ซิ่นลายหงส์ ตอนที่5 เลิศ!สะอาดเตรียมอภิเษกพ่อเจ้าอีสานบุรี
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา
กำจรอาบน้ำเสร็จ เดินเข้าห้องนอนมา เห็นสอางเปิดกระเป๋าอยู่ก็ทักถามเอาใจ
“เป็นยังไงบ้าง สอาง ของฝากถูกใจไหม”
“ถืกใจ ถืกใจข้อยหลาย”
ทุกครั้งที่โกรธจัด สอางจะเปลี่ยนสรรพนามจาก “ข้าน้อย” เป็น “ข้อย” น้ำเสียงก็กระด้างกระเดื่องมากขึ้น
และพร้อมกับว่า สอางปากรอบรูปไฉไลกับลูกชายเฉียดหน้ากำจรไปนิดเดียว
“สอาง นี่มันอะไรกัน คุณเป็นอะไรไป”
“ท่านก็แหกตาเบิ่งเอาเองว่าข้อยได้เห็นอีหยัง”
กำจรงง ก้มลงหยิบกรอบรูปที่คว่ำหน้าอยู่ขึ้นมา พอพลิกดูเจอรูปไฉไลกับกำธรก็อึ้งไป สอางปราดเข้ามาเอาเรื่องด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“นี่แม่นบ่อ เหตุผลที่ท่านบ่อยอมเซิญพ่อแม่ญาติโกโหติกาของท่านมางานแต่งดองของเฮา แล้วก็บ่อยอมให้ข้อยติดตามไปพระนคร ย่อนท่านมีแม่ญิงคนอื่น”
กำจรยังอึ้งอยู่อย่างนั้น ทั้งคาดไม่ถึงและคิดคำแก้ตัวไม่ทัน สอางยิ่งแค้นใจ ทุบตีไม่ยั้ง
“พ่อซายเจ้าซู้ งูพิษลิ้นสองแฉ ไสบอกว่าท่านฮักข้อยผู้เดียว แต่พอได้ข้อยแล้วก็ลักไปหาอีแม่ญิงคนนั่น คนสารเลว”
“สอาง คุณฟังผมก่อน”
กำจรตั้งสติได้ พยายามรวบกอดรวบแขนสอางไว้ไม่ให้ทุบตีต่อ แต่สอางสะบัดออก
“อย่าเอาโตสกปรกโสมมมาถืกเนื้อต้องโตข้อย ออกไปให้พ้น”
กำจรผงะถอยด้วยความกลัว สอางโกรธสุดขีดมองสารวัตรอย่างคับแค้นใจ น้ำตาไหลรินเป็นสาย
“ออกไป๊ ออกไป๊”
สอางขว้างกรอบรูปไฉไลใส่อีก แล้วคว้ากระเป๋าเสื้อผ้ากำจรโยนออกไปนอกห้อง กำจรต้องรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วถอยออกมา ก่อนที่สอางจะปิดประตูใส่หน้าดังโครม
เสากับสีแหล่โผล่หน้าออกมาจากใต้ถุนเรือน ชะเง้อมองขึ้นไปจากตีนบันไดอย่างใจคอไม่ดี
สองบ่าวเผ่นมาที่เรือนพุทไธเทพ รายงานเรื่องให้นางงอฟังจบแล้ว นางงอขมวดคิ้วแปลกใจมาก
“แต่งดองออกเฮือนกันได้บ่อทันได๋ ก็วิวาทผิดเถียงกันแล้วบ้อ”
“เสียงดังลั่นเฮือนเลยจ้ะแม่งอ แม่สอางเวลาเคียดซังไผแฮงๆ นี่ ฮ้ายกาจปานถืกผีปอบเข้าสิง นี่ท่านสารวัตรก็ต้องออกมานอนอยู่นอกห้อง เพิ่งไปราชซะการกลับมาแท้ๆ” เสาว่า
นางงอคิดไม่ตก “บักสารวัตรนี่ มันเฮ็ดหยังให้สอางของกูเจ็บซ้ำน้ำใจหนอ”
“แม่สอางกำลังอาละวาดหนัก ฮ้ายด่าผัวจนบ้านสิลุกเป็นไฟ พวกข้อยบ่อกล้าเข้าหน้าดอก แม่งอไปเบิ่งใจเพิ่นแหน่” สีแหล่สยอง
นางงอมีสีหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงสอาง
ทางฝั่งสอางนอนร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่คนเดียวด้วยความเจ็บแค้นใจ จนเข้าสู่ห้วงนิทราฝันถึงอดีตระหว่างหูกคำกับองครักษ์ท้าวเพียคำจัน
หูกคำยื่นห่อครั่งสำหรับย้อมไหมไปตรงหน้าคำจันที่คุกเข่าอยู่ที่หน้าโรงทอไหม เวียงคำนาค
“เอาของท่านคืนไปเถิด ท้าวเพียคำจัน”
“เป็นหยังล่ะพระเจ้าข้า อัญญานางบ่อทรงใซ้ต้มย้อมผ้าแล้วบ่อพระเจ้าข้า”
“มื่อได๋ข้อยอยากได้แก่นไม้มาย้อมสีเส้นไหม ข้อยสิให้นางข้าหลวงไปหามาเอง มันบ่อแม่นเวียกงานราชซะการของท่าน ข้อยบ่ออยากฮบกวน”
คำจันอ้าปากจะพูดว่าตนเต็มใจ แต่หูกคำพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้อยบ่ออยากให้ไผมาเข้าใจเฮาผิดอีก”
“แต่อัญญาหลวงทรงมีพระราซานุญาตให้ข้าน้อยไปมาหาสู่กับอัญญานางด้วยมิตรไมตรีแล้ว”
“แต่มิตรไมตรีในเจตนาของท่าน กำลังเฮ็ดให้ข้อยอุกใจ” (อุกใจ = หนักใจ กลุ้มใจ)
น้ำเสียงตัดรอนอันเย็นชาของหูกคำ ทำให้ท้าวเพียคำจันหน้าม้าน จ๋อยไปเลย
“น้ำใจของท่าน ข้อยระลึกฮู้อยู่ในใจเสมอ ท้าวเพียคำจัน แต่ข้อยนั่นเป็นขัตติยะนารี ครองฐานันดรศักดิ์เป็นอัญญานางพระราชซะธิดาแห่งอัญญาหลวง”
หูกคำอธิบาย ลึกๆ สงสารท้าวเพียคำจันไม่น้อย
“ตามจาฮีตบูฮานราชซะประเพณี สายโลหิตของอัญญาหลวงสิถืกข้อยเอาไปแปดปนกับเลือดท้าวเพียสิบฮ้อยน้อยใหญ่บ่อได้ ข้อยบ่ออยากให้ลูกเฮาเกิดข้ามวรรณะ ถืกประจานว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง”
หูกคำมองคำจันที่ก้มหน้านิ่งด้วยท่าทางไว้ตัว แล้วเดินผ่านไป
คำจันก้มหน้านิ่ง เสียใจกับคำพูดตัดรอนของหูกคำ
ที่กุฏิยาครู เช้าวันใหม่ สะอาดกับสายนำจีวรที่ต้ม ย้อม ทอ และตัดเย็บเอง มาถวายให้หลวงตายาครูบนกุฏิท่าน
“ขอให้ผลบุญจากการถวายผ้าอาบน้ำฝนในกาลนี่ น้อมนำควมสุขควมเจริญมาสู่ ซีวิตของสูเจ้าทั้งสองคน ให้มีจิตใจที่ผ่องใส เหมิดทุกข์เหมิดโศก ตราบกาลนานเทอญ”
สะอาดกับสายก้มลงกราบยาครู แล้วเงยขึ้นสนทนาต่อ
“ยามนี่จิตใจข้าน้อยดีขึ้นหลายแล้วจ้ะยาครู เรื่องเก่าที่เคยวนเวียนให้จิตใจมัวหมอง ข้าน้อยก็ปล่อยวางไปอย่างที่ยาครูสอน เหลืออยู่เพียงเรื่องเดียว คือเรื่องควมเจ็บไข้ของยาแม่”
“แม่ของมึงยังบ่อหายอีกบ้อ”
“สามมื่อดีสี่มื่อไข้เจ้าค่ะยาครู ลุกขึ้นมาเฮ็ดสิ่งได๋ไว้สองสามมื่อก็ต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปอีก ยาพ่อเพิ่นก็พยายามปรุงยาให้กินหลายขนาน แต่ก็บ่อหายขาด”
“โรคภัยไข้เจ็บมันก็เป็นของที่มนุษย์เฮามีกันทุกคน หลีกเลี่ยงบ่อได้ดอกอีนางเอ๊ย สุดแท้แต่เวรแต่กรรมของผู้ครองสังขาร ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็แปลว่ายังบ่อสิ้นเวรมึงในฐานะลูก ก็จงแสดงควมกตัญญูฮู้คุณ เบิ่งแยงดูแลแม่มึงไปตามอาการเถิด”
สะอาดรับเอาคำ แล้วก้มลงกราบยาครูอีกครั้ง
สองคนลงมาจากกุฏิยาครู เดินคุยกันมา
“ยาครูเพิ่นเว้า ปานว่าอาการเจ็บป่วยของยาแม่มันเป็นย่อนเวรกรรม ตั้งแต่เกิดมา ข้อยก็บ่อเคยเห็นยาแม่ มาดฮ้ายหมายขวัญผู้ได๋ ข้อยเห็นแต่เพิ่นถือศีล ใส่บาตรบ่อเคยขาด”
สายนึกถึงความหลังสมัยยังสาวๆ ที่ยาแม่เคยทำ โดยพยายามแย่งชิงพ่อแพทย์พุทไธมาจากนางงอหรือนางทองจันทร์แล้วสะท้อนใจ มีสีหน้าท่าทีกระอักกระอ่วนใจ
สะอาดเห็นสายไม่ตอบโต้ก็หันมาถาม “แม่สายว่า แม่นบ่อ”
สายอึกอัก พูดเลี่ยงไป “ยาครูเพิ่นอาจสิหมายถึง บุญกรรมแต่ซาตเก่าซาตหลังก็ได้ล่ะมัง”
“บุญกุศลที่ยาแม่สั่งสมในซาตินี่ ก็สิซ่อยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ บ่อได้เลยหรือ”
สายมีสีหน้าขรึมลง รู้ดีกว่ายาแม่นั่นเองเป็นคนฆ่าพ่อแพทย์ของนางงอ แต่ก็พูดออกไปไม่ได้
“บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาปล่ะ แม่สะอาด ของพวกนี่มันเอามาล้างกันบ่อได้ดอก”
