xs
xsm
sm
md
lg

ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 5

ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม

ภายใน สถานอาบอบนวด Heart attack

เอ็ดดี้กำลังแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ มีผู้หญิงสองคนใส่บิกินี่มาคลอเคลีย เขากินนมในแก้วไปด้วย
ในห้องจากุชชี่มีทีวีจอใหญ่ติดอยู่ที่ผนัง
มีรายการข่าววิเคราะห์โดยพิธีกรหญิงสองคน
ผู้ประกาศข่าวทีวี1บอก
“เป็นกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลมากนะคะ กับคลิปเหตุการณ์ฆ่ากันตายที่อาจจะเป็นการฆ่ากันในโรงพยาบาล .... นี่คือภาพจากกล้องวงจรภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ... ซึ่งคลิปนี้ถูกแชร์ขึ้นครั้งแรกจาก Facebook User รายหนึ่ง”
ระหว่างที่นักข่าวบรรยาย ได้เปิดภาพมุมสูงจากกล้องวงจรปิดที่ตี๋ใหญ่สู้กับมุ้ยในโรงพยาบาล
เป็นภาพเกรนแตกมาก ไม่เห็นว่าหน้าใครเป็นใคร เห็นแต่ท่าทางของคนสองคนเฉยๆ
ผู้ประกาศข่าวทีวี 2 บอก “สู้กันขนาดนี้ คิดว่าจะมีแค่ในหนังนะคะเนี่ย ยังไม่มีประกาศจากทางการนะคะ ว่าชายทั้งสองคือใคร และยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหนนะคะ”
เอ็ดดี้เหยามองทีวีแบบตะลึง !
เอ็ดดี้ตะโกนเรียกลูกน้อง “ไอ้แก๊ป!!”
ลูกน้องเอ็ดดี้เข้ามาในห้องจากุชชี่
เอ็ดดี้ชี้ไปที่ทีวีถาม “มึงว่านั่นใครว๊ะ!!”
ในทีวีเห็นภาพตี๋ใหญ่สู้กับมุ้ยฉายวนซ้ำไปซ้ำมา
ภาพของตี๋ใหญ่สู้กับเอ็ดดี้ เอ็ดดี้จำท่าทางได้
“ไม่น่าเป็นไปได้นะพี่ ก็เราฝังมันไปแล้วหนิ”แก๊ปบอก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า… กูจำท่ามันได้ ยังไงต้องเป็นมันแน่ๆ...Sure as shit! มึงไปประกาศให้ทั่ว ใครหาตัวไอ้ตี๋ใหญ่มาให้กูได้ กูให้ล้านนึง”
เอ็ดดี้มองดูจอแบบแค้นๆ

ในคอนโดฯ ตี๋ใหญ่กำลังนั่งรอเรย์ที่ลอบบี้
ในมือของตี๋ใหญ่ถือโทรศัพท์ในมือ เห็นเรย์ส่งข้อความมาว่า “ไปช้าหน่อย เดี๋ยวเจอกัน”

ตี๋ใหญ่นึกถึงตอนที่แอบมองเรย์คุยกับสัวอยู่บนรถ ตี๋ใหญ่สีหน้าแค้น เขาทุบพวงมาลัยแรงๆ
แน่ใจว่า เรย์โกหกเขามาตลอด
เรย์เดินเข้ามา ตี๋ใหญ่มองเรย์พยายามเก็บอารมณ์
เรย์แตะคีย์การ์ดที่ประตูชั้นใน ประตูเปิดออก
เรย์และตี๋ใหญ่ขึ้นลิฟต์ไป เงียบๆ ด้วยกัน

ภายในห้อง
ตี๋ใหญ่นั่งที่โซฟา ส่วนเรย์ไปเอาน้ำมาให้
ระหว่างที่รินน้ำ เรย์ถามตี๋ใหญ่
“เรื่องพี่ทองดีเป็นยังไงบ้าง?”
ตี๋ใหญ่โกหก “ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าไปไหน ดักรอที่แฟลตตำรวจก็ไม่เจอ”
“ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า...?”
ตี๋ใหญ่นิ่งไปสักพัก หยั่งเชิง จากนั้นเขาถามออกมา
“ประกาศิต ลิ้มวัฒนาคือใครเหรอ ?”
เรย์ที่กำลังเดินมาถือแก้วน้ำมาให้ตี๋ใหญ่ ได้ยินคำนี้ก็อึ้งไปเล็กน้อย...
เรย์ทำนิ่งเข้าไว้ “คุณรู้?? ...”
ตี๋ใหญ่จ้องหน้าเรย์เขม็ง
เรย์มองตี๋ใหญ่กลับ เธอรู้ว่าตี๋ใหญ่รู้ความจริงแล้วว่าเธอเป็นน้องสัว
เรย์สูดหายใจเข้า รวบรวมสมาธิ
“เค้า….เคยเป็นพี่ชายชั้น!!”
ตี๋ใหญ่อึ้งเล็กน้อยกับคำตอบของเรย์ ถึงแม้เค้าจะสงสัยอยู่แล้วก็ตาม
“คุณอาจจะคิดว่าชั้นต้องเป็นสายให้สัว แต่ชั้นอยากให้คุณเชื่อใจว่า ชั้นไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับเค้า!!”
ตี๋ใหญ่ฟังเรย์ ท่าทางเขาดูเชื่อใจในสิ่งที่เรย์พูด
“ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมานานแล้ว!! แต่ถ้าคุณจะสงสัยชั้น ชั้นก็คงห้ามไม่ได้ !” เรย์พูดต่อ
ตี๋ใหญ่มองเรย์อย่างครุ่นคิด

ที่ Last day Pub ภายในห้องรับแขกของสัว อันโอ่โถง ประดับประดาด้วยงานศิลป์และพระพุทธรูปมากมาย
ประกาศิต ลิ้มวัฒนา หรือ สัวกำลังจุดธูปไหว้พระ
หลังจากจุดธูปเสร็จ สัวเริ่มประชุม ที่โต๊ะรับแขก
สัวบอก “ลูกน้องไอ้เอ็ดดี้มันประกาศตามล่า ลูกน้องเก่ามัน !”
สัวหยิบรูปตี๋ใหญ่ตอนที่ยังอยู่กับแก๊งเอ็ดดี้ วางลงบนโต๊ะรับแขก
แรมหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู แรมจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้
“เราไม่คุ้นหน้ามันเลยว่ะ" แรมบอกส่งรูปไปให้ไซเรน "นายคุ้นหน้ามันบ้างมั้ย”
ไซเรนเห็นรูปตี๋ใหญ่ เขาก็แกล้งเป็นจำไม่ได้เช่นกัน
“ไม่เคยเห็นเหมือนกันครับ...”
สัวเปิดคลิปตี๋ใหญ่สู้กับมุ้ยในโรงพยาบาลให้ทั้งสองคนดู
สัวพูดกับไซเรนและแรม
“แล้วมึงเช็คสิว๊ะไอ้คลิปนี้มันเกิดที่ไหน ?”
ไซเรนตกใจแต่เก็บอาการไว้
“อีกอย่าง ไปติดต่อไอ้เอ็ดดี้ว่า ถ้ามันอยากได้ข้อมูลคนในคลิปให้มันมาหากู”
“พี่รู้จักมันด้วยเหรอ” แรมถาม
สัวมองแรมแบบอย่าเสือก “ไปทำตามที่กูสั่ง !”
แรมทำท่าให้ไซเรนเดินตามออกไป
“ไซเรน นายไปกับเรา”
สัวมองแรมอย่างสงสัย

หลังร้าน บริเวณครัวของ Last Day
แรมเปิดเตาแก๊สจับมือไซเรนจ่อไฟ
แรมสนุกในเกมส์ของเขา
“นายพูดมาเกิดอะไรขึ้น ไหนนายบอกว่าไอ้มุ้ยไปจัดการศพอยู่ไง?” แรมว่า
“ผมไม่รู้ว่า ตี๋ใหญ่มันมาที่โรงบาลได้ไง มุ้ยออกไปสู้กับมัน กว่าผมจะไปช่วยได้ มุ้ยก็ตายแล้ว แต่ผมก็เก็บมันแล้ว ผมไม่กล้าบอกว่ามุ้ยตาย เพราะกลัวพี่เสียหน้ากับสัว.... แค่นั้น”
“อ๋อ....เหรอ... ขอบใจนายมาก ที่รักษาหน้าเรา และไอ้บัญชายังไง??...”
“ผมฉีดยาให้มันแล้ว...”
แรมถามแบบขำๆ แต่รู้ว่าไซเรนโกหก
“ตำรวจตายทั้งคน... ทำไมไม่มีรายงานข่าว... ตายชัวร์เหรอไซเรน... คิดดีๆ!!”
ไซเรนตอบนิ่งกลัวถูกจับได้
“พวกตำรวจคงปิดข่าว... แต่ผมฆ่ามันแล้ว”
แรมกดมือไปที่ไฟอีก
“แล้วทำไม... เพื่อนเก่านายถึงมาขวางการตายของตำรวจว๊ะ..!!” แรมว่า
“ผมไม่รู้ครับพี่ อาจจะเป็นแผนของ 21 ก็ได้นะครับ ที่ทำให้เราตีกับเอ็ดดี้”
“แล้วนายไม่สงสัยเหรอว่า...ทำไมเอ็ดดี้สั่งล่ามัน!!?? ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า เราขำว่ะ”
ไซเรนนิ่งไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“หึๆ เราหวังว่าที่นายพูดมาจะเป็นเรื่องจริง" แรมกระซิบยิ้มๆ "เพราะเราอยากให้นายอยู่กับเรานานๆ”
แรมกดมือไซเรนลงไปอีกก่อนที่ไฟจะติดแขนเสื้อไซเรน แรมปล่อยมือไซเรน ไซเรนตบไฟให้ดับ
แรมมองหัวเราะชอบใจ ไซเรนเจ็บปวดมือโดนไฟลวกทุรุนทุราย
แรมมองมือตัวเองที่ไหม้เหมือนกันแต่ไม่ยี่หระ

ภายใน โรงพยาบาล เวลากลางวัน
เผด็จโทร.หาเรย์
“ค่ะหัวหน้า”
“เห็นข่าาวคลิปในโรงพยาบาลแล้วใช่มั้ย ?” เผด็จถาม
“ค่ะหัวหน้า”
“จากรูปพรรณสันฐานน่าจะเป็นธาวิน”
เรย์แสร้งแปลกใจ “เหรอคะ.... แล้วธาวินเค้าไปที่นั่นทำไมคะ”
“คุณไปหาธาวินที่แฟลตหน่อย ดูว่าเขายังอยู่มั้ย ถ้าอยู่ให้พามาหาผม”
“ได้ค่ะหัวหน้า" เรย์บอก
เผด็จรู้ว่าทองดีหายไปแล้ว “แล้วคุณได้คุยกับทองดีบ้างมั้ย”
เรย์โกหก “ไม่ได้คุยเลยค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“รายงานผมด้วยเรื่องธาวิน คุณกลับเข้าไปรายงานตัวที่เซฟเฮ้าส์ด้วยนะ”
“ค่ะ หัวหน้า”
รองฯ เผด็จวางสายอย่างกังวลใจ

ภายใน มุมลับตาใน Last day เวลากลางวัน
ไผ่หวานมองใบหน้าตัวเองในกระจกที่มีรอยแผล และรอยฟกช้ำ ท่าทางเธอเศร้าเหมือนจะร้องไห้
ไผ่หวานพยายามข่มมันไว้และใช้เครื่องสำอางทากลบรอยแผล ไผ่หวานมองยาไอซ์ที่วางข้างๆ ไผ่หวานลังเลว่าจะสูดไม่สูดดี
สุดท้ายไผ่หวานอดใจไม่ไหว หยิบยาไอซ์ขึ้นมา ก้มหน้าลงเพื่อจะสูดเข้าจมูก
ไซเรนเดินเข้ามาหาไผ่หวานจากด้านหลังและแย่งยาออกจากมือไผ่หวาน
ไซเรนพูดเครียดๆ สับสน
“เคยคิดที่จะไปจากที่นี่บ้างมั้ย?...”
ไผ่หวานมองไซเรนแบบงงๆ
“เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ..... ไปกับเรามั้ย?”
“หวานเคยหนีไปตั้งหลายครั้ง พี่แต่แรมก็ตามจนเจอทุกครั้ง พอโดนจับกลับมาพี่แรมก็....ไม่เอาอ่ะ หวานกลัว !”
ไผ่หวานตัวสั่นด้วยความกลัว
ไซเรนจะยื่นมือไปแตะตัวไผ่หวานแต่ก็เปลี่ยนใจ เดินออกไป
ไผ่หวานเริ่มน้ำตาไหลมองตามไซเรน
ไผ่หวานหยิบโจ๋ขึ้นมาสูบเศร้าๆ
“โชคดีนะพี่เรน เราคงไม่ได้เจอกันอีก”

