
“ก็ผมกลับมาอยู่กับคุณแล้วนี่ไง ถ้าผมรักเขา ป่านนี้ผมก็ไปอยู่กับเขาแล้วสิ ผู้หญิงคนนั้น ผมจะสั่งให้เขากลับไปพระนครพรุ่งนี้เลย ถ้ามาเหยียบที่บ้านเราอีก ผมจะให้ดาบคำแสงลากคอไปขังคุกให้เข็ด โทษฐานที่เสียงดังกับเมียรักของผม”
สอางคลายใจลง หลงเชื่อกำจรเพราะรู้ไม่ทัน แต่ยังสะบัดสะบิ้ง
“ผมรู้น้า ว่าถึงอย่างไร คุณก็รักผม ผมเองก็รักคุณหมดหัวใจ ไฉไลได้มาเห็นเองกับตาก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าผมไม่เหลือเยื่อใยให้เขาอีกแล้ว แถมยังโง่ เอาทะเบียนสมรสมาให้คุณฉีกทิ้งอีก ตอนนี้ หัวใจผมมีแต่คุณคนเดียวนะ สอาง”
สอางสับสน และหวั่นไหวกับการกอดจูบของสารวัตรนักรัก กำจรพลิกหน้าให้หันมาหา
“ท่านสารวัตร...ข้อยซึ้งใจหลายที่ท่านฮักข้าน้อยถึงเพียงนี่ บัดนี่ ข้าน้อยซนะแม่ญิงทุกคน ข้าน้อยวิเศษที่สุดในใจผัว”
สอางยิ้ม พึงพอใจที่รู้สึกว่าตัวเองพิเศษที่สุด เสียงอ่อนลงอย่างซึ้งใจ
“บูฮานเพิ่นสอนไว้ เมียที่ดี ต้องเคารพบูซาเซื่อฟังผัว ข้าน้อยสิเซื่อใจท่านอีกเทือนึง”
กำจรยิ้มโล่งใจ จับมือสอางมาจูบ พลันสอางตาเหลือก เสียงแข็งขึ้นมาอีก
“แต่ว่า...”
ไม่นานต่อมาเห็นกำจรนอนตะแคงอยู่บนเตียงกับสอาง มีเสา กับ สีแหล่ ช่วยกันผูกเชือกที่แขนขากำจรเข้ากับแขนขาของสอาง แล้วเอาแขนโอบไว้ กำจรมองอึ้งๆ
“เอ่อ... ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือสอาง”
“ข้าน้อยต้องเฮ็ด ถ้าท่านตัดขาดกับอีนั่นจริง ก็อย่าได้คึดแก้เซือกที่ผูกมัดเฮาไว้”
สอางบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว กำจรทำหน้าซื่อ ตาปริบๆ มองดูแขนขาของตัวเองที่ถูกมัดรวบทั้งสองข้างเข้ากับเมีย
สอางเห็นผัวอึ้งก็จ้องจับผิด “ท่านบอกว่าอยากอยู่กับเมียบ่อแม่นหรือ หรือว่าเว้าสับส่อตอแหล”
“ไม่ๆ ผมไม่ทิ้งคุณไปไหนทั้งนั้น ผมเลือกคุณแล้ว ผมเลือกคุณเท่านั้น”
“ดี ผัวที่เซื่อฟังควมเมีย เฮ็ดหยังก็มีแต่เจริญฮุ่งเฮือง ถ้าฮักจริง ก็นอนกอดกันอยู่นี่ แต่ถ้าท่านแกะเซือกของข้าน้อยไปหาอีนั่น เซือกสองเส้นนี่ล่ะ สิส่งท่านกับมันลงนรก
กำจรกอดสอางแน่น ทั้งเชือกผูกกันอยู่แบบนั้น แต่ลอบทำหน้าลำบากใจ
คืนเดียวกัน โซ่ทองนั่งเหม่อ หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้ใกล้ชิดสะออน
ตอนที่รวบกอดสะออนเต็มอ้อมแขน และตอนช่วยแก้แหจนได้แนบชิดกัน
โซ่ทองรู้สึกเสน่หากับสัมผัสอบอุ่นนั้นโดยประหลาด จนเผลอยิ้มออกมา
“เจ้าใหญ่เป็นสาวแล้วอีหลี สะออน”
โซ่ทองยิ้มกับตัวเอง แล้วหยิบแคนมาเป่า เป็นเพลงแคนลายรักหวานๆ
บึงน้ำในเวียงคำนาค
ทางด้านสะออนหลับฝันไป เห็นตัวเองในชาติปางก่อน ขณะเจ้าหญิงสีออนแหวกว่ายเล่นน้ำกับเจ้าราชบุตรโซ่ทอง อย่างมีความสุข เจ้าราชบุตรดำผุดดำว่ายแล้วโผล่เข้ามาใกล้สีออน โอบกอดไว้ ใบหน้าใกล้ชิดกัน
เจ้าราชบุตรมองสีออนอย่างสนิทเสน่หา แล้วยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตอย่างรักใคร่
ฝันนี้ทำให้สะออนลืมตาโพลง สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน เผลอเอามือลูบริมฝีปากตัวเอง
“อ้ายโซ่ทอง...นี่ ข้อยฝันอีหยังกันนี่”
สะออนผุดลุกขึ้นนั่ง ด้วยสีหน้าประหลาดใจกับความฝัน พลันได้ยินเสียงแคนของโซ่ทองแว่วหวานมากับลม
สะออนลุกเดินไปที่หน้าต่าง เหม่อมองออกไปแล้วทบทวนภาพฝัน ภาพหวานในบึงน้ำเมื่อตอนบ่ายแว่บเข้ามาในห้วงคิด
“หรือสิเป็นย่อนเรื่องมื่อแลงนี่แน่ๆ”
สะออนรำพึงรำพัน รู้สึกวูบวาบตามเนื้อตัวขึ้นมาอีก จนเผลอเอามือลูบแขนตัวเอง
รุ่งเช้าโซ่ทองขึ้นมาบนห้องยา เรือนแพทย์ เห็นสะออนกำลังจัดเรียงยาใส่ห่อสำหรับไปวังอินทนิล
“มื่อนี่คือตื่นไวแท้ สะออน”
สะออนสะดุ้งตกใจราวกับเห็นผี รีบก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาโซ่ทอง เพราะเขินจากฝันเมื่อคืนอยู่
โซ่ทองยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ช่วยเรียงยาใส่ห่อ
“กินข้าวแล้วหรือยัง ถึงได้ขึ้นมาแต่เซ้า”
สะออนไม่ตอบ ขยับตัวหันหน้าหนี แล้วพยายามทำโน่นนี่
“เป็นหยังไปหว่า ถามหยังก็บ่อปากบ่อเว้า บ่อได้เอาปากมาติ หรือว่าบ่อได้ดูแข่ว ไสยิงแข่งบ่อ”
โซ่ทองยื่นหน้าเข้ามาตรงหน้าสะออน ทำท่าหยอกเย้า สะออนยิ่งเขินหนัก เอ็ดอึงแก้เขิน
“อ้ายอย่ามาวนเวียนข้อย”
“เคียดอีหยังอ้ายล่ะนิ่ เป็นหยังเจ้าต้องฮ้ายอ้ายเสียงดัง หรือว่า เจ้าเคียดที่อ้ายเฮ็ดให้เจ้าเล่นซ่อนหาแพ้ มื่อวานนี่”
สะออนถูกตอกย้ำเรื่องเมื่อวานก็ยิ่งร้อนตัว โวยวายหนักขึ้น
“อย่าเว้าเรื่องนี่อีกได้บ่อ อ้ายโซ่ทอง ข้อยบ่ออยากฟัง”
โซ่ทองถามพาซื่อ “อ้าว เป็นหยังล่ะ”
สะออนลุกพรวดขึ้น ตีหน้ายักษ์ใส่ พ่อแพทย์เดินออกมาจากในห้อง เห็นโซ่ทองพอดี
“บักโซ่ทอง เดี๋ยวมึงไปเอิ้นหมอแคนกับหมอแถนผีฟ้ามาให้พ่อแหน่ มื่อนี่ต้องเข้าวัง”
“เดี๋ยวข้อยไปเอิ้นให้เองจ้ะยาพ่อ”
สะออนมองค้อนโซ่ทอง แล้วเดินกระแทกเท้าออกไป โซ่ทองยังงงๆ ไม่รู้ว่าทำไมสะออนถึงโกรธเบอร์นี้
ที่เรือนครัว คนงานเข้ามาตักกับข้าวที่สะอาดทำเตรียมไว้ให้ แล้วไปล้อมวงกินกัน
ศรีธารานั่งอยู่กลางวง เห็นสำรับเป็นอาหารพื้นบ้านอีสานแท้ๆ ทั้งลาบเลือดสดๆ ก็ไม่กล้ากิน ไม่รู้อะไรเป็นอะไร เลยตัดใจไม่กิน ปั้นข้าวเหนียวเปล่าๆ กับกล้วยน้ำว้าสุก มานั่งกินอยู่มุมหนึ่ง สะอาดกับเพ็งเดินผ่านมาเห็นจึงถามด้วยความเอ็นดู