สายยิ้มกลบเกลื่อนคำพูดของตน แล้วค้อมตัวเดินนำไป ไม่อยากให้สะอาดซักถามอะไรอีก
เช้าวันเดียวกันนี้ สอางเปิดประตูห้องออกมา เห็นนางงอยืนจ้องอยู่แล้วตรงหน้าประตูก็แปลกใจนิดๆ
“อีงอ มึงมาก็ดีแล้ว มาซ่อยกูเก็บข้าวของ”
สอางพูดเซ็งๆ แล้วเดินกลับเข้าไปยัดเสื้อผ้าที่วางบนเตียงใส่หีบหวายสาน
“สอาง เจ้าสิไปไส”
“กูสิเมือไปอยู่เฮือน มึงฮู้บ่อ ว่าบักสารวัตรกำจรมันต้มตั๋วกู มันมีเมียอยู่แล้ว”
สอางกระแทกเสียง ตีโพยตีพายดังลั่น นางงอแตะแขนไว้เชิงปลอบให้เย็นลง
“ใจเย็นๆ ก่อนสอาง”
“มึงสิให้กูใจเย็นได้จั่งได๋ กูบ่อได้ตบแต่งมาเป็นเมียน้อยผู้ใด๋ ถ้าไทบ้านไทเมืองเขาฮู้เข้า กูสิบ่อต้องขุดแผ่นดินเอาหน้าแทรกซั่นบ้อ”
สอางปิดหีบหวาย แล้วยกจะหิ้วออกจากห้อง แต่นางงอจับแขนรั้งไว้
“แต่ถ้าเจ้าเมือไปอยู่เฮือนในยามนี่ มันก็บ่อต่างกันดอก เจ้าสิบอกพ่อแม่เจ้าว่าจั่งได๋ ออกเฮือนได้ยังบ่อโดน ก้นหม้อยังบ่อดำ ก็ได้ระเห็จระเหินหอบเสื้อผ้าคืนมาอยู่บ้าน จากที่ไทบ้านยังบ่อทันฮู้ มันสิพากันเว้าพื้นนินทา 10 บ้านส่า 5 บ้านลือ”
สอางนิ่งงันไปเมื่อคิดตาม เพิ่งนึกถึงข้อนี้เหมือนกัน
“เจ้าสิบ่ออายยิ่งกว่าเก่าซั่นบ้อ ถ้าไทบ้านมันเว้าพื้นนินทาว่านางพญาหงส์ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์แค่คืนเดียว อย่าลืมนะ ว่าคนรอเหยียบเจ้าก็มี”
“ไผ บักได๋อีได๋ ยาเอื้อยน่ะหรือ”
นางงอยิ้มเจ้าเล่ห์ เสี้ยมต่อ “สอาง เจ้าเอาซะนะเขาได้ก็จริง แต่เขาคงสิบ่ออยากเห็นเจ้าซะนะตลอดไปดอก เขามีแต่สิหัวขวนเยาะเย้ยล่ะ ถ้าได้เห็นนางพญาหงส์ปีกหักซมซานกลับไปตายฮังเก่า”
“อย่ามาเว้าคำว่า นางพญาหงส์ปีกหัก ให้กูได้ยิน มันบาดหัวใจกู” สอางคุมแค้น เกลียดนักคำนี้
“แค่ข้อยสมมุติให้ฟัง เจ้ายังเจ็บปานนี่ แล้วถ้าศัตรูเจ้าเป็นคนเว้าล่ะ เว้าจบก็ถ่มน้ำลายเย้ย เจ้าสิทนได้บ๊อล่ะ”
สอางนิ่งขึง ทิฐิถือดีแล่นเป็นริ้วๆ ขึ้นมาในอก แต่ก็ยังสับสนอยู่
“แล้วมึงสิให้กูทนเลียน้ำใต้ศอกเขากินอยู่นี่ซั่นบ่อ บักสารวัตรมันมีเมียแล้ว”
“รอเจรจากับเพิ่นก่อน ท่านสารวัตรเพิ่นอาจสิมีเหตุผลแฝงเร้นอยู่ก็ได้” นางงอลูบแขนปลอบ “ผัวเมียอยู่นำกัน ใจต้องหนักแน่น บวกลบคูณหารให้ดีก่อน อย่าฟ่าวใจฮ้อน เจ้าอยากเป็นนางพญาหงส์ที่บ่อมีบัลลังก์ซั่นบ้อ ท่านนางสอาง”
สอางคิดตามคำกล่อมของนางงอ จนเริ่มใจเย็นลง เพราะลึกๆ ก็ไม่อยากเสียหน้า
ฝั่งยาแม่คำอ่อนเข้ามานั่งเคียงพ่อแพทย์พุทไธที่ต้อนรับแขกอยู่บนชานเรือน เป็นท่านข้าหลวงไชยสาเกต ข้าราชการผู้รับใช้เจ้าเมืองอีสานบุรี ซึ่งแวะมาเยือนถึงเฮือนพุทไธเทพตามคำสั่งพ่อเจ้า
“ท่านข้าหลวงไซยสาเกต มีเหตุอันใด๋จึงได้มาเฮือนข้าน้อยในมื่อนี่”
“พ่อเจ้าพระขัตติยะรามังกูรให้ข้อยมาเซิญเจ้าเข้าไปวังอินทนิลเพื่อถวายการปิ้นปัวรักษา”
ยาแม่สะดุดหู นึกหวั่นใจ “ถวายการรักษา ท่านเจ้าเมืองอีสานบุรีเพิ่นเป็นหยัง ท่านข้าหลวง”
“พ่อแพทย์ ยาแม่ ตั้งสติให้มั่น บ่อแม่นพ่อเจ้า แต่ที่กำลังประซวรหนักอยู่ คือแม่เจ้าปทุมรัตน์”
พ่อแพทย์ใจหาย “คุณพระคุณเจ้า แม่เจ้าเพิ่นประซวรด้วยโรคอันได๋”
“ด้วยโรคที่ยาหมอฝรั่งก็เอาบ่ออยู่ ท่านป่วยเรื้อรังมาพักหนึ่งแล้ว ท่านดอกเตอร์ก็หมดปัญญาปิ้นปัวรักษา พ่อเจ้าจึงส่งให้ข้อยมาเซิญพ่อแพทย์ไปที่วังอินทนิลเดี๋ยวนี้เลย”
พ่อแพทย์สีหน้ากังวลใจ มองหน้าเมีย คำอ่อนก็เจ็บออดๆ แอดๆ แต่ด้วยหน้าที่แพทย์หลวงก็ต้องไปรักษาเจ้านาย
“พ่อเจ้าสั่งให้ข้อยเซิญท่านพ่อแพทย์ไปที่วังอินทนิลเดี๋ยวนี่เลย”
ข้าหลวงมีท่าทางร้อนรน พ่อแพทย์จึงรีบตกปากรับเอาคำ
ที่สวนมะม่วงด้านหลังเรือนพุทไธเทพ
โซ่ทองถือไม้คันส่าวยาวหลายเมตรที่ปลายไม้ผูกตระกร้าสานไว้ เดินไปเล็งแลหารังมดแดงบนต้นมะม่วง ใช้ไม้ส่าวแหย่ไปยังรังมดแดง กระตุกไม้เขย่าๆ ให้ไข่มดแดงร่วงลงในตระกร้าอย่างเชี่ยวชาญ ปากก็คุยกับศรีธาราไปด้วย
“พ่อแพทย์กับยาแม่เพิ่นมีลูกสาวสามคน คือยาเอื้อยสะอาด สอาง กับ สะออน คนที่มึงเจอเมื่อวาน คือสอาง เพิ่งออกเฮือนไปอยู่กับท่านสารวัตรหลวงอากาศกำจร หัวหน้าสถานีตำรวจเมืองอีสานบุรี”
“อ้อ...มิน่าล่ะ เธอถึงได้แต่งองค์ทรงเครื่องซะเต็ม ดูก็รู้ว่าเป็นเมียเจ้าใหญ่นายโต” ศรีธาราเบ้ปาก “แต่พูดจาไม่ไหวเลย ขนาดกับน้องกับนุ่งยังดูถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงแบบนี้ ต่อให้ภายนอกสวยแค่ไหน ความอัปลักษณ์ภายในมันก็ออกมากลบหมด”
โซ่ทองชะงัก ขมวดคิ้วมองศรีธารา ตำหนิเสียงห้วน
“บักแก้ว ถ้ามึงคิดจะทำงานทำการอยู่ที่นี่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็จงรู้ไว้ด้วยว่ากูไม่ชอบฟังคำขี้ข้านินทาเจ้านาย”
ศรีธาราเห็นโซ่ทองหน้าบึ้ง ก็รีบยกมือไหว้
“จ้าๆๆ ผมขอโทษนะอ้าย”
โซ่ทองทำหน้าไม่ชอบใจ หันไปแหย่ไข่มดแดงต่อ ศรีธาราเปลี่ยนเรื่องคุย
“เอ้อ แล้ว...คุณสะอาดกับคุณสะออนนิ มีคู่รักหรือยังจ๊ะ”
“มึงจะรู้ไปทำไมวะ”
“ก็...ผมเห็นว่าคุณๆ เธอสวยกันทุกคน เลยอยากจะรู้ว่ามีหนุ่มบ้านไหนมาจับจองบ้างหรือยัง”
“รู้ไปมึงก็ไม่พ้นฐานะขี้ข้าขึ้นมาได้ดอก บักแก้ว หุบปากแล้วทำงานเถอะ” โซ่ทองเอาตะกร้าลงมาเทไข่มดแดงใส่ครุมีน้ำค่อนถังเสร็จ แล้วยื่นไม้ส่าวให้ศรีธาราแหย่ดู “เอ้านี่ ลองแหย่ไข่มดแดงดู”
ศรีธารารับไม้ส่าวมาถืออย่างเก้ๆ กังๆ
“เอ่อ ให้ผมทำจริงๆ เหรอ”
“เออ ลองทำดู เลือกรังใหญ่ๆนะ รังเล็กๆมันยังไม่ค่อยมีไข่ ไม่ต้องไปกวนมัน เก็บไว้กินวันหลัง นั่น แบบนั้นก็ได้”
โซ่ทองชี้ไปยังรังมดแดงบนกิ่งมะม่วงสูงๆ ศรีธารามองตาม ยกไม้ส่าวชี้ตามขึ้นไป แต่ไม่เคยจับไม้มาก่อนก็เก้ๆ กังๆ ส่ายไปส่ายมา
“ถามหน่อยเถอะบักแก้ว มึงเคยทำงานมาก่อนมั้ยวะ หยิบจับอะไร ทำไมมันดูเก้ๆ กังๆ”
ศรีธาราพยายามถือไม้แหย่แทงรังมดแดงเก้ๆ กังๆ “ก็ผม...ผมไม่เคยทำแบบนี้”
“ดีๆ พอจ่อถึงรังมันแล้ว ก็กระตุกๆ ให้มันร่วงลงมาใส่ตะกร้า”
ศรีธาราเล็งไปที่รังมดใช้ปลายไม้แหย่แล้วกระตุกๆ มดแดงแตกฮือออกมา แต่รังไข่ยังไม่ร่วงลงตะกร้า บังเอิญหันไปเห็นสะออนกับเพ็งเดินเข้ามาพอดี
“คุณสะออน...”
“เก็บได้หลายปานได๋แล้ว อ้ายโซ่ทอง อ้ายแก้ว เอาหลายๆ เด้อ” สะออนให้กำลังใจ
“มื่อนี่ แม่สะออนเพิ่นสิลงครัวเอง เฮ็ดแกงไข่มดแดงใส่ผักหวาน ฮู้ย แค่คึด ข้อยก็น้ำลายไหลแล้ว” เพ็งว่า
“เจ้าเคยกินบ่อ อ้ายแก้ว” สะออนถาม
“ไม่เคยครับ แต่ถ้าคุณสะออนทำ ผมเชื่อว่าต้องอร่อย ผมจะรอ...”