ไซเรนนิ่งนิดนึงก่อนที่ปิดประตูห้องไป

สัวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เอกสารเต็มโต๊ะ สัวกำลังเขียนเอกสารอยู่

แรมเดินเข้ามาในห้อง
สัวไม่ได้เงยหน้ามองแรม แต่ถาม
“ตกลงว่าไง ติดต่อไอ้เอ็ดดี้ได้หรือยัง ?”
แรมนิ่งแทนคำตอบ
“กูถามมึงอยู่นะ ?” สัวว่า
แรมยังคงนิ่งเงียบแทนคำตอบ
สัววางปากกา เงยหน้ามองแรม เริ่มโมโห ถามย้ำ
“มึงโทร.ไปหาไอ้เอ็ดดี้รึยังว๊ะ”
“ยังครับพี่”
“ทำไมมึงบอกมันว่ากูมีข้อมูล”
“พี่สัว ... เราคุยกับไอ้เหี้ยเอ็ดดี้มันรอบแล้ว คนอย่างมันไม่เห็นหัวเราหรอก”
“ไม่เห็นหัวมึงคนเดียวมากกว่ามั้ง... เมื่อก่อนมันยังต้องพึ่งใบบุญกู ให้กูเคลียร์กับตำรวจให้อยู่เลย”
“หึ นั่นมันก่อนที่พี่จะไปพักร้อน ก็หลายปีแล้วพี่สัว”
สัวไม่พอใจ เลยบอกลูกน้อง
“จับมันไว้...”
ลูกน้องคนอื่นๆ ลังเลเล็กน้อย
ลูกน้องมองหน้าสัวอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจมาล็อกแขนทั้งสองข้างของแรมแบบกล้าๆ กลัวๆ
สัวส่งสัญญาณให้ลูกน้องอีกคนหนึ่งจัดการแรม
ลูกน้องคนนั้นลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปเข้าไปชกแรมเต็มแรง
ลูกน้องคนนั้นก้มหน้าก้มตาชก ไม่กล้าหันขึ้นไปเจอหน้าแรม
แรมยิ้มเลือดกบปาก
“กูเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำไง มึงแค่ทำตาม ไม่ใช่มาต่อปากต่อคำกับกู..!!.”
สัวเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“ขี้ยาปลายแถวอย่างมึง กูใช้ทำงานไม่กี่ปี เสือกอยากดูแลกิจการนี้เอง !”
สัวยังคงจับที่คอเสื้อแรม แรมมองหน้าสัวตาไม่กระพริบ ดูท้าทายอำนาจ
เรย์เดินเข้ามาในห้องเห็นสัวกำลังจับคอเสื้อแรม
สัวปล่อยมือจากแรม
แรมงงที่เห็นเรย์เข้าในนี้
แล้วสัวก็เดินพาเรย์ออกจากห้องไป

สัวพาเรย์ออกมาบริเวณผับ
สัวพูดกับเรย์ “ เรย์...มาได้งัย!?”
เรย์โกหก “ก็แค่จะมาเตือน... ตอนนี้ตำรวจตามคุณหนักเลยน่ะ...จะทำอะไรก็ให้ระวังๆ หน่อย”
“พี่กำลังจะล้างมือจากวงการแล้ว" สัวเดินเข้ามาหาเรย์ พยายามเอามือจับไปที่บ่าของเรย์
"พี่ขอแค่เอาเงินมาจากไอ้พวกนี้คืน แล้วพี่จะไปตั้งต้นใหม่”
“เงินจากการขายยา ?”
เรย์ปัดมือสัวออก
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง ไปตั้งต้นใหม่ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะเรย์”
“ชั้นเตือนคุณครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังไม่เลิกทำเรื่องพวกนี้ ชั้นก็ต้องทำตามหน้าที่เช่นกัน”
เรย์เดินออกไป

ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ตี๋ใหญ่ตบหน้าทองดี เพื่อให้ทองดีตื่นขึ้น
ทองดีอยู่ในนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มองหน้าตี๋ใหญ่ ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เฮ้ย! …อะไรเนี่ย จับพี่มาทำไม?”
“คุณทำงานให้ใคร?”
ทองดีจงใจพูดติดตลกเพื่อทำให้สถานการณ์เบาลง
“ฮะ? ... จะถามแค่นี้อ่ะนะ นัดคุยกันที่ตลาดนัดก็ได้ ไม่เห็นต้องจับพี่มาแบบนี้เลยน้องเอ้ย...”
“ผมถามว่าคุณเป็นสายให้ใคร ?”
“พี่ทำงานให้พี่เผด็จ พี่อยู่หน่วยปส. ไง อยากรู้ไรอีก ชื่อพ่อแม่พี่ด้วยป่าว”
“กองทุนที่คุณตั้งขึ้น มีเงินเข้าบัญชีครั้งละหลายแสน ผมไม่คิดว่าญาติคุณพี่น้องตำรวจ จะบริจาคครั้งนึงเยอะขนาดนี้”
ตี๋ใหญ่โยนแผ่นกระดาษที่แสดงรายละเอียดบัญชีลงที่ตักทองดี
ทองดีทำตัวชิลล์ๆ เพื่อคุมสถานการณ์
“อ๋อๆ บางครั้งเค้าก็รวมๆ กันมา เลยดูเป็นก้อนใหญ่ละมั้ง เมียตำรวจบางคนถูกรางวัลที่หนึ่ง
บริจาคให้แสนนึงก็มี อย่างบางปีเรามีจัดคอนเสิร์ตการกุศล ขายบัตรได้หลายแสนเลยนา เค้าก็รวบรวมมาให้ทีเดียวดิ ไม่งั้นพี่ต้องไปธนาคารหลายเที่ยว เปลืองน้ำมันตายห่า เอ็งจะไปนั่งจับผิดกองทุนขี้ปะติ๋วทำไมว้า เรากำลังตามจับพวกค้ายาไม่ใช่เร๊อะ!!”
“ทำไมสัวถึงรู้ว่าบัญชายังไม่ตาย และรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลไหน....??”
“เอ๊า!!! ก็บอกไปแล้วไง ว่าเรย์เป็นคนปล่อยข่าว เรย์มันเป็นน้องสาวสัว นี่พี่อุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาเลยนะ มันเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลหนีพี่ชายมัน แล้วมาตีเนียนสมัครเป็นตำรวจ ...ตอนแรกพี่ก็คิดว่า... ไอ้เชี่ย เรื่องแบบนี้มันมีแค่ในหนัง... แต่แม่งเสือกจริงซะงั้น”
ตี๋ใหญ่รับฟังนิ่งๆ ไม่พูดอะไร เพราะในใจเขาเชื่อเรย์มากกว่า
ทองดีพูดจริงจัง
“ปล่อยพี่ได้แล้วมั้งไอ้น้อง... ตำรวจเวลาสอบปากคำ ต่อให้เป็นนักโทษฆ่าคนตาย เค้ายังไม่มัดมือมัดเท้าใครแบบนี้เลย... เอาน่า เรื่องเข้าใจผิด พี่ไม่โกรธหรอก พี่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครอยู่แล้ว...
เดี๋ยวพี่ช่วยเปิดโปงเรื่องเรย์ให้ด้วย”
ตี๋ใหญ่มองทองดี... เขาไม่เชื่อสิ่งที่ทองดีบอกเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แสดงออกบุ่มบ่าม
ตี๋ใหญ่เดินออกไป

ภายใน สถานอาบอบนวด Heart Attack
ตี๋ใหญ่ถูกลูกน้องของเอ็ดดี้ลากมากลางห้อง
เอ็ดดี้เดินมาที่ตี๋ใหญ่
“ดีใจมั้ยที่ได้กลับมา ที่ได้สูดอากาศอีกครั้ง มึงแม่งอึดชิบหายเลยว่ะ มึงรอดมาได้ไงว๊ะ”
เอ็ดดี้เดินไป พร้อมกินนมด้วย
พวกเขาช่วยกันกดตัวตี๋ใหญ่ติดตรึงไปกับพื้น ในท่านอนหงาย
ลูกน้องเอ็ดดี้เอาหน้ากากดำน้ำมาใส่ให้ตี๋ใหญ่
เอ็ดดี้เดินจนลงนั่งยองๆ มาที่หัวของตี๋ใหญ่
“กูดีใจมากเลยอยากดื่มฉลองกับมึง" เอ็ดดี้หยิบแก้วนมที่รินเล็กน้อยมาดมและดื่มอย่างอารมณ์สุนทรี "และนี่กูให้มึง”
เอ็ดดี้เทนมลงไปในหน้ากาก
ตี๋ใหญ่สำลักนม
เอ็ดดี้ถาม “ไม่ชอบเหรอวะ นี่มัน นมโคแท้ 100% เสริมแคลเซียม บำรุงกระดูงมึงเลยนะ!!
เรามาคุยกันแบบแฟร์ๆ ดีกว่า... มึง-ทำ-งาน-ให้-ใคร แล้วมึงไปฆ่าใครในโรงบาลนั่น กูงงไปหมดแล้ว ... Shit!!”
ตี๋ใหญ่ยังคงนิ่งไม่ยอมตอบ
“สงสัย.. มึงยังอยากกินนมอยู่..”
เอ็ดดี้ราดนมลงไป
ตี๋ใหญ่สำลัก ลูกน้องเอ็ดดี้จับตี๋ใหญ่นั่ง
ตี๋ใหญ่หอบ “มึงจะฆ่ากู ก็ฆ่ากูเลย... เสียเวลาชิบหาย”
เอ็ดดี้ชกตี๋ใหญ่หน้าหัน
“ก็บอกมาก่อนว่า มึงทำงานให้ใคร แล้วกูจะให้มึงตายสมใจ...”
เอ็ดดี้ชกหน้าตี๋ใหญ่อีกครั้ง
“กูว่ามึงต้องกลับไปอยู่กับแม่มึงแล้วว่ะ ถ้ามึงทำให้กูหมดลมหายใจไม่ได้เนี่ย!!” ตี๋ใหญ่บอก
“หึ.. กูรู้ว่ามึงอยากจะให้กูทำอะไร กูจะให้มึงสมหวังเอง มึงไม่ต้องกลัว!!”
เอ็ดดี้ต่อยตี๋ใหญ่อีกครั้งจนทุกอย่างดับมืดไป

ลูกน้องของแรม กำลังแพ็คยาไอซ์ ทางด้านหลังของ Last day Pub
ไซเรนเดินเข้ามา พร้อมกระเป๋าเปล่า
ไซเรนเห็นทุกคนกำลังง่วนทำงานเลยเดินตรงไปที่เซฟ ซึ่งเป็นลิ้นชักอันนึง
ไซเรนกำลังจะหมุนรหัสเปิดเซฟ
ลูกน้องเรียก “พี่เรน”
ไซเรนชะงัก
“พี่แรมตามหาพี่อยู่อะ”
ไซเรนโกหก “เออ.. รู้แล้วกำลังจะเอาเงินไปให้นี่ไง สงสัยได้ยาล๊อตใหม่มามั้ง”
ไซเรนเปิดเซฟออกแล้วหยิบเงินหลายปึกใส่กระเป๋า
ลูกน้องคุยกับเพื่อน “กูพึ่งได้ข่าวว่า เอ็ดดี้มันจับตัวลูกน้องเก่ามัน แล้วจะเอาไปสำเร็จโทษเองที่ The Cave แม่งน่าจะมันส์ว่ะ!!”
ลูกน้อง2 บอก “ไอ้คนในคลิปอ่ะนะ เออแม่งน่าดูว่ะคู่นี้”
ไซเรนครุ่นคิดถึงสิ่งที่คนทั้งสองคุยกัน ไซเรนปิดเซฟกำลังจะเดินออกไป
ลูกน้องถาม “ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นเพื่อนเก่าพี่ไม่ใช่เหรอ?”
ไซเรนชะงักอีกครั้ง
“อืม แล้วไง?”
ไซเรนมองลูกน้องด้วยสายตาเหี้ยม
ลูกน้องกลัว “ไม่มีไรพี่”
ไซเรนเดินออกไป

รองฯ เผด็จนั่งทำงานในออฟฟิศคนเดียว เขานั่งดูเอกสาร
เป็นภาพนิ่ง มาจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลในมุมต่างๆ เห็นภาพทองดี ที่แท้ เผด็จกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่
ทันใดนั้นลูกน้องเผด็จคนหนึ่งก็เข้ามา
“หัวหน้าครับ มันมีข่าวโพสต์ในโซเชี่ยลครับ เกี่ยวกับธาวิน”
ลูกน้องส่งมือถือให้เผด็จ
เขาอ่านข้อความที่โพสต์ในเวบบอร์ดใดๆ “เอ็ดดี้จะดวลกับลูกน้องเก่าคืนนี้ที่ The Cave”
เผด็จอ่านเสร็จสีหน้ากังวลใจ
“แล้วติดต่อทองดีได้รึยัง ?”
“ยังเลยครับ แต่มีรายงานว่ามีคนเห็นทองดีครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล วันที่เกิดเหตุฆ่ากันครับ”
เผด็จดูภาพ capture มาจากกล้องวงจรปิด อีกครั้ง แล้วดูภาพสเก็ตตี๋ใหญ่
เผด็จหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.

