ซิ่นลายหงส์ ตอนที่ 2 โนสน!สอางขโมยซิ่นลายหงส์มาใส่
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา
สองพี่น้องแย่งซิ่นไหมลายหงส์กันอย่างรุนแรง สะออนเข้าไปประคองสะอาดที่ล้มอยู่ที่พื้น สอางยังคงยืนถือซิ่นในมือมองตะลึงอยู่
“ยาเอื้อยเฮ็ดอย่างนี่มันเกินไปแล้ว ข้อยสิไปฟ้องยาแม่” สะออนโมโห
“มึงไปฟ้องเลย กูบ่อย่านดอก”
สะอาดดึงแขนน้องสาวคนเล็กไว้
“อย่า สะออน เอื้อยบ่อเป็นหยังดอก”
“สมน้ำหน้า อยากมาขวงเอง อย่าหวังเลย ว่าข้อยสิขอสมมา” สอางไม่รู้สึกรู้สาใดๆ
“เจ้าบ่อต้องขอสมมาดอก ตราบใด๋ที่เจ้าบ่อเอาผ้าซิ่นผืนนี่ไป เพราะเอื้อยบ่อมีวันให้เจ้า”
พร้อมกับสะอาดลุกขึ้น ฉวยโอกาสดึงผ้าซิ่นคืนจากมือสอางโดยไว
“ยาเอื้อย”
สอางผวาจะคว้าคืน สะอาดไม่ยอม
“ถ้าเจ้าอยากได้ ก็ไปขอกับยาแม่เอง ถ้ายาแม่บ่อให้ เอื้อยก็ให้เจ้าแตะต้องผ้าผืนนี่บ่อได้”
สะอาดหันไปเก็บผ้าใส่กำปั่นแล้วยกออกจากห้องไปทันที สะออนตามออกไปด้วย
สอางยืนคุมแค้นมองตามด้วยความเดือดดาล
สะออนเดินตามสะอาดมาตามชานเรือนพุทไธเทพ ถามพี่สาวอย่างแปลกใจ
“เกิดอีหยังขึ้นหรือ ยาเอื้อย เป็นหยังยาเอื้อยสอางถึงต้องวิวาทยาดแย่งผ้าผืนนี่”
“ยาแม่ยกผ้าซิ่นลายหงส์ มรดกที่ตกทอดมาจากปู่ย่าให้เอื้อย สอางคงบ่อพอใจ”
“ผ้าซิ่นผืนนี่ ยาแม่ยกให้ยาเอื้อยหรือ”
สะอาดหยุดเดินดื้อๆ
“เจ้าก็บ่อพอใจคือกันหรือ สะออน”
“บ่อแม่นจ้ะ ข้าน้อยบ่อเคยอยากได้อยากมีคือคนอื่นดอก เพียงแต่ข้าน้อยแค่สงสัยว่าเป็นหยัง ยาแม่ถึงยกผ้างามๆ เซ่นนี่ให้แก่ยาเอื้อยผู้เดียว”
“อาจเป็นย่อนว่า เอื้อยเป็นลูกคนโต ยาแม่เพิ่นจึงให้เอื้อยรักสมรักษาไว้ เจ้าอย่าเพิ่งถามหยังเอื้อยเลย เอื้อยต้องเอาผ้าซิ่นลายหงส์นี่ไปคืนยาแม่ ให้เพิ่นเก็บรักษาไว้ก่อนดีกว่า ถ้าเอื้อยเก็บไว้เอง มันสิบ่อปลอดภัย”
สะออนเห็นด้วย “อืม แม่นคำเอื้อยว่า ถ้าเซ่นนั่น เอื้อยฟ่าวไปเถาะจ้า”
สะอาดตรงไปยังห้องยาแม่ยาพ่อ สะออนนิ่งนึกทวนชื่อซิ่นกับตัวเอง
“ผ้าซิ่นลายหงส์”
สะอาดวางกำปั่นใบเขื่องยื่นให้ยาแม่ คำอ่อนมองฉงน
“เป็นหยังถึงได้เอามาคืนแม่ล่ะ สะอาด”
“ของมีค่าเซ่นนี่ ลูกขอฝากไว้กับยาแม่สิดีกว่า เกิดผ้าซิ่นลายหงส์ผืนนี่เสียไป ข้าน้อยก็บ่อฮู้ว่าสิเฮ็ดจั่งได๋ สิหาจากไสมาคืนยาแม่”
“เจ้านี่ก็ขี้กลัวขี้ย่านบ่อเข้าเรื่อง เอ๋า บ่อต้องกังวล เจ้าฝากไว้กับแม่ก่อนได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องแต่งดองออกเฮือน ก็ค่อยมาเอาไป”
สะอาดเขิน “ยาแม่…”
“ผ้าซิ่นผืนนี่ แม่ยกให้เจ้าแล้ว เอาไว้ให้เจ้าใส่ในพิธีแต่งดองออกเฮือน มีลูกมีผัวเจ้าสิต้องเป็นลูกคนแรกที่ออกเฮือน ก่อนสอางและสะออน”
“แล้วข้าน้อย...สิแต่งดองกับผู้ใด๋ล่ะจ๊ะ ยาแม่”
“เจ้าก็ฮู้แล้วนี่ สิเป็นไผไปได้ล่ะ นอกจากร้อยตำรวจเอกหลวงอากาศกำจร ผู้นั่น”
สะอาดตาเบิกโพลงท่าทีเขินอาย ยาแม่คำอ่อนยิ้มขำไปกับอาการลูกสาว รับกำปั่นมาถือไว้ในมือ
ด้านสอางเดินกระฟัดกระเฟียดลงมาในสวน กระชากทึ้งต้นไม้ใบหญ้าระบายอารมณ์
“อีสะอาด แล้วมึงสิได้เห็นฤทธิ์กู”
สอางระบายอารมณ์กับดอกไม้ สีหน้าเคียดแค้น นางงอตามลงมาปลอบ
“สอาง ใจเย็นก่อน มื่อนี่ เฮายาดมันมาบ่อได้ แต่วันพระ ก็บ่อได้มีหนเดียว ถ้าผ้าผืนนั่นมันเป็นของเจ้า จั่งได๋ มันก็สิต้องตกเป็นของเจ้า”
“มันเอาผ้าไปไว้กับยาแม่ แล้วกูสิเอาปัญญาไสไปยาดคืนมา”
“บ่อเกินปัญญาที่ข้อยสิคึดได้ดอก สอาง”
สอางมองหน้านางงอ รู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความตามที่พูด จะต้องเอาผ้าซิ่นมาให้ตนได้แน่
วันเวลาผ่านไป ท้องทุ่งนาเขียวขจี ต้นไม้ใบหญ้าเติบโตเขียวชะอุ่ม ในอาณาเขตเรือนพุทไธเทพอันกว้างใหญ่ เห็นคนงานกำลังประดับประดา ตกแต่งสถานที่เหมือนกำลังจะมีงานอะไรซักอย่าง
ในครัวก็วุ่นวายด้วยคนงานกำลังช่วยกันจัดแจงข้าวปลาอาหาร เสียงตำน้ำพริก สลับกับเสียงหม้อไหกระทบกันดูคึกคัก
ที่บริเวณลานกว้างตรงตีนบันไดหน้าเรือนใหญ่ บรรดานางรำลูกศิษย์ของแม่ครูคำอุ่นกำลังซ้อมรำกันอยู่ โดยมีแม่ครูคอยนั่งดูการซ้อมอยู่กับยาแม่คำอ่อน
“ขอบใจยาเอื้อยหลาย ที่พานางรำมาฟ้อนฮับต้อนแขกคนในงานคืนนี่”
“มันงานคนอื่นคนไกลอยู่ไสกันล่ะ คำอ่อนน้องหล่า ว่าที่ลูกเขยเจ้าได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นสารวัตร เพิ่นวาสนาสูงแท้ๆ ย้ายมารับราชซะการที่อีสานบุรีบ้านเฮาบ่อทันได๋ ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นหัวหน้าสถานีเสียแล้ว”
ยาแม่สีหน้าเป็นปลื้มๆ “หลานสาวของยาเอื้อยก็พลอยมีวาสนาไปกับเพิ่นนำ”
“ดีแล้วล่ะ ตบแต่งกันซะให้เฮียบฮ้อย ไทบ้านไทเมืองสิได้บ่อเว้าพื้นนินทา ยามเห็นท่านสารวัตรกำจรเพิ่นเทียวไปเทียวมาที่เฮือนของเจ้า”
“เอื้อยเองก็อยากเห็นหลานนุ่งซิ่นหงส์สวรรค์สุวรรณภูษา ในมื่อแต่งดองใจสิขาดแล้ว”
ยาแม่ยิ้ม วาดฝันถึงภาพอนาคตของสะอาดกับกำจรเช่นเดียวกัน
เย็นนั้น สะอาดแต่งตัวสวยงามอยู่ในห้อง โดยมีเพ็ง เภาช่วยประดับเครื่องแต่งตัว สะออนเปิดประตูเข้ามาในชุดพื้นเมืองที่งามไม่แพ้กัน แต่พอเห็นพี่สาวก็ทำตาโต
“ยาเอื้อย... ยาเอื้อยคืองามแท้ มื่อนี่ ยาเอื้อยของข้าน้อยผู้จกผู้งามหลาย ถ้าบ่อฮู้มาก่อน ข้าน้อยสิคึดว่าเป็นมื่องานแต่งดองของยาเอื้อยเสียด้วยซ้ำ”
สะอาดยิ้มเขิน “เจ้าก็งามเป็นพิเศษกว่าทุกมื่อคือกัน สะออนน้องหล่า”
“ลูกลิงลูกค่างอย่างข้าน้อย ก็งามย่อนยาเอื้อยนั่นล่ะ คนเย็บเสื้อก็ยาเอื้อย ซิ่นผืนนี่ ก็ฝีมือยาเอื้อยเป็นคนต่ำคนทอ ถ้าบ่อมียาเอื้อย ข้าน้อยก็บ่องามดอก”
สะอาดหัวเราะ บีบแก้มสะออนอย่างเอ็นดู เพ็งเข้ามา
“แม่สะอาด ลงไปรับแขกกับยาพ่อยาแม่เถิดจ้ะ สารวัตรกำจรเพิ่นมาแล้ว อย่าให้เพิ่นรอนาน”