ศรีธาราทำตาเชื่อมมองสะออน โซ่ทองสังเกตอาการได้ ขณะที่สะออนได้แต่มองค้อน แล้วเดินไปดูไข่มดในครุตระกร้า
ศรีธารามัวแต่มองตามเพลิน ไม่ได้มองไปที่รังมดแดงที่ตกลงมา แต่ไม่ยอมลงตะกร้า แต่ร่วงลงมาใส่ตัวเขาจังๆ ศรีธาราสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย อะไรวะเนี่ย โอ๊ย”
ศรีธารากระโดดเหย็งๆ ตบไล่มดแดงตามตัวพัลวัน สะออน โซ่ทอง และเพ็งหันไปมอง ทั้งขำทั้งสงสาร
“ตายแล้ว บักแก้ว”
“โอ๊ย ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย โอ๊ย”
ศรีธาราตบไปทั่วตัว แต่ก็ยังไล่มดไม่หมด วิ่งถลาไปที่ถังน้ำใกล้ๆ หยิบมารดตัวโครมใหญ่
โซ่ทอง สะออน เพ็ง มอง อึ้งๆ แล้วหัวเราะขำออกมา
ศรีธาราเดินตัวเปียกชื้นขึ้นมาบนเรือนแพทย์ เนื้อตัวแดงเป็นจ้ำๆ สะอาดกำลังคุมบ่าวเก็บกวาดเรือนหันมาเห็น
“อ้าว ท้าวแก้ว เจ้าเป็นอะไร ไปตกน้ำตกท่าที่ไหนมานิ” สะอาดเรียกศรีธาราว่าท้าวแก้ว
“ฮังมดแดงหล่นใส่หัวเพิ่นน่ะจ้ะ เลยเอาน้ำฮาดโตเอง ยาพ่อเพิ่นไปไส ยาเอื้อย” สะออนบอก
“มีข้าหลวงมาฮับยาพ่อไปปิ้นปัวรักษาคนเจ็บ เห็นว่าเป็นคนสำคัญ ยาแม่เพิ่นเลยขอติดตามไปนำ” สะอาดส่ายหน้าบอกพลางมองเนื้อตัวแดงๆ ของศรีธาราด้วยความสงสาร “ท้าวแก้วเอ๊ย ไปทำอีท่าไหนให้รังมดแดงตกมาใส่หัว จ้ำแดงเต็มตัวอย่างนี้ ยาพ่อก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ เด็กน้อย ไปเอิ้นอ้ายโซ่ทองมาทายาให้ท้าวแก้วแหน่”
สะออนพูดอวดๆ “บ่อเป็นหยัง ยาเอื้อย ข้อยเฮ็ดเองได้ รออยู่ตรงนี่ล่ะ อ้ายแก้ว”
สะออนผละไปทางห้องปรุงยา ศรีธารามองตาม ยิ้มตาเยิ้ม
ในเวลาต่อมาศรีธาราถอดเสื้อออก นั่งตัวขาวจ๊วะเปล่าเปลือย รอให้สะออนทายาให้ สายตาก็แอบมองสะออนบดยาอย่างปลื้มๆ
“คุณสะออนปรุงยาเป็นด้วยหรือครับ”
สะออนชะงัก เงยหน้ามอง “ทำไม เจ้าไม่เชื่อใจข้อยหรือ”
“เปล่า ผมก็แค่แปลกใจว่าผู้หญิงอย่างคุณสะออนก็มีความรู้ด้านนี้ด้วย ผมคิดว่าสาวๆเมืองอีสานจะถูกอบรมให้เก่งแต่งานบ้านงานเรือนอย่างเดียว”
“เกิดเป็นลูกหมอ เรียนรู้วิชาแพทย์ของพ่อไว้ก็ไม่เสียหาย ยาพ่อเพิ่นสอนลูกๆ ทุกคนเรื่องการใช้สมุนไพรรักษาโรคง่ายๆ แต่ถ้าโรคหนักๆล่ะก็ ยาเอื้อยทั้งสองสู้ข้อยไม่ได้ดอก”
“ผมเชื่อ”
ศรีธารามองตาเชื่อม สะออนเห็น แอบเขินๆ แต่ไม่ได้คิดเชิงชู้สาว
“หันหลังมา ข้อยจะทาข้างหลังให้ก่อน”
ศรีธาราหันหลังให้สะออนอย่างว่าง่าย สะออนค่อยๆ บรรจงทายาให้ โดยไม่เห็นว่าศรีธารายิ้มพึงใจ
โซ่ทองขึ้นเรือนมา มองเห็นศรีธารานั่งยิ้มแป้น ก็ชักตะหงิดๆ ใจ เดินเข้าไปขัดจังหวะ ไม่อยากให้สะออนถูกมองไม่ดี
“เฮ็ดหยัง สะออน เจ้าไปซ่อยเวียกงานยาเอื้อยไป เดี๋ยวอ้ายทายาให้บักแก้วมันเอง”
สะออนชะงัก ชักสีหน้าใส่ “นี่ก็บ่อเซื่อมือข้อยอีกคน เจ้าลืมแล้วหรืออ้ายโซ่ทอง ว่าที่อ้ายแก้วฟื้นไข้ กลับมาแข็งแรง ลุกขึ้นเดินเหินได้ ก็ย่อนสูตรยาของข้อย”
สะออนหันไปทายาให้ศรีธาราต่อ โซ่ทองยืนเก้อ มองสีหน้าแป้นแล้นของศรีธาราแล้วหงุดหงิดบอกไม่ถูก
ที่วังอินทนิลเวลาเดียวกัน
พ่อแพทย์พุทไธใช้น้ำมันสมุนไพรที่ปรุงมาบีบนวดตรงจุดชีพจรของแม่เจ้าที่นอนซมอยู่บนเตียง เห็นอาการสั่นเทาของแม่เจ้าสงบลง ใบหน้ามีสีเลือดสูบฉีดขึ้น
“รู้สึกดีขึ้นไหม แม่บัว” พ่อเจ้าพูดไทยกลางกับลูกเมีย และพูดอีสานกับคนอื่น
แม่เจ้าค่อยๆ ผินหน้ามามองสามี พยายามยิ้มให้
“อกใจมันโล่ง หายใจคล่องขึ้นค่ะท่าน”
พ่อเจ้ายิ้มดีใจ หันไปพูดกับพ่อแพทย์
“ยาของท่านนี่ดีแท้ๆ ข้อยบ่อได้เห็นแม่เจ้าปทุมรัตน์ยิ้มมาโดนแล้ว ตั้งแต่ล้มเจ็บ กินยาหมอฝรั่งก็บ่อได้ผล”
“น้ำมันว่านนาคราชออกฤทธิ์บรรเทาอาการเจ็บได้เป็นครั้งคราว แต่โรคที่แม่เจ้าประซวร ต้องเสวยยาขนานอื่นอีก ข้าน้อยสิปรุงมาให้เสวยมื่ออื่น”
“ขอบใจท่านหลาย ถ้าท่านต้องการว่านยาพิเศษชนิดใด๋ ก็ขอให้บอกข้อยมา ราคาสิแพงปานได๋ ข้อยก็บ่อย่าน ขอแค่ให้แม่เจ้าปทุมรัตน์เซาเจ็บเซาไข้ก็พอ”
“ข้าน้อยสิปรุงตามสูตรในคัมภีร์ของท่านพ่อแพทย์จันทกุมารมาปิ้นปัวรักษาแม่เจ้าก่อน ว่านยาชนิดได๋ที่หายาก ข้าน้อยสิบังคมทูลพ่อเจ้าในคราวหลัง”
“ขอบใจมาก ท่านพ่อแพทย์พุทไธ ที่ช่วยยื้อความตายให้ฉัน อย่างน้อยก็จนกว่าลูกๆ ฉันจะกลับมา”
แม่เจ้ามีสีหน้าสลดลง รอยยิ้มอ่อนๆ ที่มีหายไปสิ้น
พ่อเจ้าสงสาร “แม่บัว...”
“ให้แม่เจ้าพักผ่อนก่อนเถิดพ่อเจ้า”
พ่อแพทย์ลุกนำทุกคนออกไป แต่แม่เจ้าเหลือบมองคำอ่อน แล้วขยับมือเรียกไว้
“ขอให้ฉันคุยกับแม่คำอ่อนตามประสาผู้หญิงสักประเดี๋ยวได้ไหมจ๊ะ”
ยาแม่หันไปมองแม่เจ้าอย่างแปลกใจ พ่อแพทย์พยักหน้ายินยอม แล้วเดินออกไปกับพ่อเจ้า
ยาแม่ขยับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง แม่เจ้าเหลือบมอง ยิ้มอ่อนระโหยมาให้
“แม่คำอ่อน ฉันไม่ได้เจอเธอก็หลายปี แต่ก็ยังจำได้เสมอว่าเมียพ่อแพทย์เป็นแม่บ้านแม่เรือน เป็นสตรีอีสานที่มีฝีมือการทอผ้า ใจบุญสุนทาน ชอบเข้าวัดเข้าวา มีจิตเป็นกุศล”
ยาแม่ยิ้มอาย “แม่เจ้ามีธุระเวียกงานสิ่งใดจะให้ข้าน้อยรับใช้หรือเจ้าคะ”
“อย่าเรียกว่ารับใช้เลย เรียกว่าสงเคราะห์ฉันจะดีกว่า... แม่คำอ่อน ฟังฉันนะ ฉันรู้ว่ายาของท่านพ่อแพทย์นั้นดี แต่ฉันรู้ตัวว่าสังขารของฉันจะฝืนอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นาน”
ยาแม่ตกใจ “แม่เจ้า...”
แม่เจ้าแตะมือยาแม่เป็นเชิงปรามไม่ให้ตกใจ
“ใครจะมารู้ดีกว่าตัวเราเอง แต่ฉันยังไม่อยากจะพูดไปให้คนอื่นเขาขวัญเสีย”
ยาแม่นิ่งงัน ยังไม่เข้าใจว่าแม่เจ้าพูดเรื่องนี้ให้ตนฟังทำไม
“ตั้งแต่ปรับเปลี่ยนระบบการปกครอง พ่อเจ้าเปลี่ยนยศจากเจ้าเมือง มาเป็นผู้ว่าราชการเมือง ท่านก็ทำงานหนักเป็นสองสามเท่า ซ้ำยังต้องเอาเวลาพักผ่อนมาละลายให้กับคนป่วยหนักที่ไม่มีประโยชน์อย่างฉันอีก ฉันยังไม่พร้อมตาย เพราะฉันยังห่วงผัว”
ยาแม่เอะใจแปลกๆ ได้แต่รับคำ “เจ้าค่ะ”
“งานของผู้หญิงที่กินตำแหน่งแม่เจ้า ไม่ใช่แค่เป็นชายาเจ้าเมือง แต่ต้องทำหน้าที่สำคัญ ทั้งงานหลังบ้าน งานหน้าบ้าน เป็นหน้าเป็นตาเสริมบารมีผัว” แม่เจ้านิ่งมองหน้ายาแม่ แล้วพูดบอกเจตนาออกไปอย่างชัดเจน “ฉันจะตายตาหลับไม่ได้เลย ถ้ายังไม่มีผู้หญิงดีๆสักคนมาเป็นทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน เป็นคู่บุญบารมีให้พระขัตติยะรามังกูร ผัวฉัน”
ยาแม่ตะลึง ยกมือทาบอก
“แม่คำอ่อนอย่าเคืองฉันนะ ที่ต้องพูดตรงๆ เพราะถ้าฉันพูดอ้อมค้อม ฉันอาจจะตายเสียก่อนจะพูดจบ” แม่เจ้าเงียบไปครู่หนึ่ง มองหน้าคำอ่อนนิ่งๆ แล้วพูดเข้าเรื่องต่อ “ลูกสาวสามคนของเธอมีใครพอจะมานั่งบัลลังก์เมืองอีสานบุรีเป็นคู่บุญบารมีของพ่อเจ้าต่อจากฉันมั้ย”
ยาแม่ตะลึงพูดไม่ออก ในใจตื่นเต้นกับข้อเสนอดังกล่าว แต่ด้วยความเจ็บป่วยของแม่เจ้าจึงไม่ได้ทำให้เกิดความยินดี
ตกกลางคืน สอางลงมาเดินเล่นครุ่นคิดอยู่หน้าเรือน สับสนว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี ไม่ทันไรก็เห็นรถแล่นเข้ามา กำจรจอดรถที่หน้าบ้าน พอเปิดประตูลงมาเห็นสอางก็ดีใจ
“สอาง มารอผมหรือ...”
