ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 7
ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม
วันใหม่ ภายในห้องคนไข้ ในโรงพยาบาล
สัวนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีหน้าซีดเซียว อยู่คนเดียวในห้องมือขวามีสายน้ำเกลือติดอยู่
สัวพยายามจะใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อขยับตัวแต่ในตอนนี้ความรู้สึกตั้งแต่เอวจนถึงขาของเขาไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว !
สัวพยายามทุบขาทั้งสองข้างของตัวเอง แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
สัวเหลือบไปมองผ่านม่านเห็นโต๊ะข้างเตียงที่มีแจกันดอกไม้ขวดน้ำและแก้วน้ำวางบนผ้ารองโต๊ะสัวคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่างพยายามเอื้อมมือไปทีแก้วน้ำแต่ก็เอื้อมไม่ถึง
สัวยังคงใช้แรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดเอื้อมไปดึงผ้ารองโต๊ะสุดแรงทำให้ตัวสัวพลิกหล่นลงจากเตียง
ทุกอย่างตกลงมาที่พื้นแจกันแก้วและขวดน้ำแตกกระจายสัวนอนนิ่งอยู่ที่พื้น
รองฯ เผด็จและเรย์เดินอยู่ที่ทางเดินโรงพยาบาล
เรย์บอก
“แผลก็หายเกือบปกติแล้วคะแต่ตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไรเลยคะ”
“อาจจะต้องให้เวลาเค้าทำใจด้วยน่ะ”เผด็จบอก
เผด็จและเรย์เปิดประตูเข้าไปในห้องทั้งคู่เดินเข้าไปไม่สังเกตอะไร
เผด็จเดินไปถึงเตียงแต่รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรซักอย่างบนพื้น
เผด็จมองไปที่พื้นเห็นเป็นเศษแก้วเผด็จสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เผด็จเดินไปที่เตียงที่ม่านปิดอยู่
แต่พอเผด็จเปิดดูปรากฎว่าสัวไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว
รองฯ เผด็จมองไปรอบห้องเห็นแก้วแตกกระจายผ้ารองโต๊ะหล่นอยู่ที่พื้นดอกไม้จากแจกันกระจายเต็มห้อง
เผด็จส่งสัญญาณให้เรย์ออกไปดูหน้าห้องเรย์รีบหันหลังออกไป
เผด็จก้มไปมองที่พื้นเห็นรอยเลือดหยดเป็นทางยาวเผด็จเดินตามรอยเลือดไป
เผด็จเดินตามรอยเลือดไปหยุดที่หน้าห้องน้ำ
ประตูห้องน้ำแง้มเปิดนิดๆเห็นแสงไฟด้านในเปิดอยู่เผด็จค่อยๆเปิดประตูเข้าไปถึงกับอึ้ง
เผด็จเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปเล็กน้อย
เผด็จอึ้งกับสิ่งที่เห็น
เผด็จมองเห็นสัวนอนพิงอยู่ตรงกำแพงหน้าตาซีดเซียว
ขาด้านซ้ายของสัวเต็มไปด้วยเลือดที่โดนเศษแก้วบาด
ในมือของสัวกำเศษแก้วขนาดใหญ่ที่แตกจากแจกันเลือดไหลเต็มมือ
ที่ข้อมือมีรอยกรีดเลือดไหลออกมาเต็มเผด็จรีบวิ่งเข้าไปช่วยสัวทันที
“เรย์ตามหมอ..!!”
เรย์ที่อยู่หน้าห้องได้ยินเสียงเผด็จเรียกจึงกลับเข้ามาในห้อง
เรย์เห็นเผด็จกำลังช่วยสัวอยู่ในห้องน้ำเรย์ยืนอึ้งไม่คิดว่าสัวจะฆ่าตัวตาย
พยาบาลทำแผลที่แขนและขาของสัวที่เลือดไหลให้สัวเสร็จ แล้วเดินออกไปจากเตียง
สัวนอน แต่ถูกมัดแขนอยู่บนเตียงหน้าซีดเซียวมองเหม่อออกไปนอกห้องเผด็จและเรย์ยืนมองสัวอยู่ข้างๆ
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณสัวคงต้องใช้เวลาอีกนิดแต่ผมเชื่อว่าคุณหมอช่วยให้คุณปรับตัวได้ในไม่ช้าครับ”
เรย์เหลือบมองเผด็จไม่คิดว่าจะเป็นเผด็จทำหน้าที่นี้
สัวยังคงเหม่อมองไปนอกห้อง
รอง ฯ เผด็จเห็นว่าสัวคงไม่พูดเลยจะเดินออกไป
“เดี๋ยว...”
เผด็จชะงักหันกลับมามอง
สัวมองเผด็จ
“ผมจะบอกคุณเรื่องไอ้แรมแต่ผมอยากจะขอให้คุณช่วยผมอย่างนึง”
“ถ้าคุณให้การที่เป็นประโยชน์และถ้าผมพอจะช่วยได้ครับ”
“…ผมจะบอกคุณทุกอย่างเกี่ยวกับมันถ้าคุณสัญญาว่าคุณจะให้ในสิ่งที่ผมขอ”
เผด็จมองไปที่สัวอย่างสงสัยว่าสัวจะให้ตนสัญญาอะไร
“ผม..ขอคุยกับคุณตามลำพัง”สัวบอก
เรย์มองไปที่เผด็จเผด็จพยักหน้าให้เรย์ออกไป
ด้านนอก ... เรย์มองสองคนคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงคุยกันแต่อย่างไร
“ผม….ไม่อยากอยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต…คุณช่วยทำให้ผมตายที”
เผด็จรับคำมองหน้าสัวนิ่งๆทำทุกอย่างให้สร้างความมั่นใจให้สัวบอกความลับมาให้หมด
เรย์มองสัวอย่างเศร้าๆ
ต่อมา ... เผด็จตามเรย์เข้ามาเผด็จซักถามเรย์เป็นคนจดสัวเริ่มอธิบาย
ต่อมา ... รถของเผด็จ,เรย์และกลุ่มตำรวจยกทีมมาล้อม Last day Pubไว้ทั้งหมดลงจากรถและเดินมาที่หน้าประตูผับด้านหลังเห็นรถตำรวจอีกหลายคันจอดล้อม Lastday Pub อยู่
ลูกน้องของแรมสองคนมองเรย์นิ่ง
เรย์จะเดินเข้าไปแต่ลูกน้องของแรมที่หน้าประตูกั้นเรย์และตำรวจไว้
เรย์ชูตราตำรวจขึ้นมาให้ดูลูกน้องของแรมตกใจเล็กน้อยแต่ยังคงเก็บความรู้สึก
ลูกน้องทั้งสองมองหน้ากันและหลีกทางให้เผด็จและเรย์เข้าผับไป
ทันทีที่เดินเข้าไปใน Last day ลูกน้องคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ไปหาคนๆนึง
ทันทีที่สายตรงข้ามรับลูกน้องพูดขึ้นว่า
“งานเข้าพี่!!”
ภายในห้องแพ็คยาใน Last day เวลากลางวัน
ไอ้หมีลูกน้องร่างใหญ่รับโทรศัพท์ฟังเรื่องที่ลูกน้องหน้าประตูรายงานไอ้หมีวางสายรีบมารายงานแรมที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยอาการหวาดกลัวแต่แรมยังคงนั่งนิ่งๆเหมือนกำลังใช้ความคิด
“พี่แรม!! ตำรวจมาพี่”หมีบอก
“เก็บของ!!”แรมสั่ง
“ครับพี่”
ไอ้หมีและลูกน้องของแรมจำนวนหนึ่งรีบตรงไปยังห้องลับที่ซ่อนยาไว้ตำรวจกลุ่มหนึ่ง
วิ่งผ่านห้องลับที่มีตู้บังอยู่ไอ้หมีและพรรคพวกรีบหลบไปอีกทาง
ไอ้หมีรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาแรมทันที
“พี่แรมเหมือนพวกตำรวจมันรู้หว่ะพี่ด้านหลังมันส่งคนมา... เต็มไปหมด
ทำไงดีพี่!!”
แรมคุยโทรศัพท์กับลูกน้องในห้องทำงาน
แรมสั่ง “เอาของออกไปเลยเดี๋ยวทางนี้เราจัดการเอง”
แรมวางสายโทรศัพท์และรีบเดินออกจากห้องไปทันที
ที่หน้าห้องลับไอ้หมีวางสายโทรศัพท์มองหน้าพรรคพวกและหนีตำรวจออกไปอีกทาง
รองฯ เผด็จและเรย์เดินเข้ามาภายในผับ Last day พร้อมกับกลุ่มตำรวจพอดีกับที่แรมเดินสวนเข้ามา
“สวัสดีครับคุณตำรวจวันนี้นายมีอะไรให้เรารับใช้ครับมาเหนื่อยๆแบบนี้เครื่องดื่มเย็นๆซักนิดหน่อยมั้ยครับจะได้เย็นชื่นใจ”
แรมส่งสายตายียวนให้กับเรย์แต่เรย์ไม่สะทกสะท้านอะไรแรมกวนต่อไป
“ไม่ดื่มก็ไม่เป็นไรครับว่าแต่...อุตส่าห์เดินทางมาหาเราถึงที่นี่มีเรื่องอะไรให้เราช่วย...บอกเราได้นะ ... เรายินดี”
เรย์ไม่พูดมองไปที่ตำรวจด้านหลังตำรวจคนนั้นส่งเอกสารหมายค้นมาให้เรย์ส่งให้แรมดู
“อะไรครับคุณตำรวจออๆหมายค้น”
เรย์ส่งสัญญาณให้ตำรวจไปค้นของใน Last day ทั้งหมด
แรมและเผด็จเดินเข้าไปอีกทางเพื่อไปตรวจค้นแรมรีบเข้ามาขวาง
"เดี๋ยวๆๆสิครับคุณตำรวจ”
เผด็จและเรย์ไม่สนใจแรมพยายามเดินหนีไปตรงไปยังห้องลับ
เรย์บอก “หัวหน้าคะ ... น่าจะทางนี้ค่ะ”
เผด็จพยักหน้ากลุ่มตำรวจเดินตามไปอย่างเร่งรีบแรมคิดว่าเผด็จรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับห้องลับ
ตำรวจนายหนึ่งวิ่งมารายงานเผด็จ
“กระจายกำลังตรวจรอบๆ”เผด็จสั่ง
เผด็จเดินนำไปแรมเริ่มเอะใจบางอย่างเหมือนรู้ว่าตำรวจรู้ที่ซ่อน
“หัวหน้าครับ" แรมล้อๆ "หาอะไรอยู่เหรอครับเดี๋ยวเราจะได้ช่วยหา”
แรมเดินนำเผด็จและเรย์ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันดูซิว่าแรมจะทำอะไรต่อไป
รองฯ เผด็จ และกลุ่มตำรวจเดินไปเผด็จเห็นตู้เหล็กใบหนึ่งวางพิงกำแพงอยู่
“น่าจะใช่ตรงนี้ !!”เผด็จว่า
ลูกน้องตำรวจช่วยกันยกตู้เหล็กนั้นออกเห็นประตูบานนึงซ่อนอยู่
เผด็จส่งสัญญาณให้ตำรวจยกตู้เหล็กที่ขวางประตูออกเผด็จกำลังจะเปิดประตู
“เดี๋ยวสิครับคุณหัวหน้าอยากเข้าห้องนี้ก็ไม่บอกเดี๋ยวเราพาเข้าไปเอง”
แรมรีบเปิดประตูให้เผด็จและลูกน้องเข้าไปในห้อง
เผด็จเรย์และตำรวจอีก 2 นายเดินตามแรมเข้าไปเผด็จมองห้องอย่างละเอียด
เห็นโต๊ะไม้ใหญ่วางอยู่กลางห้องบนโต๊ะมีกล่องวางอยู่และมีอุปกรณ์บางอย่าง
“ในกล่องนี้มีอะไรเปิด!!”เผด็จบอก
แรมมองนิ่งๆยิ้มกวนๆเดินเข้าไปที่กล่องที่วางอยู่กลางห้อง
“บอกให้เปิด!!!”
