xs
xsm
sm
md
lg

ซิ่นลายหงส์ ตอนที่1 หูกคำสาปแช่งทุกผู้คนก่อนถูกบั่นคอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซิ่นลายหงส์ ตอนที่1  หูกคำสาปแช่งทุกผู้คนก่อนถูกบั่นคอ

บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา

ท้องฟ้าสีแดงฉาน สะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไปในไม่ช้าไม่นานนี้ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ไม่มีแม้ฝูงนกกาที่ควรจะพากันโบยบินกลับรัง ไร้เสียงหรีดหริ่งที่ควรจะแข่งขันกันร้องบอกเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตก แม้กระทั่งสายลมที่เคยพัดโชยเหนือลำน้ำโขงก็สงบเงียบ

มีการตั้งพลับพลาที่ประทับคล้ายกำลังจัดพิธีการสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งบริเวณริมแม่น้ำ รอบๆ ล้อมไปด้วยทหาร ข้าราชการสำคัญ ขณะที่กลุ่มชาวบ้านถูกกันให้ดูอยู่ห่างออกไป เสียงปี่กลองและเครื่องดนตรีโบราณดังประโคมอยู่
เพชฌฆาตร่ายรำเพลงดาบด้วยสีหน้าเครียดขรึม พร้อมมอบความตายให้นักโทษทุกขณะจิต
ภายในพลับพลา มีทหารองครักษ์อารักขามาดเข้มแข็ง เหล่าข้าหลวง ไปจนถึงพวกเจ้านายที่ประกอบด้วย อัญญาหลวงพุทธังกูร ราชบิดา มหาเทวีคำอ่อน พระมารดาเลี้ยง อัญญานางศรีสะอาด และเจ้าราชบุตรศรีโซ่ทอง ทั้งหมดมองดูการร่ายรำดาบของเพชฌฆาตด้วยสีหน้าเฉยเมย

ด้านหลังพลับพลาพิธี ฝีเท้าคู่หนึ่งเดินแกมวิ่งเร็วรี่มาจนฝุ่นตลบ เป็นเจ้าหญิง สีออนนั่นเองกำลังเดินแกมวิ่งมาตามถนน โดยมีนางข้าหลวง 2 นางไล่ตาม พูดภาษาอีสาน ส่วนสีออนพูดภาษาเหนือ
“อัญญานาง อย่าไปเลยเพคะ”
“เสด็จเมือโฮงเฮือนหลวงเถิดเพคะ”
“จะฮื้อข้าเจ้านอนใจ๋เย็นอยู่เฮือน ทั้งๆ ตี้มีคนก๋ำลังจะตายได้จะได” สีออนเถียง
“แต่อัญญาเจ้าราชซะบุตรสั่งว่า...”
ข้าหลวง1พูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นมาจากบริเวณพิธี
สีออนถือโอกาสวิ่งเข้าไป แล้วฝ่ากลุ่มคนด้านนอก จนเข้าไปในเขตพิธีได้ เมื่อทหารเห็นว่าทั้งสามเป็นใคร
ที่เกาะแก่งกลางลำน้ำโขง หญิง 2 คน แต่งตัวเหมือนนางข้าหลวง แต่สภาพมอมแมม ถูกกระชากเข้ามาคล้องโซ่ที่หลักประหาร ทั้งสองกรีดร้องหวาดกลัวเพชฌฆาต 2 คนที่คุมหลักอยู่ รำดาบถึงเพลงสุดท้าย แล้วเงื้อดาบฟันลงบนคอนางข้าหลวงทั้ง 2 ขาดกระเด็น
เสียงกลุ่มชาวบ้านที่แอบดูอยู่ไกลๆ เผลอหวีดร้องออกมาพร้อมๆ กับที่สีออนและนางข้าหลวงแทรกตัวเข้ามาเห็นภาพความตายนั้นพอดี
ร่างไร้ลมหายใจที่เหลือแต่บั้นคอของนางข้าหลวงห้อยอยู่บนหลักประหาร เลือดไหลโกรกลงบนพื้นอย่างน่าสยดสยอง สีออนเห็นแล้วหน้าซีดเผือด เหมือนจะเข่าอ่อนลง ข้าหลวง 2 นางต้องช่วยพยุงไว้
เจ้าราชบุตรนั่งมองดูเพชฌฆาต ลากร่างไร้วิญญาณของนางข้าหลวงที่ต้องโทษออกไปด้วยท่าทางเฉยเมย ก่อนจะหันไปหาองครักษ์ที่เข้ามากระซิบกระซาบ ฟังคำรายงานแล้วรีบลุกออกไป
เจ้าราชบุตรตรงมาด้านหลังพลับพลา เห็นนางข้าหลวงกำลังพัดวีสีออนที่คอพับคออ่อน
“สีออน”
“อัญญาปี้ ได้โปรดไว้จีวิตอัญญานางหูกคำเถิดเพคะ”
ราชบุตรอึ้งไป สีออนยกมือไหว้แล้วทรุดตัวลง
“เปิ้นน่าสงสาร น่าเวทนา ข้าเจ้าฮู้ว่าอาญาของเปิ้นนั้นฮ้ายแฮงนัก แต่แค่สั่งจำขังตลอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว อย่าถึงขนาดต้องฆ่าต้องแก๋งกันเลยเพคะ”
“บ่อแม่นธุระเวียกงานหยังของเจ้า”
“แต่ข้าน้อยบ่ออยากฮื้อผูกบ่วงเว๋รบ่วงกรรมต่อกัน”
“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามจาฮีตประเพณีของเวียงคำนาคประเทศราช เจ้าบ่อมีสิทธิ์มาทัดทาน ถ้าบ่ออยากฮับฮู้ ก็เมือเฮือนไปซะ”
ราชบุตรพูดจบก็หันหลังกลับเดินกลับพลับพลาไป สีออนมองตามอย่างเสียใจ รู้ว่าทัดทานไม่ได้แน่
ศรีโซ่ทอง กลับมาที่พลับพลา สีออนจำต้องตามเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อัญญาหลวง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาทรงอำนาจ
“มึงมีอีหยังสิเว้าบ่อ อีหูกคำ”

อัญญานางหูกคำที่ถูกมัดอยู่บนลานประหารกลางแม่น้ำ สภาพของนางมอมแมมเปรอะเปื้อนยิ่งกว่านางข้าหลวง แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าผ่านการถูกลงโทษด้วยการทรมานอย่างหนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดหวิ่น เนื้อตัวมีรอยขีดข่วน สีผิวที่คล้ำเกรียมอยู่แล้วทำให้ดูขี้ริ้วขี้เหร่มากขึ้นไปอีก แต่สีหน้ากลับเยือกเย็น ไม่หวั่นไหว จ้องตอบไปยังอัญญาหลวงซึ่งเป็นพ่ออย่างไม่กลัวเกรง มือและเท้าของอัญญานางหูกคำถูกล่ามด้วยสายโซ่ทองคำ ตามศักดิ์เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
“สิไปถามมันเฮ็ดหยัง อัญญาพ่อ ให้มันตายโหงตายห่าไปเร็วๆ เถิด ลูกซังหนังหน้ามันเต็มแก่แล้ว”
พร้อมกับว่าศรีสะอาดลุกขึ้น มองจ้องไปยังหูกคำด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เพราะต้องการอวดซิ่นที่ตัวเองนุ่งอยู่
หูกคำมองเห็นก็ตาวาว เพราะจำได้เต็มตาว่าศรีสะอาดนุ่งซิ่นที่เป็นของตัวเอง
หูกคำมองจ้องศรีสะอาดดวงตาวาววับด้วยความเจ็บแค้น แต่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทางรอดพ้นไปจากที่นี่
อัญญาหลวงไม่สนใจศรีสะอาด “ว่าจั่งได๋ อีหูกคำ กูสิให้โอกาสมึงเทือสุดท่าย”
หูกคำกัดฟันกรอด มองพ่อ แม่เลี้ยง พี่สาว พี่ชายต่างมารดาทั้งสอง เหมือนจะจดจำไว้ในใจ
“ถ้ามึงสิขอสมมา...”
หูกคำจ้องอัญญาหลวงนิ่งเหมือนครุ่นคิด ในที่สุดก็ปริปากออกมา
“ข้าน้อย... ขอ...”
อัญญาหลวงชะงักเหมือนโล่งใจ คิดว่าหูกคำจะขอขมา จะได้ไว้ชีวิตให้ เพราะถึงยังไงก็เป็นสายเลือดเดียวกัน แต่แล้วหูกคำกลับพูดเสียงน้ำแข็งกร้าว กลั่นออกมาจากความชิงชังและเจ็บแค้น
“ขอสาปแซ่งให้พวกสูจงเพพินาศซิบหาย”
อัญญาหลวงและคนอื่นๆ ตะลึงคาดไม่ถึง หูกคำยิ้มสะใจ แล้วกรีดเสียงดังลั่นพลางกวาดตามองทุกคนอย่างเคียดแค้นชิงชัง
“ภพหน้าภพใด๋ ขอสาปให้อัญญาพ่อต้องเกิดมาเจ็บปวดใจย่อนข้าน้อย ให้อัญญานางมหาเทวีเกิดมาต่ำผ้าให้ข้าน้อยนุ่งและตรอมใจตายด้วยมือข้าน้อย ให้อัญญาเอื้อยศรีสะอาดเกิดมาซดไซ้เวร ถืกข้าน้อยยาดของฮักไปทุกภพทุกซาติ ให้อัญญาอ้ายศรีโซ่ทองเกิดมาเจ็บปวดทรมานใจ ปองฮักข้าน้อยแต่ฝ่ายเดียว”
หูกคำหยุดกลั้นสะอื้น น้ำตาไหลรินออกมาจากความเจ็บปวดอัดอั้นตันใจ พูดสาปแช่งแทบเป็นตะโกนออกมา
“ภพหน้าภพใด๋ ขอให้อัญญาแม่ทองจันทร์เกิดมาหลังค่อมหลังงออัปลักษณ์ เป็นข้าฮองบาทข้าน้อยตลอดไป ขอให้ข้าน้อยเกิดมามีฮูปจกฮูปงามดั่งนางสวรรค์ ตามไปนุ่งไปครองผ้าซิ่นลายหงส์ เป็นนางพญาหงส์ผู้สูงด้วยวาสนาบารมี มีอำนาจเหนือผู้เหนือคน เหนือบาปเหนือบุญ เหนือเวรเหนือกรรม ตามเหยียบหัวใจคนที่ทำฮ้ายหมายขวัญข้าน้อยให้เจ็บปวดทรมาน”
หูกคำตะโกนสุดเสียงในคำตอนท้าย พร้อมกับปล่อยโฮออกมาดังลั่น ศรีสะอาดกับมหาเทวีเนื้อเต้นด้วยความโกรธ
“อีหูกคำ อีจองหอง” เจ้าหญิงศรีสะอาดลุกพรวดตวาดใส่เพชฌฆาต “เพชรซะฆาต สูถ่าอีหยัง เอาดาบฟันคอมันเดี๋ยวนี่”
“อย่าเพิ่ง ศรีสะอาด” มหาเทวีห้ามไว้ ชี้หน้าด่าหูกคำพลางสั่งทหาร “โต๋บาปโต๋กรรมอย่างมัน ถ้าปล่อยให้เลือดตกลงดิน แผ่นดินก็สิเกิดวิบัติ ไปเอาอ่างดินมาฮองเลือดมันไว้”
หูกคำกัดฟันคุมแค้นน้ำตาไหลพราก ขณะที่ทหารช่วยกันยกอ่างดินมาวางตรงหน้าหูกคำมหาเทวียิ้มเยาะ
“กูสิเอาเลือดมึง มาย้อมผ้าซิ่นลายหงส์ของมึง ล้างอาถรรพณ์อัปมงคลให้เหมิดเกลี้ยง พญานาคราชเจ้าเพิ่นสิได้บ่พิโรธ สาปบ้านแซ่งเมืองกูให้พินาศ ให้มึงจำ จนกระดูกมึงเข้าหม้อ อีหูกคำ” มหาเทวีหัวเราะเยาะ
หูกคำนึกถึงซิ่นลายหงส์ที่ตัวเองหวงแหนแล้วทนไม่ได้ ลืมตัวพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็ขยับตัวแทบไม่ได้ หูกคำยิ่งเจ็บปวด กรีดร้องคำรามออกมาเหมือนผีบ้า
สีออนมองดูหูกคำอย่างเวทนา หันไปหาราชบุตร แต่อีกฝ่ายทำหน้าเฉยเมย จ้องตรงนิ่งไปยังลานประหารที่หูกคำยังดิ้นรนแค้นคลั่งในวาระสุดท้ายของชีวิต
ท้องฟ้าแดงฉานก่อนหน้าค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน พร้อมกับหมู่มวลเมฆม้วนตัวเข้ามาปกคลุมผืนฟ้าอย่างรวดเร็ว สายลมที่นิ่งสนิทเริ่มพัดกรรโชกแรง อัญญาหลวงมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วใจคอไม่ดี กลัวจะเกิดเหตุอาเพศ จึงพยักหน้าให้เพชฌฆาตเริ่มการประหาร
หูกคำยังคงดิ้นรน แต่กวาดสายตามองจ้องไปยังกลุ่มคนที่สร้างความเจ็บปวดให้กับตนมาชั่วชีวิตเหมือนจะจดจำไว้เป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ปากก็พึมพำคำอธิษฐานครั้งสุดท้ายด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นอย่างแรงกล้า
เพชฌฆาตร่ายรำดาบเข้ามาถึงตัวของหูกคำ แล้วเงื้อดาบขึ้นสูง ก่อนจะฟันฉับลงอย่างเร็วแรง เลือดแดงสดเทหลั่งไปตามรางไม้ไผ่ลงอ่างดินเบื้องไหน้าร่างไร้วิญญาณของหูกคำจนเต็มอ่างอย่างรวดเร็ว