“อาหารไม่แซบหรือ ท้าวแก้ว ถึงได้มานั่งกินข้าวกับกล้วย”
“เอ่อ ผมไม่กล้ากินครับ มีแต่เลือดสดๆคาวๆเต็มจาน ต้มแกงก็เหมือนจะเผ็ด ประเดี๋ยวกินแล้ว ปากจะพองเอา”
“มาจากเมืองไหนกันถึงกินคาวกินเผ็ดไม่ได้ คนที่สยามเขากินจืดๆ จางๆ กันหรือ” เพ็งมองจ้อง
ศรีธารายิ้มเจื่อนๆ แต่ไม่ยอมขยายความต่อ สะอาดมองเอ็นดูแล้วคิด
“แล้วปลาปิ้ง พอจะกินได้มั้ย ท้าวแก้ว ข้อยจะไปทำมาให้” สะอาดถาม
“เป็นความกรุณาเหลือเกิน แต่...” ศรีธาราเกรงใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณสะอาด ผมกินข้าวกับกล้วยก็ได้”
ศรีธารากัดกินปั้นข้าวเหนียวกับกล้วยโชว์ สะอาดส่ายหน้า
“ข้าวกับกล้วย เจ้าจะกินได้สักกี่คำกันเชียว เดี๋ยวก็ไม่มีเรี่ยวมีแรงทำงาน คนงานเฮือนนี้ พ่อแพทย์กับยาแม่เพิ่นเลี้ยงไม่ให้อดๆอยากๆดอก ทุกคนต้องได้กินอิ่ม เจ้ารอก่อนนะ เดี๋ยวข้อยจะไปปิ้งปลามาให้”
สะอาดจะไป แต่เพ็งห้ามไว้
“แม่สะอาดบ่อต้องเฮ็ดดอกจ้ะ เดี๋ยวข้าน้อยไปเฮ็ดให้มันกินเอง ขึ้นไปอาบน้ำแต่งโตสา พ่อแพทย์กับยาแม่เพิ่นสิรอ”
“ข้อยฝากเบิ่งแยงดูแลท้าวแก้วแหน่เด๊อ เพ็ง”
สะอาดยิ้มให้ศรีธารา แล้วเดินกลับเรือนใหญ่ไป ศรีธารามองตาม ด้วยสายตาชื่นชมความมีน้ำใจ
“คุณสะอาดเธอจิตใจดีจังเลยนะ เอื้อยเพ็ง”
“เออ เจ้านายเฮือนนี้ใจดีกันเหมิดทุกคนล่ะ มีผ่าเหล่าผ่ากออยู่ผู้เดียว...”
เพ็งเบ้ปาก ไม่อยากเอ่ยถึงสอาง รีบผลุบเข้าไปในครัว ศรีธารางงว่าพูดถึงใคร
อีกฟาก สอางลืมตาขึ้นเพราะแสงแดดแยงเข้ามาทางหน้าต่าง พอนึกได้ก็เหลือบมองไปด้านข้าง เห็นเชือกที่ผูกแขนขาตัวเองไว้กับกำจรยังติดอยู่ แต่กำจรหายตัวไปแล้ว
เสากับสีแหล่เปิดประตูเข้ามา เอาสำรับอาหารเช้าสวยงามเข้ามาด้วย
“แม่สอางตื่นพอดีเลย ตูข้อยเตรียมพาข้าวเซ้าเสร็จแล้วจ้ะ”
มีเสียงสำรับกระจายดังเพล้ง ที่ชานเรือน เสา กับสีแหล่วี้ดว้ายวิ่งหนีสอางไล่ตามถีบ
“อีได๋สาระแนแก้เซือกให้บักห่าสารวัตรหนีออกไป”
เสา สีแหล่ส่ายหน้าดิก สอางยิ่งโกรธ
“มึงบอกกูมา ถ้าบ่อบอก กูสิฟาดให้หัวแตกทั้งคู่เลย”
สอางหันไปคว้าไม้กวาดไล่ตี สองบ่าวหลบวุ่นวายไปมา ร้องวี๊ดว้าย จนเห็นนางงอขึ้นเรือนมา
“ข้อยเอง”
“มึงมาแส่อีหยังอีงอ ธุระเวียกงานอีหยังที่มึงสิต้องมายุ่งยากเรื่องผัวเมียเขา” สอางพาลใส่
“อีสองโตนี่มันไปเอิ้นข้อยแต่เซ้ามืด ข้อยฮู้เรื่องเหมิดแล้ว”
สอางชะงัก นางงอรีบเข้ามาปลดไม้กวาดออกจากมือ พยายามกล่อม
“ใจเย็นไว้ก่อนเถาะ สอาง ให้สารวัตรไปเฮ็ดงาน ถ้าล่ามกันไว้เหมิดมื่อเหมิดเว็นคนที่สถานีมาเอิ้น บาดทีนี่ ไทบ้านไทเมืองสิได้ฮู้เรื่องกันเหมิด”
“แล้วถ้าบักสารวัตรมันหนีไปหาอีแม่ญิงเมืองสยามนั่น มึงสิว่าจั่งได๋”
“รอเบิ่งท่าทีเสียก่อน ถ้าตกแลงแล้ว เพิ่นยังบ่อเมือคืนมา ข้อยสิพาเจ้าไปอาละวาดเอง”
นางงอประคองให้สอางนั่งลงสงบสติอารมณ์ แต่สอางยังหงุดหงิด คิดระแวงไปหมด
ด้านไฉไลมานั่งเฝ้ากำจรทำงานอยู่ภายในห้องสารวัตร ตำรวจลูกน้องในโรงพักเหล่มองแล้วมากระซิบกระซาบกับคำแสง
“ตกลงท่านสารวัตรเพิ่นมีสองเมียหรือวะ ดาบคำแสง”
“กูก็เพิ่งฮู้คือกัน แต่มึงเงียบๆ ไว้ อย่าได้ไปถามแท้ๆ ว่าอีได๋หลวงอีได๋น้อย แม่กูว่า มื่อคืนนี่ ด่ากันจนเฮือนสิแตกเปิดเปิง วิวาทยาดแย่งกันเป็นเมียหลวง ฮ้ายแฮงปานนี่ กูว่า ต้องมีไผคนนึงตายล่ะวะ” คำแสงว่า
“สารวัตรน้อสารวัตร ได้เมียแต่ละคนดีๆทั้งนั้น”
ตำรวจลูกน้องมองเข้าไปในห้องกำจร ซุบซิบกันสนุกปาก
ภายในห้อง กำจรพยายามข่มใจทำงาน แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไฉไลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจ สุดท้ายกำจรทนอึดอัดไม่ไหว “คุณมานั่งเฝ้าผมอยู่อย่างนี้ ไม่เบื่อหรือไง ไฉไล”
“แล้วคุณจะให้ฉันไปไหนล่ะ บ้านเมืองก็เล็กแค่นี้ เดินไม่กี่สิบก้าวก็จะตกคูเมืองแล้ว ทุรกันดารก็ที่สุด”
“ให้ประทินมันขับรถพาไปเที่ยวชมรอบนอกสิ จะได้ไปดูวัดวา น้ำตก ภูเขาก็มี”
“ไม่ ฉันจะนั่งอยู่แบบนี้ จะ นั่ง อยู่ ตรง นี้ ใครจะทำไม” ไฉไลเน้นคำมองท้าทาย
“แต่มันผิดวินัย คนนอกจะมาวุ่นวายที่นี่โดยไม่มีกิจธุระไม่ได้ ถ้าผู้ใหญ่มาเห็น ผมจะโดนว่าเอา”
“ก็ดี ให้เขาไล่คุณออกไวๆ จะได้กลับพระนครกับฉัน”
ไฉไลยิ้มเย้ยข่มผัวดวงตาแฝงเร้นความเจ็บแค้น และสะใจในการกระทำของตัวเอง หันไปก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ กำจรถอนใจที่บังคับเมียไม่ได้
ที่วังอินทนิล พิธีรำถวายผีฟ้าถูกจัดขึ้นที่สนามหน้าวัง แม่เจ้าปทุมรัตน์นอนเอนอยู่บนแท่นประทับยาว คนอื่นๆ นั่งไล่เรียงกันไปรอบๆ
เสียงหมอแถนร้องลำผีฟ้า ร่ายรำไปตามจังหวะที่หมอแคนเป่าคลอ พ่อเจ้าดูตื่นตากับการนำพิธีกรรมเก่าๆพื้นบ้านมาใช้ ในขณะที่แม่เจ้าคุ้นชินเพราะบิดาเคยให้ทำพิธีกรรมนี้ในวังเมื่อนานมาแล้ว จะหวะหนึ่งแม่เจ้ายิ้มพอใจออกมาเมื่อเหลือบมองไปยังสะอาดที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่มุมหนึ่ง และพบว่าสาวสวยใส่สร้อยข้อมือที่ให้ไป
แม่เจ้าลอบมองสายตาพ่อเจ้าเป็นระยะๆ แล้วยิ้มพอใจ ดูออกว่าภายใต้ความสุขุมนุ่มลึก แต่จริงๆ สามีมักหวั่นไหวไปกับผู้หญิงสวยน่ารักอ่อนหวานง่ายๆ
