xs
xsm
sm
md
lg

ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 8 (จบซีซั่น 2)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 8 (จบซีซั่น 2)

ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม

เรย์กลับมาที่เซฟเฮ้าส์

ตี๋ใหญ่และพาสเวิร์ดที่เปิดโฟลเดอร์ได้สำเร็จซึ่งเป็นคลิปเสียงที่บรรจงคุยกับภัทรา
“เราเจอแล้ว....นี่แหล่ะตัวการใหญ่”เรย์บอก
“ใคร?ที่คุณว่าตัวการใหญ่”ตี๋ใหญ่ถาม
“เสียงของรองบรรจงชั้นจำได้แน่นอน..แต่ว่าเสียงของผู้หญิงอีกคนฉันไม่ค่อยแน่ใจอะ”
เรย์เล่นคลิปเสียงสั้นๆพาสเวิร์ดพูดแทรกขึ้นมา
“พี่ตี๋ .. เสร็จหมดทุกอย่างแล้วพรุ่งนี้เรากลับบ้านกันนะกลับบ้านกัน”
“เหวิ่ดฟังพี่นะ … พี่ขอเวลาเคลียร์กับไอ้คนที่มันทำร้ายพี่หลินก่อนนะอีกไม่นานหรอกเราจะได้กลับบ้านด้วยกัน … พี่ขอเวลาอีกหน่อยนะ”
“อย่านานนะ … คิดถึงเจนคิดถึงจอร์จสมชายป่านนี้หนวดครึ้มมากแล้ว”พาสเวิร์ดบอก
ก่อนจะเปิดดูรูปบรรจงและเอกสารที่พาสเวิร์ดถอดรหัสได้ในบางกล่อง
เรย์เอาข้อมูลใส่ทัมป์ไดร์ฟจะเอาไปให้เผด็จดู
พาสเวิร์ดที่พยายามเปิดโฟลเดอร์อื่น
“ชั้นขอเอาข้อมูลนี้ไปให้หัวหน้าดูก่อน”
“คุณคิดว่าเผด็จจะทำอะไรคนบงการใหญ่ได้เหรอ …ทั้งๆที่พวกคุณก็รู้ว่าเค้ามีอำนาจมากขนาดไหน”
“ถ้าชั้นไม่ทำชั้นก็ไม่ควรเป็นตำรวจ”
เรย์จะลุกออก
“.. ผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรคุณอยู่เป็นเพื่อนพาสเวิร์ดเถอะ ”
เรย์แอบงอนกับคำพูดตี๋ใหญ่เดินออกไป
“พี่ตี๋… กลับบ้านกันที่นี่ไม่ปลอดภัยไม่ปลอดภัยลุงๆตายกันหมดเลือดเต็มเลย”
“พี่รู้ … อีกไม่นานนะเหวิ่ดพี่สัญญาเราจะได้กลับบ้านกัน”

ภายในห้องเผด็จ
“คุณไม่เป็นไรนะ”เผด็จถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วตอนนี้พาสเวิร์ดกับตี๋ใหญ่อยู่ไหน?”
“เซฟเฮ้าส์ค่ะ”
เรย์เสียบทัมป์ไดรฟ์
ใกล้เอกสารปริ้นท์ออกมามีทั้งรูปบรรจงเอกสารการเงินและอื่นๆ
หลังคอมพ์ฯเผด็จกับเรย์มองอย่างสนใจ
“มันถูกตั้งรหัสเป็นชั้นๆตอนนี้พาสเวิร์ดเปิดได้โฟลเดอร์เดียวซึ่งมีแต่ข้อมูลขอรองบรรจงจริงแล้วปารเมศน่าจะเป็นคนที่แอบเก็บข้อมูลของทุกคนไว้เพื่อทำอะไรสักอย่าง”

ทางเดินในสำนักงาน
เอกสารที่อยู่ในมือเผด็จ เขาเดินอย่างเร่งรีบไปจนเปิดประตูห้องหนึ่งออก
“ขออนุญาตครับท่าน”
เผด็จเข้าประตูไป

ไซเรนเดินมาตามทางเดินใต้ดิน Last Day แอบเข้ามาหาไผ่หวานที่ห้องลับพบแต่ห้องที่ว่างเปล่า
ไซเรนสิ้นหวังได้ยินเสียงใครบางคนอยู่ในด้านบน
ไซเรนได้ยินเสียงโซ่ไซเรนก้มมองที่พื้นเห็นโซ่จนมองตามไปเห็นขาไผ่หวาน
ไซเรนมีความหวังค่อยๆคลานเข้าไปจนดีใจสุดขีดที่เจอไผ่หวานสะดุ้งดีใจแต่ก็พยายามไล่ไซเรนไป
ไผ่หวานยังมีอาการสั่นกลัวแรมอยู่ตลอดอย่างน่าสงสาร
“พี่เรน ...พี่มาได้ยังไง … รีบหนีไปพี่ …เดี๋ยวพี่แรมเห็น”
ไซเรนเห็นไผ่หวานสงสารน้ำตาคลอ
“หวานเป็นไงบ้างพี่ขอโทษนะ.... พี่ขอโทษ”
ไซเรนจับไปที่โซ่ที่คล้องขาไผ่หวานอยู่ไซเรนคิดวิธีที่จะเอาไผ่หวานออก
“พี่เรน… พี่หนีไปเถอะนะ …. พี่แรมบอกว่าถ้าเจอพี่อีกจะ….”
เสียงแรมเข้ามา “โอเคๆพวกนายรีบกลับมาก็แล้วกัน”
เสียงฝีเท้าแรมใกล้เข้ามาไซเรนไผ่หวานต่างผวาจะหนีก็ไม่ทันแล้วแรมที่เปิดม่านเข้ามา
แรมยิ้มให้ไผ่หวานหยิบหน้ากากใสที่มีควันออกมาส่งให้ไผ่หวาน
“เรามาเติมกันหน่อยดีมั้ยไผ่หวาน”
มือไผ่หวานที่มีมือไซเรนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังบีบมือกันแน่ก่อนค่อยๆปล่อยมือไป สีหน้าไผ่หวานเศร้าๆ

โถงมุมหนึ่ง บรรจงพูดกับเผด็จ
“คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรได้เหรอเสียงผมจริงหรือเปล่ามีอะไรยืนยันสมัยนี้เทคโนโลยีทำได้หมดทุกอย่างแหละ”
“ยังมีข้อมูลอีกเยอะในแล็ปท๊อปของปารเมศที่ผมจะทยอยส่งให้ท่านอำนาจ”
“ออนี่คุณส่งหลักฐานไปถึงท่านอำนาจแล้วเหรอ”
ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาตามบรรจง
“ท่านอำนาจขอเชิญท่านไปพบด่วน”
“บอกท่านอำนาจรอเดี๋ยวผมตามไป”บรรจงบอก
“ว่างๆกินข้าวด้วยกันหน่อยสิผมมี่เรื่องอะไรจะเล่าให้คุณฟังอีกเยอะเลย”

บรรจงเดินไปเผด็จมองตามนิ่งๆ


ภายในรถ ...