กำจรถามไม่จบคำ สอางก็สะบัดหน้าขึ้นบ้านไป สอางเดินหนีจะเข้าห้อง แต่กำจรรีบตามมาดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ สอาง”
“ปล่อยข้อย”
“ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะให้โอกาสผมอธิบาย”
กำจรกอดรัดสอางไว้ สอางสะบัดสะบิ้ง แต่ก็พอเป็นพิธี ไม่เกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อคืน
“ฟังผมก่อนนะ คนดี ผมอยากให้คุณเข้าใจทุกอย่าง”
กำจรเดินมาหาสอางที่นั่งทำหน้างอนอยู่ที่เตียงพร้อมกับกรอบรูปหมู่ 4 คน ส่งรูปให้ดู ชี้ไปที่ผู้หญิง
“นี่คุณแม่ของผม คุณหญิงรำไพ”
สอางมองดูรูปคุณหญิงในกรอบรูป เห็นเป็นสตรีแต่งตัวดี ภูมิฐาน แววตาแฝงความไว้ตัว ถ่ายรูปคู่กับลูกชาย หลานชาย สะใภ้ ลักษณะการโพสคือกำจรกับไฉไลยืนคู่กัน กำธรยืนติดกับแม่ เยื้องจากอีกฝั่งไม่ได้อยู่ใกล้พ่อ เลยไม่ได้ทำให้ภาพดูเหมือนเป็นครอบครัวเท่าไรนัก
กำจรชี้ต่อไปที่รูปไฉไล “ส่วนนี่ไฉไล...น้องสาวของผม กับลูกชายของเธอ”
สอางเงยหน้ามาองกำจรทันทีเชิงถามย้ำ
“ใช่แล้วครับ ผู้หญิงในรูปที่คุณเห็นในกระเป๋า คือน้องสาวของผม”
“ข้าน้อยสิเซื่อท่านได้จั่งได๋ ว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน”
“ผมคงไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันกับคุณได้ นอกจากให้คุณไปรู้จักกับพวกเขาด้วยตัวเอง สิ้นเดือนนี้ คุณคงจะไปพระนครกับผมได้นะ”
สอางอึ้งไป “ท่าน... ท่านบ่อได้ต้มตั๋วข้าน้อยแม่นบ่อ”
“อันที่จริง ผมอยากจะรอเวลาสักหน่อย จะได้ลาพักราชการยาวๆ พาคุณไปเที่ยวให้ทั่วพระนคร แบบที่วัฒนธรรมฝรั่งเขาเรียกว่า ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่ในเมื่อเกิดความเข้าใจผิดแบบนี้ ผมก็คงรอไม่ไหว ผมอยากจะรีบพาคุณไปกราบคุณแม่และรู้จักกับครอบครัวผม”
กำจรเอามือประคองใบหน้าสอาง สีหน้าเว้าวอน
“ผมร้อนใจนะสอาง ไม่อยากให้คุณสิ้นรักในตัวผม เพียงเพราะเรื่องเข้าใจผิด”
“ถ้าว่าสิ่งที่ท่านเว้ามามันเป็นควมจริง เป็นหยังท่านจึงบ่อฟ่าวบอกข้าน้อยตั้งแต่มื่อคืน”
“จะบอกยังไงล่ะ ก็คุณไม่ยอมฟังผมเลย ไล่ตะเพิดผมออกมา ผมรู้ว่า พูดอะไรออกไปตอนนั้น คุณก็คงไม่เชื่ออยู่ดี”
สอางใจอ่อนลง “นี่ข้าน้อยนอนกินน้ำตาข้ามคืนข้ามเว็นให้กับเรื่องเข้าใจผิดซั่นบ่อ”
“ผมสัญญานะ ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ผมจะไม่ทำให้คุณต้องร้องไห้อีกนะ คนดี”
สอางสะอื้นออกมาด้วยความตื้นตัน กำจรก้มหน้าลงจูบแก้มสอางปลอบโยน
มือกำจรกุมมือสอางบีบเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองจะค่อยๆ เอนราบลงกับที่นอน
ที่พระนครคืนเดียวกัน ไฉไลเปิดประตูห้องเข้ามาหาคุณหญิงรำไพในห้องนอนท่าน
“หนูใจคอไม่ดีเลยค่ะ คุณแม่”
“มีอะไรหรือลูก ไฉไล”
“เมื่อซักครู่ หนูพาตาธรเข้านอนแล้วก็ผล็อยหลับไป ฝันเป็นตุเป็นตะว่ากำจรเข้าเรือนหอกับผู้หญิงที่อีสานบุรี ตบแต่งกันออกหน้าออกตาเสียด้วย”
“แม่ไฉไลเก็บเรื่องนี้มาลองคิดมากจนเอาไปฝันร้าย อย่างที่แม่เคยบอกนั่นแหละ ถ้าพ่อกำจรมีผู้หญิงอื่นจริง ได้เห็นรูปลูกที่ติดกระเป๋าไป มันก็คงคิดได้ เข็ดขยาดไม่กล้ายุ่งแล้ว”
“แล้วถ้ามันเป็นพวกหน้าด้านเกาะไม่ปล่อยล่ะคะ ลูกชายตัวดีของคุณแม่มีทั้งยศ ทั้งเงิน ผู้หญิงบ้านนอกที่มันไม่มีโอกาสในชีวิต ลองได้เจอผู้ชายแบบกำจรก็ต้องวิ่งแจ้นเข้าใส่ทุกราย”
คุณหญิงแอบทำหน้าเบื่อหน่ายที่ไฉไลดื้อแพ่งห้ามไม่ฟัง
“แล้วลูกจะทำยังไงต่อไปล่ะ”
ไฉไลไม่ตอบ สีหน้าเครียด คิดหนัก
ด้านสะออนหวีผมให้สะอาดอยู่ที่หน้ากระจก พลางลูบไล้ผมยาวสลวยของสะอาดอย่างประทับใจ
“เฮือนผมยาเอื้อยนี่ ทั้งดำทั้งนุ่ม ข้อยล่ะอิจฉาแท้”
สะอาดเหลือบมองสะออนในกระจก แล้วหัวเราะ
“เอื้อยหมั่นสระด้วยน้ำแช่ข้าว ด้วยน้ำหมากกรูด ถ้าเจ้าอยากมีเฮือนผมงาม ก็ต้องใส่ใจโตเอง นี่เจ้าอาบน้ำก็ฟ่าวอาบฟ่าวแล้วปานพ่อซายอาบ มีนิสัยมักออกไปตากแดดตากลม ผมเลยหยาบ ผิวเลยกร้าน”
“ถ้าข้าน้อยอยากผิวงามผมงามคือยาเอื้อย ต้องเฮ็ดจั่งได๋ บอกสอนข้าน้อยแหน่”
“เป็นหยังมาถามแปลกๆ คึดอยากจกอยากงาม เจ้าไปแอบมักพ่อซายทางได๋น้อ”
“โอ๋ย... บ่อเกี่ยวดอก ถึงบ่อมักพ่อซาย ข้าน้อยก็อยากจกอยากงามได้ดอก” สะออนเสียงอ่อยยิ้มเขิน “ข้อยอยากงาม เผื่อได้ขึ้นนั่งเสลี่ยงเป็นนางแก้วอัญเซิญขันหมากเบ็ง ขึ้นสักการะพระธาตุ งานบุญเบิกบ้าน ปีหน้า”
สะอาดยิ้มเอ็นดู “นั่นยิ่งแสดงว่าน้องสาวของเอื้อยเป็นสาวแล้ว สะอออน น้องหล่า เจ้าสิมักสิซอบไผ มันก็บ่อผิดดอก แต่ให้เจ้าจงเลือกดีๆ อย่าพลั้งใจคือเอื้อย...”
สีหน้าสะอาดขรึมลง เมื่อนึกถึงกำจร สะออนเห็นพี่สาวเศร้า ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“อย่าไปคึดหยังหลายเลย ยาเอื้อยก็ยังมีคนดีๆ เข้ามาในซีวิต”
“ไผ ไผเข้ามาในซีวิตเอื้อย”
“ก็อ้ายโซ่ทองนั่นเด ข้อยเห็นอ้ายโซ่ทองเพิ่นมาวนเวียนซ่อยเวียกซ่อยงานยาเอื้อยอยู่บ่อห่าง”
สะอาดอึ้งไปนิดๆ แล้วหัวเราะออกมาอย่างขำขัน
“ตายแล้ว เจ้าเข้าใจผิดมาโดนปานได๋แล้ว น้องหล่า ฟังเอื้อยเด๊อ โซ่ทองมันแค่มาซ่อยเวียกซ่อยงานเอื้อยแทนแม่สายเท่านั่นเอง มันบ่ออยากให้แม่มันเฮ็ดงานหนัก กระดูกกระเดี้ยวเพิ่นบ่อดีคือแต่ก่อน บ่อได้มีเหตุผลอื่นแอบแฝงเลย”
สะออนมีสีหน้าประหลาดใจ จ้องหน้าจับผิดพี่สาว
“แล้ว...ยาเอื้อยบ่อเห็นแก่น้ำจิตน้ำใจของเพิ่นจักหน่อยเลยหรือ”
“เห็นสิ โซ่ทองมันเป็นคนดีมีน้ำใจ ไผเขาก็ฮู้กันทั่ว”
“แค่นั่น”
“เจ้าสิบีบให้เอื้อยคึดหยังกับมัน”
“ก็” สะออนไม่รู้จะพูดยังไง แต่ก็ยังอยากลุ้นให้โซ่ทองสมหวัง
สะอาดเห็นสายตาน้องสาวก็เข้าใจเจตนา “อีหล่า เอื้อยน่ะฮักและเมตตาบักโซ่ทองส่ำน้องซายในไส้คนหนึ่ง เหลือโตนสงสารมันที่กำพร้าพ่อ เอื้อยฮักสอาง สะออน โซ่ทอง ส่ำกันทุกคน เจ้าอย่าคึดหยังหลาย”
สะอาดพูดจบก็เอาหวีจากสะออนมาสางผมตัวเองต่อ ปล่อยให้สะออนอึ้งค้าง สีหน้าผิดหวัง สงสารโซ่ทอง
ฝ่ายท้าวศรีธาราในคราบไอ้แก้วพยายามฝึกเป่าแคนตามที่โซ่ทองสอน แต่ฟังไม่เป็นเพลง เสียงปลิ้นไปปลิ้นมา
“อีกนานไหม อ้ายโซ่ทอง กว่าผมจะเป่าเป็นเพลง”
โซ่ทองหัวเราะ “ดูจากสภาพแล้ว ชาติหน้านู่นล่ะมั้ง...”