ภายในห้องบรรทมแม่เปทุมรัตน์หลังเสร็จพิธี สะอาดกับพ่อแพทย์อยู่ในนั้น พ่อแพทย์ย้อนถามสีหน้าตื่น
“แม่เจ้าอยากให้สะอาดอยู่ที่นี่หรือ”
“ไม่มีใครปรนนิบัติดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวฉันได้ถูกใจเท่าสะอาดอีกแล้วล่ะ พ่อแพทย์ ฉันเองก็เอ็นดูแกมาก เลยอยากจะขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนสักหน่อย”
พ่อแพทย์เหลือบมองสะอาดที่ยังมีสีหน้าช็อก พลางหันไปทางพ่อเจ้าเหมือนถามความเห็น
“ในเมื่อเมียข้อยต้องการแบบนั่น ข้อยก็ยินดีที่สิฮับต้อนลูกสาวของท่าน” พ่อเจ้าบอกพลางเหลือบมองสะอาดด้วยแววตาลึกซึ้ง “ข้อยรับรองได้ว่า สะอาดสิได้อยู่ดีกินดี ในวังของข้อย”
สะอาดเงยหน้าขึ้นสบสายตาพ่อเจ้า รู้สึกสะท้านทั้งตัวจนต้องก้มหน้างุด พ่อแพทย์ไม่ได้สังเกต
“เรื่องนั่น ข้าน้อยบ่อได้กังวลดอกพ่อเจ้า เพียงแต่ลูกสาวข้าน้อยโตมาแบบชาวบ้าน บ่อเคยหัดมารยาทแบบผู้ดี ข้าน้อยเกรงว่าสิบ่อเหมาะบ่องาม”
“ฉันว่าพ่อแพทย์กับยาแม่คำอ่อนเลี้ยงลูกมาดีแล้ว สะอาดนี่ล่ะคือผู้ดีโดยแท้ ฉันปรึกษากับพ่อเจ้าแล้วว่าอยากได้คนรู้จิตรู้ใจมาอยู่ใกล้ชิด อย่างน้อยก็ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตฉัน และสะอาด คือคนที่เหมาะสมที่สุด”
พร้อมกับว่าแม่เจ้าทอดสายตาไปยังสะอาดที่ก้มหน้างุดอย่างเอ็นดู
“ว่ายังไงสะอาด พอจะช่วยให้คนใกล้ตายอย่างฉันมีความสุขในบั้นปลายได้ไหมจ๊ะ”
สะอาดช้อนสายตาขึ้นมองแม่เจ้าอย่างเกรงใจ และดูออกว่าลำบากใจสุดจะประมาณ
กลับถึงเรือนพุทไธเทพคืนนั้น ยาแม่ฟังเรื่องราวจบแล้ว จ้องหน้าสะอาดมองลุ้นรอฟังคำตอบใจจดจ่อ
“แล้วเจ้าตอบไปว่าจั่งได๋ล่ะสะอาด”
พ่อแพทย์อยู่ด้วยกัน เห็นอาการยาแม่ที่ร่าออกนอกหน้าแล้วนึกหมั่นไส้นิดๆ
สะอาดบอกเสียงอ่อยๆ “ข้าน้อยบ่ออยากไปจ้ะยาแม่ แต่ก็บ่ฮู้สิปฏิเสธจั่งได๋ แม่เจ้าเพิ่นดีกับข้าน้อยหลาย ถ้าสิขัดขีนน้ำใจเพิ่น ข้าน้อยก็ย่านเพิ่นสิป่วยกายป่วยใจหนักลงไป ก็เลยต้องรับปากจ้ะ”
“ดีแล้วล่ะลูก”
“แต่พ่อบ่ออยากให้ไป” พ่อแพทย์เสียงเข้ม
ยาแม่หันไปค้อนพ่อแพทย์แบบรู้ทัน นึกสนุกแกล้งเยาะผัวเล่น
“อ้าว พ่อแพทย์ ไสว่าเจ้าอยากปิ้นปัวรักษาแม่เจ้าให้สุดควมพยายามแล้วเป็นหยังสิขัดสิขีน บ่อให้ลูกไปปรนนิบัติเพิ่น”
พ่อแพทย์ฮึดฮัดเถียงไม่ออก สะออนนิ่งฟังอยู่นาน บ่นขึ้นบ้าง
“ยาเอื้อยทั้งสองพากันหนีไปเหมิด บาดนี่ ก็สิเหลือแต่ข้าน้อยอยู่เฮือนผู้เดียว”
“อยู่ผู้เดียวจั่งได๋ สะออน พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ เจ้าอย่าเพิ่งไปฮักไผซอบไผก็แล้วกัน” ยาแม่เหล่มองลูกสาวคนเล็ก “เอ...หรือว่าแอบมีผู้บ่าวแล้ว แต่บ่อยอมบอกแม่”
สะออนร้อนตัว หน้าแดงก่ำ โวยวายกลบเกลื่อน
“โอ๊ย ข้าน้อยบ่อมีดอก เรื่องฮักๆใคร่ๆน่ะบ่อเห็นสิอยากมีเลย มีฮักก็มีทุกข์ ฮักหลายก็ทุกข์หลาย” สะออนพลั้งปากเชิงล้อพี่สาว “แม่นบ่อ ยาเอื้อย”
สะอาดมีสีหน้าขรึมลงทันที สะออนเห็นสายตาพ่อแม่เจื่อนลงก็รู้ตัว ยกมือไหว้ปลกๆ
“ยาเอื้อย... ข้าน้อยขอสมมา ข้าน้อยบ่อได้ตั้งใจ”
สะอาดเงยหน้ายิ้มเศร้าๆ ให้น้องสาว
“บ่อเป็นหยังดอก น้องหล่า เจ้าอย่าไปซิงซังควมฮักเลย ควมฮักที่เสริมส่งให้ซีวิตเฮามีควมสุขมันก็ยังมี เซ่นควมรักของยาพ่อกับยาแม่ แต่เอื้อยมันโซคร้ายเอง”
สะอาดพยายามฝืนยิ้ม ทำหน้าเบิกบาน แต่ไม่ว่ายังไงสะออนมีสีหน้าเจื่อนไปเพราะรู้สึกผิด
ทางฝั่งสอางนั่งปั้นปึ่งอยู่บนเตียง กำจรเข้ามากอด หอมแก้ม ลูบไล้เอาใจ สอางบ่ายเบี่ยงพอเป็นพิธี
“ข้อยคึดว่าท่านสิบ่อเมือเฮือนซะแล้ว”
“จะให้ผมไปไหนล่ะ ก็เมียผมอยู่ที่นี่ทั้งคน”
กำจรจะหอมอีก แต่สอางลุกหนีอย่างหมั่นไส้
“บ่อต้องมาปากหวาน คึดว่าข้าน้อยสิลืมเรื่องมื่อวานง่ายๆ ซั่นบ่อ”
“ก็มันไม่มีอะไรให้จดจำแล้วนี่สอาง ไฉไล ผมก็ไล่เขากลับพระนครไปแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีก”
สอางไม่เชื่อ “เป็นหยังอีนั่นมันถึงโง่ ยอมท่านง่ายๆ”
“ผู้หญิงหิวเงิน ก็ต้องตบด้วยเงิน ผมตกลงจะให้เงินค่าเลี้ยงดูเขากับลูกก้อนนึง แลกกับอิสระ เพราะผมอยากอยู่กินกับคุณ”
กำจรโกหกหน้าตาย แนบเนียนจนสอางหลงเชื่อ
“คุณเลิกพูดถึงเขาให้จิตใจขุ่นมัวเถอะครับ ต่อไปนี้จะมีแค่เราสองคนเท่านั้น”
กำจรโอบประคองสอาง กลับมาที่เตียงเหมือนเดิม ท่าทางสอางอ่อนลงมาก
สองคนมีบุญกรรมร่วมกันมาตั้งแต่อดีตกาล สมัยเวียงคำนาคแล้ว
โดยที่โรงทอไหม หูกคำอ่านพระราชสาสน์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น แล้วหันไปคุยกับแม่ไอ่
“นี่มันเรื่องจริงหรือแม่ไอ่ที่ พระเจ้าแผ่นดินล้านซ้าง ส่งพระราชสาสน์สิแต่งขันขอให้ข้อยอภิเษกสมพงศ์กับสาธุบาทเจ้ารามังกูร ยกขึ้นเป็นมหาเทวีแห่งเมืองสี่พันดอน”
“แม่นความจริงแล้วเพคะ อัญญาหลวงทรงมีรับสั่งให้อัญญานางเตรียมโตเดินทางไปกราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระเจ้าล้านซ้างที่นครเวียงจันทน์ แล้วค่อยคืนมาเข้าพิธีอภิเษกสมพงศ์กับสาธุบาทเจ้า”
หูกคำดีใจเหลือแสน หยิบซิ่นลายหงส์ออกมาลูบไล้มีความสุข แม่ไอ่ยิ้มดีใจไปด้วย
“บาดนี่ อัญญานางก็สิได้นุ่งครองผ้าซิ่นลายหงส์ของโตเองจักเทือ”