เผด็จเปิดเทปเสียงภัทราคุยกับบรรจง
เผด็จนั่งอยู่ในรถคนเดียวด้วยสีหน้าเครียดๆกำลังเปิดฟังคลิปเสียงผ่านมือถือ
“ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณเป็นคนแบบนี้ต่อให้ระวังขนาดไหนวางแผนดีขนาดไหนคุณก็ห้ามบางอย่างให้เกิดขึ้นไม่ได้”
เผด็จกดหยุดแล้วเปิดทวนซ้ำอีกครั้ง
“วางแผนดีขนาดไหนคุณก็ห้ามบางอย่างให้เกิดขึ้นไม่ได้”
เผด็จสีหน้ากังวลเสียงนั้นทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างประหลาด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเผด็จรีบรับสาย
เผด็จคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าโกรธๆเหมือนเถียงกับใครอยู่ภายในรถ
“อะไรนะครับจะปล่อยคนแบบนั้น! ....แล้วอย่างนี้จะมีกฏหมายไว้ทำไม?”
“ผมเข้าใจคุณนะเผด็จว่าคุณเป็นคนจริงจังกับงานมากแต่ตอนนี้หลักฐานที่คุณคิดว่าจะเอาผิดรองบรรจงมันเป็นแค่คลิปเสียงกับภาพที่คลุมเครือมันไม่พอ”อำนาจบอก
“งั้นผมจะรีบส่งเอกสารการฟอกเงินที่รองบรรจงเกี่ยวข้องตามไป”
“คืองี้” อำนาจเสียงเหนื่อยๆ“ผมก็รู้สึกเหมือนคุณนะเผด็จแต่คุณเข้าใจไหมในสังคมนี้เราอยู่ภายใต้บางสิ่งบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้คุณเข้าใจที่ผมพูดนะหลักฐานแค่นี้มันไม่คุ้มที่เราจะเปิดโปงเรื่องนี้หรอก”
“ไม่คุ้ม!! ผมไม่เข้าใจถ้าคนระดับนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้วไม่มีใครกล้าทำอะไรประเทศเราจะเป็นยังไงล่ะครับพี่”
“เผด็จคุณต้องเข้าใจนะด้วยอำนาจที่ผมมีไม่ใช่ผมนึกจะทำอะไรก็ทำได้ผมขอให้คุณหยุดดำเนินการเรื่องนี้ก่อนผมขอตรวจสอบอะไรๆให้มันแน่ชัดก่อนอีกเรื่องนึงผมอยากให้คุณนำชุดปฎิบัติการณ์พิเศษไปจับกุมการส่งยาล๊อตใหญ่สำคัญที่ผมติดตามมานานแล้วไว้คุณเข้ามาคุยกับผมหน่อย”
รองอำนาจวางหูไปเผด็จนิ่งค้างอย่างสิ้นหวังแค่นยิ้มในชะตากรรม
บรรจงพร้อมลูกน้องที่เดินเลยรถเผด็จไปแล้วก่อนจะเดินกลับมาเผด็จยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ
สักพักบรรจงก็เดินมาเคาะกระจกรถเผด็จเผด็จเปิดกระจกมองหน้าบรรจง
“อ้าวยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ.. คุณเผด็จ … ช่วงนี้เราเจอกันทุกที่เลยนะครับขนาดลานจอดรถผมก็ยังเจอคุณอีก… หรือว่าคุณว่าไง?”
บรรจงชะโงกเข้ามาใกล้
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรที่ไหนไม่รอดพ้นสายตาผมหรอก …” บรรจงแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “อย่าพยายามเลย…เชื่อผม .. เพราะคุณไม่มีทาง!!!”
เผด็จเปิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับบรรจง
บรรจงโยกหน้าเข้ามาพูดเบากับเผด็จ
“ตอนนี้มีสองทางให้เลือกนะคือคุณจะจบแบบดีๆหรือจะจบแบบที่...คุณจะอยู่ในประเทศนี้ไม่ได้อีกเลยขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วหล่ะว่าคุณจะเลือกแบบไหน”
เผด็จมองบรรจงเงียบๆ
“ทำไมไม่ยอมหยุดสักทีเผด็จต้องให้คนมาตายอีกกี่คนเพื่อสนองนี๊ด(need) ความอยากจะเป็นฮีโร่ลูกน้องตายกี่คนแล้วนับให้ดูหน่อยสิ!! ในฐานะคนที่มีประสบการณ์ผมจะบอกความจริงคุณอย่างนะความยุติธรรมที่กฎหมายเขียนขึ้นมามันไม่มีอยู่จริงหรอกเผด็จ”
เผด็จน็อตหลุดเข้ามากระชากคอบรรจงลูกน้องจะเข้ามารุมเผด็จช่วยกันแยกบรรจงออกไป
บรรจงยิ้มเย็นเดินออกไป
“พักผ่อนบ้างนะเผด็จ”

คืนนั้น ตี๋ใหญ่เดินมาเจอพาสเวิร์ดที่หลับคาคอมพ์
“ไปเหวิ่ดไปนอนได้แล้ว”
เสียงคนไขกุญแจเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ตี๋ใหญ่และเรย์เริ่มไม่ไว้ใจใครชักปืนลุกขึ้นระวังตัว
ตี๋ใหญ่จ่อปืนเข้าใกล้ประตู
เผด็จพูดขึ้นก่อน
“ผมเอง”
“หัวหน้า … มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”เรย์ถาม
“ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากฮาร์ดดิสก์อีกมั้ย”
พาสเวิร์ดพูดกับตี๋ใหญ่“ไปนอนก่อนนะพี่ตี๋ไม่เล่นแล้วนะพี่ตี๋”
พูดจบพาสเวิร์ดเดินออกไป
ตี๋ใหญ่ถาม “ข้อมูลที่ได้ไปยังไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานจับตัวคนร้ายอีกหรืองัย”
“ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เราทำอยู่จะจับตัวบงการใหญ่ได้ …ผมคิดว่ามันกุมอำนาจไปหมดทุกส่วนแม้กระทั่ง…”
“แล้วคุณจะปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เหรอ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” เผด็จบอกแล้วหันไปพูดกับเรย์“เรย์คุณเองก็ต้องระวังตัวให้มากด้วยนะ”
เผด็จหน้าอิดโรยเหนื่อยใจ
“ล่าสุดผมได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจลับนำกำลังเข้าล้อมจับการขนยาเสพติดล็อตใหญ่โดยไปกับหน่วยเฉพาะกิจที่ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำงานกับใคร … ท่านอำนาจตำหนิว่าทีมเราข่าวรั่วทุกครั้งผมคิดว่าท่านอำนาจน่าจะต้องการจับยาล๊อตนี้ให้ได้เพราะช่วงนี้ไม่มีผลงานเลย”
“ชั้นขอไปกับหัวหน้าด้วย”
“ในคำสั่งให้ผมไปคนเดียวไปเจอกับหน่วยเฉพาะกิจที่สถานที่นั้นเลย”
“แล้วถ้าเกิดเป็นแผนอะไรบางอย่างของรองบรรจงเค้าตามเล่นงานคุณมาสักพักแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คำสั่งตรงจากท่านอำนาจรองบรรจงไม่น่าเกี่ยว”
“เมื่อไหร่คะ”

“พรุ่งนี้”


ภายในบาร์

แรมที่เดินมองไปในเคาน์เตอร์เห็นภัทรานั่งอยู่คนเดียว
แรมเข้ามานั่งลง
บาร์เทนเดอร์ถาม “ดื่มอะไรดีครับ”
แรมมองหน้ากวนๆหยิบแบงค์ให้บาร์เทนเดอร์
“นายไปพักแปบนะเราชงเองอร่อยกว่า…. รับอะไรมั้ยครับหุ้นส่วนตอนนี้เรากำลังดิวกับนักบินเตรียมอย่าส่งงานล็อตใหม่ไม่น่าเกินสัปดาห์หน้าเราก็น่าจะเริ่มปาร์ตี้ได้อีกครั้ง Last Day จะกลับมาสว่างไสวปกคลุมไปด้วยหมอกควันแห่งความสุขอีกครั้ง …..,มีอะไรป่ะอย่าเครียดน่า”
บ๋อยเดินหลบไปแรมเดินเข้าไปหลังเคานเตอร์ทำเป็นชงไปคุยไป
แรมชงเหล้าออกมาเป็นน้ำสีเขียวๆประหลาดๆ
ภัทรายกแก้วแชมเปญในมือกระดกเป็นเชิงว่ามีเหล้าแล้ว
“อยากให้คุณไปเอาของให้หน่อย”
“ขึ้นอยู่ว่ามันส์แค่ไหน”
“แล็ปท้อปที่อยู่ในเซฟเฮ้าส์ของเผด็จ…สนุกพอมั้ยคะ”
“อืมเรื่องเล็กๆแรมไม่เรื่องใหญ่แรมชอบว่าแต่มีรางวัลอะไรให้เป็นพิเศษรึเปล่า”
ภัทรากดโทรศัพท์ก่อนลุกขึ้นจะเดินออก
“ไม่อยู่ดื่มด้วยกันก่อนเหรอ”
โทรศัพท์แรมดังเตือน
“แล็ปท้อปราคาสองล้านทองคำฝังเพชรเหรอคุณนายมหาสมุทร”
ภัทราเดินออกไปแรมมองเจ้าเลห์

