ซิ่นลายหงส์ ตอนที่4 โป๊ะแตก!กำจรซุกลูกเมียไว้ที่พระนคร
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา
เหตุการณ์ฉาวโฉ่ในโรงทอไหม รู้กันไปทั่วเรือนพุทไธเทพในเวลาอันรวดเร็ว เวลานี้กำจรกำลังก้มลงกราบขอขมาพ่อแพทย์พุทไธกับยาแม่คำอ่อนอยู่บนเรือนใหญ่ ทั้งสองท่านนั่งนิ่งขึงสีหน้าเจ็บปวด อับอาย มีสะอาดกับสะออนนั่งอยู่ด้วย
“ผมกราบขอขมาพ่อแพทย์กับยาแม่ด้วยครับ ที่กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมลงไป”
“ฮู้อยู่แก่ใจว่ามันบ่อเหมาะสม แต่ก็ยังเฮ็ด” ยาแม่คำอ่อนกระแทกเสียงใส่ “ท่านสารวัตรลบหลู่ดูหมิ่นศักดิ์ของแม่กับพ่อแพทย์เหลือเกิน”
“ไม่ใช่นะครับ ผม... ผมกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ”
สอางฉุนกึกโพล่งขึ้น “ท่านสารวัตรสิบอกว่า บ่อได้ตั้งใจสิได้เสียกับข้าน้อยซั่นบ่อ”
พ่อแพทย์ตกใจ “สอาง”
ทุกคนตกใจกันทั้งเรือนกับคำพูดของสอางที่โพล่งออกมาหน้าตาเฉย แต่สอางไม่แคร์ ตีโพยตีพายบีบน้ำตา
“ถ้าบ่อได้ตั้งใจ แล้วเป็นหยังเมื่อคืนท่านสารวัตรจึงเฮ็ด ข้าน้อยขัดขืนปานได๋ แต่ท่านก็ยัง กอดรัดฟัดเหวี่ยง จูบหอมข้าน้อย จนข้าน้อย...”
พ่อแพทย์ฟังแล้วอายแทน “พอแล้วสอาง เรื่องอัปรีย์สีกบาลอย่างนี่ พ่อบ่ออยากฟัง”
สอางโต้กลับพ่อเสียงดังอย่างไม่แคร์ นางงอยืนมองอยู่ไกลๆ อย่างพอใจ
“ยาพ่อต้องฟัง คนเหมิดเฮือนนี่ต้องฟัง ย่อนว่ามันเป็นควมจริง สิได้ฮู้กันว่าท่านสารวัตรเสน่หาข้าน้อยปานได๋ ข้าน้อยได้เสียตกเป็นเมียท่านสารวัตรทั้งคืน บ่อแม่นว่าคึดเอามโนเอา คือแม่ญิงคนอื่น”
ยาแม่หน้าเสีย สะอาดช็อก น้ำตาเอ่อ ตกใจในความแรงของสอาง
กำจรยืดอกรับ “ผมยินดีรับผิดชอบการกระทำครั้งนี้อย่างลูกผู้ชายครับ ขอให้พ่อแพทย์กับยาแม่สั่งมาเลยว่าต้องการอย่างไร”
กำจรหันไปจับมือสอางกุม พูดให้สัญญากับทุกคน
“ผมรักสอาง ผมจะไม่ทอดทิ้งสอางแน่นอนครับ”
สอางยิ้มสมใจ
พ่อแพทย์มีสีหน้าอึดอัด เหลือบมองเมียกับลูกอีก 2 คนก็เห็นความอัดอั้นตันใจไม่ต่างกัน
ที่เรือนแพทย์ โซ่ทองรู้เรื่องแล้ว ละมือจากการทำงาน พูดกับสะออนซึมๆ
“อ้ายคึดบ่อถึงเลย ว่าสอางสิกล้าเฮ็ดเรื่องแบบนี้ได้”
“ข้อยก็บ่อฮู้ว่าเป็นหยังยาเอื้อยจึงเฮ็ดโตตกต่ำ บ่อมีราคา ยอมให้พ่อซายคนนั่นมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของยาพ่อกับยาแม่ได้ลงคอ”
“แล้วพ่อแพทย์ว่าจั่งได๋แหน่”
“เพิ่นสิว่าจั๋งได๋ ก็ต้องยอม ให้จัดงานแต่งดองขึ้น ทั้งที่ยังบ่อมีฤกษ์ล่ะอ้าย เพิ่นเกรงย่านว่าไทบ้านไทเมืองสิเอาไปเว้าพื้นนินทา” สะออนถอนใจ “ตอนนี่ ข้อยเคียดยาเอื้อยสอางจนบ่ออยากแนมหน้า คอยเบิ่งเถาะ งานแต่งดองของเพิ่นข้อยก็สิบ่อซ่อยหยังจักอย่างจักแนวเลย”
โซ่ทองดุ “เจ้าสิเฮ็ดอย่างนั่นได้หรือ สะออน พี่น้องกัน ก็ต้องซ่อยเหลือกัน”
“ซ่อยเหลือไปก็ส่ำว่าเฮาเห็นดีเห็นงามที่เพิ่นเฮ็ดผิดฮีตผิดคอง ข้อยซ่อยบ่อลงดอก”
“แค่เรื่องของยาเอื้อยสะอาดกับสอาง พ่อแพทย์กับยาแม่ก็หนักใจพอแฮงแล้ว ถ้ามาฮู้ว่าเจ้าประท้วง ย่อนเคียดซังพี่น้องโตเอง เพิ่นสิทุกข์ใจปานได๋ เจ้าก็ลองคึดเบิ่ง เอาเอง”
โซ่ทองจ้องสะออนดุๆ เตือนสติ สะออนหน้าม่อยลง คิดได้
วันเวลาผ่านไป
งานกินดองของสอางและกำจร ตั้งแต่การตระเตรียมงาน บ่าวไพร่ในเรือนพุทไธเทพช่วยกันตระเตรียมงาน ประดับประดาเรือนเพื่อต้อนรับแขก สะอาด ยาแม่ แม่ครู พ่อแพทย์ ร่วมมือกันช่วยเตรียมงานอย่างดี
เมื่อถึงวันงานแต่ง ขบวนขันหมากของกำจรเดินทางมาถึงเขตเรือนพุทไธเทพที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมกับเสียงดนตรีพิณแคนซอบรรเลงเพลงจังหวะคึกคักดังกึกก้อง นำขบวนด้วยหนุ่มสาวชาวบ้าน นางรำของแม่ครู รำฟ้อนทำให้บรรยากาศยิ่งครึกครื้น
เพ็ง เภา ลากสะออนมาช่วยกั้นประตูเงินประตูทองหน้าเรือน เห็นโซ่ทองช่วยถือพานอยู่ในขบวนขันหมากสีหน้าเศร้า
กำจรผ่านประตูกั้นต่างๆ ขึ้นไปถึงบนชานเรือนบริเวณจัดพานพาขวัญบายศรีผูกข้อไม้ข้อมือ ก็ได้พบเจ้าสาว สอางอยู่ในชุดผ้าซิ่นลายหงส์สวยงามหมดจดยิ่งกว่าที่เคยเห็นในวันงานบุญ กำจรมองอย่างตะลึง ขณะที่ถูกพาเข้าไปเข้าสู่พาขวัญ
พ่อพราหมณ์หมอธรรมของบ้านแคนหลวงเป็นคนสวดบูชาเทวดาและประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ เส้นฝ้ายขาวขนาดยาวถูกส่งต่อให้ทุกคนในงานได้ร่วมจับ ชาวบ้านคอยส่งเสียงร้อง “มาเด้อขวัญเอ้ย” ตามประเพณี ตลอดพิธีของพ่อพรามหณ์
เจ้าบ่าวเจ้าสาวหยิบไข่ต้มจากพานบายศรีมาป้อนให้กัน ผู้หลักผู้ใหญ่ให้คาบถั่วฝักยาวคนละทาง ค่อยๆกินจนกระทั่งทั้งสองจุมพิตกัน เสียงไชโยโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วเรือน โซ่ทองกับสะอาดมองดูภาพชื่นมื่นแล้วใจแทบสลาย น้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดสุดหัวใจ
หลังพิธีบายศรีสู่ขวัญกำจรกับสอางนั่งลงให้ผู้หลักผู้ใหญ่ผูกข้อไม้ข้อมืออำนวยชัยให้พร พ่อแพทย์กับยาแม่ร่วมพิธีผูกข้อมืออวยพรให้บ่าวสาว สีหน้าพ่อแพทย์ดูเต็มใจชื่นชมยินดีไปกับลูก แต่ยาแม่ยังดูตึงๆ
ถึงคราวสะออนกับสะอาดเข้ามาผูกแขนอวยพรบ่าวสาว สะอาดก้มหน้าก้มตาผูกข้อมือให้กำจร โดยไม่พูดจาอะไร เห็นสีหน้ากำจรเหลือบมองอย่างรู้สึกผิด สะอาดผูกข้อมือให้สอางเสร็จก็ลงจากเรือนไปเลย
สะอาดเดินหนีงานเข้ามาในโรงทอ น้ำตานองหน้า แล้วฟุบลงสะอื้นที่หูกทอผ้า สะอื้นไห้จนตัวโยน แม้จะทำใจมาซักพักแล้ว แต่พอเห็นภาพกำจรกับน้องสาวเคียงคู่กันก็ยังสะเทือนใจอยู่ดี
สะอาดปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ระบายความโศกเศร้าอยู่สักพัก ก็รู้ตัวว่ามีคนเดินมาอยู่ข้างๆ พอเงยขึ้นมองเห็นว่าเป็นโซ่ทองก็รีบปาดเช็ดน้ำตา
“โซ่ทอง เจ้ามีหยังบ่อ”
“ข้าน้อยเห็นยาเอื้อยเดินมาทางนี่ผู้เดียว เลยตามมาเบิ่งว่ามีหยังหรือบ่อ”
พร้อมกับว่าโซ่ทองทอดสายตามองอย่างห่วงใย สะอาดซึ้งใจ รู้ว่าคงโกหกไม่ได้ว่าตัวเองร้องไห้เพราะอะไร
“ข้อยคึดว่าโตเองเฮ็ดใจได้แล้ว แต่พอมื่อนี่มาฮอด ก็อดเสียใจบ่อได้ เจ้าอย่าห้ามบ่อให้ข้อยฮ้องไห้เลย”
สะอาดบอกเสียงเครือแล้วร้องไห้ออกมาอีก โซ่ทองหันรีหันขวาง เดินไปหยิบผ้าสะอาดมาให้สะอาดเช็ดน้ำตา
“ฮ้องออกมาเถอะจ้ะ ให้น้ำตามันซ่อย ล้างแผลใจให้ดีขึ้น สิได้กลับขึ้นเฮือนไปให้ยาพ่อยาแม่เพิ่นเห็นหน้า เพิ่นสิได้บ่อกังวลใจ”
สะอาดพยักหน้ารับ รับผ้าจากมือโซ่ทองมาเช็ดน้ำตา โซ่ทองได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาเลยหันไปมอง
“แม่งอ...”