“ได้ครับใจเย็นๆสิครับไม่ต้องขึ้นเสียงก็ได้”
แรมเปิดกล่องออกมาหยิบยาหลายสิบแพคเริ่มโยน
แรมกวนเต็มที่
“เอ๊ะ!ใครเอายาเสพติดพวกนี้มาไว้ในผับเราว๊ะเนี่ย!! ไอ้นี่ก็ใช่นี่อีกห่ออ่ะ”
แรมโยนแพ็คยาเสพติดรัวๆไปทั่วห้อง
เผด็จจ่อปืนใส่แรมขู่ให้กลัว
“หยุดได้แล้วยกมือขึ้นคุกเข่า”เผด็จสั่ง
แรมกวนยังโยนถุงยาอยู่เพราะด้านล่างมีปืนกลสั้นอยู่
“คุณหัวหน้าต้องให้ความยุติธรรมกับเราด้วยนะเราไม่รู้เรื่องจริงๆว่าของพวกนี้มาอยู่ในผับเราได้ไง ...”
แรมหยิบปืนสั้นที่ก้นลังยาใบนั้น...
แรมโยนยาถุงหนึ่งขึ้นไปบนเพดานและหยิบปืนที่วางอยู่ใต้โต๊ะออกมากราดยิงถุงยาแตกกระจาย
กระสุนโดนตำรวจสองนายกระสุนเฉียดโดนเรย์หลบไปอีกทางจนล้มลงแต่ไม่บาดเจ็บอะไร
ทั้งหมดหมอบลง
ที่ห้องใต้ดินด้วยไผ่หวานมองขึ้นไปด้านบนอย่างหวาดกลัว ก่อนรีบวิ่งไปกระซิบที่ตู้เหล็กที่ขังไซเรน
“พี่เรน... เสียงปืน”
ฝุ่นเริ่มจางจางลงเผด็จเห็นแรมรางๆเผด็จโดนกระสุนล้มอยู่ที่พื้นเผด็จจะเอื้อมมือ
แรมนั่งยองๆลง
ปืนแรมมีควันออกค่อยๆจ่อเข้าใกล้เผด็จ
เผด็จมองเหี้ยม
แรมยิ้มอย่างสะใจใกล้นิ้วจะเหนี่ยวไกแล้วยกปืนออกไม่ยิง
“นายเป็นหนี้เราแล้วนะ…หัวหน้า!!”
“หัวหน้าคะ... หัวหน้า”เรย์เรียก
เรย์เข้ามาคงเห็นแรมแว๊บๆวิ่งตามไปแรมหายไปแล้วเผด็จรีบไปดูลูกน้องที่โดนยิง
แต่โดนยิงที่ศรีษะตายทั้งคู่เผด็จมองศพลูกน้องและมองยาที่เกลื่อน
“…..แรมหายไปแล้วค่ะ”
เผด็จมองเจ็บใจ
ผ่านเวลา ... ที่ห้องนอนสัวในโรงพยาบาล
สัวนอนสงบอยู่บนเตียงเรย์ยืนมองสัวด้วยความเสียใจ
เรย์มองได้ซักพักสัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นเรย์ยืนมองอยู่ข้างเตียง
“เป็นไงจับแรมได้มั้ย?”
เรย์เซ็งๆ“บอกมาได้ละว่านิตยาทำงานอะไรให้คุณ ?”
สัวจ้องตาเรย์แต่เรย์หลบตาสัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เรย์ก็รู้จักคนๆนี้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เรย์โมโห
“ใช่!!! เพราะตั้งแต่ชั้นหนีออกจากบ้านมาชั้นก็ไปอยู่กับป้านิดคุณไปรู้จักเค้าได้ยังไงเค้าทำงานให้คุณใช่มั้ย ?”
เรย์ส่งหลักฐานที่สัวโอนตังค์ให้ป้านิตยาให้สัวดู
“น้องอยากไปใช้ชีวิตเองพี่ไม่ว่าหรอก”
เรย์ฟังที่สัวเล่าอย่างสงสัย
“คุณเลยโอนเงินให้ป้านิดทุกเดือนตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เงินของป้านิด…..ที่ส่งเสียชั้นเรียน... คุณทำแบบนี้กับชั้นทำไมคุณก็รู้ว่าชั้นเกลียดเงินของคุณ” เรย์ดูหลายอารมณ์มากเรย์น้ำตาไหล
“พี่รับปากพ่อกับแม่ไว้แล้วพี่ไม่ยอมปล่อยให้น้องพี่ลำบากหรอก”
“ชั้นเกลียดคุณ!!!”
“พี่รู้”
“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย”
“นิ่งซะเรย์พี่ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่พี่ทำให้น้องไม่สบายใจพี่ขอโทษ”
เรย์ฟุบหน้าปล่อยโฮสัวลูบหัวร้องไห้เช่นกัน
เรย์และสัวกอดกันร้องไห้พี่น้องให้อภัยกัน
โรงแรมเก่าแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืน
แรมกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องมืดๆมีแสงจากทีวีในห้องพักเท่านั้นในทีวีเห็นเป็นข่าวของเผด็จ
ที่กำลังโดนนักข่าวสัมภาษณ์เรื่องของการบุกจับผับ Last day
แต่เผด็จไม่ยอมคุยกับนักข่าวพยายามเดินหนีเรย์คอยกันนักข่าว
แรมมองเผด็จในจอทีวีนิ่งๆแรมเอาปืนเคาะไปที่เผด็จในจอ
บนดาดฟ้าแฟลตตำรวจ
เรย์ยืนเครียดอยู่พาสเวิร์ดเข้ามากับตี๋ใหญ่พาสเวิร์ดแยกออกไปหาขนมกิน
เรย์มายืนริมกำแพงคุยกับตี๋ใหญ่
“คุณได้ตัวแรมรึยัง?”
“….ยัง”
“แล้วคุณตามมันยังไง?”
เรย์เครียด ... จึงโมโหขึ้น
“ก็ทำทุกทางที่คิดว่าต้องทำนั่นแหล่ะไม่ได้ลดละในหน้าที่หรอกน่ะไม่ต้องห่วง..!
มีเรื่องอื่นต้องทำอีกเยอะแยะคุณอย่าเพิ่งถามไรมากได้มั้ย..”
เรย์รู้สึกตัวตี๋ใหญ่เดินออกห่างเรย์รู้สึกผิดตามมาพยายามจะพูดแต่ตี๋ใหญ่ตัดบท
“ครับ… ผมเข้าใจ…จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมต่างหากซึ่งคุณก็ไม่เกี่ยว”
ตี๋ใหญ่เดินออกมา เหงาๆ
ต่อมา .... คืนเดียวกัน ตี๋ใหญ่นอนหลับอยู่มุมหนึ่งมีพาสเวิร์ดหลับอยู่ไกลๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังตี๋ใหญ่ลืมตาหลินนั่งใกล้ๆ
“ตื่นได้แล้วสายแล้วค่ะ”หลินบอก
ตี๋ใหญ่ลุกขึ้นงงแต่ก็ยิ้มกว้างดีใจมากตี๋ใหญ่ขยับไปจับหน้าหลิน
“คุณกลับมาแล้วเหรอ” ตี๋ใหญ่น้ำตาคลอ“ผมคิดถึงคุณมากเลยนะหลิน”
“พอแล้วนะธาวินกลับบ้านเราเถอะค่ะ”
แล้วสีหน้าของหลินก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วไฟวาบแดงฝุ่นล่องลอยในอากาศ ผมปลิวเสียงระเบิดดังสนั่น
ตี๋ใหญ่สะดุ้งตื่น
ตี๋ใหญ่มองตัวเองในกระจกแค้นเศร้า
ตี๋ใหญ่นั่งถอดเสื้อเอาปืนมาล้างและเอาลูกปืนมาตอกบากหัวให้เป็นหัวระเบิด
แรมกำลังกลับเข้าโถงของผับ Last day ที่ดูร้างๆ แรมดูเหมือนเซ็งๆ
แรมเดินไปที่กลางร้านเห็นป้ายโลโก้ Last dayที่ทำเป็นเหมือนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เห็นอยู่ในร้านนี้มาตลอด
แรมเดินไปหยิบฆ้อนขึ้นมาทุบไปที่ป้าย Last day อย่างแรงทุบไปเรื่อยๆ
จนป้ายร้านค่อยๆกระเทาะออกมาทีละนิดทีละนิดยาที่แรมซ่อนไว้อย่างเหนือชั้นไหลออกมา
แรมยิ้มถือยาไว้ในมือ
อีกมุมเหมือนมีใครมองแรมอยู่แรมหันมาพร้อมยิงใส่เลย
เผยว่าคือตี๋ใหญ่
ทั้งคู่สาดกระสุนใส่กันโดยตี๋ใหญ่เป็นฝ่ายไล่ยิง
แรมชำนาญพื้นที่กว่าหลบไปตามหลืบต่างๆตี๋ใหญ่ไล่ยิงมีการเปลี่ยนกระสุนทั้งคู่
ตี๋ใหญ่กระสุนหมดหาของบางอย่างมาเป็นอาวุธ
แรมโผล่มาจ่อปืนเดินมาใกล้ยิงแชะแรมรู้อยู่แล้วว่าลูกหมดกลับปืนเอาด้ามฟาดไปที่หน้าจนตี๋ใหญ่ทรุดลง
“เปลี่ยนใจมาทำงานกับเราได้นะ”
ตี๋ใหญ่ฮึดทั้งคู่ฟัดกันแรมสนุกเมื่อเห็นตี๋ใหญ่คลั่งแต่ตี๋ใหญ่โดนด้ามปืนตีทำให้สุดท้ายแรมหนีไปได้
“ถ้ามึงปล่อยกูกูสาบานว่ากูจะกลับมาเผามึงทั้งเป็น!!”