“ฮัลโหล... ไอ้ทิน... กูมีเรื่องให้มึงช่วยว่ะ”

ในตรอกแห่งหนึ่ง รองฯ เผด็จกับทินพัฒน์ยืนสูบบุหรี่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ยืนข้างกัน เอาหลังพิงกำแพง
 
“นึกถึงตอนที่เรียนโรงเรียนนายร้อยเลยว่ะ” เผด็จว่า
ทินพัฒน์บอก “ที่หลังฝึกเสร็จ ก็แอบมายืนดูดบุหรี่ข้างกำแพงกันแบบนี้”
“เออ... โดนซ่อมเกือบตาย แม่งกี่ปีมาแล้วว๊ะ...”
“พอรู้ตัวอีกทีแม่งก็ 30 ปีแล้ว" ทินพัฒน์ปาบุหรี่ลงพื้น "มีอะไรให้กูช่วยก็ว่ามา”
“กูต้องการกำลังเสริม คนในทีมของกูถูกแกงค์ค้ายาจับตัวไป” เผด็จว่า
ทินพัฒน์จุดบุหรี่ต่ออีกมวน “อื่มมม..แล้ว ?”
“มันมีแก๊งมวยใต้ดินเถื่อน คนนอกเข้าไปมันตรวจอาวุธเข้ม อยากให้นายนำกำลังเข้าไป โดยการแฝงตัวไปเป็นคนดู เพื่อหาจังหวะเข้าไปชิงตัวคนของกูออกมา อีกชุดติดอาวุธแสตนด์บายไว้ด้านนอก”
“ต้องรอทำเรื่องอนุมัติก่อน มึงอยากให้ปฏิบัติการวันไหน ?”
“คืนนี้ !”
“คืนนี้นี้พ่อมึงสิ!! ใครจะไปเตรียมตัวให้มึงทันว๊ะ”
“อีกอย่างงานนี้ มีมึงกับกูรู้กันสองคน อย่าให้ข้างบนรู้เด็ดขาด”
ทินพัฒน์ยิ้ม
“มึงให้คนของกูเข้าไปมือเปล่า แต่ถ้าพวกแม่งมีอาวุธล่ะ ลูกน้องกูไม่ตายห่ากันหมดเหรอ และมึงขอกำลังเสริมเยอะขนาดนี้ จู่ๆ พวกแม่งหายไปจากกรมพร้อมกันหมด กูโดนผู้ใหญ่สอบแน่ๆ”

ทินพัฒน์ปาบุหรี่ลงพื้น แล้วเอาเท้าขยี้อย่างไม่ค่อยสบอารณ์ เขาพูดกับเผด็จอย่างเน้นถ้อยคำ
“มึงมันบ้าไปแล้ว... แล้วทำไมไม่ใช้คนของหน่วยมึงว๊ะ”
“เอาเป็นว่า ถ้ากูไม่ลุย... คนของกูก็ตาย...”
เผด็จจ้องหน้าทินพัฒน์เขม็ง
“ไม่เป็นไร... กูเข้าใจ" เผด็จแตะบ่าทินพัฒน์ "ไว้เจอกันเพื่อน”
รองฯ เผด็จเดินออกไป
ทินพัฒน์มองเผด็จอย่างเป็นกังวล

เผด็จสังเกตการณ์ในรถ แล้วเดินลุยเดี่ยวไปถึงหน้า The Cave
การ์ดหน้า The Cave ตรวจอาวุธของเขา ไม่พบอาวุธ
เผด็จเดินเข้าไปใน The Cave

ภายใน The Cave เวลากลางคืน
พิธีกรเดินขึ้นมากลางเวที
“คู่เอกของเราในวันนี้ เป็นนัดล้างตาของ The Cave นี่เอง! มุมซ้าย ผู้ท้าชิง อดีตลูกน้องเอ็ดดี้....ตี๋ใหญ่ !”
ตี๋ใหญ่เดินออกมาตรงสังเวียนอย่างมึนๆ ในสภาพหน้าตาสะบักสะบอม มือโดนมัดอยู่ด้านหน้า
คนดูตะโกนเชียร์
“และจะมาล้างตากับนายใหญ่ของ The Cave มังกรสารพัดพิษ เอ็ดดี้ เหยา!!”
คนดูตะโกนเชียร์อย่างบ้าคลั่ง ภายในนั้นมีการแจกยา คนดูดื่มเหล้าไป ตะโกนเชียร์ไป
เอ็ดดี้ เหยาเดินออกมาที่กลางสังเวียน ท่าทางมั่นใจสุดขีด
คนดูตะโกน “ฆ่ามัน เอ็ดดี้” ซ้ำไปซ้ำมาอย่างบ้าคลั่ง
เอ็ดดี้ ส่งสัญญาณมือบิ๊วคนดูให้ตะโกนดังขึ้นอีก
พิธีกรบอก “ใครเชียร์ข้างไหน ตัดสินใจเลยคร๊าบ...”
ลูกน้องของเอ็ดดี้เดินเก็บเงินนักพนัน
ลูกน้องของเอ็ดดี้เอาโคเคนมาขาย เป็นพับเล็กๆ ขนาดหนึ่งซื้ด ให้กับคนดู
เผด็จที่แฝงตัวมาเป็นคนดู มองดูตี๋ใหญ่อย่างเป็นห่วง
เอ็ดดี้ทำมือให้ทุกคนเงียบ
เอ็ดดี้ชี้ไปที่ตี๋ใหญ่
“ไอ้เหี้ยนี่ มันเคยเป็นลูกน้องเก่ากู แล้วแม่งก็หักหลังกู พอดีกูชอบดูหนังมาเฟียฮ่องกง ก็ เลยจัดพิธีขอขมาตามธรรมเนียมมาเฟียฮ่องกงกันก่อน”
คุณดูตะโกนร้องอย่างตื่นเต้น
ลูกน้องเอ็ดดี้ประมาณ 10 คน เดินมาออกมาที่ลานประลอง
ลูกน้องเอ็ดดี้แบ่งเป็นสองแถว แถวละ 5 คน ยืนเรียนก่อนถึงตัวเอ็ดดี้

ตี๋ใหญ่เดินเข้าไปหาเอ็ดดี้ช้าๆ ตี๋ใหญ่ถูกลูกน้องเอ็ดดี้ประเคน หมัด เข่า ศอก ใส่อย่างไม่ยั้ง
เผด็จมองดูสถานการณ์อย่างเป็นห่วง เดินออกไปอย่างร้อนใจ มีมือหนึ่งจับไปที่บ่าเผด็จ เผด็จตกใจ เขาหันไปพบว่าคนๆ นั่นคือ ทินพัฒน์
“ไงเพื่อน เห็นว่ามึงน่าจะเหงามาคนเดียว กูเลยให้ลูกน้อง 10 คนมาเป็นเพื่อนด้วย แล้วข้างนอกก็มีกองกำลังติดอาวุธแสตนด์บายไว้แล้ว”
เผด็จมองทินพัฒน์อย่างคาดไม่ถึง
“กูก็บ้าไม่แพ้มึงนะเว่ย !!”
เผด็จท่าทางลำบากใจเล็กน้อย ที่เห็นทินพัฒน์มาช่วยขนาดนี้
“ขอบใจมาก”
“ถ้าเรารอดไปได้ กูกะมึงก็หายกันนะ”
เผด็จ พยักหน้า
ตี๋ใหญ่ถูกลูกน้องเอ็ดดี้ ซ้อมซะน่วม คุกเข่าอยู่กับพื้น คอตกลงดิน
แต่ตี๋ใหญ่ก็เดินมาถึงหน้าเอ็ดดี้ในที่สุด
เอ็ดดี้ผู้ซึ่งเป็นด่านสุดท้าย มองดูตี๋ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขา แสยะยิ้มสะใจ
เอ็ดดี้ให้ลูกน้องตัดเชือกที่มัดมือตี๋ใหญ่
คนดูตะโกนเชียร์เอ็ดดี้อย่างสะใจว่า “ฆ่ามันๆๆๆๆ” ซ้ำไปมา
เอ็ดดี้โบกปลุกเร้าอารมณ์ให้คนดูตะโกน “ฆ่ามัน” ให้ดังกว่าเดิม จนกระหึ่มไปทั่วห้อง
“เอาสิว๊ะ ... มึงแน่ไม่ใช่เหรอ Bitch!!”
เอ็ดดี้ใช้เท้างัดคางตี๋ใหญ่ขึ้นมา
เอ็ดดี้กำหมัดแน่น เขาเตรียมจะซัดไปที่ศรีษะของตี๋ใหญ่เต็มที่
เผด็จเห็นสภาพตี๋ใหญ่ปางตายเขาตกใจมาก
เอ็ดดี้เงื้อหมัดจะชกที่ตี๋ใหญ่

ทันใดนั้นมีมือมือหนึ่งมาจับที่แขนเอ็ดดี้ รั้งไว้ไม่ให้ชก เอ็ดดี้หันไปชกใส่เผด็จ
เผด็จหลบวูบมุดไปดึงตัวตี๋ใหญ่ขึ้นมา
เผด็จหยิบบัตรตำรวจออกมา
“ผมขอนำอนุญาตนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำ”
เอ็ดดี้จำได้ร้อง “มึง....”
เผด็จหยิบบัตรตำรวจออกมา “ผมมาที่นี่เพื่อเอาเขาออกไป”
เผด็จพยุงตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่หันมาสบตาเผด็จ เผด็จลากตี๋ใหญ่ออกไป
เอ็ดดี้เข้ามาขวาง
เอ็ดดี้มองตี๋ใหญ่ “หึ มึงเป็นหมาตำรวจนี่เอง" ก่อนหันไปพูดกับเผด็จ "แต่ตอนนี้อยู่ในการแข่งขัน เกมส์มันยังไม่จบ ให้ผมตัดสินกับเค้าอย่างลูกผู้ชายก่อนดีกว่ามั้ง”
“ผมไม่ได้มาเพื่อเล่นเกมด้วย ขอตัวครับ”
ลูกน้องเอ็ดดี้ หยิบฉวยขวดเหล้า หักขาเก้าอี้ ขาโต๊ะ มาเป็นอาวุธ แล้วมาล้อมเผด็จเอาไว้
เผด็จมองทินพัฒน์ที่พยักหน้าบอกว่าพร้อมแล้ว
เผด็จมองหน้าเอ็ดดี้หยั่งเชิง
“อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”
เอ็ดดี้กำหมัดแน่น
“ถ้ากูไม่ปล่อย มึงจะทำไม กูแค่มาเล่นกีฬากับลูกน้องเก่ากูเฉยๆ”
“มีคนของผมอยู่ด้านนอก พร้อมอาวุธ... ในนี้ก็มี..”
ตำรวจนอกเครื่องแบบ 10 คนก้าวออกมาจากกลุ่มคนดู
ลูกน้องเอ็ดดี้หันไปผเชิญหน้ากับตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่เอาของต่างๆ ในThe cave
มาเป็นอาวุธเช่นกัน
ลูกน้องเอ็ดดี้คนหนึ่งที่อยู่นอกวง คุยโทรศัพท์กับใครบางคนแล้วพยักหน้าหงึก ๆ แล้ว วิ่งเข้ามาหาเอ็ดดี้
ลูกน้องกระซิบ “พี่เอ็ด ปารเมศมันโทร.มาบอกว่า ไม่ต้องห่วงด้านนอก ทางสโมสรจัดการแล้ว ส่วนพวกที่มามือเปล่า ให้จัดการตามสบายเลย...”
ลูกน้องถอยออกไป เอ็ดดี้มองหน้าเผด็จแล้วยิ้ม
“ฮ่าๆๆ... Mother fucker !!!”
เอ็ดดี้ต่อยเผด็จหน้าหัน
ทินพัฒน์ตะโกน
“คุ้มกันรองเผด็จ และเป้าหมายไว้”
ตำรวจนอกเครื่องแบบคนอื่นๆ ที่ปะปนใน The Cave ต่างวิ่งกรูกันเข้าไปกลางวง ลูกน้องเอ็ดดี้ก็วิ่งเข้าใส่ตำรวจเช่นกัน ทั้งหมดใส่กันนัว
ทินพัฒน์พูดใส่วิทยุในปกเสื้อ "ฉก.2 “เข้ามาได้ !!”