สะอาดชะงัก หันไปมองทันที เห็นนางงอยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าอมยิ้มมีเลศนัยบางอย่าง
“ข้อยเป็นห่วง เลยลงมาเบิ่งใจแม่สะอาด แต่มีคนปลอบใจอยู่แล้วข้อยก็สำบายใจ”
สีหน้าลึกล้ำของนางงอ ทำให้โซ่ทองกับสะอาดขยับตัวออกห่างจากกันทันที สะอาดพยายามเข้มแข็ง
“ขอบใจหลาย แต่แม่งอบ่อต้องห่วงข้อยดอก แม่งอขึ้นไปซ่อยเวียกงานยาพ่อยาแม่เทิงเฮือนเถิดจ้ะ”
นางงอยิ้มตอบแววตามีเลศนัย แล้วหันหลังเดินงกๆเงิ่นๆกลับออกไป
นางงอเดินยิ้มเจ้าเล่ห์ออกจากโรงทอ มาเจอกับสะออนที่ลงจากเรือนมาพอดี ทักขึ้นอย่างรู้ทัน
“ตามหาเอื้อยของเจ้าอยู่หรือ สะออน บ่อต้องไปตามเพิ่นดอก”
“แม่งอฮู้ซั่นบ่อว่ายาเอื้อยสะอาดเสียไปไส”
“เพิ่นกำลัง ให้บักโซ่ทองปาดน้ำตาให้อยู่ที่โฮงต่ำผ้าพู้นเจ้าบ่อต้องคึดห่วงเอื้อยเจ้าดอก สะออน เอื้อยของเจ้าคงสิเสียใจอีกบ่อโดน”
นางงอลอยหน้าลอยตาพูดแล้วเดินจากไป สะออนงง เหลียวมองไปทางโรงทอสีหน้างงๆ
สอางกับกำจรก้มลงกราบรับพรจากผู้ใหญ่ฝ่ายกำจร ก่อนที่กลุ่มนั้นจะลุกออกไป เหลือแค่ พ่อแพทย์พุทไธ ยาแม่คำอ่อน และ แม่ครูคำอุ่น
พ่อแพทย์ ยาแม่ แม่ครู ขยับเข้ามาใกล้คู่บ่าวสาว สีหน้ายาแม่กับแม่ครูดูอึดอัดเล็กน้อย พ่อแพทย์หยิยฝ้ายขาวจากพานมาผูกข้อมือ อวยชัยให้พรบ่าวสาวด้วยความยินดี
“ขอให้สอางของพ่อจงมีควมสุขเสมอมั่นกับพ่อซายที่ฮักเจ้า ให้ร่มเย็นเป็นสุข ครองฮักกันไปจนแก่จนเฒ่า มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเฮือน เด้อลูก”
สอางกับกำจรยิ้มรับพร แล้วก้มลงกราบ พ่อแพทย์ขยับให้ยาแม่เข้ามาแทน แต่ยาแม่มีท่าทีกระอักกระอ่วน ใจเหมือนยังยอมรับไม่ได้ นั่งนิ่งเนิ่นนานจนบ่าวสาวทั้งสองเงยหน้าขึ้นรอฟังคำอวยพร ยาแม่ก็ยังพูดไม่ออกอยู่ดี
“ยาพ่อของเจ้าเพิ่นให้พรแทนแม่ไปเหมิดแล้ว แม่คงสิบ่อมีอีหยังสิให้”
กำจรหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย พ่อแพทย์เองก็อึ้ง ขมวดคิ้วมองยาแม่เป็นเชิงตำหนิ แม่ครูตัดบท
“ถ้าเซ่นนั้น ก็ฮับพรจากป้าก็แล้วกัน” แม่ครูคำอุ่นผูกฝ้ายขาวที่ข้อมือบ่าวสาว “ขอให้โซคดีมีซัย เจริญรุ่งเรืองกันทั้งสองคนเด๊อ ท่านสารวัตรฮับหลานสาวข้อยไปแล้ว ก็ขอให้ฮักให้หอม ถนอมน้ำใจกัน เป็นผัวเดียวเมียเดียว ฮักกันมั่นยืนตลอดไป”
กำจรพึมพำรับเอาคำแล้วก้มลงกราบแม่ครูพร้อมกับสอาง ส่วนยาแม่ยังคงมองลูกสาวไม่เต็มตา
พ่อแพทย์ตามยาแม่เข้ามาในห้องนอนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“แม่คำอ่อน บ่อควรแสดงอาการแบบนั่น จั่งได๋เสีย สอางมันก็ลูกของเจ้า บ่อแม่นคนอื่นคนไกล”
“แต่ข้อยยังเฮ็ดใจบ่อได้ พ่อแพทย์บ่อฮู้เลยหรือ ว่าไทบ้านไทเมืองเขาเว้าพื้นนินทาว่าลูกสาวของเฮามันเคียว เอาเฮือนกายเข้าแลก ย่อนว่าอยากมีผัวจนโตสั่น” ยาแม่บ่น
พ่อแพทย์ถอนใจ “ไผสิเว้าอีหยังก็ให้เขาเว้าไป จั่งได๋ ลูกเฮาก็ได้ตบแต่งกับท่านสารวัตรออกหน้าออกตาแล้ว เดี๋ยวคนเขาขี้คร้านเว้า ก็หุบปากไปเอง”
“แต่ข้อยอายคน”
“อย่าให้ควมสุขในใจลูก มาเป็นควมทุกข์ในใจเฮาเลย เจ้าจงลดศักดิ์ศรี ลดทิฐิมานะลงมามีควมสุขกับซีวิตบ้างเถิด แม่คำอ่อน”
พ่อแพทย์ส่ายหน้าแล้วเดินหนีไป ทิ้งให้ยาแม่ยืนนิ่ง ทิฐิของยาแม่ที่มีต่อสอาง และแบกรับมาตั้งแต่อดีตชาติ ทำให้ไม่เคยรู้สึกรักใคร่ยินดีกับสอางได้อย่างสนิทใจจนตลอดชีวิต
สองคนอยู่ในห้องหอ สารวัตรกำจรผลัดเปลี่ยนผ้าเป็นชุดนอนแล้ว แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสอางยังคงสวมชุดซิ่นเต็มยศนั่งอยู่ปลายเตียง เลยเดินมาหา
“ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ สอาง คุณไม่อึดอัดหรือ”
สอางสะบัดหน้าหนีออกอาการงอนหน่อยๆ แต่กำจรยังไม่รู้ตัว เอาตัวเข้าไปเบียดใกล้ มือไม้ซุกซนเปะปะ แต่อยู่ๆ สอางก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะสะบัดสะบิ้งใส่ เหมือนไม่พอใจลุกหนีไป กำจรงงใหญ่
“คุณเป็นอะไรไป สอาง”
“ข้าน้อยสิบ่อทนแล้ว ท่านสารวัตรได้ข้าน้อยมาง่ายๆ เลยเฮ็ดบ่อให้เกียรติข้าน้อย” สอางระบดระบาย
กำจรหัวเราะขำ ท่าทีงุนงง “ไม่ให้เกียรติคุณ เรื่องอะไร ผมงงไปหมดแล้ว”
“มื่อแต่งดอง เป็นมื่อที่สำคัญที่สุดของซีวิตแม่ญิง แต่มื่อแต่งดองของข้าน้อย กลับบ่อมีพ่อแม่ของเจ้าบ่าวมาเหยียบเลยแม้แต่เงา แขกคนในงานก็เว้าพื้นนินทาข้าน้อยกันม่วนปาก ข้าน้อยอยากอายไทบ้านไทเมือง”
“โธ่… นึกว่าเรื่องอะไร”
กำจรลุกไปกอดปลอบประโลมสอางที่ยืนฮึดฮัดอยู่ริมหน้าต่าง
“สอาง ผมเคยบอกคุณแล้วนี่ ว่าคุณพ่อผมท่านเสียแล้ว ส่วนคุณแม่ท่านก็อายุมากแล้ว ให้เดินทางไกล ท่านคงไม่ไหว”
“แต่นี่ มันเป็นมื่อสำคัญของลูกซายแท้ๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ ท่านถึงได้ส่งของมารับขวัญลูกสะใภ้ของท่าน”
สอางแปลกใจ หันกลับมาหา กำจรยิ้มกริ่ม เดินไปหยิบกล่องเครื่องประดับในลิ้นชักเปิดออกให้ดู เห็นสร้อยคอรูปหงส์สวยงามตระการตา สอางมองแล้วอึ้งไป ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ของฮับขวัญ...สำหรับข้าน้อยน่ะหรือ”
“ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นใคร เป็นยังไงบ้าง คุณชอบมั้ยล่ะ”
สอางมองของมีค่าด้วยสายตาละโมบ ความหงุดหงิดก่อนหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว พยักหน้ารับปลื้มๆ
กำจรยิ้มพอใจที่ปราบพยศสอางได้ ค่อยๆ แกะสร้อยออกสวมให้ แล้วจูบเบาๆ ที่แก้มนวล ก่อนจะเลื่อนมาที่ใบหน้า
ที่แท้เครื่องประดับเหล่านี้เป็นของขวัญที่กำจรจัดเตรียมไว้ เพื่อปัดเป่าความสงสัยเรื่องที่ไม่มีใครในครอบครัวตนมาร่วมงานแต่งงานเลย
สอางค่อยๆ โอนอ่อน ปล่อยให้กำจรรุกเร้าตามตามใจปรารถนา สองร่างกอดเกี่ยวประคองกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงบนที่นอนด้วยกัน
อีกฟาก โซ่ทองนั่งเป่าแคนสำเนียงหวานโศกเศร้าอยู่บนแคร่หน้าเรือน สีหน้าเศร้าสร้อย หวนนึกถึงใบหน้าแช่มชื่นมีความสุขของสอางและกำจรในงานแต่งงาน
สายได้ยินเสียงเพลงแคนดังเข้าไปในเรือน เลยลุกออกมาดู โซ่ทองหันมาเห็นพอดีวางแคนลงข้างตัว
“ข้อยเฮ็ดให้อีแม่ตื่นหรือจ๊ะ”
“แม่ยังบ่อทันได้หลับดอกลูก”
สายส่ายหน้า เดินมานั่งเคียงข้างลูกชาย โซ่ทองเอนตัวลงนอนหนุนตักแม่กอดแคนไว้นแนบอก สายมองอย่างเข้าใจเห็นใจ
“แม่ฮู้ ว่าเจ้าเสียใจ แต่จงหักอกหักใจ แล้วเดินหน้าต่อไปเถิดบักหล่าเอ๊ย บ่อมีประโยชน์ที่เฮาสิมาจมอยู่กับควมทุกข์ควมโศกแบบนี่ดอก”
“ข้อยฮู้จ้ะอีแม่ แต่ในยามนี้ แค่หลับตาลง ข้อยก็เห็นแต่ภาพสอางมาวนเวียนหลอกหลอน ยิ่งเห็นสอางยิ้มมีควมสุขกับพ่อซายคนอื่น มันยิ่งเป็นคือมีดบาดหัวใจข้อย”
