เปิดใจ ทีม “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก”
“คุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่ออยู่ในบ้านคุณต้องเป็นคนหนึ่ง ออกไปทำงานนอกบ้าน คุณก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่ง” ภาพยนตร์เรื่อง“ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” ผลงานกำกับของ “พฤกษ์ เอมะรุจิ” ที่ได้นักแสดงอย่าง “พีช” พชร จิราธิวัฒน์ , “ฝน” ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล และ เจนนิเฟอร์ คิ้ม
วันนี้ เรามาเปิดใจ ทั้งผู้กำกับฯ และเหล่านักแสดง เรื่องนี้ดู
พฤกษ์ เอมะรุจิ ในฐานะผู้กำกับการแสดง เปิดใจว่า
“ผมชอบเรื่องราวที่สนุกสนาน ตลก อารมณ์ดี และมีแง่งามอยู่ในนั้น ชีวิตของศักรินทร์ก็เป็นแบบนั้น เรื่องราวของไอ้ตูดหมึกคนหนึ่งที่ทำตามความฝันของตัวเองที่อยากให้แม่และครอบครัวของเค้ามีชีวิตที่ดีไม่ได้ เลยต้องโกหกคนที่บ้านไปวันๆว่า ทำงานแบงค์ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเป็นแค่มอเตอร์ไซค์วินเท่านั้น โดยไม่คิดเลยว่าคำโกหกมีวันหมดอายุของมัน เรื่องราวโกลาหลต่างๆจึงเกิดขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำให้เกิดในหนังเรื่องนี้ก็คือ "จังหวะตลก" ที่ใหม่กว่าที่ตัวเองเคยทำมาก่อน บางครั้งมันปรากฏออกมาในฉากแอ็คชั่นแบบหนีตาย ซึ่งเป็นความยากที่ท้าทายตัวเอง และต้องอาศัยความช่วยเหลือ แต่ผมก็โชคดีมากที่นอกจากมี พี่ยอร์ช - ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ โปรดิวเซอร์ คอยช่วยอยู่ คราวนี้ผมยังได้พี่เอมี่ (จันทิมา เลียวศิริกุล) พี่ต้อม (ปิยะพันธ์ ชูเพ็ชร) พี่กล้วย (ณัฐวุฒิ กิตติคุณ) เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง แล้วการได้พีช (พชร จิราธิวัฒน์) ฝน (ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) พี่คิ้ม (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) และ โอ๊ต (ปราโมทย์ ปาทาน) เข้ามาสวมบทเป็นตัวละครต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้ภาพในหัวออกมาเป็นรูปร่างที่น่าดูมากขึ้น โดยเฉพาะกับพีชที่เป็นนักแสดงที่สร้างความพิศวงให้กับผมมากที่สุด
ตั้งแต่เริ่ม PrePro พีชมักจะปรากฏกายด้วยความขี้เล่นบ้าบอคอแตก แต่อาการทั้งหมดแฝงไว้ด้วยความตั้งใจจริง พีชทำการบ้านมาอย่างดี จำบทแม่น และสร้างตัวศักรินทร์ขึ้นมาในแบบของเค้าเอง
หลายครั้งที่ผมจ้องมองการแสดงของเค้าผ่านมอนิเตอร์แล้วก็ยังไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ ต่อเมื่อภาพทั้งหมดถูกส่งเข้าไปตัดต่อออกมาแล้วนั่นแหละ ผมจึงเห็นว่าพีชทำอะไรอย่างชัดเจน และผลที่ออกมาคือทุกคนที่ได้ดูล้วนบอกว่าพีชเจ๋งว่ะ!
อย่างที่บอกว่าผมชอบเรื่องราวที่สนุกสนาน ตลก อารมณ์ดี และมีแง่งามอยู่ในนั้น หนังเรื่องนี้เป็นอย่างที่ผมชอบทุกประการในท้ายที่สุดครับ”
สำหรับนักแสดง “พีช” พชร จิราธิวัฒน์ รับบท ศักรินทร์ เป็นภาพยนตร์คอมเมอดีเรื่องแรกเต็มตัวของเขา
“จริงๆแล้วผมว่าศักรินทร์ เป็นตัวละครที่ผมว่าเป็นตัวละครที่ดราม่าที่สุดในเรื่องนี้เลยนะ ในบรรดาปมเรื่องนี้ทั้งหมด เล่นจังหวะตลกที่เป็นมุกน้อยกว่าคนอื่น มันก็ท้าทายดีครับ เพราะว่าทุกคนตลกหมดเลย แล้วผมต้องเป็นคนเดียวที่เล่นไม่เหมือนคนอื่น มันก็ยากดีนะ แบบผมต้องกลั้นหัวเราะเยอะเหมือนกัน มันก็เป็นการเปลี่ยนฟีลด้วยแหละครับ เพราะหลังจากที่ผ่านมาตั้งแต่ วัยรุ่นพันล้าน ก็จะเป็นดราม่ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเรื่องนี้ ที่ได้กลับมาเล่นคอมเมดี้แบบจริงจังอีกครั้งหนึ่ง มันก็ดีนะ มันทำให้เปลี่ยนจังหวะการเล่นตัวเอง มันต้องดีไซน์เยอะขึ้นพอมันเป็นงานที่มันทำคอมเมดี้มันก็ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าว่าต้องเล่นประมาณไหน จังหวะมุกตลกมันเป็นแบบไหน เพราะว่าคอมเมดี้มันก็มีหลายแบบ ก็ต้องหาต้องกลับมาดูหนังที่พี่ยอร์ชเคยทำว่าแบบจังหวะประมาณไหน มันก็ท้าทายดีครับ ก็อยากให้ลองติดตามชมกัน หนังเข้าวันที่ 20 กันยายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ครับ”