สะอาดพยักหน้าเขิน แล้วชวนสะออนออกไปจากห้อง
งานเลี้ยงฉลองอวยยศสารวัตรกำจรที่หน้าเรือนพุทไธเทพคึกคักตั้งแต่หัวค่ำ แขกเหรื่อที่มาถึง แยกไปดื่มกินตามอัธยาศัย กำจร พ่อแพทย์และยาแม่ ช่วยกันต้อนรับแขกที่ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย
มุมหนึ่ง ชาวบ้านดื่มเหล้าอุ มีการฟ้อนรำประกอบดนตรีอีสานพื้นถิ่น รอบๆ ลานการแสดง มีการตั้งวงเลี้ยงอาหารแขกในงานไม่อั้น
สะอาดลงเรือนมาในชุดซิ่นไหมที่เธอทอเองกับมือ สารวัตรมองเห็น ยิ้มทักด้วยแววตาชื่นชมในความงาม
ยาแม่ให้สะอาดมานั่งข้างๆ สารวัตรกำจร ร่วมกันกินข้าวแลง ชมการแสดงฟ้อนรำของหนุ่มสาว
สะอาดกับกำจรรับแขกเคียงคู่กันราวกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีบางจังหวะมองตาซึ้งๆ ส่งยิ้มให้กัน กำจรเห็นสะอาดแต่งตัวสวยงามกว่าทุกวันก็ยิ่งหน้าบาน ภาคภูมิใจ
ฝ่ายสะออนเห็นพวกผู้ใหญ่รับแขกกันก็เบื่อ เลยเดินเตร็ดเตร่เลี่ยงออกมาทางด้านสวนลับตาคน กลับเห็นโซ่ทองเดินลัดเลาะย่องมาแอบดูงาน สาวน้อยยิ้มขำหลบเข้าหลังต้นไม้ แล้วโผล่พรวดขึ้นมาแกล้งให้ตกใจเล่น
“อ้ายโซ่ทอง”
โซ่ทองสะดุ้ง “สะออน เจ้าน่ะเอง อ้ายตกใจเหมิดเลย”
สะออนมองดูโซ่ทองหัวจรดเท้า เห็นโซ่ทองแต่งชุดธรรมดา เหมือนชาวบ้านโทรมๆ
“เป็นหยังอ้ายถึงแต่งเนื้อแต่งโตจั๋งซี่ บ่ออายเขาหรืออ้าย”
“อายเฮ็ดหยัง อ้ายบ่อได้เป็นแขกในงานจักหน่อย”
“ยาพ่อเพิ่นสั่งให้อ้ายมาฮ่วมกินข้าวพาแลงนำกัน”
โซ่ทองยิ้มเจียมตัว “อ้ายเป็นแค่คนงาน บ่อบังอาจแต้มแก่ไปฮ่วมพากับผู้หลักผู้ใหญ่เพิ่นดอก แค่มาซอมเบิ่งซื่อๆ ว่าเพิ่นเฮ็ดอีหยังกัน”
สะออนทำสู่รู้ อวดภูมิ “สิมาซอมเบิ่งยาเอื้อยสอางก็ว่ามาโลด”
โซ่ทองสะดุ้ง สะออนทำหน้าอมยิ้มรู้ทัน แล้วเอานิ้วจิ้มเสื้อโซ่ทอง
“ถ้าอยากเห็น อ้ายก็ต้องไปเบิ่งใกล้ๆ ทางพู่น แต่สารรูปจั๋งซี่ ข้อยว่าอย่าเพิ่งเข้าไปสิดีกว่า อ้าย ตามมานี่”
สะออนดึงโซ่ทองวิ่งออกไป โซ่ทองงงๆ แต่ขัดขืนไม่ทัน
สะออนหายไปหาเสื้อผ้าดีๆ ครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมโสร่งไหมและเสื้อดูดี ยื่นให้โซ่ทอง
“ข้อยไปขอยืมมาจากอ้ายคำพูน อ้ายคงสิพอใส่ได้อยู่ดอก เปลี่ยนซะ แล้วก็ล้างหน้าล้างตีน แต่งโตให้มันผู้จบผู้งามจักหน่อย”
โซ่ทองถอนใจ “เป็นหยังต้องยุ่งยากปานนี่น้อ อีหล่าเอ้ย”
“แล้วอ้ายอยากเห็นยาเอื้อยสอางบ่อล่ะ”
โซ่ทองปฏิเสธไม่ลง เลยถอดเสื้อออก เตรียมจะล้างหน้าล้างตัว สะออนร้องลั่นตกใจ รีบเอาเสื้อผ้าในมือปิดหน้าตัวเองแทบไม่ทัน
“อ้ายโซ่ ลามกจกเปรต บ่อต้องมาแก้ผ้าให้ข้อยเบิ่ง ข้อยบ่ออยากเห็น”
“ไผสิคึดลามกแก้ผ้าให้เจ้าเบิ่ง อ้ายสิล้างเนื้อล้างโต โอ๊ะ”
สะออนค่อยๆ โผล่หน้าออกมอง เห็นโซ่ทองส่ายหน้า แล้วหยิบขันมาตักน้ำล้างหน้าล้างแขน แต่ยังใส่กางเกงอยู่ เลยโล่งอก
สอางกำลังยืนหันหลังแต่งตัวอยู่ในห้อง มีนางงอ เสา สีแหล่ กำลังช่วยกันประทินโฉม มีเสียงเพลงจากงานเลี้ยงดังแว่วๆ มาทางหน้าต่าง
“งามสมกับเป็นนางพญาหงส์อีหลีจ้ะ แม่สอาง” เสาป้อยอ
“ผู้บ่าวคนใด๋เห็นแม่สอางในคืนนี่ แล้วบ่อออนซอนหลงใหล แสดงว่ามันผู้นั่นคงสิสติสตังบ่อดี” สีแหละหัวเราะคิก “ขนาดซุมเฮายังออนซอน บ่ออยากละสายตาเลยจ้ะ”
ใบหน้าสอางแต่งแต้มสีสันสวยจัด ยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจกับความงามของตัวเองเต็มที่
นางงอป้อยอต่อทันที “สอาง เจ้างามหลาย เจ้าจงออกไปให้ไทบ้านไทเมืองได้เห็นว่าเจ้าคือนางพญาหงส์ผู้สูงส่งเหนือไผ บ่อแม่นนางกาดำต่ำต้อยที่เผยอสิแซมขนหงส์อย่างสะอาด”
สอางพรายยิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็มตัว อยู่ในชุดงามหยดย้อย ซิ่นที่สอางสวมอยู่ที่แท้ก็คือซิ่นลายหงส์นั่นเอง
สะอาดนั่งร่วมวงข้าวอยู่กับพ่อแพทย์ ยาแม่ แม่ครู กำจร และแขกสำคัญหลายท่าน สายตาเหลือบมองไปที่การแสดงรำฟ้อนที่เพิ่งจบลง ยาแม่มองหาลูกสาวแล้วบ่นกับสะอาด
“สะอาด น้องสาวเจ้าไปไสกันเหมิด มีไผไปเอิ้นไปตามแล้วซั่นบ่อ”
“สะออนคงเล่นซนอยู่แถวนี้ล่ะยาแม่ ส่วนสอาง ข้าน้อยให้นางเพ็งนางเภาไปเอิ้น แต่ก็ยังบ่อเห็นมา” สะอาดบอก
กำจรนึกได้ “จริงด้วยสิ สะอาดมีน้องสาวอีกคน นอกจากสะออน แต่ผมยังไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาเลย”
“อีหยังกัน ท่านสารวัตร มาฮักมาซอบเอื้อยเพิ่น แต่บ่อเคยเห็นหน้าน้องๆ” กำนันแหย่
“มาทีไรก็คลาดกันตลอดครับ ท่านกำนัน”
จังหวะนั้นเอง พ่อแพทย์เหลือบมองไปที่ชานบันไดเรือน แล้วยิ้มกว้างออกมาเห็นสะออนลากโซ่ทองเข้ามาพอดี
“มาแล้วจ้ายาแม่”
โซ่ทองมองเห็นสารวัตรกำจร เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามสะออนเข้ามาในวง
“พ่อกำลังสิให้คนไปเอิ้นพอดี มาสะออน บักโซ่ทอง มานั่งลงกินข้าวนำกัน” พุทไธแนะนำกำจร “นี่สะออน ลูกสาวหล่าของข้อย แล้วนี่ก็ โซ่ทอง เป็นลูกศิษย์ข้อย คอยซ่อยงานรักษาคนเจ็บคนไข้ ฮู้จักกันไว้เด้อ ท่านสารวัตร”
โซ่ทองยกมือไหว้กำจรอย่างนอบน้อม กำจรรับไหว้ ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน กำจรมองสะออนด้วยความเอ็นดู โซ่ทองตัวห่อลีบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“เอาสาโทจักขันบ่อ บักโซ่ทอง” พุทไธยื่นขันเงินเหล้าสาโทให้
“บ่อเป็นหยังดอกจ้า พ่อแพทย์ ข้อยกินเหล้ายาปลาปิ้งบ่อเป็น”
โซ่ทองปฎิเสธ สะออนนึกสนุกแกล้งหยอกเย้า โซ่ทองยิ่งอาย
“แล้วสอางล่ะ อยู่ไส เป็นหยังบ่อฮู้จักมีมารยาท แขกไปไทยมาเต็มเฮือนแล้วยังบ่อออกมา”
พ่อแพทย์เหลือบไปเห็นนางงอเดินนำเข้ามาก่อน มีสอางตามหลังมาพร้อมสองบ่าว
“นั่นเด สอาง เพิ่นมาพอดีเลย ท่านสารวัตร”