“เลิกคึดฮอดเพิ่นสา หันมาคึดแต่เรื่องที่สำคัญของเจ้า เจ้าจำคำที่ยาครูบอกได้บ่อลูก ภายภาคหน้า เจ้าสิเจริญรุ่งเรืองสุขสมหวัง ถ้าในมื่อนี่เจ้ามีมานะพยายาม”
โซ่ทองทอดสายตาลงต่ำ นึกตามคำพูดมารดา สายเอามือลูบหัวแล้วดึงลูกชายมาหนุนตักให้สบายๆ
“เจ้าจงเอาคำของยาครูเป็นแสงไฟส่องทางซีวิต ยามที่ใจของเจ้ามันมืดมนเด้อลูกเด้อ”
โซ่ทองรับเอาคำแม่ แล้วหลับตาลงฝันไป
ภายในโถงว่าราชการคุ้มหลวงของเวียงคำนาค อัญญาหลวง ประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง เหนือราชวงศ์ท่านอื่นๆ นั่งลดหลั่นตามลำดับ อันมี มหาเทวี เจ้าหญิงศรีสะอาด เจ้าราชบุตรโซ่ทอง เจ้าหญิงหูกคำ ทุกคนกำลังฟังมหาอำมาตย์ถวายข้อราชการ
“เพลานี่ ได้เกิดภัยฮ้ายจีนฮ่อธงขาวยกกำลังเข้าปล้นสะดมนครเซียงรุ่ง ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินแตกหนีมาขอพึ่งพระบารมีพระเจ้าสุริยวงศา แห่งนครเวียงจันทน์ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาให้ยกไพร่พลมาสมทบอาศัยที่ เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน หนองบัวลุ่มภู พระเจ้าข้า”
“สืบจากกาลนี่ไป เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน ก็มีแต่สิยิ่งใหญ่เจริญฮุ่งเฮืองไปภายหน้า แผ่บารมีก้วงขวงไปทั่วล้านซ้าง” อัญญาหลวงว่า
มหาเทวีเสริมว่า “ถ้าเซ่นนั่น เวียงคำนาคประเทศราชของเฮาต้องเร่งผูกสัมพันธ์ให้มั่นยืน ถ้าเฮาได้พัวพันกับเวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน ภายภาคหน้า เมื่อยามเกิดศึกสงคราม เวียงคำนาคสิได้ขอพึ่งกำลังกองทัพเพคะ อัญญาหลวง”
อัญญาหลวง “อัญญานางมหาเทวี เจ้าคึดเห็นเซ่นใดหรือ”
“พวกเสนาท้าวทหาร” มหาเทวีสั่งการไปยังสิบฮ้อยน้อยใหญ่ “ส่งข่าวมาว่าเจ้านครเซียงรุ่งมีพระธิดาองค์น้อยที่ยังบ่อทันได้อภิเษกสมพงศ์ กำลังหลบลี้หนีสงครามมา ท่านมหาอำมาตย์ จงแต่งเครื่องสมมา ขันเงินขันคำ และนำพระราชสาสน์ไปอัญเซิญสู่ขอเจ้าหญิงองค์น้อยนั่นมาเป็นพระซายาแก่อัญญาเจ้าราชซะบุตรลูกของข้อยให้เร็วที่สุด”
หูกคำสะดุ้งเฮือก หันไปมองราชบุตรที่นั่งนิ่งงัน
เจ้าราชบุตรกลับมาที่คุ้ม แล้วชะงัก หงุดหงิดทันที เมื่อเห็นหูกคำยืนตัวมอมรออยู่
“อีหูกคำ มึงมาเฮ็ดหยังที่หน้าเฮือนกู”
“อัญญาอ้ายศรีโซ่ทอง สิทรงเข้าอภิเษกสมพงศ์กับเจ้าหญิงเมืองเซียงรุ่งจริงหรือบ่อเพคะ”
“แล้วมันเป็นธุระเวียกงานอีหยังของมึง”
ราชบุตรจะเดินหนี แต่หูกคำตามตอแย
“อัญญาอ้ายยังบ่อเคยพบพ้อหน้าเพิ่น ซื่อเสียงเฮียงนามก็ยังบ่อฮู้จัก เหตุใด๋จึงอ่อนยอม เฮ็ดตามพระเสาวนีย์ของอัญญานางมหาเทวีง่ายๆ ล่ะเพคะ”
ราชบุตรชะงักหันกลับมาพูดใส่หน้าอย่างมาดมั่น
“กูเฮ็ดตามใจอัญญาแม่ ก็เพื่อควมมั่นยืนของเวียงคำนาค กูเป็นเจ้าราชซะบุตร ควมสุขสบายของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต้องมาก่อนสิ่งใด๋”
“แต่ถ้าเจ้าหญิงพระองค์นั่น บ่อได้มีใจเสน่หาฮักใคร่ในโตอัญญาอ้าย แล้วสิอยู่กินกันอย่างเป็นสุขหรือเพคะ”
“หรือว่ากูต้องอยู่กินกับมึง ซีวิตกูจึงสิเป็นสุข”
ราชบุตรมองหูกคำเต็มตาแล้วระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้า หูกคำผงะ
“เฮอะ อีหูกคำเอ๋ย มึงก้มเบิ่งเงาโตเองในน้ำ แล้วเจียมกะลาหัวโตเองแหน่ ซาติอีกาหน้าดำต่ำเตี้ยเฮียดินอย่างมึง บ่อมีบุญผลาสิได้มาสมสู่กับซาตหงส์อย่างกูดอก ถุย”
ราชบุตรถุยน้ำลายเฉียดๆ หน้าหูกคำอย่างเหยียดหยามแล้วเดินเข้าคุ้มไป
หูกคำยืนนิ่ง หน้าชาด้วยความเสียใจ ขณะที่คำจันมองหูกคำอย่างเห็นใจ อยากเข้าไปปลอบ แต่ก็ไม่กล้า ต้องรีบตามราชบุตรกลับเข้าไปในคุ้ม
มีการจัดพิธีต้อนรับเจ้าหญิงสีออนจากเมืองเชียงรุ่ง พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระกียรติ ที่ลานพิธีหน้าคุ้มหลวง
ในพลับพลาพิธีเห็นอัญญาหลวง มหาเทวี ราชบุตร ศรีสะอาด หูกคำ มหาอำมาตย์ และอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่มาเฝ้ารอการต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนทอดสายตามองไปยังลานดำเนินเบื้องหน้า จนกระทั่งเห็นกองทหารเกียรติยศนำขบวนของเจ้าหญิงสีออนเข้ามา
“ขบวนเสด็จของพระธิดาจากนครเซียงรุ่งมาฮอดโฮงเฮือนหลวงเวียงคำนาคแล้วพระเจ้าข้า” มหาอำมาตย์ถวายรายงาน
กองทหารเกียรติยศ เคลื่อนออกไป ทุกสายตาเพ่งมองไปยังขบวนรถม้าที่ใกล้เข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ
เจ้าราชบุตรมองร่างเจ้าหญิงสีออนบนรถม้าอย่างสนใจใคร่รู้ เนื่องเพราะไม่เคยพบปะกันมาก่อน
ขบวนรถม้าหยุดลงตรงหน้าพลับพลา สีออนขยับตัวก้าวลงมา
ราชบุตรมองเห็นมือสีออนที่ยื่นออกมาให้นางกำนัลของตนจับจูงลงจากรถม้า แต่พอร่างของสีออนจะโผล่ออกมา ภาพทั้งหมดก็วูบหายไป
โซ่ทองลืมตาโพลงขึ้นมาเหมือนถูกปลุกกระทันหัน แต่ภาพในความฝันยังติดตา จนต้องลุกขึ้นนั่งทบทวน
“เจ้าหญิงสีออน”
โซ่ทองรำพึงชื่อนั้นด้วยความแปลกใจ
สายวันนี้ คำสียืนบ่นอยู่หน้าเรือนบ้านพักสารวัตร พูดเหน็บแนมเอากับเสาและสีแหล่ ซึ่งตามมารับใช้สอาง
“อีหยังกันสู สวยเพลงายแล้ว ป่านนี่ เจ้านายมึงก็ยังบ่อลุกบ่อตื่นอีก เป็นหยังสูบ่อไปปลุกเจ้านายสู”
“แม่สอางบ่อมีเวียกงานหยังต้องเฮ็ด สิฟ่าวตื่นมาหาสะแตกหยังล่ะแม่ป้า” เสาบอก
“พระสงฆ์องคเจ้าสิสันเพลแล้ว คนบ้านกูบ่อมีไผนอนกินบ้านกินเมืองแบบนี่ดอก” (สันเพล = ฉันเพล)
สีแหล่ชักโมโห “อ๊าว ก็นั่นมันคนบ้านป้าคำสี อันนี่มันคนบ้านข้อย มันบ่อคือกันจ้าคนบ้านเจ้านิมันซุมขี้ทุกข์ขี้ยาก มันก็ต้องฟ่าวแหกขี้ตาตื่นมาเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน เป็นขี้ข้าคน มันก็ถืกต้องแล้ว”
คำสีมองสีแหล่อย่างหมั่นไส้ แล้วค้อนขึ้นไปบนเรือน พาลไปถึงสอางอย่างอดไม่ได้
“เฮอะ เพิ่นตบเพิ่นแต่งเข้าเฮือนมาเป็นเมีย ก็ต้องฮู้จักตื่นก่อนนอนหลัง ลุกขึ้นมาเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน เบิ่งแยงดูแลผัว นี่แม่นหยัง จนผัวออกไปเฮ็ดงานแล้ว ก็ยังบ่อคลานลงมาจากเตียง เจ้านายบ้านสู เขาสั่งสอนลูกหลานกันอย่างนี่ซั่นบ่อ ว้าย”
คำสีบ่นจบก็โดนน้ำสาดลงมาจากชั้นบน พอเงยหน้ามองก็เห็นสอางยืนถมึงทึงจ้องอยู่ ด่ายับ
“คนบ้านกูสั่งสอนบ่อให้อีซุมขี้ข้ามันปากปลาแดกสาระแนเว้าพื้นนินทาเจ้านาย บ่อเซ่นนั่น สิถืกขันนี่ฟาดปากให้แข่วร่วง มึงอยากสิลองบ๊อล่ะ อีเฒ่าหัวหงอก”
คำสีตกใจ ไม่นึกว่าสอางจะกล้าพูดจาหยาบคายใส่ แต่ก็กลัวไม่กล้าพูดต่อ
“จำใส่กบาลมึงไว้ ว่ากูเป็นเมียท่านสารวัตร ก็ส่ำว่าเป็นเจ้านายของมึงนำ กูสินั่งกระดิกตีนอยู่เสยๆ มันก็เรื่องของกู”
คำสีหลบสายตา รีบหันไปหาอะไรทำ ไม่กล้าต่อปากคำด้วย เพราะกลัวฤทธิ์เดชสอางแล้ว
สอางมองคำสีแล้วสะบัดพรืดกลับเข้าห้องไป ขณะที่เสากับสีแหล่ยิ้มสะใจ