มวลเลือดจากร่างหูกคำหลอมรวมตัวกันเป็นสีแดงเข้มหมุนวนอยู่ในอ่างอย่างน่ากลัว และมันเป็นสีแดงเฉดเดียวกับผ้าซิ่นผืนสวย
ณ โรงทอผ้า บ้านแคนหลวง เมืองสาเกตร้อยเอ็ดประตู ในปี พุทธศักราช 2464

ผ้าซิ่นสีแดงสวยบนกี่กำลังถูกทอเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง มือเรียวงามจับตะกรอทอไหมทีละเส้นอย่างบรรจง มีหญิงสาวอีกหลายคนนั่งเรียงรายทอผ้าของตัวเอง อยู่บนกี่ใครมัน
ที่นี่เป็นโรงทอผ้าขนาดใหญ่ที่มีกระบวนการทอผ้าไหมอย่างครบถ้วน ทั้งการเลี้ยงตัวไหม ต้มฝักไหม สาวเส้นไหม ต้มย้อมสีเส้นไหม กรอเส้นไหม พันเส้นไหมใส่กระสวย เอาสายไหมขึ้นหูก จนเป็นผ้าไหมลวดลายสวยงามในมือยาแม่คำอ่อน
ยาแม่ลูบไล้ลวดลายผ้าไหมสีแดงสดที่คาอยู่บนหูกอย่างชื่นชม สะอาดนั่งทออยู่ที่หูก
“เป็นจั่งได๋บ้าง ยาแม่”
ยาแม่ยังคงลูบไล้ผืนผ้า หันมายิ้มให้กับสะอาด
“งามหลาย ฝีมื่อต่ำผ้าของลูกสาวแม่ งามบ่มีผู้ใด๋เปรียบปาน”
สะอาดยิ้มปลื้มเข้ามากอดยาแม่ แล้วจับผืนผ้ามาเทียบกับผิวสะอาด
“ซิ่นผืนนี้ล่ะ ที่เจ้าควรใส่ ขึ้นนั่งเสลี่ยงอัญเซิญขันหมากเบ็งในงานสักการะพระธาตุบุญเดือนเจ็ดปีนี่”
“ยาแม่สิให้ข้าน้อยเป็นนางแก้วอีกปีซั่นบ้อ”
“ถ้าบ่อแม่นสะอาด แล้วสิเป็นผู้ใด๋ล่ะลูก”
ยาแม่ลูบหัวลูบอย่างเอ็นดู สะอาดยิ้มดีใจ กอดแม่แน่น

บ่าวหญิงสี่คน มะรุมมะตุ้มช่วยกันคนละไม้ละมือ อาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณให้สอางอยู่ที่ลานอาบน้ำ
สอาง ลูกสาวคนที่สองของยาแม่คำอ่อนกับพ่อแพทย์ ผิวพรรณขาวนวลงามผุดผ่อง บ่าวแต่ละคนทำหน้าที่ใครมัน สีแหล่กับเสาแบ่งกันขัดแขนและขา สองที่เหลือคอยราดน้ำล้างให้
ทันใดนั้นเองสอางก็กรีดร้องขึ้น ชักมือชักเท้าหนีสองบ่าวคนสนิท
“เออะ ซุมห่านี่ กูเจ็บเด๊ะ”
สอางร้องโอดโอยถีบสีแหล่กระเด็นไป แล้วเงื้อมือตบเสาดังฉาด ท่ามกลางความตกใจของบ่าวอีกสองคน
นางงอ แม่นมและพี่เลี้ยงคนสนิท เดินหลังงองุ้มงกเงิ่นเข้ามา ทันเห็นสีแหล่กับเสาถูกถีบกระเด็น
“เจ้าเป็นหยัง สอาง”
“ก็อีสองโตนี่ มันขัดบ่อบันยะบันยัง เนื้อโตกูบ่ได้หยาบได้หนาเป็นหนังงัวหนังควายอย่างพวกสูเด๊ะ อีเสา อีสีแหล่”
สีแหล่กะเสาประสานเสียง “พวกข้อยขอสมมาจ้ะ แม่สอาง”
สอางลูบแขนขาที่เป็นรอยแดงอย่างไม่สบอารมณ์ นางงอรีบเข้าไปดู พอเห็นรอยก็ด่าสีแหล่กะเสาซ้ำ
“ป้าด มือควยตีนควยแท้ๆ พวกมึง ไปเตรียมผ้าเตรียมแพร น้ำอบน้ำปรุงเทิงเฮือนพู้นไป๊ เดี๋ยวกูสิเฮ็ดเอง
“จ้ะ แม่งอ”
สีแหล่กับเสากำลังจะพากันออกไป นางงอเข้ามาลูบไล้แขนขาสอางอย่างทะนุถนอม แต่สอางไม่สนใจรีบลุกขึ้นสะบัดตัวจนนางงอล้มลง บ่าวอีกสองคนมาช่วยพยุง
“พวกมึงบ่ต้องมายุ่งกับกู”
นางงอรีบตามสอางไป
สอางลุกขึ้นมาแต่งตัว บ่าวทั้งสี่คนมาช่วยกันแต่งตัว ปรุงน้ำอบ ทาแป้งประทินผิว ทำผมติดดอกไม้
ทุกคนช่วยแต่งให้หมดโดยที่สอางไม่ต้องทำอะไร นอกจากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองสำรวจตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก
“เจ้าคืองามแท้ แม่สอาง งามคักงามแหน่ งามโพดงามเหลือ งามกะเดื้อกะด้อ” เสา ประจบเอาใจ
“นางพญาหงส์ลงสวรรค์มาเกิดแท้ๆ” สีแหล่ว่า
สอางยิ้มปลื้มแม้จะรู้ว่าเป็นคำป้อยอ คำประจบเอาใจของบ่าว แต่ก็ฟังได้ไม่เบื่อ
นางงอส่งกระจกบานเล็กให้สอางส่องดูมวยผมด้านหลัง แล้วชมเชยสีหน้าปลาบปลื้ม
“สอางเป็นสาวเต็มโตแล้ว เหมาะสมที่สุด ที่สิได้เป็นนางแก้วอัญเชิญขันหมากเบ็งสักการะพระธาตุปีนี่”
สอางนิ่งคิด แล้วหันไปหานางงอ อย่างอารมณ์ดี
“มึงเว้าอีหลีบ่อ อีงอ”
นางงอพยักหน้า ยิ้มปลื้ม “ซุมนี่ก็เห็นดีเห็นงามกับข้อย แม่นบ่อพวกมึง”
สี่คนประสานเสียง เออออ สอพลอเอาใจตามๆ กัน
“แม่นจ้า แม่งอ” / “แม่สอางเพิ่นเป็นนางแก้วได้แน่ๆ” / “สิหาไผเหมาะสมกว่าแม่สอางบ่มีอีกแล้ว”
สอางเยื้อนยิ้มพอใจ หันกลับไปมองกระจกอีกรอบ ชื่นชมกับความสวยของตัวเองเหลือแสน

ที่ริมหนองน้ำอีกฟากหนึ่งในวันเดียวกัน พี่เลี้ยงสะออนคือนางเภา อายุไล่เลี่ยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนนางเพ็งเป็นพี่สาวนางเภาอีกที อายุมากกว่า คอยดูแลรับใช้ ทั้งสะออนและยาแม่คำอ่อนกับสะอาด พี่สาวคนโต
เพ็งใช้ครุใบเขื่องจ้วงตักน้ำในหนองน้ำ แล้วส่งต่อให้เภา บ่าวอีกคนของเรือนพุทไธเทพ แล้วส่งต่อๆ ไปยังสาวๆ ที่ยืนเรียงกันเป็นแถวขึ้นไปถึงบนบก อีกมือก็ส่งครุเปล่ากลับมาให้เพ็งตักน้ำ พวกบ่าวช่วยกันตักน้ำด้วยการส่งต่อครุกันเป็นทอดๆ เพื่อให้เบาแรงลง
“เป็นหยังมันคือหลวงคือหลายปานนี่ มึงสิเอาไปใส่หนองใหม่ซั่นบ่อ โอ๊ย เมื่อย”
เพ็งบ่น พลางปาดเหงื่อ เอาครุจ้วงลงไปตักน้ำต่อ
ระหว่างนี้ ที่หลังโขดหินในหนองน้ำ มีสายตาคู่หนึ่งลอยตัวกึ่งๆ อยู่บนผิวน้ำจ้องมองมายังเพ็ง ก่อนจะดำลงไปใต้น้ำ แล้วเคลื่อนเข้าไปใกล้ตัวสาวๆ
เพ็งจ้วงครุตักน้ำ แล้วส่งครุให้เภา โดยไม่สังเกตว่ามีบางอย่างอยู่ใต้น้ำ สิ่งนั้นพุ่งเข้าไปใกล้ แล้วจับขาเพ็งหมับเต็มแรง
เพ็งถึงกับสะดุ้งร้องวี๊ดเซหงายไปทางข้างหลัง เภาแปลกใจ
“เป็นหยังเอื้อย”
“อีแข่ อีแข่กัดกู”
เพ็งวี้ดว้าย เอื้อมมือไปคว้าตัวเภายึดไว้แล้วหงายตกน้ำตูม เภาดึง สาวๆ อีก 2-3 ตกตามกันไปด้วยเพราะความตกใจ
“ซอยแน้ ซอยกูแน้ อีเภา ซอยกูแน้” เพ็งร้องลั่น
สาวๆ แตกตื่นร้องวี๊ดว้ายกลัวจระเข้ พากันตะเกียกตะกายว่ายขึ้นฝั่งกันจ้าละหวั่น พวกบนฝั่งก็กรี๊ดๆ พยายามจะมาช่วยเพื่อน
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจดังลั่นแทรกขึ้นมา ทุกคนไปมอง เห็นสะออนเพิ่งโผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำ หัวเราะงอหายกับสภาพของทุกคน
“สะออน”
ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน เพ็งกับเภารีบว่ายน้ำมาหา
“เป็นหยังเฮ็ดจังซี่ ซุมข้อยตกใจตื่นเหมิด หัวใจสิวาย” เพ็งโมโห
“ก็ข้อยขอมานำ เอื้อยเพ็งเอื้อยเภาก็บ่อยอมให้มา” สะออนบอก
“ก็ยาแม่เพิ่นสั่งไว้ ว่าบ่อให้สะออนมาแลนหาเล่นใกล้น้ำใกล้ท่า เดี๋ยวสิจมน้ำ” เภาว่า
“ข้อยว่ายน้ำเก่งกว่าอีแข่อีก ถ้าบ่อเซื่อ ก็เบิ่งเอา นี่...”
สะออนพูดพลางตีกรรเชียงว่ายน้ำโชว์ อย่างสบายอารมณ์ เพ็งกับเภามองอ่อนใจ

ทางด้านสอางแต่งตัวชุดใหม่สวยงาม เดินชมดอกไม้ใบหญ้าอยู่ในสวนสวย บริเวณหน้าเรือนพุทไธเทพ กินอาณาเขตกว้างขวาง เขียวขจีร่มรื่น ทุกมุมบ้านมีบริวารทำงานปัดกวาดเช็ดถูดูแล ชนิดที่เจ้าของบ้านไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว
สอางเดินกรีดกรายชมสวน ก็มีนางรับใช้ทั้งสองถือพัดกางร่มเดินตาม ไม่ต่างจากเจ้าหญิง จนเดินมาหยุดมุมหนึ่งก็ได้เสียงแคนหวานแว่วมาตามลม
“เสียงบักได๋อีได๋มันมาเป่าแคนแถวนี่”
“สงสัยสิเป็นคนงานจ้ะแม่สอาง เดี๋ยวข้อยกับอีสีแหล่สิไปด่าให้มันเซาเป่า”
พร้อมกับว่า เสา กับสีแหล่กระวีกระวาดจะไปไล่คนงาน เพื่อเอาใจสอาง
“บ่อต้อง กูสิฟัง”
ทั้งสามชะงัก สีแหล่รีบหามุกประจบสอางใหม่
“ถ้าเซ่นนั่น ข้อยสิไปเอิ้นให้มันมาเล่นใกล้ๆ แม่สอาง ดีบ้อ”
ทั้งสองบ่าวรีบออกไป สอางเดินไปถึงใต้ต้นคูน ก็หยุดฟังเพลงแคนมองดูดอกคูนเหลืองอร่ามบนต้นด้วยความเพลิดเพลิน ครั้นเอื้อมมือจะเด็ด ก็มีมือที่ยาวกว่าเอื้อมไปปลิดช่อดอกคูนลงมาเสียก่อน
สอางหันไปมอง พบว่าคนๆ นั้นก็คือโซ่ทองที่ส่งยิ้มมองมา พร้อมกับยื่นดอกคูนให้
“ข้อยให้เจ้าจ้ะ สอาง”
สอางเห็นหน้าโซ่ทอง จากที่อารมณ์ดีๆ กลายเป็นบูดบึ้งขึ้งเคียดขึ้นมาทันควัน นางเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเกลียดหน้าโซ่ทองนัก
“ไผให้มึงสาระแนมาแต้มแก่กับกู บักโซ่ทอง”
สอางกระชากดอกคูนจากมือโซ่ทองมาแล้วโยนลงพื้น เอาเท้าเหยียบขยี้ต่อหน้า
“ต้นไม้ใบหญ้าในเฮือนนี่เป็นของกู ถ้ากูบ่อได้สั่ง ขี้ข้าอย่างมึงก็บ่อมีสิทธิ์แตะต้อง”
โซ่ทองมองดูดอกคูนที่โดนเหยียบย่ำอย่างช้ำใจ สอางสะบัดหน้าเดินหนี สีแหล่ กะเสา พาคนเป่าแคนวิ่งมาหา
“หมอแคนมาแล้วจ้ะ แม่สอาง”
“กูบ่ออยากฟังแล้ว เห็นหน้าหมาบางโตแล้วกูสูน กูเหมิดอารมณ์”
สอางตวัดสายตามองโซ่ทอง แล้วเดินปึงๆ กลับไปทางเรือน เสา สีแหล่ งง
“มึงเฮ็ดอีหยังเพิ่น บักโซ่ทอง” สีแหล่ถาม
“ข้อยบ่อได้เฮ็ดหยังเลย”
เสาโมโห เข้าไปทุบโซ่ทอง ผลักไสออกไป
“ก็ฮู้อยู่แก่ใจว่าแม่สอางเพิ่นซังหนังหน้ามึง ก็ยังสาระแนมาวนมาเวียน มึงนี่มันวอนอีหลีน้อ”
บริวารทั้งสามมองโซ่ทองอย่างโกรธเคือง แล้วรีบตามสอางไป ทิ้งให้หมอแคนยืนงง ทำตัวไม่ถูก
โซ่ทองมองตามสอางหน้าเศร้า แล้วก้มลงหยิบดอกคูนที่ถูกเหยียบจนเละขึ้นมาบรรจงจับลูบคูนดอกช้ำอย่างทะนุถนอม
ราวกับได้สัมผัสเนื้อตัวของสอางกระนั้น