วันต่อมา พาสเวิร์ดนั่งเล่น ipad กินขนมไปเรื่อยไม่ถอดรหัสให้ตี๋ใหญ่แล้ว
ตี๋ใหญ่เข้ามานั่งด้วยพยายามพูดให้พาสเวิร์ดถอดรหัสให้
“เป็นงัยบ้างเหวิ่ดถอดรหัสได้อีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้วพี่ตี๋ … เบื่อแล้วไม่หนุกกลับบ้านกันอยากกลับบ้าน”
“ลองดูอีกทีได้มั้ยช่วยพี่เรย์จับคนร้ายก่อน”
“คิดถึงบ้านคิดถึงพี่หลินด้วย … พี่ตี๋ไม่คิดถึงพี่หลินแล้วหรอ”
ตี๋ใหญ่สะอึกกับคำพูดของพาสเวิร์ดใจของตี๋ใหญ่อยากจะแก้แค้นให้หลินก่อนแล้วค่อยกลับไป
ตี๋ใหญ่พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“ได้ …. เหวิ่ดถ้าเหวิ่ดช่วยถอดรหัสอีกกล่องนึงได้พี่สัญญาว่าเราจะกลับบ้านกันเลย”
“พี่ตี๋พูดจริงนะ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้า
พาสเวิร์ดรีบไปเปิดคอมพ์พยายามใส่รหัส …
เรย์เดินเข้ามาหาพาสเวิร์ดพูดให้กำลังใจ
“ขอบใจมากนะพาสเวิร์ดที่ช่วยพี่”
“ทำให้ได้ทำให้ได้ …. คิดก่อน ….” พาสเวิร์ดเคร่งเครียดใส่รหัส “นี่งัยได้แล้ว …พี่ตี๋พี่ตี๋ได้แล้วเปิดได้ๆๆพี่เรย์เอาไป … พี่ตี๋กลับบ้านกันกลับบ้านตอนนี้เลยนะ”
ตี๋ใหญ่กับเรย์มองหน้ากันตะลึงในรูปที่มองเห็น
“เผด็จอยู่ไหน”ตี๋ใหญ่ถาม
เรย์โทรหาเผด็จแต่เผด็จปิดเครื่อง
“ชั้นจะลองไปที่สำนักงานก่อนเผื่อเค้ายังไม่ได้ออกไป”
“คุณจะไปตอนนี้เลยใช่มั้ยงั้นผมไปเป็นเพื่อนเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยคุ้มกันคุณได้”
ตี๋ใหญ่หันไปพูดกับพาสเวิร์ด “เหวิ่ดเดี๋ยวพี่มานะล็อคประตูห้ามเปิดให้ใครห้ามออกไปไหนเข้าใจนะ”
“เข้าใจๆพี่ตี๋รีบมานะซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”
ไซเรนเดินออกมาจากห้องตัวเองตี๋ใหญ่ฝากเหวิ่ดไว้กับไซเรน
“ไซเรนฝากนายดูพาสเวิร์ดด้วยนะอย่าให้ออกไปข้างนอก”
ไซเรนไม่ตอบมองหน้าตี๋ใหญ่พยักหน้า

ที่ลานจอดรถสำนักงานป้องกันและผราบผรามยาเสพติด บู๊ทคอมแบตกำลังเดินมาตามทาง
เผด็จกำลังเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่กำลังแต่งตัวในชุดคล้ายๆคอมมาโดที่จะไปบุก
หน้าเผด็จเคร่งเครียด
เมื่อเผด็จหยุดหนึ่งในนั้น เจ้าของบู๊ทคอมแบตหันมาคือทินพัฒน์เพื่อนรักของเผด็จนั่นเอง
“อ้าวไอ้ทิน..”
“เออกูเอง!! เค้าส่งกูมาช่วยเค้ากลัวมึงจะรอดอยู่ไม่ถึงเกษียณมั้ง”
เผด็จยิ้มใจชื้นขึ้นมา
“ปากดีนะมึง”เผด็จว่า
“ไม่ใช่แค่กูด้วยนะมึงดูโน่น”
เผด็จมองต่อไปกลุ่มตำรวจรุ่นเดียวกับเผด็จหลายๆคนเดินเข้ามาเพื่อนตำรวจยิ้มให้เผด็จอย่างเป็นกันเอง
“พวกมึงมากันหมดเลยเหรอวะ”
“งานนี้ท่าทางจะสำคัญมากเลยตามไอ้พวกตงฉินเดนตายมาทั้งนั้น!”
พี่จอห์นเดินไปตบบ่าเผด็จเบาๆ
“สายตรงจากรองบรรจงถึงต้องรีบมาเนี่ยสงสัยจะให้ไปจับตัวใหญ่จริงๆว่ะงานนี้”
เผด็จชะงัก
“ไม่ใช่คำสั่งท่านอำนาจเหรอว๊ะ”
เผด็จครุ่นคิด
“ก็รองบรรจงสั่งท่านอำนาจมาอีกทีไงไอ้เด็จมึงก็รู้ว่าไอ้พวกนักการเมืองมันวุ่นวายไปทุกที่นั้นแหละ”
ทินพัฒน์บอก “ไอ้กบที่มันจับขาใหญ่หรือไปเหยียบตีนใครก็ไม่รู้แม่ง!! เด้งไปชายแดนยังไปตามมันมาเลย”
พี่กบเดินเข้ามา
“ห่า.. ใครจะนึกว๊ะ...ว่าไอ้พวกนักการเมืองท้องถิ่นมันจะมีเอี่ยวด้วยแต่ก็ดีไล่จับอยู่ชายแดนดีกว่าต้องมาอึดอัดทำอะไรก็ไม่ได้อยู่ในเมือง”
“ส่วนไอ้ชีพที่ไปจับลูกผู้ใหญ่เล่นยามันถูกย้ายไปนั่งโต๊ะแต่ฝีมือยังเหมือนเดิมไอ้มัดที่มันจับตำรวจที่ขนไอซ์เหี้ย!! โดนยัดของซะเกือบติดคุกมันก็มา.. พูดง่ายๆรวมพวกที่ใช้กฎหมายเล่มเดียวกับมึง”
พี่มัดบอก “ดีใจว่ะที่ได้เจอมึงอีกเด็จ”
เผด็จยิ้มจริงใจก่อนเดินเข้าไปทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเองบางคนมากอดบ้างจับมือ
กลุ่มตำรวจแต่ละคนใส่ชุดเกราะและเตรียมปืนกันเรียบร้อย
ตำรวจบางคนใส่ชุดนอกเครื่องแบบบางคนมีไอ้โม่งคลุมหน้าเผด็จแยกตัวออกมาคุยกับทินพัฒน์
“เรื่องของมึงเป็นไงบ้างวะมึงไปอยู่ไหนมาแล้วเจี๊ยบเป็นไงบ้างกูไม่ได้ข่าวมึงเลยตั้งแต่….”
“ก็คร่าวนั้นกูโดนเล่นยาวแม่ง!! หาคนมาใส่ความกูว่ากูซ้อมพยานยักยอกหลักฐานถูกให้ออกจากราชการไปก่อน”ทินพัฒน์บอก
เผด็จอึ้งๆไปเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วเจี๊ยบเป็นไงบ้าง”
“เจี๊ยบเค้าเชื่อข่าวเค้าแยกกับกูแล้วพาลูกกลับไปอยู่กับแม่เค้าที่นครสวรรค์”
“เสียใจด้วย..”
“ไม่เป็นไรตอนนี้กูก็ได้กลับมาเป็นตำรวจอย่างที่กูอยากเป็นและก็ได้เจอมึงแค่นี้กูก็ดีใจแล้วเด็จ”
“แล้วมึงกลับมาได้ไงคดีจบยังไง”
“มีผู้ใหญ่คนนึงช่วยกูไว้ให้กูได้กลับเข้ามา”
“ใครวะ”
ทินพัฒน์มองเผด็จยิ้มเศร้าเปลี่ยนเรื่อง
“ไว้วันหลังกูเล่าให้ฟัง ...แล้วนี่มึงยังเหมือนเดิมนะ ….มึงเหนียวเหรอเอ้าใส่เสื้อด้วย”
ทินพัฒน์ยื่นเสื้อเกราะให้เผด็จเผด็จยิ้มรับไปใส่

ผ่านเวลา
เผด็จเดินมากลางกลุ่ม
“ผมขอทวนแผนให้ฟังอีกทีนะ”
เผด็จกำลังวาดบางอย่างอธิบายให้ทั้งกลุ่มฟังตี๋ใหญ่มองอยู่ในรถ และมองต่อไปยังทินพัฒน์
ตำรวจต่างคนต่างแยกย้ายไปตามรถต่างๆ
เรย์เข้ามา
“มีอะไรผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้คุณไม่เกี่ยว”
“หัวหน้าลองดูนี่ก่อนพาสเวิร์ดเปิดฮาร์ดดิสก์ของสโมสรมหาสมุทรได้อีกโฟล์เดอร์พบข้อมูลทางการเงินของมูลนิธิของคุณภัทราและก็รูปที่เหมือนถูกแอบถ่ายของภัทรากับปารเมศค่ะ”
เรย์ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปให้เผด็จดู
เผด็จพูดไม่ออกมองรูปอยู่นานก่อนจะเดินออกไป

“คุณ...รีบกลับไปที่เซฟเฮ้าส์ก่อนรอผมกลับไปแล้วเราค่อยวางแผนกันอีกที”