“สัญญานะ”
แรมเดินออก
ผ่านเวลาช่วงค่ำในโรงพยาบาล
ในห้องเห็นสัวกำลังนอนอยู่บนเตียงในมือสองข้างผูกมัดติดอยู่กับเตียง
สัววัวเงียตื่นขึ้นมารู้สึกตัวว่าตัวเองถูกมัดอยู่พยายามขยับตัวเพื่อให้เชือกหลุด
แต่ขยับอย่างแรงยังไงเชือกก็ไม่หลุด
รองฯ เผด็จและเรย์เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
“คุณจัดการได้แรมได้แล้วใช่มั้ย”สัวถาม
“เราเจอที่ซ่อนของที่คุณบอกแต่เรายังไม่ได้ตัวแรม”เผด็จว่า
“งั้นคุณก็ทำตามที่รับปากผมได้แล้ว”
เรย์มองสัวไม่เข้าใจในสิ่งที่สองคนตกลงกัน
“ผมยังอยากให้คุณเล่าโครงข่ายที่เหลืออยู่ทั้งหมด” เผด็จพูดกับเรย์ “เรย์... คุณทำหน้าที่บันทึกคำให้การทั้งหมดของคุณสัว”
“ค่ะหัวหน้า”
สัวงง
เผด็จมองเรย์และเดินออกจากห้องไปสัวเห็นเผด็จกำลังออกจากห้องไปตะโกนด่า
“นี่ไม่ใช่ที่เราตกลงกันนี่เผด็จ!ไหนมึงสัญญาแล้วไงว่าจะฆ่ากู ! เผด็จ”
สัวร้องด่าเผด็จไม่ยั้งเผด็จเปิดประตูออกไปไม่สนใจเสียงร้องของสัวเรย์ยืนมองสัวนิ่งๆ
“เรย์ ... เรย์ก็ได้ช่วยพี่หน่อยพี่อยู่แบบนี้ไม่ได้จริงๆเรย์พี่ไม่อยากอยู่แล้วพี่บอกให้ฆ่าพี่ไง”สัวเสียงแข็งใส่เรย์“เรย์!”
สัวดิ้นหนักขึ้นเรย์ช็อกๆพยาบาลก็รีบวิ่งเข้ามาและฉีดยานอนหลับใส่ลงไปในสายน้ำเกลือ
ยาเริ่มออกฤทธิ์สัวเริ่มหมดแรงและหลับไป
เรย์ยืนมองสัวอย่างเคร่งเครียด
ต่อมา เรย์เดินขึ้นแฟลตตำรวจเห็นพาสเวิร์ดเล่นหมากรุกกระดานหนึ่งหมากฮอสกระดานหนึ่ง
แล้วเดินพร้อมกันชนะ
“รุก.. นี่ๆๆอ้าวพี่เรย์”
“โอ้ย... เล่นอย่างนี้เลิกๆๆ”ลุงบอก
บรรดาลุงๆลุกแยกย้าย
เรย์บอก “กินข้าวก่อนสิ”
“ไม่กินรอพี่ตี๋ก่อนกินพร้อมกัน”พาสเวิร์ดว่า
เรย์แปลกใจ …
เรย์มองไปที่ครัวเจอตี๋ใหญ่หันหลังทำกับข้าวอยู่
เรย์เดินไปถึงตี๋ใหญ่หันมาหน้ามีรอยฟกช้ำหนักเรย์ตกใจ
“เห้ยคุณไปทำอะไรมาเนี่ย?”
“ได้กินแล้วๆ”
พาสเวิร์ดกระโดดดีใจกอดตี๋ใหญ่แน่นจนจานเกือบหก
“ใจเย็นๆๆ”ตี๋ใหญ่บอก
“พี่เรย์ทานข้าวเถอะพี่หิวๆพี่ตี๋ทำอร่อยที่สุดเลยพี่หลินยังชมเลย”
ตี๋ใหญ่หน้าเศร้าลง
ต่อมา ... เรย์แกะพลาสเตอร์แปะให้ตี๋ใหญ่ที่หางคิ้วนิดนึงพร้อมซัก
“เกิดไรขึ้น”
ตี๋ใหญ่นิ่ง
“เรื่องวันก่อนชั้นขอโทษคือตอนนี้งานชั้นมัน….”
“ไม่เป็นไรผมเข้าใจ ….แล้วตอนนี้คุณดีขึ้นหรือยัง”
เรย์ยิ้มเศร้าแทนคำตอบพาสเวิร์ดเข้ามาแทรก
“หมดแล้วๆขออีกพี่ตี๋”
ตี๋ใหญ่เดินเอาข้าวมาเติมให้พาสเวิร์ดเวิร์ดยิ้มข้าวเต็มปาก
พาสเวิร์ดหัวเราะชอบใจ
เรย์มองตี๋ใหญ่เหมือนไม่คิดว่าผู้ชายที่ดุดันคนนี้จะมีมุมแบบนี้ด้วย
แรมกลับมาLast Day Pub เป็นอีกครั้ง หลังจากเผด็จ และตี๋ใหญ่บุกมา
แรมเดินผ่านแถบห้ามเข้าของตำรวจตอนนี้บาร์ดูเงียบเหงา
แรมเดินต่อไปที่ห้องลับเปิดประตูเดินเข้าถือถุงขนมปังกับน้ำขวดมาด้วย
ไผ่หวานยังมีโซ่คล้องทั้งคู่โทรมมากแรมเดินไปใกล้ทั้งคู่กลัว
“กินเยอะๆเราให้อภัยพวกนายแล้ว”
แรมโยนอาหารให้ทั้งคู่กินมูมมามแทบสำลักแรมนั่งยองๆมองเอามือตบหน้าไซเรนเบาๆ
แรมถอยออกมานั่งดูเหมือนกับวางแผนบางอย่างอยู่
“ได้เวลาทำงานจริงๆแล้ว”แรมบอก
ไซเรนฉวยโอกาสแว๊บเดียวลุกขึ้นชนแรมล้มลงแล้ววิ่งไปที่ประตู
หน้าประตูไซเรนวิ่งออกมาหน้าประตูแล้ว
เสียงไผ่หวานกรี้ด
ไซเรนชะงัก
“ถ้านี่เป็นวันสุดท้ายของนายนายจะเลือกแบบนี้จริงๆเหรอไซเรนห๊ะ!!”
เสียงไผ่หวานกรี๊ดหนัก
ณ ห้องซ่อมคอมพ์ ฮาร์ดดิสก์ที่เสียบสายต่อกับคอมพ์ตัวใหม่แล้ว
ช่างบอก “เปิดได้แล้วครับหัวหน้าแต่เข้าเครื่องไม่ได้ผมพยายามเข้ารหัสอยู่แต่ยังไม่สำเร็จครับ”
รองฯ เผด็จ “ผมฝากด้วยและเรื่องนี้ผมขอให้คุณทำเพียงคนเดียวถ้าจะให้คนอื่นช่วย...ถามผมก่อน”
“เอ่อ…ผมไปตามมือไอทีมาช่วยแก้หลายคนแล้วครับขอโทษครับหัวหน้าเห็นหัวหน้ารีบผมเลยไม่ได้แจ้งครับ”
เผด็จมองแบบไม่เป็นไรมองหน้าเรย์ต่อ
เรย์ถอดเอาฮาร์ดดิสก์มาเก็บไว้เอง
“ไม่เป็นไรๆขอบคุณมาก”
บริเวณทางเดิน
“เรย์คุณลองไปหาคนนอกที่ไว้ใจได้กู้ข้อมูลในฮาร์ดดิสให้ได้และอย่าให้ใครรู้”
ตำรวจ 2 โผล่มา
“หัวหน้าครับท่านบรรจงมาครับเชิญไปพบครับ”
ภายในห้องเผด็จ บรรจงยืนคุยโทรศัพท์
เสียงปลายสายบอก
“หลักฐานแลปท็อปของสโมสรที่ยึดมาได้ยังอยู่กับเผด็จครับ”
เผด็จเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับ”
“ผมเข้าเรื่องเลยละกันทำไมคุณปิดคดีสโมสรมหาสมุทรไม่ได้ซักทีแล้วหลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุส่งไปให้ส่วนกลางครบหรือยัง”
“ผมส่งหลักฐานทุกชิ้นครบแล้วนะครับท่าน”
“คุณแน่ใจนะ? ตอนนี้สื่อกำลังมองการทำงานของพวกเราอยู่ผมจะพลาดไม่ได้คุณไปทำสรุปรายงานผมด่วนที่สุดไม่ว่าจะเป็นหลักฐานอะไรบ้างที่คุณกำลังตรวจสอบผมขอภายในวันนี้นะ”
“ครับท่าน”
เผด็จรับคำแบบซื่อๆแต่ในใจนึกสงสัยว่าทำไมบรรจงถึงก้าวก่ายกับการหาหลักฐานในคดี
ภายในสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรมตำรวจเวลากลางคืน
ผู้ชายในสภาพสะบักสะบอมเดินก้าาวมาตามทาง
ไซเรนเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆจากหน้าตึกถึงในตึกสายตาเหมือนกับหลุดลอยพูดอยู่คำเดียวว่า
“ผมต้องพบผมต้องพบ”
เขาต้งการพบรองฯ เผด็จ
ไซเรนเห็นเผด็จเดินอยู่ไกลๆจึงรีบลากสังขารตัวเองไปหาเผด็จพยายามเรียกเผด็จ
“รองเผด็จๆๆ”
ไซเรนเดินตามเผด็จไปเรียกยังไง เผด็จก็ไม่ได้ยินเผด็จกำลังเดินเข้าไปในห้องไซเรนตะโกนสุดเสียง
“รองเผด็จ!”