“ในที่สุด ข้อยก็สิได้หลุดพ้นไปจากขุมนรกแห่งนี่ สมดังคำอธิษฐานที่ข้อยขอกับผ้าซิ่นลายหงส์ของข้อย พญาหงส์สวาหะทรงเมตตาข้อยแล้ว แม่ไอ่”
หูกคำกับแม่ไอ่ปลาบปลื้มมีความสุข โดยไม่รู้ว่ามุมหนึ่งของโรงทอ คำจันแอบมองอยู่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย อักหักยับเยิน ยิ่งเห็นสีหน้าหูกคำที่ยินดีกับการจะได้แต่งดองออกจากเวียงคำนาค ก็ยิ่งช้ำใจ หันหลังกลับออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น ทหารองครักษ์สองคนช่วยกันลากตัวคำจันในสภาพเนื้อตัวมอมแมม เมามายแทบทรงตัวไม่อยู่ เข้ามาในคุ้ม ให้คุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าราชบุตรโซ่ทอง ซึ่งมองทหารคนสนิทอย่างโกรธจัด
“ผีฟ้า ทางได๋มาเข้าสิงมึง มึงถึงได้ปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี่ ฮึ บักคำจัน จากท้าวเพียองครักษ์ฝีมือดีของกู กลายเป็นลูกอีขี้เหล้าเมายา”
คำจันไม่ตอบ ก้มหน้านิ่ง พยายามทรุดลงจะก้มกราบ แต่เพราะเมามากจึงโงนเงนไปมา ดูน่าทุเรศ
“หรือเพราะมึงฮู้ว่าอีหูกคำมันสิได้อภิเษกกับสาธุบาทเจ้า มึงเลยตรอมใจกินเหล้าเมาปานหมา บ่ออยากเป็นผู้เป็นคน”
สีหน้าคำจันเปลี่ยนไปนิดๆ เหมือนโดนจี้ใจดำ แต่ไม่ยอมรับ ก้มลงกราบตัวสั่นๆ พูดตะกุกตะกักเพราะฤทธิ์สุราเมรัย
“พระอาญาบ่อพ้นเกล้า ข้าน้อย...ข้าน้อยขอสมมาอัญญาเจ้าราชซะบุตร พระเจ้าข้า”
คำจันพูดจบ ก็อาเจียนออกมาเพราะกลั้นไม่ไหว เจ้าราชบุตรทำหน้ารังเกียจ มองสมเพช
“กูสมเพชคนบ่อฮักดี ในเมื่อมึงอยากเป็นหมาหลายกว่าคน กูก็สิบ่อเลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าว” ราชบุตรหันไปทางทหาร “สูเอาบักคำจันไปถอดยศ ริบทรัพย์สินไล่มันไปดำไฮ่ไถนาเป็นไพร่ราบที่กลางทุ่ง”
องครักษ์รับคำแล้วหิ้วปีกคำจันออกไป คำจันนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ แววตาเจ็บช้ำ เพราะความหวังพังทลาย
จนไม่สนใจอะไรในชีวิตอีกแล้ว
คืนนั้นสอางนอนหลับฝันอยู่บนเตียง สักครู่หนึ่งก็พลิกตัวก่ายมือไปกอดกำจร แต่พบความว่างเปล่า จึงลืมตาขึ้นมอง เห็นที่นอนฝั่งกำจรไม่มีคนนอนอยู่ สอางตื่นทันที
“ท่านสารวัตร...”
สอางลุกขึ้นนั่งมองหาผัว แล้วเอะใจ ตรงไปที่หน้าต่าง ชะโงกหน้าลงไปด้านล่าง พอไม่เห็นรถกำจรจอดอยู่ก็นิ่งขึง แววตาเจ็บช้ำเคืองขุ่น
เช้าวันนี้ พ่อเจ้า เดินนำพาสะอาด พ่อแพทย์ ยาแม่ ไปดูห้องพักของสะอาดในวังอินทนิลที่จัดเตรียมไว้ให้ มีสาวใช้ถือกระเป๋าเดินตาม
“ข้อยจัดให้เจ้าอยู่ที่ห้องนี่ บ่อไกลจากห้องบรรทมของแม่บัว ลองเบิ่งก่อนว่าพอใจหรือบ่อ หรือเจ้าอยากสิเปลี่ยนห้องก็บอกข้อยได้”
พ่อแพทย์ ยาแม่ สะอาดเดินเข้ามาในห้อง พ่อเจ้าพูดต่อ
“ขาดเหลือสิ่งใด๋ก็บอกข้าหลวงในวังได้ตามสะดวก บ่อต้องเกรงใจ”
“แค่ส่ำนี่ก็สะดวกสำบายหลายแล้วเจ้าค่ะพ่อเจ้า อันที่จริง ให้ข้าน้อยปูเสื่อนอนหน้าห้องบรรทมแม่เจ้าก็ได้ เพิ่นสิได้เอิ้นหาได้ง่ายๆ”
สะอาดพูดอย่างเกรงใจ พ่อเจ้ายิ้มเอ็นดู
“บ่อต้องถึงขนาดนั้นดอก ข้อยอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่สุขกายสำบายใจคืออยู่บ้านของเจ้าเอง ถ้าพ่อแพทย์และยาแม่คำอ่อนสิมาพัก ข้อยก็สิจัดห้องหับไว้ให้ด้วยควมยินดี” พ่อเจ้าบอก
“เป็นพระคุณหลายเจ้าค่ะ”
สะอาดวางทางสงบเสงี่ยม โดยมีสายตาพ่อเจ้ามองด้วยความเอ็นดู
โซ่ทองกับสะออนมาดูอาการคนป่วย เวลานี้อยู่กับคนไข้ที่เรือนหลังหนึ่ง สะออนนั่งจัดยาใส่ห่อ เพื่อทิ้งไว้ให้คนไข้กินเอง ส่วนโซ่ทองบดยาสมุนไพรใส่ถ้วย แล้วชงกับน้ำให้คนไข้ดื่ม แต่คนไข้ไม่ยอมรับ มองระแวง
“เป็นหยังพ่อแพทย์จึงบ่อมารักษาข้อยด้วยโตเพิ่นเอง”
“พ่อแพทย์เพิ่นมีกิจต้องไปปิ้นปัวรักษาอาการประซวรของแม่เจ้าปทุมรัตน์ที่วังอินทนิล ก็เลยให้ข้อยกับสะออนมาเบิ่งแยงดูแลไทบ้านแทนเพิ่นก่อน” โซ่ทองบอก
“ข้อยสิแน่ใจได้จั่งได๋ ว่ากินยาของเจ้าแล้วสิหายสิเซา” คนไข้ว่า
โซ่ทองอึ้งไป ตอบไม่ถูก ลูกขยับเข้ามาประคองแม่
“แม่นควมที่อีแม่ว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วอาการแย่ลงตื่มเก่า มึงสิฮับผิดซอบจั่งได๋ บักโซ่ทอง กูบ่อให้แม่กูกินดอก”
พร้อมกับว่าลูกคนไข้ปัดยาทิ้งกระจาย โซ่ทองเสียใจ สะออนมองดูตกใจรีบอธิบาย
“ยานี่บ่อได้มาจากอ้ายโซ่ทองนะอ้าย แต่มาจากตำราของพ่อแพทย์พุทไธ ที่ปิ้นปัวรักษาคนเจ็บให้หายมาหลวงหลายแล้ว ถ้าอ้ายบ่อเซื่อถืออ้ายโซ่ทอง ก็จงเซื่อถือตำราเพิ่น พ่อแพทย์บ่อให้ลูกศิษย์มาเฮ็ดมักง่ายให้เสื่อมเสียซื่อเสียงเพิ่นดอก”
คนไข้กับลูกยังดื้อดึงส่ายหน้า สะออนหันไปหยิบยาห่อข้างที่นอนที่เป็นใบไม้แห้งๆ ปะปนอยู่กับเปลือกไม้
“หรืออยากให้แม่กินยาผีบอกของพ่อครูสมิงพันดงให้ปวดท้องทรมานตื่มเก่า”
“จั่งได๋ ข้อยก็ต้องให้พ่อแพทย์พุทไธมารับรอง”
“ข้อยเป็นลูก สิรับรองแทนยาพ่อบ่อได้เลยหรืออ้าย หรือสิต้องให้ข้อยกินให้เบิ่ง ถึงสิเชื่อว่ามันบ่อแม่นยาพิษ”
โซ่ทองเห็นสองแม่ลูกยังนิ่งเฉย สีหน้าลังเล ก็ถอนใจ ตัดบทขึ้น
“เอาล่ะ ถ้ายังบ่อเซื่อใจกัน ข้อยก็สิทิ้งยาไว้ให้ ถ้ามื่อได๋มั่นใจ ก็ค่อยต้มกิน แต่ข้อยขอให้หยุดยาของพ่อครูสมิงพันดงสา ยาพวกนี่บ่อได้รักษาโรคดอก มีแต่สิเลี้ยงไข้ให้เจ้าต้องไปพึ่งพายาถอนของเพิ่น เสียเงินเปล่าๆ”