ในตรอกแห่งหนึ่ง

ในรถของเผด็จในรถทินพัฒน์ที่มีคนอื่นอยู่ด้วยฝั่งเผด็จใช้รถทั้งหมด 3 คัน
ทินพัฒน์บอก “ย้ำทุกทีมอีกครั้งคนร้ายพร้อมอาวุธสงครามสู้ตายแน่ทุกคนระวังตัวด้วยย้ำ!!!.. ตอนนี้รถเป้าหมายผ่านจุดแรกมาแล้วนะไอ้เด็จ”
“โอเคๆมึงตามอยู่ใช่มั้ย”
“เออ... เข้าซอยมาแล้ว”
“ทุกทีมเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนตัว”
ทุกคนเสียงมาทางวิทยุ“รับทราบ”
เราจะเห็นรถทีมอื่นเริ่มออกรถผ่านไป

ถนนในตรอกรถกระบะสีขาวคันหนึ่งขับตรงมาที่รถเก๋งคันหนึ่งที่จอดรออยู่แล้ว
ในรถเผด็จ
“ทุกคนพร้อมนะรอสัญญาณจากผม”

ในรถทินพัฒน์
“ทางนี้รอเข้าปิดท้ายอยู่”

เผด็จเห็นคนในรถยื่นของให้กัน

ภายในรถทินพัฒน์ทุกคนลุ้นๆ
“ยังไงวะเด็จ”
ในรถเผด็จ
“รอก่อนยังเห็นไม่ชัด”
เผด็จเห็นคนในรถลงมาเปิดท้ายรถ
“ไปๆ”
รถของเผด็จรีบวิ่งมาอย่างเร็วเพื่อดักหน้า
กระบะสีขาวเห็นดังนั้นเลยหักกลับ
รถจากตำรวจอีก 2 คันมาประกบปิดทางไม่ให้หนีรถพยายามหนี
เผด็จรีบวิ่งลงจากรถและเอาปืนยิงใส่ล้อทั้งสี่อย่างรวดเร็ว
ตำรวจคนอื่นๆเข้ามาล้อมจนหมดทั้งหมดตะโกนกันลั่น
ทินพัฒน์ที่ตอนนี้ลงมาแล้วจ่อปืนไปที่รถพยายามไปเปิดรถแต่ประตูล็อค
คนที่ล้อมตะโกนขู่ไปทั่ว
“เปิดประตูลงมาจากรถ”
“ลงมาๆ”เผด็จสั่ง
คนขับเปิดกระจกลงมานิดเดียว
“ผมไม่ได้ทำผิดอะไรพวกคุณเป็นใคร”
“ลงมาๆ”
ทินพัฒน์เข้ามาจับคนขับคนขับกลัวมาก
ทีมตำรวจตรวจค้นรถกระบะแต่เหมือนจะไม่พบอะไร
เปิดประตูออกมาเจอเมียและลูกนั่งอยู่ข้างๆเผด็จสับสนมองหน้าทินพัฒน์
ทินพัฒน์เอาปืนจี้คนขับและถามอย่างคาดคั้น“ของอยู่ที่ไหน??”
“ผมไม่รู้... มีคนนัดผมให้มารับของที่นี่ครับ”
ทีมตำรวจตรวจค้นรถ
ทินพัฒน์พูดกับเผด็จ“ไม่เจอของกลางเลยว่ะ”
“ปล่อยผมเถอะครับ”คนขับบอก
เผด็จงง

ทันใดนั้นมีรถ 2-3 คันวิ่งมาปิดล้อมที่บริเวณนั้น
ตำรวจนอกเครื่องแบบถือปืนจี้ไปทางเผด็จ
เพื่อนตำรวจคนอื่นๆมองมาทางเผด็จว่าเอาไง
ตำรวจ1บอก “วางปืนก่อนครับรองเผด็จ”
“คุณทำอะไรของคุณ”
ทั้งสองฝั่งจ่อปืนอย่างตึงเครียด
“คุณเข้าใจผิดแล้วผมกำลังนำทีมเข้าปฏิบัติหน้าที่จับกุมอยู่”เผด็จบอก
ทางกลุ่มสารวัตรเข้มที่ตามมารุกคืบเข้ากดดันประกอบกับเสียงคนที่ถูกจับตะคุบกันเซ็งแซ่ไปหมด
ตำรวจ1 บอก “วางปืนก่อนครับผมไม่อยากใช้กำลัง”
“ปล่อยผมเถอะครับ” คนขับบอก
“พวกคุณนั่นแหละวางปืนแสดงบัตรมา!!!”เผด็จบอก
“ไอ้เด็จ!!”
ทินพัฒน์ค่อยๆถอยออกจากกลุ่มทันใดนั้นคนที่ถูกจับก็ออกวิ่ง
ทินพัฒน์ยิงคนวิ่งร่วงลงเผด็จตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะทุกคนกระหน่ำยิงใส่กัน
ลูกกระสุนถูกตำรวจคนอื่นๆในทีมของเผด็จล้มลงตายเกลื่อนเหมือนจงใจฆ่า
ทินพัฒน์ยิงลูกเมียตายหมดเพื่อปิดปาก

เผด็จยิงต้านด้วยความโมโหเผด็จตะโกน


รถไหลเข้าไปในเขตชุมชน

ชาวบ้านเห็นรถตำรวจมาอยู่ในชุมชนก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายคลิป
ตำรวจ1 ส่งสัญญาณมือบอกให้ลูกน้องหยุดยิง
รถเผด็จชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนหยุดนิ่ง
ทินพัฒน์คืบเข้ามาเข้ามาใกล้จะจ่อยิง
เผด็จหมดหวังเพราะปืนหมดลูกแล้วรอตาย
ทินพัฒน์เข้ามาใกล้จะจ่อยิง
ตำรวจ1วิ่งเข้ามากระซิบ “อย่าเพิ่งพี่”แล้วพยักเพยิดให้มองไปที่ชาวบ้าน
ตำรวจและทินพัฒน์จ่อปืนไปที่เผด็จ
“อย่าขยับ!!! คุณถูกจับแล้ว”
“ไอ้ทินนี่มึง!!”
เผด็จมองตาทินพัฒน์แบบผิดหวังเสียใจแค้นกับสิ่งที่ทินพัฒน์ทำกับตน
เผด็จถูกใส่กุญแจมือลูกน้องพาตัวเผด็จออกจากรถและใส่กุญแจมือ
ตำรวจ1 บอก “พบของในรถรองเผด็จครับ”
เผด็จถูกพาเข้าไปดูพบว่ามีคนเอายาจำนวนมากยัดอยู่ในรถของเค้า
เผด็จมองไปรอบๆทุกคนตายหมดไม่เหลือ
เผด็จถูกพาตัวไปขึ้นรถปิดประตู

ไผ่หวานโทรหาไซเรนไซเรนเดินออกจากห้องพูดไปเดินไปปล่อยให้พาสเวิร์ดอยู่คนเดียว
ไผ่หวาน: (เสียงเศร้าหมดความหวัง
“พี่เรน … หวานเอง”
“หวาน… มันทำอะไรหวานหรือเปล่า ? … หวานอยู่ไหนตอนนี้?”
“หวานขอบคุณพี่มากนะที่ช่วยให้หวานได้รู้จักโลกของคนปกติทั่วไป ..สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของหวานคือการได้อยู่กับพี่เรนต่อจากนี้ไปพี่ต้องไม่มาหาหวานอีกนะหวานเป็นห่วง ………”
ไซเรนพูดแทรกขึ้นมา“ทำไม!!! หวานมีอะไรหวานอยู่ไหนบอกพี่มา?!?”
“พี่หนีไปไกลๆนะหนีให้พ้นจากไอ้แรมนะพี่หวานจะไม่หนีอีกแล้ว..”
ไซเรนน้ำเสียงกึ่งปลอบใจกึ่งเป็นห่วง“หวานหวานอยู่ไหนใจเย็นๆนะพี่จะออกไปหาหวานเดี๋ยวนี้หวานรอพี่นะ … เราจะสู้กับมันไอ้แรม!!เราต้องได้อยู่ด้วยกันสิ …. หวาน … หวาน…”
ไผ่หวานกดวางสายไปก่อนเพราะได้ยินเสียงคนเดิน
ไผ่หวานหลบไปมุมหนึ่งเงียบฟังเสียงฝีเท้าคนเดินซักพักใหญ่เสียงเท้าเงียบไป
เธอกดโทรศัพท์หาไซเรนอีกครั้ง
ไซเรนเอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์เฝ้าเพ้อถึงแต่ไผ่หวาน
“พี่ต้องพาหวานออกมาให้ได้แล้วเราจะไปอยู่ด้วยกัน …. มีบ้านหลังเล็กๆ …”