เผด็จหันมาเห็นไซเรนท่าทางสะบักสะบอมอยู่ตรงทางเดินมุมหนึ่งเผด็จเห็นไซเรนถึงกับอึ้งที่เห็นไซเรนในสภาพนี้
เผด็จเห็นหน้าไซเรนในสภาพสะบักสะบอมสกปรกเหมือนขอทานผมเกรอะกังใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือดแห้ง
ทั้งคู่จ้องหน้ากันไซเรนค่อยๆหมดแรงล้มลงไปกองตรงหน้าเผด็จ
เวลากลางวัน เรย์ขับรถออกมาจากแฟลตตำรวจตี๋ใหญ่นั่งมาด้วยมีฮาร์ดิสก์ของปารเมศอยู่ในรถ
ตี๋ใหญ่มองกระจกหลังเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามมาแปลกๆจากด้านหลัง
“คุณเห็นใช่มั้ย...”
“ค่ะ”
เรย์ตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าไปในซอยมอเตอร์ไซค์คันนั้นยังคงตามมา
เรย์ขับเข้าไปในซอยหนึ่งเรย์วนรถไปหนึ่งรอบจนถึงปากซอยที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ที่จะย้อนกลับทางเดิม
มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ยังคงขับตามมา
ทันใดนั้นเรย์ก็หยุดรถที่หน้าปากซอยไม่ยอมออกถนนใหญ่ดูว่ามอเตอร์ไซค์จะตามมาอีกมั้ย
มอเตอร์ไซค์หยุดตามทันที
ตี๋ใหญ่เห็นดังนั้นจึงขึ้นลำปืนพร้อมยิงสถานการณ์ไม่สู้ดี
มอเตอร์ไซค์คันนั้นจอดสักพักก็ขับออกไป
ตี๋ใหญ่กับเรย์มองหน้ากันเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
ภายในออฟฟิศของบรรจงเวลากลางวัน
พาดหัวข่าวที่สำนักข่าวออนไลน์ลงข่าวกันอย่างเข้มข้น
“ประชาชนเฮบรรจงพร้อมเป็นนายก” บรรจงดูข่าวนั้นจาก iPad ที่ลูกน้องส่งให้ดู
ลูกน้อง1 ยิ้มให้บรรจงพูดอย่างประจบ
“ทุกอย่างไปได้ดีนะครับนาย”
บรรจงยิ้มรับอย่างดีใจแล้วถามต่อ
“แล้วเรื่องแลปทอปมีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ย”บรรจงถาม
ลูกน้อง2 บอก “เราสะกดรอยตามทีมของเผด็จแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ครับ...แต่มีอีกเรื่องนึงครับที่ท่านน่าจะสนใจ”
ลูกน้อง2 ยื่นเอกสารให้บรรจง
บรรจงดูเอกสารแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ประสานไปทางกรมให้พาตัวสัวออกไปจากโรงพยาบาลผมอยากให้ทุกคนจับตาเผด็จและคนของมันไว้สืบให้ได้ว่าแลปทอปอยู่ที่ไหน”
ลูกน้องทั้ง 2 คนรับคำ “ได้ครับนาย”
ภายในเซฟเฮาส์ที่ดูเหมือนเป็นเหมือนบ้านจัดสรรธรรมดาแถวชานเมือง
รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด
ประตูบ้านหลังนั้นเปิดออกเห็นเผด็จกำลังเดินเข้าไปข้างในกับไซเรน
ไซเรนดูมึนๆสายตาเลื่อนลอยๆ
เผด็จพาไซเรนมานั่งที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่น
ไซเรนยังมีอาการสั่นเขามองซ้ายมองขวาไปรอบๆท่าทางหวาดระแวง
เผด็จถามไซเรนอย่างกังวลใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ...”
ไซเรนตกใจเขาตัวสั่นมือสั่น...
“คุณอยู่กับผมคุณปลอดภัยแล้วมีอะไรให้ช่วยบอกผมได้”
ไซเรนรวบรวมความกล้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
“ข...ขอบคุณครับครูตั้งแต่ผมออกจากคุกผมก็อยู่กับอัศวินจนเค้าตายพี่บัญชาให้ผมมาช่วยเป็นสายเข้าไปอยู่กับแรม…”
ระหว่างที่ไซเรนพูด ภาพต่างๆในอดีตจากการบอกเล่า ผ่านเข้ามาเป็นระยะ
“พอผมรวบรวมหลักฐานทุกอย่างจนครบเลยทำทีให้พี่บัญชามาจับ”
ไซเรนพูดต่อ “แต่…ไอ้แรมมันเหมือนรู้ตัวก่อน...”
มีเสียงคนไขประตูไซเรนได้ยินเสียงก็ตกใจ
เผด็จมองดูที่ประตูได้ยินเสียงไขกุญแจ
ปรากฏว่าเรย์เดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนในมือของเรย์ถือคอมพิวเตอร์
“หัวหน้าคะมันส่งคนมาสะกดรอยตามพวกเรามันน่าจะตามรอยของฮาร์ดดิสอันนี้มา” เรย์ยกแลปทอปปารเมศให้ดู “คงมีข้อมูลสำคัญแน่ค่ะ”
ตี๋ใหญ่เข้ามา “ไซเรน”
ไซเรนเหมือนจะไม่ได้ยินที่ตี๋ใหญ่เรียกชื่อตัวเอง
ไซเรนมองตี๋ใหญ่ตะลึง
“ธาวินคุณรู้จักกับไซเรนด้วยเหรอ”เผด็จถาม
จู่ๆไซเรนก็โพล่งขึ้นการพูดยังคงดูลนๆตัวและมือของไซเรนสั่นระหว่างพูดไซเรนน้ำตาคลอ
แสดงถึงความอัดอั้นตันใจมานาน
“ตอนแรกผมก็คิดว่าเค้าตายแล้วแต่พอแรมสั่งให้ผมไปฆ่าพี่บัญชาผมดีใจมาก” ไซเรนหันไปมองตี๋ใหญ่ “พี่ตี๋ใหญ่มาช่วยผมพาพี่บัญชาออกไปได้แต่พอแรมรู้ว่าพี่บัญชายังไม่ตายมันก็ซ้อมผมมันทรมานผม” ยิ่งพูดยิ่งหายใจหอบๆถี่ๆ “แต่ผมหนีออกมาได้... ผมไม่รู้จะไปพึ่งใครอีกแล้ว” ไซเรนมองหน้าเผด็จ
เรย์มองไซเรนอย่างเป็นห่วง
แต่ตี๋ใหญ่มองไซเรนอย่างสงสัยบางอย่าง
เผด็จเดินไปตบไหล่ไซเรนแล้วพูดกับเขา
“ใจเย็นๆ ….ไม่มีใครทำอะไรคุณแล้ว...”
ไซเรนค่อยๆมีท่าทีสงบลง
“แล้วคุณเอาบัญชาไปไว้ไหน”
ตี๋ใหญ่มองไซเรนอย่างสงสัยก่อนจะเดินตามออกไปเช่นกัน
ไซเรนพูดบางอย่าง
ต่อมา ... หน้าคลินิกสัตว์แห่งหนึ่ง
รองฯ เผด็จ, ตี๋ใหญ่และเรย์อยู่ในห้องที่บัญชารักษาตัวอยู่
หมอยืนอยู่ข้างๆท่าทางเครียดๆ
บัญชานอนใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะยังอยู่ในอาการโคม่า
หมอบอก “อาการโดยรวมยังทรงตัวเค้าตอบสนองต่อสิ่งที่เราพูดนะครับวันนึงเค้าน่าจะตื่นขึ้นมาได้”
เผด็จหันไปพูดกับเรย์“ติดต่อโรงพยาบาลให้ที”
“ค่ะ”
เรย์เดินออกไปโทรศัพท์....
“ได้ค่ะผู้ป่วยชื่อพันตำรวจเอกบัญชา...”
สัตวแพทย์เมื่อทราบว่าคนป่วยคนนั้นคือตำรวจก็ตกใจเขาถามเผด็จ
“เค้าเป็นตำรวจเหรอครับ”
เผด็จพยักหน้าสัตวแพทย์ตกใจหน้าซีด
เรย์หลังจากวางสายก็เดินกลับมาบอกเผด็จ
“รถพยาบาลกำลังมาค่ะ”
เผด็จพยักหน้ารับทราบ
ผ่านเวลารถพยาบาลมาถึงตี๋ใหญ่เมื่อเห็นสถานการณ์เรียบร้อยดีก็พูดขึ้นมากับเผด็จ
“ผมรู้สึกว่าที่ไซเรนจู่ๆโผล่มาแบบนี้มันแปลกๆ”ตี๋ใหญ่บอก
“แปลกยังงัย … เค้าก็พูดความจริงเรื่องบัญชานี่ครับ”
“เค้าเปลี่ยนไปมาก”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ผมยังไม่แน่ใจคงต้องดูกันไปก่อน”
พยาบาลพาบัญชาขึ้นไปที่รถ
เผด็จและเรย์มองบัญชาขึ้นรถอย่างเป็นห่วง
ธิชาเดินเคาะประตูห้องผู้ป่วยสามครั้งและเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างงๆ
ธิชาเห็นเผด็จนั่งอยู่ข้างเตียงที่บัญชานอนไม่ได้สติอยู่เธอทักทายเผด็จด้วยความสงสัย
“สวัสดีค่ะรองฯเผด็จใช่มั้ยคะ”
เผด็จพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นมิตร
“ครับ.. ผมเป็นคนทำเรื่องย้ายคุณมาที่นี่เองผมอยากให้คุณดูแลคนไข้คนนี้ต่อ”
“ได้ค่ะ... แต่... ทำไมต้องเป็นดิฉันด้วย”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะคุ้นเคยกับบัญชาดีจะได้ดูแลกันต่อนะครับ”
เผด็จเดินออกจากห้องไป
ธิชามองหน้าบัญชาที่นอนโคม่าอยู่เธอมองบัญชาอย่างใคร่รู้
เรย์นั่งปอกผลไม้ให้สัวกินและพูดให้กำลังใจสัวให้พยายามทำกายภาพจะได้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน
“คุณต้องรีบหายนะทำกายภาพให้ครบตามที่หมอสั่ง”
“จะให้พี่รีบหายไปไหนอยู่โรงพยาบาลก็ดีเรย์จะได้มาหาพี่บ่อยๆออกไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหนอยู่กับใคร...”