สอางเดินหงุดหงิดมาถึงตีนบันไดขึ้นเรือน มองไปเห็นสะออนเดินหัวร่อต่อกระซิกมากับเพ็งและเภา สองบ่าวหิ้วน้ำมาเต็มครุ
“มึงไปไสมา สะออน เนื้อโตเปียกมอดยอด ปานลูกหมาตกน้ำ”
“ข้อยไปตักน้ำกับเอื้อยเพ็งเอื้อยเภาจ้ะยาเอื้อย” สะออนยิ้มร่า
“มันธุระเวียกงานอีหยังของมึงถึงต้องไปตักน้ำ” สอางหงุดหงิดหันไปด่าว่าเพ็ง กับเภา “นี่พวกมึงจิกหัวใซ้งานน้องกูซั่นบ้อ อีเพ็ง อีเภา อีซุมขี้ข้า”
เพ็ง กะเภาหน้าเสีย กลัวโดนเล่นงาน สะออนรีบอธิบาย
“บ่อแม่นดอก ยาเอื้อย ข้อยอยากเฮ็ดเอง ผู้เฒ่าผู้แก่เพิ่นบอกว่า ตักน้ำให้พ่อแม่อาบสิได้บุญ ตายไปสิได้ขึ้นสวรรค์
“มึงอยากได้บุญซั่นบ่อ” สอางยิ้มเย้ย “ถ้าเซ่นนั่น ก็เอาน้ำของมึง มาล้างตีนนางฟ้าอย่างกู มึงสิได้ขึ้นสวรรค์”
สอางกระชากครุจากมือน้องสาว แล้วเทราดเท้าตัวเอง สะออนตกใจร้องลั่น
“ยาเอื้อย เป็นหยังยาเอื้อยเฮ็ดจังซี่”
“ไป อีเสา อีสีแหล่ ได้ล้างตีนด้วยน้ำเย็นๆ กูสบายใจแล้ว”
สอางเดินหัวเราะขึ้นเรือนไปกับสองบ่าว อารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้ระบายความหงุดหงิด
เพ็งบ่น เภารีบเข้ามาปลอบสะออน
“แม่สอางนี่ เป็นจังซี่ทุกเทือเลย อารมณ์เสียแล้วก็มาพาลใส่น้อง”
“บ่อเป็นหยังดอก สะออน เดี๋ยวมื่ออื่นเฮาไปตักกันใหม่ก็ได้”
สะออนได้แต่ยืนนิ่งมองครุเปล่าๆ ของตัวเองอย่างเสียใจ

บริเวณพักผ่อนบนชานเรือน สะอาดนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพ่อแพทย์พุทไธ ผู้เป็นบิดา และยาแม่คำอ่อน มารดา ยาแม่หยิบเครื่องประดับและผ้าสไบสีสวยที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา
“สะอาด ซิ่นที่เจ้าเพิ่งต่ำเสร็จ เอามาลองใส่กับสไบ กับสร้อยแขนแหวนกำไลซุมนี่เบิ่ง ถ้าไทบ้านไทเมืองได้เห็น คือสิ 10 บ้านส่า 5 บ้านลือ ว่านางแก้วอัญเชิญพานขันหมากเบ็งปีนี่ งามหลายกว่าปีก่อนๆ เจ้าว่าแม่นบ่อ พ่อแพทย์”
ยาแม่คำอ่อนหันไปถามความเห็นพ่อแพทย์ ผู้เป็นสามียิ้มเอ็นดู
“สะอาดของพ่อ งามบ่อมีผู้ใด๋เปรียบปานอยู่แล้วล่ะลูก”
สะอาดยิ้มปลื้ม ลูบไล้เครื่องประดับอย่างทะนุถนอม มีเสียงฝีเท้าสอางย่ำพื้นเรือน ปึงปังๆ เข้ามาในจังหวะนี้
“ไส งามตรงได๋ ประสาคนเก่าๆ หน้าเก่าๆ”
คำอ่อนหันไปมองสอางที่เดินปึงปังเข้ามาอย่างไม่พอใจ สะอาดมองน้องสาวหน้าเสีย
“ถ้ายาแม่อยากสิให้ไทบ้านไทเมืองเขาออนซอน ก็ต้องให้ข้าน้อยขึ้นนั่งเสลี่ยงแทนยาเอื้อย”
“สอาง เป็นหยังเจ้าเว้าไปทั่วทีปทั่วแดน”
“ไผเขาก็ฮู้กันทั้งนั้น ว่าข้าน้อยงามกว่ายาเอื้อยสะอาดอยู่หลายสิบขุม หน้าฮ่างๆ กระด่างกระดำแบบนี่ ก็ยังพากันยกยอขึ้นเสลี่ยงเป็นนางแก้ว นี่มันนางแก้วหือนางกากันแน่”
สะอาดได้แต่ก้มหน้านิ่งฟังคำวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจของน้องสาว ยาแม่ก็พลอยอึดอัดใจไปด้วย
“ยาพ่อ... ปีนี่ ให้ข้าน้อยเป็นนางแก้วขึ้นนั่งเสลี่ยงแทนยาเอื้อยสะอาดได้บ่อ”
สอางเข้าไปนั่งเกาะขาอ้อนพุทไธ พ่อแพทย์มองเอ็นดูลูกสาว แต่ก็เกรงใจสะอาดกับคำอ่อน
“เอาไว้ปีหน้าเด๊อลูก สอาง”
“เป็นหยังถึงต้องท่าปีหน้าล่ะจ๊ะ ปีนี่ ผู้ใด๋เขาก็ส่าก็ลือ ว่าข้าน้อยใหญ่เป็นสาวแล้ว ละกะงามหลายเหมาะสมสิเป็นนางแก้ว” สอางจงใจพูดใส่หน้าสะอาดกับยาแม่
“บักได๋อีได่มันว่าเจ้างาม ก็คือสิแม่นอีงอนี่ล่ะน้อ แต่งแต่แนวคึดบ้าๆมาฝังหัวเจ้า” คำอ่อนโมโห
“ถ้ามันเป็นแนวคึดบ้าๆ แล้วเป็นหยังยาแม่ถึงได้แล่นหน้าแล่นหลัง ส่งเสริมให้ยาเอื้อยสะอาดเพิ่นเป็นล่ะ”
“เป็นหยังมาตีฝีปากสับส่อต่อคำ”
สอางมองยาแม่อย่างไม่กลัวเกรง แล้วหันไปอ้อนพ่อแพทย์ต่อ
“ถ้าปีนี่ ข้าน้อยเหมิดบุญ ตายจากไปซะก่อน ซาตินี่ ก็คงสิบ่อมีวาสนาได้เป็นนางแก้วกับเขาดอก”
สอางตีหน้าเศร้า บีบน้ำตา พูดตัดพ้อให้พ่อเห็นใจ
“เกิดเป็นลูกคนกลางมันซ่างอาภัพ พ่อแม่บ้านได๋ เขาสิฮักลูกคนกลางทอลูก ‘คนใหญ่’ กับ ‘คนน้อย’ ข้าน้อยมาเหลือใจแท้ บ่อมีไผฮักข้าน้อยเลยจักคน”
สอางตีโพยตีพาย บีบน้ำตา ยาแม่เมินหน้าหนีรู้ทัน แต่พ่อแพทย์ใจอ่อน
“อันที่จริง ปีกลายปีก่อน สะอาดก็ได้เป็นนางแก้วแล้ว ปีนี่ ก็ให้น้องได้ขึ้นเสลี่ยงบ้างได้บ่อลูก”
สะอาดตกใจเงยหน้าขึ้นมองพ่อ ยาแม่เองก็มองผัวอย่างตกใจ
“พ่อแพทย์”
“สะอาดเพิ่นได้ขึ้นเสลี่ยงมาแล้วถึงสองปี แต่สอางยังบ่อเคย” พ่อแพทย์หันไปมองสะอาดอย่างเห็นใจ “ว่าจั่งใด๋ลูก เสียสละให้น้องได้บ่อ”
สะอาดใจเสีย เพราะอุตส่าห์ทอผ้าผืนใหม่สำหรับงานนี้ แต่ก็เกรงใจพ่อ เหลือบไปมองก็เห็นสอางนั่งสะอื้นน่าเวทนา
“แล้วแต่ยาพ่อสิเห็นดีเห็นงามเถิดจ้ะ”
สอางปาดน้ำตา หยุดร้องไห้เป็นปลิดทิ้ง

ที่โรงทอผ้าในเวลาต่อมา สะอาดหยิบผ้าที่เพิ่งทอเสร็จขึ้นมาลูบสีหน้าเศร้าสร้อย เสียดายที่ไม่มีโอกาสใส่ในวันงาน ยาแม่นั่งปลอบลูก
“พ่อของเจ้านี่ก็มักตามใจน้องไปทุกอย่างทุกแนว สอางมันถึงได้เสียผู้เสียคน” ยาแม่โมโหไม่หาย
“บ่อเป็นหยังดอกจ้ะยาแม่ ก็แม่นคำของยาพ่อ ข้าน้อยได้ป็นนางแก้วมาสองปีแล้ว ให้สอางได้เป็นบ้าง น้องสิได้เป็นหน้าเป็นตาให้เฮือนเฮา”
ยาแม่ถอนใจ แต่ก็โล่งใจที่สะอาดเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก เลยพูดปลอบ
“เอาล่ะลูก แม่นเจ้าสิบ่อได้นั่งเสลี่ยง เจ้าก็ต้องแต่งโตให้งาม แม่ได้ข่าวว่างานบุญปีนี่ สิมีแขกเจ้าใหญ่นายโตเพิ่นมาฮ่วมพิธี”
สะอาดยิ้มเขิน รู้ว่ายาแม่อยากให้สะอาดได้เจอชายหนุ่ม เพราะถึงวัยจะมีคู่แล้ว
ระหว่างนี้ สอางเดินเข้ามาในโรงทอพร้อมกับนางงอ เห็นผ้าผืนใหม่ๆ วางตั้งอยู่
“อีงอ มึงมาเบิ่งให้กูแหน่ ว่าซิ่นผืนได๋ งามสมกับนางแก้วอย่างกู”
สะอาดกับยาแม่หันไปมอง เห็นสอางเดินกรีดกรายไม่เห็นหัวทั้งสอง
นางงอช่วยหยิบช่วยดูแล้วเหลือบไปเห็นซิ่นแดงสดบนมือสะอาด ก็ชี้ไป
“ข้อยว่าผืนนั่น มันงามหลาย”
สะอาดตั้งตัวไม่ติด ทันใดนั้นเองสอางก็เดินมาฉวยซิ่นพับนั้นไปจากมืออย่างไม่เกรงใจ
“เออ งามอย่างที่มึงว่า เพิ่งต่ำเสร็จแม่นบ่อ ยาเอื้อย ดีเลย ข้าน้อยสิเอาผืนนี่ล่ะ”
สะอาดพูดไม่ออกอีก ยาแม่ทนไม่ไหว ดึงคืนมาจากลูกสาวคนกลาง มองนางงออย่างไม่พอใจ
“สอาง บักได๋อีได๋มันเสี้ยมสอนให้เจ้ามีกิริยาซั่วทรามเซ่นนี่ สกสวยไปจากมือเจ้าของเขาหน้าตาเสย ซิ่นผืนนี่ เอื้อยเจ้าเพิ่งต่ำเสร็จ ตั้งใจสินุ่งเอาบุญ”
“เอ๋า สิหวงไว้เฮ็ดหยัง ยาเอื้อยก็บ่อได้เป็นนางแก้วแล้ว สินุ่งห่มอีหยัง ก็บ่อมีไผเบิ่งดอก แต่ข้าน้อยนี่ นั่งอยู่เทิงเสลี่ยง ควรต้องได้นุ่งซิ่นงามๆ ให้ไทบ้านไทเมืองเขาออนซอนว่าข้าน้อยงาม สมหน้าสมตาว่าเป็นลูกของยาพ่อยาแม่”
สอางไม่สน กดดันพี่สาวที่มีท่าทางอึกอัก นางงอสอดขึ้น
“ซิ่นผืนนี่งามหลาย สะอาด เจ้าบ่ออยากให้ไทบ้านไทเมืองได้เห็นฝีมือของเจ้าซั่นบ่อ”
“นี่ล่ะหวา ที่บูฮานเพิ่นว่า เป็นพระให้หมั่นเทศน์ เป็นเปรตให้หมั่นขอ” คำอ่อนโมโหด่ากระทบสองคน
สอางหน้าตึง มองหน้ายาแม่อย่างน้อยใจ
“ที่ยาแม่มีลูกเป็นเปรตขี้ขอ ก็เพราะยาแม่ฮักลูกบ่อเท่ากัน มีอีหยังก็ใส่พานประเคนให้แต่ยาเอื้อยกับอีสะออนจนเหมิด บ่เคยเผื่อแผ่บุญมาให้ข้าน้อยเลย”
ยาแม่ตะลึงตาโตที่ลูกสาวกล้ายอกย้อน แต่นางงอแอบอยู่ข้างหลังสอาง แอบยิ้มสะใจ
“แค่ข้าน้อยอยากเป็นนางแก้ว ก็ยังคอยมาขัดขวาง ปานว่าเป็นศัตรูมาแต่ซาติก่อน เฮ็ดคือข้าน้อยบ่อแม่นลูกยาแม่”
“สอาง เป็นหยังเจ้าจึงเว้าเซ่นนั่น”
ยาแม่หายใจหอบ ทั้งโกรธทั้งตกใจที่สอางพูดจาไม่ไว้หน้า สะอาดเห็นท่าไม่ดี รีบตัดบท
“สอาง เซาเถาะ เอื้อยขอล่ะ เจ้าอยากได้ซิ่นผืนนี่ ก็เอาไปสา แต่อย่าเว้าแบบนี้ กับยาแม่ เจ้าขอสมมายาแม่สา อย่าให้เป็นบาปเป็นเวร”
สอางจ้องยาแม่อย่างเย็นชา ความน้อยใจสะสมมายาวนานจนไม่ได้รู้สึกผิด ยกมือพนมกระแทกเสียงขมาแบบขอไปที
“ข้าน้อยขอสมมา... ที่บ่อได้เกิดมาเป็นลูกฮักของยาแม่”
“สอาง” สะอาดตกใจ
สอางไม่สนใจสะบัดพรืดออกไป โดยมีนางงอกลั้นยิ้มเดินตามติดๆ
สะอาดหันมาดูยาแม่ที่หอบตัวโยน เครียดกับคำพูดของลูกสาวคนกลาง