สองแม่ลูกมีท่าทางคลายใจลง ยอมรับยาจากโซ่ทอง
สะออนกับโซ่ทองลงบันไดเรือนมาด้วยกัน ท่าทางเซ็งๆ โซ่ทองเหลือบมองสะออน
“ขอบใจเจ้าหลายนะ สะออน ที่พยายามปกป้องอ้าย”
“บ่อเป็นหยังดอก อ้ายก็อย่าท้อใจ คงบ่อง่ายดอกที่ไทบ้านเพิ่นสิเปิดใจยอมฮับหมอหน้าใหม่อย่างอ้ายเท่ากับที่ยอมฮับยาพ่อ”
โซ่ทองอมยิ้ม “ให้กำลังใจอ้ายหลายปานนี่ แสดงว่า เจ้าเซาเคียดอ้ายแล้วแม่นบ่อ”
สะออนเพิ่งนึกได้ว่ายังเคืองโซ่ทองอยู่ เลยทำเป็นปั้นปึ่งใส่
“ข้อยบ่อได้เคียดได้อีหยังเลยนิ”
“แล้วมื่อวาน ที่ตีหน้ายักษ์หน้ามาร ฮ้ายด่าอ้าย เจ้าเป็นอีหยัง”
“บ่อได้เป็นอีหยังจักหน่อย”
สะออนบ่ายเบี่ยงไม่อยากพูดถึง ไม่สบสายตา จะเดินหนีไป แต่โซ่ทองดึงไว้
“บ่อเซื่อดอก ต้องมีอีหยังในใจแน่ๆ เจ้าแปลกๆไป ตั้งแต่มื่อนั่น” โซ่ทองบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าอ้ายเฮ็ดหยังให้เจ้าเคียดเจ้าขม ก็บอกมา อ้ายสิได้ขอสมมาเจ้า”
สะออนนึกถึงวันนั้น บอกกับสิ่งที่ตัวเองฝันก็ยิ่งเขิน ไม่อยากพูดถึงอีก
“ก็ข้อยบอกว่าบ่อมี บ่อมีก็คือบ่อมี”
สะออนสะบัดแขนแรง เพราะยิ่งใกล้ชิดโซ่ทองก็ยิ่งเขิน พอหลุดมือก็เสียหลักจะตกบันได
โซ่ทองเอื้อมแขนไปคว้าไว้ได้ทัน กลายเป็นต้องเข้ามากอดแนบตัวกันแน่น แล้วประคองสะออนลงบันได
“เกือบไปแล้วเห็นบ่อ เจ้านี่ มักเฮ็ดอีหยังใจฮ้อน”
สะออนหน้าร้อนผ่าวเมื่อใกล้ชิดโซ่ทอง พอถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็รีบผละออก
“พอแล้ว ข้อยมีขา ข้อยไปเองได้”
สะออนทำปึงปังใส่แล้วเดินจ้ำอ้าวหนีไป โซ่ทองมองตามส่ายหน้า คิดว่าสะออนกระเง้ากระงอดตามประสาเด็ก ไม่รู้ตัวว่าเป็นตัวการทำให้สะออนเขินเพียงใด
บ่ายวันนั้น สะอาดเดินออกมาส่งพ่อกับแม่ที่หน้าตำหนักวังอินทนิล ด้วยสีหน้าท่าทางซึมๆ ที่ต้องจากกัน
“แม่ไปก่อนเด้อ สะอาด ปรนนิบัติเบิ่งแยงแม่เจ้าให้ดีๆ อย่าให้เพิ่นว่าได้ ว่าพอมาอยู่วังก็เหลิงลอยจนลืมหน้าที่โตเอง”
“จ้ะ ยาแม่”
“แล้วมื่ออื่น พ่อสิมาหาใหม่ ไปปรนนิบัติแม่เจ้าสาลูก”
สะอาดรับเอาคำ แล้วเดินเข้าตำหนักไป พ่อแพทย์มองตาม ถอนใจอาลัยนิดๆ
“ขึ้นรถกันเถาะพ่อแพทย์ ข้อยอยากซวนเจ้าไปหาสอางมันจักหน่อย”
“วันก่อนก็เพิ่งไปหาลูกมา บ่อแม่นหรือ แม่คำอ่อนมีธุระหยังกับลูกอีกล่ะ”
ยาแม่นึกถึงซิ่นลายหงส์ สีหน้าขึงขังขึ้นมาทันที
“ธุระสำคัญเลยล่ะ ลูกเฮามันหัวหมอ บ่อยอมคืนซิ่นลายหงส์ให้ข้อยจักเทือ ข้อยอยากฮู้ว่า ถ้าพ่อแพทย์ได้ออกปากขอคืนเอง มันสิคืนให้บ่อ”
ยาแม่พูดแกมบังคับให้ผัวไปเจรจาแทน พ่อแพทย์ถอนใจ เพราะไม่ได้คิดอะไรนอกจากเห็นเป็นปัญหาของผู้หญิง
คำสีนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าสอาง สีหน้าไม่เต็มใจที่ต้องขึ้นมาหาถามน้ำเสียงห้วน
“คุณนายมีธุระอีหยังกับข้อย บ่าวไพร่ก็มีเต็มเฮือน ยังบ่อพอเวียกงานอีกหรือ”
“เอ๊ะ อีคำสี มึงคึดว่ากูออนซอน อยากเห็นหนังหน้าเหี่ยวๆของมึงซั่นบ่อ ที่เอิ้นขึ้นมา ก็ย่อนว่ากูมีเรื่องสิถาม” สอางฉุนจ้องหน้าคาดคั้นถาม “อีแม่ญิงเมืองสยามนั่นมันอยู่ไส”
“ไผ” คำสีแกล้งตีมึนใส่ “อ๋อ เมียท่านสารวัตรนั่นบ่อ”
สอางเดือดดาล แค้นใจแต่ให้นางงอด่าแทน
“มึงอย่ามาตีหน้าซื่อ บอกแม่สอางไป ว่าท่านสารวัตรเอาอีนั่นไปซ่อนไว้ไส กูฮู้หนา ว่ามันยังบ่อทันได้กลับพระนคร”
“ถ้ามึงฮู้ดีหลาย ก็ไปสืบหาเอาเองสิอีงอ”
สอางผุดลุดขึ้น เดินตรงมายืนจังก้าชี้หน้าคำสี
“ลูกมึงเฮ็ดเวียกเฮ็ดงานใกล้ซิดกับผัวกู จั่งได๋มึงก็ต้องฮู้ ถ้ามึงบ่อบอก กูสิเอามีดแดกปากมึง ปาดลิ้นให้ขาด บ่อต้องได้เว้าหยังอีก”
คำสีตกใจกลัว ถดหนี แต่ไม่ยอมพูด สอางตรงเข้าบีบปากทันที
“ปากแข็งแม่นบ่อ อีเสา อีสีแหล่ จับมันไว้”
เสากับสีแหล่ตรงเข้าจับคำสี คำสีตกใจแต่ร้องไม่ออกเพราะโดนบีบให้อ้าปากอยู่ ได้แต่ดิ้นๆ นางงอหันไปฉวย มีดผลไม้มายื่นให้สอางด้วยความสะใจ สอางเอามาเงื้อขู่
“มึงสิบอกกูบ่อ ว่าตอนนี่ อีนั่นมันอยู่ไส”
คำสีส่งเสียงอู้อี้กลัวจับใจ แต่ดิ้นไม่หลุด สอางเอาจริงจนน่ากลัว กระทั่งมีเสียงไฉไลดังขึ้นเสียก่อน
“ฉันอยู่นี่”
สอางหันขวับไปมอง เห็นไฉไลเดินขึ้นเรือนมาท่าทางพร้อมรบเต็มที่
ฝ่ายกำจรนั่งทำงานอยู่ยังไม่รู้ตัวว่าเมียกำลังจะฆ่ากันตาย จนได้ยินเสียงเคาะประตูก็หันไปมอง เห็นประทินหน้าตาตื่นยืนอยู่
“มีอะไรหรือประทิน แล้วไฉไลล่ะ”
ประทินอึกอัก “อยู่ที่บ้านครับคุณหลวง”
กำจรงง “บ้านใคร”
“ก็บ้านคุณหลวงนั่นแหละครับ คุณไฉไลเธอบอกว่าจะไปไล่คุณผู้หญิงคนนั้น”
กำจรตกใจแทบช็อก
ไฉไลเดินฉับๆ เข้ามาในห้องนอน สอางกับคนอื่นๆ ตามเข้ามาเป็นพรวน บรรยากาศมาคุพร้อมระเบิดทุกขณะจิต
ไฉไลปรายตามองคำสีเป็นเชิงรู้กันแล้ว “แม่คำสี ไปเอาไม้กวาดมา เตรียมทำความสะอาดห้องนี้”
“จ้ะ ท่านนาง”
คำสีลากเสียงยาวรับคำ ยิ้มเยาะนางงอแล้วรีบออกจากห้องไป
ไฉไลเดินไปกระชากผ้าปูที่นอน รวบม้วนๆ แล้วโยนทิ้งลงพื้น
“นี่มึงจะทำอะไร หยุดนะ”
“เวลาของแกในบ้านหลังนี้หมดแล้ว ฉันจะมาอยู่ที่นี่ เก็บข้าวเก็บของ แล้วก็ออกไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะเผาทิ้งให้หมด”
ไฉไลพูดพลางเดินกวาดข้าวของต่างๆ ของสอางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหล่นกราว สอางกรี๊ดเข้ามาขวาง