“คุณก็รีบๆหายสิเดี๋ยวเราย้ายไปอยู่กับป้านิดด้วยกัน”
“ไม่ไปหรอกให้พี่ไปอยู่กับป้านิดคนเดียวพี่แทบจะไม่เคยคุยกับป้านิดเลย”
“ใครบอกว่าชั้นจะให้คุณไปอยู่กับป้านิดคนเดียว …. ก็บอกอยู่นี่ไงว่าเราย้ายไปอยู่ด้วยกันชั้นจะได้ดูแลคุณด้วยเวลาที่ชั้นไปทำงานก็ฝากป้านิดช่วยดู”
สัวมองเรย์น้ำตาคลอ
“ก็เรามีกันแค่สองคนพี่น้องจะไม่ดูแลกันได้ยังไง..”
“ขอบใจน้องมากนะที่ไม่ทิ้งพี่”
สองพี่น้องมองกันแบบเข้าใจในกันและกันมากขึ้น
มีเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยเรย์หันไปทางประตู
ประตูเปิดออกนางพยาบาลผายมือไปทางเตียงมีตำรวจกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
ตำรวจคนหนึ่งเข้ามาถามเรย์
“เกิดอะไรขึ้นคุณมาจากหน่วยไหน?”
ตำรวจ2 เดินเข้ามาถือเอกสารในถือยื่นหมายให้เรย์
“เราได้รับคำสั่งให้ควบคุมตัวนายประกาศิตผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดไปสอบปากคำที่ส่วนกลางครับ”
“แต่คดีนี้ทางเราเป็นคนดูแลและผู้ต้องหายังไม่พร้อมที่จะให้การใดๆ”
สัวจับมือปลอบเรย์สัวส่ายหน้าแบบจำยอมและไม่เป็นไร
สัวพูดกับตำรวจ
“ผมยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจพาผมไปเถอะครับ”
เรย์หันไปมองสัวอย่างตกใจ
พยาบาลเข็นเตียงลำเลียงผู้ป่วยเข้ามา
เรย์พูดกับตำรวจ“คุณจะพาเค้าไปไหน!!”
ตำรวจ1 บอก “เราได้รับคำสั่งให้พาตัวไปครับ”
พยาบาลยกตัวสัวขึ้นไปบนเตียงลำเลียงผู้ป่วย
“รอให้ชั้นติดต่อหัวหน้าก่อนได้มั้ย”
ตำรวจ2 บอก
“คำสั่งตรงจากรองบรรจงครับผมเกรงว่าจะรอไม่ได้”
“ทำอย่างนี้มันจะ....”
สัวพูดกับเรย์
“ไม่ต้องห่วงพี่พี่อยากให้คดีนี้สิ้นสุดเร็วที่สุดเราจะได้อยู่ด้วยกันซะที”
พยาบาลเข็นรถเข็นที่มีสัวนอนอยู่ออกไป
เรย์มองตามน้ำตาร่วงอย่างไม่รู้ตัว
ในห้องสอบสวนเผด็จถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องการปกปิดข่าวการจับกุมสัว
และยิงคนร้ายได้รับบาดเจ็บมีภาพต่างๆที่เกี่ยวกับสัวเช่นตอนที่ถูกเผด็จยิง
คณะกรรมการบอก “คุณมีเหตุผลอะไรที่กักตัวนายประกาศิตไว้อย่างไม่ถูกต้อง”
“ผมไม่ได้กักตัวนายประกาศิตผมคุ้มกันเขาไว้ในฐานะพยาน”เผด็จบอก
“โดยที่คุณไม่ได้บอกผู้บังคับบัญชา..”
“ครับ... ทุกอย่างเป็นความลับเพราะผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหลายกลุ่ม
และผมสงสัยว่ามีสายของขบวนการค้ายาปะปนในกรมผมจำเป็นต้องกันข้อมูลและปกป้องพยาน”
“คุณไม่ทราบหรือว่าคุณกำลังละเมิดกฎ!!”
“ผมทราบครับถ้าต้องทำตามกฎแล้วข้อมูลรั่วไหลออกไปผมไม่เสี่ยงดีกว่าครับถ้าข้อมูลหลุดไปว่าพยานอยู่ที่ไหนทางกลุ่มผู้ค้าจะต้องส่งคนมาจัดการกับพยานถึงวันนั้นทั้งหมดที่ทำมาก็จะสูญเปล่าครับ”
“คุณมีหลักฐานอะไรที่บอกว่ามีสายในกรมตำรวจ?”
“……ท่านไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้ไม่ทราบครับผมอยากให้ทุกท่านมั่นใจว่าผมทำทุกอย่างด้วยเจตนาดีจริงๆ”
คณะกรรมการทุกคนดูคล้อยตามเผด็จยกเว้นบรรจง
บรรจงบอก “และที่คุณบุกเข้าไปที่สโมสรมหาสมุทรในห้องทำงานของนายปารเมศคุณได้ของกลางเป็นคอมพิวเตอร์แลปทอปแต่ในรายการของกลางไม่มีการบันทึกข้อมูลนี้ไว้หรือว่าคุณกำลังปกปิดข้อมูลที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น”
“ท่านเข้าใจผิดแล้วล่ะครับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นอยู่กับทีมของผมเรากำลังทำการเจาะข้อมูลอยู่ครับอีกไม่นานคงได้ข้อมูลครับ”
“ผมนับถือความทุ่มเทของคุณนะแต่ทุกอย่างต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้”
“เรื่องนั้นผมผิดเองครับและยินดีรับโทษตามที่คณะกรรมการตัดสิน”
เผด็จมองดูคณะกรรมการปรึกษากัน
คณะกรรมการบอก “จากคำให้การ.. เข้าใจในเจตนาของคุณแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนเรามีบทพิจารณาลงโทษแต่เนื่องจากคุณไม่เคยมีประวัติการกระทำผิดใดๆคณะกรรมการจึงขอตัดสินว่าครั้งนี้จะเป็นเพียงการตักเตือนเท่านั้นและอย่าให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกเข้าใจไหมคุณเผด็จ”
“รับทราบครับขอบคุณครับ”
บรรจงมองเผด็จอย่างครุ่นคิดแต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจแล้วว่าคอมฯอยู่ที่เผด็จ
ภายในเซฟเฮาส์ Last day Pub เวลากลางคืน
ไซเรนนอนหลับอยู่ที่โซฟาในเซฟเฮาส์ทันใดนั้นมีเสียงสั่นที่กระเป๋ากางเกงของไซเรน
ตอนแรกไซเรนไม่รู้สึกแต่พอสั่นสักพักเขาก็รู้สึกรีบสะดุ้งตื่น
เขาหยิบมือถือขึ้นมาหน้าจอเห็นชื่อ “แรม” โทร.เข้ามา
ไซเรนกดรับสาย
น้ำเสียงไซเรนฟังดูกล้าๆกลัวๆ “ครับพี่”
“นายอยู่กับไอ้เผด็จแล้วใช่มั้ย?”
“อืม...” ไซเรนพยายามเงียบแทนคำตอบแต่มือที่ถือโทรศัพท์นั้นสั่นๆ
“หึหึ... เรารู้การส่งนายมาทำงานยากอย่างงี้นายคงเครียดมาก..มาเล่นเกมส์ใบ้คำกันดีกว่า... สุภาษิตไทย 4 พยางค์ “หมาโดน...”
ไซเรนตะโกน“มึงจะเอาอะไรอีกว๊ะ!....”
“ตอบไม่ได้... เรามีตัวช่วยนะ”
ไซเรนได้ยินเสียงสาดน้ำร้อนจากนั้นเขาได้ยินเสียงผู้หญิงซึ่งก็คือไผ่หวานร้องเจ็บปวด
“นายตอบได้รึยัง!”แรมถาม
ไซเรนยังคงเงียบ
“งั้นนาย...ฟังคำใบ้อีกที!”
เสียงสาดน้ำร้อนดังขึ้น แต่สาดไม่โดนไผ่หวานร้องเจ็บปวดดังกว่าเดิม
ไซเรนตะโกน
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย” ไซเรนพูดแบบลุกลี้ลุกลน “น้ำร้อนๆ... หมาโดนน้ำร้อน”
“ฉลาดนี่นา.. เราหวังว่านายจะฉลาดพอว่าต้องทำอะไรหมาถึงจะไม่โดนน้ำร้อนอีก... เรารอฟังข่าวดีจากนายนะ...”
แรมวางสาย...ไซเรนตกอยู่ในสภาวะเครียดจัดเขาเดินงุ่นง่าน
ทันใดนั้นไซเรนได้ยินเสียงคนเปิดประตูเขาเห็นว่านี่คือเผด็จ
รองฯ เผด็จกำลังเดินเข้ามา
ไซเรนมองเผด็จเขาครุ่นคิดเล็กน้อย
ภายในห้องครัว ไซเรนตัดสินใจสังหารเผด็จเขาเดินไปหยิบมีดทำครัวมาซ่อนไว้ด้านหลัง
ไซเรนมองดูเผด็จที่กำลังถอดรองเท้าเขากำลังเดินย่องไปหาเผด็จที่อยู่นอกห้อง
ทันใดนั้นมีบุคคลปริศนาเข้ามาหาไซเรนจากด้านหลังเอามืออุดปากไซเรนไว้
ชายคนหนึ่งตรงเข้าไปล็อคไซเรนจากด้านหลังคือ ตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่กระซิบ“ใจเย็นนี่ผมเองปล่อยมีดซะ!!”