ค่ำคืนนั้น โซ่ทองบรรจงวางช่อดอกคูนใส่ไว้ในสมุดข่อยเล่มเก่าๆ ของตัวเอง สาย ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาเห็นพอดี
“ลูกไปเอาดอกไม้มาจากไส โซ่ทอง”
โซ่ทองยิ้มเจื่อนๆ “ของสอางเพิ่นดึกทิ่มจ้ะอีแม่ ข้อยเสียดาย ก็เลยเก็บมา”
โซ่ทองลูบดอกคูน แล้วพับปิดสมุดข่อย เท่านั้นเองสายก็เข้าใจ
“บักโซ่ทองเอ๊ย แม่ญิงอย่างแม่สอาง เพิ่นบ่อแนมเบิ่งคนขี้ทุกข์ขี้ยากอย่างซุมเฮาดอก ซุมเฮามันเป็นแค่ขี้ข้าเขา เลิกคึดเลิกหวังซะเถาะลูก”
โซ่ทองฟังแล้วหน้าเศร้าลง
“ข้อยก็บ่อฮู้ว่าเป็นหยังข้อยถึงได้งมงายหลงใหลเพิ่นปานนี่ ข้อยฮู้แต่ว่า ข้อยมีควมสุข ยามได้เห็นหน้าเพิ่น” เขาเผลอยิ้มออกเมื่อนึกถึงหน้าสอาง “ได้เฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน ฮับใซ้อยู่ใกล้ๆ ทอนี่ก็มีแฮงหัวใจ บ่อได้หวังสิ่งได๋หลายไปกว่านี่ดอกอีแม่”
โซ่ทองสอดสมุดข่อยไว้ใต้หมอนอย่างทะนุถนอม สายมองแล้วแอบถอนใจ สงสารลูกชาย

ถึงวันงานบุญบูชาพระธาตุ บรรยากาศคึกคักตั้งแต่เช้า ทั่วลานวัดเต็มไปด้วยชาวบ้านที่เดินทางมาร่วมงานจนแน่นขนัด
ชาวบ้านเตรียมอาหารหวานคาวจากบ้านมาถวายพระ และร่วมกันตักบาตรในช่วงเช้า ช่วยกิจกรรมงานบุญต่างๆ ภายในงานตามความถนัด ข้าวต้มมัดร้อนจากเตาถูกยกมาต้อนรับญาติพี่น้องที่มาร่วมบุญไม่ขาดสาย
ส่วนที่โรงครัว ชาวบ้านชายหญิงช่วยกันตระเตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับเลี้ยงชาวบ้านที่มาร่วมงานตามความถนัดใครมัน สะอาดนั่งแกะสลักผักผลไม้เพื่อตกแต่งสำรับอาหารเป็นรูปสวยงามอยู่มุมหนึ่ง มีสะออนคอยช่วยทำงานง่ายๆ และคอยมองผลงานพี่สาวด้วยแววตาชื่นชม
“ยาเอื้อยเฮ็ดงามหลาย งามจนข้าน้อยเห็นแล้วบ่อกล้ากินเลย” สะออนหยิบมาดู “ยามได๋น้อ ข้อยสิ เก่งได้ส่ำยาเอื้อย เฮ็ดอีหยังกะดีกะงามไปเหมิด”
สะอาดหัวเราะเอ็นดู “เจ้าก็ต้องตั้งใจให้หลายกว่านี่ เอื้อยเห็นเจ้าเฮ็ดอีหยังคราวเดียวก็เลิก งานฝีมือมันต้องใช้สมาธิ ต้องใช้ความอดทน”
สะออนมองต้นหอมในมือที่พยายามจะผ่าให้เป็นแฉกๆ เพื่อจะเอาไปแช่น้ำ แล้วเบ้ปาก
“ข้าน้อยคงสิบ่อมีฝีมือด้านนี้ดอก ยาเอื้อย เบิ่งนี่”
สะออนโบกก้านต้นหอมที่รุ่งริ่งน่าเกลียด เพราะฝีมือของตัวเอง สะอาดหัวเราะ
“ถ้าเซ่นนั่น เจ้าก็ลองไปถามโตเองเบิ่ง ว่าเจ้ามีฝีมือทางใด๋ มักทางใด๋” สะอาดยิ้มแซว “ที่บ่อแม่นแล่นหน้าแล่นหลังเป็นลิงเป็นค่าง”
สะออนยิ้มเขินที่พี่สาวรู้ทัน จังหวะนี้เองก็ได้ยินเสียงดนตรีปี่พาทย์แว่วมา พร้อมๆ กับเห็นเพ็ง และ เภาวิ่งมาหาสะออนด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“สะออน ขบวนแห่มาแล้ว” เพ็งบอก
“ข้าน้อยสิไปลองคึดเบิ่งเด๊อ ยาเอื้อย แต่ว่าตอนนี่ ขอออกไปฟ้อนฮับขบวนแห่นางแก้วก่อนเด๊อ” สะออนยิ้มแย้มสดใส รีบวางงานแล้วลุกตามเพ็ง กะเภาไป แต่ชะงักเมื่อหันมาเห็นสะอาดยังอยู่ที่เดิม
“ยาเอื้อยบ่อออกไปเบิ่งยาเอื้อยสอางนำกันบ่อ”
“เอื้อยยังมีเวียกงานต้องเฮ็ดอีกหลาย เดี๋ยวสิเตรียมพาข้าวขึ้นถวายพระบ่อทัน เจ้าไปสา น้องหล่า”
สะออนพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบตามเพ็ง เภาออกไป สะอาดมองตามเสียงดนตรี เห็นขบวนแห่เคลื่อนตัวมาแต่ไกล นำหน้าด้วยเหล่านางรำฟ้อน สีหน้าสะอาดเศร้าลง ลึกๆ อดเสียได้ไม่ได้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นนางแก้ว

หัวขบวนแห่เชิญพานขันหมากเบ็งถวายพระธาตุ เคลื่อนตัวช้าๆ มาตามถนนหน้าวัด ผู้คนคอยเฝ้ารอชมเต็มสองข้างทาง นางรำในชุดสวยงามฟ้อนรำนำหน้าขบวน ตามมาด้วยคณะดนตรี ชาวบ้านที่นึกสนุกเข้าไปร่วมรำตามหลังพวกนักดนตรี โดยมีสะออน เพ็ง เภาและหนุ่มสาวอื่นๆ ปะปนอยู่ในนั้นด้วย
สะออนคึกคักไปกับเสียงดนตรีหมอลำ รำป้อกับชาวบ้านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว ชายหนุ่มในขบวนรำมองสะออนอย่างถูกใจ ปรี่เข้ามารำประกบ ส่งสายตาเจ้าชู้มาให้ แต่สะออนเมินมอง หันไปรำกับเพื่อนๆ ต่อ
เสลี่ยงของสอางเคลื่อนตัวมาถึงหน้าวัดพอดี สอางอยู่ในชุดสวยงามเป็นนางแก้วงานบุญปีนี้ นั่งประคองพานขันหมากเบ็งอยู่บนนั้น สะกดสายตาทุกผู้คนที่มองมาดูนางแก้วกันอย่างหนาตาขึ้นเรื่อยๆ
สอางกวาดตามองไปทั่วอย่างภาคภูมิใจ เหมือนจะแจกจ่ายความงามของตัวเองให้เห็นทั่วถึงกัน พ่อแพทย์พุทไธยิ้มปลื้มใจอยู่ข้างๆ ยาแม่คำอ่อน ส่วนสะออนโบกไม้โบกมือ ตะโกนเรียกชื่อสอางอยู่ข้างๆ โซ่ทองที่เดินตามเข้ามาดูและส่งสายตาชื่นชมอยู่เงียบๆ
สอางเมินหน้าหนีโซ่ทองอย่างนึกสมเพช อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า จนนางงอ เสา สีแหล่ ที่คอยเดินประกบต้องร้องบอก
“แม่สอาง ยิ้มแหน่ อย่าหน้าบูดหน้าบึ้งหลาย บ่องามเลย” เสาบอก
“มึงไปบอกให้บักโซ่ทองมันไสหัวไปไกลๆ หูไกลๆ ตากูแหน่ อีเสา กูเห็นแล้วกูใจฮ้าย”
“ซ่างแม่มัน อย่าไปสนใจมัน สอาง มันก็เป็นได้ส่ำหมาเฝ้าพาข้าวแค่นั่นล่ะ ถือซะว่า ให้มันได้แนมเบิ่งควมงามของนางพญาหงส์พอเป็นบุญเป็นทาน” นางงอว่า
“แม่นแล้ว แม่สอาง ถือซะว่าเฮ็ดบุญเฮ็ดทานไปสา ซุมผู้บ่าวไทบ้านแถวนี่ มีวาสนาได้แค่แนมเบิ่ง บ่อมีวันเอื้อมมาฮอดนางพญาหงส์ดอก” สีแหล่ปลอบ
สอางฟังแล้วพอใจ คลี่ยิ้มออกมา กวาดตามองไปทางโซ่ทองและหนุ่มๆ ที่จับกลุ่มกันเฝ้าดูตัวเอง

ขณะเดียวกันที่ประตูวัดอีกมุม สอางเหลือบไปเห็นรถยนต์คันโก้ที่แล่นตรงมา แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดในลานวัด ความหรูหราของรถคันนั้นโดดเด่นสะดุดตา จนสอางเกิดความอยากรู้อยากเห็น
ยิ่งเมื่อ ร้อยตำรวจเอกหลวงอากาศกำจรในชุดเครื่องแบบตำรวจ ท่าทางสมาร์ทองอาจก้าวลงจากรถ สอางเพ่งมองอย่างสนใจ ขณะที่กำจรเหลือบมองมาทางขบวนแห่ด้วยความสนใจไม่แพ้กัน เพราะไม่เคยเห็นงานบุญยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน แต่ยังไม่ทันที่จะเงยหน้ามองมายังเสลี่ยงนางแก้ว ผู้ใหญ่บ้านก็เข้ามากระซิบกระซาบแล้วเชื้อเชิญให้กำจรขึ้นไปบนศาลาวัด
สอางชะเง้อมองตามอย่างเสียดาย และสนใจใคร่รู้ว่าเขาเป็นใคร