สะออนเข้ามาคุยกับสะอาดที่โรงทอผ้า แล้วเหลือบเห็นโซ่ทองถือกระด้งใส่ใบหม่อนเข้ามา
“อ้าว อ้ายโซ่ทอง เป็นหยังจึงมาอยู่บ่อนนี่ได้ล่ะ”
“มื่อเซ่านี่ เฮือนแพทย์บ่อมีคนไข้ อ้ายก็เลยมาซ่อยยาเอื้อยสะอาดเก็บใบหม่อนมาเลี้ยงไหมแทนแม่ เพิ่นบอกว่าอยากไปถวายจังหันยาครูที่วัด”
สะออนมองโซ่ทองด้วยความคลางแคลง หวนนึกถึงที่นางงอพูดเมื่อวาน ยังไม่รู้ตัวว่าหึงหวงอีกฝ่าย
“ถ้าเซ่นนั่น ให้ข้าน้อยซ่อยเด้อ ยาเอื้อย”
สะอาดหัวเราะเอ็นดู “บ่อเป็นหยังดอก สะออน น้องหล่า เจ้าเลือกไหมบ่อเป็น เทือก่อนก็เก็บฮังตายมาให้เอื้อยเต็มไปเหมิด ต้องเสียเวลามานั่งคัดกันใหม่ เจ้ามีเวียกมีงานอีหยังอย่างอื่นก็ไปเฮ็ดสา”
“แต่ข้าน้อยอยากซ่อยเวียกยาเอื้อย ข้าน้อยบ่ออยากให้ยาเอื้อยเหงา” สะออนว่า
“โซ่ทองก็อยู่เป็นหมู่เว้าหมู่คุยให้เอื้อยได้ เจ้าไปหายาพ่อไป๊ ไสว่าอยากเฮียนเรื่องว่านยาบ่อแม่นหรือ”
สะอาดพูดจบก็ตามโซ่ทองไปทางโรงเลี้ยงไหม ทิ้งสะออนไว้ โดยไม่ได้คิดอะไร ขณะที่สะออนเห็นท่าทีทั้งสองคน ก็ยิ่งคล้อยตามสิ่งที่นางงอพูดเป่าหูว่าโซ่ทองกับสะอาดกำลังเห็นอกเห็นใจกัน
ที่เรือนแพทย์ตอนนั้น พ่อแพทย์กำลังบดยาโดยมีสะออนคอยเป็นลูกมือ ซักครู่หนึ่งก็หันมามองสะออนอย่างแปลกใจกับคำถามของลูกสาวคนเล็ก
“เจ้าว่าหยังนะ สะออน”
“ข้าน้อยถามว่า ยาพ่อสิคึดเห็นจั่งได๋ ถ้ายาเอื้อยสะอาดสิมีฮักเทือใหม่”
พ่อแพทย์นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบยิ้มๆ โดยไม่คิดอะไร
“พ่อก็ดีใจนั่นแล้ว เอื้อยของเจ้าสิได้เซาทุกข์เซาโศกจักเทือ”
สะออนนึกถึงท่าทางของสะอาดที่ดูสบายใจขึ้นเมื่ออยู่กับโซ่ทอง ขณะที่พ่อแพทย์เข้าใจไปอีกทางว่าสะออนมาปรึกษาเพราะห่วงพี่สาว
“เจ้าบ่อต้องห่วงดอก สะออน จั่งได๋ เจ้าก็ต้องได้เห็นพี่อ้ายคนใหม่แน่ๆ ลูกหลานเจ้าใหญ่นายโตที่คู่ควรกับสะอาดยังมีอีกหลาย”
สะออนใจหายคิดไปไกล กลัวโซ่ทองผิดหวังอีก “แล้วถ้ายาเอื้อยเพิ่นอยากเลือกคู่ครองเองล่ะยาพ่อ ยาพ่อสิตามใจเพิ่นบ่อ”
“ถ้าพ่อซายคนนั่นเป็นคนดี พ่อก็สิบ่อขัดขวงดอก” พ่อแพทย์มองสะออนอย่างพิเคราะห์ “ว่าแต่ เป็นหยังเจ้าจึงมาถามพ่อเรื่องนี่คักแท้”
“ข้อย... เอ่อ ข้อยอยากให้ยาเอื้อยสะอาดเพิ่นสุขสมหวัง ได้ออกเฮือนไวๆ”
สะออนยิ้มกลบเกลื่อน ครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ของสะอาดกับโซ่ทองขึ้นมาอีก ยังไม่รู้ตัวว่าใจหายเล็กๆ
อีกฟากหนึ่ง สอางถือปิ่นโตพลางเดินเกาะแขนกำจรเข้ามาในโรงพัก หัวเราะต่อกระซิกกัน พวกตำรวจหนุ่มๆ มองสอางเป็นตาเดียว เพราะไม่ค่อยเห็นผู้หญิงท่าทางดีแบบสอางบ่อยนัก
ตำรวจ1ชมเปาะ “คุณนายท่านสารวัตรใหญ่เพิ่นผู้จบผู้งามหลาย ข้อยเห็นแล้วเสียดายแทนคนบ้านเฮาอีหลี ใหญ่มานำกันแท้ๆ แต่บ่อมีบุญผลาสิได้เซยซม”
พวกตำรวจหนุ่มๆ พึมพำกัน ส่ายหัวด้วยความเสียดายเมื่อเห็นสอางเข้าห้องไปพร้อมกับกำจร
สองคนอยู่ในห้องทำงานสารวัตรบนโรงพัก สอางแกะปิ่นโต จัดโต๊ะอาหารให้กำจร พูดเจื้อยแจ้ว
“ข้าน้อยแต่งพาข้าวมาหลายอย่าง เกรงว่าสารวัตรสิบ่ออิ่ม เดี๋ยวสิบ่อมี เฮี่ยวแฮงเฮ็ดงาน”
กำจรเดินไปล็อกประตูห้องทำงาน แล้วเดินมากอดสอางอย่างหลงใหล
“ผมยังไม่อยากกินข้าวเลย แต่ผมอยากกิน...” กำจรมองสอางอย่างเสน่หา
สอางหน้าแดง ทำเป็นอิดออด
“ท่านสารวัตร... เดี๋ยวไผก็มาเห็นเข้า”
“นี่มันห้องทำงานส่วนตัวของผม ใครจะกล้าบุกเข้ามา ถ้าไม่ได้รับอนุญาต”
พูดแล้วกำจรก็จูบหอมเมีย สอางกระบิดกระบวนพอเป็นพิธี แล้วเริ่มปล่อยเลยตามเลย แต่แล้วทั้งคู่ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
กำจรจำต้องผละจากสอางอย่างเสียดาย แล้วไปเปิดประตู จึงเห็นดาบคำแสงยืนอยู่ ท่าทางเกรงใจ
“มีหนังสือให้ท่านสารวัตรลงลายมือครับ”
“เข้ามาสิ”
คำแสงถือหนังสือมาที่โต๊ะ กำจรเห็นสอางมองๆ เลยถือโอกาสแนะนำ
“สอาง นี่ดาบคำแสง ลูกชายของแม่คำสี แม่บ้านของเรา”
คำแสงค้อมตัวยิ้มให้สอางอย่างเคารพยำเกรง สอางมองหยิ่งๆ
“อ๋อ... ลูกซายอีเฒ่าปากปลาแดกนี่เอง”
คำแสงสะดุ้ง กำจรตกใจ
“สอาง ทำไมพูดจาอย่างนั้น”
“ก็แม่มันด่าข้าน้อย ว่าข้าน้อยนอนตื่นสาย บ่อเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน” สอางไม่สนจ้องคำแสงตาวาววับ “เป็นขี้ข้า แต่บ่อฮู้จักบ่อนต่ำบ่อนสูง จักมื่อหนึ่งเถาะ กูสิถอนหัวหงอกให้เหมิดกบาลฝากไปบอกแม่มึงนำ”
ดาบคำแสงหน้าเสีย ทำอะไรไม่ถูก นึกห่วงแม่ กำจรรีบตัดบท
“ดาบ ทิ้งหนังสือไว้เถอะ เดี๋ยวผมเซ็นให้”
คำแสงรับเอาคำ วางแฟ้มหนังสือลงแล้วรีบออกไป
กำจรมองเห็นจดหมายบนแฟ้มจ่าหน้าถึงตัวเองเป็นตัวหนังสือลายมือเขียน บ่งบอกว่าไม่ใช่หนังสือราชการ แต่เป็นจดหมายส่วนตัว แต่ยังไม่ทันหยิบ สอางก็ฉวยไปก่อน
“จดหมายไผ”
“จดหมายราชการน่ะ คุณอ่านไม่รู้เรื่องหรอก”
กำจรรีบดึงคืนมา สีหน้ายุ่งยากใจ เพราะรู้ว่าเป็นหนังสือจากทางบ้านที่พระนครส่งมาหาตน
กลับถึงบ้านค่ำคืนนั้น กำจรจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอยู่ในห้องนอน มีเสียงสอางโวยวายใส่หู
“เพิ่งแต่งดองออกเฮือนกันบ่อทันได๋ สารวัตรก็สิทิ้งข้าน้อยไปพระนครเสียแล้ว เป็นหยังบ่อให้ข้าน้อยไปนำ ข้าน้อยสิได้ไปไหว้สมมาพ่อปู่แม่ย่า”
กำจรจัดกระเป๋าไป “ผมไปกับเครื่องบินของทางราชการ ประชาชนที่ไม่มีกิจธุระกับราชการขึ้นไปด้วยไม่ได้หรอก”
“ถ้าเซ่นนั่น ข้าน้อยก็สินั่งรถไฟตามไป”
กำจรชักเริ่มเหนื่อยใจ “ผมจะให้คุณนั่งรถไฟไปลำพังได้ยังไง”
“อีหยังก็บ่อได้จักอย่างจักแนว” สอางพาลพาโลมองระแวง “หรือว่า ท่านบ่ออยากให้ข้าน้อยไปพระนคร มันมีอีหยังที่นั่น บอกมา”
กำจรร้อนตัวเพราะมีชนักติดหลังอยู่ รีบหันมาพูดเอาใจ ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“ไม่มีหรอก ผมไปราชการ แค่สี่ซ้าห้าวัน ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว โอกาสจะแวะเยี่ยมพ่อแม่ก็อาจจะไม่มี คุณไปด้วย ก็ต้องนอนแกร่วอยู่ที่โรงแรมอย่างเดียว น่าเบื่อจะตาย”
สอางสะบัดสะบิ้ง อารมณ์ไม่ดี กำจรละมือเดินเข้าไปกอดปลอบ
“เอาไว้คราวหน้า เราไปกันเอง ผมจะพาคุณไปเที่ยวให้ทั่วพระนคร ไปทุกที่ที่คุณอยากไปเลย ดีไหมครับ”
กำจรโอ้โลมปลอบสอางพลางกอดจูบ จนสอางที่แง่งอนค่อยๆ อ่อนลง
“ท่านสัญญาแล้วนะ ว่าสิพาข้าน้อยไปพระนคร”
กำจรพยักหน้า แล้วก้มจูบสอางให้คลายความสงสัย
วันต่อมา ตะวันบ่ายคล้อย พวกหนุ่มๆ คนงานในเรือนพุทไธเทพออกมานั่ง กินเหล้าสาโท ร้องเพลง หย่อนใจอยู่ที่ริมบึงน้ำ เห็นควายเล็มหญ้าอยู่ในท้องนาไกลๆ พวกหนุ่มๆ ชี้ชวนกันแอบดูสาวๆ เล่นน้ำอยู่ในบึงไม่ห่างไปนัก
โซ่ทองนอนพิงโคนต้นไม้เป่าแคนแว่วหวานทอดอารมณ์อยู่ไม่ไกล จนได้ยินเสียง บักโจ้นกับบักก้าน จอมทะโมน พูดขึ้นมาอย่างคึกคะนอง