“โธ่ ชาติหน้ามันนานไปมั้ย ผมอยากเป่าแคนเป็นเร็วๆ อ้ายสอนเพลงง่ายๆให้ผมหน่อยนะ ผมอยากเป่าเป็นเพลงรัก หวานๆซึ้งๆ”
“มึงจะไปเป่าเกี้ยวสาวที่ไหนวะ บักแก้ว”
ศรีธาราบอกเขินๆ “ก็คุณ... คุณสะออนน่ะ”
โซ่ทองชะงักหันขวับมองศรีธาราทันที
“มึงมักสะออนบ้อ”
“ก็เธอเป็นคนน่ารักนี่ อ้ายโซ่ทอง แล้วเธอก็ดีกับผมมาก ชาตินี้ ผมคงไม่มีสายตาไปมองหญิงอื่นได้แล้ว”
โซ่ทองเห็นศรีธาราทำตาฝันหวาน แทนที่จะโกรธกลับรู้สึกเห็นใจ เพราะตัวเองเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน
“มึงอย่าฝันไปไกลเลย บักแก้วเอ๊ย เพิ่นเหมือนดาวที่อยู่สุดขอบฟ้าพู่น เฮามันอยู่บนดิน ก็ได้แต่แหงนมอง กระโดดสูงแค่ไหน ก็ไม่มีวันเอื้อมถึงดอก”
“อ้ายลองแล้วหรือ”
โซ่ทองสะดุ้ง ศรีธาราพูดจริงจัง
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีอะไรเกินเอื้อมของคนเรา ถ้ายังคว้าไม่ถึงในวันนี้ วันหน้าก็ลองใหม่ พยายามไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง เราต้องกระโดดได้สูงพอที่จะคว้าดาวลงมาได้ ขอแค่เรามีความเชื่อในตัวเอง”
โซ่ทองทำหน้าประหลาดใจ รู้สึกว่าศรีธาราพูดจาแปลกหู ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้ยินคำพูดนี้
“มึงนี่เพ้อเจ้อนะบักแก้ว”
“อ้ายโซ่ทองไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ผมเชื่อว่าตัวเองทำได้”
ศรีธารายักไหล่พรืดอย่างธรรมเนียมชาวฝรั่ง พูดยิ้มๆ แล้วหัดเป่าแคนต่อ
พ่อแพทย์กับยาแม่กางมุ้งนอนบริเวณชานเรือน ยาแม่นอนลืมตาโพลงอยู่ในมุ้ง แล้วถอนใจ พ่อแพทย์พลิกตัวหันมา
“ยังคึดเรื่องนั่นอยู่อีกหรือ แม่คำอ่อน ปล่อยวางแล้วนอนเสียเถิด”
“แต่ข้อยตกปากฮับคำกับแม่เจ้าปทุมรัตน์ไปแล้ว”
พ่อแพทย์ทนไม่ไหว ลืมตา ลุกขึ้นนั่ง
“ฮับปากให้คนป่วยสบายใจ มันก็บ่อผิดดอก แต่ถ้าคิดสิยัดเยียดลูกสาวให้ไปเป็นเมียน้อยไผ มันผิดมันบาปแน่ๆ ไทบ้านสิเว้าพื้นนินทา ก่นด่าไปถึงผีปู่ผีย่า”
ยาแม่เสียงอ่อย “เป็นเมียน้อยจั่งได๋ล่ะพ่อแพทย์ แม่เจ้าเพิ่นบอกแล้วว่าถ้ามื่อได๋เพิ่น...”
“คึดจังซั่น ก็เท่ากับแซ่งซักหักกระดูกให้เพิ่นตายวันตายพรุ่ง แต่หน้าที่ข้อยคือปิ้นปัวรักษาซีวิตคน มันสิขัดกัน”
ยาแม่เถียงไม่ออก เงียบคำไป พ่อแพทย์ถอนใจ แล้วล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม
“ลืมซะเถาะแม่คำอ่อน เรื่องนี่ จั่งได๋มันก็บ่อเหมาะบ่อควร”
ยาแม่ยังนอนคิด ตัดใจไม่ได้ เพราะยังอยากให้สะอาดได้ดีไม่น้อยหน้าสอาง
เรื่องเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยเวียงคำนาคแล้ว ศรีสะอาดแอบฟังพ่อกับแม่คุยกันในวันหนึ่ง
“เฮ็ดจังซั่นได้จั่งได๋ อัญญานางคำอ่อน มันผิดพระราชซะประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินล้านซ้าง” อัญญาหลวงเอ่ยขึ้น
“ผิดจั่งได๋เพคะ อาณาจักรล้านซ้าง ใคร่สิดองเป็นทองแผ่นเดียวกับเวียงคำนาคประเทศราช จึงส่งพระมหาอุปราชมาอภิเษกสมพงศ์กับลูกหลานเฮาข้าน้อยก็บ่อได้ขัดขีนสิ่งใด๋ เพียงแต่...”
มหาเทวีพูดไม่ทันจบ อัญญาหลวงก็สวนออกมาอย่างรู้ทัน
“เพียงแต่เจ้าสิยกศรีสะอาดให้ขึ้นอภิเษกสมงพศ์กับสาธุบาทเจ้า แทนหูกคำ”
สีหน้าศรีสะอาดตื่นตะลึง เมื่อได้ยิน
“สาธุบาทเจ้ารามางกูร เป็นถึงพระมหาอุปราชแห่งพระเจ้าแผ่นดินอาณาจักรล้านซ้าง คู่ควรอภิเษกสมพงศ์กับพระราชซะธิดาของอัญญาหลวง เจ้าองค์ครองนครประเทศราชที่เกิดแต่พระมเหสีเอกเท่านั่น เป็นหยังอัญญาหลวงสิให้พระองค์ลดพระเกียรติลงมาอภิเษกสมพงศ์กับอีหูกคำ ลูกสนมซั้นต่ำอย่างอีทองจันทร์”
อัญญาหลวงหน้าเครียด เมินหนีไม่อยากฟัง แต่มหาเทวีเดินตามกล่อม
“สาธุบาทเจ้ารามางกูร พระมหาอุปราช กำลังสิได้ไปเป็นเจ้าองค์ครองนครสี่พันดอน ถ้าศรีสะอาดลูกของเฮาได้เข้าอภิเษกสมพงศ์ ก็สิบุญญาวาสนาสูง ได้ไปเป็นพระมหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งสี่พันดอน เป็หยังอัญญาหลวง”
“แต่พระเจ้าแผ่นดินล้านซ้าง โปรดให้อภิเษกสมพงศ์กับแม่ญิงที่ทอภูษาไหมปีละเก้าผืนเก้าลายที่ถวายไปกับเครื่องราชสะบรรณาการ ผ้าไหมลายงามทั้ง เหมิดนั่นคนที่ลงแฮงต่ำทอคือหูกคำบ่อแม่นศรีสะอาด ถ้าล้านซ้างฮู้ควมจริงว่าเฮาต้มตั๋ว หัวกบาลข้อยสิบ่อหลุดจากบ่าซั่นบ่อ อัญญานางคำอ่อน”
“สิไปยากหยังล่ะเพคะ ข้าน้อยสิหัดลูกให้ต่ำผ้าเอง”
“สิเอาปัญญาไสมาหัดลูกให้ต่ำผ้า โตเจ้าเองก็ยังต่ำผ้าบ่อเป็น ศรีสะอาดบ่อมีวันเทียบฝีมือต่ำผ้าหูกคำได้ จักมื่อหนึ่ง ควมจริงก็ต้องฮั่วไปถึงพระเนตรพระกรรณ”
มหาเทวีขัดใจ “ฮึ พระราชซะสาสน์ส่งมาขอลูกสาวอัญญาหลวงไปเป็นมเหสี บ่อได้ไปเป็นขี้ข้าต่ำผ้า สิยกไผให้ มันก็คือกันนั่นล่ะ แต่ถ้าอัญญาหลวงสิดื้อดึงให้อีหูกคำขึ้นนั่งบัลลังก์มหาเทวีแห่งสี่พันดอน ก็คอยเบิ่งควมเพพินาศสิบหายของเวียงคำนาคที่สิเกิดจากฤทธานุภาพของข้าน้อยก็แล้วกัน”
อัญญานางมหาเทวีเดินเชิดออกไป
ศรีสะอาดได้ยินฟังคำแม่ แล้วยิ้มพอใจที่จะได้แต่งงาน ได้แย่งชิง และชนะหูกคำ
คืนนี้เป็นคืนวันหลังพิธีอภิเษก ศรีสะอาดนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าสาธุบาทเจ้าในชุดสวยงาม ก้มลงกราบพระสวามี แล้วเปิดหีบหยิบผ้าไหมลายงามที่ช่วงชิงจากหูกคำมาถวายให้สาธุบาทเจ้า
สาธุบาทเจ้ารับผ้ามาดู “ภูษาแพรไหมเหล่านี่ เจ้าเป็นคนต่ำเองกับมือทั้งเหมิดเลยซั่นบ่อ”
ศรีสะอาดทำหน้ามีเลศนัย
แท้จริงแล้วทั้งศรีสะอาด มหาเทวี นางข้าหลวง และทหาร บุกเข้าไปรื้อค้นคุ้มของหูกคำ ช่วยกันรื้อข้าวของ เอาทรัพย์สมบัติมีค่าออกมา จนทหารช่วยนางข้าหลวงยกหีบผ้าขนาดกลางมาวางตรงหน้าศรีสะอาด เปิดออกให้เห็นผ้าลายสวยงามมากมาย ศรีสะอาดหยิบขึ้นมาดูยิ้มสาสมใจ
คิดถึงเหตุการณ์นั้นแล้วศรีสะอาดคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน
“เพคะ ข้าน้อยตั้งใจมั่น สิถวายให้แด่สาธุบาทเจ้าเป็นของสมมาในมื่องานอภิเษกสมพงศ์ของเฮา”
“ลวดลายงดงามอัศจรรย์หลาย งามกว่าที่เจ้าเคยส่งไปถวายเป็นเครื่องราชซะบรรณาการแด่สมเด็จพระเจ้าลุงของข้อย”
สาธุบาทเจ้ามองศรีสะอาดอย่างพึงพอใจ ประคองให้ลุกขึ้น เผยให้เห็นว่าศรีสะอาดอยู่ในชุดแต่งงานที่งดงาม แต่ซิ่นที่นุ่งคือผ้าสิ้นลายหงส์สีแดงเข้ม ซึ่งจะเข้มกว่าสีต้นตำรับ เพราะมันย้อมอาบด้วยเลือดของหูกคำ ผ้าซิ่นลายหงส์เปล่งประกายอยู่บนตัวศรีสะอาด ทำให้สาธุบาทเจ้ามองอย่างหลงใหล