ทุกคนมองตามสายตาพ่อแพทย์ เห็นเสากับสีแหล่กำลังจูงมือสอางลงจากบันได หล่อนดูงามอย่างทรงพลังดั่งนางพญาเข้ามาในงาน สอางรัศมีเปล่งประกายจนทุกคนในงานต้องหันไปมองเป็นตาเดียว ทุกคนลืมความสนใจต่อช่างฟ้อนนางรำที่กำลังแสดวงอยู่ไปชั่วขณะ
กำจรมองเห็นสอางเต็มตาก็อึ้งไป เมื่อจำได้ว่าเป็นนางพญาหงส์ที่ตนเองได้เห็นในงานบุญเบิกบ้านนั่นเอง
สอางรู้ว่ากำจรมองด้วยสายตาตกตะลึง ก็ยิ้มตอบแล้วเดินตรงเข้ามาที่พาข้าวแลง เหมือนจะเข้ามาหา
โซ่ทองตกตะลึงเช่นกัน
ยิ่งสอางเดินใกล้เข้ามา ก็ยิ่งเปล่งประกายเหมือนกับถูกเสกด้วยพรวิเศษด้วยอิทธิฤทธิ์ของซิ่นลายหงส์
กำจรนิ่งงันเหมือนโลกหยุดหมุน สายตาจับจ้องที่สอางไม่วางตา ดำดิ่งสู่อดีตชาติ ที่เวียงคำนาค
ท้าวเพียคำจัน อดีตชาติของสารวัตรกำจร กำลังเดินลัดเลาะมาแอบมองดูหูกคำอยู่ด้านนอกโรงทอผ้า
ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหูกคำขณะทอผ้าก็มองด้วยความหลงไหล ในมือมีห่อกระดาษบางอย่าง เหมือนอยากจะเอาเข้าไปให้หูกคำ
ผู้คนในงานยังมองจ้องสอางอย่างตกตะลึง ถอยแหวกเป็นทางให้สอางเดินผ่านราวกับมีอิทธิฤทธิ์
พ่อแพทย์พุทไธยิ้มให้อย่างชื่นชม ภูมิใจในความงามของลูกสาว แต่พอสายตาหยุดลงที่ผ้าซิ่นลายหงส์ก็ชะงักค้าง หันไปมองยาแม่คำอ่อน แม่ครูคำอุ่น และสะอาดที่มี่สีหน้าช็อกไปตามๆ กัน
พ่อแพทย์พึมพำเบา “ยาแม่คำอ่อน...นั่นมันซิ่นลายหงส์ของเจ้าแม่นบ่อ”
แม่ครูหันไปแตะแขนยาแม่ พบว่าน้องสาวตัวเย็น หน้าซีด เหมือนกำลังหัวใจกำลังจะหยุดเต้นอยู่รอมร่อ
ยาแม่ถามสะอาดน้ำเสียงสั่นคาดไม่ถึง “สอางเอาไปนุ่งได้จั่งได๋”
“ข้าน้อยบ่อฮู้ ก็มื่อนั่น ข้าน้อยฝากผ้าซิ่นไว้กับยาแม่แล้วนี่จ๊ะ”
สอางส่งสายตาท้าทายมายังยาแม่กับสะอาด เพื่ออวดโอ้ที่ตัวเองสามรถแย่งชิงซิ่นลายหงส์มาสวมจนได้
บนชานเรือนยามนี้ นางงอยืนเกาะขอบชานบ้าน มองมาที่ยาแม่ด้วยสีหน้าสะใจสมใจอย่างยิ่ง รู้อยู่แก่ใจว่ายาแม่จะต้องตกใจมาก เมื่อเห็นสอางขโมยซิ่นลายหงส์มาสวมจนได้
เมื่อหลายวันก่อน สอางถือถาดยาเข้ามาหายาแม่คำอ่อนที่เอนหลังอยู่ในห้องนอน
“ข้าน้อยได้ยินว่ายาแม่วินหัว ก็เลยเอายาขึ้นมาให้ ยาแม่กินยาเสียก่อน”
ยาแม่เห็นสอางพูดจานุ่มนวล ก็คิดว่าลูกสาวมีน้ำใจ แถมสอางทำทีเป็นบีบนวดให้ ใกล้ที่มือสอางบีบนวดเฟ้นแขนขายาแม่
ยาแม่หลับผล็อยไปแล้ว หลังจากกินยาและบีบนวดไปไม่นาน นางงอ เสา สีแหล่เข้ามา
“น้ำมันดอกขี้เหล็กของมึงได้ผลดีแท้อีงอ เผลอคราวเดียว ยาแม่ก็หลับเป็นตาย”
นางงอยิ้มสมใจ หันไปสั่งเสา สีแหล่
“พวกมึงซ่อยกันเบิ่ง ว่าผ้าซิ่นลายหงส์ของสอางอยู่ไส”
เสา สีแหล่ ช่วยกันรื้อค้น สอางมองไปที่พวงกุญแจที่ห้อยเข็มขัดของยาแม่ รีบเข้าไปดึงออกมา
นางงอดึงความคิดกลับมา มองดูยาแม่ด้วยความสะใจ ที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งงัน ทำอะไรไม่ถูก
“สมพื้นน้ำหน้ามึงบ่อ อีคำอ่อน หัวใจของคนที่ถืกยาดแย่งของฮักไปต่อหน้าต่อตาโดยบ่อมีปัญญาสิแย่งคืน มึงฮู้รสซาติหรือยัง ว่ามันขมขื่นแค่ได๋”
นางงอแสยะยิ้ม หัวเราะเสียงต่ำสะใจอยู่ลำพัง
ฟากยาแม่คำอ่อน แม่ครูคำอุ่น สะอาด ได้แต่นั่งอึ้งไปตามๆ กัน ไม่กล้าโวยวาย พ่อแพทย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ก็ตามน้ำไปเพราะ เป็นปลื้มที่ลูกสาวสวย หันมาแนะนำกับกำจร
“นี่ล่ะสอาง ลูกสาวคนรองของข้อย”
สอางไหว้อย่างชดช้อย ดูดีงามไปหมดในสายตาของกำจร และสบโอกาสมานั่งข้างสารวัตรโดยไม่ดูน่าเกลียด กลิ่นหอมของแป้งร่ำน้ำอบและดอกไม้ที่ทัดแซมผมยั่วยวนใจชายหนุ่มให้หลงใหลเป็นทวี
“ในที่สุด ก็ได้พบพ้อหน้ากัน ยาเอื้อยสะอาดเว้าเรื่องของท่านสู่ฟัง หลายอย่างหลายแนว” สอางหันไปยิ้มใส่สะอาด “แต่ข้าน้อยก็บ่อมีวาสนาได้พบท่านจักเทือ”
กำจรมองสอางตาเป็นประกาย ปลื้มสุดๆ “แต่ผมจำได้ วันนั้น ที่งานบุญสักการะพระธาตุ ไม่คิดว่านางพญาหงส์คนนั้นจะเป็นคุณสอาง มองไกลว่างามแล้ว ยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งงามตราตรึงใจเหลือเกิน”
สอางยิ้มเอียงอายใส่จริตขณะยื่นไหเหล้าอุให้ กำจรก็เอื้อมมือรับและจงใจสัมผัสมือสอาง สะอาดหันมาเห็นก็อึ้งไป เพราะตอนนี้ถูกน้องสาวคนกลางบดบังรัศมีจนสิ้น รีบหันกลับไป ทั้งตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งระแวง ทั้งกลัวน้องจะอาย
ยาแม่มองดูสอางที่กำลังฉอเลาะสารวัตรรูปงามอย่างไม่สบอารมณ์ ดูออกว่าสอางต้องการอะไร
เวลาผ่านไป กำจรกับสอางพูดคุยกันถูกคอ ยิ่งดื่มเหล้าอุเข้าไปสักพักแล้ว ก็ยิ่งเคลิ้ม พูดจาสนุกสนาน โดยสารวัตรเริ่มเบียดร่างตัวเองเข้าไปใกล้สอาง สอางยิ่งชอบใจทำเป็นเนียนๆ
โซ่ทองเหลียวมองมาดูตลอดด้วยความช้ำใจ โซ่ทองเห็นสะอาดนั่งตัวแข็ง เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ แต่สีหน้าก็บ่งบอกความเสียใจไม่ผิดกันเลย
“อ้ายต้องไปแล้วล่ะ”
“อ้าว สิไปไสล่ะอ้าย ดนตรีกำลังม่วน”
“อ้ายสิฟ่าวไปซ่อยเวียกงานแม่”
โซ่ทองพูดจบก็ผลุนผลันออกจากวง เดินลิ่วไปทันที สะออนงง
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง สะอาดก็ขอตัวลุกขึ้นบ้าง
“ยาพ่อยาแม่ ข้าน้อยขอโตขึ้นไปนอนก่อน ข้าน้อยปวดหัว”
“ท่าทางสะอาดคงสิเมื่อยหลาย ย่อนว่าเฮ็ดงานหนัก ขึ้นไปพักสาลูก” คำอ่อนรีบหันไปหากำจร “ท่านสารวัตร แม่วานไปส่งน้องขึ้นเทิงเฮือนแหน่ได้บ่อ”
กำจรเหมือนรู้สึกตัวขึ้นมาได้ รีบผงะห่างออกจากสอาง แล้วรับคำ ก่อนจะรีบลุกนำสะอาดออกไป สอางขึงตามองตามอย่างไม่สบอารมณ์
โซ่ทองเดินหน้าเศร้ามุ่งหน้ากลับเรือน มีสะออนวิ่งตามมาเรียกไว้
“อ้ายโซ่ทอง เดี๋ยวก่อน อ้ายสิฟ่าวไปไส”
โซ่ทองหยุดเดิน สีหน้าเคร่งเครียด สะออนจ้องอย่างรู้ทัน
“อ้ายสิไปซ่อยเวียกงานแม่สาย หรือว่า บ่ออยากเห็นยาเอื้อยสอางเว้ากับท่านสารวัตรกันแน่”