“อีเพ็งอีเภานี่ แต่ก่อนเคยแก้ผ้าโดดน้ำนำกันอยู่ มาบาดนี่ มีทรวดทรงองค์เอวเต็มไม้เต็มมือแล้วเด๊ะบักโจ้น” บักก้านยิ้มเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม
“เห็นแล้วมันคันไม้คันมือ เลือดลมสูบฉีดดีแท้ๆ” บักโจ้นเสริมอาการเดียวกัน พลางหันไปหาโซ่ทอง “มึงว่าบ่อ บักโซ่ทอง
โซ่ทองเป่าแคนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจ บักก้านหันไปมองยิ้มๆ
“บักโซ่มันสิไปหล่ำไปแลไผได้ ทุกมื่อนี่ มันขลุกอยู่แต่โฮงต่ำผ้า คอยรับไซ้แม่สะอาด บ่อฮู้ว่าซ่อยเวียกงาน รึซ่อยเป็นยารักษาแผลใจให้เพิ่นกันแน่”
โซ่ทองได้ยิน วางแคนลง หันมาพูดเสียงแข็งใส่อย่างไม่พอใจนัก
“ขี้ข้าอย่างกู เฮ็ดเวียกงานฮับไซ้นายด้วยควมใจซื่อ บ่อเคยคึดเป็นแนวอื่น”
“มึงคึดจักหน่อยดีบ่อ บักโซ่ มึงอาจสิมีวาสนาได้เป็นท่านโซ่ทอง เขยขวัญของพ่อแพทย์พุทไธก็ได้ บาดทีนี่ล่ะ มึงสิได้ยิ่งใหญ่คับหมู่บ้านเลยเด้อ กูสิ บอกให้เอาบุญ” บักก้านว่า
โซ่ทองฮึดฮัดไม่ชอบใจ จะลุกหนี บักก้านกับบักโจ้นจับไหล่กดไว้ให้นั่งลง ฟังพวกตนหว่านล้อมต่อ
“เซื่อพวกกูเถาะ เสี่ยวเอ๊ย แม่ฮ่างขันหมากอย่างแม่สะอาด เพิ่นคือสิเหงาใจอยู่บ่อน้อย อีกอย่าง รูปร่างหน้าตามึงก็ดี มึงแทนที่นายตำรวจใหญ่ผู้นั่นได้สำบาย” บักโจ้นทำล้อเลียนตบไหล่สำทับอีกด้วย “ได้ดับได้ดีแล้วก็อย่าลืมพวกกู”
บักก้อนกับบักโจนหัวเราะกันอย่างสนุกปาก โซ่ทองทนไม่ไหว ลุกเดินมากระชากบักโจ้นต่อยเปรี้ยง
“หุบปากเลยเด้อ ถ้าบ่ออยากให้กูเลาะแข่วมึงออกเหมิดปาก”
“อ้าว อีหยังวะ ที่กูบอกมึง ก็ย่อนว่ากูหวังดีกับมึงดอก บักโซ่ กูอยากให้มึงเอาแม่สะอาดเป็นเมีย” บักโจ้นงง
“กูบอกให้เซาเว้า”
โซ่ทองตามไปชกบักโจ้นอีกเปรี้ยง บักโจ้นโมโห ชกกลับ บักก้านเข้าไปช่วยรุมโซ่ทองด้วย
สะออน เพ็ง เภา บ่าวสาวๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่ ได้ยินเสียงเอะอะ ก็หันไปมอง
“แม่นหยังกันน่ะ”
สะออนรีบขึ้นจากน้ำ เพ็ง เภา รีบตามติด ตรงเข้าไปห้ามทั้งสามหนุ่มที่ตะลุมบอนกันอยู่
“เซาเดี๋ยวนี่นะ ข้อยบอกให้เซา”
สะออนถลันเข้าไปกลางวง ผลักทั้งสามออกจากกัน ทั้งสามหยุด เพราะไม่มีใครกล้าหือกับสะออน
“มีอีหยังอ้าย ถึงได้ตั้งหมัดตั้งมวยกัน”
“พวกมันเว้าจาล่วงเกินยาเอื้อยสะอาด”
สะออนหันไปมองบักก้าน บักโจ้น ทั้งสองก้มหน้างุด กลัวเดือดร้อน
“สูไปให้พ้นหน้ากู บักโจ้น บักก้าน แล้วอย่าให้กูได้ยินว่ามึงเว้าจาซั่วทรามแนวนี่อีก บ่อเซ่นนั่น กูสิบ่อยั้งมือกับพวกมึง”
บักก้าน บักโจ้นมองโซ่ทองเซ็งๆ แล้วรีบชวนกันออกไป สะออนยังงงอยู่
“เพิ่นเว้าอีหยัง เป็นหยังอ้ายจึงเคียดแค้นปานนี่”
“เจ้าอย่าฮู้เลย บ่อแม่นธุระเวียกงานของเด็กน้อย”
โซ่ทองสะบัดหน้าหนีท่าทีหงุดหงิดมาก นั่นยิ่งทำให้สะออนเข้าใจไปใหญ่โตว่าโซ่ทองโกรธเพราะหึงหวงสะอาด
สะออนยังไม่ทันจะซักถามอะไรต่อ ก็มีเสียงวี้ดว้ายดังมาจากบึงน้ำ พอหันไปมองก็เห็นพวกสาวๆ ที่ยังเล่นน้ำอยู่ ร้องโวยวาย ชี้ไม้ชี้มือให้ดูร่างคนที่ซุกอยู่ในกอหญ้าสูงริมบึงอีกด้านหนึ่ง
“แม่สะออน บักโซ่ ซ่อยแน้... มีคนตาย”
โซ่ทอง สะออน ลุยน้ำลงมาที่บึงอย่างตกใจ เพ็ง เภา และสาวๆ แหวกทางให้ทั้งสอง เห็นร่างของศรีธารา ชายหนุ่มผิวพรรณดี มีรอยเขียวช้ำตามตัวและใบหน้า เหมือนถูกทำร้ายมา สภาพแต่งกายครึ่งท่อน คือถูกลอกคราบ เหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวที่ใส่อยู่ เครื่องประดับของมีค่าไม่มีติดตัว เพราะโดนโจรปล้น
โซ่ทองขยับเข้าไปดูใกล้ๆ แตะเนื้อตัวเย็นชืดเพราะเปียกน้ำ ผิวขาวซีดยิ่งทำให้คิดว่าเป็นซากศพ
“สงสัยสิเป็นคนจรถืกโจรปล้นแล้วเอาศพมาโยนทิ่ม อ้ายสิไปแจ้งตำรวจ”
โซ่ทองจะผละไป แต่สะออนเหลือบมอง เห็นนิ้วศรีธารากระดิกแว่บๆ เลยเอะใจ เลื่อนมือไปแตะคอ แล้วแนบหูฟังที่หน้าอก ก่อนจะบอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“อ้าย... เพิ่นยังบ่อตาย”
ที่เรือนแพทย์ในเวลาต่อมา ร่างของศรีธารานอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกตัว พ่อแพทย์จับชีพจรตรวจตรา หันมาถามลูกสาวหล้า
“พ่อยังบ่อเคยสอนวิธีจับชีพจร เจ้าไปฮ่ำเฮียนมาจากไส สะออน”
สะออนหน้าจ๋อย อ้อมแอ้มตอบ
“ข้าน้อยอ่านจากตำราในห้องยาพ่อ”
“เรื่องซุกซนบ่อมีไผเกินเจ้าเลย แต่เอาเถาะ เทือนี่ เจ้าซ่อยเหลือซีวิตคน พ่อสิยกให้”
สะออนดีใจ “ถ้าเซ่นนั่น ยาพ่อให้ข้าน้อยรักษาพ่อซายผู้นี่ได้บ่อ”
“สะออน นี่ซีวิตคนนะ บ่อแม่นลูกนกลูกกา เจ้ารักษาบ่อได้ดอก ปล่อยให้เป็นธุระเวียกงานของอ้ายกับพ่อแพทย์เถิด ออกไปก่อน อ้ายสิใส่ยาเฮ็ดแผลให้เขา” โซ่ทองติติง
สะออนขมวดคิ้วหน้างอ หันไปมองพ่อ พ่อแพทย์พยักหน้าเห็นด้วย สะออนยิ่งหน้างอหนัก
โซ่ทองหันไปเตรียมหาสมุนไพรมาทำแผล สะออนมองๆ แล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“ด้างมีฤทธิ์รักษาแผล น้ำยางของมันใซ้รักษาแผลสด ส่วนแผลเน่าแผลเปื่อย ให้เอาใบสดไปตำกับปูนกินหมากพอกไว้ สิซ่อยสมานแผลได้ ถ้าแผลอักเสบ ก็ใซ้ลำต้นเกล็ดนาคราชต้มน้ำกินจนกว่าสิเซาอักเสบ”
โซ่ทองกับพ่อแพทย์ชะงักหันไปมองสะออนทันที สะออนจ้องตอบท้าทายเป็นทำนองว่าตนเองรู้เหมือนกัน
พ่อแพทย์มองทึ่ง “ป้าดโธ่ ลูกสาวคนนี่ ! เก่งกาจอีหลี”
“ก็ข้าน้อยเป็นลูกยาพ่อนิ” พุทไธเป็นแพทย์หลวงประจำองค์เจ้าเมืองอีสานบุรี “บาดนี่ ยาพ่อสิยอมให้ข้าน้อยซ่อยเวียกงานได้หรือยัง”
พ่อแพทย์มองโซ่ทองที่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกเพราะสะออนพูดตามตำราทุกอย่าง ซักพักก็ตบลงที่พื้นข้างตัว
“เอ๋า ถ้าอยากสิเป็นลูกมือ ก็เข้ามาใกล้ๆ นี่”
สะออนยิ้มออก รีบคลานเข้าไปช่วยพ่อแพทย์กับโซ่ทองด้วยความกระตือรือร้น
ทางด้านกำจร กลับถึงบ้านหลังใหญ่โตที่พระนครตอนมืดค่ำ คุณหญิงรำไพยืนรอรับอยู่หน้าตึกด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ พร้อมสาวใช้ ไม่นานนักรถหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกเห็นกำจรก้าวลงมา ส่งกระเป๋าให้สาวใช้รับเอาไปเก็บ ก่อนจะเดินเร็วรี่มาสวมกอดคุณหญิงมารดา
“พ่อกำจร”
“ผมคิดถึงคุณแม่ที่สุด”
กำจรกอดหอมมารดาอย่าประจบประแจง คุณหญิงผละออกตีแขนหมั่นไส้
“คิดถึง แต่ไม่กลับมาหาแม่ตั้งนาน จะให้แม่เชื่อได้หรือ”
“งานราชการที่อีสานบุรีมันล้นมือครับคุณแม่ ผมปลีกตัวมาไม่ได้เลย นี่ถ้า...”
กำจรไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นก่อน “ถ้าฉันไม่เขียนจดหมายไปบอกว่าคุณต้องพาตาธรไปมอบตัวที่โรงเรียน กว่าลูกจะได้เห็นหน้าพ่อ ก็คงจบมอแปดแล้วกระมัง”
กำจรมองไปทางไฉไลเดินจูงกำธรเข้ามาหา
“ไฉไล...”