บนศาลาวัดยามนี้ แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ล้อมวงพูดคุยกันอยู่เป็นกลุ่มๆ หลังจากฟังพระเทศน์ไปเมื่อตอนสาย
เห็นพ่อแพทย์พุทไธกับยาแม่อ่อนกำลังนั่งคุยอยู่กับข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ โดยมีกำจรร่วมอยู่ในวงสนทนานี้ด้วย
“พ่อแพทย์พุทไธ ยาแม่คำอ่อน นี่ท่านรองสารวัตรคนใหม่ของสถานีตำรวจเมืองอีสานบุรี ร้อยตำรวจเอกหลวงอากาศกำจร ท่านเพิ่งย้ายมาประจำที่นี่” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำ
กำจรยกมือไหว้ทั้งสองท่านอย่างนอบน้อมผู้ใหญ่แนะนำกับกำจรว่า
“พ่อแพทย์พุทไธกับยาแม่คำอ่อนเป็นพ่องานแม่งานบุญเบิกบ้านปีนี่ พ่อแพทย์เพิ่นเป็นแพทย์หลวงประจำองค์เจ้าเมืองอีสานบุรี เป็นแพทย์ใหญ่หัวเจ้าบ้าน ประจำหมู่บ้านแคนหลวงของหมู่เฮาเด๊อท่านผู้กอง”
“ผมเพิ่งมาประจำที่มณฑลอีสานเป็นปีแรก มาอยู่เมืองอีสานบุรีได้ยังไม่นาน ขอรบกวนฝากเนื้อฝากตัวกับท่านทั้งสองด้วยนะครับ”
“ข้อยกับลูกเมีย ต้องได้ฝากเนื้อฝากโตกับท่านเสียหลายกว่า ข้อยดีใจหลายที่มีบุญได้ฮับต้อนท่าน ท่านผู้กองนี่งามสง่าสมกับเป็นข้าราชซะการมาจากพระนครสยาม ไทบ้านหมู่เฮาสิขอเพิ่งพาบารมีท่านต่อไปภายหน้า”
พ่อแพทย์กับยาแม่มองกำจรอย่างถูกชะตา แล้วยิ้มกับผู้ใหญ่บ้าน ซักพักสะอาดก็ตามเข้ามาสมทบ
“ยาพ่อยาแม่ ข้าน้อยแต่งพาข้าวไว้เฮียบฮ้อยแล้ว”
กำจรได้ยินเสียงใสๆ ก็เหลือบไปมอง เห็นสะอาดกำลังพูดเจื้อยแจ้ว
“เดี๋ยวก่อนลูก สะอาด มาไหว้สมมาแขกบ้านแขกเมืองก่อน นี่ท่านผู้กอง” พุทไธมองหน้ากำจร “เอ้อ... ท่านผู้กองซื่อว่าจั่งได๋นะ”
“หลวงอากาศกำจรครับ เรียกผมว่า กำจร ก็ได้ครับ”
“ท่านผู้กองกำจร ท่านรองสารวัตร เพิ่นย้ายมาจากพระนครสยาม” พุทไธบอกลูกสาว
สะอาดหันไปมองกำจรเต็มตา เห็นเป็นชายหนุ่มรูปงามก็เขินอายนิดๆ ยกมือไหว้ชดช้อย

สอางเดินขึ้นมาบนศาลาพร้อมกับนางงอ มองไปเห็นกำจรกำลังนั่งคุยอยู่กับพ่อแม่ ก็ยิ้มพอใจ แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ชะงักหน้าบูดเมื่อเห็นสะอาดอยู่ร่วมวงสนทนาด้วย
“อีงอ ผู้บ่าวฮูปงามที่นั่งอยู่กับยาพ่อยาแม่นั่น มึงฮู้บ่อว่าเขาเป็นไผ มาจากไส”
“ได้ยินไทบ้านเขาว่า เพิ่นเป็นตำรวจใหญ่มาจากพระนครสยาม มาประจำการอยู่อีสานบุรี”
นางงอมองไปเห็น พุทไธ อ่อนคำ และสะอาดพูดคุยกับกำจร ด้วยท่าทางแจ่มใสก็ใส่ไฟ
“พ่อแม่ของเจ้านิ่ คงสิหมายตาไว้ให้สะอาดผู้เดียว ถึงได้เอิ้นเข้าไปนั่งหน้าสอนหลอน ระรื่นซื่นบานเซ่นนั่น”
สอางไม่พอใจ “มึงเบิ่งเอาเถาะ อีงอ ว่ายาแม่กูฮักยาเอื้อยหลายปานได๋ ตกจากเสลี่ยงนางแก้ว ก็เอาใส่พานประเคนให้ได้ผัวบุญใหญ่ยศสูง”
นางงอหัวเราะ “เพิ่นคงสิบ่ออยากเห็นลูกสาวใหญ่แห้งตายคาเฮือนล่ะมัง”
“แล้วกูล่ะ อีงอ ยาแม่เอากูไปไว้ไส บ่อคึดให้กูได้พ่อซายดีๆ เลยซั่นบ่อ”
สอางส่งสายตาแรงกล้า จ้องมองไปยังกำจรที่ฝ่ายนั้นยังไม่รู้ตัวว่าถูกมองราวกับจะดื่มกินอยู่

สอางเดินอารมณ์เสียหลบมานั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ในวัด ท่าทางกระสับกระส่าย พยายามคิดหาวิธีดึงให้กำจรมาเป็นของตัวเอง
โซ่ทองเดินมาเห็นสอาง ก็รีบไปหยิบถาดสำรับกับข้าวตามมาวางให้ที่แคร่ ยกขันน้ำเย็นไปให้อย่างเอาใจ
“สอาง เจ้านั่งอยู่เทิงเสลี่ยงตั้งแต่เซ้า คงสิเมื่อย มากินข้าวกินน้ำเสียก่อน”
สอางชักสีหน้าเมื่อเห็นโซ่ทอง สะบัดมือปัดขันน้ำเย็นตกกระจาย โซ่ทองอึ้ง
“กูบ่อกิน มึงอย่ามาวนมาเวียนกู บักโซ่ทอง”
โซ่ทองเสียงอ่อย “ข้อยก็แค่เป็นห่วงเจ้า”
“มึงห่วงโตมึงเองเถาะ อย่าสาระแนมาเป็นห่วงเป็นใยกู ถ้ามึงยังมาวนมาเวียนกู กูสิส่อยาพ่อยาแม่ให้ไล่มึงกับแม่ออกจากเฮือน”
“ไล่จั่งได๋ ข้อยบ่อได้เฮ็ดหยังผิด”
“แค่มึงหวังสูง อยากเห็นกูเพิ่งพาน้ำใจมึง มันก็ผิดหนักหนาแล้ว”
โซ่ทองเจ็บปวด แต่พยายามกล้ำกลืน ก้มหน้านิ่ง
“จำไว้จนกระดูกมึงเข้าหม้อ กูเป็นนางพญาหงส์สูงศักดิ์ มึงมันเป็นซาตกาดำต่ำต้อยด้อยวาสนา คนละเผ่าพงศ์วงศา คนละซนซั้นวรรณะกับกู ต่ำเตี้ยเหี้ยดินอย่างมึง อย่าคึดอาจเอื้อมมาสมสู่กับนางหญาหงส์อย่างกู บักซาติอีกา”
สอางพูดจบก็ลุกพรวดยกเท้าถีบถาดสำรับบนแคร่กระเด็นไปคนละทาง โซ่ทองมองดูด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็ยังรักสอางเกินจะตัดใจได้
สอางเดินหุนหันออกไป แต่แล้วจู่ๆ ก็หยุดเดิน ยิ้มกับตัวเอง เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้

กำจรนั่งร่วมวงสำรับข้าวกับสะอาดและครอบครัว รวมทั้งผู้ใหญ่ อยู่ที่บริเวณนอกชานศาลาวัด และกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานนักเสากับสีแหล่ก็ยกสำรับขนมจีนเข้ามาในวง แต่จงใจวางลงตรงข้างๆ กำจรแล้วพูดเบาๆ
“พาข้าวปุ้นนี่ ของท่านผู้กองจ้ะ”
กำจรทำหน้าแปลกใจ มองหน้าเสางงๆ เสาเห็นว่าไม่มีใครได้ยินก็กระซิบต่อ
“นางพญาหงส์ เพิ่นแต่งพานี่มาให้”
เสากับสีแหล่ยิ้มมีเลศนัยแล้วรีบลุกออกไป กำจรมองตามไปอย่างข้องใจ เห็นทั้งสองเดิ่นลิ่วลงบันไดไป และเห็นสอางแว่บหนึ่ง สอางยังอยู่ในชุดนางแก้วสวยงามสะดุดตา จนกำจรจนต้องมองซ้ำ แต่ก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่สอางส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะหายลับลงไปใต้ถุนศาลา กำจรเสียดาย อยากจะเห็นหน้าสาวงามอีก

ส่วนที่ใต้ต้นไม้ในวัด โซ่ทองก้มลงเก็บอาหารที่ตกกระจัดกระจายเพราะฝีตีนสอางด้วยความเสียดาย สะออนเดินมาเห็น หยุดมองฉงน
“เฮ็ดหยังน่ะ อ้ายโซ่ทอง อ้าว ไผมาเฮ็ดข้าวเฮียจังซี่ อ้ายเฮ็ดซั่นบ่อ”
“บ่อแม่น สอางน่ะ”
โซ่ทองยิ้มฝืดๆ แล้วเก็บเศษอาหารต่อ สะออนเท้าเอวเซ็ง นึกเหตุการณ์ได้เป็นฉากๆ
“ยาเอื้อยเฮ็ดโตบ่อน่าฮักอีกแล้ว”
“เพิ่นคงบ่อมักพาข้าวที่อ้ายแต่งมาให้”
“บ่อมักก็บ่อต้องกิน บ่อเห็นต้องซะพาข้าวทิ่มแบบนี่ เสียของเหมิด”
“ซ่างเพิ่นเถาะ เดี๋ยวอ้ายสิไปเอาไม้กวดมากวด”
“บ่อเป็นหยังอ้าย เดี๋ยวข้อยไปเอาเอง”
สะออนลุกเดินไปดูไม้กวาดที่ริมกำแพงแล้วหยุดนิ่ง โซ่ทองเห็นสะออนเงียบไปก็หันไปมอง
“มีหยังบ่อ สะออน”
“อ้าย...”
สะออนเรียกโซ่ทองน้ำเสียงสั่นๆ สีหน้าไม่ดี โซ่ทองสังหรณ์ใจลุกไปดู เห็นชายชรานอนขด เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางป่วยหนักอยู่ที่พุ่มไม้ริมกำแพงวัด
สะออนจะก้มลงจับตัวชายชรานั้น แต่โซ่ทองดึงมือไว้ แล้วเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้แทน เอามือเขย่าตัวชายชรา เรียกปลุกเบาๆ
“พ่อลุง... พ่อลุงได้ยินข้อยบ๊อ”
ชายชรายังนอนนิ่งไม่ไหวติง มีแต่เสียงครางเบาๆ โซ่ทองลองเลื่อนมือไปแตะที่คอ แล้วตกใจ
“คิงฮ้อนปานไฟ ท่าทางคงสิป่วยหนัก”
“ข้อยสิไปเอิ้นยาพ่อ”
โซ่ทองห้ามไว้ “บ่อต้อง ให้พ่อแพทย์เพิ่นฮับต้อนแขกบ้านแขกเมือง อ้ายสิเบิ่งพ่อลุงเอง”

โซ่ทองประคองชายชราลงนอนที่แคร่หน้าเรือนรักษาคนป่วยในอาณาบริเวณเรือนพุทไธเทพ แล้วหันไปมองสะออนที่วิ่งตามมา
“สะออน เจ้าบ่อต้องห่วง อ้ายเบิ่งเองได้ เจ้าบ่อต้องตามมา”
“ก็ข้อยเป็นห่วง อ้าย... พ่อลุงเพิ่นสิตายบ่อ”
โซ่ทองจับเนื้อจับตัวชายชรา พยายามวิเคราะห์อาการเท่าที่หัดจากพ่อแพทย์มา
“ว่าจั่งได๋อ้าย”
“ต้องให้ยาระงับอาการไข้”
เวลาต่อมา โซ่ทองเทสมุนไพรใส่ครกบดยา แล้วรีบบดเตรียมให้ชายชรากิน สลับกับเตรียมต้มน้ำวุ่นวาย
สะออนคอยนั่งเฝ้าเช็ดเนื้อตัวชายชราอย่างไม่รังเกียจ เห็นโซ่ทองวิ่งไปทางโน้นทางนี้วุ่นวายก็ทนไม่ได้
“อ้าย เร่งมือแหน่ มานี่ ข้อยสิซ่อยเฮ็ดเอง”
สะออนลุกมาฉวยครกบดยามาทำเอง โซ่ทองชะงักจะไม่ให้
“เจ้าเฮ็ดเป็นหรือ สะออน”
“แค่บดยา สิไปยากอีหยัง อ้ายไปต้มน้ำเถาะ ไป”
สะออนลงมือบดยาเร่งๆ แล้วมองไปทางคนไข้อย่างเป็นห่วง

กำจรไหว้ยาพ่อแพทย์พุทไธกับยาแม่คำอ่อน และลงมาจากศาลาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านที่เดินมาส่งที่รถ
พอผู้ใหญ่เดินแยกไป กำจรก็เหลียวมองหาสอางทั่วลานวัด แต่ไม่พบ เห็นแต่บ่าวทั้ง 2 ของสอางกำลังช่วยกันเก็บข้าวเก็บของอยู่ตรงโรงครัว กำจรจำเสาได้เลยเดินเข้าไปหา
“นางพญาหงส์ของเธอไปไหนเสียล่ะ”
เสากับสีแหล่ยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย
“เพิ่นเมือเฮือนไปแล้วจ้ะ ท่านผู้กองมีอีหยังสิฝากถึงเพิ่นบ่อ” สีแหล่บอก
“ฉันอยากจะขอบคุณ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”
กำจรเสียดาย สายตามองไปเห็นบางอย่าง ผู้กองรูปงามเดินไปปลิดดอกจำปาลาวจากต้น เดินกลับมายื่นช่อดอกจำปาลาวส่งให้นางเสา
“ฝากไปให้นางพญาหงส์ด้วย บอกว่าฉันฝากมาให้”
เสารับไว้ กระหยิ่มยิ้มย่องกับสีแหล่และสาวๆ แถวนั้น จนกำจรรู้สึกเขิน เดินกลับไปขึ้นรถ