“ฝน” ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล รับบท “จ๋าย”
“จริงๆนี่เป็นหนังเรื่องที่ 2 ที่ฝนมีโอกาสเล่นหนัง แต่กับเรื่องนี้ ถือว่าเป็นนางเอกเรื่องแรกเลยค่ะ ก็ตื่นเต้นมาก เริ่มจากงานแรกในชีวิตในวงการก็คืองานหนัง และก็ไม่เคยได้เล่นหนังจริงจังอีกเลย และนี่ก็เป็นนางเอกเรื่องแรก มันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับฝนเลยนะคะ ซึ่งฝนเองก็ตั้งใจทำให้เต็มที่มากๆ สำหรับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ นอกเหนือจากการตั้งใจทำงาน ที่ฝนชอบมากๆ คือการได้ไปไหว้พระ (หัวเราะ) เพราะโลเกชั่นที่เราถ่าย ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ จ.อยุธยา ก็เลยได้มีโอกาสไปไหว้พระ ขอพรให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ จะได้ไปไหว้พระอีกรอบ เรื่องงานนี่ตั้งใจอยู่แล้วแต่ว่าเรื่องกำลังใจมันก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าเราคาดหวังไว้สูงมากๆ เพราะทุกอย่างมันลงตัวสำหรับเรา บทสนุก กองถ่ายสนุก ทุกอย่างออกมาดี เราก็หวังว่าผลลัพธ์มันจะออกมาตามที่เราตั้งใจไว้ก็เลยมีการไปทำบุญกันเล็กน้อยก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ ก็อยากให้ทุกคนลองไปชมภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้กันเยอะนะคะ รับรองสนุกแน่นอนค่ะ”
เติมสีสันด้วยบทบาทของคุณแม่สุรีย์ ที่แสดงโดย “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” แถมยังเป็นการเล่นภาพยนตร์ครั้งแรกของนักร้องคุณภาพ หลังจากที่เคยผ่านงานละครโทรทัศน์มาบ้าง
“สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่รับบทเป็น แม่สุรีย์ เป็นแม่ของ พีช พชร ซึ่งโอ้วว ไม่น่าเชื่อ ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของพี่เลยนะ ซึ่งต้องพูดเสียงเหน่ออีก ความยากมันอยู่ตรงนี้แหละ แต่กับหนังเรื่องนี้ สิ่งที่พี่ประทับใจเลยคือ นอกเหนือจากการที่เราจะต้องทิ้งตัวตนของเราเพื่อที่จะสวมบทบาทตัวละครตัวนั้นจริงๆ ซึ่งไม่ใช่เราให้เหมือนที่สุดให้แนบเนียนที่สุดแล้วเนี่ย สิ่งหนึ่งที่พี่ว่ามันน่ารักที่สุดคือความเป็นพี่เป็นน้องความเสมอภาค จริงอยู่ที่มองออกไปแล้วเห็นภาพคนถือรองเท้าให้ กางร่มให้ ถือกระป๋องน้ำเดินตาม ดูเหมือนแบบเราได้รับการปฏิบัติแบบยิ่งกว่าซุปเปอร์สตาร์ จริงแล้วไม่ใช่ เรากินข้าวแบบเขากินเลย เรากินน้ำเหมือนเขากินเลย เราเข้าห้องน้ำเดียวกับห้องน้ำเขาเลย เราทำทุกอย่างเหมือนเขาเป๊ะเลย คือแบบระหว่างพี่กับช่างไฟทำเหมือนกันเลย ยืนข้างๆกันคุยกันยืนตากแดดรอคุยกันเพราะเราต้องอยู่ด้วยกันนานๆ พออยู่ด้วยกันนานๆสิ่งหนึ่งที่เราเป็นคือ เราจะเริ่มมีสติที่จะอยู่นิ่งไม่ได้อยู่กับแค่ตัวเอง เราจะเริ่มอยู่กับคนอื่น มองคนอื่น แล้วก็รู้สึกว่าเป็นทีมงานที่ทุ่มเทไปด้วยกัน และถ้ายิ่งหนังเรื่องนั้นดัง หรือเป็นที่พูดถึง ทุกคนก็จะมีกำลังใจ แล้วมีความรู้สึกว่า แค่นี้แหละที่อยากได้ คนพูดว่าหนังเรื่องนี้ดีทุกคนจะรู้เลยว่าเคยมีส่วนร่วมอยู่ในนั้น แม้กระทั่งอาจจะไม่ได้เห็นตัวจริงๆของพวกเขา อาจจะเห็นแค่ชื่อยาวตอน End title ชื่อยาวเป็นร้อยยาวๆ พี่ก็คิดว่ากำลังใจที่ดีที่สุดก็คือการที่คนไทยสนับสนุนหนังไทยค่ะ”
ติดตาม “ความลับของ “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” ได้ทุกโรงภาพยนตร์ ในวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน นี้