“คุณพ่อ”
เด็กชายกำธรวัยราว 6 ขวบ วิ่งเข้ามากอดขาพ่อด้วยความรัก กำจรมองเมียแล้วยิ้มเจื่อนๆ ดูเกรงใจอยู่ในที
ความสัมพันธ์ของไฉไลกับกำจรคือเมียที่ผัวยำเกรง เพราะไฉไลเป็นลูกคนจีนมีฐานะดีกว่าครอบครัวกำจร ความสุขสบายในบ้านล้วนมาจากเงินของไฉไล ทำให้ทั้งผัวและแม่ผัวยำเกรง
อาบน้ำเสร็จกำจรกอดจูบลูบไล้ไฉไลอยู่ในห้องนอน ไฉไลบ่ายเบี่ยง
“ผมไม่ได้กอดคุณหอมคุณตั้งนาน ไม่เห็นใจผมบ้างหรือไฉไล ผมคิดถึงคุณนะ”
“จริงหรือ ไม่ใช่ว่าไปนอนกอดผู้หญิงที่อื่นจนอิ่มแล้วหรอกรึ”
กำจรสะอึก ร้อนตัว แต่ก็รีบกลบเกลื่อน
“กลับมาทีไร คุณระแวงว่าผมจะไปมีคนอื่นทุกที จะให้ผมสาบานอีกกี่ครั้ง คุณถึงจะเชื่อว่าหัวใจของผมมีแต่คุณคนเดียว” กำจรกอดหอมอีก
“ฉันไม่กล้าไว้เชื่อใจคุณหรอก จนกว่าคุณจะย้ายกลับมาอยู่พระนครด้วยกัน”
กำจรลอบถอนใจ เพราะพูดเรื่องนี้กันมาซ้ำๆ ซากๆ ตั้งแต่แต่งงาน
“คุณก็รู้ ว่าผมไปเพราะหน้าที่ทางราชการ รอให้ผมได้ยศสูงๆ เสียก่อนสิ ค่อยทำเรื่องย้ายกลับมาพระนครได้”
“ฉันก็ไม่เคยคิดเคยฝัน ว่าจะมาได้ผัวเป็นข้าราชการ ฉันบอกคุณแล้วว่าให้ลาออกไปช่วยงานที่บริษัทคุณเตี่ย เป็นนักธุรกิจ สุขสบายกว่าเป็นตำรวจตั้งเยอะ ไม่ต้องพลัดพรากจากลูกจากเมียไปอยู่ต่างถิ่น”
“โธ่ ไฉไล ตระกูลผมรับราชการกันมาทุกรุ่น ถ้าผมแหกคอกไปค้าขาย ญาติสายอื่นเขาจะนินทาเอาได้ ว่าไม่มีปัญญาไต่เต้าเป็นเจ้าคนนายคน”
“ฉันล่ะเบื่อตระกูลเก่าเหง้าผู้ดีของพวกคุณเสียจริงๆ เจ้ายศเจ้าอย่างกันเข้าไปเถอะ พวกผู้ดีแปดสาแหรก พอไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ ก็เห็นคลานเข่ามาพินอบพิเทา ขอเงินพ่อค้าแม่ขายอย่างฉันทุกราย”
ไฉไลสะบัดเสียงหมั่นไส้ ไม่มีความให้เกียรติเกรงใจตระกูลสามี กำจรไม่ถือสา ยังกอดประโลมไฉไลอยู่
“อดทนหน่อยนะครับไฉไล อีกไม่กี่ปี เราจะต้องกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแน่ๆ ผมสัญญา”
กำจรพร่ำพูดสัญญาไปตามนิสัยคนปากหวาน แล้วกอดจูบไฉไล ทำแบบเดียวกับที่เอาชนะใจสอางมาแล้ว
ค่ำเดียวกันนี้ สอางถือถาดอาหารเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในครัว มองไปเห็นคำสีกำลังกินข้าวอยู่ ก็โยนถาดลงเสียงดังโครม
“ฮ่วย อีหยังกันนี่”
“มึงแกล้งกูซั่นบ่อ อีเฒ่า”
“ข้อยแกล้งอีหยัง คุณนาย”
“มึงเอาข้าวผสมขี้หินขี้ดินนึ่งมาให้กูกิน กูหย่ำเข้าไป แข่วเกือบแตก อย่ามาตอแหลนะว่าบ่อได้ตั้งใจ”
“โธ่เอ๊ย ข้อยก็ว่าแม่นเรื่องอีหยัง มันก็ต้องมีบ้างล่ะเจ้าค่า คุณนาย ข้าวน่ะมันเกิดมาจากขี้หินขี้ดิน ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากหิ้งพระ มันก็ปะก็ปนมากับข้าวเปลือกเป็นธรรมดา แต่ละมื่อแต่ละเว็น ข้อยนึ่งข้าวนึ่งน้ำ เฮ็ดกับข้าวกับปลาตั้งหลายอย่างหลายแนว ไผสิมีเวลามานั่งอ้อยส้อยเลือกข้าวทีละเม็ดล่ะ เทือหน้า เจ้าก็เอิ้นอีขี้ข้าสองโตนั่นมาซ่อยเวียกงานการครัวกันแหน่ตั้ว”
“อีเสา อีสีแหล่ มันมีหน้าที่คอยบีบนวด รับใซ้กู แต่เวียกงานการครัวมันเป็นของมึง แล้วแกงอ่อมนี่ มึงปรุงจั่งได๋ จืดจางคือน้ำล้างตีน”
“เอ๋า เคยกินน้ำล้างตีนแล้วซั่นบ้อ จึงฮู้รสซาตมัน” คำสีแดกดัน
“อีคำสี อีเฒ่า มึงล้อด่ากู”
“โอ๊ย คุณนาย ก็กินยากอยู่ยากเนาะ เทศน์อยู่เทศน์กิน แต่งหยังให้กินก็บ่อถืกปาก กับข้าวแต่ละอย่างมันก็บ่อแม่นเฮ็ดง่ายๆ แทนที่สิมาซ่อยกันเฮ็ด มื่อหลังสิบ่อตามใจแล้ว กินได้ก็กิน กินบ่อได้ก็เทให้หมามันกิน”
สอางชี้หน้าด่า “มึงเป็นขี้ข้ากูเด๊ะอีคำสี มึงอย่ามาปากปลาแดกใส่กู”
คำสีโดนชี้หน้าด่าก็เลือดขึ้นหน้า หมดความอดทน
“กูบ่อแม่นขี้ข้าไผทั้งนั่น กูมาเป็นแม่บ้านให้ท่านสารวัตร บ่อได้อยากสิมาฮับใซ้อีแม่ญิง งามแต่ฮูปจูบบ่อหอมอย่างมึง ถ้ามึงคึดว่ากูเฮ็ดงานบ่อดี กูก็สิลาออกมื่อนี่ล่ะ” คำสีบอก
“มึงบ่อต้องลาออก กูนี่ล่ะสิไล่มึงออก มึงไสหัวออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี่ ไป๊”
สอางเอาจานชามกับข้าวขว้างปาใส่คำสี คำสีเข้าไปยื้อยุดสู้
เสากับสีแหล่มาช่วยรุมคำสี จะจับให้สอางตบ คำแสงโผล่เข้ามาเห็นแม่โดนรุมรีบเข้ามาห้าม
“นี่มันอีหยังกัน คุณนายสอาง”
“ลากแม่มึงไปให้พ้นบ้านผัวกูเดี๋ยวนี่ อย่าให้มันคืนมาเหยียบให้เป็นเสนียดอีก ไป๊”
คำแสงงงๆ แต่ก็รีบพาคำสีออกไปเพราะกลัวแม่ถูกทำร้ายอีก สอางอาละวาดแล้วหอบตัวโยน
สะออนช่วยโซ่ทองรักษาศรีธาราอย่างใกล้ชิด ช่วยบดยา โปะแผล โดยมีโซ่ทองช่วยดู ประคองศรีธาราที่ยังไม่รู้สึกตัวให้กินยาต้ม สีหน้าศรีธารามีสีเลือดมากขึ้น แต่ยังคงนอนนิ่ง สะออนเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง พ่อแพทย์ยืนมองลูกสาวด้วยความชื่นชม เห็นแล้วว่าสะออนน่าจะเอาดีทางด้านนี้ได้
พ่อแพทย์ปล่อยให้สะออนกับโซ่ทองรักษาศรีธารากันตามลำพัง แล้วออกมานอกเรือน เห็นนางงอกำลังจัดสำรับรออยู่
“แม่งอ”
แม่งอหันไปยิ้มให้ “ข้อยเห็นพ่อแพทย์บ่อขึ้นไปกินข้าวเทิงเฮือนใหญ่ ข้อยเลยคึดว่าเจ้ากำลังรักษาคนเจ็บอยู่ เลยแต่งพาข้าวมาให้กิน”
“มึงมีหน้าที่หาข้าวปลาให้ผัวกูกินตั้งแต่มื่อได๋ อีงอ”
แม่งอหันขวับไป เห็นยาแม่ขึ้นเรือนมาพร้อมกับพาข้าวอีกชุด ที่เพ็ง กะเภาถือตามมา
“บ่าวไพร่ทุกคนในเฮือนนี่ สิเฮ็ดอีหยังก็ต้องให้กูสั่งก่อน”
นางงอยิ้มตอบด้วยสายตาเชือดเฉือน “ข้อยเห็นเจ้านอนซมอยู่ คงสิบ่อมีแฮงหาข้าวหาปลาใส่ปากผัว ข้อยก็เลยหาพาข้าวมาให้พ่อแพทย์”
แม่งอพูดอย่างมีเลศนัยจงใจท้าทาย
“สาระแน”
ยาแม่ทรุดนั่งลง แล้วจงใจผลักพาข้าวของนางงอออกไป รับจากมือเพ็ง เภามาวางแทน
“ถ้ามึงคันไม้คันมือ อยากเป็นขี้ข้าฮับใซ้คนนัก เป็นหยังมึงบ่อไปอยู่กับสอางเสียล่ะ สอางเพิ่นถืกธาตุกับขี้ข้าที่มักเสนอหน้าฮับใซ้ ฮองมือฮองตีน สิได้บ่อมาวนเวียน ฮกหูฮกตูในเขตเฮือนกู”
“หนังหน้าบ่อมียางอาย” นางงอยิ้ม ปะทะสายตาจังๆ “เฮือนนี่ เป็นเฮือนของไผ ถามผัวเจ้าเบิ่ง เพิ่นฮู้ดีอยู่แก่ใจ แม่นบ่อ พ่อแพทย์”
พ่อแพทย์ร้อนๆ หนาวๆ ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องอดีต เพราะเห็นเพ็ง เภา ยืนอยู่ เลยรีบตัดบท
“เอาล่ะ ขอบใจแม่งอหลาย ที่อุตส่าห์มีน้ำใจเป็นห่วงข้อย ข้อยซึ้งน้ำใจเจ้าหลาย ถ้าเจ้าบ่อรังเกียจข้อยกับเมีย ก็มานั่งกินข้าวฮ่วมพากัน ปันกันอยู่ ปันกันกิน”
นางงอรับคำเต็มใจยกพาข้าวตนกลับเข้ามาร่วมวงทันที แล้วเหลือบมองยาแม่เย้ยๆ
ยาแม่มองนางงออย่างเจ็บใจ ลุกขึ้น
“ข้อยขอขึ้นเฮือนก่อน ข้อยบ่อมักปันกันอยู่ปันกันกินกับไผ”
ศรีธารานอนอยู่บนที่นอนแล้วสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้น ออกอาการกระตุก สะออนที่นั่งเฝ้าจุดเทียนอ่านตำราอยู่เห็นเข้าก็รีบลุกมา รีบสะกิดโซ่ทอง
“อ้ายโซ่ทอง เพิ่นฟื้นแล้ว” สะออนเข้าไปใกล้ “ท่าน ท่านเป็นจั่งได๋บ้าง”
ศรีธาราสะลึมสะลือ แต่มองเห็นหน้าสะออนเต็มตาเป็นคนแรก แต่ยังไม่ค่อยมีสตินัก
“น้ำ...หิวน้ำ”
“น้ำ” สะออนมองหา “ขอน้ำ แหน่อ้าย”
โซ่ทองผลุนผลันออกจากห้องไปเอาน้ำ ศรีธารายื่นมือไม้เปะปะออกไปเยบื้องหน้า จนสะออนต้องคว้าไว้
“อดทนก่อนเด้อท่าน เดี๋ยวอ้ายโซ่ทองสิเอาน้ำมาให้กิน”
ศรีธารามองหน้าสะออนอีกครั้ง รับรู้แล้วว่าสะออนมีน้ำใจ และช่วยเหลือตนไว้ อยากจะขอบคุณ แต่ก็เริ่มเกิดความง่วงงุนอีก ไม่มีแรงจะพูดอะไร
โซ่ทองกลับเข้ามาช่วยประคองศรีธารากินน้ำในขัน แต่กินไปได้ไม่กี่อึกก็ผล็อยหลับไปอีก