สอางตาขวาง ตวาดดังลั่น “มึงไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับของๆ กู”
ไฉไลขึงตาสู้ ด่ากลับเสียงดัง “ทีสามีฉันแกยังยุ่งได้เลยนี่”
ไฉไลผลักสอาง แล้วเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าสอางมาโยนๆ ทิ้ง
“บอกขี้ข้าแกมาเก็บของออกไปให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้”
ไฉไลมองท้าทาย แล้วหันไปรื้อตู้เสื้อผ้าอีก จนเจอซิ่นลายหงส์หยิบมาดู อย่างพึงพอใจโดยประหลาด
“แต่ผ้าผืนนี้ ฉันขอไว้ก็แล้วกัน แลกกับที่แกเอาผัวฉัน”
สอางโกรธจัด มองผ้าซิ่นอย่างหวงแหน ปราดเข้าไปกระชากกลับ
“เอาของกูคืนมา”
ไฉไลไม่ยอมให้ สองเมียยื้อยุดกันไปมา นางงอ เสา สีแหล่รีบตรงเข้าช่วยแกะมือไฉไล
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี่นะ”
“พวกแกสิปล่อย อีพวกหมาหมู่”
ไฉไลสู้ตายจะแย่งผ้าให้ได้ เสากับสีแหล่เปลี่ยนไปจิกผมไฉไลหน้าหงาย
“โอ๊ย”
ไฉไลเสียหลักเอามือจับหัวตัวเอง นางงอกระชากผ้าไปได้ สอางได้จังหวะตบเปรี้ยง
“มึงกล้าตบกูเหรออีบ้านนอก”
ไฉไลเงื้อมือตบหน้าสอางกลับ สอางร้องกรี๊ดตรงเข้าจิกทึ้งกับไฉไลโดยมีเสากับสีแหล่ช่วยรุม คำสีวิ่งเข้ามา
“ท่านนาง”
นางงอเงื้อมือชี้หน้าขู่ “มึงอย่ามายุ่ง”
คำสีชะงักกลัว เห็นสอางกำลังคร่อมตบไฉไลเพียะๆ (ขอให้ภาพดูตลาดๆ) เสากับสีแหล่จับแขนขาไว้
กำจรกับประทินโผล่เข้ามาอีกคน เห็นภาพไฉไลโดนรุมตบก็ตกใจ
“ไฉไล สอาง หยุดนะ นี่มันอะไรกัน”
สอางเลือดขึ้นหน้าจนบ้าคลั่งไม่ฟังกำจร ทั้งตบทั้งเค้นบีบคอไฉไลด้วยความแค้น จนกำจรต้องออกแรงกระชากตัว แล้วเหวี่ยงโครมออกไป จนสอางล้มคว่ำ
“ท่านสารวัตร”
นางงอร้องกรี๊ดถลันเข้าไปประคองสอางด้วยความเป็นห่วง
กำจรจับแขนลากสอางกับนางงอออกมาคนละข้าง คนอื่นๆ ตามมา
“ปล่อยสอางเดี๋ยวนี่ ท่านสารวัตร ปล่อย”
นางงอโวยวาย ทุบตีกำจร เพราะกลัวสอางเจ็บ จนกำจรลากออกมาถึงชานเรือน ก็ผลักทั้งสอง
“รวมหัวกันทำร้ายร่างกายแบบนี้ มันน่าลากคอเข้าคุกซะให้เข็ด”
สอางแค้นแหวใส่ “ข้อยเป็นเมียสารวัตรนะ”
“เป็นใครก็ช่าง แต่ทำแบบนี้มันเกินไป คิดจะเอากันให้ตายหรือไง” กำจรรำคาญเต็มกลืน
“เออ มันบุกมาหาเรื่องกูก่อน สิมาไล่กูออกจากเฮือน นี่บ่อที่มึงว่าไล่มันกลับพระนครไปแล้ว หะ! บักตอแหล”
กำจรหน้าตึงที่โดนด่า สอางน้ำหูน้ำตาออกมาด้วยความแค้น
“มึงต้มตั๋วกูเป็นเทือที่เท่าได๋แล้ว บักซาติหมา”
กำจรขึ้นเสียง “สอาง หยุดนะ อย่ามาทำตัวเป็นแม่ค้าปากตลาดที่นี่ ถ้าไม่มีสติจะพูดจากันดีๆ ก็กลับบ้านคุณไปก่อน แม่งอ ผมขอล่ะ พาสอางกลับไป”
“กูบ่อไป มึงสิมาถีบหัวส่งกูง่ายๆ แบบนี้บ่อได้ ถ้ากูบ่อได้อยู่ที่นี่ พวกมึงก็บ่อมีสิทธิ์คือกัน”
สอางพูดจบก็ปราดเข้าไปกระชากปืนที่เอวกำจรซึ่งมองอยู่แต่แรกแล้ว กำจรไม่ได้ระวังตกใจ
“สอาง”
“บักสารวัตร มึงเอาคำหวานกลั้วยาตายมาป้อนกู ต้มตั๋วหลอกลวงให้กูเสียเนื้อเสียโตให้มึง แล้วมึงก็ไปมีเมียอื่นหมามันยังเลือกฤดูสมสู่ แต่มึงนี่มันซั่วทรามกว่าหมา”
กำจรคุมแค้น พยายามข่มอารมณ์ถึงที่สุด แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะปืนจ้องอยู่
“มึงเฮ็ดกูเจ็บใจในมื่อนี่ กูสิเอาคืนมึงอีกฮ้อยเทื่อพันเทื่อ มึงฮักกันหลาย มึงก็ตายตามกันไปซะ”
สอางจะลั่นไก กำจรไวกว่าพุ่งเข้าชาร์จแย่งปืน เสียงปืนลั่นเปรี้ยงขึ้นเพดาน ทุกคนตกใจ
รถของพ่อแพทย์แล่นมาจอดหน้าบ้านพักสารวัตร ทันได้ยินเสียงปืนพอดี ยาแม่สะดุ้งเฮือก
“เสียงอีหยัง”
“นั่นมันเสียงปืนนิ”
พ่อแพทย์ใจคอไม่ดี รีบลงจากรถ ประทินวิ่งหน้าตาตื่นลงบันไดตรงมาหา
“อ้าว แม่นหยังล่ะ ท้าว ไผเฮ็ดอีหยังอยู่เทิงเฮือน” พ่อแพทย์ถามสีหน้าแปลกใจ
“ค...คุณสอางจะยิงคุณหลวงกำจรครับ”
พ่อแพทย์กับยาแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจ รีบขึ้นเรือนไป
กำจรกับสอางยังคงยื้อแย่งปืนท่าทางหวาดเสียว ในที่สุดกำจรแย่งปืนมาได้ แต่สอางกรี๊ดคลั่งจะเอาคืน
“เลิกบ้าได้แล้ว”
กำจรทนไม่ไหว ตบสอางผลัวะล้มลงไปกองกับพื้นเรือน เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อแพทย์กับยาแม่ขึ้นมาเห็นพอดี
“สอาง” นางงอถลาเข้าไปประคอง
พ่อแพทย์โกรธมาก “ท่านสารวัตรเฮ็ดหยังลูกข้อย”
สอางเห็นพ่อกับแม่ก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ทั้งเจ็บทั้งอาย พ่อแพทย์กับยาแม่เห็นสอางเลือดกบปากก็ตกตะลึง
“นี่...ถึงกับต้องตบตีกันเลยเหรือ ท่านสารวัตร”
กำจรอึ้ง พอได้สติก็รู้สึกผิด พ่อแพทย์ทรุดลงไปประคองสอางที่ร้องไห้ตัวโยน
“สอาง...ลูก”
อแพทย์ลูบหน้าลูบแก้มเช็ดเลือดให้ลูกสาว สงสารจับใจ พูดอะไรไม่ออก สะเทือนใจใหญ่หลวง นางงอตวาดด่ากำจรอย่างแค้นใจ
“ข้อยเลี้ยงสอางมา ยุงบ่อให้ไต่ ไฮบ่อให้ตอม แต่บักห่าสารวัตรนี่มันมาลงไม้ลงมือฆ่าตีเพิ่นส่ำหมูส่ำหมา ข้อยบ่อยอมนะพ่อแพทย์”
พ่อแพทย์ได้สติ เงยหน้ามองสารวัตรอย่างผิดหวัง
“นี่ซั่นบ่อ คำสัญญาที่ท่านบอกว่า สิฮักสิแพง ทะนุถนอมลูกข้อย อยู่กินกัน ก้นหม้อนึ่งยังบ่อทันดำ ก็ฆ่าตีลูกข้อย ปานลูกบ่อมีพ่อมีแม่”
ไฉไลสอดขึ้น “โดนแค่นี้มันยังน้อยไป สำหรับอีพวกลักกินขโมยกิน ลูกแกน่ะมันควรจะติดคุกหัวโตซะด้วยซ้ำ ข้อหาพยายามฆ่า”