ไซเรนที่กลับมาที่ห้องเห็นว่าแรมนั่งคุยกับพาสเวิร์ดอยู่เหมือนคนรู้จักกัน
ไซเรนช็อก
“สวัสดีเพื่อนใหม่ … นายทำอะไรอยู่หรอขอเราเล่นด้วยคนได้มั้ย”
“เราไม่มีอะไรเล่นเราอยู่เฉยๆ … นายมีอะไรมาเล่นหรือเปล่า”
“เอางี้เรามาเล่นอะไรในคอมพิวเตอร์ของนายกันดีมั้ย?”
“ไม่เอาไม่เล่นแล้วมีแต่คนอยากให้เล่น … ไม่หนุกๆ”
“งั้นนายไปคอมพิวเตอร์อันนั้นมาให้เราเราจะเล่นให้นายดูเอง”
“ไม่ได้ของสำคัญของพี่เรย์พี่เรย์หวง”
ไซเรนเข้ามาพอดีวิ่งเข้าไปหาแรมทันที
“พี่แรม …. หวานอยู่ไหน … พี่เอาหวานไปไว้ไหนปล่อยหวานไปเหอะนะพี่ …ผมขอร้องผมจะไปอยู่กับพี่ให้ผมทำอะไรก็ได้นะพี่แรมปล่อยหวานนะ”
“โอ้... นี่คือชายผู้บูชาความรักตัวจริงเลยนี่ …นายไปเอาคอมพิวเตอร์ของไอ้เด็กนั่นมาให้เรา….”
“พี่แรมสัญญาก่อนว่าจะปล่อยหวานนะพี่นะผมขอร้องผมจะไปเอาคอมพ์นั่นมาให้พี่”
พาสเวิร์ดได้ยินว่าไซเรนจะมาเอาคอมพ์ก็พูดขึ้น
“ไม่ได้นะพี่ไซเรนรอให้พี่ตี๋กับพี่เรย์กลับมาก่อนให้ใครไม่ได้พี่ตี๋บอกว่าเป็นของพี่เรย์”
“อู้ววววว … สนุกจริงๆ …. พี่ตี๋ .. ของนายอยู่ที่นี่..นั่นเอง ….ตัวละครสำคัญครบในที่เดียว … เอ้าๆๆ … งั้นเรามาหาอะไรทำกันสนุกๆดีกว่า”
“พาสเวิร์ดให้เค้าไปเหอะนะเค้าจะได้รีบไปจากที่นี่ ….” ไซเรนหันไปพูดกับแรม “พี่แรมปล่อยหวานนะพี่ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ”

แรมยังคงขอคอมพิวเตอร์จากพาสเวิร์ดท่าทางสนุกมองไปที่ไซเรนที่กลัวแรมมาก
“เอาคอมพ์ฯเครื่องนั้นมาให้เราเดี๋ยวนี้เด็กน้อย”
“พี่เอาไปก็เล่นไม่ได้หรอกมันต้องใส่ตัวเลขที่ถูกต้องลงไปพี่ถึงจะเห็นอะไรที่พี่อยากเห็น”
“งั้นนายลองทำให้เราดูหน่อยทำเดี๋ยวนี้!!!”
“ไม่เอาผมเหนื่อยแล้วผมถอดรหัสได้หลายกล่องให้พี่เรย์ไปแล้ว …ไม่สนุกแล้วไม่อยากเล่น”
“เราบอกให้ทำนายก็ต้องทำ!!!”
“ไม่ทำผมไม่สนุก!!!”
แรมดึงคอมพ์มาจากพาสเวิร์ดพาสเวิร์ดดึงแย่งกลับไปกอดไว้
“นายไม่ต้องเล่นแล้วก็ได้เอาคอมพ์นี่มาให้เราเราจะไปแล้วเสียเวลาคุยกับพวกนาย”
“ไม่ได้รอพี่ตี๋กับพี่เรย์มาก่อนของพี่เรย์ต้องให้พี่เรย์”
พาสเวิร์ดกอดคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไว้แน่นแรมลุกขึ้นยืนควักปืนออกมาจากตัว
แล้วยิงไปคอมพิวเตอร์ที่พาสเวิร์ดกอดไว้ที่อกควันจากกระสุนปืนลอยขึ้นจากคอมพิวเตอร์เป็นรู
พาสเวิร์ดก้มลงมองตัวเอง
แรมดึงฮาร์ดดิสแล้วเดินต่อไปจ่อปืนใส่ไซเรนทำเหมือนจะยิงแต่ยิงไม่ลง
“เหี้ย!!! ตลกว่ะโคตรตลกนายมาอยู่กับพวกตำรวจจริงๆด้วยสรุปที่เราสอนนายไปเยอะแยะนี่ไม่เข้าหัวเลยใช่มั้ย?แต่นายยังคงเป็นลูกหมาตัวโปรดของเราอยู่นะถ้านายไปไหนไม่รอด
ก็กลับมาหาเราได้ตลอดเวลา”

แรมลูบหัวไซเรนอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินออกไซเรนทรุดลง


ตี๋ใหญ่เปิดประตูเข้ามาพาสเวิร์ดเอาคอมพ์ลงเผยให้เห็นเลือดออกเต็มหน้าอก

“พาสเวิร์ด”
“พี่ตี๋ … มันเอาคอมพ์ไปแล้วคอมพ์พี่เรย์… มีคนมาเอาไป…”
ตี๋ใหญ่จ้องที่หน้าอกพาสเวิร์ดช็อกๆ
พาสเวิร์ดก้มลงมองเสื้อตัวเองแล้วเห็นเลือดเต็มเสื้อ
“พี่ตี๋… เจ็บ.. เจ็บหน้าอกเลือดออกด้วย”
พาสเวิร์ดกระอักเลือดแล้วล้มลงกับพื้นตี๋ใหญ่รีบประครองพาสเวิร์ด
“เหวิ่ดเหวิ่ด … พี่ขอโทษ”
“พี่ตี๋ผมไปหาพี่หลินที่ไร่ก่อนนะแล้วเจอ....กัน...นะ”
มือของพาสเวิร์ดห้อยตกข้างตัว
ตี๋ใหญ่ช็อกไป

ตี๋ใหญ่น้ำตาค่อยๆไหลออกมา
ตี๋ใหญ่กอดพาสเวิร์ดไว้แน่
เรย์พยายามเรียกรถพยาบาล

ตี๋ใหญ่เข้าไปกระชากคอไซเรนที่นั่งตัวสั่นอยู่มุมห้อง ไซเรนยังกลัวกับการมาของแรม
เรย์เองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตี๋ใหญ่เข้าไปกระชากคอไซเรน
“ใครทำพาสเวิร์ด !”
ไซเรนนั่งตัวสั่นอยู่มุมห้อง
“พี่แรม… มันจะเอาคอมพ์แล้วพาสเวิร์ดไม่ให้…”
“แล้วมันอยู่ไหนไอ้แรม!!!”
ไซเรนเพ้อเหมือนคนไม่มีสติ
“ไม่รู้ … ไม่รู้จริงๆ … ช่วยไผ่หวานด้วยนะ ไผ่หวานโดนมันจับไป”
ตี๋ใหญ่มองหน้าไซเรนแบบไม่รู้จะคาดคั้นไปทำไม เดินออกจากห้อง เรย์มาขวางไว้
“คุณจะไปตอนนี้ได้ยังไง … ยังไม่รู้เลยว่าแรมอยู่ที่ไหน … ใจเย็นๆก่อน”
“ผมรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันกับผมต้องตายกันไปข้างนึง … ไม่มันก็ผม ..."
“ขอกำลังเสริมไปช่วยล้อมจับดีกว่าคุณไปคนเดียวก็เสี่ยงเกินไป”
“ผมไม่มีอะไรต้องเสี่ยงชีวิต ผมมีเท่านี้ … คนที่ผมรักจากไปหมดแล้ว ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ? ผมควรจะตายไปตั้งนานแล้ว”
เรย์ได้แต่นิ่งเงียบ สะอึกกับคำพูดของตี๋ใหญ่ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่จะรั้งตี๋ใหญ่ไว้ได้

เสียงจากทีวี นอกห้องผู้ประกาศข่าว
“มาถึงคดีที่อื้อฉาว และช็อกสังคมที่สุดในเวลานี้ มีการตรวจพบว่าพลตำรวจโท เผด็จ พิทักษ์สุข
หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดซะเอง”
เห็นภาพเสื้อเกราะเผด็จที่มีหัวลูกปืนติดอยู่ไปจนเห็นเผด็จนั่งหันหลังถอดเสื้อที่เต็มไปด้วยรอยช้ำของกระสุนน่ากลัวและรอยแผลเป็นจากการสู้รบเก่าๆ
หมอตำรวจหญิงพันผ้าทำแผลที่โดนยิงขาเสร็จแล้ว
สีหน้าเผด็จผิดหวังสุดๆ ...