ที่บ้านพักสารวัตรกำจร สอางมองดูกับข้าวหน้าตาไม่น่ากินในสำรับที่เสากับสีแหล่จัดมาให้ แล้วหันไปเอ็ดตะโรด่าว่า
“นี่มันข้าวคนหรือว่าข้าวหมา อีเสา อีสีแหล่”
“ข้อยสองคน กะเฮ็ดเป็นแค่นี่ล่ะจ้ะ แม่สอาง”
“ซีวิตพวกมึงนี่มีประโยชน์ประยาอีหยัง ใหญ่ย่อนกินข้าว เฒ่าย่อนเกิดโดน กูน่าสิให้ยาพ่อยาแม่ไล่สูไปไถนาแทนงัวแทนควายซะ พวกเกิดมารกโลก”
ทั้งสองหน้าจ๋อยๆ สีแหล่มองออกไปที่หน้าบ้าน ก่อนจะร้องบอกเสียงตื่นเต้น
“แม่สอางอย่าอุกใจเป็นกังวลไปเลย แม่งอเพิ่นสิมาอยู่กับพวกเฮา พวกเฮาบ่ออดตายแล้ว”
สอางชะโงกหน้ามองออกไป เห็นนางงอเดินงกๆ เงิ่นๆ หิ้วตะกร้า และเถาปิ่นโตตัวเอียงเข้ามา
ถัดมา นางงอนั่งดูสอางกินอาหารที่ตัวเองเตรียมมาให้อย่างมีความสุข
“ข้อยคึดอยู่แล้วว่าเจ้าสิต้องคึดฮอดกับข้าวที่เฮือนเฮา”
“มึงน่าสิมาอยู่ฮับใซ้กูกับผัวนะอีงอ ส่วนอีสองโตนี่ สิไปตายไสก็ไป”
นางงอหน้าเจื่อน เสียงอ่อย
“บ่อได้ดอก ข้อยต้องเบิ่งแยงดูแลพ่อของเจ้า”
“พ่อกู พ่อกูเป็นหยังไป”
“บ่อได้เป็นหยังดอก แต่แม่ของเจ้านั่นสามมื่อดีสี่มื่อไข้ ล้มหมอนนอนเสื่อ บ่อมีไผคุมบ่าวไพร่ ข้อยก็ต้องเฮ็ดแทน แต่ข้อยสิเทียวมาหาเจ้า ข้อยคึดฮอดเจ้าหลาย”
นางงอพูดอ้างไปเรื่อยเปื่อย แท้จริงอยากอยู่ใกล้พ่อแพทย์มากกว่า ขณะที่สอางทำหน้าคิด
“กลับไปเยี่ยมบ้านสักทีก็ดีคือกัน มึงสองโต ออกไปซื้อหมากไม้หมากไหล่แพงๆที่ตลาดมา กูสิเอาไปฝากพี่ต้อนน้อง แล้วก็อย่าปากมากเรื่องที่กูต้องกินอยู่อดๆ อยากๆ ผิดเถียงกับขี้ข้าล่ะ เดี๋ยวยาแม่กับยาเอื้อยสิสมพื้นน้ำหน้ากู”
เสากับสีแหล่รับคำแล้วรีบออกไปตลาด สอางครุ่นคิด เตรียมสร้างภาพคุณนายไปอวดแม่กับพี่สาว
เช้าวันเดียวกัน สะออนออกไปเก็บสมุนไพรขึ้นเรือนมา เห็นศรีธาราลุกขึ้นนั่งมองซ้ายขวาอย่างงงๆ ก็ตกใจ รีบวางกระจาด ตรงเข้ามาหา
“ท่าน ตื่นแล้วบ้อ เป็นจั่งได๋แหน่ ดีขึ้นบ่อ”
ศรีธารามองสะออน จำได้ว่าเป็นหญิงสาวคนเมื่อคืนที่คอยดูแลตน พอได้เห็นหน้าเต็มๆ ตาก็ยิ่งประทับใจ ตกหลุมรักทันที แต่สติยังมึนๆ งงๆ อยู่
“นี่ผมอยู่ที่ไหน”
ไม่นานต่อมา ศรีธารานั่งให้พ่อแพทย์ จับพลิกเปลือกตา อ้าปากเพื่อเช็คอาการต่างๆ โซ่ทองอธิบายให้ฟัง
“ที่นี่คือเฮือนพุทไธเทพ สำนักแพทย์ของพ่อแพทย์พุทไธ หมอใหญ่ของบ้านแคนหลวง แพทย์หลวงประจำองค์ของเจ้าเมืองอีสานบุรี”
ศรีธาราสอดสายตามองช้าๆ ไปรอบเรือน เหมือนพยายามทำความเข้าใจ
“แล้ว... ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ลูกสาวข้อยไปเห็นเจ้านอนสลบอยู่ที่ริมหนองน้ำ เห็นว่ายังบ่อตาย ก็เลยพามารักษาโตที่เฮือนข้อย”
ศรีธารายกมือไหว้พ่อแพทย์ หันไปมองสะออนด้วยความประทับใจ
“คุณช่วยชีวิตผมไว้”
สะออนพูดเสียงแข็งใส่ ไว้ตัว “ก็ซ่อยกันทั้งสามคนนี่ล่ะท่าน”
ศรีธารายิ้มสุภาพยกมือไหว้อีกด้วย “ขอบคุณมากนะครับ”
“ฮึ้ย ไหว้ข้อยเฮ็ดหยัง อยากไหว้ก็ไหว้ยาพ่อกับอ้ายโซ่ทองพู่น เดี๋ยวข้อยอายุสั้น”
สะออนขัดใจ โวยวายกระถดหนี ศรีธารายิ่งเอ็นดู โซ่ทองกับพ่อแพทย์มองศรีธาราอย่างพินิจพิเคราะห์
“ไปเฮ็ดท่าได๋ ถึงมาถืกเขาตีสลบอยู่แถวนี่ล่ะท้าว หน้าตา ผิวพรรณเจ้า บ่อน่าสิเป็นคนแถวนี่” พุทไธถาม
“ผมหลงทาง เรียกรถรับจ้างมา แต่ไม่นึกว่าพวกมันจะกลายเป็นโจรหลอกผมไปปล้น ผมพยายามสู้ แต่ก็สู้แรงพวกมันไม่ไหว ไม่รู้ตัวว่าสลบไปตอนไหน” ศรีธาราบอก
พ่อแพทย์ กับโซ่ทองฟังศรีธาราพูด จับสำเนียงได้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา
“แล้วเฮือนซานของเจ้าล่ะอยู่ไส ข้อยสิพาไปส่ง” โซ่ทองถาม
ศรีธารานิ่ง มองสะออน ยังติดใจอยากทำความรู้จักสะออนมากกว่านี้ เลยคิดหาข้ออ้าง ศรีธาราบินกลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ได้บอกใคร และไม่รู้เรื่องที่แม่ป่วย ตั้งใจแค่ว่าเรียนจบแล้วจะกลับมาเที่ยวเตร่ ลองใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาซักพัก เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ในฐานะตัวเองเป็นลูกเจ้าเมืองที่ต้องสืบทอดตำแหน่งจากพ่อในอนาคต
“ผมยังไม่อยากกกลับบ้านครับ คือที่ผมมาอีสานบุรี ก็ตั้งใจจะมาหางานทำ” เขาหันไปหาพ่อแพทย์ “ไม่ทราบว่า ที่เรือนของท่านพ่อแพทย์ พอจะมีงานให้ผมทำบ้างไหมครับ”
พ่อแพทย์ขมวดคิ้ว ดูสภาพศรีธาราแล้ว ไม่รู้สึกว่าจะเป็นคนทำงานหนักได้เลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ออก
“เจ้าซื่ออีหยังล่ะท้าว”
ศรีธาราอึ้ง ไม่กล้าบอกชื่อจริงที่หรูหราเกินชาวบ้านทั่วไป และกลัวโดนจับได้ว่าเป็นเจ้า กลอกตาคิดชื่อ
สะออนจ้องมองท่าทีพิศวง “หรือว่าเพิ่นสิสมองเสื่อม จำซื่อโตเองบ่อได้ ชื่อโตเองก็จำบ่อได้ สมองเสื่อมติ”
ศรีธารากลัวมีพิรุธเกินไป มองซ้ายมองขวา สายตาไปสะดุดกับดอกแก้วชูช่อโผล่พ้นบันไดเรือนขึ้นมา
“แก้ว... ผมชื่อแก้วครับ”
ศรีธาราโพล่งออกไป แล้วยิ้มกลบเกลื่อนความเลิ่กลั่กของตัวเอง
อีกฟากหนึ่ง ที่วังอินทนิล พระขัตติยรามังกูร หรือ พ่อเจ้า เปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นแม่เจ้าปทุมรัตน์กำลังอาเจียนจนตัวโยน โดยมีข้ารับใช้ประคอง พร้อมกับถือกระโถนรองให้
“แม่บัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง”
แม่เจ้าอาเจียนออกมาจนหมดไส้ ดื่มน้ำบ้วนน้ำล้างปาก
“เจ็บป่วยครั้งนี้ เห็นทีจะเป็นเคราะห์ใหญ่ อิฉันกลัวเหลือเกิน ว่าจะอยู่ถวายงานท่านได้อีกไม่นาน”
“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า”
พ่อเจ้านั่งลงบนเตียง จับมือแม่เจ้านวดเฟ้น กระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียน
“เธออ่อนเพลียขนาดนี้ เห็นทีเราจะปิดลูกๆไว้ไม่อยู่แล้ว ให้ฉันจะส่งข่าวบอกศรีธารากับสายวารี เถอะนะ”
แม่เจ้าน้ำตาไหล ไม่ทัดทาน เพราะอยากเห็นหน้าลูกซักครั้งก่อนตาย
พ่อเจ้ากลับเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางเครียดจัด ข้าหลวงรับใช้ประจำพระองค์เดินตามเข้ามาด้วย
“พ่อเจ้าสิให้ข้าน้อยส่งโทรเลขถึงท่านเจ้าน้อยทั้งสองเลยหรือบ่อ”
“ส่งไปให้ด่วนที่สุดเลย ท่านไซสาเกต ศรีธาราอยู่อังกฤษ คงต้องใช้เวลา กว่าหนังสือสิไปถึง ข้อยอยากให้ลูกๆมาอยู่กันพร้อมหน้าที่นี่”
“แล้วเรื่องการปิ้นปัวรักษาแม่เจ้า สิให้เฮ็ดจั่งได๋พ่อเจ้า สิให้ข้าน้อยเอิ้นท่านหมอฝรั่งมาอีกหรือบ่อ พ่อเจ้า”
พ่อเจ้าถอนใจ “หมอไทยหมอฝรั่งฝีมือดี ข้อยก็เอิ้นมาปิ้นปัวรักษาแม่บัวเหมิดแล้ว แต่ก็บ่อเป็นผล บาดนี่ ข้อยคึดฮอดท่านพ่อแพทย์จันทกุมารที่เคยมาปิ้นปัวรักษา แต่ท่านพ่อแพทย์เพิ่นก็ตายไปแล้ว”
ข้าหลวงนึกถึงพ่อแพทย์พุทไธ
“แต่วิซาการแพทย์ของเพิ่นยังบ่อตายนะพ่อเจ้า”
พ่อเจ้าสนใจในคำของท่านข้าหลวงไซยสาเกต
ยาแม่คำอ่อนนั่งเอนพิงเสาเรือน มองดูผลไม้อย่างดีที่สอางซื้อหามาฝากมาต้อนด้วยท่าทางเฉยเมย
“แม่คิดว่าเจ้าสิเอาซิ่นลายหงส์มาคืนเสียอีก”
สอางยิ้มเยาะ “ยาแม่นิ หายใจเข้าหายใจออกก็เป็นซิ่นลายหงส์ ทำอย่างกับว่าได้มันคืนไปนุ่งแล้วสิเซาเจ็บเซาไข้”
“ซิ่นนิ เมื่อเจ้าใซ้งานเสร็จแล้ว ก็ต้องเอามาคืนแม่ เฮาเว้ากันฮู้เรื่องแล้วแม่นบ่อ”
“ข้าน้อยสิเอาไว้นุ่งออกงาน ภริยาท่านสารวัตรใหญ่แห่งเมืองอีสานบุรีอย่างท่านนางสอาง สิมีคนเซิญไปฮ่วมงานสังคมปีละหลายเทือหลายหน ยาแม่สิใจจืดใจจาง ทนเห็นข้าน้อยใส่ซิ่นขิดซิ่นหมี่ธรรมดาๆคือซาวไฮ่ซาวนาใส่ บ่อย่านไทบ้านไทเมืองเขาสิเว้าพื้นนินทาลูกสาวซั่นบ่อ”