ไซเรนพยายามสะบัดจนหลุด
ไซเรนเอามีดจ้วงไปทางด้านหลังให้โดนตี๋ใหญ่แต่ตี๋ใหญ่หลบทัน
พอตี๋ใหญ่หลบทำให้เขาต้องปล่อยมือจากไซเรน
ไซเรนจะโผไปเปิดประตูห้องตี๋ใหญ่พุ่งคว้าแขนข้างที่มีมีดของไซเรนทัน
ไซเรนเอามืออีกข้างชกหน้าตี๋ใหญ่ตี๋ใหญ่หน้าหงาย
ตี๋ใหญ่เอามือที่จับมือไซเรนไว้อยู่สะบัดขึ้นอย่างเร็วทำให้มีดกระเด็นหลุดออกจากมือไซเรน
มีดของไซเรนตกพื้นดัง “เคล้ง!!”
เผด็จรู้สึกเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ตี๋ใหญ่ใช้โอกาสที่ไซเรนเสียจังหวะเข่าเข้าไปที่ท้องไซเรนจังๆไซเรนจุกตัวงอ
ไซเรนเงื้อหมัดสวนแต่ตี๋ใหญ่บล็อกได้
ตี๋ใหญ่เฮดบัดไซเรนอีกทีคราวนี้ไซเรนมึนจนทรุดตัวลง
ตี๋ใหญ่เอามือขวาบีบไว้ที่บริเวณกรามของไซเรน
ตี๋ใหญ่กระซิบคาดคั้น
“คุณมาทำอะไรกันแน่!!”
ไซเรนส่ายหน้าแทนคำตอบ
ตี๋ใหญ่ยิ่งบีบกรามไซเรนหนักขึ้นและคาดคั้นเอาคำตอบมากขึ้น
ตี๋ใหญ่กระซิบคาดคั้น“คุณมาหาเผด็จเพื่ออะไร?”
เผด็จกำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้น
ตี๋ใหญ่เห็นดังนั้นลากไซเรนไปหลบในห้องน้ำ
ในห้องน้ำ ตี๋ใหญ่กดไซเรนลงไปกับพื้นห้องน้ำแล้วถาม
“ไอ้แรมให้มาใช่มั้ย ?!”
ไซเรนศอกใส่ตี๋ใหญ่ตี๋ใหญ่หน้าหงาย
ไซเรนพยายามผลักตัวตี๋ใหญ่ออกไปแต่ตี๋ใหญ่ต้านไว้
ไซเรนพยายามพลิกตัวให้ตัวเองอยู่ข้างบนตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่และไซเรนกลิ้งกันไปมาในห้องน้ำ
ตี๋ใหญ่ได้โอกาสพลิกกลับไปอยู่ด้านบนไซเรน
ตี๋ใหญ่ล็อคคอไซเรนไว้จากด้านหลังไซเรนดิ้นหายใจลำบาก
“บอกมา!!! หรืออยากให้ทุกคนรู้!!”
“ฟังผมก่อน”
ที่ด้านนอก
เผด็จเดินเข้าไปในบ้านเห็นมีดตกอยู่
เขาหยิบมีดขึ้นมาอย่างสงสัยและตะโกนหาไซเรน
“ไซเรน!”
ที่ห้องน้ำ-
ในห้องน้ำตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงตะโกนของเผด็จเขาเลยบอกกับไซเรนว่า
“บอกเผด็จไปว่าไม่มีอะไร”
ไซเรนตะโกน“ผมเข้าห้องน้ำอยู่ครับ”
เผด็จหยิบมีดไปวางคืนที่เดิมแบบงงๆแล้วเดินออกไปจากห้อง
ไซเรนพยายามอธิบายให้ตี๋ใหญ่ฟัง
“มีแผนอะไร?”
“ไอ้แรมมันจับไผ่หวานไว้มันบังคับให้ผมมาฆ่าเผด็จ...”
“ทำไมไม่บอกเผด็จไปล่ะเค้าจะได้ช่วย”
“ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
ตี๋ใหญ่มองไซเรนอย่างคลางแคลงใจมือยังคงรัดคอไซเรนอยู่ไม่ตอบอะไร
“ถ้าเผด็จไม่ตาย…..ไผ่หวานก็ต้องตาย”
ไซเรนยังเหมือนตาลอยๆ
ตี๋ใหญ่ตบหน้าไซเรนให้ได้สติ
“เชื่อผม!!! ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาแต่ผมรู้ว่าคุณเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ...ผมจะช่วยคุณทุกวิถีทาง”
ไซเรนเริ่มมีความหวังอีกครั้งในแววตา
ภายในสถานีตำรวจ
เรย์กำลังคุยโทรศัพท์กับตำรวจฝ่ายเทคโนโลยีโดยที่ตี๋ใหญ่ยืนอยู่ข้างๆ
“หาแฮกเกอร์ที่ทำงานให้เราจะใต้ดินหรือบนดินก็เอาเหอะ...ติดต่อให้หน่อย..... อืมๆส่งไลน์มานะ”
เรย์วางสายแล้วก็หันไปพูดกับตี๋ใหญ่
“ชั้นขอให้เพื่อนช่วยหาคนแฮคข้อมูลคอมพิวเตอร์เก่งๆมาช่วยอยู่น่ะ ...คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร... เดี๋ยวคุณกับพาพาสเวิร์ดก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”
ตี๋ใหญ่มีปฏิกิริยาไม่พอใจกับคำว่ากลับบ้าน
เรย์สัมผัสได้แต่ก็ไม่พูดอะไรและทำอย่างอื่นกลบเกลื่อน
เรย์ดูนาฬิกา
“ไปกินข้าวกัน ... หิวแล้ว”
ตี๋ใหญ่พยักหน้า
เรย์และตี๋ใหญ่เดินออกจากบริเวณออฟฟิศทั้งสองคนเดินผ่านทีวีที่กำลังนำเสนอการแถลงข่าว รายงานสดของรองบรรจง
บนจอโทรทัศน์
รองบรรจงนั่งที่โต๊ะแถลงข่าวมีไมค์หลายสำนักข่าวตั้งวางเรียงมีแสงแฟลชวูบวาบ
นักข่าวตะโกนถามบรรจงที่นั่งอยู่หน้าแบคดรอปที่เขียนว่า “งานเลี้ยงขอบคุณนักข่าวโครงการปราบปรามยาเสพติด”
นักข่าวถาม “ท่านคิดว่านโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ท่านเริ่มตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีประสบผลสำเร็จอย่างไรบ้างคะ”
“ผมกล้าพูดได้เลยว่าเราปราบยาเสพติดไปได้ถึง 70-80%อย่างในชุมชนแออัดเดี๋ยวนี้ไม่มีเด็กติดยาแล้วไปตรวจสอบได้เลยครับ”
ภายในออฟฟิศของรองนายกรัฐมนตรี บรรจงมีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่อง
บรรจงหยิบมาดูเห็นชื่อคนโทรเข้าเขียนว่า “สโมสรมหาสมุทร ”
บรรจงส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องออกไปจากห้องลูกน้องก็ทำตามโดยดี
บรรจงรับสายเสียงที่คุยด้วยอีกสายเป็นเสียงผู้หญิง
“สวัสดีค่ะดิชั้นอยากจะทำข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับสโมสรมหาสมุทรค่ะ”
บรรจงคุยโทรศัพท์“อะไรนะครับ... ผมว่าคงหมดเวลาของคุณแล้วล่ะ..คนของคุณทำพลาดปล่อยให้ตำรวจเข้ามายุ่มย่ามตอนนี้มหาสมุทรก็ถูกปิดเครือข่ายการเงินทั้งหมดก็ถูกยึดคุณไม่เหลืออะไรแล้วผมว่าคุณไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรกับผมได้นะ..วางมือเถอะครับต่อไปนี้ผมจะคุมสโมสรในแบบของผมเอง”
“คิดดีแล้วเหรอคะ”
บรรจงวางสายเขามองไปที่ผนังห้องที่ติดโปสเตอร์โครงการปราบปรามยาเสพติดอยู่
บรรจงดูครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ต่อมา ภายในอเวนิวแห่งหนึ่ง
ตี๋ใหญ่และเรย์นั่งคุยกับคนที่จะมาช่วยกู้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสที่ร้านกาแฟเรย์สะพายกระเป๋าคาดอะไรสักอย่าง
แฮกเกอร์คนนั้นมีคาแรกเตอร์แปลกสภาพผิวขาวซีดๆตัวเล็กใส่แว่นดำ การพูดการจาจะดูขี้โอ่ตลอดและดูไฮเปอร์แอคทีฟ
แฮกเกอร์หยิบของหวานเข้าปากเคี้ยวเสียงดังน่ารำคาญพร้อมคุยกับตี๋ใหญ่และเรย์
“งานหมูๆว่ะพี่ขนาดเว็บองค์การสหประชาชาติผมยังแฮคได้นับประสาอะไรกับข้อมูลในฮาร์ดดิสบริษัทธรรมดาๆแบบนี้”
เรย์บอก “มั่นใจแบบนี้ก็ดีแล้ว” แล้วส่งซองกระดาษให้กับแฮกเกอร์ “เท่านี้นายก็คงโอเคนะ”
แฮกเกอร์เปิดซองเห็นเงินจำนวนมากเขายิ้มอย่างพอใจพูดอย่างตั้งใจ
“ไม่มีปัญหา... แต่ผมขออีกอย่างนึงสิ...มันพอมีพวกบัตรผ่านอะไรทำนองนี้มะที่พอพวกตำรวจตามด่านมันเห็นแล้วไม่ต้องต้องเรียกผมตรวจเยี่ยวอีก”
เรย์มองหน้าแฮกเกอร์แบบรำคาญ
“อะเคๆผมล้อเล่นน่า... รู้มั้ยทำไมผมถึงนัดพวกพี่มาเจอกันที่แบบนี้...”
เรย์ท่าทางรำคาญ“จะพูดอะไรก็ว่ามาเลย”
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุด...ฮ่าๆๆๆ”
แฮคเกอร์พอพูดเสร็จก็ทำท่าเท่ห์หนึ่งโพสซึ่งดูเห่ยมากๆ
เรย์กับตี๋ใหญ่มองแฮกเกอร์อย่างเอือมระอา
“ไม่ขำเหรอพี่... ไหนอ่ะฮาร์ดดิสก์ที่จะให้ผมเปิดให้...”