โซ่ทองหลบสายตา แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“อย่าคึดหลายเลยอ้าย ท่านสารวัตรกำจรน่ะเพิ่นมักกันกับยาเอื้อยสะอาด บ่อแม่นยาเอื้อยสอางจักหน่อย”
“อ้ายยอมฮับว่า อ้ายทนเบิ่งเอื้อยของโตสนิทสนมกับพ่อซายคนอื่นบ่อได้”
“โธ่เอ๋ย... อ้าย...” สะออนหัวเราะขำออกมา
โซ่ทองรีบพูดต่อ “แต่บ่อแม่นว่าอ้ายหวงสอางดอก อ้ายสงสารยาเอื้อยสะอาดที่ต้องเห็นภาพทรมานใจคือกันกับอ้าย สะออน เจ้าควรสิเตือนเอื้อยของเจ้าแหน่ ว่าตอนนี้เพิ่นกำลังเฮ็ดในสิ่งที่มันบ่อสมควร”
โซ่ทองพูดเครียดๆ แล้วเดินกลับเรือนไป สะออนยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
นางงอกำลังจะลงจากเรือน ได้ยินเสียงเอะอะดังผิดปกติ จึงชะโงกคอมอง เห็นคำอ่อน ลากสอางเข้ามายังใต้ถุนเรือน พุทไธ คำอุ่น ตามมาด้วยกัน
“ลากข้าน้อยออกมาเฮ็ดหยัง ยาแม่ปล่อยข้าน้อย ข้าน้อยเจ็บ”
“ถอดออกมา ส่งคืนมาเดี๋ยวนี่ ผ้าซิ่นลายหงส์ที่นุ่งอยู่ อย่ามาเฮ็ดโตเป็นพวกขี้ลักขี้สกพวกสันดานโจร”
“ลูกเป็นหยังจึงเฮ็ดจั๋งซี่ สอาง”
สอางกวาดตามองผู้ใหญ่ทั้งสาม อย่างไม่สะทกสะท้านแม้นสักน้อย
“ก็งานใหญ่ทั้งเทือ ข้าน้อยก็อยากแต่งโตให้ผู้จบผู้งาม มาอวดแขกจักหน่อย”
“แต่แม่บ่อเคยให้เจ้าเอาผ้าผืนนี่มานุ่ง”
“ยาแม่คึดสิเซื่องสิซ่อนให้แต่ยาเอื้อยสะอาด ย่อนคึดเอาเองว่าเพิ่นสิต้องได้แต่งดองออกเฮือนเป็นคนแรก แล้วข้าน้อยล่ะ เป็นหยังยาแม่บ่อคึดว่า ข้าน้อยอาจสิดวงสูง ได้แต่งก่อนยาเอื้อยก็ได้ ยาแม่ฮักลูกบ่อเท่ากัน”
“สอาง เจ้าเว้าจากับยาแม่จั๋งซี่ได้จั่งได๋” พ่อแพทย์ขึ้นเสียง
แม่ครูเสียงเครียด “ซิ่นลายหงส์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้ใส่ในงานมงคลเท่านั่น บ่อแม่นของที่เจ้าสิเอามานุ่งเล่น”
“แล้วงานสะหลองเลื่อนยศว่าที่ลูกเขยใหญ่ของพ่อแพทย์พุทไธมันบ่อมงคลตรงได๋หรือแม่ป้า” สอางยอกย้อนด้วยท่าทีจองหอง
“จองหองเถียงบ่อเซาสบเซาปาก สิคึดสำนึกจักหน่อยก็บ่อมี” แม่ครูติง
“ข้าน้อยบ่อผิด ! เรื่องหยังข้าน้อยสิต้องสำนึก”
แม่ครูยกมือทาบอก ท่าทางโกรธจัดกับคำยอกย้อนของสอาง
“สอาง ขอสมมาเพิ่นเดี๋ยวนี่”
สอางสะบัดหน้าใส่ไม่แคร์ พ่อแพทย์มองทั้งสองฝ่ายอย่างกลุ้มใจ ไม่มีใครลงให้กัน
“สอาง ขอสมมาแม่ป้าคำอุ่มเดี๋ยวนี่ อย่าให้พ่อต้องลงโทษเจ้า”
สอางขัดใจ “ยาพ่อ”
“ยอมือขึ้นไหว้ขอสมมาแม่ป้า แล้วขึ้นเฮือนไป” พุทไธสั่งเสียงเข้ม
สอางไม่พอใจ อยากจะอาละวาดให้สมกับความแค้น แต่พ่อแพทย์จ้องดุไม่ละสายตา เลยไม่กล้า และยอมไหว้ขอโทษอย่างเสียไม่ได้
“ข้าน้อยขอสมมา”
สอางไหว้กระแทกเสียงใส่ แล้วเดินตะบึงตะบอนออกไปทันที นางงอแอบมองด้วยความสาสมใจที่พ่อแม่ลูกทะเลาะกัน
ทุกคนเดินกลับเข้ามาในวงพาแลง ยาแม่เครียดจัด บ่นไม่เลิก
“ข้อยบ่อคึดเลย ว่าสอางสิเฮ็ดโตซั่วทราม ขี้ลักขี้สกจั๋งซี่”
“เถียงคำบ่อตกฟาก เฮ็ดโตคือคนบ่อฮู่จักบาปบุญคุณโทษ บ่อฮู้จักผิดซอบซั่วดี”
กำจรเดินกลับมาพอดี
“ผมส่งสะอาด เรียบร้อยแล้วนะครับ พ่อแพทย์ ยาแม่”
“ขอบใจท่านหลาย ท่านสารวัตร”
“แล้วนี่ สอางยังอยู่ข้างบนเรือนใช่มั้ยครับ ผมขออนุญาตพาสอางลงมาฟ้อนรำด้วยกันสักหน่อยได้มั้ยครับ”
ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คน มองหน้ากัน อึ้งทั้งแถบ
“สอางเพิ่นขึ้นห้องนอนไปแล้วล่ะท่าน เห็นเพิ่นบ่นว่าปวดหัว”
“อ้าว ปวดหัวอีกคนหรือครับ วันนี้แย่จังเลย ไม่สบายกันไปหมด”
“บ่อมีเด็กน้อย ก็บ่อเป็นหยังดอก ท่านสารวัตรไปกินสาโทหอมๆ กับข้อยก็แล้วกัน ข้อยมีเรื่องสิเว้ากับท่านอยู่พอดี”
กำจรจำต้องรับคำออกไปกับพ่อแพทย์ด้วยความเสียดาย ยาแม่คำอ่อนกับคำอุ่นมองหน้ากันถอนใจ
นางงอเปิดประตูตามสอางเข้ามาในห้อง เห็นสอางยืนนิ่งหันหลังให้ประตู ก็คิดว่ากำลังเสียใจ รีบปลอบ
“สอาง เจ้าฮ้องไห้อยู่หรือ”
“กูสิฮ้องไห้เฮ็ดหยัง กูอยากสิหัวขวนซะหลายกว่า”
สอางหัวเราะเสียงต่ำ นางงอทำใจกล้า ขยับเข้าไปดู
“ข้อยเห็นเจ้าถืกพ่อแม่ฮ้ายด่า เลยย่านเจ้าสิคึดน้อยอกน้อยใจ”
“ยาพ่อยาแม่ ก็เฮ็ดกูได้แค่ฮ้ายกับด่าเท่านั่นล่ะ บ่อมีปัญญาสิห้ามปรามกูได้ดอก ถ้ากูอยากได้หยัง กูก็ต้องได้”
นางงอลอบยิ้มสะใจ ชอบใจความมั่นหน้าของสอาง
สอางหันมามองตัวเองในกระจกที่สะท้อนภาพตัวเองในชุดซิ่นลายหงส์เต็มตัว
“มึงเบิ่งให้เต็มตา อีงอ ซิ่นผืนนี่งามแม่นบ่อ บ่อฮู้เป็นหยัง ยิ่งเห็น กูก็ยิ่งหวง” สอางลูบผ้าซิ่นบนตัว “แล้วกูสิยอมให้ของฮักของหวงตกไปอยู่ในมือผู้อื่นได้จั่งได๋”
สอางมองตัวเองในกระจกอย่างใจลอย อำนาจของซิ่นแผ่พลังบางอย่างให้สอางมึนเมากับความสุขนั้น
เสากับสีแหล่เปิดประตูเข้ามา เสาปรี่เข้ามากระซิบกระซาบบอก
“ท่านสารวัตรกำจรกำลังสิเมือเฮือนแล้วจ้ะ แม่สอาง”
สอางนิ่งคิด แล้วยิ้มออกมา “พวกมึงสามคนคอยเบิ่งให้ดี สิ่งใด๋ที่เป็นของฮักของอีสะอาด กูสิวิวาทยาดแย่งเอามาครองให้เหมิด”
งานกร่อย กำจรขอตัวกลับเดินซึมกลับมาที่รถ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อมองไปเห็นสอางนั่งอยู่ในเงามืด
“สอาง”
สอางค่อยๆ หันมา ตีหน้าเศร้า ทำเสียงอู้อี้
“ท่านสารวัตรสิกลับแล้วบ่อ”
“ผมเห็นว่าแขกคนอื่นเริ่มทยอยกลับกันแล้ว อีกอย่าง มันก็ดึกแล้ว” สารวัตรตัดพ้อ “เจ้าของบ้านก็หลบหน้าหลบตาผมไปหมด”
สอางทำตาแดงๆ บีบเสียงให้เครือสั่น
“ข้าน้อยบ่อได้อยากหลบหนีไปไหนหรอกจ๊ะ แต่ยาแม่ตำหนิข้าน้อยว่าเฮ็ดโต๋บ่อเหมาะสม ไปสนิทชิดเชื้อกับท่านสารวัตร เลยโดนยาแม่สั่งให้กลับห้อง”
“จริงหรือครับ ท่านไม่น่าทำอย่างนี้เลย เราสองคนไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“ก็ท่านสารวัตรเป็นคู่หมั้นคู่หมายของยาเอื้อยสะอาด ยาแม่คงกลัวว่า...”