พ่อแพทย์กับยาแม่มองไฉไลอย่างงงงัน
“มึงเป็นไผ” ยาแม่ถาม
“บอกพวกมันไปสิกำจร มันจะได้หายโง่กันทั้งบ้าน” ไฉไลกระตุกแขนผัวให้พูด
กำจรมีสีหน้าอึดอัดอัดอั้น แต่ก็รู้ตัวว่าถึงคราวคงแตกหักกับสอางแน่แล้ว และยังไงก็ต้องเลือกไฉไล
“ไฉไล...เธอเป็น... เป็นภรรยาผม”
พ่อแพทย์ใจหายวาบ ยาแม่แทบทรุดตามไปอีกคน
“หา... อีหยังนะ นี่... ท่าน ท่านสารวัตรมีเมียแล้ว”
“ฉันจดทะเบียนสมรสกับสารวัตร มีลูกมีเต้าจนโตเข้าโรงเรียนแล้ว ลูกแกน่ะ มันเป็นได้แค่นางบำเรอ รู้ไว้ซะ” ไฉไลวางมาดคุณนายเต็มที่
ยาแม่เหมือนหายใจไม่ออก ทั้งตกใจ ผิดหวัง โกรธ ทุกอย่างประดังประเดจนพูดไม่ออก
พ่อแพทย์ตะโกนถามกำจรด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“เป็นหยังท่านจึงต้มตั๋วหลอกลวงกันอย่างนี่ ท่านสารวัตร”
กำจรหลบสายตาไม่มีคำตอบให้ พ่อแพทย์ยิ่งเจ็บใจ
“เสียแฮงที่ข้อยหลงนับถือ คึดว่าเป็นผู้ดี มีศีลมีธรรม ท่านเฮ็ดกับลูกข้อยถึงเพียงนี่ ก็ส่ำกับเหยียบหัวกบาลข้อยกับเมีย อย่าคึดว่าข้อยสิเคารพนบไหว้คนซั่วทรามนามหมาอย่างท่านอีก”
สอางสะอื้นไห้ออกมาอย่างสะเทือนใจ นางงอร้องไห้ตามไปด้วย พ่อแพทย์กอดไว้แน่น
“เมือเฮือนกับพ่อนะสอาง ลืมมันไปซะ ว่าเคยมีเรื่องอุบาทว์อัปรีย์อย่างนี่เกิดขึ้นกับเจ้า อีเสา อีสีแหล่ ขนของลูกกูคืนไปให้เหมิด”
พ่อแพทย์กับนางงอประคองสอางให้ลุกขึ้น สอางเหมือนได้สติ ชะงักมองกำจรกับไฉไลอย่างเจ็บแค้นแล้วสะบัดแขนออกจากการประคอง ปราดไปที่พานวางฝ้ายผูกแขนแล้วกระชากลงมา ทุกคนตกใจ ไม่รู้ว่าสะอางจะทำอะไร
“สอาง ทิ้งมันไปสาลูก”
สอางเสียงสั่น) ข้าน้อยบ่อเอาไปให้เป็นเสนียดดอกยาพ่อ
สอางกำฝ้ายในมือบีบแน่น มองหน้ากำจรน้ำตาไหลพราก ทั้งรักทั้งแค้น ชอกช้ำระกำใจถึงขีดสุด
“ข้าน้อยสิเอาฝ้ายพาขวัญนี่ซับเลือดที่บักผัวซาตซั่วมันตีข้อย ไว้จดจำไปฮอดมื่อกระดูกเข้าหม้อ ว่าพ่อซายอย่างบักหลวงอากาศกำจรมันชั่วทรามนามหมา มันเหยียบศักดิ์ศรีข้าน้อย กับยาพ่อยาแม่
สอางเอาฝ้ายปาดเลือดที่ริมฝีปากตัวเองด้วยความแค้น จ้องหน้ากำจร
“บักสารวัตร บักสารเลว มึงกับกูขาดกันในซาตนี่ ขอให้เวรกรรมที่มึงเฮ็ดกับกู สาปส่งให้มึงพินาศสิบหาย อย่าได้มีความสุขความเจริญ วันใดที่มึงตายก็ขอให้เลือดมึงท่วมธรณี ถึงจะสาสมที่มึงทำกับกู”
พูดจบก็สอ่งก็ปาฝ้ายเปื้อนเลือดใส่หน้ากำจรแล้วปล่อยโฮออกมา กำจรยืนนิ่งเจ็บใจ และลึกๆ ก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา เพราะยังมีเยื่อใยต่อสอางอยู่
สอางยืนร้องไห้โฮๆ ก่อนจะถูกพ่อแพทย์กับนางงอประคองลงจากเรือนไปพร้อมคนอื่นๆ
พ่อแพทย์กับนางงอประคองสอางโซเซขึ้นเรือน เสา สีแหล่ ช่วยกันถือข้าวของพะรุงพะรังติดตามไป
ศรีธาราพวกบ่าวไพร่แอบมาหลบมุมยืนดูกัน สะออนกับโซ่ทองกลับมาถึงเรือน ก็เดินไปหาศรีธารา
“มีอะไรกันหรือ อ้ายแก้ว นั่น ยาเอื้อยสอาง แม่นบ่อ”
“ผมได้ยินว่า คุณสอางถูกสามีทุบตีมา” บักแก้ว หรือท้าวศรีธาราบอก
“อีหยังนะ”
สะออนกับโซ่ทองตกใจ รีบตามขึ้นเรือนไป
เย็นย่ำ เสา สีแหล่ รีบจัดที่หลับที่นอนให้สอาง พ่อแพทย์กับนางงอประคองให้สอางนอนลง
“นอนพักก่อนลูก สอาง”
สอางสะอึกสะอื้น ฟูมฟายไม่เลิก “ข้าน้อยสินอนหลับได้จั่งได๋ ยาพ่อ หลับตาก็เห็นแต่ภาพที่บักสารวัตรมันตบตีข้าน้อยต่อหน้าอีนั่น เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ”
“สิ่งใด๋ที่มันเลวร้าย เจ้าก็อย่าไปคึดฮอดมัน ผัวน่ะ บ่อตายเฮาก็หาใหม่ได้ คึดเสียว่าเจ้าได้เหมิดทุกข์เหมิดโศกแล้ว” ยาแม่ว่า
“ยาแม่บ่อได้ถืกผัวเหยียบใจอย่างข้าน้อย ก็เว้าได้น่ะสิ” สะอางพาลไปทั่วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
ยาแม่ฉุนกึก “สอาง นี่แม่กำลังปลอบใจเจ้าอยู่นะ”
นางงอเอาผ้าชุบน้ำมาซับแผลให้สอาง พลางหันไปมองยาแม่อย่างชิงชัง
“ปากปราศรัย น้ำใจเซือดคอ ในใจคงสิสมน้ำหน้าลูกโตเอง”
“อีงอ มึงสิมาฮู้ใจกูดีกว่ากูได้จั่งได๋”
“มันแม่นอย่างควมอีงอว่า ยาแม่นั่นหรือสิมาคึดเวทนาข้าน้อย ตอนเข้าพาขวัญแต่งดอง ก็เคียดแค้นแทนยาเอื้อย คำอวยพรจักคำก็บ่อมี มาบัดนี่ คงสิดีใจ ที่ยาเอื้อยแคล้วคลาด บ่อได้แต่งเอาของมีตำหนิมาประจานโตเองอย่างข้าน้อย”
สอางพูดระบายอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งความโกรธผัว น้อยใจแม่ แค้นโชคชะตา ทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน
“บ่อเอาน่าสอาง พ่อแม่ทั้งฮักทั้งหวงเจ้า เขาเฮ็ดลูกเจ็บ พ่อแม่ก็เจ็บไปนำบ่อมีไผสมพื้นน้ำหน้าเจ้าดอก”
“ข้าน้อยบ่อเซื่อ ยาแม่บ่อเคยฮักข้าน้อยเลย ฮักแพงแต่ยาเอื้อยสะอาดแนวได๋ดีแนวได๋งาม ก็ใส่พานประเคนให้แต่ยาเอื้อย มาบัดนี่ข้าน้อยได้ผัวซั่วทรามนามหมา แต่ยาเอื้อยสิได้ผัวบุญหนักศักดิ์ใหญ่ สะใจยาแม่แล้วแม่นบ่อ”
สอางตีโพยตีพายแล้วร้องไห้คร่ำครวญ พ่อแพทย์กับนางงอเข้าไปไปลอบ ปล่อยให้ยาแม่รู้สึกเป็นส่วนเกิน
ยาแม่มองสอางอย่างน้อยใจ แม้ไม่ได้รักลูกคนนี้มาก แต่ก็ยังมีความรู้สึกห่วงในฐานะแม่ แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ตัดใจเดินออกมา
ยาแม่เดินออกมานอกห้อง เห็นสะออนกับโซ่ทองรีบร้อนขึ้นเรือนมา
“ยาแม่...”