ดอกจำปาลาวดอกนั้นอยู่ในมือสอางแล้ว นางแก้วบ้านแคนหลวงหยิบมาชื่นชมไม่ยอมปล่อยมือ ขณะที่ยาแม่กับสะอาดกำลังช่วยกันจัดสำรับ
พ่อแพทย์เดินเข้ามาร่วมวงแล้วมองสอางอย่างเอ็นดู พ่อแพทย์จะรักเอ็นดูสอางมากกว่ายาแม่ เพราะรู้สึกว่ายาแม่ไม่ค่อยรักลูกคนนี้ แต่จริงๆ แล้วยาแม่รักลูกเท่ากัน เพียงแต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสอาง เพราะนิสัยที่ใช้ไม่ได้ของสอาง
“สอาง ดอกจำปานี่มันวิเศษจั่งได๋หรือลูก ถึงได้ดมแล้วดมอีก บ่อฮู้จักเบื่อจักวาง”
สอางยิ้มอารมณ์ดี “มีคนให้ข้อยมาจ๊ะ ยาพ่อ ฝากอีเสามาบอกว่าเป็นดอกไม้สำหรับนางพญาหงส์อย่างข้าน้อย”
ยาแม่มองรำคาญ “เป็นนางพญาหงส์แล้วอิ่มทิพย์ได้ซั่นบ่อ ถ้าบ่อแม่นก็วางดอกไม้แล้วมากินข้าว”
สอางค้อนมารดา ก่อนจะวางดอกจำปาลาวไว้ข้างตัวอย่างเสียไม่ได้ จุ่มมือลงล้างในขันน้ำลอยดอกมะลิ เริ่มขยับเข้ามาในวงพาข้าวที่จัดไว้ หยิบข้าวเหนียวในกระติบมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ
“อ้าว แล้วนี่ สะออนไปไสล่ะ บ่อมีไผไปเอิ้นน้องมากินข้าวแลงซั่นบ่อ” พ่อแพทย์พุทไธถาม
“ตั้งแต่กลับมาจากวัด ก็ยังบ่อเห็น แต่เดี๋ยวข้าน้อยไปเอิ้นน้องเองยาพ่อ”
พร้อมกับว่าสะอาดลุกจะลงเรือนไปตามน้อง แต่จูๆ สะออนเดินพรวดๆ ขึ้นบันไดเรือนมาท่าทางรีบร้อน
“ยาพ่อ ยาพ่อไปซ่อยคนเจ็บแหน่”
พ่อแพทย์ กับยาแม่มองหน้ากันตกใจ
“อีหยังกันนิ คนเจ็บอยู่ไส ไผเป็นหยัง”
“ข้าน้อยกับอ้ายโซ่ทองเห็นคนจรนอนป่วยอยู่วัด ก็เลยพามารักษา แต่กินยาไปหลายขนานแล้ว ก็ยังบ่อดีขึ้น ตอนนี้เพิ่นกำลังจับสั่น”
ได้ยินชื่อโซ่ทอง สอางกำลังจะกินข้าวถึงกับวางช้อนโครม กินไม่ลง
“บักห่าโซ่ทอง สาระแนไปพาคนมาตายใส่เฮือนกู บักโตอัปรีย์จัญไร”
พ่อแพทย์มองสอางอย่างไม่ชอบใจนัก แต่นึกห่วงคนป่วยมากกว่า เลยพาลกินอะไรไม่ลง ลุกขึ้น
“ให้บักโซ่ทอง ไปอัญเซิญหมอแถนผีฟ้ามา พ่อสิลงไปเบิ่งเดี๋ยวนี้”
พ่อแพทย์พุทไธตามสะออนลงเรือนไป ยาแม่กับสะอาดละล้าละลัง อยากจะตามไปดูเพราะห่วงคน
“ไผสิลงไปก็แล้วแต่ แต่ข้อยสิกินข้าว ดี ข้อยสิกินให้เกลี้ยงพาคนเดียวเลย มัวแต่ไปยุ่งยากเรื่องซีวิตคนอื่นกันดีหลาย”
สอางตักข้าวกินไม่สนใจใคร ยาแม่มองสอางอย่างเอือมระอา ก่อนจะตัดสินใจลงเรือนไปพร้อมสะอาด
สอางมองตามทุกคนที่พากันลงไปดูคนป่วย แล้วเบ้ปากไม่สนใจ กินข้าวต่ออย่างเอร็ดอร่อย

ขณะที่นางงอ เดินงกๆ เงิ่นๆ เตรียมห้องหับที่หลับที่นอนให้สอางอยู่นั้น สอางเดินมากระแทกตัวนั่งลงบนเตียงอย่างฉุนเฉียว
“คืนนี้ กูคงสิบ่อได้หลับได้นอนดีอีกตามเคย”
“เจ้าเป็นหยัง สอาง”
“กะคืนนี้กูต้องทนรำคาญฟังหมอแถนลำอัญเซิญผีฟ้าเทวดาให้ลงมารักษาคนไข้อีกแล้ว กูล่ะเบื่อ สิเป็นประสาทตาย”
“แม่นควมเจ้า ข้อยก็รำคาญ บ่อฮู้สิมาฮ้องมาลำอีหยัง เว้าหาแต่เรื่องเวรเรื่องกรรม เวียนว่ายตายเกิด เสียงแคนเสียงปี่ก็วังเวงปานผีฮ้องไห้ ข้อยขนหัวลุก”
“เป็นหยังพวกคนเจ็บคนไข้ มันบ่อตายโหงตายห่ากันไปให้เหมิด สิได้บ่อต้องมายุ่งมายากกับพ่อกู”
สอางพูดอย่างหงุดหงิด ขณะที่เสียงเพลงอัญเชิญผีฟ้าดังแว่วเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น

พิธีรำถวายผีฟ้าจัดขึ้นบนเรือนรักษาคนไข้อีกหลัง ที่พ่อแพทย์พุทไธสร้างไว้รักษาคนไข้โดยเฉพาะ มีการจัดแท่นพิธีและเตรียมข้าวของทุกอย่างไว้ครบ ทุกคนในเรือนพุทไธเทพมาร่วมพิธีกันหมด ยกเว้นสอางที่ขังตัวอยู่ในห้อง
สะออนและบ่าวไพร่เก็บดอกไม้มาให้พ่อแพทย์ขึ้นขันบูชาครู และนั่งดูการรำผีฟ้า คอยช่วยเหลือยาพ่อ โซ่ทองนำตัวคนเจ็บไข้มา อาการหนาวๆ ร้อนๆ ทุรนทุราย ร้องไห้คร่ำครวญ ส่งเสียงโหยหวนไปทั่วเขตเฮือน
สะออนเฝ้าดูพ่อแพทย์ต้มยาสมุนไพรให้คนเจ็บ แล้วช่วยประคองเอาไปให้คนเจ็บดื่ม ทุกคนช่วยกันปลอบประโลมคนไข้ เมื่อดื่มยาหมดถ้วย
เสียงหมอแถนผีฟ้าซึ่งเป็นแม่เฒ่าวัยชรา ร้องลำรักษาเป็นกลอนลำอีสานพรรณนาถึงพระพุทธเจ้า เทพยดา แถนฟ้าบนสวรรค์ ให้ช่วยรักษาคนไข้ให้หายพ้นจากโรคภัย และยังพรรณนาถึงสัจธรรมความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร การเกิดแก่เจ็บตาย และการเวียนว่ายตายเกิดในห้วงวัฎสงสาร คลอเสียงแคนและปี่ภูไท
สะออนเฝ้าดูอาการคนเจ็บที่เหงื่อไหลไคลย้อย แต่อาการทุรนทุรายลดลงด้วยความโล่งใจ และเริ่มซึมซับสิ่งที่พ่อแพทย์ทำเข้าไปในหัวใจ ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้สะออนมุ่งมาทางแพทย์แผนโบราณอย่างเอาจริงเอาจัง
เมื่อยาแม่เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ

เสียงร้องลำอันโหยหวนของแม่เฒ่าหมอแถนขับกล่อม ประสมไปกับเสียงแคนและปี่ภูไท ทำให้สอางกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ขณะที่นางงอและบริวารคนอื่นๆ ก็พยายามจะช่วยผ่อนคลายด้วยการบีบนวดมือเท้า พัดวี แต่ในที่สุดสอางก็ทนไม่ไหวผุดลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย กูบ่ออยากฟัง ไผก็ได้ ไปบอกหมอแถนผีฟ้าให้เซาลำ กูทรมาน กูใจสิขาด”
“ใจเย็นๆ สอาง อีกบ่อโดนหมอแถนก็สิลาเครื่องสังเวยแล้ว”
นางงอประคองให้สอางนอนลง แล้วเร่งให้คนอื่นๆ ช่วยกันบีบนวดเฟ้น ให้สอางคลายเครียด
สอางยังกระสับกระส่ายอยู่ในเบื้องแรก แต่ค่อยๆ สงบลงเรื่อยๆๆ ใบหน้าอันงดงามหลับสนิทไปในที่สุด สงบนิ่งราวกับดำดิ่งสู่อดีตชาติ

เสียงเพลงผีฟ้ายังคงดังแว่ว พาสอางดำดิ่งสู่อดีตชาติ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เรือนอัญญาหูกคำ เวียงคำนาค ยามนั้นเป็นฉากๆ
นับจาก ภายในอาณาบริเวณโรงเลี้ยงหม่อนไหมในราชสำนักของ เวียงคำนาค
อัญญานางหูกคำเมื่อในอดีต เป็นหญิงสาวผิวคล้ำ ผมยาว กำลังเก็บใบหม่อนใส่กระบุงด้วยความตั้งใจ ก่อนจะนำใบหม่อนโรยใส่กระจาดหนอนไหมในโรงเลี้ยง เมื่อไหมเต็มฝักก็นำไปต้ม สาวเส้นไหมสีเหลืองเก็บไม้ฝาง ครั่ง และ ลูกมะเกลือป่า ถูกนำมาต้มเพื่อย้อมเส้นไหมเป็นสีๆ
หูกคำบรรจงทอผ้าไหมในหูกไม้ลายพญานาคอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ จนเป็นผืนผ้ายาวสวยทั้งผืน หูกคำลูบไล้ผ้าซิ่นผืนนี้ด้วยความรักและภูมิใจ ก่อนจะมีเสียงประตูตำหนักเปิดออกอย่างแรง
หูกคำมองไป เห็นทหาร 4 นายยืนตระหง่านอยู่เหนือประตู พร้อมอาวุธ หน้าตาดุดันเอาเรื่อง หูกคำกรีดร้องด้วยความตกใจถึงขีดสุด
ไม่นานต่อมาร่างของหูกคำถูกจองจำพันธกานต์พร้อมกับลากไปกับพื้นเข้าไปสู่หลักประหาร และภาพสุดท้ายในฝันของสอาง เห็นมีดดาบคมกริบในมือเพชฌฆาตเงื้อขึ้นสุดแขน พร้อมกับเสียงดังฉับ มีเสียงของหูกคำดังก้อง
“ผ้าซิ่นลายหงส์ผืนนี่ ย้อมด้วยเลือดในกายกู มันเป็นของกูแต่ผู้เดียว”

สอางร้องกรี๊ดขึ้นมา แล้วผุดลุกขึ้น เหงื่อกาฬแตกเต็มหน้า
“ซ่อยแน้ ! ซ่อยกูแน้”
นางงอที่กางมุ้งนอนอยู่ข้างเตียงในห้อง รีบเลิกมุ้งคลานออกมาดูสอาง หน้าตาตื่น
“สอาง เจ้าเป็นหยัง”
สอางร้องไห้โฮๆ อย่างคนขวัญเสีย นางงอประคองปลอบ ลูบหลัง
ไม่นาน ยาแม่ พ่อแพทย์ และคนอื่นๆ ก็กรูตามเข้ามาด้วยความตกใจ
“ไผเป็นหยัง แม่งอ สอาง เจ้าเป็นหยัง”
นางงอส่ายหน้า แต่ยังลูบหลังลูบไหล่ ปลอบประโลม
“ข้าน้อยฝันร้าย ฝันเห็นผี ยาพ่อ…”
สอางร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน โผเข้าไปกอดพ่อแพทย์อย่างขวัญเสีย
“บ่อมีหยังแล้วล่ะลูก เจ้าแค่ฝันร้าย บ่อมีผีสางอยู่ไสทั้งนั่น” พุทไธกอดปลอบ
“ผีอีหลียาพ่อ ข้าน้อยเห็นผีแม่ญิงในฝันกำลังต่ำผ้าซิ่น แล้วก็มีคนมาจับโตมันไปฟันคอ เลือดแดงสาดเต็มไปเหมิดเลย ข้าน้อยย่าน “
สะออนแทรกขึ้นขัดคอ “คนเต็มเฮือน ผีสางอยู่ไสมันสิกล้าขึ้นเฮือนเฮา ยาเอื้อย”
สอางไม่สนใจฟังสะออนขัดคอ เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายต่อ ยาแม่ถอนใจ
“ฝันไปทั่วทีปทั่วแดน เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี่ ก็คงสิบ่อพ้นฟังมาจากอีงอนั่นล่ะ” คำอ่อนหันไปทางนางงอเชิงตำหนิ “เซาเว้าเรื่องบ้าๆ ให้ลูกกูฟังได้แล้ว”
“อีงอบ่อได้เว้าให้ข้าน้อยฟัง ข้าน้อยฝันเห็นเอง ถ้ายาแม่บ่อเซื่อ ก็อย่ามาซ้ำตื่มข้าน้อย” สอางฮึดฮัด
“สอาง มันก็เป็นย่อนเจ้าบ่มีสติสตังอย่างนี่นั่นเด๋ จังได้ฝันอีหยังไปทั่วทีปทั่วแดน คนตกใจตื่นเหมิดเฮือนย่อนเจ้าแหกปากเรื่องฝันฮ้าย บ่อแม่นติ”
สอางแผดเสียงร้องโวยวายกอดพ่อแพทย์แน่น เพื่อจะประชดยาแม่หนักขึ้น คนอื่นๆ พากันอุดหูกันหมด
ยาแม่เห็นแล้วอยากจะเข้าไปหยิกตี แต่พ่อแพทย์ส่ายหน้าปราม แล้วกอดปลอบสอางแน่น
“พอแล้วลูก สอาง มันก็แค่ฝันร้าย สงบจิตสงบใจ เฮ็ดใจให้สบาย แล้วนอนต่อเด้อ อีกบ่อโดนก็สิเซ้าแล้ว” พุทไธหันมาทางนางงอเชิงขอร้อง “เจ้าอย่าเพิ่งนอนนะแม่งอ อยู่เป็นหมู่สอางก่อน”
นางงอยิ้มรับดีใจที่พุทไธไหว้วานให้ค่าตัวเอง