“ผมจะเปลี่ยนใจมาชอบคุณ”
สอางได้ยินทำเป็นเขินอาย กำจรลุกต่อ
“แล้ว...ถ้าผมไม่ได้แต่งงานออกเรือนกับสะอาดล่ะ คุณจะว่าอย่างไร”
สอางตีหน้าซื่อใส ไม่ประสีประสา
“แล้วท่านสิไปแต่งดองกับไผ หรือว่าบุญ วาสนาของข้าน้อยสิบ่อได้ท่านมาเป็นพี่เขย”
“เราคงต้องแคล้วคลาดกัน เพราะวาสนาผมอาจจะไม่ได้เป็นพี่เขยคุณ”
สอางตีหน้าเศร้า สารวัตรยิ้มชอบใจ
“แต่ ผมจะมีวาสนาได้เป็นสามีคุณมั้ย”
“ท่านสารวัตร...”
สอางแสร้งประหลาดใจ ทั้งที่ดีใจจนเนื้อเต้น เก็บอาการไว้ ทั้งสองจ้องตากัน ความรู้สึกที่มีต่อกันยิ่งล้นปรี่ กำจรยื่นหน้ามือจับแก้มสอาง
“ได้มั้ยครับ”
สองหนุ่มสาวจ้องตากัน ด้วยอารมณ์พุ่งพล่านในใจ
สะอาดอยู่ในห้อง ทรุดกายนั่งมองเงาตัวเองในกระจก นึกน้อยใจในวาสนาตนเอง รู้สึกได้ว่าสารวัตรกำลังตกหลุมรักน้องสาวตน สะอาดปล่อยน้ำตาอาบแก้ม
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สะอาดรีบเช็ดน้ำตา มองไปเห็นสะออนก้าวเข้ามาพอดี
“ยาเอื้อยปวดหัวแม่นบ่อ”
สะอาดฝืนยิ้ม “บ่อเป็นหยังดอก สะออน เอื้อยกินยาแล้ว เดี๋ยวก็คงหายจ้ะ”
สะออนเดินเข้ามาใกล้ แตะแก้มสะอาด แต่เห็นตาสะอาดแดงๆ เหมือนคนร้องไห้
“ยาเอื้อยฮ้องไห้ ยาเอื้อยเป็นอีหยัง”
สะอาดเบือนหน้าหนี ไม่กล้าบอกความจริง
“เอื้อยแค่ปวดหัว ได้หลับจักหน่อย ก็คงสิดีขึ้นเอง”
สะออนข้าน้อยสินวดขมับให้ ?
สะอาดเดินเลี่ยงหนีมานั่งที่เตียง แต่สะออนยังตามเข้ามาใกล้อย่างเป็นห่วง
“บ่อต้องห่วงเอื้อยดอก เจ้าไปกินข้าวกินปลาต่อสา ปิดผักตูให้เอื้อยนำ”
สะอาดลูบหัวน้อง พยายามฝืนยิ้มให้ แล้วล้มตัวลงนอนผินหลังให้ทันที
สะออนมองพี่สาวด้วยความสงสาร
แยกจากพี่สาว สะออนเดินเข้ามาในสวนสวย เจอโซ่ทองชะเง้อหาใครบางคน สะออนเดาออกว่าโซ่ทองต้องอยากเจอใคร
“ไผน้อ...บอกว่าสิไปซ่อยเวียกงานแม่ ที่แท้มาอยู่นี่ แอบแนมเบิ่งผู้สาวทางใด๋น้อ”
โซ่ทองตกใจรีบหันมา
“อ้ายตกใจเหมิด สะออน”
“เห็นหน้าข้อย ตกใจปานว่าเห็นหน้าผี”
“แม่นแล้ว ผี ผีปอบนำ”
“อ้ายโซ่ทอง เจ้าว่าข้อยเป็นผีปอบซั่นบ่อ นี่แหนะๆๆ เจ้านั่นล่ะเป็นผีเป้า มาหลบๆซ่อนๆ นี่แหนะๆๆ”
สะออนฉุนไล่ตีโซ่ทองจนดูเหมือนใกล้ชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ สอางเดินเข้ามาเห็นพอดี
“สูหยุดเดี๋ยวนี่ ! สะออน เล่นอีหยังนี่”
สะออนกับโซ่ทองชะงัก หันมา
“บักโซ่ทอง มึงบังอาจเข้าใกล้น้องสาวกู เกินไปแล้ว คึดมักใหญ่ใฝ่สูงติมึงฝันไปเถาะ มึงน่ะมันซาตอีกา อย่าเผยอมาแกมฝูงหงส์อย่างพวกกู จำใส่กบาลมึงไว้”
ขาดคำสอางดึงแขน กระชากลากดึงสะออนออกไป สะออนหันมามองสงสารโซ่ทอง เพราะรู้ว่าไม่ได้สนใจตน แต่สนใจสอางต่างหาก
ทิ้งโซ่ทองคอตก เพราะคำด่าของสอาง ที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกเขาเลย
กำจรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน แต่ใจยังร้อนรุ่มนึกถึงสอาง เลยออกไปยืนเหม่อที่ระเบียง ครุ่นคิดถึงสัมผัสใกล้ชิดกับสอาง
คำสีเคาะประตู แล้วค่อยๆ แง้มเข้ามาดูอย่างเกรงใจ
“ข้อยกำลังสิเมือเฮือน ท่านสารวัตรมีอีหยังสิสั่งข้อยบ่อ”
กำจรหันไปหยิบกระดาษที่เขียนพับใส่ซองส่งให้คำสี
“พรุ่งนี้เช้า ตอนแม่คำสีไปตลาด แม่เสา บ่าวเรือนพุทไธเทพจะรออยู่ที่นั่น ผมฝากจดหมายไปให้แม่เสาด้วย”
คำสีทำหน้างุนงง แต่ก็รับเอาคำรับจดหมายมา แล้วเดินออกไปปิดประตูลง
กำจรนอนลงบนเตียงมองเพดาน ยังคิดถึงสอางไม่วายเว้น วาดหวังว่าจะได้พบกัน และค่อยๆ หลับไป
ภาพอดีตผุดซ้อนเข้ามาในความฝันของสารวัตรรูปงามเป็นฉากๆ
เมื่อในอดีต ท้าวเพียคำจันด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ด้านนอกโรงทอ ไม่กล้าเข้าไป
หูกคำกำลังทอผ้าอยู่ในนั้นอย่างใส่ใจ จนกระทั่งรับรู้ว่ามีคนแอบมอง จึงหยุดชะงัก หันไปมองเห็นหลังคนแว้บๆ ที่ด้านนอกโรงทอก็ยิ่งแปลกใจ หูกคำลุกเดินออกไปดู เจอคำจันก็แปลกใจ
“ท้าวเพียคำจัน”
คำจันคุกเข่าลงด้วยท่าทางนอบน้อมยื่นห่อกระดาษในมือให้ ซึ่งเป็นห่อครั่งที่เก็บมาฝาก ท่าทางดูประหม่าขวยเขิน หูกคำรับห่อกระดาษมา แล้วเชิญให้คำจันเข้าไปในโรงทอ พูดอะไรกันบางอย่าง โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบดูอยู่ นั่นก็คืออัญญาศรีสะอาดกับนางข้าหลวงรับใช้
“ข้าน้อยเห็นท้าวเพียคำจันมาซอมเบิ่งที่โฮงต่ำผ้าหลายเทือแล้วเพคะ บางเทือก็แอบไปที่คุ้มของอัญญานางหูกคำ”
ศรีสะอาดแสยะยิ้ม “ใฝ่ต่ำ กูสิไปส่ออัญญาพ่อ ว่าอีหูกคำมันลักเอาพ่อซายมาสมสู่”
ศรีสะอาดจ้องมองไปทางหูกคำอย่างเกลียดชัง
สะอาดเองก็นอนหลับเห็นภาพนั้นเช่นกัน แต่มีเสียงหูกคำสาปแช่งดังก้อง
“อีศรีสะอาด มึงจำไว้ เวรกรรมใด๋ที่มึงเฮ็ดไว้กับกู กูสิตามจองเวรมึงให้สาสม”
เสียงหูกคำดังก้องจนสะอาดสะดุ้งพรวด ตกใจตื่นขึ้นมา นึกถึงภาพในฝันด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นความฝันเกี่ยวกับสอางหรือหูกคำ
เช้าวันใหม่ สะอาดกับยาแม่คำอ่อนร่วมกันถวายพานบุญ ขณะที่หลวงตากำลังขีดเขียนทำนายชะตา
“หลวงตาเห็นอีหยังแหน่เจ้าคะ”
หลวงตามองดูกระดานที่ตัวเองเขียนไว้ แล้วถอนใจ
“อีนางเอ้ย ดวงซะตาของมึง เป็นดวงอาภัพ ต้องพบพ้อแต่เรื่องทุกข์โศกผิดหวัง”
สะอาดหน้าเสีย สบตากับยาแม่
“แต่อย่าคึดหยังหลาย ทุกข์สุขมันเป็นของบ่อเที่ยง แต่จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ของมึง สิเฮ็ดให้มีแต่คนฮัก มีคนเมตตาสงสารมึง”
ยาแม่เหลือบมองสะอาดด้วยความเห็นใจ ก่อนจะซักหลวงตาอีก
“แล้วเรื่องความฝันของเพิ่นล่ะเจ้าคะ หลวงตา”
หลวงตาบอกเปรียบเปรยด้วยสัจธรรม ไม่บอกตรงๆ “สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม เฮาล้วนแต่มีกรรมเป็นแดนเกิด มีเวรเป็นแดนตาย หากผูกกรรมไว้แต่ซาตเก่า ก็ต้องเวียนว่ายทุกข์ทนอยู่กับสิ่งที่ผูก จนกว่าสิได้แก้ได้คลายเครื่องผูกออกจากซีวิตนั่นล่ะ จึงสิได้พบพ้อกับควมสุขสงบ”