“นับแต่นี่ เมืองสี่พันดอนสิมีพระมหาเทวีเป็นคนฮู้ผู้ดี มีศิลปะวิซาปราดเปรื่อง ข้อยโซคดีมีบุญหลาย ที่ได้เมียเป็นแม่ญิงที่เพียบพร้อมอย่างเจ้า อัญญานางศรีสะอาด”
สาธุบาทเจ้าโอบศรีสะอาดเข้ามาแนบอก แล้วจุมพิต ศรีสะอาดทำเป็นก้มหน้าเอียงอาย แต่ก็ไม่หลบ เลี่ยงปล่อยให้สาธุบาทเจ้ากอดจูบตามอำเภอใจ
สองร่างเอนลงบนเตียง พานบนหัวนอน มีดอกไม้หอมสีขาววางอยู่ในนั้นส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ
สะอาดนอนหลับคาหูกทอผ้า จนรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากความฝัน มองเห็นดอกไม้หอมสีขาวที่เห็นในฝัน วางอยู่บนหูก
ยาแม่เข้ามาเห็นสะอาดขยี้ตามองดอกไม้ ท่าทางงัวเงียก็เอ่ยทัก
“ตื่นแล้วบ่อ สะอาด ไปอดหลับอดนอนมาแต่ไส แม่เอิ้นเจ้าหลายเทือก็บ่อตื่น”
“ขอสมมาจ้ะ ยาแม่”
สะอาดพึมพำ แล้วมองไปที่ดอกไม้สีขาวอย่างติดตา ยาแม่ยิ้มเอ็นดู ลูบหัว
“เจ้าคงสิเมื่อยสิล้า ย่อนตื่นมาต่ำผ้าแต่ก่อนไก่ทุกมื่อ หาเวลาพักแหน่ลูก”
“จ้ะ ยาแม่”
สะอาดรับคำ แต่สายตายังไม่ละจากดอกไม้ ก่อนจะเอื้อมหยิบมาดู
“ยาแม่... ดอกไม้ซ่อนี่ ไผเอามาวางไว้เทิงหูกข้าน้อย”
“บ่อฮู้คือกัน สงสัยสิแม่นอีสาย เป็นหยังหรือ”
“ข้าน้อยฝัน” สะอาดมองหน้ายาแม่ด้วยสีหน้าพิศวง “ฝันเห็นดอกไม้ซ่อนี่ ในห้องของพ่อซายคนนึง”
พ่อแพทย์กำลังจัดเตรียมยาใส่กระเป๋าเพื่อไปรักษาแม่เจ้า มียาแม่เกลี้ยกล่อมเรื่องสะอาด
“ข้อยบอกแล้วว่าบ่อได้ ก็คือบ่อได้”
“แต่ฝันเทือนี่ มันอาจสิเป็นบุพนิมิตบอกเหตุว่าสะอาดสิได้พบพ้อกับพ่อซายที่เหมาะสมคู่ควรก็ได้หนา พ่อแพทย์”
“พ่อซายที่มีเมียแล้ว สิคู่ควรกับลูกเฮาได้จั่งได๋ มันผิดผี”
“มื่อนี่ ผิดผี แต่มื่อหน้า อาจสิถืกใจผีกะได้”
“เจ้าเว้าอีหยัง ฟังบ่อเป็นมงคล”
พ่อแพทย์กระแทกเสียงไม่พอใจ หันไปจัดยาใส่กระเป๋าต่อ แต่ยาแม่ยังเซ้าซี้
“ข้อยบ่อได้ให้เจ้าพาลูกเฮาไปยัดเยียดให้เพิ่นภายในมื่อนี่มื่ออื่นดอกข้อยแค่ขอให้เจ้าพาสะอาดไปกราบเพิ่นทั้งสอง แม่เจ้าปทุมรัตน์สิได้สำบายใจ ในภายภาคหน้า วาสนาของสะอาดสิเป็นไปจั่งได๋ ก็สุดแท้แต่บุญแต่กรรม”
พ่อแพทย์นิ่งลง เหมือนเริ่มโอนอ่อนตามนิดๆ
“แม่เจ้าปทุมรัตน์เป็นแม่ญิงซั้นสูง สิให้บักโซ่ทอง ไปจับไปบาย เช็ดเนื้อเซ็ดโตให้เพิ่นมันก็บ่อบังควร สะอาดนี่ล่ะต้องได้ซ่อยพ่อแพทย์ในกาลนี่”
สีหน้าพ่อแพทย์ครุ่นคิด ลึกๆ ก็อยากให้ลูกได้ผัวดี แต่ก็ยังมีความละอายใจอยู่ที่ต้องแต่งเข้าวังในสถานการณ์แบบนี้
รถของวังอินทนิลแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตำหนักใหญ่ พ่อเจ้าออกมายืนรอรับพ่อแพทย์ด้วยความยินดี แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่าพ่อแพทย์ไม่ได้มาคนเดียว แต่มีสะอาดก้าวตามลงมาจากรถด้วย
“ลูกสาวคนโตของข้าน้อย แม่สะอาด” พ่อแพทย์แนะนำกับสะอาด “สะอาด กราบสมมาพ่อเจ้า พระขัตติยะรามังกูร สาลูก”
สะอาดนั่งพื้น ช้อนตาขึ้นมองพ่อเจ้า จังหวะเดียวกับที่พอเจ้าประสานสายตากับสะอาด นิ่งงันไปทั้งสองคน
สะอาดมีสีหน้าประหลาดใจ เห็นภาพความฝันแว่บเข้ามา ต้องรีบก้มลงกราบกับพื้นหลบสายตา
“ข้าน้อยให้ลูกสาวมาซ่อยรักษาแม่เจ้าปทุมรัตน์ พ่อเจ้าคงสิบ่อขัดขีน ดอกแม่นบ่อ”
“บ่อดอก ดีเสียอีก เชิญข้างในก่อน”
สะอาดก้มหน้า หลบสายตาพ่อเจ้า ที่ยังลอบมองสะอาดอย่างสะดุดตาและพึงพอใจ
แม่เจ้าปทุมรัตน์ทอดสายตามองสะอาดที่ก้มกราบกับพื้นด้วยท่าทีชดช้อยอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างถูกชะตา
“หน้าตางดงามหมดจด เหมือนยาแม่คำอ่อนไม่ผิดเพี้ยน”
สะอาดยิ้มน้อยๆ ด้วยความขวยเขิน ลุกขึ้นมา ขยับเข้ามาใกล้ยาแม่
“ข้าน้อยขอสมมาเจ้าค่ะ”
สะอาดค่อยๆ ยกข้อมือยาแม่ขึ้น แล้วใช้น้ำมันนวดทาลงไปเบาๆ ท่าทางนิ่มนวลแต่คล่องแคล่ว
“ข้าน้อยสอนให้ลูกๆ ทุกคนฮ่ำเฮียนวิซาแพทย์ติดตัวไว้ในยามจำเป็น ถ้าแม่เจ้าปรารถนาอยากสิให้สะอาดเฮ็ดสิ่งใด ก็สั่งเพิ่นได้”
ระหว่างที่พ่อแพทย์พูด สะอาดก้มหน้าก้มตานวดน้ำมันชีพจรให้แม่เจ้าด้วยการสงบเสงี่ยม ดูเป็นกริยางดงามยิ่งนักในสายตาแม่เจ้า เมื่อแม่เจ้าหันไปเห็นสายตาพ่อเจ้าที่ลอบมองสะอาดก็ยิ่งพอใจ
“ดีจริง ถ้าเช่นนั้น เห็นทีฉันต้องขอตัวแม่สะอาดไว้เป็นคนดูแล จนกว่าจะหายดี ท่านพ่อเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรคะ”
พ่อเจ้าทำหน้าเก้อๆ รีบถอนสายตาออกจากสะอาด กลัวว่าจะโดนจับได้
“ถ้าแม่บัวถูกชะตากับแม่สาวน้อยคนนี้ ฉันก็คงไม่ขัดใจดอก”
แม่เจ้ายิ้มสบายใจหายห่วง หมายใจว่าสะอาดนี่แหละที่ควรจะเป็นเมียคนใหม่ของพ่อเจ้าแทนตน
ฝ่ายนางงอเดินตรวจตราบ้านพักสารวัตร เอามือป้ายฝุ่นตามพื้นเรือน แล้วหันไปบ่นบ้าด่าเสากับสีแหล่ที่นั่งนอนๆ กินผลไม้อยู่ที่ชานบ้านสบายอุรา
“อีพวกขี้ข้านิ่ พวกมึงอยู่เฮือนกันจั่งได๋ ถึงปล่อยให้ฝุ่นจับเฮือนเป็นแผ่นอย่างนี่ เป็นหยังบ่อปัดกวดเซ็ดถูกันแหน่ เลี้ยงเสียข้าวสุกข้าวสารแท้ๆ พวกมึงนิ”
“มันเป็นเวียกงานของป้าคำสีจ้ะ แม่งอ บ่อแม่นธุระเวียกงานหยังของตูข้อย” เสาว่า
“เออ แล้วอีคำสีมันไปตายไส กูมาจักเทือจักเทือ ก็บ่อเคยเห็นเงาหัวมัน” นางงอมองหา
“สงสัยหลบลี้อยู่ที่บ้านโตเองล่ะมั้ง แม่สอางสั่งว่า ถ้าเพิ่นอยู่เทิงเฮือน ก็ห้ามบ่อให้ป้าคำสีเสนอหน้าขึ้นมา บ่อเซ่นนั่น สิถืกถีบตกคันได” สีแหล่บอก
นางงอถอนใจ ลึกๆ เอือมระอาความเอาแต่ใจของสอางเช่นกัน หันไปโวยใส่เสากับสีแหล่
“ถ้าเซ่นนั่น มึงสองโตก็ต้องซ่อยกันปัดซ่อยกันถู สิปล่อยให้ฝุ่นหนาปลิวเข้าปากเข้าดังสอางบ่อได้ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี่ กูบอกให้สูลุกขึ้น”
นางงอหันไปกระวีกระวาดหยิบไม้กวาด ผ้าขี้ริ้วโยนใส่เสากับสีแหล่ ทั้งสองกระโจนหนี บ่นพึมพำ
“โอ๊ย แม่งอนี่ ขอตูข้อยกินให้แล้วก่อนได้บ่อ” เสาบ่น
“ตูข้อยอยู่กันบ่อเห็นสิวุ่นวาย พอแม่งอมาเท่านั่นล่ะ นั่นกะบ่อดี นี่กะบ่อเอา” สีแหล่เหน็บ
“ป้าดโธ่ อีปอบมึง สูมาเป็นขี้ข้าเพิ่น บ่อได้มาเป็นเจ้านาย ถ้าขี้คร้าน สันหลังยาว กูสิลากคอสูเมือเฮือนพุทไธเทพ ไปอยู่ให้อีคำอ่อนมันจิกกบาลใซ้ เอาบ๊อ”
เสากับสีแหล่ผวากลัว รีบหยิบไม้กวาดกับผ้าขี้ริ้วลุกไปทำงานปัดกวาด
นางงอเดินตรวจตราจัดระเบียบข้าวของในบ้านไป ซักพักก็ได้ยินเสียงเพล้ง หันมา เห็นเสาเช็ดฝุ่นไปโดนพานฝ้ายผูกแขนในงานแต่งงานของสอางกับกำจรหล่นลงมากระจายเกลื่อนพื้นเรือน
