“ฌอห์ณ” ชวนน้องๆรักการอ่าน โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข”
“ฌอห์ณ จินดาโชติ” ชวนน้องๆ โรงเรียนวัดจุฬามณี ปลูกฝังการอ่านหนังสือวันละ 15 นาที พร้อมเผยวิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักการอ่าน ผ่านโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข”
โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข”เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ของความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อมรินทร์ พริ๊นติ้ง แอนพับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ คือ กระทรวงศึกษาธิการและ สำนักงานคณะการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เล็งเห็นความสำคัญของการอ่าน เพราะการอ่าน ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะของเด็ก ล่าสุด พระเอกมากความสามารถผู้มีนิสัยรักการอ่านอย่าง ฌอห์ณ จินดาโชติลงพื้นที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และประโยชน์ของการอ่านเพื่อจุดประกายให้น้องๆ เยาวชนโรงเรียนวัดจุฬามณี (ชุณหะจันทนประชาสรรค์) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือทั้งนี้ โรงเรียนวัดจุฬามณี ยังถือเป็น 1 ใน 18 โรงเรียนที่อยู่ในโครงการ “Partnership School” (โรงเรียนร่วมพัฒนา) ที่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแล
งานนี้ ฌอห์น จินดาโชติ เผยความรู้สึกที่ได้ร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้ว่า “ก่อนอื่นผมขอขอบคุณไทยเบฟ และอมรินทร์ มากครับที่ติดต่อผมมาร่วมในโครงการนี้ ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่ง ที่ส่งเสริมให้เยาวชนรักการอ่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรปลูกฝั่งตั้งแต่เด็ก และที่ผมรู้สึกยินดีไปกว่านั้นคือโครงการนี้ไปในโรงเรียนต่างจังหวัดซึ่งยังไม่ได้มีหนังสือใหม่ อย่างวันนี้ผมมาที่โรงเรียนวัดจุฬามณี จ.อยุธยา ได้เจอกับน้องๆ และบอกข้อดีประโยชน์ของการอ่านอย่างน้อยวันละ 15 นาที น้องบางคนอาจจะบอกว่าไม่รู้จะอ่านหนังสืออะไร ผมก็แนะนำไปว่าให้เริ่มจากหนังสือที่ตัวเองชอบ หนังสือที่น้องจับ ผมบอกได้เลยว่าหนังสือทุกเล่มล้วนมีประโยชน์ แม้กระทั่งหนังสือการ์ตูน เช่น โดเรม่อน อ่านแล้วก็สอนให้โนบิตะรู้ว่าเมื่อวันหนึ่งเมื่อโดเรม่อนไม่อยู่ โนบิตะต้องดูแลตัวเอง หรืออย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ สอนให้รู้ว่าชีวิตที่น่าเศร้าที่สุดไม่ใช่ชีวิตที่ขาดครอบครัว แต่ชีวิตที่เศร้าที่สุดคือชีวิตที่ไม่ลุกขึ้นสู้ ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ทุกอย่างมีแง่ดีอยู่ที่เราหาอะไรเจอ ฉะนั้นหนังสือที่น้องหยิบขึ้นมา 1 เล่มแม้จะมีแค่ 5 หน้า เสียเวลาอ่านแค่ 15 นาที วันละ 3-5 บรรทัด แล้วลองบอกว่าวันนี้อ่านแล้วได้อะไร ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ วันหนึ่งน้องอาจเอาวิชาความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลจากหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่แล้วน้องได้อ่าน มาใช้ประโยชน์ได้จริง และสิ่งที่ผมเน้นย้ำกับน้องๆ อีกข้อคือ ความรู้มีประโยชน์มาก เพราะสุดท้ายแล้วเราอยู่ตัวคนเดียวสิ่งที่จะทำให้เราไปสู่สิ่งที่ดี ทำให้เราเอาตัวรอดได้มันไม่ใช่การที่เรามีทรัพย์สินเสมอไปแต่มันคือมีความรู้ ความรู้ของเราจะนำเราไปสู่สิ่งที่ดี สู่อาชีพที่ดี พบคนที่ดี เพราะถ้าเรามีความรู้ที่ดีคนดีๆ ก็จะเข้ามาหาเราเองสุดท้ายผมขอฝากโครงการนี้ด้วยนะครับ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ มันไม่มีคำว่าสายสำหรับคำว่าอ่าน เพราะหนังสือทุกเล่มให้ข้อคิดที่แตกต่างกันไป อยากให้ทุกคนรักการอ่านครับ และส่งเสริมเด็กรุ่นใหม่ให้เขาเป็นนักอ่านที่ดี มีวินัย ง่ายๆ โดยเริ่มจากให้เขาอ่านในสิ่งที่ชอบก่อนวันละแค่ 15 นาทีครับ”
ติดตามโครงการ `ส่งความรู้ สร้างความสุข’เพิ่มเติม ได้ที่ The Happy Read .com และทาง Facebook The Happy Read