“ไปทำในรถตรงนี้ชั้นไม่โอเค”
เรย์กับตี๋ใหญ่เดินเปิดประตูออกไปแฮกเกอร์เดินตามแบบงงๆ
บริเวณลานจอดรถของอเวนิวภายในรถแฮกเกอร์นั่งอยู่เบาะหลังมีการต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับคอมของเค้าเปิดคอมกดปุ่มทั้งหมดนั่งอยู่ในรถ
“โอ้... เจ๋งๆไอ้คนที่ตั้งล็อคการเข้าไปดูข้อมูลนี่ไม่ธรรมดาแน่ๆ”
มุมหนึ่งในลานจอดรถมีมือยื่นเข้าไปที่กล้องวงจรปิดชายสวมหมวกกันน็อคเข้ามาพ่นสเปรย์ดำไปหมด
แฮกเกอร์ยังคงคีข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ “หยั่งงี้สิถึงจะสนุกหน่อย”
ตี๋ใหญ่มองระวังๆไปรอบๆ
มุมหนึ่งในลานจอดรถ
เท้าใครบางคนผ่านรถหลายคัน
ชายสวมหมวกกันน็อคเข้ามาพ่นสเปรย์กล้องอีกมุมดำไปหมด
ตี๋ใหญ่ถาม “ว่าไงอีกนานมั้ย?”
“มันใส่รหัสป้องกันหลายขั้นอยู่น่ะพี่ใจเย็นๆหน่อยของดีรอได้น่าาาานะ”
เรย์มองไปรอบๆ
มุมหนึ่งในลานจอดรถ
มือใครบางคนใส่ที่เก็บเสียงเข้าไปในปืนสั้น
ขาใครบางคนก้าวมาแล้วค้อนก็ถูกปล่อยลงมาเข้า
ตี๋ใหญ่สังเกตเห็นใครบางยืนอยู่ไกลใส่หมวกกันน็อค
เรย์บอก “งั้นชั้นว่าเรากลับไปทำต่อที่เซฟเฮ้าส์ดีกว่า”
“เรย์” ตี๋ใหญ่ส่งสัญญาณให้รู้ว่ามีคนอยู่ด้านนอก
ตี๋ใหญ่หยิบปืนขึ้นมาสไลด์เตรียมเรย์ก็กำลังจะทำเช่นกัน
“มีไรกันพี่!!”
ชายที่อยู่ไกลออกไปเดินเข้ามาทางรถก่อนจะเลี้ยวไปตี๋ใหญ่พยายามมองหา
เรย์ก็ด้วย
ทันใดนั้นก็มีค้อนเหวี่ยงทุบกระจกข้างเฮกเกอร์แตกกระจายทุกคนสะดุ้ง
เพราะคนร้ายมาจากด้านหลังคนร้ายใส่หมวกกันน็อคพุ่งเข้ามากระชากแล็ปท็อป
ตี๋ใหญ่จ่อปืนไปที่หมวกกันน็อคคนร้ายคนร้ายส่ายหน้า
ตี๋ใหญ่มองจึงเห็นว่าอีกมือจ่อปืนไปที่หัวเรย์ผ่านเบาะรองหัวในรถแฮกเกอร์ประสาทเสีย
“ผมๆไม่เกี่ยวเลยครับเค้าๆ..”
คนร้ายตะคอก “เงียบ!”
คนร้ายพูดกับเรย์
“เอามือวางไว้บนพวงมาลัย!!”
เรย์เอามือวางตามสั่งตี๋ใหญ่ยังไม่ลดปืน
มุมหนึ่งในลานจอดรถ
มีมือสตาร์ทมอเตอร์ไซค์
บรรยากาศตึงเครียด
คนร้ายขยับปืนให้รู้ว่าเค้าจะยิงเรย์แน่ตี๋ใหญ่ยังจ่อปืนเขม็งอยู่
คนร้ายผายมือขอปืนจากตี๋ใหญ่
เรย์มองลงต่ำตี๋ใหญ่มองตามเห็นปืนเรย์อยู่ที่ตัก
ตี๋ใหญ่ค่อยๆยื่นปืนให้คนร้ายคนร้ายรับมาแล้วโยนลงพื้นรถ
คนร้ายค่อยๆดึงแล็ปท็อปออกจากมือแฮ็กเกอร์
แฮ็กเกอร์เอี้ยวตัวหลบลุ้นหลับตาปี๋
ตี๋ใหญ่มองเรย์ตัดสินใจ
มือคนร้ายถือคอมกำลังเคลื่อนออกไปนอกรถ
ตี๋ใหญ่ใช้มือจับข้อมือที่จ่อหัวเรย์อีกมือหยิบปืนเรย์เรย์ก้มหัวลงตี๋ใหญ่ยิงใส่แต่คนร้ายเอี้ยวตัวหลบพอดียิงถากหมวกกันน็อคไป
ส่วนคนร้ายก็ยิงพนักพิงหัวเรย์กระจุย
ตี๋ใหญ่ตกใจเรย์ที่ก้มอยู่ตกใจ
คนร้ายกระชากตัวเองหลุดไปตี๋ใหญ่ยิงไล่หลังไปและระวังไปรอบ
“ไปก่อนเรย์ไปๆ...”
เรย์ออกรถไปอย่างรวดเร็ว
รถจอดบนถนนแห่งหนึ่ง
“หยุดๆผมจะลงผมไม่ทำงานให้พี่แล้วเสี่ยงอันตรายเกินไป”แฮคเกอร์บอกพลางวิ่งหนีไป
ณ ลานจอดรถแห่งหนึ่ง แรมบอก“หน้านายนี่ เจ้าเล่ห์กว่าในทีวีอีกนะ ตกลงนายอยู่ข้างไหนกันแน่”“ฉันจะเข้าไปคุมสโมสร ก่อนที่คนอื่นจะมาแบ่งส่วนแบ่งการตลาดไปมากกว่านี้” บรรจง
บอก
“ก็ไม่รู้ซินะ....คือ...เราพูดตรงๆนะตอนนี้เราถังแตก ไม่มีเงินทุน แต่ว่าตอนนี้เริ่มคิดถึงกลิ่นเงิน
เปื้อนเลือดแล้วเหมือนกันนะ เอ่อ...คือเรามีเรื่องหนึ่งติดใจมานาน ไอ้คนลึกลับที่คุมสโมสรเป็น
ใคร หน้าตาเป็นไง เจ้าเล่ห์เหมือนนายป่ะ ถ้านายตอบเราได้นะ เอาเงินทุนมาเลย เดี๋ยวเราหาลูกน้องจัดการให้ ดีลป่ะ”
แรมจับมือกับบรรจง
ต่อมา เรย์วางโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นไว้ที่ตรงหน้ารองฯ เผด็จที่กำลังทำงานอยู่ที่โต๊ะ
เผด็จและเรย์คุยกันอยู่ห่างๆ
“วันนี้มีคนมีมาดักชิงฮาร์ดดิสก์ค่ะ”
เผด็จได้ยินแล้วตกใจ
“จับตัวคนร้ายได้มั้ย?”
“เราไม่รู้ว่ามันมากี่คนแน่เลยตัดสินใจหนีก่อนค่ะ”
“พวกคุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ทั้งคู่ส่ายหน้า
“ด้วยวิธีการแล้วน่าจะเป็นพวกที่เคยฝึกมา”
“ต้องรีบเอาข้อมูลออกมาให้เร็วที่สุดมันส่งคนมาขนาดนี้ข้อมูลต้องสำคัญมาก”เผด็จบอก
“ต้องหาแฮกเกอร์คนใหม่ค่ะ”
เรย์กับเผด็จนิ่งอึ้งคิดอะไรไม่ออก
“ผมคิดว่าผมมีวิธี...”
เผด็จและเรย์รีบหันไปมองตี๋ใหญ่
เวลากลางคืน
ตี๋ใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งในแฟลต
ตี๋ใหญ่เคาะประตูไม่มีใครตอบรับ
ตี๋ใหญ่เคาะประตูดังขึ้นไม่มีใครตอบรับ
ตี๋ใหญ่ใจคอไม่ดีทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงของตกลงพื้นดังตุ๊บ
ตี๋ใหญ่ตกใจเขารีบใช้ไหล่กระแทกประตูประตูไม่เปิด
ตี๋ใหญ่ถอยหลังไปกะจะชนประตูให้แรงขึ้นให้มันเปิด
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคยตะโกนออกมา
“รอเดี๋ยวรอเดี๋ยวเล่นเกมอยู่ให้รีบลุกมาชนเก้าอี้ล้มเลยเนี่ย”
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงพาสเวิร์ดก็โล่งใจ
ประตูเปิดออกพาสเวิร์ดเห็นหน้าตี๋ใหญ่ก็ดีใจลิงโลดเขากระโดดกอดตี๋ใหญ่
“พี่ตี๋พี่ตี๋กลับมาแล้ว... ไปไหนมาหิวรอไม่ไหวกินข้าวก่อนแล้วพี่ตี๋หล่ะกินไรมายัง”
ตี๋ใหญ่ยิ้มให้พาสเวิร์ดอย่างเอ็นดู
ต่อมา ตี๋ใหญ่วางคอมลงตรงหน้าพาสเวิร์ด
พาสเวิร์ดพิมพ์โค้ดบางอย่างลงไป
ที่หน้าจอมีกากบาทสีแดงขึ้นได้ยินเสียง “ตึ้ง” บ่งบอกว่า error บางอย่างที่คอมฯ
พาสเวิร์ดส่ายหัวไม่พอใจ
พาสเวิร์ดพิมพ์โค้ดบางอย่างต่อด้วยความตื่นเต้น
“ออๆจำได้แล้วอาผมยาวต้องกดๆตัวเลขก่อนถึงจะเข้าไปดูได้”
พาสเวิร์ดรีบกดลงไปพาสเวิร์ดนึกแฟลชแบ็คที่เค้าเคยเห็นปารเมศกดรหัส
ตี๋ใหญ่ถาม “เวิร์ดจำได้มั้ยช่วยพี่เปิดได้หรือเปล่า”
“ได้ๆสนุกๆดีพี่ตี๋ขอเล่นก่อนนะ”
พาสเวิร์ดนึก...
พาสเวิร์ดยังง่วนกับการลองใส่รหัส
“เลขอะไรน้าาาา ...” พาสเวิร์ดพูดเลขออกมาแล้วใส่ไปเรื่อยๆ
“พรุ่งนี้พี่ไม่อยู่พาสเวิร์ดอยู่คนเดียวได้นะ?”