ข่าวทีวีขึ้นภาพเผด็จที่หน้าจอมุมขวา ขณะผู้ประกาศข่าวรายงาน
นักข่าวถือกล้องวิ่งตามถ่ายเผด็จขณะถูกจับกุมตัวไปขึ้นรถตำรวจ
แทรกภาพจากกล้องมือถือที่ชาวบ้าน
รถตำรวจแล่นออกไป นักข่าววิ่งตามถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง
“จากเหตุเข้าจับกุมกลุ่มตำรวจที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เกิดปะทะกันผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตทั้งหมด เหลือเพียงพันตำรวจเอกเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจรถของพันตำรวจโทเผด็จ
ก็พบของกลางเป็นยาเสพติดมากกว่า 10 กิโลกรัม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน”
เผด็จเครียดๆ
ทีวีตัดเข้าตอนบรรจงให้สัมภาษณ์นักข่าว
“ผมขอไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีตอนนี้นะครับ ท่านเผด็จ ท่านเป็นตำรวจมือปราบที่มีผลงานมากมาย เรื่องนี้ต้องทำการสืบในหลายแง่มุมให้ละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ สื่อก็ต้องใจเย็นนิดนึง ผมขอร้องสื่ออย่าเพิ่งตีความไปด้านเดียวนะครับ รอผลการสอบสวนก่อน”
นักข่าวถาม “ตำแหน่งของท่านเผด็จจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ใช่มั้ยคะ”
"เรามีการนำตัวท่านไปสอบสวนแบบส่วนตัว แต่ขออนุญาตไม่บอกนะครับว่าที่ไหน ผมยืนยันว่าทุกอย่างจะทำไปตามระบบ ท่านไม่ได้รับอภิสิทธิ์อะไรเป็นพิเศษแน่นอน"

บรรจงเดินเข้ามาในห้องสอบสวนที่เผด็จนั่งอยู่
เผด็จมีสีหน้าอิดโรยเหมือนคนที่ไม่ได้กินและไม่ได้นอนมาหลายชั่วโมง
“ทำไมไม่ทำให้ง่ายล่ะคุณเผด็จ พูดไปซะก็จบ”
“จะให้ผมพูดอะไรในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไร”
“ทำแบบนี้ทำไมเผด็จ ผมเสียดายคุณจริงๆรู้มั้ย”
เผด็จมองบรรจงอย่างเคียดแค้น
“ผมเห็นแก่ที่คุณทำดีมาตลอด เลยคุยกับผู้บังคับบัญชาคุณว่าจะจบเรื่องนี้สวยๆเคลียร์หลักฐานให้บอกสื่อว่ายาที่อยู่บนรถมันเป็นแค่ของกลางที่คุณยึดมาจากผู้ร้ายอีกที แล้วจากนี้รอเรื่องเงียบซักพัก แล้วคุณก็ค่อยลาออกไป”
“ผมจะได้ไม่อยู่ขวางใครบางคนใช่มั้ย ??”
บรรจงได้ยินเผด็จพูด ก็แอบยิ้มมุมปาก
“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรนะ จะให้ผมหาทนายมาให้คุยมั้ย”
“ผมจะมีทนายไปเพื่ออะไรล่ะครับ ในเมื่อคนที่ใส่ร้ายผมมันก็น่าจะหาวิธีควบคุมกระบวนการยุติธรรมไว้ทั้งหมดแล้ว ทางเดียวที่ผมจะรอดก็คือผมต้องลาออกใช่มั้ยครับ”
“คุณเผด็จคุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า ถ้าตำรวจอย่างคุณเข้าไปอยู่ในคุกที่มีแต่โจรที่คุณจับเข้าไปในนั้นมันจะเป็นยังไง ผมเป็นห่วงคุณนะ ลาออกจากตำรวจแล้วไปใช้ชีวิตเกษียณสงบๆดีมั้ย”
เผด็จก้มหน้านิ่งสีหน้าเครียดสุดขีด
“อย่าให้คนต้องมาเดือดร้อนเพราะคุณเพิ่มขึ้นอีก ลองนับดูรึยัง ตั้งแต่กลับเข้ามาทำงาน คุณพาลูกน้องไปตายกี่คนแล้วเพื่อจะจบเรื่องนี้”
เผด็จยังคงเงียบ
“ผมให้เวลาคุณอีกสักชั่วโมงแล้วกัน ลองคิดดูดีๆ”
“ผมขอถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนครับ”
บรรจงมองหน้าเผด็จแบบแปลกใจเล็กน้อย
“งั้นผมก็ขอให้คุณโชคดีแล้วกันนะ”
บรรจงออกไปแล้วสีหน้าเผด็จกดดันแทบระเบิด
เผด็จเอาเก้าอี้ทุ่มใส่กระจกห้องสอบสวน

เรย์มองผ่านกระจก


ไผ่หวานมองท้องฟ้าสีหน้าเหม่อๆกดโทรศัพท์หาไซเรนอีกครั้ง

ไผ่หวานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย
“พี่เรน..”
ไซเรนพูดแทรกขึ้นมา
“หวาน ... หวานอยู่ไหนมันทำอะไรหวานรึเปล่า ?”
“จะไม่มีใครทำอะไรหวานได้อีก .. พี่เรนทำอะไรอยู่ ... หวานคิดถึงพี่ .. พี่ดูแลตัวเองด้วยนะหวานคงไม่ได้อยู่กับพี่เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้”
เสียงลูกน้อฃแรมรอดมาในโทรศัพท์ “ลงมาอีหวาน!! อย่าทำอะไรโง่ๆนะมึง!!”
ไผ่หวานร้องไห้สะอื้น “หวานรักพี่นะ”
“หวานหวาน ... ฟังพี่อยู่มั้ย ... หวานรอพี่นะ พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้ เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน”
ไผ่หวานยืนอยู่บนดาดฟ้าและถูกลูกน้องแรมพยายามห้ามไม่ให้โดดตึก
ลมแรงพัดเส้นผมไผ่หวานปลิว
โทรศัพท์ตกแตกกระจาย
ไผ่หวานยิ้มสุดท้ายทิ้งตัว...
ไซเรนทรุดตัวลงนั่ง

ภายในโถงบาร์ Last Day
แรมที่อยู่ที่บาร์ไล่ปิดกระเป๋าที่เต็มไปด้วยยาทีละใบอย่างมีความสุข แรมส่งต่อไปให้ลูกน้อง