สะอาดฟังแล้วอยากร้องไห้ พอเข้าใจรางๆ ว่าตนเองเคยก่อกรรมทำเข็ญอะไรบางอย่างไว้
ยาแม่มองสะอาดอย่างเวทนา ดึงตัวมากอดปลอบประโลม
วันเดียวกัน บัวแดงออกดอกลอยเกลื่อนอยู่บนผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา กลางบึงใหญ่ มีเรือลำเล็กลอยเอื่อย โดยมีชายหญิงสองคนอยู่บนเรือ ซึ่งไม่ใช่ใคร เป็นสอางกับกำจรที่แอบนักมาพบกันที่นี่นั่นเอง
“ผมดีใจที่สอางให้เกียรติยอมมากับผม”
สอางยิ้มขวยเขิน ทำเป็นมองไปรอบๆ
“ถ้าบ่อมาหาท่านมื่อนี่ คืนนี่ข้าน้อยคงสินอนบ่อหลับ”
“แต่ผมนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะเฝ้าคิดถึงแต่ใครบางคน”
กำจรยิ้มหวาน จ้องมองสอางอย่างไม่วางตา
“เมื่อคืนผมฝันถึงคุณด้วยนะ สอาง”
“ท่านฝันว่าจั่งได๋”
“ผมฝันเห็นคุณแต่งกายคล้ายๆ เจ้าหญิงโบราณ สวยเครื่องประดับสวยงาม”
สอางถ่อมตัว “สงสัยมื่อคืน ท่านสารวัตรเบิ่งพวกนางรำงามหลายจนเก็บไปฝัน”
“ไม่หรอกครับ เมื่อคืนนี้ สายตาของผมจับจ้อง มองแต่คุณคนเดียว” กำจรมองจ้อง
สอางแก้เขินด้วยการเอี้ยวตัวไปคว้าดอกบัวสวยที่ลอยอยู่ข้างกราบเรือ ทำให้เรือเอียงลง
“สอาง ระวัง”
กำจรขยับตัวเข้ามาจะประคอง โดยลืมไปว่ายิ่งทำให้เรือเสียการทรงตัวไปกันใหญ่ จนคว่ำลง
ทั้งสองร้องอย่างตกใจ ก่อนจะตกลงไปในน้ำพร้อมกัน กำจรตกใจรีบโผล่ขึ้นมาไขว่คว้า
“สอาง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า สอาง”
กำจรควานหาไปทั่ว แต่จู่ๆ สอางก็โผล่ขึ้นมากลางอ้อมแขนกำจรพอดี หัวเราะซุกซ่อน
“ข้าน้อยบ่อเป็นหยัง ข้าน้อยว่ายน้ำเป็น”
กำจรถอนใจโล่งอก เอามือปาดน้ำจากใบหน้าตัวเอง แต่ยังเห็นสอางลอยคออยู่ตรงหน้าใกล้ชิดกัน กำจรรู้ทันทีด้วยสัญชาตญาณว่าสอางกำลังเชื้อเชิญ
ทั้งสองจ้องตากัน โดยไม่มีใครยอมถอยห่าง แต่ยิ่งโน้มเข้าใกล้กันมากขึ้นด้วยแรงปรารถนา กำจรมองตัวสอางที่เปียกน้ำ แล้วอดใจไม่ไหว ใช้มือลูบจากแขนขึ้นมาที่ไหล่ แล้วดึงให้เข้ามาแนบตัว ก่อนจะแนบใบหน้าเข้ากับใบหน้าของสอาง และจรดปากลงจุมพิตละมุนละไม โดยที่สอางไม่ขัดขืนใดๆ
อีกด้านหนึ่ง โซ่ทองหั่นสมุนไพรหลายชนิด แล้วนำไปตำรวมกันสำหรับทำเป็นลูกประคบ ทั้ง หัวไพร ขมิ้น ตะไคร้ มะกรูด และตัวยาสมุนไพรอื่นๆ โดยมีสะออนเฝ้ามองอย่างสนอกสนใจ
“เจ้าบ่อมีแนวเฮ็ดแล้วซั่นบ่อ ถึงมานั่งจ้องอ้ายอยู่ได้”
“ข้อยบ่อได้จ้องอ้ายจักหน่อย ข้อยเบิ่งอ้ายเฮ็ดยา ยานี่มันรักษาอีหยังหรืออ้าย”
สะออนเอื้อมมือไปหยิบดู ถูกโซ่ทองตีมือห้าม
“อย่าจับ เดี๋ยวขี้ดินที่ติดมือเจ้ามันสิปนสิเปื้อน เสียฤทธิ์ยาเหมิด”
สะออนหน้าม่อย รีบเอามือเช็ดเสื้อตัวเอง โซ่ทองทำงานต่อ อธิบายไป
“อ้ายเฮ็ดลูกประคบไว้รักษาบักเรืองข้างนอกเฮือนพู้น มันตกคันไดจนแขนขาเคล็ดไปครึ่งซีก”
สะออนพยักหน้าสนใจ แล้วเฝ้าดูโซ่ทองต่อ
โซ่ทองทำลูกประคบตามขั้นตอนอย่างมุ่งมั่นตั้งใจและถูกวิธี จนได้ตัวยานำใส่ผ้าที่มัดเป็นลูกประคบ
น้ำในหม้อดินที่ต้มไว้เดือดได้ที่พอดี โซ่ทองนำลูกประคบไปอังกับปากหม้อ รอจนลูกประคบร้อนได้ที่ จึงเอามาประคบกล้ามเนื้อคนไข้ สลับกับคอยบีบนวดคลายก้ามเนื้อไปมา พ่อแพทย์พุทไธปล่อยให้โซ่ทองลงมือรักษา ตัวเองคอยกำกับห่างๆ โดยมีสะออนเฝ้าดูอย่างสนอกสนใจ
สักพักใหญ่ ญาติๆ ประคองตัวคนไข้ให้ลุกขึ้นนั่ง พ่อแพทย์ถามอาการ
“เป็นจั่งได๋แหน่ บักเรือง ลองยกแขนให้กูเบิ่งแหน่”
คนไข้ลองขยับแขนขาอย่างเกร็งๆ แต่พอพบว่าร่างกายเคลื่อนไหวได้ก็สบายใจขึ้น
“มันบ่อปวดคือเมื่อกี้แล้วจ้ะ พ่อแพทย์ ขอบใจท่านพ่อแพทย์หลาย...”
คนไข้จะยกมือไหว้ แต่พ่อแพทย์ห้ามไว้
“บ่อต้องไหว้กูดอก แล้วก็อย่าเพิ่งเคลื่อนโตไวหลาย เดี๋ยวสิเจ็บสิเคล็ดอีก” พุทไธส่งยาให้ “กูให้น้ำมันเอาไปทา เมือเฮือนไปก็หมั่นประคบเรื่อยๆ เดี๋ยวบักโซ่ทองมันสิ บอกว่าเฮ็ดลูกประคบต้องใซ้ว่านยาอีหยังแหน่”
คนไข้รับคำด้วยความโล่งใจ ญาติๆ ยิ้มชื่นใจ
“ท่านพ่อแพทย์นี่เป็นหมอเทวดามาโปรดแท้ๆ บักเรืองไปนวดหลายบ่อน กินยาตั้งหลายหม้อ ก็ยังเดินเหินบ่อได้ แต่มาที่เฮือนพ่อแพทย์เทือเดียวเท่านั่น ก็หายเป็นปลิดทิ้ง” ญาติบอก
“บ่อแม่นหายย่อนข้อยดอก พวกเจ้าต้องขอบใจบักโซ่ทอง มันงมเฮ็ดของมันอยู่ผู้เดียว”
พ่อแพทย์พยักพเยิดท่าทีเอ็นดูไปทางโซ่ทองที่กำลังเช็ดถูเครื่องบูชาต่างๆ ชาวบ้านหันไปยิ้มให้
“ศิษย์เอกของพ่อแพทย์ ฝีมือดีบ่อแพ้ครู อีกบ่อโดน หมู่บ้านแคนหลวงของเฮา ก็สิมีหมอเทวดาถึง 2 สำนักให้พึ่งพายามเจ็บไข้ได้ป่วย”
“ข้อยบ่อไปเปิดสำนักที่ได๋ดอกพ่อลุงแม่ป้า ข้อยตั้งใจว่าสิอยู่ฮับใซ้พ่อแพทย์ไปตลอดจ้ะ” โซ่ทองว่า
“ข้อยเองก็แก่ซะราลงไปทุกมื่อ ถ้ามื่อหนึ่งสังขารบ่อไหว ก็สิยกให้บักโซ่ทองมันปิ้นปัวไทบ้านสืบไปแทนข้อย”
พ่อแพทย์มองโซ่ทองยิ้มๆ โซ่ทองเป็นปลื้ม แต่ก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว พวกชาวบ้านไหว้ลาลงไป
สะออนฟังอยู่นาน เลยถือโอกาสขยับมาประจบบิดา
“ให้ข้าน้อยซ่อยเบิ่งแยงนำได้บ่อ ยาพ่อ”
“เจ้านี่บ่อ ฮึ” พ่อแพทย์หัวเราะขำ
“อ้าว เป็นหยังล่ะจ๊ะ ข้าน้อยเห็นอ้ายโซ่ทองปรุงยาสมุนไพร เป็นตาม่วนดี ข้าน้อยอยากฮ่ำเฮียนวิซาแพทย์จากยาพ่อ”
“เวียกงานปิ้นปัวคนเจ็บคนไข้ มันบ่อแม่นของม่วนดอกลูกเอ๊ย เห็นคนเจ็บคนป่วยทุกข์ทรมาน เฮาก็สิยิ่งทุกข์ใจไปนำ”
“แต่ยาพ่อก็มีควมสุข ยามได้เห็นคนไข้อาการดีขึ้น เซาเจ็บเซาป่วย”
“บ่อแม่นว่าพ่อสิเก่งกาจ รักษาได้หายขาดทุกโรคดอก คนไข้ตายให้เห็นก็หลวงหลาย อีกอย่างหนึ่ง เจ้าก็เป็นแม่ญิง หมอแม่ญิงน่ะ ไทบ้านเพิ่นบ่อเซื่อถือศรัทธาเท่าหมอพ่อซายดอก สะออน”
สะออนหน้าเศร้า เสียใจ พ่อแพทย์ลูบหัวเอ็นดู