การตะลุมบอนกันครั้งใหญ่ด้วยมือเปล่าระหว่างแก๊งเอ็ดดี้และตำรวจ แน่นอนว่ากลุ่มลูกน้องเอ็ดดี้มีมากกว่าเยอะ
ทินพัฒน์พูดกับวิทยุ "หมายความว่าไง ใครให้ถอนกำลัง" ...สัญญาณขาดไป เขาพยายามเรียก "ฉก. 2 ฉก.2"
เผด็จปล่อยหมัดฮุคเข้าไปที่ท้องของลูกน้องเอ็ดดี้
ลูกน้องอีกคนหนึ่งของเอ็ดดี้จะเข้ามาโจมตีเอาไม้ฟาดเผด็จจากด้านหลัง

เอ็ดดี้ถือขาเก้าอี้บุกเข้าหาตี๋ใหญ่ เอ็ดดี้ฟาดไม่ยั้ง ตี๋ใหญ่ได้แต่ปัดป้องเพราะบอบช้ำอยู่
ทินพัฒน์เข้ามาช่วยตี๋ใหญ่ ด้วยการพุ่งเข้าไปชาร์จเอ็ดดี้จนไม้หลุดมือ
เอ็ดดี้ไม่ตั้งการ์ดใดๆ ปล่อยให้ทินพัฒน์ต่อยแบบไม่รู้สึกอะไร เอ็ดดี้บีบคอทินพัฒน์
ทินพัฒน์พยายามดิ้น เอ็ดดี้จับคอทินวัฒน์และเหวี่ยงเขาอัดกำแพง
เอ็ดดี้กระทืบไปที่หัวเข่าของทินพัฒน์ ทินพัฒน์ร้องด้วยความเจ็บปวด
เอ็ดดี้กำลังจะหยิบเหล็กแหลมขึ้นมา ตี๋ใหญ่เข้ามาโจมตีเอ็ดดี้จากด้านหลัง ด้วยแรงฮึดของตี๋ใหญ่ เขาแลกหมัดกับเอ็ดดี้อย่างดุเดือด
เอ็ดดี้ต่อยตี๋ใหญ่หลบได้ เอ็ดดี้ชกเข้าที่กำแพงอย่างจัง เอ็ดดี้เจ็บแต่ไม่แสดงอาการ
ตี๋ใหญ่เห็นจังหวะที่เอ็ดดี้กำลังเสียจังหวะซัดเอ็ดดี้รัวๆ
ตี๋ใหญ่จับเอ็ดดี้โขกกับผนัง จนเอ็ดดี้ดั้งหัก
ลูกน้องเอ็ดดี้จะเข้าไปช่วยเอ็ดดี้ แต่เผด็จเข้ามาขวาง เผด็จจัดการกับลูกน้องเอ็ดดี้

เอ็ดดี้ล่าถอยไปที่ลิฟท์ ตี๋ใหญ่ตามไปประชิด
ตี๋ใหญ่ต้อนเอ็ดดี้เข้าในลิฟท์ เอ็ดดี้จนมุม พร้อมหยิบขวดปากฉลามไปด้วย
ทันใดนั้น เอ็ดดี้คว้าซากเก้าอี้ที่ตกอยู่แถวนั้นมาฟาดที่หัวตี๋ใหญ่ เก้าอี้หลุดเป็นชิ้นๆ
เอ็ดดี้เอาขาเก้าอี้ที่เป็นแท่งเหล็ก แทงเข้าไปที่ท้องตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่ช็อค เลือดค่อยๆ ไหลจากท้องของเขา
เผด็จเห็นเหตุการณ์ จะวิ่งเข้าไป แต่ลูกน้องเอ็ดดี้มาขวาง

ประตูลิฟท์ปิด ตี๋ใหญ่กับเอ็ดดี้อยู่ในลิฟท์สองคน

ภายในลิฟท์ เอ็ดดี้พยายามกดแท่งเหล็กแทงเข้าไปให้แผลมันลึกขึ้น

ตี๋ใหญ่จับข้อมือเอ็ดดี้ป้องกันไว้
ตี๋ใหญ่พุ่งตัวเอาหัวไปชนเอ็ดดี้
ตี๋ใหญ่เอาหัวโขกเอ็ดดี้ซ้ำๆ จนเอ็ดดี้มึนและปล่อยมือออกจากขาเก้าอี้
เอ็ดดี้ทรุดตัวไปที่มุมหนึ่งของลิฟท์ ใกล้กับแป้นกด
เอ็ดดี้เอามือกดไปที่ปุ่มหนึ่งซึ่งเป็นปุ่มพิเศษของลิฟท์
ตี๋ใหญ่ค่อยๆ ดึงขาเก้าอี้ออกจากท้องตัวเอง
เขาเดินไปหาเอ็ดดี้ช้าๆ จะเอาขาเก้าอี้มาแทงเอ็ดดี้กลับ
ทันใดนั้น ประตูลิฟท์เปิดออก เห็นลูกน้องเอ็ดดี้ 3 คน ถืออาวุธมารอตี๋ใหญ่อยู่หน้าประตูลิฟท์
อาวุธเช่น ไม้หน้าสาม, ขวดเบียร์, แท่งเหล็กปลายแหลม
ลูกน้องของเอ็ดดี้วิ่งเข้าในลิฟท์ เอาอาวุธมาไล่ฟาดตี๋ใหญ่
ประตูลิฟท์ปิดลง เกิดเหตุตะลุมบอนในลิฟท์ต่อ
ตี๋ใหญ่หลบได้ เขาฉวยโอกาสจับตัวลูกน้องของเอ็ดดี้คนหนึ่งไว้
เขาล็อกคอและให้ลูกน้องของเอ็ดดี้คนนี้อยู่หน้าเขา เพื่อเอาเป็นตัวประกัน
ตี่ใหญ่ใช้ลูกน้องคนนี้เป็นสิ่งกำบังไม่ให้ลูกน้องเอ็ดดี้คนอื่นๆ เข้ามาโจมตี
ลูกน้องเอ็ดดี้ลังเลไม่กล้าทำอะไร
เอ็ดดี้ลุกขึ้น เขาคว้าแท่งเหล็กมาจากมือลูกน้องคนหนึ่งและพุ่งเข้าโจมตีตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่เบี่ยงตัวหลบ เอาลูกน้องเอ็ดดี้เป็นโล่กำบัง เอ็ดดี้ก็เลยแทงลูกน้องตัวเอง เอ็ดดี้เอาเอาแท่งเหล็กไล่แทงตี๋ใหญ่
ลูกน้องของเอ็ดดี้ที่เหลือก็เอาอาวุธมาฟาดฟันตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่พยายามหลบ
ตี๋ใหญ่แทงด้วยขวดเบียร์ เขาทรุดตัวลงไป
ลูกน้องเอ็ดดี้เข้ามาฟันอีก ตี๋ใหญ่บล็อกได้และเอาขาเก้าอี้จ้วงกลับ
ตี๋ใหญ่เอาขาเก้าอี้แทงลูกน้องเอ็ดดี้อีกคนลงไปนอน
ตี๋ใหญ่กับเอ็ดดี้เจอกันตัวต่อตัวไปในลิฟท์
เอ็ดดี้วิ่งเข้าหาตี๋ใหญ่
ทั้งคู่นิ่งไป
“กูบอกมึงแล้วใช่มั้ย ว่าถ้ากูเจอมึงอีก สิ่งสุดท้ายที่มึงจะเห็น คือหน้ากู!!”
ตี๋ใหญ่แทงขาเก้าอี้ปักที่ตัวเอ็ดดี้เข้าไปซ้ำๆ
เอ็ดดี้ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ภายในเชฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เวลากลางคืน
ตี๋ใหญ่ค่อยๆลืมตา ภาพต่างๆเปลี่ยนจากเบลอมาเป็นชัด
ด้านบนที่เขาเห็นเป็นลำดับแรกคือเพดานห้องสีขาว เห็นเงาลางๆ อยู่ข้างๆ ตัวเขา
ตี๋ใหญ่พยายามจะยกตัวขึ้น แต่เขาพบว่ามือของเขาถูกใส่กุญแจมือทั้งสองข้างกับหัวเตียง
ตามลำตัวของตี๋ใหญ่มีผ้าพันแผล
เผด็จถาม “คุณเอาบัญชากับทองดีไปไว้ที่ไหน...?”
ตี๋ใหญ่ยังคงไม่ตอบอะไร
ตี๋ใหญ่หยุดคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“บัญชาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ส่วนทองดีผมจับตัวไว้ ผมสงสัยว่าเขาจะเป็นสายให้พวกค้ายา”
เผด็จมองตี๋ใหญ่สักพัก เขาก็เดินไปถอดกุญแจมือออก
เผด็จออกอาการโกรธ
“เรื่องลูกน้องผม ผมจัดการเองได้... บอกมาว่าทองดีอยู่ที่ไหน??”
“ขอเวลาหาหลักฐานให้มั่นใจ แล้วผมจะปล่อยทองดีให้คุณ”
“นั่นมันไม่ใช่หน้าที่คุณ...ผมจะคุยกับทองดีเอง”
เผด็จมองตี๋ใหญ่ดุดัน
“ได้!...ผมจะพาคุณไปหาทองดี”

ภายในคอนโดฯ ตอนกลางคืน เรย์เดินออกจากห้องน้ำ เอาไดร์มาเป่าผม
เรย์เดินผ่านมือถือของตัวเองโดยไม่สนใจ
เรย์เดินมานั่งลงที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น
ที่โต๊ะ เอกสารต่างๆ เป็นการปรินท์ประวัติการโอนเงินเข้าบัญชี
เอกสารปรินท์ มีรอยปากกาเมจิกที่เรย์วงไว้ว่าเป็นการโอนเงินที่น่าสงสัย
เรย์เปิดคอมพิวเตอร์ เข้าไปดูประวัติการใช้เงิน เห็นมีเงินโอนเข้าบัญชีกองทุนเป็นล้านๆ
เรย์แคปหน้าจอและสั่งปรินท์
เรย์ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตู เรย์เดินไปดูแต่ไม่ก็ไม่เจออะไร
ทันใดนั้น มีเสียงเมสเสจเข้ามาที่มือถือของเรย์
เรย์เปิดดูเมสเสจพบว่าเป็นโฆษณาทั่วไป
การที่เรย์หยิบมือถือมาดู ทำให้เธอเห็นว่ามี Miss Call เข้ามา
เรย์เห็นมีข้อความเสียงส่งมาด้วย เธอเปิดข้อความ
ข้อความเสียงจากตี๋ใหญ่ “ผมจะไปหาคุณที่บ้าน....ระวังตัวด้วย”
เรย์ฟังข้อความนี้แล้วกังวลขึ้นมา
เรย์ได้ยินเสียงคนพูดจากด้านหลัง
“คุณกับธาวินกำลังทำอะไรกันอยู่...?”
“ชั้นให้ธาวินช่วยตามสืบพี่ทองดี ชั้นสงสัยว่าเค้าอาจเป็นสายให้แก๊งค้ายา”
“ทองดีทำงานอย่างหนัก ตลอด 20 ปีที่อยู่กับผม เค้าคือคนสุดท้ายที่ผมจะคิดว่าไปทำงานให้พวกโจรนั่น”
เรย์หันกลับไปมองเผด็จอีกครั้ง จากมองหน้า เธอค่อยๆ มองลงไปที่มือ เธอเห็นเผด็จถือปืนในมือ
“แล้วคุณล่ะ มาเป็นตำรวจเพื่ออะไรกันแน่ ปกปิดทุกคนไม่ให้ใครรู้คุณคือน้องสาวของสัว คุณคือคุณแรกที่ผมจะสงสัย...”
“ใช่ค่ะ ชั้นคือน้องสาวของสัว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าชั้นต้องเป็นเหมือนพี่ชาย ชั้นเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล สมัครเป็นตำรวจเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นต่างหาก”
เรย์หันไปที่กองเอกสารที่ปรินท์ออกมา เธอพูดกับเผด็จ
“หัวหน้า... ลองดูเอกสารตรงนี้ก่อนมั้ย”
เรย์หยิบเอกสารออกมา
“โทรติดต่อธาวิน ให้เอาตัวทองดีมา”
เรย์หยิบโทรศัพท์อย่างลังเล