คำอ่อนกลับเข้าห้องนอนพร้อมพุทไธด้วยความฉุนเฉียว
“สอางนิ นับมื่อมีแต่สิหนักหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนข้อยบ่อแน่ใจแล้วล่ะ ว่ามันเป็นลูกข้อย หรือว่าลูกอีงอกันแน่”
“เจ้าอย่าไปคึดหยังหลาย แม่คำอ่อน ลูกมันก็น้อยอกน้อยใจไปตามประสาเด็กน้อย เจ้าเองก็มักฮ้ายมักด่าลูก”
“เอ้า ก็ย่อนมันมีนิสัยผิดพี่ผิดน้อง ข้อยถึงต้องฮ้ายต้องด่า พ่อแพทย์ก็บ่อน่าใจดี ยอมให้คนคดในข้องอในกระดูกอย่างอีงอมันมาเลี้ยงลูกเฮา จนลูกมันใหญ่มา ผ่าเหล่าผ่ากอ จั๋งซี่”
พ่อแพทย์ลอบถอนใจ เบือนหน้าหนี ไม่อยากรื้อฟื้นอดีตเพราะเป็นเรื่องน้ำท่วมปาก
ยาแม่ทรุดลงนั่งข้างๆ จับแขนพ่อแพทย์ พยายามจะเกลี้ยกล่อม เหมือนที่เคยทำมาหลายปี
“มื่อนี่ ก็ยังบ่สายเกินไป ที่พ่อแพทย์สิไล่อีงอหนีไปอยู่หม่องอื่น ก่อนที่มันสิเฮ็ดให้ สอางเสียผู้เสียคน”
พ่อแพทย์เอ็ดเสียงเบา “เจ้าก็ฮู้ ว่ามันเป็นไปบ่อได้”
พุทไธหันมาสบตาคำอ่อนสีหน้าเครียด ท่าทีขุ่นเคือง รู้อยู่แก่ใจกันทั้งคู่ว่า เรือนพุทไธเทพ นี้เป็นของนางงอ

ที่โถงหน้าประตูห้องนอนยามนี้ นางงอหยุดยืนแอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้น ด้วยสีหน้าเคียดแค้น แต่เยือกเย็นในที
“บ่อมีวันที่ผัวมึงสิไล่กูหนีได้ดอก อีคำอ่อน แต่มึง...มึงสิอยู่ได้อีกจักมื่อกัน ถ้ามึงต้องทุกข์ทรมานใจย่อนสอาง กูสิรอเบิ่งมึงอกแตกตาย ย่อนลูกในไส้ของมึงเอง”
นางงอแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยวี่แววอาฆาตและสะใจในความมืด

วันต่อมา สะอาดกับกำจรเดินคุยกันกระหนุงกระหนิง เที่ยวชม กรรมวิธีต่างๆ ขั้นตอนการทอผ้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่เก็บใบหม่อนไปให้หนอนไหมกิน โดยมีสะออน เพ็ง เภา และคนงานอื่นๆ ทำงานอยู่ในโรงทอผ้าไหม
กำจรชวนมิสเตอร์โรเจอร์ เพื่อนของตนมาด้วย สองหนุ่มช่วยโรยใบหม่อนเลี้ยงไหม การสาวไหม ย้อมไหม จนมาถึงการทอผ้า
สะอาดนั่งอยู่ที่กี่ มีกำจรนั่งประกบข้างๆ ขอให้สะอาดช่วยสอน อย่างใกล้ชิด สารวัตรรูปงามฉวยโอกาสหยอกเย้าตอนคนอื่นเผลอ แอบจับมือสะอาดระหว่างหัดสอดกระสวย ส่งสายตาเจ้าชู้มาให้ สะอาดยิ่งเขินอาย แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก้มหน้าก้มตาสอนทอผ้า
ภาพทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของยาแม่คำอ่อน ที่แอบมองอยู่เงียบๆ คำอ่อนเยื้อนยิ้มพอใจ เมื่อเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้น สีหน้ายาแม่แห่งเรือนพุทไธเทพเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว

ที่โรงครัว นางงอกำลังเตรียมอาหารให้สอางอยู่ โดยมีเพ็งกับเภาเป็นลูกมือ ทั้งสองกำลังนินทาสะอาดอย่างสะใจ
“ไส มึงว่ามาซิอีเสา มึงเห็นอีหยังในโฮงต่ำผ้า”
“เห็นท่านผู้กองกำจรกับแม่สะอาดจ้ะ แม่งอ เทิงจับมือถือแขน เทิงกอดเทิงหอมกัน มึงก็เห็นนำกันกับกู แม่นบ๊อ อีสีแหล่” เสาพยักพเยิดรายงานอย่างใส่อารมณ์
“แม่น” สีแหล่ใส่ไฟต่อ “บ่อได้อายฟ้าอายดินเล้ย... แม่งอ ถ้ากลืนกินกันได้ ก็คงสิกลืนกันเข้าไปแล้ว ยาแม่เพิ่นก็เห็นกับตา แต่ก็เฮ็ดเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไฮ่ บ่อห้ามบ่อปราม”
“โอ๊ย อีสีแหล่ ยาแม่ก็คงสิอยากให้สะอาดได้ผัวนั่นล่ะ ดีกว่าอยู่โสดจนเฒ่าตายคาเฮือน”
เสากับสีแหล่หัวเราะให้กันเป็นที่มันปาก สะออนกลับจากไปเก็บมะตูมกับเพ็งเภา เดินเข้ามาในครัวทันได้ยิน เพ็งเลยแกล้งตระกร้ากระจาดแถวนั้นดังโครมคราม จนทั้งสามสะดุ้งหันมา
สะออนแกล้งถาม “เว้าหยังกันอยู่ เอื้อยเสา เอื้อยสีแหล่ คือพากันหัวขวนม่วนซื่นกัน จั่งซั่น”
เสากับสีแหล่ทำหน้าไม่ถูก กลัวโดนด่า แต่นางงอกับหัวเราะเยาะขึ้นมา
“บ่อมีหยังดอก สะออน ซุมนี่มันก็คาบข่าวไทบ้านเฮามาเว้าพื้นนินทาสู่กันฟัง ว่ามีผู้สาวหน้าด้านอยากได้ผัว จนยอมให้เขากอดเขาจูบ บ่อคึดอายผีปู่ผีย่าในเฮือน”
เสากับสีแหล่ยิ่งหน้าซีด กลัวสะออนจับได้ว่าหมายถึงสะอาด
“สะออนฟังแล้วก็อย่าไปเอาอย่างเด้อลูกหล่า เป็นสาวเป็นแส้ ต้องฮักนวลสงวนโต มันจึงสิมีค่าพอที่พ่อซายสิมาตบมาแต่งไปเป็นเมีย” น้ำเสียงนางงอเยาะเย้ยในที
สะออนรู้ว่านางงอหมายถึงสะอาด ไม่พอใจแต่ต้องข่มไว้
“เอื้อยเสากับเอื้อยสีแหล่เห็นมากับตา หรือเอามาเสริมเติมแต่ง เว้ากันม่วนปาก แม่งออย่าไปฟังเด้อ จั๋งได๋ก็เป็นเรื่องของคนอื่น บ่อแม่นเรื่องของแม่งอ”
นางงอหน้าตึง รู้ว่าถูกสะออนเหน็บแนมด่าว่าเสือก เมินหน้าหนีกลับไปทำงานต่อ สะออนหันไปเฉ่งเสากับสีแหล่
“เอื้อยสองคนก็คือกัน มีเวียกงานต้องเฮ็ดอีกตั้งหลวงหลาย มัวแต่เว้าพื้นนินทาคนอื่น ยามได๋งานสิแล้ว เดี๋ยวยาแม่มาเห็น สิถืกด่าเหมิดซุมเด้อ”
เสากับสีแหล่ก้มหน้างุด เพ็งกับเภายิ้มสะใจ
“นี่ๆ สู ถ้าพวกสูปากว่างคักหลาย ก็เอาบักตูมนี่ไปหย่ำไปเคี้ยวเล่นคนละลูก ดีบ๊อ หมู่กูสิยัดใส่ปากให้”
พร้อมกับว่าเพ็งกับเภาล้วงมะตูม เดินเข้าหา เสากับสีแหล่ตั้งท่าสู้
“ฮ่วย มึงเข้ามาแหมะ”
“เฮ็ดงานไปอีเสา อีสีแหล่ ขี้ข้าอย่างหมู่สู อย่าไปหาอวดดีกับพวกเจ้าพวกนาย เดี๋ยวสิพากันบ่อมีเฮือนซุกหัวนอน”
นางงอประชดปรายตามองสะออน แล้วหันกลับไปทำงานต่อ ทั้งหมดเลยแยกกันไปคนละมุม

สอางนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ในห้อง มีนางงอคุกเข่าเพ็ดทูลเรื่องสะอาดกับกำจรใกล้ชิดสนิทสนมกันในโรงทอ
“กูว่าแล้ว ว่ายาแม่ต้องหาทางยัดอีสะอาดให้เป็นเมียท่านผู้กอง”
“สะอาดก็อายุบ่อน้อยแล้ว บ่อเอาผัวตอนนี่ ก็สิเฒ่าตายคาเฮือน ถึงเวลาที่แม่ของเจ้าต้องหาผัวให้ลูก ยิ่งได้ข้าราชซะการบุญใหญ่ยศสูง เรื่องอีหยังสิปล่อยให้หลุดมือ” นางงอบอก
สอางเบ้ปาก แสยะยิ้ม
“มึงคึดว่าคู่นี้เขาสมกันแล้วบ่อ อีงอ คนอย่างอีสะอาดสิวาสนาสูง ได้สมสู่กับข้าราชซะการฮูปงามอยู่ติ ควงไปออกงานทางได๋ก็ขายขี้หน้าเขา”
นางงออมยิ้ม รีบคว้ากระจกมาให้สอางส่องพูดประจบ
“สอาง เจ้าฟังข้อย เทวบุตรเทวดา ต้องได้สู่สมกับนางฟ้านางพญา ศีลจึงสิเสมอกัน ท้าวพญาหงส์ฮูปงามอย่างท่านผู้กอง ต้องได้นางพญาหงส์อย่างเจ้าไปเสริมบารมี”
สอางมองกระจกด้วยความภูมิใจ ครุ่นคิดไปว่าตัวเองเป็นพญาหงส์แสนสวยตามที่นางงอป้อยอ
“กูสิเฮ็ดจั่งได๋กับท้าวพญาหงส์ตาบอดที่ไปหลงใหลอีกาดำในโฮงต่ำผ้านั่น”
“เจ้าก็ล้างตาท้าวพญาหงส์ ให้เขาเห็นควมงามของนางพญาหงส์เสียสิ”
นางงอสบตากับสอาง เชิงให้คำมั่นว่าจะต้องหาทางให้กำจรได้พบสอางให้จงใด
ทันใดนั้นเอง เสากับสีแหล่ก็รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วคลานเข่าเข้ามาฟ้อง
“ข้อยเห็นสะอาดเข้าไปในหอสมบัติกับยาแม่คำอ่อน บ่ฮู้ว่าสิยกอีหยังให้กัน” เสาเคืองจัด “เป็นตาเหลือใจ แล้วนี่ สอางสิได้อีหยังกับเขาบ่อ”
สอางหน้าตึงตาขวาง นึกหวงของขึ้นมาทันที

ที่หอเก็บสมบัติของตระกูลคืนนี้ สะอาดทรุดนั่งอยู่ตรงหน้ายาแม่ เห็นหีบกำปั่นโบราณวางอยู่ ยาแม่เปิดหีบแต่ยังไม่หยิบของออกมา
ยาแม่พูดเชิงถามเสียงเรียบ “ตอนกลางเว็น มื่อนี่ แม่เห็นเจ้ากับท่านผู้กองกำจร”
สะอาดตกใจ หน้าซีดรีบพนมมือไหว้
“ถ้ายาแม่สิเอิ้นข้าน้อยมาติเตียน ข้าน้อยก็ขอน้อมฮับควมผิด ที่ใจง่ายปล่อยให้ท่านผู้กองจับเนื้อต้องโต ยาแม่สิลงโทษข้าน้อยจั่งได๋ก็ได้”
“แม่บ่อลงโทษเจ้าดอก สะอาด ถ้าสิว่ากันเรื่องผิดเรื่องถืก ฝ่ายท่านผู้กองนั่นดอก ที่เป็นฝ่ายเจ้าซู้ฉวยโอกาสกับเจ้าก่อน”
สะอาดหน้าแดง วางตัวไม่ถูก เมื่อยาแม่พูดตรงๆ
“แม่เบิ่งออก ท่านผู้กองมีใจเสน่หาลูกอยู่บ่อน้อย เจ้าเองก็คือกัน แม่นบ่อ ผู้กองกำจรเซิญพ่อกับแม่ไปกินข้าวกับเจ้านายเพิ่น หากทางเขาทาบทามตัวเจ้ามาเจ้าซิว่าจั๋งได๋”
สะอาดยิ่งฟังยาแม่พูด ก็ยิ่งเขินหน้าแดงจัด เพราะพอใจกำจรเช่นกัน แต่สงวนท่าที
ระหว่างนี้สอางตรงมาที่หอสมบัติเห็นประตูแง้มอยู่ เลยหยุดแอบฟังอยู่ด้านนอก