“เอาล่ะ ไว้ใหญ่กว่านี่จักหน่อย ถ้าเจ้ายังอยากฮ่ำเฮียนวิซาจากพ่ออีหลี พ่อก็สิบ่อหวงบ่อห้ามดอก”
“ตอนนี่ข้อยโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ยาพ่อ”
โซ่ทองฟังแล้วนึกหมั่นไส้ “พ่อแพทย์จ๊ะ ผู้ใหญ่อีหยังน้อ ยังขี้ดื้อไปหาแล่นเล่น เก็บฝักต้อยติ่งไปโยนลงน้ำ แกล้งคนที่ลงไปซักผ้าที่หนองน้ำอยู่เลย”
“อีหลีซั่นบ่อสะออน เจ้านี่น้า ขี้ดื้อบ่อเคยเปลี่ยน”
สะออนหน้างอ “อ้ายโซ่ทองขี้ฟ้อง”
โซ่ทองหัวเราะหึๆ แล้วหันไปทำงานต่อ พ่อแพทย์ส่ายหัวอ่อนใจ ลูบหัวเอ็นดูสะออน
เสากับสีแหล่กำลังช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูห้องนอนสอางอยู่ จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดผางออกอย่างแรงโดยฝีมือเพ็ง
“อีเพ็ง นี่มันห้องแม่สอาง ถึงเพิ่นสิบ่ออยู่ มึงก็ต้องเคาะเอิ้นก่อน”
เสียงเกรี้ยวกราดของยาแม่คำอ่อนดังขึ้น “สิห้องไผก็ซ่างหัวมัน แต่นี่ มันเฮือนกู”
เสากับสีแหล่ผงะ เมื่อยาแม่เดินแทรกเพ็งเข้ามาในห้องเลย ทั้งสองตกใจ ทรุดลงคุกเข่า
“เอ่อ ยาแม่... ยาแม่มีธุระหยังจ๊ะ” เสาถาม
“ซิ่นลายหงส์อยู่ไส กูสิมาเอาคืน”
เสากับสีแหล่หน้าเจื่อน เพ็งก้าวเข้ามาใกล้ คาดคั้น
“ว่าจั่งได๋อีเสา อีสีแหล่ ซิ่นอยู่ไส เอาคืนให้ยาแม่เดี๋ยวนี่”
เสา กะสีแหล่กลัวๆ รีบ จะหยิบผ้าให้ แต่นางงอเข้ามาฉวยไปเสียก่อน
“ให้สอางกลับคืนมาก่อน เจ้าค่อยมาเอาซิ่นคืน”
คำอ่อนมองผ้าซิ่นในมือของนางงออย่างไม่พอใจ
“อีงอ เป็นหยังกูจึงสิเอาคืนตอนนี่บ่อได้”
“ถ้าสอางกลับคืนมาแล้วบ่อเห็นผ้าซิ่น เพิ่นสิเคียด” นางงอบอก
“เคียดหลายมึงก็บอกให้มันตายไปเลย ซิ่นผืนนี่มันเป็นของของกู นุ่งเสร็จแล้วก็ต้องคืน กูสิเอาไปเก็บไปเมี้ยน”
ยาแม่ดึงผ้าออกจากมือนางงอ แต่นางงอไม่ยอมปล่อยมือแถมพูดดื้อแพ่ง ท้าทายในที
“ตอนสอางกลับคืนมา ข้อยสิบอกให้ว่าเจ้าสิเอาผ้าคืน”
“อีงอ มึงวิเศษมาจากไส จึงกล้าจองหองกับกู เอาซิ่นกูคืนมา”
ยาแม่กระตุกผ้า แต่นางงอไม่ปล่อย จ้องหน้าดุด่าอย่างแรง
“อีงอ อีซั่วอีทราม มึงปล่อยเดี๋ยวนี่”
นางงอยืนกราน เสียงแข็งขึ้น ไม่กลัว “ข้อยบอกเจ้าแล้ว ว่าสิให้สอางเอาไปคืนเอง”
“อีงูเห่างูจงอาง ทุกมื่อนี่ มึงมันเป็นแค่ขี้ข้าอาศัยใบบุญพ่อแพทย์ซุกหัวอยู่ ถ้ามึงยังบอกยากปากเปียก กูสิไล่มึงออกจากเฮือนมื่อนี่เลย”
นางงอชะงัก เจ็บแค้นที่ได้ยินเช่นนั้น จึงถลึงตาท้าทายกลับไป
“เจ้ากล้าไล่ข้อยซั่นบ่อ ยาแม่คำอ่อน”
ยาแม่สบจังหวะ กระชากผ้าไปได้ในที่สุด แล้วเดินหนีออกไปทันที นางงอได้แต่มองนิ่ง เจ็บแค้น
ที่โรงทอผ้า ยาแม่กับเพ็งคลี่ผ้าซิ่นลายหงส์ดู เตรียมจะนำไปทำความสะอาด สอางเข้ามาพร้อมนางงอ
“ยาแม่ว่าข้าน้อยเป็นพวกขี้ลักขี้สก แต่โตยาแม่เอง ก็บ่อได้ต่างกันเลย”
“ผ้าผืนนี่เป็นของแม่ มันสิผิดไผ แม่มีสิทธิ์ที่สิเอาคืนมื่อใด๋ก็ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ซิ่นลายหงส์มันเป็นของสำคัญล้ำค่าของวงศ์ตระกูล บ่อแม่นว่าไผหน้าได๋สิมาสกมาสวยเอาไปเป็นของโตเองได้ง่ายๆ ต้องใส่ในงานมงคลใหญ่เท่านั่น”
ยาแม่จงใจพูดเย้ยหยามสอาง
“และแม่ก็ตั้งใจไว้แล้ว ว่าสิยกให้แก่ลูกสาวที่แต่งดองออกเฮือนเป็นคนแรก”
สอางยิ้มท้าทาย “ฮึ ก็แล้วถ้าข้าน้อยได้แต่งดองออกเฮือนเป็นคนแรก”
ยาแม่อึ้งไปไม่เคยนึกไปถึงวันที่สอางจะได้แต่งงานมาก่อน เพราะคิดว่าต้องให้สะอาดก่อน บอกเสียงเย็น
“ผ้าซิ่นมันเลือกคนใส่นะสอาง เจ้าเป็นคนซั่วทราม วาสนาเจ้ามันสูงบ่อถึงผ้าดอก บาปจั่งได๋มันก็แพ้บุญอยู่วันยังค่ำ”
สอางขึงตา เจ็บใจที่โดนปรามาส อยากจะอาละวาดออกมาให้สาใจ แต่สะกดไว้
“อีเพ็ง ถ้าเบิ่งแล้วบ่อมีฮอยขาด ก็เอาไปซักซะ แห้งแล้วสิได้พับเก็บใส่กำปั่นลั่นกุญแจเดี๋ยวซุมสันดานขี้ลักขี้สก มันสิมาลักไปอีก”
ยาแม่ปรายตามองสอางที่ยืนกำมือแน่นอย่างรู้ทัน แล้วไม่สนใจ ยาแม่ออกไป เพ็งรีบถือผ้าตามไป
สอางเดินหงุดหงิดกลับเรือน นางงอเดินตาม โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าพ่อแพทย์ยืนอยู่บริเวณนั้นและได้ยินทุกคำ
“เกิดมาบ่อเคยพบเคยเห็น แม่ที่ได๋ ด่าลูกหลานฮ้ายกาจปานนี่ เวรกรรมของเจ้าแท้ๆเลยหนอ สอาง ที่มาเกิดในท้องแม่ใจยักษ์ใจมารอย่างยาแม่คำอ่อน”
นางงอเสี้ยมให้สอางเกลียดชังแม่ สอางคล้อยตาม เจ็บใจ เกิดมานะ อยากเอาชนะให้ได้
“มึงถ่าเบิ่งนะอีงอ กูนี่ล่ะ ที่วาสนาสูงกว่าไผในเฮือน กูสิต้องได้เอาผัวก่อนไผ ต้องได้ใส่ซิ่นลายหงส์แต่งดองออกเฮือนก่อนอีสะอาด เหยียบหัวใจยาแม่ให้สาสมที่ฮ้ายกาจกับกู”
สอางคำรามอย่างเจ็บแค้น เดินนำขึ้นเรือนไป
นางงอยิ้มสะใจ กำลังงกเงิ่นขึ้นบันได แต่พ่อแพทย์ปรากฏกายข เรียกไว้
“แม่งอ”
นางงอชะงัก หันมาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก รู้ว่าพุทไธต้องได้ยินหยด
สองคนอยู่ที่เรือนรักษาผู้ป่วย นางงอยืนอยู่ตรงหน้าพ่อแพทย์ที่มองมาด้วยสีหน้าจริงจัง แกมลำบากใจ นางงอถ่ายทอดคำพูดของยาแม่ให้ฟัง
“ข้อยเลี้ยงสอางมากับมือตั้งแต่เกิด ฮู้เห็นทุกอย่าง ว่ายาแม่คำอ่อนเมียเจ้า ฮักลูกลำเอียงปานได๋ บ่อฮู้ผีอีหยังเข้าสิง จึงเคียดซังรังเกียจสอาง เว้าจาแดกดันเหยียบย่ำน้ำใจ”
แววตานางงอฉายประกายความรักที่มีต่อสอางล้นใจ
“สอางนั่นเป็นยิ่งกว่าลูกของข้อย สิให้ข้อยทนเบิ่งอยู่ได้จั่งได๋”
“ข้อยว่าแม่คำอ่อนเพิ่นบ่อได้ตั้งใจดอก จั๋งได๋เพิ่นก็เป็นแม่ลูกกัน ข้อยสิเจรจาให้แม่ลูกเขาเข้าใจกันเอง เจ้ามีธุระเวียกงานของเจ้า เจ้าไปเฮ็ดไปสร้างซะไป”
“เจ้าเอิ้นข้อยมาด่าซั่นบ้อ ว่าสาระแนเรื่องของลูกของเมียเจ้า”
นางงอช้อนสายตามองพ่อแพทย์อย่างน้อยใจน้ำตาคลอ
“เจ้าสิไล่ข้อยออกจากเฮือน อย่างที่เมียเจ้าขู่ข้อยซั่นบ้อ”