ณ ตึกแถวเก่าๆ สองชั้นแห่งหนึ่ง ที่ชั้นสองเผด็จควบคุมตัวเรย์ไว้
เผด็จมองจากหน้าต่างชั้นสอง เห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา
รถคันดังกล่าวจอด ตี๋ใหญ่พาทองดีที่ถูกใส่กุญแจมือลงจากรถ ทั้งสองเดินเข้ามา
ตี๋ใหญ่พาทองดีขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาเจอเผด็จกับเรย์อยู่แล้ว
“ส่งทองดีมาให้ผม ผมจะนำสอบทั้งสองคนเอง”
“ผมจะแน่ใจได้ยังไง... ว่าคุณจะไม่เข้าข้างใครเป็นพิเศษ”
“ทั้งคู่เป็นผู้ต้องสงสัย คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
“แล้วทำไมคุณไม่เคยคิดสงสัยทองดีบ้าง”
เผด็จอึ้งไป
“ที่ผ่านมาผมเจอหลักฐานเอง ถึงรู้ว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับทองดี”
“โธ่เอ้ย!!! แปลกยังไงเล่า ไว้คุยกันดีๆ ก็ได้น่า ไม่จำเป็นต้องมาแลกตัวประกันยังหนังฮ่องกงยังงี้หรอก”
“อย่าทำให้ผมไม่มีทางเลือกเลย ธาวิน ปล่อยตัวทองดีมาให้ผม”
ตี๋ใหญ่มองหน้าเผด็จอย่างท้าทาย
เผด็จตัดสินใจชักปืนออกมา สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น
“ปล่อยพี่ทองดีเถอะค่ะ ชั้นรู้จักหัวหน้าดี ยังไงหัวหน้าต้องเจอความจริงแน่”
ตี๋ใหญ่คิดเล็กน้อย กระชากคอเสื้อทองดีจากด้านหลัง แล้วผลักทองดีออกไป
ทองดีหันมาหาตี๋ใหญ่ “จะผลักทำไมเนี่ยเดินเองได้น่า”
ทองดีหันหลังไป เห็นรอยสักรูปนกอินทรีย์เล็กๆ ที่หลังคอ ทองดีจะเอาเสื้อขึ้น
ตี๋ใหญ่ระลึกอะไรบางอย่างได้

ในอดีต ... ลูกน้องเสือยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ
ลูกน้องพูดกับเสือ
“พี่ อินทรีย์บอกว่าตำรวจกำลังมาทางนี้ เอาไงดีพี่”
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงว.
วิทยุคนร้ายดังบอก "อินทรีย์ รายงานว่าเป้าหมายอยู่ชั้นบน"
ไซเรนบอก
“ปารเมศบอกมาอีกที แต่ผมไม่รู้ว่าปารเมศรู้ได้ไง มันบอกแค่ว่ามีนกคาบข่าวมาบอก”

ตี๋ใหญ่นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าทองดีต้องเป็นสายให้พวกค้ายาแน่ๆ
ตี๋ใหญ่ตะโกน “อินทรีย์ !!”
ทองดีชะงักนิดนึง แล้วหันมามองตี๋ใหญ่ด้วยสายตาที่เหมือนโดนจับได้แล้ว
ตี๋ใหญ่เดินเอาปืนไปจี้ที่หัวทองดี
เผด็จเอาปืนเล็งไปที่ตี๋ใหญ่
“วางปืนลง ธาวิน !”
ตี๋ใหญ่เห็น เผด็จ กับเรย์ตะโกนอะไรบางอย่าง แต่เสียงมันก็อื้ออึงไปหมด
ภาพหลินก่อนตายแว่บเข้ามาในหัวตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่เอานิ้วไปกดที่ไกปืน
ตี๋ใหญ่รู้สึกถึงมือหลินมาแตะที่บ่าเขา
หลินกำลังกอดเขาจากด้านหลัง ตี๋ใหญ่ตัวสั่น และน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ตี๋ใหญ่บอก “ผมปล่อยมันไปไม่ได้ มันเป็นต้นเหตุทุกอย่าง !”
เรย์เตือน “ธาวิน ! อย่าทำยังงี้เลย”
ทองดีขยิบตาส่งสัญญาณให้เผด็จ
เผด็จพยักหน้าตอบรับแบบรู้กัน
ทองดีหันกลับไป “ธาวิน ใจเย็นๆ น่านะ พี่ว่า....”
ทันใดนั้นทองดีจับปืนตี๋ใหญ่เพื่อจะแย่งปืน
ทั้งคู่กำลังแย่งปืนกัน เสียงปืนลั่นดัง “ปัง”
ทองดีร้องลั่น ทรุดลง มีเลือดออก เผด็จโกรธมาก ช็อก

เผด็จยกปืนขึ้นมา ยิงไปที่ตี๋ใหญ่ทันที

ภายในโรงพยาบาล ตอนกลางคืน

หมอเดินออกมาหาเผด็จ และเพื่อนๆ ทองดีคนอื่นก็อยู่ด้วย
หมอแจ้งว่า “ยังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องเฝ้าดูอาการไปก่อนนะครับ”
หมอรีบวิ่งออกไปพร้อมกับเตียงคนไข้ของทองดีที่ถูกเข็นไปที่ห้องผ่าตัด
เผด็จมองตามไปอย่างเป็นกังวล
เพื่อนทองดี 1 บอก “ไอ้ทอง อย่าเป็นอะไรนะมึง”
เพื่อนทองดี 2 บอก “ถ้ามันเป็นขึ้นมาล่ะ”
“อย่าพูดเป็นลางสิว๊ะ!”
เผด็จฟังแล้วก็เครียด เขาหันไปมองพวกเพื่อนตำรวจของทองดีที่เป็นคนที่ต้องพึ่งทองดี
แล้วก็เดินออกไป

ตี๋ใหญ่ เดินเข้ามาที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งของเผด็จ
ตี๋ใหญ่ชักปืนออกมา ปีนหน้าต่างเข้าไปในเซฟเฮ้าส์ ได้ยินเสียงคนอยู่ในครัว
ตี๋ใหญ่แอบดู เห็นเรย์หันหลังรื้อของอยู่
ตี๋ใหญ่เปิดประตู เรย์รู้ตัวหันปืนมาจ่อกัน เมื่อเห็นว่าเป็นตี๋ใหญ่ เรย์ลดปืน แต่ตี๋ใหญ่ยัง
“คุณมากันกี่คน”
“มีแค่ชั้น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
“จะให้ผมหลบอยู่ที่นี่”
“ไม่มีใครนึกถึงหรอกว่าเราจะกล้ามาอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ อีกอย่างมีไลน์กลุ่มบอกชัดเจนว่าใครจะเข้าใช้เซฟเฮ้าส์ไหนเมื่อไหร่ ที่นี่ปลอดภัย”
ตี๋ใหญ่ยังเงียบ นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่
เรย์มองตี๋ใหญ่ที่มีสีหน้าเครียด เธอจึงไม่อยากพูดอะไรต่อ
ตี๋ใหญ่เหมือนจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“ช่วยผมทำไม??”
“ชั้นเชื่อคุณ”
“เวิร์ดล่ะ ??”
เรย์ส่ายหน้า
“ทุกอย่างเกิดเพราะชั้น ..”
ทั้งคู่อยู่ในความเงียบสักพัก ตี๋ใหญ่เดินไปที่ห้องครัว
สภาพครัวของแห้งทุกอย่างถูกรื้อค้นเอามากินกระจัดกระจาย
“เหมือนจะมีใครอยู่ที่นี่นะ”
เรย์เดินเข้ามา ทั้งคู่เดินไปดูรอบๆพบว่าเตียงก็มีการนอน ห้องน้ำก็มีการใช้
“ก็คงเป็นทีมอื่นมาใช้งานแหละ อาหารสำรองหมดเกลี้ยง เดี๋ยวคงต้องออกไปซื้ออะไรมากิน”
ตี๋ใหญ่หน้าซีด เรย์สังเกตเห็น
ตี๋ใหญ่ล้มลง

เรย์ค่อยเปิดเสื้อตี๋ใหญ่ขึ้นเห็นเลือด เป็นรอยถูกยิงที่ท้อง เรย์ทำอะไรไม่ถูก ยกโทรศัพท์ขึ้นโทร.
“ไอ้หมอชั้นมีเรื่องให้ช่ว……ย”
โทรศัพท์ถูกดึงจากมือไปกดทิ้ง เป็นตี๋ใหญ่ที่ฟื้นแล้ว ตี๋ใหญ่ส่ายหน้า ก้มดูแผล
ตี๋ใหญ่ถาม “ทะลุมั้ย?”
“ไม่รู้”
เรย์กับตี๋ใหญ่ช่วยกัน ถอดเสื้อออก
ตี๋ใหญ่พลิกตัวพยายามคลำด้านหลัง แต่เจ็บ
เรย์ดู เห็นกระสุนตุงๆอยู่
“ไม่ทะลุ ตุงอยู่ด้านหลัง”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าเซ็งนิดนึง
“คุณออกไปซื้อของให้หน่อยนะ แต่ตอนนี้ขอยาแก้ปวดก่อน”
เรย์พยัหน้างงๆ

ในร้านสะดวกซื้อ เรย์ ออกไปซื้ออุปกรณ์ทำแผล เช่น ถุงสำลี เบตาดีน น้ำเกลือ
และอาหารบางอย่างสำหรับเธอและตี๋ใหญ่
เรย์ชำระเงิน ด้วยมือถือ Samsung GALAXY S7

ต่อมา ฉีกถุงสำลี เบตาดีน ปากคีบ ใบมีดผ่าตัด น้ำเกลือ เหล้าขวดนึงวางลง ตี๋ใหญ่งงๆ
“คุณจะกินเหล้าตอนเอาลูกปืนออกให้ผมเหรอ”
" เปล่าๆ ให้คุณกิน ก็เห็นในหนังเค้าทำกัน”
ตี๋ใหญ่ยิ้ม “ไม่เป็นไร คุณคงไม่อยากให้ผมเลือดพุ่งเพราะเหล้าหรอกมั้ง เอาเลยผมทนได้”
ตี๋ใหญ่พลิกตัวเป็นตะแคง เรย์ลังเลอยู่นาน มือสั่นจนตี๋ใหญ่ต้องหันมาดู
“ผมว่าคุณดื่มน่าจะดีกว่า”
เรย์ตัดสินใจยกดื่ม
“กรีดตรงที่คุณบอกว่าลูกปืนตุงอยู่”
เรย์กรีดทันที
“กรีดเล็กๆ ก็…..อุ๊บ!!” ตี๋ใหญ่เจ็บจากมีดกรีด
ยังไม่ทันพูดแเรย์กรีดจนตี๋ใหญ่สะดุ้ง
“บอกกันนิดนึงก็ดีนะ …เอาปากคีมคีบกระสุนออกมา”
“เมื่อกี้เหมือนเห็นตุงๆ ตอนนี้หายไปไหนแล้ว”
“ค่อยๆ ควานหาดู ช้าๆ นะ”
เรย์คว้านแผลหากระสุน
ตี๋ใหญ่เจ็บมาก เรย์ดีใจชูกระสุนขึ้น
“ได้แล้วๆ”
เรย์เห็นตี๋ใหญสลบไปแล้ว
ภายในบาร์ เวลากลางคืน
เผด็จนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว
เขาจ้องมองโทรศัพท์แต่ก็ยังไม่มีการติดต่อจากโรงพยาบาล สักพักมีคนมานั่งข้างๆ
ภัทราสั่ง “เปอเซคโก้ค่ะ" เธอถามเผด็จ "มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
เผด็จหันมามองเห็นภัทรา เผด็จนิ่ง
“ชั้นเคยรู้จักคนๆ นึง คิดว่าตัวเองต้องแบกโลกไว้ทั้งใบ เพราะคิดว่าตัวเองแก้ปัญหาเองได้ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือใคร แต่ว่าบางทีการระบายปัญหาออกมา มันก็ช่วยให้คิดออกว่าจะต้องทำยังไงต่อ”
“เขาอาจจะตายก็ได้”
“ใครคะ”
“ทองดี”
เผด็จมองเหล้าในแก้ว
“ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะเซฟชีวิตลูกน้องให้ได้มากที่สุด แต่ดูเหมือนยิ่งทำยิ่งล้มเหลว ผมกำลังจะเสียลูกน้องดีๆ ไปอีกคน”
เผด็จดื่มไปอีกอึกใหญ่
“ถึงจะสูญเสีย แต่มันก็ทำให้คุณจัดการกลุ่มคนร้ายได้นี่ค๊ะ ... ชั้นเห็นในข่าวแล้ว ผลงานคุณใช่มั้ยคะ”
“มันไม่คุ้มเลย ... ถ้าเป็นชีวิตผม คงจะดีกว่า”
ภัทรามองเผด็จอย่างเห็นใจ
“เขายังไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณบอกเองหนิว่าเค้ายังไม่ตาย”
ภัทราเอื้อมมือจะไปจับมือเผด็จให้กำลังใจ เผด็จลุกออก
“ผมขอตัวก่อนครับ”
เผด็จลุกขึ้นแต่เซ ภัทราต้องช่วยประคองไว้
“ขับรถมารึเปล่าคะ ... ดื่มขนาดนี้ ... ชั้นไปส่งดีกว่าค่ะ”
เผด็จพยักหน้า