“อีเสา มึงเฮ็ดหยังของมึง”
เสาหน้าเสีย ทำอะไรไม่ถูก สอางเปิดประตูผ่างออกมา ท่าทางง่วงๆ
“โอ๊ย สูเห่าสูหอนอีหยัง กูสินอน” สอางมองเห็นพานฝ้ายกระจายเต็มพื้นก็ตกใจ “หา นี่มันอีหยัง ไผเฮ็ด กูถามว่าไผเฮ็ด”
เสียงเสาหวีดร้องลั่นเรือนในเวลาต่อมา นสอางจิกหัวออกมาที่หน้าบันได แล้วเหวี่ยงโครงเกือบตกบันได แต่สีแหล่ช่วยรับไว้ทัน สอางแค้นใจจะตามไปถีบ แต่เสารีบคุกเข่าลงยกมือไหว้ปลกๆ
“ข้าน้อยขอสมมาจ้ะแม่สอาง”
“พานฝ้ายผูกแขนงานแต่งดองกู มึงเฮ็ดตกกระจายแบบนี่ ฮู้บ่อ ว่ามันเป็นลางร้าย”
“ข้าน้อยบ่อได้ตั้งใจจ้ะ ก็แม่งอเพิ่นบังคับให้ข้าน้อยเฮ็ด”
“อ้าว อีปากเสีย กูให้มึงปัดเฮือนปัดซาน บ่อได้ให้มึงพังเพข้าวของ” นางงอด่า
“ใซ้พวกขี้ทูตกุดถังเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน มันก็สิบหายวายป่วงอย่างนี่ล่ะ”
เสียงยาแม่ดังนำมาก่อนตัว ก่อนที่ยาแม่จะโผล่ขึ้นเรือนมาพร้อมกับเภา
สอางกับนางงอเห็นยาแม่ก็ชะงัก แปลกใจ เพราะไม่คิดว่ายาแม่จะมาเหยียบที่บ้านหลังนี้
ยาแม่เดินสำรวจรอบเรือนหอของสอาง แล้วถือวิสาสะผลักประตูเข้าไปในห้อง สอางกับนางงอเดินตามเข้ามาอย่างไม่วางใจ
“ข้าน้อยบ่อคึดว่ายาแม่สิมาเยี่ยมฮอดเฮือน”
“ก็อยากสิมาเบิ่ง ว่าเจ้าออกเฮือนไปแล้วเป็นจั่งได๋แหน่ เฮือนซานบ้านอยู่ ฮู้จักเก็บกวดบ้างหรือบ่อ”
ยาแม่มองห้องนอนเห็นข้าวของระเกะระกะ ที่นอนก็ยับย่นเพราะสอางเพิ่งลุก
“แล้วก็เดาไว้บ่อผิดเลย ว่าต้องเป็นอย่างนี่”
สอางรู้สึกอาย เดินไปดึงผ้ามาปิด แล้วนั่งบังสายตาไว้
“ข้าน้อยบ่อมักเฮ็ดอีหยังที่ยุ่งยาก สารวัตรเพิ่นก็มักอยู่อย่างง่ายๆ”
“หึ มักง่ายพอกันทั้งผัวทั้งเมีย”
สอางชักสีหน้าไม่พอใจ ยาแม่มองเลยไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วเดินตรงไปจะเปิด นางงอรู้ทัน ตรงไปขวางไว้
“เจ้ามีธุระเวียกงานอีหยัง”
“บ่อแม่นเรื่องของมึง”
ยาแม่ผลักตัวนางงอออกห่าง แล้วเปิดตู้ เห็นซิ่นลายหงส์พับอยู่ในนั้น หยิบส่งให้เภา
สอางปราดเข้ามา กระชากผ้าคืนจากเภา แต่ยาแม่กระชากกลับ
“สอาง ปล่อย”
“ที่แท้ ยาแม่ก็บ่อได้ห่วงใยข้าน้อย แค่สิมาทวงผ้าซิ่นคืน”
“แล้วเป็นหยังแม่สิบ่อมีสิทธิ์ทวงคืน ในเมื่อมันเป็นของของแม่”
“ข้าน้อยก็บอกยาแม่แล้ว มื่อได๋ที่ยาเอื้อยสิแต่งดอง ค่อยมาเอาคืนไป”
“เอาคืนมาตอนนี่เลย เพราะอีกบ่อโดน สะอาดก็สิได้แต่งดองแล้ว”
สอางยิ้มเยาะ “หึ เตรียมสิยกขี้ข้าในเฮือนขึ้นเป็นผัวลูกแล้วซั่นบ้อ”
ยาแม่ยิ้มในสีหน้า คุยข่ม “คนที่สิมาเป็นคู่ครองของเอื้อยเจ้าเป็นไผ อย่าเพิ่งฮู้เลย ฮู้แค่ว่า สิเอิ้นว่างานแต่งดองออกเฮือนธรรมดา ประสาไทบ้านแบบเจ้าบ่อได้ ต้องเอิ้นว่า พิธีอภิเษกสมพงศ์”
สอางไม่เชื่อปะทะคารม “ไผ บักได๋สิมาตบแต่งยาเอื้อย ยศมันสูงแค่ได๋กัน”
ยาแม่ยิ้มหยัน “ยศสูงบ่อสูง ผัวผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้าก็ยังต้องได้ยอมือไหว้”
สอางหน้าเสีย คาดไม่ถึง รู้สึกเสียหน้าขึ้นมาทันที ยาแม่ถือโอกาสกระตุกผ้าจนหลุดมือสอาง ยื่นให้เภา
“มึงเอาไปไว้ในรถ อย่าให้บักได๋อีได๋มันสกมันสวยเอาไปอีก”
“จ้ะ ยาแม่”
เภารีบกระวีกระวาดออกจากห้องไป นางงอมองตาม ไม่พอใจ ปราดตามไปติดๆ
“หาผ้าหาแพรงามๆไว้แต่งให้ทันเด้อ สอาง ถ้าแต่งบ่องาม เดี๋ยวเจ้าสิหมอง สิอายคน”
ยาแม่หันหลังกลับ เดินออกไปจากห้อง สอางอึ้ง แต่ก็เสียดาย ไม่อยากคืนผ้าซิ่น
เภาหอบผ้าซิ่นออกมานอกชาน รีบร้อนไม่ทันระวัง เสากับสีแหล่ที่ทำเป็นนั่งๆ นอนๆ อยู่เอาตีนขัด
“โอ๊ย อีเสา อีสีแหล่”
เภาล้มคะมำ ผ้าซิ่นหลุดมือ เสากับสีแหล่หัวเราะร่วน
เภาตะกายไปคว้าผ้าซิ่น นางงอตามมาเหยียบมือเภาไว้ ถืออีโต้จังก้า
“ปล่อยมือจากผ้าซิ่นเดี๋ยวนี่ อีเภา”
“แม่งอ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วบ้อ”
“ถ้ามึงบ่อปล่อย กูสิฟันมือมึงให้ขาดเดี๋ยวนี่”
“อีงอ”
ยาแม่ตามเข้ามาจะห้าม นางงอตาขวาง เงื้ออีโต้จะสับแขนเภาจริงๆ เภาร้องกรี๊ดลั่นเข่าอ่อน ผ้าซิ่นหลุดมือ สอางรีบพุ่งเข้าไปหยิบไว้
ยาแม่โกรธ “เป็นหยังต้องเฮ็ดกันถึงเพียงนี่ พวกมึงเป็นคนหรือเป็นยักษ์เป็นมาร”
“แล้วยาแม่ล่ะ ก็อีแค่ผ้าผืนเดียว เป็นหยังมาปล้นมาซิงกันอุกอาจแบบนี่ ข้าน้อยสิบอกผัวลากคอไปเข้าคุกให้เหมิด”
ยาแม่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ และเสียใจ ตวาดกร้าวอย่างลืมตัว
“นี่กูเป็นแม่มึงนะสอาง”
“ถ้ายังฮู้โตว่าเป็นแม่ข้าน้อย ก็กลับไปซะ อย่ามาเฮ็ดให้ข้าน้อยสิ้นศรัทธา”
ยาแม่หายใจหอบ เอามือทาบอกสะเทือนใจใหญ่หลวง อีกมือต้องคว้าอะไรใกล้ตัวพยุงไว้ เภาเห็นแล้วรีบลุกไปประคองยาแม่
“ยาแม่ ยาแม่”
ยาแม่หายใจหอบแรง ทั้งแค้นทั้งเสียใจที่สอางพูดจาไม่ไว้หน้า แต่สอางกลับทอดสายตามองมาอย่างเฉยเมย
นางงอสะใจกับภาพที่เห็นเหลือเกิน
ที่วังอินทนิลเย็นวันเดียวกัน สะอาดอ่านหนังสือให้แม่เจ้าฟังจนจบบท ก็เหลือบมองนาฬิกาแล้วปิดหนังสือ
“ได้เวลาแม่เจ้าต้องเสวยพาแลงแล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวกลับเฮือนก่อนนะเจ้าคะ”
“ขอบใจมากนะ สะอาด ที่อุตส่าห์มาอยู่ดูแลคนป่วยอย่างฉัน” แม่เจ้ามองไปที่กล่องบนโต๊ะเครื่องแป้ง “ช่วยหยิบกล่องนั้นให้ฉันที
สะอาดเอี้ยวตัวไปหยิบส่งให้ แม่เจ้าเปิดกล่องออกมา เห็นว่ามีเครื่องประดับมากมาย บรรจงเลือกสร้อยทองสวมข้อมือเส้นเล็กๆ ให้
“รางวัลของเธอ”
สะอาดมองแหวนอย่างตกใจ รีบยกมือไว้ แต่ส่ายหน้า
“ข้าน้อยขอสมมา ข้าน้อยรับไว้ไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ เธอมาอยู่เป็นเพื่อน ดูแลปรนนิบัติฉันอย่างดี เธอควรต้องได้รับสิ่งตอบแทน”
“ข้าน้อยทำเพื่อช่วยงานของยาพ่อ และยาพ่อคงจะได้รับค่าตอบแทนส่วนนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันให้เธอเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับพ่อแพทย์” แม่เจ้าเห็นสะอาดลังเลก็โน้มน้าวให้รับ “ผู้ใหญ่ให้ของก็รับไว้เถอะ ถ้าใส่แล้วไม่ชอบ วันหลังค่อยเอามาคืน”
สะอาดมองหน้าแม่เจ้าอย่างแปลกใจ แม่เจ้าพูดยิ้มๆ แบบมีแผน
“แต่เธอต้องใส่มาเยี่ยมฉันทุกวันนะสะอาด อาจจะมีสักวันที่ฉันใจอ่อนยอมรับคืน”
อีกฝั่งสายกำลังสอนโซ่ทองตำข้าวเปลือกอยู่ใต้ถุน ศรีธาราตำไปก็วิ่งเก็บเม็ดข้าวที่กระเด็นออกไป