ยาแม่รู้ทัน “แล้วใส่ซิ่นผืนเดียวเหมิดปีเหมิดซาต เจ้าสิบ่ออยากอายเขาซั่นบ้อ”
“ถ้านุ่งแล้วมันงาม มันเด่น เป็นนางฟ้านางสวรรค์ มีแต่คนแนมเบิ่ง ออนซอนหลงใหลข้อยก็บ่ออยากอายดอก”
ยาแม่ทุบพื้นเรือนเสียงดังอย่างสุดทน
“ซิ่นผืนนี่เป็นสมบัติของตระกูล เจ้าสิยึดไว้ผู้เดียวบ่อได้ เอามาแผ่ให้พี่น้องคนอื่นเขาได้นุ่งได้ครองบ้าง”
“ยาแม่สิเอามาให้ยาเอื้อยนุ่งก็เว้ามาตรงๆ เถาะ คึดแต่อยากสิได้คืนมาให้เพิ่นนุ่ง ฮู้แล้วซั่นบ่อ ว่าไผเขาสิมาตบมาแต่งเอาเพิ่นเป็นเมีย บักโซ่ทองลูกอีสายซุมแซงขี้ข้านั่นซั่นบ้อ ได้ข่าวว่ามันพัวพันจนสิได้เสียกันแล้ว”
ยาแม่ตกใจ ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
“เจ้าเว้าอีหยังของเจ้า สอาง”
“ก็เอาแต่นอนซมอยู่เทิงเฮือน ยาแม่เลยบ่อฮู้ว่าโลกมันหมุนไปฮอดไสแล้ว” สอางยิ้มเจ้าเล่ห์ “เอาอย่างนี่ก็แล้วกัน ยาแม่ มื่อใด๋ที่ยาเอื้อยแต่งผัว ข้าน้อยสิเอาซิ่นลายหงส์มาคืนให้ แม้ว่าเจ้าบ่าวผู้นั่น มันสิเป็นบักโซ่ทอง ขี้ข้าขี้ครอกในเฮือนก็ตาม”
ยาแม่เครียด เริ่มสงสัยว่าสะอาดกับโซ่ทองมีอะไรกันจริงหรือ
ด้านสะออนพาศรีธาราเดินออกมาดูเรือนคนงานที่ปลูกเรียงรายกันในอาณาเขตเรือนพุทไธเทพ
“บ้านพักคนงานพ่อซายอยู่ทางนี่ล่ะ อ้ายแก้ว ห้ามข้ามเขตต้นไม้นั่นไปเด็ดขาด นั่นเป็นเขตที่แม่ญิงเขาอาศัยอยู่กัน”
“ผมต้องอยู่กับอ้ายโซ่ทองหรือ”
“อ้ายโซ่ทองเพิ่นอยู่กับแม่เพิ่น คนงานที่อยู่กันเป็นครอบครัว สิปลูกเฮือนอยู่อีกฟาก คนโสดอย่างเจ้าต้องอยู่บ่อนนี่ แต่ถ้าเจ้ามีเมียแล้วค่อยย้าย ห้ามเอาแม่ญิงเข้ามานอนปะปนกับพ่อซายเด็ดขาด เข้าใจบ่อ”
สะออนพูดซีเรียสจริงจัง ศรีธาราเห็นท่าทางเป็นการเป็นงานของสะออนแล้วยิ้มขำ
“ผมคงไม่รีบมีเมียหรอกครับ”
“บ่อรีบมีเมีย เพราะอยากเกี้ยวสาวไปทั่วติ”
“ผมไม่เกี้ยวใครทั้งนั้นแหละ เพราะตอนนี้ ผมมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว”
ศรีธาราหัวเราะขำมองสะออนตาเป็นประกายวิบวับ แต่สะออนยังใสซื่อ ไม่รู้ว่าหมายถึงตัวเอง จนสายตาเหลือบไปเห็นสอางเดินเข้ามาทางด้านหลัง
“ยาเอื้อย”
ศรีธาราหันกลับไปมองตาม เห็นสอางแต่งตัวสวยมาดคุณนาย เดินเฉิดฉายเข้ามาจึงยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม สำรวม สอางปรายหางตามองศรีธาราอย่างไม่ให้ราคา เพราะเดาว่าเป็นคนงาน ตำหนิติติงน้องสาวตรงๆ ตามนิสัย
“มึงนี่ใฝ่ต่ำสมกับเป็นซาตกาแท้ๆเลย อีสะออน คลุกคลีอยู่แต่กับพวกกุลีขี้ข้า อีกจักหน่อย ก็คงสิได้แต่งขี้ข้าขึ้นเป็นผัว” สะอาดเหยียดยิ้ม ถามเย้ยๆ “มึงคึดสิเดินตามฮอยยาเอื้อยกับบักโซ่ทองซั่นบ่อ” สอางมองศรีธาราอย่างดูแคลน “มึงแนมหน้ากูหยัง บักขี้ข้า”
พูดจบสอางก็หันหลังเดินเชิดกลับออกไป สะออนชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่อยากทะเลาะกับพี่สาวต่อหน้าคนแปลกหน้า
ศรีธารามองตามสอาง เกิดภาพประทับใจที่ไม่ค่อยสู้ดีนักกับสอาง
สอางกับบริวารทั้งสองกลับมาถึงบ้านพักสารวัตร เดินคุยกันขึ้นเรือนมาอย่างเบิกบานใจ
“เป็นตาสมเพชเวทนา ทั้งเอื้อยทั้งน้องกู คือสิบ่อพ้นได้ขี้ข้าในบ้านเป็นผัว บาดนี่ล่ะ ยาแม่กูสิได้เอาหน้ามุดลงดินหนีอาย”
“สงสัย บุญวาสนาของแม่สะอาดกับแม่สะออน คงสิมีอยู่แค่นั่นล่ะจ้ะ ซาติก่อนคงสิเฮ็ดบาปเฮ็ดกรรมไว้หนัก” เสาบอก
“ผิดกับแม่สอาง คงสิสร้างแต่บุญกุศล ซาตนี่ผลบุญจึงน้อมนำให้พบพ้อแต่คนดีๆ อย่างท่านสารวัตรหลวงอากาศกำจร ข้อยล่ะอิจสาแม่สอาง หล้าย...หลาย”
สอางยิ้มพอใจกับคำป้อยอของสีแหล่ แล้วยิ้มกว้างกว่าเก่าเมื่อเห็นกำจรเดินออกมาจากห้องด้านในเรือนพอดี
“ท่านสารวัตร ท่านกลับมาแล้วบ้อ”
กำจรมองสอางหน้าเครียดๆ ดูออกว่าไม่ค่อยพอใจ
กำจรยืนหน้าเครียดอยู่ในห้อง สอางรีบเข้าไปกอดประจบเอาใจ
“ข้าน้อยบ่อผิด อีเฒ่าคำสีนั่นมันมาปากปลาแดกกับข้าน้อยก่อน สิเลี้ยงมันไว้เฮ็ดหยัง สาระแนมาสั่งสอนเจ้านาย มันเป็นขี้ข้าเด๊ะ บ่อได้เป็นแม่ข้าน้อย”
“มีอะไรไม่ถูกใจ ไม่พอใจ ก็น่าจะแค่เรียกมาเจรจากัน ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ แม่คำสีแกรุ่นแม่ของคุณแล้วนะ สอาง”
“ใหญ่ย่อนกินข้าว เฒ่าย่อนเกิดโดน ก็ย่อนว่ามันเฒ่าจนหัวหงอกทั้งกบาลแล้วนี่ล่ะ มันถึงได้เป็นไม้แก่ดัดยาก ท่านไปหาจ้างขี้ข้าคนใหม่มาฮับใซ้เถาะ โยนเงินให้มันไป มีแต่สิแล่นหัวตำกัน ยาดแย่งกันมาเป็นขี้ข้า ขี้คร้านสิเลือกหน้า”
“ไม่ได้หรอก แม่คำสีเป็นคนที่ผู้ใหญ่จัดหามา และก็เป็นแม่ของดาบคำแสงด้วย ผมจะมองหน้าดาบคำแสงได้ยังไง ถ้าไม่ไปขอขมาลาโทษแก”
สอางตัวแข็ง ชักสีหน้าไม่พอใจ กำจรเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“พรุ่งนี้ ผมจะไปกราบขอขมาและขอให้แม่คำสีกลับมาทำงาน ถ้าคุณไม่ชอบใจ ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับแก ปล่อยให้แกทำงานทำการของแกไป มีอะไรคุณก็เรียกใช้คนของตัวเอง ดีไหมครับ”
สอางหน้างอ แต่พอเห็นกำจรจ้องรอคำตอบ ก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
กำจรพอใจจูบหน้าผากสอาง “ว่าง่ายอย่างนี้ ผมถึงต้องมีรางวัลให้ ขออาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวมาแกะของฝากกัน”
สอางอารมณ์ดีทันตา “ท่านสารวัตรมีของฝากอีหยังมาฝากข้าน้อย”
“อยู่ในกระเป๋าแน่ะ ลองทายดูสิ สอาง”
กำจรพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป สอางหายขุ่นข้องหมองใจทันที หันไปมองกระเป๋าเดินทาง
ส่วนที่พระนคร ไฉไลยืนเหม่อลอยครุ่นคิดอยู่ในโถงบ้าน หวนคิดถึงตอนไปนั่งปรับทุกข์กับคุณหญิง เรื่องสามีก่อนหน้านี้
“คุณแม่คะ หนูสังหรณ์ใจว่ากำจรจะแอบมีผู้หญิงอื่น”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ แม่ไฉไล”
“ก็เขาไม่ยอมรับปากว่าจะกลับมาหาหนูกับลูกให้บ่อยกว่านี้ พอหนูแกล้งพูดว่าปิดเทอมจะพาตาธรไปหา เขาก็บ่ายเบี่ยง หาเหตุผลต่างๆนานามาอ้าง”
คุณหญิงครุ่นคิด เริ่มสงสัยตาม
“คนอย่างพ่อกำจรมันลื่นเป็นปลาไหล ถ้าจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย มันก็ไม่มีวันยอมรับหรอก”
“แล้วหนูจะทำยังไงดีคะ”
“แม่ไฉไลอย่าเพิ่งเอะอะไป ถ้าพ่อกำจรเขามีเมียน้อยจริง ลูกก็ต้องแสดงตัวให้แม่ผู้หญิงคนนั้นรู้”
ฝ่ายสอางเปิดกระเป๋าเดินทางกำจรอย่างตื่นเต้น โดยไม่รอเจ้าตัวออกจากห้องน้ำ พอเปิดออกก็เห็นถุงกระดาษพับไว้อย่างปราณีตวางอยู่ในกระเป๋า สอางหยิบออกมาแหวกดูของในถุงกระดาษ เห็นเป็นกล่องสีน้ำตาลหลายขนาด เหมือนสินค้าที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า รู้ว่าเป็นของตัวแน่ๆ แต่มือยังคุ้ยกระเป๋าต่ออย่างเพลิดเพลิน
กระเป๋าใบนี้ไฉไลจัดให้กำจรด้วยตัวเองกก่อนกลับ คำพูดเตือนของคุณหญิงดังก้องในหูตลอดเวลา
“ทิ้งรูปลูกกับตาธรลงไปในกระเป๋าซักรูป ถ้าพ่อกำจรมันแอบอยู่กินกับผู้หญิงคนอื่น แม่นั่นจะได้รู้ว่าพ่อกำจรมีเจ้าของแล้ว ดูซิมันจะว่ายังไง”
ไฉไลหยิบกรอบรูปครอบครัวที่ตัวเองกับกำธรถ่ายกับกำจรยัดเข้าไประหว่างเสื้อผ้าที่พับอยู่
สอางแหวกค้นกระเป๋าเสื้อผ้ากำจร หาดูว่าจะมีของขวัญอะไรอีก ล้วงลึกเข้าไปใต้เสื้อที่พับไว้แล้วสัมผัสอะไรบาง ค่อยๆ ดึงออกมา
มันคือกรอบรูปที่ไฉไลใส่ลงไปนั่นเอง
สอางมองงงๆ ในเบื้องแรก ก่อนสีหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนจากความพิศวง เป็นตกใจ และโกรธแค้นถึงขีดสุด
ปะติดปะต่อเรื่องราวได้เองว่าอะไรเป็นอะไร ตามสัญชาตญาณผู้หญิง
อ่านต่อตอนที่5