ที่บ้านภัทรา เวลาต่อมา
ภัทราเห็นเผด็จหลับอยู่ แล้วไม่รู้จะไปส่งเผด็จที่ไหน เลยพากลับมาที่บ้านของตนเองก่อน
ภัทราเปิดประตูให้เผด็จ เผด็จเดินเซๆ แล้วลงนั่งจะถอดรองเท้า ภัทราเข้าไปช่วยเผด็จถอดรองเท้า
เผด็จมองหน้าภัทราที่ช่วยเหลือตัวเองอย่างดีมาก ภัทราเงยหน้ามองเผด็จ
“ขอบคุณมากครับ ผมว่าผมกลับ...”
ภัทราพูดขัด “อยู่ที่นี่ให้ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับดีกว่าค่ะ”
เผด็จล้มตัวลงนอนที่โซฟา
เผด็จนั่งกุมขมับเพราะปวดหัว เผด็จได้แต่มองภัทรา ตลอดเวลาที่เธอชงชา
เผด็จรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่มารบกวนภัทรา
ภัทรานำชามาให้แล้วนั่งลง
“พวกตำรวจสายบู๊ๆนี่ คออ่อนแบบนี้ทุกคน” ภัทราหัวเราะ
เผด็จมองหน้าภัทรา
“ผมทำให้คุณคิดถึงพี่กวินใช่มั้ยครับ”
"การคิดถึงคนที่เรารัก แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน บางทีมันก็ทำให้เหงาน้อยลงนะคะ”
ภัทรายิ้มเศร้าๆ นิ่งมองหน้าเผด็จ เผด็จก้มกินชาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ

ที่เซฟเฮ้าส์ เรย์ในห้องน้ำหลังล้างหน้าเสร็จ สัวโทรมา
“มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่โทร.มาถามเฉยๆ ว่าช่วงนี้ว่างมั้ย พี่กะว่า...”
ใครบางคนเดินไปที่ห้องน้ำ ที่เรย์คุยโทรศัพท์
เรย์พูดขัดสัว
“ชั้นรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่เชื่อที่ชั้นเคยบอก ต่อไปเหตุการณ์มันเลวร้ายลงกว่านี้”
สัวหัวเราะ “มาพูด อะไรแบบนี้อีกละ นี่...”
เรย์กดวางสาย หน้าเครียด ได้ยินเสียงบางอย่างหน้าห้องชักปืนออกมา เดินระวัง ออกจากประตูมาก็ตกใจ
มีคนกระโจนใส่กอดรัดกันลงไปที่พื้น เผยเป็นตี๋ใหญ่ยึดปืนเรย์ไว้ได้ กอดกันพูด
“ถึงผมจะเชื่อว่าทองดีเป็นสาย ไม่ได้แปลว่าผมเชื่อว่าคุณบริสุทธิ์”
“แล้วทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ”
“ทำไมคุณต้องแอบโทรศัพท์”
“ตอนนี้คุณถูกเผด็จตามตัว ชั้นอยากช่วยคุณ ช่วยพาสเวิร์ด และคนที่จะรู้เรื่อง 21 ดีที่สุด ก็น่าจะเป็นเค้านั่นแหละ ถ้าเราหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับทองดีได้ เราก็น่าจะรู้ว่าพาสเวิร์ดอยู่ไหน”
เรย์พยายามขัดขืน ตี๋ใหญ่ยังรวบเรย์เอาไว้
“คุณจะสืบจากสัวเนี่ยนะ”
“แล้วคุณมีวิธีดีกว่านี้หรือไง?”

ตี๋ใหญ่นิ่ง ทั้งคู่มองกัน

ภายในห้องลับ Last day เวลากลางวัน

แรมกำลังจุดเทียนแล้วปักลงไปบนหน้าเค้กเขียนว่า “happy death day”
บนเค็กมีลูกปืนปักสลับหว่างกับเทียนด้วย
สัวเดินเข้ามา แรมยิ้มแล้วเริ่มร้องเพลง
“happy death day eddy …happy death day eddy happy death...”
แรมเอาเค้กมาให้สัวเป่า สัวไม่เล่นด้วย แรมเป่าเอง แล้วเอามือหยิบเค้กชิม
“ตลกมากเหรอ…." สัวมองแรมนิ่งๆ "ตำรวจกล้าเล่นไอ้เอ็ด ต่อไปจะเป็นใคร”
แรมรู้อยู่แล้วแต่ลองภูมิ
“พี่รู้ได้ไงว่าเป็นตำรวจ ข่าวมันออกว่ามันฆ่ากันเองในแก๊งไม่ใช่เหรอ”
“หึ... มึงไม่คอนเนคชั่นอะไร ก็อยู่ในกะลาต่อไป”
แรมไม่สนที่สัวด่า
“เอาเหอะ ยังไงเราว่าน่าจะฉลองส่วนแบ่งการตลาด.... คนแบ่งเค้กเราน้อยลง” แรมตัดเค้กส่งให้สัว
“แล้วกูก็รู้มาว่าคนที่ฆ่าไอ้เอ็ด คือตี๋ใหญ่ ลูกน้องเก่ามันเอง โดนสายตำรวจฆ่า แม่งก็สมควรตายแล้ว”
สัวมองหน้าแรม
“พี่รู้ได้ไงว่ามันเป็นสายตำรวจ?”
“กูรู้ละกัน”
สัวไม่อยากบอกความจริงที่ติดคุกเพราะตี๋ใหญ่
แรมพูดกับลูกน้อง
“มีใครเห็นไซเรนบ้างมั้ยวันนี้”
ลูกน้องแต่ละคนส่ายหัว
แรมยิ้มและกินเค้กอย่างใจเย็น

ภายในห้องไซเรน เวลากลางวัน
ไซเรนกำลังเก็บของของตัวเองอยู่ เห็นพวกอุปกรณ์ดักฟังของตำรวจ
ไซเรนพยายามใส่ห่อเพื่อจะไปกำจัดทิ้ง ได้ยินเสียงเคาะประตู ไซเรนแอบดูจากตาแมวเห็นว่าเป็นแรม
ไซเรนลนลาน แล้วรีบเอาของวางไว้ที่เดิมให้ได้เร็วที่สุด แรมเคาะประตูหนักขึ้น
“รอเดี๋ยวๆ”
ไซเรนพยายามเก็บกระเป๋าไม่ให้รู้ว่าตัวเองกำลังจะหนี แรมกำลังจะถีบประตู
ไซเรนรีบมาเปิดประตูให้ก่อน
“พี่แรม”
“ทำไมนายช้านักว๊ะ”
ไซเรนไม่ตอบขณะที่แรมวางขวดเหล้าไว้บนโต๊ะ
“ฉลอง!"
ไซเรนงง “อะไรพี่ ฉลองอะไร?”
“ที่เพื่อนเก่านายฆ่าเอ็ดดี้งัยล่ะ?”
ไซเรนนิ่ง “ผมไม่..”
“ทำไมว๊ะ ช่วยแดกเป็นเพื่อน เราหน่อยดิว๊ะ”
แรมเดินถือขวดเหล้า ผ่านห่อที่เป็นอุปกรณ์ของตำรวจแล้วเตะ
ไซเรนอึ้ง
“ต่อไปนี้.... เราทำงานก็สบายขึ้น ว่างั้นมะ”
ไซเรนอึกอัก เห็นห่อนั้นกลิ้งตกลงมา อุปกรณ์พวกนั้นหล่น
แรมได้ยินแต่ไม่ได้หันไปมอง
ไซเรนค่อยๆเอื้อมคว้าปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังกางเกง
แรมพูดเหมือนรู้ทัน
“นายจะเป็นอะไร หรือทำอะไรเราไม่สน แต่นายต้องอยู่เก็บสัวให้เราก่อน…..ตกลงมั้ย”
แรมหันมาชูแก้วเหล้า แล้วส่งขวดเหล้าให้ไซเรน
“หรือจะไปตอนนี้เลยก็ได้นะ แต่อย่าลืมว่าไผ่หวานมันเป็นคนของเรา”
ไซเรนยกปืนขึ้นจ่อหัวแรมจากด้านหลัง แรมไม่แม้แต่หันมามอง กระดกเหล้าต่อไป
“เอาๆ นายจะไปไหนก็ไปเหอะ”
แรมเตะกระเป๋าไซเรนที่ซ่อนเอาไว้ออกมา ไซเรนอึ้ง
“เอาไว้เราจะส่งไผ่หวานตามนายไปละกัน" แรมหันมามองไซเรน "ตามไปทีละชิ้น ทีละชิ้น ..”
ไซเรนมือสั่นด้วยความโกรธ แต่แล้วก็ลดปืนลง แรมยิ้มกวน
“เจอกันพรุ่งนี้ เราให้นายหยุดวันนึง ฉลองให้เต็มที่ จะได้มีแรงกลับมาทำงาน”
แรมยิ้มให้ไซเรนแล้วเดินออกไป ไซเรนยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาเจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ไซเรนระเบิดอารมณ์ เตะกระเป๋า

ภายในเซฟเฮ้าส์ ทั้งตี๋ใหญ่และเรย์ ทานอาหารที่เรย์เอามาให้
“ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ”
“ยังไม่หิว”
ตี๋ใหญ่วางข้าวเอาไว้
ตี๋ใหญ่พูดเชิงหยั่งใจ
“ผมจะแน่ใจได้ไงว่าไม่ใช่คุณ ที่จับพาสเวิร์ดไป... ”
“ถ้าชั้นทำอย่างงั้นแล้วชั้นจะได้อะไร?? สัวจะได้อะไร? มีแต่สายของพวกสโมสร เท่านั้นแหละ ที่หาวิธีเปิดโปงคุณแบบเนียนๆ โดยที่ให้เผด็จสงสัยชั้นแทน หลักฐานทุกอย่างก็ชี้ไปที่ทองดีหมด”
ตี๋ใหญ่เริ่มคล้อยตาม
“ชั้นถูกฝึกมาเพื่อรักษากฎหมายนะ ใครผิดชั้นไม่ปล่อยไว้หรอก?”
“แม้กระทั่งจับพี่คุณเองน่ะเหรอ”
เรย์คิดหนัก “ถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ”
ตี๋ใหญ่มองหน้าเรย์เหมือนจะเชื่อ
“แล้วถ้าเค้าไม่ยอมให้คุณจับล่ะ”
เรย์ครุ่นคิดสิ่งที่ตี๋ใหญ่บอก

เผด็จกำลังเฝ้าทองดีอยู่ ขณะที่เห็นในโทรทัศน์มีข่าว เผด็จหันไปมอง

ภาพข่าวตำรวจเข้าตรวจค้น Heart Attack แล้วเจอยาจำนวนมาก
นักข่าวรายงาน “จากการตรวจค้น สถานบันเทิงชื่อดัง Heart Attack ก็ได้พบยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งรองนายกรัฐมนตีบรรจง ธัญญานันท์ ผู้ที่รับผิดชอบด้านการปราบปรามยาเสพติด”
รองบรรจงเดินอยู่ที่หน้ากระทรวงมีนักข่าวมารุมล้อม
“ผมให้คนติดตามความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้มานานแล้วครับ ก็ถือว่าได้ผลคุ้มค่า แต่เป็นความเหนื่อยเพื่อความสงบของพี่น้องประชาชน”
นักข่าวถาม
“สรุปว่า เอ็ดดี้ตายด้วยฝีมือตำรวจเหรอคะ”
“ไม่ครับ เป็นเรื่องความขัดแย้งภายในแก๊งมากกว่านะครับ เราแค่ใช้โอกาสนี้ เข้าตรวจค้น พื้นที่ที่เอ็ดดี้ครอบครองอยู่ เลยพบยาเสพติดจำนวนมากที่สุดเท่าที่จับได้มา อย่างที่เห็น..”
“แล้วหน่วยงานไหนเป็นคนตามเรื่องนี้ครับ”
“หลายหน่วยครับ ผมประสานไปขอมือดีที่สุดจากหลายๆ หน่วยให้มาช่วยกัน ก็โชคดีที่ทุกคนให้ความร่วมมือกัน”
นักข่าวฮือฮาในความเก่งของรองบรรจงฯ
“แล้วท่านคิดจะทำอะไรต่อไปคะ”
“ยังต้องติดตามเครือข่ายของมันต่อไป ที่ทำไปนี่เป็นส่วนน้อยของขบวนการทั้งหมด”

เผด็จมองร่างของทองดีที่นอนอยู่แล้วถอนหายใจ สักพักโทรศัพท์ของเขาดังเห็นว่าเป็นภัทราไลน์มา
“ ดีขึ้นรึยังคะ”
เผด็จนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

เผด็จหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“เห็นข่าวรึเปล่าคะ ที่รองบรรจง..”
“เห็นแล้วครับ”
“พูดถึงตัวเองทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ช่างเถอะครับ”
“แล้วทองดีเค้า เป็นยังไงบ้างคะ”
“ยังไม่ฟื้นเลยครับ”