ตี๋ใหญ่ขับรถทะลุกำแพงเข้ามาในบาร์ รถแถมาจนชนแรมขึ้นไปบนฝากระโปรง
ลูกน้องกระจอกจะยิงตี๋ใหญ่จากด้านข้างทั้งสอง ตี๋ใหญ่สวนร่วงไป
แรมพลิกตัวขึ้นมายิงใส่ตี๋ใหญ่ผ่านกระจกรถก่อนโดนตี๋ใหญ่สวนผ่านกระจก
จนแรมกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ทั้งคู่ยิงผ่านหลังคา ตี๋ใหญ่ปืนเจาะหัวไหล่ แรมถูกยิงเท้าทะลุ
ล้มบนหลังคา ตี๋ใหญ่ฉวยโอกาสขับรถออกแล้วเบรคให้แรมตกลงพื้นปืนกระเด็น ตี๋ใหญ่ขับตามมาทับขาไว้
ตี๋ใหญ่กำลังจะยิงแรม แต่สมุนใหม่ของแรมออกมายิงปืนกลสู้กันพังทั้งร้าน
สุดท้ายตี๋ใหญ่พาแรมขึ้นรถออกไป
แรมยิงจากด้านบน
ใหญ่หลบวูบมีเอ็ฟเฟคขึ้นที่เบาะสามนัด
ตี๋ใหญ่ใส่แม็ค จ่อยิงขึ้นไปบนหลังคา
กระสุนทะลุหลังคาสามนัด
นัดสุดท้ายโดนรองเท้าแรมทะลุ
แรมเจ็บ
แรมล้มลงบนหลังคาก่อนกลิ้งตกไปหน้ารถ
ปืนแรมตกไสลด์บนกระโปรงรถ
ตี๋ใหญ่แค้น
แรมพลิกตัวบนฝากระโปรง ส่วนตี๋ใหญ่แม็คปืนลูกหมดสไลด์ค้าง
เขาสตาร์ทรถหลายครั้งจนติด
เท้าเหยียบคันเร่ง ก่อนล้อเบรกเอี้ยด
ตี๋ใหญ่ขับรถอย่างกระชากออกก่อนเบรก แรมตกลงจากรถ
ใหญดุดับขับรถจนทับขาแรม
ตี๋ใหญ่เปิดประตูลงอย่างช้าๆ ตัวเองบาดเจ็บเช่นกัน
แรมทั้งเจ็บทั้งมันส์ในการได้ปะทะกันตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่เอาลูกปืนบรรจุลงแม็คใหม่ ยืนค้ำแรมจ่อปืนจะยิง
แรมยังพล่ามขณะที่มือก็จุดบุหรี่ดูดไปด้วย
“เฮ้ยนายมาตามไล่ยิงเราทำไมวะ เราไปเกี่ยวข้องกับนายตอนไหนเหรอ เอาน่า เมียนายตายไปแล้วน่ายังก็ไม่มีวันฟื้นหรอก"
“มึงคิดว่ามึงเป็นใคร…!!!! มึงจะทำอะไรกับใครก็ได้เหรอ … ใครทำอะไรมึงไม่ได้เลยใช่มั้ย ชีวิตคนอื่นไม่มีค่าเลยใช่มั้ย มึงสั่งเป็นสั่งตายเค้าเห็นชีวิตคนอื่นไม่มีความหมาย ….”
แรมถุยน้ำลายใส่ตี๋ใหญ่
“นายพล่ามอะไร… เราไม่รู้ว่านายต้องการอะไรจากเรา … อยากเป็นพ่อค้ายาแทนเราหรอ?”
“มึงไม่รู้เลยใช่มั้ยว่ามึงทำอะไรกับกูไว้มั่ง …. มึงฆ่าเมียกู … มึงฆ่าน้องกู”
“เราไม่รู้ว่าน้องนายเมียนายคนไหน”
“วันที่รถระเบิดตอนมึงไล่ฆ่าเผด็จนั้น เมียกูกับเด็กที่มึงไปยิงเมือวานนั้นน้องกู”
“ออๆจำได้และบังเอิญจังคนแรกเราไม่ได้ตั้งใจนะ ส่วนเด็กนั้นมันไม่ยอมให้ของเราดีๆ…
แต่เรามองว่าคนที่ตายไปดีกว่ามีชีวิตอยู่อีกนะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ตายไปตั้งนานแล้วหล่ะไอ้สัส!!!”
“เราก็ไม่รู้เราพยายามใช้ชีวิตเหมือนจะตายทุกวัน แต่เราก็ยังรอดมาได้ …. ฮ่ะฮ่ะฮ่าาาาา”
“ได้!!! ไอ้สัส!!! กูจะให้มึงได้ตายวันนี้แหล่ะ!!!”
“แล้วคนอย่างนายดีกว่าเราตรงไหน นายเป็นใครวะ เป็นฮีโร่เหรอ นายร่วมมือกับไอ้ตำรวจฆ่าไอ้เอ็ดดี้ ฆ่าไอ้ปารเมศ ไอ้สัว แล้วทำให้นายกลายเป็นคนดีกว่าเราขึ้นมาเลยรึไง”
“เพราะคนเหี้ยๆอย่างพวกมึงฆ่าเมียกูทำลายครอบครัวกู”
“บอกให้ที่นายทำก็ไม่ต่างจากเราหรอก แต่นายแค่อุปโลกขึ้นมาว่า นายทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเราเป็นพ่อค้ายา นายเลยฆ่าเราได้ นายทรมานเราได้ นายมีความชอบธรรม แต่เรา... เราเจ๋งกว่านายตรงไหนรู้ป่ะ เราชอบในสิ่งที่เราทำ ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่ามันเหี้ย ก็แค่บัญญัติของสังคมเหี้ยๆนี่ ... เราแค่คิดต่างจากคนอื่นเราก็เป็นคนเลวเลยหรือดีเลวชั่วคืออะไร ก็แค่สมมุติกันเป็นตุเป็นตะน่าไม่มีจริงซะหน่อย นายกับเรามันก็แค่ผงธุลี ฝุ่นลองที่ปลิวไปมาอยู่บนโลกสมมุติน่าจริงจังไรมาก ชีวิตก็มีอยู่แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละน่า ยิ้มไว้น่าเพราะบางทีมันอาจเป็นยิ้มสุดท้ายของนายก็ได้นะ”

เรย์กับไซเรนมาถึงเดินมามองอย่างตะลึง ตี๋ใหญ่เอาแรมมัดมือใส่รถแล้วตี๋ใหญ่กำลังจะถอยรถเรย์
เรย์เข้ามาพูด
“คุณจะไปไหนอ่ะ อย่าทำอย่างนี้เลยนะธาวิน”
“พี่แรมไผ่หวานล่ะพี่” ไซเรนถาม

แรมหัวเราะ ตี๋ใหญ่ถอยรถออก เรย์ไซเรนตัดสินใจตามไป


เวลากลางคืน ณ ลานโล่งแห่งหนึ่ง ประตูรถปิดออก แรมถูกถีบกลิ้งลงมา ตี๋ใหญ่ลากขาแรมข้างที่หักบิดเบี้ยว แรมร้องโหยหวน

แรมที่ถูกตี๋ใหญ่ลากคลุกคลานไปจุดที่ ....
“นายจะพาเรามารำลึกความหลังก็ไม่บอก”
ตี๋ใหญ่หันสวนหมัดใส่หน้าแรมทันที