สะอาดยังคงก้มหน้าก้มตา เขินอาย ไม่กล้าออกปากรับคำกับยาแม่
“ลูกโตเป็นสาวแล้ว ถึงเวลาที่ต้องแต่งดองออกเฮือน พ่อซายบุญใหญ่ยศสูงอย่างท่านผู้กองกำจร บ่อได้หาได้ง่ายๆ ถ้าลูกแม่มีวาสนาสูง ได้ผัวเป็นเจ้าคนนายคน กินยศกินตำแหน่งใหญ่โต เป็นหน้าตาเป็นตาให้เฮือนเฮา พ่อแม่ก็สิได้ตายตาหลับ”
สอางแอบฟังอยู่ ฉุนกึก สีหน้าตะลึงงัน เมื่อได้ยินยาแม่พูดถึงเรื่องจะให้สะอาดแต่งงานกับกำจร
“แต่พ่อกับแม่บ่ออยากบังคับจิตใจเจ้า แม่จึงได้เอิ้นเจ้ามาถาม”
สะอาดก้มหน้างุด ครุ่นคิดตามแล้วค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นตอบยาแม่ น้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“ถ้ายาพ่อกับยาแม่เห็นดีเห็นงาม ข้าน้อยก็บ่อกล้าขัดขีน”
สอางเบ้ปากด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้ แล้วแอบดูต่อ
ยาแม่ยิ้มพอใจ เปิดกำปั่นขึ้นหยิบผ้าซิ่นลายหงส์ออกมา คลี่ให้สะอาดดู
ลวดลายหงส์สวยงามบนผืนผ้าสีแดงก่ำของผ้าซิ่นปรากฏต่อสายตาของสะอาดและสอางพร้อมๆ กัน
สอางรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงตรงหน้า เพราะลายหงส์บนผ้าซิ่นนั้นเหมือนกับภาพหูกคำทอผ้าซิ่นผืนนี้ ในฝันของตนไม่มีผิดเพี้ยน สอางยิ่งช็อก
สะอาดเองก็รู้สึกตะลึงพรึงเพริด ไม่คิดว่าที่บ้านจะมีของล้ำค่าขนาดนี้
“ยาแม่ นี่... ผ้าซิ่นของไผ คืองามอัศจรรย์ปานนี่”
“ของเจ้านั่นล่ะ”
สะอาดตะลึงงันมองหน้ายาแม่ เห็นอีกฝ่ายยิ้มพรายมาให้
“ผ้าซิ่นหงส์สวรรค์สุวรรณภูษา เป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษเฮา ที่สืบต่อกันมาจากราชสำนักเวียงคำนาคประเทศราช ยาแม่บัวภา ย่าของเจ้า เพิ่นยกให้แม่ตอนออกเฮือนกับยาพ่อของเจ้า แม่ตั้งใจสิตกทอดให้เจ้าใส่แต่งดองออกเฮือน” ยาแม่บอก
สะอาดรับผ้าซิ่นมาดูใกล้ๆ แล้วลูบไล้บนผืนผ้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ขณะที่สอางก็เพ่งมองผ้าผืนนั้นเหมือนตกสู่ภวังค์
ทุกอณูของผืนผ้าเหมือนมีพลังแรงกล้าเรียกให้สอางเข้าไปหา จนสอางลืมตัวเกือบจะขยับเข้าไป แต่นางงอจับแขนไว้แน่น แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงปรามว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ
ฉับพลันนั้นเอง สอางเหมือนได้สติ ชะงักนิ่งงันไป ได้แต่มองผ้าอยู่ห่างๆ ด้วยแววตาหลงใหลอาลัยอาวรณ์

สอางนั่งหายใจเหนื่อยหอบอยู่บนเตียง ใจยังเต้นโครมคราม ขณะที่หัวสมองก็มีแต่ภาพของผ้าซิ่นลายหงส์นางงอ เสา สีแหล่ รีบตามเข้ามา มองดูอาการสอางที่นั่งหอบตัวโยนอย่างแปลกใจ
“แม่สอาง เจ้าเป็นหยัง หรือว่าเจ้าบ่อสำบาย”
สีแหล่จะเข้ามาจับเนื้อตัว สอางเบี่ยงตัวหนี แล้วพูดอย่างตื่นเต้นไม่หาย
“หมู่สูเห็นบ่อ เห็นผ้าซิ่นผืนนั่นบ่อ”
“เห็นจ้ะ งามคักงามแหน่ งามอัศจรรย์อีหลี ข้าน้อยบ่อเคยฮู้มาก่อนเลย ว่ายาแม่เพิ่นสิมีซิ่นงามปานนี่เก็บไว้เป็นสมบัติ” เสาบอก
“แต่กูฮู้”
นางงอหันไปหาสอาง สายตาเจ็บแค้นดุดันขึ้นมาทันที เพราะนึกถึงอดีตที่ยาแม่นุ่งซิ่นผืนนี้ในงานแต่ง
“ผ้าซิ่นหงส์สวรรค์สุวรรณภูษา มรดกที่ยาแม่บัวภา ย่าของเจ้า เพิ่นได้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ข้อยบ่อมีวันลืม” นางงอพึมพำอย่างเจ็บใจ “ผ้าผืนนี่มาตกถึงมือแม่ของเจ้า ใส่แต่งดองออกเฮือนกับพ่อแพทย์ และตอนนี่ มันกำลังสิตกถึงมือสะอาด ลูกสาวคนแรกที่สิได้แต่งดองออกเฮือน”
สอางรู้สึกหวงแหนซิ่นลายหงส์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพราะความผูกพันเก่าก่อน ลุกพรวดแผดเสียงลั่น
“สูคึดตี้ ว่ากูสิยอม”
ทั้งสามตกใจกับอาการของสอาง ที่เหมือนผีสิง ตาขวาง ถมึงทึง
“สิ่งใด๋ก็ตามที่ยาแม่สิยกใส่มืออีสะอาด กูสิวิวาทยาดแย่งยึดมาเป็นของกูให้แปนเกลี้ยง และตอนนี่ กูกำลังหมายตาผ้าซิ่นไหมผืนนั่น”
สอางตาวาววับมาดมั่น พร้อมจะก่อสงคราม นางงอได้ยินก็ยิ้มย่องสะใจ

คืนเดียวกัน กำจรกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยล้า กำลังจะไปอาบน้ำนอน แต่สายตาผ่านโต๊ะทำงานแล้วเห็นรูปหนึ่งตั้งอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปเรียกคำสี ที่เดินอยู่ไวๆ จากอีกห้องนึง
“แม่คำสี”
“เจ้าค่า ท่านผู้กอง”
คำสีรีบกระวีกระวาดออกมา กำจรส่งกรอบรูปให้
“แม่คำสีช่วยเอารูปนี้ไปเก็บไว้ในตู้ใต้บันไดให้ฉันที”
คำสีรับกรอบรูปมามอง แล้วทำหน้าแปลกใจ
“อ้าว เป็นหยังล่ะท่าน ฮูปงามปานนี่ คือสิให้เอาไปเมี้ยนใส่ตู้”
“ฉันไม่อยากให้รูปมันเกะกะรกบ้าน เผื่อแขกไปใครมา”
กำจรพูดสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องไป คำสีมองตาม แล้วมองดูรูปในกรอบอีกที ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเก็บ

สะอาดจัดข้าวของอยู่ในห้อง ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อสอางเปิดประตูผ่างเข้ามา
“อ้าว สอาง น้องหล่า เจ้ามีธุระหยังกับเอื้อยบ่อ”
สอางมองจ้องหน้าพี่สาว “ข้าน้อยได้ข่าวว่ายาเอื้อยมีผ้าซิ่นใหม่ เลยอยากสิขอเบิ่งเป็นบุญตาจักหน่อย”
“สงสัยสิเป็นผ้าซิ่นไหมมัดหมี่ที่เพิ่งต่ำแล้วมื่อวาน อยู่ที่โฮงต่ำผ้าพู่นน่ะ เดี๋ยวเอื้อยสิพาเจ้าไปเบิ่ง”
สะอาดพาซื่อลุกจะนำออกจากห้อง แต่สอางยืนกางมือขวางไว้
“บ่อแม่นผ้าไหมมัดหมี่”
สะอาดมองน้องสาวอย่างงงๆ ขณะที่สอางจ้องหาเรื่อง แล้วมองเลยไปด้านหลังเห็นกำปั่นยาแม่วางอยู่ชิดกับตู้เสื้อผ้า ก็ถือวิสาสะเดินผ่านพี่สาวตรงไปหยิบกำปั่นมาเปิดทันที
“นี่เด้ ที่ข้าน้อยว่า มันคือผ้าซิ่นลายหงส์ผืนนี่”
สะอาดมีสีหน้าตกใจ เพราะถือว่าเป็นของตัวเอง เกิดความหวงแหนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“ซิ่นผืนนี่ ยาแม่ยกให้เอื้อย” สะอาดพูดอายๆ “ให้เอื้อยนุ่งแต่งดองออกเฮือน”
“แต่งดองกับไผ มีคนมาขอยาเอื้อยแล้วซั่นบ้อ”
สะอาดไม่กล้าตอบ เพราะรู้ว่ายังไม่เป็นทางการ สอางเห็นก็ยิ้มเยาะ
“ถ้ายังบ่มีไผมาขอ ก็ยังบ่อจำเป็นต้องใส่ ถ้าเซ่นนั่น เอามาให้ข้าน้อยยืมก่อน “
สะอาดรีบตอบ “บ่อได้ดอก นี่มันของเก่าของแก่ ตกทอดมาจากปู่ย่าตาทวด เอาไว้ใส่ในงานสำคัญ บ่อแม่นให้เอามานุ่งห่มเล่น”
“ข้อยกะบ่อได้เอามานุ่งห่มเล่น แต่สิเอามาเบิ่ง ว่ามันงามปานได๋”
สอางจับผ้าเต็มมือ ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งหลงใหลในความงามของผ้าอย่างไม่มีเหตุผล
“ไผน้อ ช่างต่ำผ้าได้งามบ่อมีที่ติปานนี่ เหมือนในความฝันเลย ผ้าซิ่นลายหงส์ลายเดียวกันนี่หล่ะ เพราะฉะนั้นมันต้องเป็นของข้อย”
สะอาดทนฟังไม่ได้ ดึงผ้ากลับมา
“เหลวไล ยาแม่เพิ่นให้เอื้อยเก็บรักษาไว้”
สอางกระตุกกลับมา “ข้าน้อยก็เก็บรักษาได้ ไสยาเอื้อยเคยบอกว่า เป็นพี่เป็นน้อง ต้องแบ่งปันกัน ข้าน้อยขอยืมส่ำนี่ ก็ให้ได้ซั่นบ้อ”
“แต่เจ้าบ่มีสิทธิ์”
สะอาดกระตุกกลับไปอีกและดึงรั้งไว้ แต่สอางไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังออกแรงดึงมากกว่าเดิมพร้อมกับขู่
“หรือว่า ยาเอื้อยอยากสิเห็นผ้ามันขาดคามือ”
สะอาดชะงัก กลัวผ้าจะเสียหายขึ้นมา แต่ก็แข็งใจสู้พยายามดึงกลับ
“คืนมาให้เอื้อย”
“บ่อคืน”
สอางพูดเสียงกร้าว แล้วง้างเล็บจิกลงไปบนมือสะอาดที่จับผ้าอยู่ใกล้ๆ กัน
“โอ๊ย”
“ปล่อย! หรือสิให้ข้าน้อยจิกจนมือขาด”
“มันเป็นของเอื้อย โอ๊ย”
สะอาดร้องดังขึ้นเพราะสอางถลึงตาจิบเล็กใส่แรงมากขึ้น สะออนวิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“ยาเอื้อย เฮ็ดหยังกันอยู่”
“สะออน ซ่อยเอื้อยแหน่ สอางสิยาดซิ่นของเอื้อย”
“ยาเอื้อยสอาง”
อำนาจจิตของสอางเกิดหวงแหนผ้า จนลืมตัว หน้ามืดตามัว ท่าทางเหมือนผีสิง จิกเล็บใส่มือสะอาดแรง
“เอาซิ่นมา เอามาให้กู”
“ยาเอื้อย ปล่อย”
สะออนเห็นผ้าถูกดึงก็เสียดาย พยายามเจ้าไปแย่ง แกะมือสอางออก
“เอาซิ่นของกูมา”
สอางทั้งจิกทั้งดึงไม่ยอมปล่อยผ้า สะออนแงะมือเท่าไรก็ไม่ออก เลยตัดสินใจอ้าปากกัดมือสอาง
“โอ๊ย อีสะออน มึงกัดกูซั่นบ้อ อีหมาว่อ”
สอางเหมือนถูกดึงขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของอัญญานางหูกคำ หันมาแว้ดใส่สะออน แล้วจิกหัว เงื้อมือตบ
“อย่านะสอาง โอ๊ย”
สะอาดเข้ามาขวาง เลยโดนสอางตบเซไป
“ยาเอื้อย” สะออนตกใจสุดขีด ร้องลั่น

สอางเองก็ตกตะลึงไปเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าตนจะทำได้ถึงขนาดนี้
 
อ่านต่อตอนต่อไป
 
ความหมายภาษาอีสานนคร

เหมิดเกลี้ยง = หมดเกลี้ยง
เป็นตาเหลือใจ = น่าเจ็บใจนัก
คิงฮ้อน = ตัวร้อน
แต้มแก่ = ลามปาม ปีนเกลียว
เพพินาศ = พังพินาศ
ฮับต้อน = ต้อนรับ
หน้าสอนหลอน = หน้าสลอน
ซ้ำตื่ม = ซ้ำเติม
ฮ้าย = ดุด่า
หัวขวน = หัวเราะ
ม่วนซื่น = สนุกสนานรื่นเริง


กำลังโหลดความคิดเห็น