ที่บ้านภัทรา
ภัทราและเผด็จต่างคนต่างก็ไม่มีอะไรจะพูดกันต่อ
ภัทราบอก
“พอดีมีคนส่งเรื่องทองดีมา เค้าถูกใครยิงเหรอคะ”
เผด็จกัดฟันด้วยความโกรธ “คนร้ายครับ”
“แล้วจับได้รึยังคะ”
“ยังครับ แต่ไม่นานหรอกครับ”
“ระวังๆ ด้วยนะคะ”
“ครับ”
รองฯ เผด็จวางสายแล้วมองทองดี แล้วเดินออกไปจากห้อง

ไซเรนวิ่งไปเคาะประตูห้องห้องหนึ่งท่าทางลุกลี้ลุกลน คนที่เปิดห้องเป็นไผ่หวาน
“เก็บของเดี๋ยวนี้”
ไซเรนเขามาเก็บของให้ไผ่หวานอย่างรวดเร็ว
“บอกแล้วไงไม่ไป ถ้าไปก็ตายแน่”
โทรศัพท์ไซเรนดังเห็นว่าแรมโทรมา
ไซเรนรีบเก็บข้าวของของไผ่หวาน
“บอกแล้วไงว่าไม่ไป” ไผ่หวานบอก
“ต้องไป ยังไงก็ต้องไป! อยู่ที่นี่ก็ตายเหมือนกัน!”
ไซเรนได้ยินเสียงรถแล่นมาจอด
ไซเรนและไผ่หวานชะเง้อมองที่หน้าต่างเห็นรถของพวกแรมมาจอดข้างล่าง แรมลงมาจากรถ
“หวานกลัว หวานไปไม่ได้ พี่หนีไปเถอะ”
“ไม่ไป ถ้าเราไม่ไปด้วยกัน”
“แล้วจะไปได้ยังไง”
ไซเรนมองทางหนีทีไล่ทั้งหมด

ด้านล่าง แรมยืนอยู่ข้างล่างแล้วจุดบุหรี่สูบอย่างสบายอารมณ์

บนห้อง ลูกน้อง 3 คน ถีบประตูเข้าไปเห็นว่า ห้องว่างเปล่า

ลูกน้อง 1 ได้ยินเสียงลิฟต์แล้วเห็นว่าไซเรนกำลังลงไปพร้อมไผ่หวาน ลูกน้อง 1 โทรหาแรม
“พี่ครับ... มันหนีลงไปแล้ว”
ขณะที่ลูกน้อง 3คน วิ่งลงบันไดหนีไฟ
ลิฟท์ชั้นล่าง
ลิฟต์เปิด ไม่มีคนอยู่

ที่ชั้นสาม ไซเรนและไผ่หวานกำลังวิ่งไปที่ทางเดินห้อง แล้วทุบหน้าต่างริมทางเดิน
ได้ยินเสียงเพล้งดังไปถึงข้างล่าง
ไซเรนและไผ่หวานปีนออกหน้าต่างชั้นสาม เดินไปทางระเบียงอาคาร เห็นว่าชั้น 3
เป็นชั้นที่สามารถกระโดดไปที่ตึกข้างๆ ได้ ไซเรนกระโดดไปก่อน
ไซเรนยื่นมือให้ไผ่หวาน ไผ่หวานกล้าๆ กลัวๆ
แรมโผล่หน้าไป เจอไซเรนและไผ่หวาน จากหน้าต่างที่แตก
“จะไปเที่ยวไหนกันเหรอ พวกนายไม่บอกลากันหน่อยเหรอ”
ไผ่หวานตกใจรีบกระโดดไปหาไซเรน
“เห้อ! พวกนายชอบโดดงาน”
ไซเรนกับไผ่หวานรีบไต่หนี ไผ่หวานชี้ให้เห็นว่าลูกน้องของแรม อยู่ที่ด้านล่างตึกนี้เช่นกัน
ไซเรนมองซ้ายมองขวา

ไซเรนตัดสินใจ ทุบหน้าต่างเข้าไปในบ้านคนแปลกหน้าที่กำลังดูโทรทัศน์ คนแปลกหน้าตกใจ
ไซเรนกับไผ่หวานแอบอยู่หลังฝาห้องถัดไปที่เป็นไม้
แรมตามมาถึง
ลูกน้องบอก “มันอยู่ในนั้นพี่!!”
ลูกน้องถีบประตูเข้าไปเจอชาวบ้านที่นั่งดูทีวีหน้าเหวอๆ มองไปทางอีกห้อง แรมมองตามเดินไป
ชาวบ้านชี้กล้วๆ ไปที่ห้อง
“ ไซเรน ไผ่หวาน เราไม่โกรธหรอก พวกนายจะหนีไปฮันนีมูนหรือไปไหนก็ได้... เราเข้าใจ”
แรมทำท่าขอปืนจากลูกน้อง ลูกน้องส่งปืนลูกซองให้แรม แรมเลื่อนไสลด์ขึ้น
“เราแค่อยากให้ พวกนายมาบอกเราก่อนแค่นั้นเอง เพราะเรามีของขวัญให้พวกนาย”
แรมเริ่มยิงไล่ไป จนลูกแชะหมด
เศษไม้จากกระสุนปลิวไล่ตามไซเรนไผ่หวานที่หนีหัวซุกหัวซุน
แรมโผล่หัวเข้าประตูที่ทะลุมาจากรูกระสุน ไซเรนหายไปแล้ว แรมยิ้มมันๆก่อนโยนปืนคืนให้ลูกน้อง

ภายใน Last day เวลากลางคืน
แรมเดินเข้ามาในผับอย่างหงุดหงิด บาร์เทนเดอร์เทเหล้าให้กับแรม แรมคว้ามากิน
แล้วเดินต่อไปที่ห้องลับที่มีสัวอยู่
“พวกนายที่ว่างอยู่ออกไปตามไอ้ไซเรนกับไผ่หวานกลับมา..!”
ลูกน้องเริ่มลุกๆ
“มึงสั่งคนของกูไปทำอะไรนะ” สัวถาม
แรมหันไปมองสัวอย่างไม่พอใจ ลูกน้องเริ่มงงว่าเอาไงดี
“ไอ้เอ็ดดี้เพิ่งตาย แทนที่จะรีบขยายตลาด เสือกสั่งคนไปตามลูกน้องกระจอกกับเมียขี้ยา
กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมา ธุรกิจกูมันถึงได้แย่ลง เพราะมึงมันทำไม่เป็นนี้เอง”
ลูกน้องทั้งหมดเงียบเพราะรู้ว่าแรมโกรธ
“เราให้ไปตามเพราะไอ้นี่มันเก่ง มันคนเดียวทำงานได้ดีกว่าไอ้พวกนี้ทั้งห้องอีก คนที่ทำงานเป็นคือคนที่รู้ว่างานไหนต้องใช้ใครไม่ใช่เหรอ”
“แต่ถ้าไปใช้คนที่มันไม่ซื่อสัตย์กับมึง ต่อให้มันเก่งกว่า ก็ใช้เหมือนใช้หมาที่เลี้ยงไม่เชื่อง มึงเลือกที่จะเป็นหมาแบบไหน”
สัวหยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิดออกเป็นยาจำนวนมาก
“ไปทำงานซะ”
ลูกน้องทั้งหมดมองแรม สัวมองแรม แรมจะเดินออกไปโดยไม่เอายาไป สัวเอากระเป๋าทุ่มใส่แรมไป
“กูสั่งมึง !”
แรมนิ่งแล้วยิ้มเดินกลับมาคว้ายาแล้วทำท่าถอนสายบัวแบบกวนตีนแล้วเดินออกไป

หนังสือ “บันทึกชีวิตในซี่กรง” ที่เขียนโดยสัวเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
มีพิธีกรกำลังสัมภาษณ์สัวอยู่ในงานเปิดตัวหนังสือของสัว สัวอยู่ในชุดสุภาพ และท่าทางสุภาพเรียบร้อยกำลังให้สัมภาษณ์กับพิธีกรอยู่
“ตอนอยู่ในคุก ผมไม่มีอะไรทำเลย ใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนหนังสือน่ะครับ ก็บันทึกทุกวัน แค่อยากให้ตัวเองจำได้ว่าเป็นยังไง และอยากเตือนตัวเองว่าจะไม่กลับไปทำอะไรแบบนั้นอีก
ตอนที่สำนักพิมพ์ติดต่อมา ผมยังแปลกใจเลยว่าบันทึกของผมนี่จะเป็นประโยชน์ด้วยเหรอ”
“เป็นสิคะ”

ภายในรถคันหนึ่ง มือขันที่เก็บเสียงเข้าไปในกระบอกปืน
“ทำไมถึงกล้ามาเปิดเผยว่าตัวเองเคยติดคุกคะ”
“ถ้ามีประโยชน์กับคนอื่นผมก็ดีใจครับ เหมือนได้ไถ่โทษสิ่งที่ตัวเองเคยทำด้วย”
กระจกรถค่อยๆ ลดลง เสียงเพลงคลาสิกลอดออกมาจากหูฟัง
“มีส่วนไหนของหนังสือที่อยากแนะนำเป็นพิเศษไหมคะ”
มือที่เหนียวไกปืน มือปืนสัวลุกขึ้นไปหยิบหนังสือก่อน มือปืนต้องเปลี่ยนที่เล็งใหม่
สัวเปิดหนังสือแล้วหาอยู่นาน มือปืนจะเหนี่ยวอีก แต่สัวขยับก่อน เขาปิดหนังสือแล้ววาง
“ตอนแรกว่าจะแนะนำบทนึงแต่ก็เสียดายอีกบทที่จะไม่แนะนำ เพราะที่จริงก็อยากให้อ่านทุกบท”
สัวเดินถือหนังสือกลับมานั่ง
ปืนเหนี่ยวไกตรงหัวของสัว ที่แท้เป็นแรม ...ยิงมั่วๆ
และตอนนั้นเองที่นักข่าวขอให้ถ่ายรูปสัวยกหนังสือขึ้นมาโพสต์ กระสุนถูกหนังสือกระจุย ทุกคนกรี๊ด
สัวหันไปดูแล้วหันไปดูวิถีกระสุน
รถแรมวิ่งออกไป
สัวมองไปที่หัวกระสุนที่ถูกฝังอยู่ในหนังสือ
ลูกน้องสัวเข้ามาคุ้มกันสัวออกไป

ต่อมา หัวกระสุนนั้นถูกวางลงตรงหน้าปารเมศ
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ผมต่างหากที่จะถามว่า หมายความว่าไง เพราะนี่คือกระสุนที่คุณจะฝากไว้ในหัวผมไม่ใช่เหรอ”
“ทราบข่าวแล้วครับ แต่ทางเราไม่มีนโยบายกำจัดคู่ค้าครับ”
สัวหยิบปืนขึ้นมาจ่อปารเมศ ลูกน้องปารเมศทั้งหมดยกปืนขึ้นมาจ่อสัวเช่นกัน
ปารเมศหยิบเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะมาดื่มอย่างใจเย็น แล้วก็ทำมือให้เอาปืนลงไปพร้อมๆ กัน
ปารเมศหันหาทุกคน ลูกน้องของปารเมศเอาปืนลง แต่สัวยังไม่เอาปืนลง
“ขอทราบเหตุผลที่คุณสัวเชื่อว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้หน่อยครับ”
“เพราะคุณคิดว่าผมกำลังแย่งตลาดของพวกคุณไง ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองเจ้าแล้ว”
“ถ้าเราต้องยิงคนที่แย่งตลาด" ปารเมศหยิบไพ่ในกระเป๋าออกมาสับเล่น "ผมเลือกยิงเอ็ดดี้" เขาหยิบไพ่แจ๊คสีแดงออกมาวาง
"กับคุณสัว" เขาหยิบไพ่แจ๊คโพธิ์ดำ "ไปนานแล้ว แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น"
สัวคิดๆ ปารเมศพูดต่อ
"ผมเข้าใจนะที่คุณจะสงสัยเรา เพราะตอนนี้มีแค่สองเจ้าที่คุมตลาดอยู่ แต่คุณสัวอยู่ก็เป็นประโยชน์กับธุรกิจเราด้วย ในแง่ที่คุณสัวใช้บริการการเงินกับองค์กรเรา ผมว่าถ้าคุณจะสงสัยใครสักคนน่ะ”
ปารเมศเลื่อนไผ่โจ๊กเกอร์มาให้สัว
ปารเมศจับปืนหันไปทางลูกน้องซึ่งมีแรมอยู่ด้วย
“บางคนเค้าอาจจะไม่ชินที่มีคุณมาอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ”
ทุกคนนิ่ง ปารเมศเดินออกไป สัวหยิบไพ่ขึ้นมาดูแล้วหันมามองแรม
แรมหัวเราะ “ไอ้เหี้ย...นายคิดจะให้เรากับพี่สัวแตกกัน ก็มุกเดิมๆของสโมสร”
สัวมองไปที่แรม
“อะไรกันพี่สัว.... เชื่อพวกที่แม่งไม่รู้ว่าใครเป็นหัวหน้าเนี่ยนะ ไม่ยอมเปิดหน้าเล่นกับเรา ถ้าพี่เชื่อมันก็ยิงเราเลย เอาเล้ย!!" แรมกางแขนให้สัวยิงได้ถนัด "แต่เราบอกไว้เลยว่าถ้าเราจะฆ่าพี่สัว เราไม่ทำอะไรไม่มีระดับอย่างนั้นหรอก อย่างน้อยเราต้องสดุดีการตายของพี่ด้วยเพลงแจ๊สสิ”
แรมกับสัวมองตากัน
“เราขออย่างเดียว เพลงที่ส่งเราน่ะขอบีโธเฟ่นนะ”
แรมหยิบหูฟังขึ้นใส่ สัวยังคงจ่อปืนที่แรม แรมเดินเข้าหาปืน แล้วฮัมทำนองเพลงบีโธเฟ่น
เขาเข้าใกล้ขึ้นทุกที
“Viva la vida!”