“แม่งอ ข้อยสิเฮ็ดเซ่นนั้นได้จั่งได๋ ก็ในเมื่อเฮือนหลังนี่มันเป็นของ...” พ่อแพทย์ถอนใจจะพูดว่านางงอเป็นเจ้าเรือน แต่ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ “เป็นของผู้มีบุญคุณใหญ่หลวงต่อข้อย”
นางงอน้ำตาคลอ น้อยอกน้อยใจเหลือแสน แต่ก็ยังดีที่พ่อแพทย์ยังระลึกเรื่องบางอย่างได้ พุทไธมองเห็นเยื่อใยบางอย่างในม่านน้ำตาของนางงอ
“ข้อยแค่อยากสิขอร้องแม่งอ อย่ายุยงให้แม่ลูกเขาวิวาทฆ่าตีกัน อย่าเติมฟืนไฟให้เฮือนข้อยมันฮ้อนไปกว่านี่เลย จั่งได๋ เฮาก็อาศัยอยู่ฮ่วมซายคาเฮือนเดียวกัน”
นางงอนิ่ง ไม่ยอมตอบ ซ่อนแววตาลึกล้ำคับแค้นใจไว้ไม่ให้พ่อแพทย์เห็น
ที่แท้ นางงอ คำอ่อน และ พ่อแพทย์พุทไธ เกี่ยวพันกันมาแต่ชาติก่อน สมัยเวียงคำนาค
หญิงสาวนุ่งซิ่นโบราณสวยงามกำลังตวงข้าวใส่หม้อที่วางบนเตา พร้อมกับเทน้ำลงไปส่วนหนึ่ง หญิงคนนั้นหยุดเหลือบมองไปที่ไหดินที่ใส่น้ำสีดำแดง แล้วเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา ก่อนจะบรรจงเทน้ำสีประหลาดนั้นลงไปในหม้อข้าว
ผู้หญิงคนนั้นคือสนมทองจันทร์ อดีตชาติของนางงอ ซึ่งมีรูปร่างปกติสวยงาม แต่ตัวเครื่องทรงเต็มยศบ่งบอกฐานะว่าเป็นถึงเจ้าหญิง
“อัญญาหลวงสิต้องฮักต้องหลงกู และมีสายตาไว้แนมเบิ่งกู แต่เพียงผู้เดียว”
ทองจันทร์ยิ้มในหน้า แล้วลงมือคนน้ำที่เทลงไปให้ปนไปกับน้ำนึ่งข้าว
แต่แล้วประตูด้านหลังก็ถูกเปิดผ่างออก เห็นร่างมหาเทวีอดีตชาติของยาแม่คำอ่อนก้าวพรวดๆ เข้ามา
“อีทองจันทร์”
ทองจันทร์หันกลับไปเห็นก็ตกใจ มหาเทวีปราดเข้ามาถึงหน้าเตา แล้วเอามือปิดจมูกเมื่อได้กลิ่นคาวจัดบริเวณหน้าเตา
“มหาเทวี”
นางข้าหลวงรีบก้าวตามมา ทุกคนนิ่วหน้าเพราะกลิ่นคาวเลือด ข้าหลวงคนหนึ่งเอื้อมมือล้วงเข้าไปในไหดิน ก่อนจะหยิบผ้าซิ่นที่อยู่ก้นไหออกมา ผ้าผืนนั้นโชกไปด้วยน้ำสีดำแดงที่ยังดูข้นเหนียว
มหาเทวีมองผ้าในมือนางข้าหลวงอย่างรังเกียจ แล้วหันไปหาทองจันทร์ ก่อนจะตบหน้าดังฉาด จนทองจันทร์ล้มคว่ำลง
“กูสังหรณ์มาโดนแล้ว เทือนี่ กูจับได้คาหนังคาเขา อีกาลกิณีนี่มันเอาเลือดระดูนึ่งข้าวถวายให้อัญญาหลวงเสวย ลากคอมันไป”
ทองจันทร์มีสีหน้าตกใจ แต่ยังไม่ทันอ้าปากพูด พวกทหารก็กรูกันเข้ามาจับกุมทันที
“ปล่อยกู สูบังอาจมาแต่ไส มาจับต้องกายกู กูเป็นพระสนมของอัญญาหลวง กูสิสั่งฟันคอสูขาดให้เหมิด ปล่อยกู”
ในเวลาต่อมาทองจันทร์ถูกปลดเครื่องแต่งกายพระสนมมาสวมชุดนักโทษ ถูกจับมัดมือเท้าขังในกรงแห่ประจานไปรอบเมือง
ขบวนแห่ประจานทองจันทร์ผ่านกลุ่มชาวบ้าน ก็โดนโห่ร้องด่าทอ บ้างก็ปาก้อนหินใส่ ทองจันทร์ได้แต่หลบ แต่ตอบโต้ไม่ได้เพราะถูกมัดมืออยู่ สีหน้าหวาดกลัว
ไม่นานนักสภาพทองจันทร์ที่ถูกขว้างปาข้าวของ เป็นแผลช้ำไปทั่วตัว หมดความสวยงาม ถูกจับมากลางลานประหารเตรียมสำเร็จโทษ มีอัญญาหลวง มหาเทวี องครักษ์และนางข้าหลวงประจำอยู่ในจุดต่างๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของหูกคำดังขึ้น
“อัญญาแม่”
ทุกคนหันไปมอง เห็นหูกคำในวัยเด็กราว 14 ขวบ วิ่งถลาเข้ามาน้ำตาไหลเป็นสาย จะพุ่งเข้ามาหาทองจันทร์ ทว่าก่อนหูกคำจะวิ่งไปถึงตัว พวกองครักษ์ก็กับนางข้าหลวงก็จับตัวเอาไว้ทัน หูกคำดิ้นหนีสุดแรง
“ปล่อยข้อย พวกเจ้าสิเฮ็ดหยังอัญญาแม่ของข้อย ปล่อยเพิ่นเดี๋ยวนี่”
“หูกคำ”
“อัญญาพ่อ ปล่อยอัญญาแม่ทองจันทร์เถิดเพคะ อย่าลงทัณฑ์เพิ่นเลย”
“มึงบ่อต้องมาฮ้องขอซีวิตให้กูดอก อีหูกคำ ในเมื่ออัญญาพ่อของมึง เหมิดฮักเหมิดอาลัยในโตกู กล้าคึดสิประหารเมียได้ลงคอ กูก็สิยอมตาย กูสิตายไปพร้อมกับแฮงพยาบาทอาฆาตแค้น กูสิตามจองล้างจองผลาญพวกสูไปทุกภพทุกซาติ กูสิตามไปเอาคืนกับมึงทุกซาติ อีคำอ่อน”
น้ำเสียงทองจันทร์เกรี้ยวกราด จ้องมองมหาเทวีอย่างแค้นใจ มหาเทวีลุกพรวด
“บังอาจ”
อัญญาหลวงยกมือปรามมหาเทวี มองไปทางหูกคำอย่างเป็นห่วง เพราะยังไงก็เป็นลูก สั่งนางข้าหลวงว่า
“สูเจ้าพาโตอัญญานางหูกคำกลับคุ้มเดี๋ยวนี่”
“บ่อต้องให้มันไป ให้มันอยู่นี่ล่ะ ให้ลูกมันได้เห็นคาตา ว่าจุดจบของแม่ซั่วทรามนามหมาของมันเป็นจั่งได๋ สืบไปภายหน้า มันสิได้บ่อคึดเฮ็ดซั่วทรามคือแม่ของมัน”
อัญญาหลวงมีสีหน้าอึดอัดไม่สบายใจ มองไปทางหูกคำที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความสงสาร
มหาเทวีพยักหน้าไปทางทหารที่ถือราชโองการตัดสินโทษ ทหารอ่านโองการชัดถ้อยชัดคำ
“อัญญาพระสนมทองจันทร์ เฮ็ดผิดจาฮีตบูฮานราชซะประเพณีของเวียงคำนาคประเทศราชอย่างฮ้ายแฮง ใซ้ว่านผียาเสน่ห์ เสกคุณไสยมนต์ดำใส่อัญญาหลวงผู้เป็นเจ้าซีวิตของหมู่เฮาไพร่ฟ้าอาณาจักรอาญานี่ฮ้ายแฮงสูงสุด เป็นอุบาทว์บ้านอุบาทว์เมือง สมควรประหารซีวิตให้ตายตามโทษานุโทษ”
สิ้นคำประกาศโทษ หูกคำก็ทรุดตัวลงปล่อยโฮออกมา อัญญาหลวงละล้าละลัง สงสารลูก
ทองจันทร์กัดฟันกรอดเจ็บแค้น รู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแน่ ขณะที่มหาเทวีมองมาอย่างสะใจ ประกาศก้อง
“เริ่มพิธีได้”
เสียงปี่ภูไทเริ่มบรรเลงขึ้น พร้อมๆ กับที่เพชฌฆาตเริ่มรำเพลงดาบ โดยมีหูกคำสะอึกสะอื้นมองดูอย่างคนหัวใจสลาย เพชฌฆาตรำดาบเข้ามาใกล้ทองจันทร์ ที่อาการนิ่งสงบแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“อีคำอ่อน อีแม่ญิงอำมหิต มึงมันเป็นมารหัวใจกู มึงสิต้องซดไซ้เวรด้วยซีวิตมึง”
สิ้นคำสาปแช่งของทองจันทร์ เพชฌฆาตก็ก้าวเท้าเข้ามา เงื้อดาบฟันฉันเดียว พร้อมกับเสียงกรีดร้องใจจะขาดของหูกคำ
หัวของทองจันทร์หลุดจากบ่า กระเด็นกลิ้งไปตรงหน้าพลับพลา หยุดต่อหน้ามหาเทวีพอดิบพอดี
ดวงตาของทองจันทร์ยังเหลือกค้าง คล้ายจ้องมหาเทวีอย่างอาฆาตแค้นและเกลียดชังสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 3