ไม่นานต่อมา สะออนกับโซ่ทองนั่งฟังเรื่องราวของสอางจากยาแม่แล้วเวทนาสงสาร
“โธ่ ยาเอื้อย เป็นหยังใจน้อยแท้แล้วเฮาบ่อฟ้องบ่อไหมท่านสารวัตรเลยหรือจ๊ะ ทั้งต้มตั๋วหลอกลวง ทั้งวิวาทฆ่าตี”
“สิไปฟ้องไปไหมเขาได้หรือ เขาเป็นถึงหัวหน้าสถานีตำรวจเมืองอีสานบุรี”
ยาแม่ถอนใจห่วงหน้าตาของวงศ์ตระกูลตนกับพ่อแพทย์
“อีกอย่าง โพนทะนาไป ที่อับอายก็คือหน้าเฮาเอง อีนั่นมันเป็นเมียตีทะเบียน เอื้อยเจ้ามีอีหยังบ้าง นอกจากแหวนติดนิ้ววงเดียว ถ้าไทบ้านไทเมืองฮู้ว่าถืกฆ่าตีส่ำหมูส่ำหมา พ่อแม่คงสิได้ขุดหลุม เอาหน้าแทรกพระแม่ธรณี”
ยาแม่ถอนใจเครียดจัด โซ่ทองนิ่งอึดอัด แล้วตัดสินใจถามขึ้น
“สอางเจ็บหลายบ่อ ยาแม่ ข้าน้อยสิได้ไปหาว่านหายามาให้ทาฮอยบาด”
“อย่าเพิ่งไปวนไปเวียนกับเขาเลย บักโซ่ทอง รอให้พายุสงบลงก่อนสิดีกว่า ตอนนี่ ไผก็เข้าหน้าเพิ่นบ่อติด เพิ่นบ่อฟังไผทั้งนั้น แม้แต่ข้อยที่เป็นแม่แท้ๆ”
ยาแม่พูดเคืองๆ
โซ่ทองเอาล่วมยามาเก็บที่เรือนแพทย์ในเวลาต่อมา แล้วเข้าไปค้นหาสมุนไพร เอามาให้สะออนไปทำยาให้สอาง
“เอาใบบักนุ่นตำไปพอกแผลฟกช้ำให้สอาง”
“ยาแม่บอกแล้วเด๊ ว่าอย่าเพิ่งไปวนไปเวียน ยาเอื้อยยังบ่ออยากเห็นหน้าไผ”
“แล้วเจ้าสิปล่อยให้เอื้อยเจ้าเจ็บอยู่อย่างนั่นน่ะหรือ”
“ตอนนี่ ยาพ่อเพิ่นเบิ่งแยงดูแลยาเอื้อยอยู่ เจ็บแผลกาย บ่อพอตายดอก”
“เจ้าเป็นน้อง ควรต้องไปเบิ่งไปแลบ้าง ให้ฮู้ว่าห่วงใย ถึงสิถืกไล่ตะเพิดออกมาก็ยังดีกว่าบ่อหล่ำบ่อแลกันเลย”
โซ่ทองคะยั้นคะยอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้อยล่ะหมั่นไส้น้ำใจงามของอ้ายแท้ เพิ่นเฮ็ดซั่วเฮ็ดทรามใส่ปานได๋ ก็บ่อฮู้จักเข็ดจักหลาบ เอาล่ะ ข้อยสิไปเบิ่งให้”
สะออนเคือง แสร้งพูดแซว แอบเหน็บโซ่ทอง
“เฮ่อ...ถ้าข้อยถืกถีบตกเฮือนมา อ้ายสิตำใบบักนุ่น แก้ฟกซ้ำให้ข้อยแหน่บ่อน้อ...”
สะออนรับยามาอย่างหมั่นไส้ แล้วเดินออกไป โซ่ทองยิ้มขำ เอ็นดูสะออน
ที่วังอินทนิลคืนเดียวกัน
สะอาดนั่งบีบนวดน้ำมันที่มือให้แม่เจ้าตามขั้นตอนการรักษา โดยมีพ่อเจ้านั่งป้อนข้าวให้ สาวใช้เปิดประตูเข้ามา แล้วย่อตัวเข้ามารายงาน
“ข้าน้อยย้ายห่อผ้าของแม่สะอาดเฮียบฮ้อยแล้วเจ้าค่ะ แม่เจ้า”
สะอาดทำหน้าแปลกใจ เลิ่กลั่ก งงว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันสั่งให้ย้ายห่อผ้าของเธอไปนอนที่ห้องอีกฝั่ง ใกล้ห้องบรรทมของพ่อเจ้า เพราะวังด้านนี้มันอมแดด ประเดี๋ยวตกลางคืนจะร้อนจนนอนไม่ได้”
สะอาดอึ้งปนงง เหลือบมองพ่อเจ้า เพราะไม่เข้าใจเจตนา ก่อนจะพูดอย่างเกรงใจ
“แต่ข้าน้อยนอนใกล้ๆแม่เจ้าจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอกสะอาด แค่เธอต้องคอยปรนนิบัติดูแล บีบนวดให้ฉันวันละหลายรอบก็เหนื่อยจะแย่แล้ว เธอควรจะได้พักผ่อนอย่างสบาย”
สะอาดพนมมือไหว้ขอบคุณ แม่เจ้ามองสร้อยข้อมือแล้วอมยิ้ม
“กำไลวงนี้สวยเหมาะกับเธอจริงๆ ฉันเลือกไม่ผิดเลย ท่านว่าไหมคะ”
พ่อเจ้าชะงักหันไปมองสะอาดและเหลือบสายตาลงมองสร้อย อดเห็นด้วยไม่ได้ แต่ยังสงวนท่าทีอยู่
“ก็จริงของแม่บัว”
“พอแล้วล่ะจ้ะสะอาด ข้าหลวงเขาจัดห้องหับให้เธอเสร็จแล้วเธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่”
สะอาดรับเอาคำวางมือแม่เจ้าลง หยิบผ้ามาเช็ด ทำกระบวนการทุกอย่างอย่างระวังนิ่มนวล แล้วค่อยๆ ยกมือไหว้แล้วลุกออกไป แม่เจ้าทอดสายตามองตามสะอาดด้วยความเอ็นดู ยิ้มมีความสุข
“ท่านคงไม่ว่าใช่ไหมคะ ที่อิฉันยกกำไลที่ท่านซื้อมาฝาก ให้สะอาดใส่”
“มันเป็นของแม่บัวแล้ว แม่บัวจะยกให้ใครก็ตามสะดวกเถอะ ว่าแต่ ไม่เสียดายหรือ”
“ไม่หรอกค่ะ อิฉันอยากให้เด็กคนนี้เป็นตัวแทนของอิฉัน ท่านคิดว่าแกพอจะเป็นตัวแทนอิฉันได้ไหมคะ”
“เป็นตัวแทน” พ่อเจ้ารู้สึกตงิดๆ ในใจ มองฉงน “แม่บัวหมายถึงอะไร”
แม่เจ้ามองหน้าสามี ยิ้มในสีหน้ามีเลศนัย
อ่านต่อ ตอนที่7