สัววางปืนลง

ชานเมืองแห่งหนึ่ง ไซเรนกับไผ่หวานลงจากรถแท็กซี่

ทั้งสองคนเดินตามป้าคนหนึ่งมาที่ห้องเช่าห้องหนึ่ง ป้าไขประตูห้อง
ทั้งสองคนเห็นห้องขนาดไม่ใหญ่ที่มีฟูก และตู้เสื้อผ้าเล็กๆ อยู่ ป้าส่งกุญแจให้แล้วออกไป
ไซเรนกับไผ่หวานเดินเข้าไปในห้องนั้น ไผ่หวานนึกได้
“ต้องไปบอกป้าคนนั้นว่า ถ้ามีใครมาตามเรา..”
ไซเรนจับไว้
“จะบ้าเหรอ ขืนไปบอกเค้าก็สงสัยน่ะสิ”
“แล้วถ้าเกิดพี่แรมมัน....”
ไซเรนแอบหยิบปืนที่พกมาด้วยขึ้นมา
“ก็คงต้องสู้ !!”
ไผ่หวานมีสีหน้ากังวล ไซเรนจับมือไผ่หวาน
“เชื่อเหอะ ที่หนีมาเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว….สำหรับ..เรา”
ไผ่หวานตัวสั่นๆ ไซเรนเข้าไปกอดไผ่หวาน
“อือ”
ไผ่หวานน้ำตาไหลด้วยความกลัว

ภายในห้องทำงานสัว
สัวหยิบเงินจากเซฟ แล้วมาวางบนโต๊ะเป็นตั้งๆ
“หามือปืนให้คนนึง เอามือดี ไม่มีประวัติ”
แรมเดินมานับเงิน “พี่สัวจะเก็บใคร”
“ก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร พวกพ่อค้า”
สัวหยิบรูปออกมาให้แรม ทั้งหมดหกรูป แรมมองหน้าคนในรูป
“นี่มันพวกเอเย่นของ สโมสร....”

ปารเมศไปรับถุงเงินมาฟอก

แรมถามสัว “พี่สัวคิดยังไงที่จะกำจัดตัวจิ๊บตัวจ้อยอย่างนี้”
“ก็…มันกำลังแย่งตลาดเรา”
“ฮ่าๆๆ วิธีโบราณแบบนี้อย่าทำเลย... ขืนไปทำก็รู้หมดสิว่าเราทำ ดีนะ ที่มาบอกเราก่อน ยุคนี้มันไม่เหมือนตอนที่พี่สัวอยู่แล้วน้าาาาา”
“จะโบราณหรือไม่โบราณก็เป็นคำสั่งกู ... มึงต้องทำ!!!”
“ได้ ๆๆ ก็แล้วแต่พี่สัว ถือว่าเตือนด้วยความรัก เกิดอะไรขึ้นพี่ก็จัดการเองแล้วกัน"
แรมนับเงินแล้วโยนคืนสัว "ฆ่าไอ้พวกเนี้ย แค่นี้ก็พอ”

ไผ่หวานกำลังค้นของในเป้แล้วไม่เจอ ไผ่หวานเริ่มกระวนกระวาย ไซเรนหันมามอง
“เป็นอะไร”
“ไม่มีของ.... แม่งเอ้ย!!!! เก็บมาเกือบทุกอย่างแต่ไม่ได้เก็บของมา ! พี่เรนมีมั้ย??”
“หวานพอเหอะ”
ไผ่หวานเครียดแล้วพยายามเทกระเป๋าออกมาเผื่อจะมายาตกอยู่บ้าง
ไผ่หวานพยายามสูดยาเท่าที่มีอยู่จากซอกกระเป๋า ไซเรนเห็นแล้วหดหู่
“หวาน พอเถอะ พอ!!!”
ไซเรนดึงไผ่หวานออกมา ไผ่หวานสะบัดแล้วเข้าไปสูดยาจนหมดซอกกระเป๋าแต่ก็ยังไม่พอ
“พี่เรน ว่าแถวนี้มีใครขายไหม”
“ไม่มีหรอก! เธอต้องเลิก”
“หวานไม่เลิก หวานเลิกไม่ได้ !!”
“ต้องเลิก”
“ได้พี่... ได้พี่ .เลิก เดี๋ยวเลิก ... แต่ตอนนี้พี่ช่วยหายาให้หวานหน่อยนะ ..นะพี่นะ”
ไผ่หวานเริ่มมีอาการกระวนกระวาย
ไผ่หวานหันกลับไปหากระเป๋าของตัวเองแล้วพยายามจะหาเศษที่เหลืออยู่ให้ได้
ไผ่หวานจะออกไปหาซื้อ
“เธอต้องเลิก!”
ไผ่หวานไม่สนใจจะออกไป
ไซเรนได้แต่กอดไผ่หวานที่กำลังดิ้น
“เธอต้องเลิกได้... ทนหน่อยนะ ทนหน่อย..”

ภายในเซฟเฮ้าส์ เวลากลางคืน
เรย์ ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรทัศน์

บนจอทีวีเห็นข่าวคนของสโมสร ถูกฆ่าตาย

นักข่าวรายงาน “เมื่อเวลา 22.30 นาที ที่เขตบางนามีคนพบศพของนายสมภพ รุ่งเรือง
ในสภาพถูกกระหน่ำยิง และต่อมาเวลา 23.00 นาฬิกา ที่เขตตลิ่งชันพบศพของนายวิสุทธิ์ เที่ยงแท้
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นที่เขตบางกะปิก็พบศพนายยิ่งยศ...และทั้งหมดยู่ในสภาพเดียวกันคือถูกตัดมือ และมีเงินยัดอยู่ในปาก คาดว่าน่าจะเป็นการล้างแค้นของขบวนการฟอกเงินที่เกี่ยวกับยาเสพติด”

ตี๋ใหญ่ลงนั่งตรงหน้าเรย์
“เอ็ดดี้ตาย มันเริ่มจะแย่งพื้นที่กันแล้ว”
“มันเริ่มฆ่ากันเองแล้ว เผด็จควรใช้จังหวะนี้เล่นงานพวกมัน”
เรย์ลังเล
“จะให้ไปพูดอะไรตอนนี้เค้าก็คงไม่ฟังหรอก”
ตี๋ใหญ่มองไปที่เรย์ที่เศร้าๆ ตี๋ใหญ่หันหน้าไปทางอื่น

รองบรรจงกำลังลงจากรถ เดินเข้าตึกกระทรวงของตัวเอง นักข่าวเข้ามารุม
นักข่าว 1 ถาม
“ท่านคะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ทราบเกี่ยวกับขบวนการยาเสพติดที่ท่านติดตามอยู่รึเปล่าคะ?”
นักข่าว 2 ถาม “แล้วเป็นการตัดตอนของคนในนั้นกันเอง หรือว่าตำรวจคะ”
“ตำรวจไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่นอนครับ” รองฯ บรรจงตอบ
“แล้วเกิดจากสาเหตุอะไรคะ”
“ยังไม่ทราบครับ”
นักข่าว 2 ถาม “แล้วจะมีมาตรการอะไรจัดการเป็นการด่วนไหมคะ ประชาชนตื่นตระหนกกันมาก”
“มีครับก็กำลังทำแผนอยู่นะครับ สัปดาห์หน้าน่าจะรู้ผลทั้งหมด”
รองบรรจงรีบเดินเข้าตึกไป นักข่าวซุบซิบและชื่นชมรองบรรจงฯ
รองบรรจงรีบกดโทรศัพท์

รองฯเผด็จในที่ทำงาน เห็นโทรศัพท์ของเผด็จดังขึ้นว่ารองบรรจงโทร. มา
ขณะที่เผด็จกำลังพยายามหาข้อมูลของตี๋ใหญ่ในแฟ้มคดีอยู่ เผด็จมองโทรศัพท์แล้วกดรับ
“ครับท่าน”
“เรื่องฆ่าตัดตอนถึงไปแล้ว”
เผด็จมองรูปและแฟ้มของตี๋ใหญ่
“กำลังดำเนินการอยู่ครับท่าน”
“ผมให้เวลาคุณจัดการเรื่องนี้ภายใน 7 วัน.. เข้าใจมั้ย! พักงานทุกอย่างที่ทำอยู่ แล้วทำอะไรก็ได้ให้มันมีความคืบหน้ากับเรื่องนี้!!!”
รองฯ บรรจงวางโทรศัพท์ เผด็จนิ่งไป แล้วได้แต่มองแฟ้มของตี๋ใหญ่อย่างหงุดหงิดที่ไม่ได้ทำต่อ

ภายในสโมสร ปารเมศกับสัวเดินอยู่ด้วยกัน
ปารเมศถาม
“วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
สัวยกมือ
“ผมมาเพื่อจะบอกว่า….ผมไม่ได้ทำ !!”
“ไม่ได้ทำ?.. อ๋อ... เรื่องที่เอเย่นของเรา ถูกฆ่าน่ะเหรอครับ”
“ใช่!! ผมจะทำเรื่องที่คุณจะจับได้อยู่แล้วทำไม ผมไม่ได้โง่นะ”
ปารเมศกับสัวมองหน้ากันแล้ว ปารเมศก็ยิ้ม
“จะบอกว่ามีคนตั้งใจทำให้เราเข้าใจคุณสัวผิดเหรอครับ”
“ใช่ครับ ขอโทษทีที่ควบคุมลูกน้องแตกแถวบางคนไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง
ผมจะจัดการให้”
ปารเมศคิดเล็กน้อย
“ไว้ผมจะแจ้งทางนายจ้างผมให้นะครับเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ร้าน Last day ยังไม่เปิดเพราะเป็นเวลากลางวัน แรมนั่งอยู่คนเดียว
“มีใครอยู่บ้าง... หยิบของให้เราหน่อย”
แรมนั่งสูบบุหรี่ต่อ ที่บาร์ไม่มีมีคน
“แม่ง... ไปไหนกันหมด”
แรมกำลังจะลุก ลูกน้องเข้ามาพอดี
“เอาของมาให้เราหน่อยดิโว๊ยยย!!”
ลูกน้องมองหน้ากัน แรมหันมามองที่ลูกน้องไม่ทำตามคำสั่ง
“พวกนาย..ไม่ได้ยินเหรอ”
ลูกน้องอีกจำนวนมากออกมาจากความมืด มายืนล้อมเขาไว้
“อะไรของพวกนาย”
“พี่สัวสั่งให้พาพี่ไปหา”
“ถ้าสัวจะเรียกเรา ก็ต้องมาเรียกด้วยตัวเองสิ”
ลูกน้องทุกคนทำหน้าอึกอัก
“ตกลงจะไม่มีใครเอามาให้เราใช่ไหม?”
ลูกน้องนิ่ง แรมขยับตัว ลูกน้องขยับตัวเอาปืนจ่อแรมกันทุกคน
แรมหัวเราะ แล้วเดินไปชงเหล้าด้วยตัวเอง
“ถ้าพวกนายฉลาด ก็ควรจะเลือกให้ถูกข้างสิว๊ะ!!”
แรมยืนชงเหล้าไปเรื่อยๆ และกดเปิดเพลงอีกต่างหากไม่ยี่หระอะไรกับปืนที่จ่ออยู่แม้แต่น้อย
แรมกินเหล้าจนหมดแก้ว แล้วจึงมองทุกคน
“ก็ถือว่าพวกนายเลือกข้างกันแล้วนะ”
“สัวอยากให้เราไปไหนล่ะ”

ลูกน้องแหวกทาง แรมเดินไปตามทาง ยิ้มไปด้วย
 
อ่านต่อตอนที่ 6


กำลังโหลดความคิดเห็น