จากภาพมืด สายตาแรมค่อยชัดขึ้น
แรมฟื้นขึ้นแล้วพบว่าตัวเองถูกล็อกกุญแจอยู่ในซากรถ
ตี๋ใหญ่กำลังเอาถังน้ำมันออกจากท้ายรถ
“นายคิดนานมั้ยว่าลากเราออกมาถึงนี่เพื่อที่จะเผาเราแค่นี้นะ”
ทั้งคู่พูดกันขณะที่ตี๋ใหญ่ลำเลียงน้ำมันหลายแกลลอนใส่ในรถ
“ชายผู้บูชาความรักติดกับดักอดีตที่แก้ไขไม่ได้คลาสิคสร้างสรรค์เราชอบว่ะ เมียนายตายไปแล้วเค้าไม่มีวันกลับมาแล้ว แค่นายต้องยอมรับความจริงให้ได้ก็แค่นั้นเอง”
“มึงก็แค่ไอ้สวะค้ายา”
ตี๋ใหญ่ทั้งเศร้าทั้งแค้น แรมยังพล่ามแต่โกรธและจริงจังขึ้น ตี๋ใหญ่ราดน้ำมันใส่แรม
“นายคิดว่าไม่มียาพวกนี้แล้วโลกมันจะน่าอยู่ขึ้นเหรอ นายมันโลกสวย คนเรามีความสามารถในการทนรับความเจ็บปวดในการมีชีวิตอยู่ได้ไม่เท่ากันหรอก คนมันถึงฆ่ากันเพราะมันเครียด ถ้ามันมีเครื่องมือที่จะทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงความสุขอันน้อนนิดบนโลกนี้ ทำไมเราไม่มีสิทธิ์ใช้มันใครมากำหนด ใครมันกล้ามากำหนดว่าอะไรดีไม่ดีในโลก กล้าตั้งกฎนึกว่าตัวเองเป็นใคร! ทุกคนก็อยากมีความสุขกันทั้งนั้น”
“มึงมันก็แค่ซ่อนตัวอยู่ในโลกของมึงในโลกสมมุติของมึง เพราะมึงทนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ไงเพราะอะไร? ทำไม ? พ่อแม่ไม่รักมึงเหรอเพราะไม่มีใครรักมึงเลยใช่มั้ย ?”
เป็นครั้งแรกที่เห็นแรมอึ้งๆไปจากคำพูดของตี๋ใหญ่
แรมพูดจริงจัง มีความเจ็บปวดเหมือนตี๋ใหญ่พูดถูกจุดเรื่องครอบครัว
“นายจะไปรู้อะไรเรื่องชีวิตเรา ความรักเหรอมันไม่มีอยู่จริงซะหน่อย เรานี่แหละคือคนบรรเทาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ มันลดลงบรรเทาความโหดร้ายจากสันดานดิบของมนุษย์มันโหดร้าย
นายมันจะไปรู้อะไรห๊ะ?”
ตี๋ใหญ่เดินราดน้ำมันออกมาไกลตัวรถขณะที่แรมก็ยังพล่าม ตี๋ใหญ่มาหยุด
ตี๋ใหญ่มือสั่นเริ่มจุดไฟแช็คแต่ก็เหมือนจุดไม่ติดซักที
ไกลออกไปมีรถเรย์มาจอด ตี๋ใหญ่เหลือบมองแต่ไม่สนใจ
“กูจะให้มึงโดนแบบเดียวกับที่เมียกูโดน !!”
เรย์กับไซเรนลงจากรถมองตี๋ใหญ่
เหมือนหลินเข้ามาจับมือตี๋ใหญ่ ....
“พอเถอะค่ะวิน”
ความจริงเป็นเรย์
“หยุดเถอะคะชั้นขอร้อง”
แรมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงเรย์
“เรานี่ดวงแข็งโป๊กเลย”
“ทำอย่างนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ออกไปเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” ตี๋ใหญ่บอก
“แล้วคุณจะทำอะไร จุดไฟให้ไหม้เผามันทั้งเป็นคุณบ้าไปแล้วเหรอ”
ตี๋ใหญ่ยังพยายามจุดไฟแช็ค แต่ไม่ติด ระเบิดอารมณ์ตะโกนคลั่งแค้น
“คุณจะไปรู้อะไร น้องผมถูกยิงตาย เมียผมไมรู้เรื่องอะไรด้วยก็โดนมันฆ่า คุณจะไปเข้าใจอะไรผมต้องจบเรื่องนี้เดี๋ยวนี้”
เรย์เข้ากอดตี๋ใหญ่จากด้านหลัง เรย์หมุนสลับกับหลิน
ตี๋ใหญ่รู้สึกได้ว่าเรย์มีบางอย่างที่คล้ายหลิน
“วินสัญญาแล้วนะว่าจะไม่ฆ่าใครอีก” หลินบอก
ตี๋ใหญ่อึ้งนึกถึงหลิน ตี๋ใหญ่เหมือนจะอ่อนลง
“ทุกอย่างไม่จบหลังจากที่คุณฆ่ามันจะมีคนแบบมันเกิดขึ้นบนโลกอีก พวกมันจะขายยาแล้วก็ฆ่าคนจะมีคนต้องมาเป็นเหยื่อแบบหลิน แบบเหวิ่ด ต่อไปเรื่อยๆ” เรย์ว่า
ตี๋ใหญ่เงียบไม่ตอบ
ไฟแช็คติดไฟขึ้นมาแล้วเปลวไฟลุกวาบขึ้นมา
“พี่แรมๆไผ่หวานอยู่ไหนพี่ พี่บอกผมเถอะ”
แรมบอก “ลูกตำรวจอย่างนาย อุดมการณ์สูงส่งนักใช่ไหมอยากเป็นตำรวจ ... สุดท้าย
หวังจะไปอยู่กินกับคนรักมีอนาคตดีๆด้วยกัน อนาคตที่ไม่มีอยู่จริงหึๆ" แรมมองตี๋ใหญ่ ก่อนบอกไซเรน "ฆ่ามัน!!!”
ไซเรนที่ชักปืนออกมาเข้าใกล้จนจ่อตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่เห็นผละจากเรย์เดินเข้าหาไซเรนจ่อปืนที่หัวตี๋ใหญ่
“หยุด!! ….พี่ผมขอร้อง…ถ้าพี่แรมตาย ผม ผมจะไม่มีวันได้เจอไผ่หวานอีก พี่ ..หลินหลินตายไปแล้วพี่เค้าฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอก พี่แต่ไผ่หวานยังไม่ตายพี่ พี่อย่าผมขอร้อง!!!”
ไซเรนจ่อปืนสั่นๆที่ตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่ไม่สนใจทั้งสิ้น ไซเรนไม่รู้อย่างไรต่อไปดี
“คิดว่าคุณหลินอยากให้ทำแบบนี้เหรอ” เรย์ว่า
“ผมไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากอยากเห็นมันตายเหมือนที่หลินตาย”
“ถ้าเราเอาแรมเข้ากระบวนการสอบสวน เราจะสาวตัวคนร้ายได้อีกหลายคน อาจจะรวมถึงคนที่จัดฉากยัดยาให้หัวหน้าเผด็จด้วย ถ้าคุณฆ่ามัน ทุกอย่างก็จะจบแค่นี้หยุดเถอะนะ ชั้นขอร้อง!!”
มือที่ถือไฟแช็คของตี๋ใหญ่ มีมือหลินมาพยายามจับ แต่ตี๋ใหญ่ดึงมือออก
หลินส่ายหน้าไม่อยากให้ทำ
“ผมเหนื่อยแล้ว”
แรมพยายามทำอะไรสักอย่างที่ข้อมือ ตะโกนมา
“ยิ้มไว้ๆเพราะบางทีมันอาจเป็นยิ้มสุดท้ายของนายก็ได้นะ”
จากหลินเป็นเรย์ เรย์บอก “วินขอร้องล่ะถ้าทำแบบนี้คุณก็ไม่ต่างจากพวกมันเลยนะ”
เรย์มองหน้าตี๋ใหญ่ ขอร้อง ตี๋ใหญ่เหมือนจะเปลี่ยนใจ
มือเรย์คืบเข้ามาจะจับไฟแช็ค แต่ตี๋ใหญ่ปล่อยหลุด
ไฟแช็คลงที่พื้นไฟลุกพรึ่บขึ้น
ไฟที่วิ่งไปที่รถ
ไฟติดรถพรึบ
ไซเรนเหวอ ทรุดลง นั่งกุมหัว ด้านหลังเป็นไฟลุกโชน
เรย์ตกใจถอยออกจากกอดตี๋ใหญ่ หมดหวัง ก้มหน้า มองไปทางอื่น
ใหญ่เย็นชา ด้านหลังเป็นไฟลุกโชน
ด้านหลังของทั้งสามคนเป็นไฟลุกโชน

วันต่อมา ไซเรนยกเหล้าดื่ม เขาบรรจุลูกใส่รังเพลิง ไซเรนตัดสินใจยกขึ้นจ่อคางตัวเอง

ในห้องสอบสวน
ภัทรามาเยี่ยมเผด็จและเกลี้ยกล่อม
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“คุณเกี่ยวข้องอะไรกับสโมสรมหาสมุทร”
ภัทราสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและนิ่งราวกับรูปปั้นอีกคนหนึ่ง
“คุณลาออกเถอะ ตอนนี้คุณสู้กับอำนาจที่บรรจงมีอยู่ไม่ได้หรอก”
“ผมถามว่าทำไมมีรูปคุณในแลปท้อปของสโมสรมหาสมุทร”
ภัทราเปิดเผยทุกอย่างกับเผด็จ
“ชั้นก็มีเป้าหมายเดียวกับคุณนั่นแหละ”
เผด็จมองไม่เข้าใจ
“ชั้นและคนอีกกลุ่มหนึ่งในนามมหาสมุทรกำลังเข้าควบคุมแทรกแซงทุกกลุ่ม
และทุกช่องทางของผู้ที่นำยาเสพติดเข้ามาในประเทศเรา แล้วค่อยๆยึดการนำเข้าและขายออกทุกอย่างมาทั้งหมดมาดำเนินการเองทั้งหมด”
“คุณก็แค่ต้องเป็นผู้ขายรายเดียว ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณคือเมียของผู้ชายที่ยอมตาย เพื่อปกป้องประเทศเราจากยาเสพติดคุณมัน…..”
“อาจจะใช้เวลาหลายปี แต่สุดท้ายเมื่อเราทำสำเร็จ …เราก็จะชัทดาวน์ทั้งระบบ และหวังว่าตอนนั้นเรามีอำนาจทางการเมืองมากพอที่จะหยุดไม่ให้ยาพิษนั่นเข้ามาทำลายเยาวชนในประเทศเราได้อีก”
เผด็จมองภัทราแบบเดาไม่ถูกเลยว่าภัทราพูดจริงแค่ไหน แต่ภัทราพูดแบบมุ่งมั่นจริงใจ
“คุณก็เห็นอยู่แล้วว่าเล่นตามกฎคุณไม่มีทางชนะ ประเทศก็ไม่ชนะ ……ชั้นอยากให้คุณลาออกมาช่วยกัน”
เผด็จอึ้งๆเหมือนจะเชื่อและกำลังตัดสินใจ
เผด็จจะตัดสินใจอย่างไร

ภายใน Last day
เสียงผิวปากที่คุ้นหูลอยมา
สภาพในบาร์ตอนนี้ ร้าง มีสภาพเหมือนซากปรักหักพัง
ป้าย last day จนไปถึงแรมที่นั่งหันหลัง
ใบหน้าแรมเห็นรอยยิ้ม
“ตี๋ใหญ่ ........”

มือที่มีรอยไฟไหม้จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ....

ติดตามต่อซีซั่น 3


กำลังโหลดความคิดเห็น