สายส่ายหน้าอ่อนใจกับความไม่เอาไหนของศรีธารา ขณะใกล้ๆ กันเห็นโซ่ทองกำลังซ่อมแห
“แลงนี่ อีแม่อยากกินปลาบ่อ ข้อยซ่อมแหแล้วพอดี” (ดางแห = ข่ายแห)
“ก็ดีคือกัน แม่บ่อได้เฮ็ดต้มส้มกับลาบปลามาโดนแล้ว เดี๋ยวแม่สิขุดหัวสิงไค เตรียมเครื่องปรุง คั่วข้าวไว้รอเด้อ” (หัวสิงไค = ตะไคร้)
“ข้อยสิฟ่าวไปตึกแหหว่านปลา ก่อนตะเว็นสิตกดิน ฝากเบิ่งบักแก้วนำเด้อแม่”
“ให้ผมไปด้วยสิ ผมอยากหว่านปลาเป็น”
“มึงหัดงานให้เป็นทีละอย่างก่อนเถาะ บักแก้ว แค่ตำข้าวเปลือกบ่อให้กระเด็นออกนอกครก ก็ยังเฮ็ดบ่อได้”
โซ่ทองเอาแหพาดบ่า แล้วเดินออกไป ศรีธารามองตามอย่างเสียดาย แต่ก็โดนสายเรียกให้หันมาสนใจเรื่องตำข้าวเปลือกต่อ
โซ่ทองลุยลงมาในบึงน้ำ คลี่แหหว่านออกไปออกไปเป็นวงกว้างอย่างเชี่ยวชาญ เห็นแหทอดตัวลงไปในน้ำ แล้วกระตุกแรงอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ริมบึง
“สงสัย สิได้กินปลาโตใหญ่โว้ย”
โซ่ทองรีบรวบชายแหอีกด้านแล้วโผตามไปตรงบริเวณทีน้ำกระเพื่อมแรง แล้วทิ้งตัวลงไปกอดร่างนั้นไว้
ร่างในอ้อมกอดของโซ่ทองยิ่งดิ้นหนักขึ้นๆ จนโซ่ทองรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่ยังไม่ผละหนี กลับยิ่งกอดแน่นขึ้น จนกระทั่งสะออนโผตัวขึ้นเหนือน้ำ
“โอ๊ย ข้อยหายใจบ่อออก”
โซ่ทองมองสะออนที่ถูกแหครอบไว้และอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างตกใจ
“สะออน นี่เจ้าเองซั่นบ่อ”
“ก็สิไผล่ะ อ้ายสิฆ่าข้อยหรือจั่งได๋ ปล่อยข้อย”
โซ่ทองงงๆ เพิ่งรู้สึกตัวว่ากอดสะออนไว้เต็มแขน รีบผละออก
“โธ่เอ๊ย เฮาก็นึกว่าสิได้ปลาโตใหญ่ ที่แท้ ก็เป็นลูกลิงลูกค่างหนีมาเล่นน้ำ”
“ข้อยบ่อได้มาเล่นน้ำ ข้อยกำลังเล่นซ่อนหาอยู่”
สะออนเถียง แล้วพยายามแก้แหออกจากตัว แต่ไม่สำเร็จ โซ่ทองต้องเข้ามาช่วย แก้แหให้
“นี่มันใกล้ค่ำแล้ว ยังสิมาเล่นซ่อนหา บ่อย่านผีพราย มันมาดึงขาลงน้ำซั่นบ่อ พิเรนทร์แท้”
“ผี มันก็หาข้อยบ่อเห็นดอก ขนาดเอื้อยเพ็งกับพวก แล่นไปแล่นมาก็ยังบ่อเห็นข้อยเลย”
สะออนหัวเราะขำจนตัวโยน เห็นเป็นเรื่องสนุก โซ่ทองต้องรวบตัวไว้
“อยู่นิ่งๆ สิ”
โซ่ทองรวบตัวสะออนเข้ามาแนบชิดไม่ทันได้คิดอะไร แต่จังหวะใกล้ชิดกันทำให้เกิดแรงดึงดูดอย่างจัง
ทั้งสองร่างเบียดเข้ามาชิดกัน มองหน้ากันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มีเพียงแหชั้นสุดท้ายทีกั้นใบหน้าของสะออนอยู่
โซ่ทองมองสะออนอย่างเผลอไผล เพิ่งรู้สึกตัวว่าสะออนโตเป็นสาวแล้วทั้งตัวก็ตอนที่ได้สัมผัสใกล้ชิดคราวนี้เอง ใจเต้นรัวเร็วจนเกือบจะห้ามใจไว้ไม่อยู่ แต่มีเสียงเพ็งดังขัดขึ้นเสียก่อน
“แม่สะออน ออกมาเถาะ ข้อยยอมแพ้แล้ว”
สะออนได้สติ รีบผละออกจากโซ่ทองทันที แล้วรีบปีนขึ้นฝั่ง
“ข้อยอยู่นี่ เอื้อยเพ็ง”
สะออนหันมามองโซ่ทองอีกทีด้วนสายตาประหลาด แล้วรีบวิ่งตัวเปียกไปหาเพ็งกับเพื่อนๆ
โซ่ทองยังลอยคออึ้งๆ อยู่ในบึง เนื้อตัวยังร้อนรุ่มจากความใกล้ชิดกับสะออนเมื่อครู่ ใจคอหวั่นไหวแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เย็นนั้น สะอาดวางสร้อยข้อมือที่แม่เจ้าให้ลงบนโต๊ะหน้ากระจก ยังงงไม่หายที่แม่เจ้าให้ของสูงค่าเช่นนี้กับตน ยาแม่เปิดประตูห้องเข้ามา มองเห็นสร้อยบนโต๊ะก็แปลกใจ
“ไปเอาสายสร้อยมาจากไสลูก”
“แม่เจ้าปทุมรัตน์เพิ่นให้ข้าน้อยจ้ะยาแม่”
ยาแม่แอบยิ้มดีใจ “เป็นควมจริงซั่นบ่อ”
“ข้าน้อยยังงงอยู่เลย ว่าเป็นหยัง เพิ่นถึงให้ของมีค่าปานนี่ แถมยังกำซับสั่งควม ให้ข้าน้อยใส่ไปหาเพิ่นที่วังอินทนิลทุกมื่อ”
ยาแม่ยิ้ม รู้เจตนาของแม่เจ้า แต่พูดกลบเกลื่อน
“เพิ่นคงสิถืกซะตากับลูก ดีแล้วล่ะ เฮ็ดโตให้ผู้ใหญ่เพิ่นฮักเพิ่นแพง สิเฮ็ดการสิ่งใด๋ มันก็สิง่ายดาย แล้วพ่อเจ้า พระขัตติยะรามางกูรเป็นจั่งได๋บ้าง เพิ่นดีกับเจ้าหรือบ่อ”
สะอาดนึกถึงหน้าของพ่อเจ้า แล้วตอบเสียงแผ่ว
“ข้าน้อยยังบ่อทันได้มีโอกาสได้สนทนากับเพิ่นดอกจ้ะ ยาแม่ แต่ก็แปลก...”
“แปลกจั่งได๋หรือลูก”
“ยาแม่จำความฝันที่ข้าน้อยเว้าสู่ฟังเมื่อเซ้าได้บ่อ พ่อซายที่อยู่ในฝันคนนั่น หน้าตาคือกันกับพ่อเจ้าบ่อมีผิดเพี้ยน”
ยาแม่อึ้งไป แต่ภายในใจลิงโลดด้วยความปลื้มปิติ
“ข้าน้อยบ่อฮู้ว่ามันเป็นไปได้จั่งได๋ ข้าน้อยบ่อเคยพบพ้อหน้าเพิ่นมาก่อนเลย”
“นั่นก็แปลว่า ซะตาของลูกกับพ่อเจ้านั่นต้องกัน จงเฮ็ดให้เพิ่นฮักเพิ่นเอ็นดูเถิดลูก เพิ่นสิได้ซ่อยเหลือเกื้อกูลเจ้าในอนาคต”
สะอาดยังมีสีหน้างงๆ ไม่เข้าใจคำที่ยาแม่พูด แต่ยาแม่ไม่ขยายความต่อ ดึงสะอาดมากอดลูบหัว ข่าวดีของสะอาดทำให้อารมณ์ขุ่นมัวจากบ้านของสอางหายไปจนหมดสิ้น
ด้านสอางกับกำจรยืนพลอดรักดูดาวอยู่ที่นอกชาน แต่ใจสอางกลับคิดถึงเรื่องสะอาดที่ยาแม่บอกด้วยท่าทีเยาะเย้ยตอนบ่าย ด้วยความร้อนรุ่มริษยา
“คู่ครองของเอื้อยเจ้าเป็นไผ อย่าเพิ่งฮู้เลย ฮู้แค่ว่า ยศสูงบ่อสูง ผัวผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้าก็ยังต้องได้ยอมือไหว้”
กำจรกอดหอมสอางอย่างเพลิดเพลิน แต่เห็นสอางไม่ไหวติงตอบสนองก็แปลกใจ
“คิดอะไรอยู่หรือ สอาง”
“ท่านสารวัตร ในเมืองอีสานบุรี ยังมีคนที่บุญหนักศักดิ์ใหญ่กว่าท่านอีกหลายบ่อ”
“คุณถามทำไม”
“ก็ข้อยอยากสิฮู้”
กำจรนิ่งคิด แล้วก็ตอบตรง ๆ เพราะคิดว่าสอางอยากรู้อยากเห็นเฉยๆ
“ก็น่าจะเยอะ เพราะผมเป็นแค่สารวัตร นายตำรวจที่มียศสูงกว่าผมเป็นระดับผู้กำกับก็ยังมี ไหนจะเจ้าใหญ่นายโตที่ดูแลราชการงานเมืองอีกตั้งหลายฝ่าย”
สอางคิดตามเรื่อยๆ เริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ กำจรเห็นสอางสีหน้าไม่ดีก็ข้องใจ
“มันต้องมีเหตุผลอะไรสิ คุณถึงได้ถามผมแบบนี้”
“ยาแม่บอกข้าน้อยว่า ยาเอื้อยสะอาดสิได้แต่งดองกับเจ้าใหญ่นายโตที่ท่านก็ต้องยอมือไหว้”
กำจรอึ้งไป แต่แล้วกลับหัวเราะออกมา สอางหน้างอ
“แต่ข้าน้อยบ่ออยากให้ไผมาบุญใหญ่ยศสูงเหนือกว่าสารวัตร”
“โธ่ เรื่องแค่นี้เอง อย่าคิดมากสิสอาง ใครจะเหนือกว่าใครมันไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าผู้ชายคนนั้นเขารักพี่สาวคุณจริง อย่างที่ผมรักคุณหรือเปล่า”
กำจรพูดพลางหอมแก้มสอางเอาใจ สอางมองค้อน ใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแผดดังขึ้นจากตีนบันไดเรือน
“แน่ใจหรือว่ารักมันจริง”
อ่านต่อตอนที่6