“โตแล้วอยู่ได้... มีข้าวให้กินมีเกมส์ให้เล่นก็พอแล้วล่ะพี่ตี๋งานยุ่งรีบไปทำงานให้เสร็จเราจะได้กลับบ้านซะที”
รองฯ เผด็จนั่งดื่มกับภัทราที่บาร์มือของเขาถือแก้วเหล้าที่มีเหล้ารินอยู่แต่เผด็จก็ยังไม่ดื่ม
เผด็จมองหน้าภัทราอย่างลำบากใจ
“ผมไม่รู้ว่าคิดถูกมั้ยที่ออกจากการเป็นครูฝึกกลับมาทำงานปราบปรามแบบนี้อีก”
“คิดถูกแล้วสิคะขนาดมีคนอย่างคุณพวกนั้นยังค้ากันหนักขนาดนี้ถ้าไม่มีคงแย่”
“วันนี้ลูกน้องผมถูกตามประกบจะชิงหลักฐานพวกมันรู้ทุกความเคลื่อนไหวของทีมตลอดผมไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้อีก”
“หลักฐานอะไรเหรอคะ”
“ฮาร์ดดิสก์ที่ยังเปิดไม่ออกที่ผมได้มาจากสโมสรมหาสมุทรน่ะครับ”
“คุณก็ต้องระวังตัวให้มากๆด้วยนะคะ ... คนที่จะทำเรื่องขนาดนี้ได้แล้วรู้ทุกอย่างที่คุณทำแล้วยังกล้าชิงหลักฐานจากตำรวจได้ไม่ธรรมดาแน่บางทีคนๆนั้นอาจจะเป็นระดับนักการเมืองที่เบื้องหลังเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนพวกค้ายาก็ได้นะคะ”
ภัทรามีแว๊บหนึ่งที่ดูกังวลเกี่ยวกับฮาร์ดดิสก์นั้นว่าอาจมีข้อมูลของตัวเองแล้วเฉไปเปลี่ยนเรื่อง
มองดูแก้วเหล้าของเผด็จที่เผด็จไม่ยอมยกดื่ม
“มานานหรือยังคะ”
“ซักพักครับ ... คุณสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ … คุณก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
แล้วบทสนทนาของทั้งคู่ก็เงียบไปปล่อยให้บรรยากาศเหงาๆทั้งคู่ครุ่นคิดในเรื่องของตน
คืนนั้น .... ไซเรนนั่งเบื่อในเซฟเฮาส์
สีหน้าท่าทางของไซเรนชัดเจนมากๆเขาเป็นห่วงไผ่หวานแต่ทำอะไรไม่ได้
โทรศัพท์อีกเครื่องของไซเรนสั่นไซเรนหยิบมาเห็นชื่อแรม
ทันทีที่ไซเรนกดรับสายแรมตะโกนมาทันที
“ไง...นายจัดการเรียบร้อยหรือยัง”
ไซเรนอ้ำอึ้ง“ผมรอโอกาสอยู่”
“ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของนายนายยังจะรอโอกาสอยู่รึเปล่า? ห๊าาาา!”
“รออีกแปปนะพี่ผมใกล้จะลงมือได้แล้ว”
“คนอย่างเราไม่รอโอกาสว่ะ…”
ไซเรนตะโกนอย่างร้อนรน
“แล้วไผ่หวานล่ะขอคุยกับหวานหน่อย”
“นายเป็นห่วงแฟนขนาดนั้นเลยหรอ? ใจเย็นๆแฟนนายยังไม่ตายหรอกน่าาา...นายกับไผ่หวานยังตายไม่ได้ ....เพราะเรายังไม่อนุญาต....นายจำไว้นะว่าวันนี้วันสุดท้ายถ้าเผด็จไม่ตายด้วยฝีมือนายนายก็บ้ายบายอีไผ่หวานได้เลย”
แรมกดวางสายใส่ไซเรน
ไซเรนตะโกนอย่างบ้าคลั่งด้วยความโมโห
แรมกดวางสายจากไซเรนจะเห็นว่าแรมนั่งอยู่ในรถใกล้ๆบาร์
รถคันที่อยู่ข้างหน้าแรมเผด็จกับภัทราที่กำลังมาขึ้นรถ
รถของเผด็จขับออกไปรถของแรมแล่นตาม
แรมขับรถตามเผด็จและภัทรามาจนถึงแถวๆบ้านภัทรา
จอดรถที่ตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านภัทรา
แรมซุ่มดูเผด็จจอดรถที่หน้าบ้านภัทราลงจากรถและบอกลาเผด็จภัทราเดินเข้าบ้านไป
แรมรอเผด็จขับรถออกไปและเดินย่องไปที่บ้านภัทรา
แรมเดินเข้ามาในบ้านภัทรา และแอบดูภัทราซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แรมเดินเข้าไปหา แต่แล้ว แรมกลับโดนภัทราเอาปืนจ่อหัวอยู่ จากด้านหลัง
“เราไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมนายถึงเป็นเจ้าของสโมสรมหาสมุทรอะ สโมสรที่ลึกลับที่สุด สโมสรที่ฟอกเงินได้สะอาดที่สุด”
“ มีอะไรหรอ......คนคุมLast Day”
“คือเราไปเจอนักการเมืองมา นักการเมืองอยากให้เราทำงานด้วย โดยเฉพาะนักการเมืองเหี้ยๆ เหี้ยแล้วประชาชนนยังรัก คือเราอยากทำงานกับนาย”
“แล้วคุณพร้อมจะเดินเส้นทางใหม่ไหมละ”
“ คืออะไรหรอ” ภัทราลดปืนลง
“ควบคุมเส้นทาง การเข้า-ออกของสินค้าทั้งหมด ทุกเจ้าจะต้องผ่านเราเท่านั้น เราจะเป็นผู้ควบคุมราคาแต่เพียงผู้เดียว”
“วู้....” แรมดีใจสุดๆๆ
“แปปนึงนะครับ มัน...ทะเยอทะยานกว่าที่เราคิด เราตื่นเต้นไปหน่อย เราตกลงทำงานนี้ ดีล”
“มีข้อตกลงที่จะคุยกันอีกเยอะ” แรมเปิดกระเป๋า มีเงินอยู่ในกระเป๋าจำนวนมาก
ในระเบียงห้องพัก เรย์ถาม
“พาสเวิร์ด เขาเป็นน้องชายแท้ๆของคุณหรอ”
“เปล่า...ผมเคยไปอยู่บ้านเขา พอพวกโจรตามผมมา ทำให้แม่เขาตาย......คนที่อยู่ใกล้ผม เป็นต้องตายทุกคน”
“ไม่จริงหรอก”
“เมื่อก่อนเคยมีคนทักผมว่า ผมเกิดดาวโจร ชื่อตี๋ใหญ่ พ่อกับแม่ผม ก็เรียกตี๋ใหญ่เป็นต้นมา แล้ววันหนึ่ง พ่อแม่ก็ต้องตายเพราะผม เชน....หลิน คนที่อยู่ใกล้ตัวผม”
เรย์ พูดตัดบท
“แต่ฉันชอบชื่อธาวินมากกว่านะ แปลว่าอะไรหรอ”
แรมกำลังนั่งรถเข้าไปในป่ากับลูกร้อง 4-5 คน
“เมื่อไหร่จะถึงละนาย”“ เดี๋ยวก็ถึง”“จะพาเราไปฆ่าป่ะนาย” รถกระบะขับตามทางต่อไปเรื่อยๆ
แรมเดินเข้าไปในแคมป์กลางป่า “เชิญครับนาย สินค้าเราบริสุทธิ์ที่สุด นี่ขนาดพวกต่างชาติ เอาเครื่องขนกันไปเลยครับนาย.....
นี่นักวิทยาศาสตร์ เราก็จ้างกันมาเลย คุณภาพทุกล็อต คงที่แน่นอน จะให้เราผลิต ไว้รอออเดอร์ครั้งหน้าเลยไหมครับ”
“แน่นอน....นายต้องผลิตให้เราคนเดียวเท่านั้น เพราะเราจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ รายเดียวเท่านั้น ปกติได้วันละเท่าไหร่”
“200 กิโล ครับ”
แรมเปิดกระเป๋าเงินส่งให้
พาสเวิร์ดนั่งเล่นหมากรุก กับ คนในแฟลต
“รุกครับ”ลุง1 บอก “แพ้อีกแล้ว ยอมคนแก่บ้างก็ได้”
“ไม่ได้ๆทำไม่เป็น”
ลุงทั้ง 3คน ที่นั่งเล่นหมากรุกกับพาสเวิร์ด มองเห็นบุรุษไปรษณีย์ ท่าทางมีพิรุธกำลังเดินมา
ลุง 2บอก
“พาสเวิร์ด เข้าห้องไปก่อนนะ”
พาสเวิร์ดเดินเข้าห้องไป “มีไปรษณีย์ มาส่งครับ”
“บุรุษไปรษณีย์ เขาไม่มากันวันละ 2 รอบหรอก เมื่อเช้าก็มาแล้ว”
ชายคนร้าย ควักปืนยิงทั้ง 3 คน ล้มลงกับพื้น
ภายในห้อง เรย์บอก “พาสเวิร์ด เงียบๆนะ ไปแอบข้างในก่อน”
คนร้าย เข้ามาในห้องเรย์ และคนร้ายต่อสู้กัน ด้านตี๋ใหญ่ กำลังเดินขึ้นมาในห้อง ระหว่างทางเดินก่อนถึงห้องเห็นศพทั้ง3 คนอยู่หน้าห้อง ตี๋ใหญ่คว้าปืน และเข้าไปห้อง เห็นเรย์ และคนร้ายกำลังต่อสู้กันอยู่ ตี๋ใหญ่ยิงคนร้าย ตายคาที่“พี่ตี๋...พี่เรย์ เขาเล่นเกมส์ชนะแล้วนี่ไง” เรย์เห็นภาพในคอมพิวเตอร์
ไซเรนบุกไปหาไผ่หวาน ที่ห้องใต้ดิน แต่ไม่เจอ เขาตามหาไผ่หวานทุกห้อง และเจอไผ่หวานอยู่ห้องหนึ่ง
“หวาน”
“พี่เรน”
ไซเรนวิ่งไปกอดไผ่หวาน
“พี่มาที่นี่ได้ยังไง”
“หวาน พี่ขอโทษนะ ....พี่ขอโทษ”
“พี่เรน.....พี่ต้องรับหนีไปนะ ไอ้แรมมันบอก ถ้ามันเจอพี่อีก มันจะ.....”
เสียงแรมคุยโทรศัพท์อยู่หน้าประตู
อ่านต่อตอนที่ 8