xs
xsm
sm
md
lg

เสน่ห์นางครวญ ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เสน่ห์นางครวญ ตอนที่ 21

บทประพันธ์ : หงส์หยก บทโทรทัศน์ : พิชฌสินี

ชาวบ้านทยอยเดินเข้าไปในศาลาที่มีศพวางอยู่บนตั่งยังไม่บรรจุลงโลง เฟื่องฟ้าเดินเข้ามาในนั้นพร้อมกับรำเพย กล่ำและแถน รำเพยเห็นสภาพแล้วสะท้อนใจ

“นี่น่ะหรืออบเชย...”
“ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมันจะมีจุดจบเช่นนี้ น่าเวทนานัก” แถนว่า
กล่ำถามเฟื่องฟ้าอย่างเป็นกังวล “อบเชยตายไปเช่นนี้ เราจะทำอย่างไรต่อดีเล่าเฟื่องฟ้า”
เฟื่องฟ้ามีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“อย่างไรฉันก็ต้องหาร่างพ่อให้พบ เราไม่มีเวลาอีกแล้ว”
“เอ็งจะทำอย่างไรได้ ตอนนี้พวกลูกศิษย์วัดเฝ้าเต็มวิหารไปหมด”
“ฉันไม่รู้ลุงแถน แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง น้าอบเชยต้องไม่ใช่ศพสุดท้ายแน่”
แถนกับกล่ำกังวลมาก เฟื่องฟ้าคิดหนัก

ทางด้านบุหลัน พาตัวเองมาหยุดยืนยิ้มกระหยิ่มอยู่ที่หน้าห้องนอนก้องภพ เคาะบอกแล้วเปิดประตูเข้าไป ก้องภพรออยู่ในห้องพอเห็นบุหลันก็ยิ้มกว้างดีใจ บุหลันเดินเข้าไปนั่งริมเตียงยิ้มเอียงอาย
“คุณก้อง...เรียกหาอิฉันหรือเจ้าคะ”
ก้องภพยื่นมือไปแตะตัวบุหลัน มองด้วยสายตาลึกซึ้ง
“ใช่ ฉันอยากพบเธอเหลือเกิน”
“ปกติคุณก้องไม่แม้แต่จะสนใจอิฉัน ทำไมวันนี้ถึงอยากพบได้เล่าเจ้าคะ”
“ฉันแค่อยากเห็นหน้าเธอ ต้องมีเหตุผลอื่นด้วยหรือ”
“อิฉันเป็นแค่บ่าว ไม่มีสิทธิ์ถามหรอกเจ้าค่ะ”
ก้องภพเชยคางบุหลันขึ้นมามองใกล้ๆ
“แล้วเธออยากรู้เหตุผลหรือไม่”
บุหลันเขินใหญ่ “ถ้าอยากรู้คุณก้องจะบอกอิฉันหรือเจ้าคะ”
ก้องภพโอบเอวบุหลันไว้ ดึงตัวเข้ามาใกล้ๆ
“ฉันมีหลายเรื่องอยากบอกเธอทีเดียว”
ก้องภพมองจ้องหน้าบุหลัน ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปหาใกล้ๆ บุหลันใจเต้นโครมคราม

ที่วิหารพระนอนคืนเดียวกันนั้น เห็นเด่น ผล พูล ลูกศิษย์วัดยังคงนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าทางเข้า เด่นเริ่มง่วงงุน พูนกับผลนั่งตบยุงสีหน้าเบื่อหน่ายกันไป ระหว่างนี้แถนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยจ้ะ...ช่วยด้วย”
เด่นสะดุ้ง ตาสว่างขึ้นมาทันควัน เห็นกล่ำก็จำได้
“พวกที่ให้ขุดวิหารวันก่อนไม่ใช่รึ มีอะไรอีกเล่า”
กล่ำทำเป็นมองเลิ่กลั่กชี้ไปในป่า
“เมื่อครู่ฉันเดินมาที่วัด เห็นควันลอยโขมงมาจากป่าฟากนู้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พวกเอ็งช่วยไปดูหน่อยได้หรือไม่”
“กลางค่ำกลางคืนป่านนี้ผู้ใดจะบ้าจุดไฟอีก”
“ฉันก็ไม่รู้ อาจะเป็นพวกไม่หวังดีก็ได้” กล่ำชี้ให้ดู “ดูนั่น”
ลูกศิษย์วัดทั้งสามมองไปยังบริเวณป่าที่กล่ำชี้ เห็นควันลอยขึ้นมาจริงๆ ก็ตกใจ
ผลอุทานลั่น “ฉิบหาย ใครมันเล่นพิเรนทร์อย่างนี้”
“รีบไปดูกันเถิด เกิดมันลามเข้ามาบริเวณนี้จะยุ่ง”
เด่นพูดจบก็รีบวิ่งออกไป สองคนที่เหลือรีบตามกันไป กล่ำยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ

พอกลุ่มลูกศิษย์วัดมาถึงบริเวณที่มีควันไฟ แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรเลย
“นี่มันอะไรกัน ไหนว่ามีคนท่าทางน่าสงสัยอย่างไรกัน”
ทั้งสามมองไปที่พื้นเห็นกองไฟอยู่กองหนึ่งซึ่งมอดดับไปแล้ว พูนเจ็บใจ รู้ทันทีว่าโดนหลอก
“ฉันว่ามันแปลกๆเสียแล้ว”
ผลก็เห็นด้วย “หรือว่าจะเป็นแผนของพวกที่จะขุดวิหาร”
“ไม่ได้การเสียแล้ว เราต้องรีบกลับไปที่วิหาร”
เด่นนำขบวนกลับไปที่วิหาร แต่ยังไม่ทันไปไหนไกลก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจากด้านหลัง ทั้งสามชะงัก รีบหันไปมองด้วยความตกใจ
ผีอบเชยในรูปลักษณ์หญิงสาวหยุดอยู่ในเงามืด ศิษย์วัดทั้งสามโล่งใจที่เห็นเป็นผู้หญิง
“ตกใจเสียแทบแย่ นึกว่าผีสางมันมาหลอกเอาเสียแล้ว” เด่นบอก
“ขอโทษนะจ๊ะที่ทำพวกพี่ตกใจ ฉันแค่บังเอิญผ่านแถวนี้ได้ยินเสียงคนจึงแวะมาดู”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แล้ว...น้องเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่หรือ” พูนถาม
อบเชยไม่ตอบ แต่ย้อนถามกลับไปแทนเสียงหวาน
“แล้วพวกพี่ล่ะจ๊ะเป็นใคร เหตุใดเข้ามาในป่าดึกดื่นเช่นนี้”
“ก็มีไอ้พวกบ้าที่ไหนไม่รู้หลอกเราว่ามีไฟไหม้ป่าน่ะซี” พูนบอก
“น้องไม่กลัวอันตรายหรือ อยู่คนเดียวเช่นนี้” เด่นถาม
“ฉันไม่กลัวหรอกจ้ะ ฉันคุ้นเคยกับที่นี่ดี”
ศิษย์วัดทั้งสามทำหน้าแปลกใจ
“พวกพี่ก็คุ้นกับแถวนี้ ไม่เห็นเคยเจอน้องมาก่อน” เด่นบอก
“แต่ฉันเคยพบพวกพี่ทุกคน...”
อบเชยค่อยๆ เดินออกจากความมืดมาหยุดตรงบริเวณที่มีแสง ทำให้เห็นใบหน้าชัดขึ้น กลุ่มลูกศิษย์วัดเพ่งมองใบหน้าอบเชยอีกครั้ง อบเชยยิ้มเยือกเย็นแลดูน่ากลัว พูนเหวอไป ชี้หน้าจำได้
“นี่มัน นังบ้าวันก่อนนี่”
“มันตายไปแล้วไม่ใช่รึ”
สามลูกศิษย์วัดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พลันอบเชยแสยะยิ้มมาให้ใบหน้าสวยงามเปลี่ยนเป็นช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนคนจมน้ำตายมาหลายวัน
สามคนแหกปากร้องลั่นวิ่งเตลิดหนีไปโดยไม่คิดชีวิต อบเชยหัวเราะเสียงต่ำๆ โหยหวนไปทั่วราวป่า

ฝ่าย เฟื่องฟ้า กล่ำและแถนมาถึงหน้าทางเข้าวิหารพระนอน ไม่มีใครเฝ้าอยู่แล้ว
“แผนของเอ็งได้ผลจริงๆ เฟื่องฟ้า” กล่ำยิ้มชม
“ทำแบบนี้จะดีหรือ หากใครรู้เข้าจะทำอย่างไร”
“ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วขอรับ ตอนนี้พวกนั้นคงไม่กลับมาอีกสักพัก เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว”
“ฉันต้องหาร่างพ่อให้เจอให้ได้ มีโอกาสแค่ตอนนี้เท่านั้น”
เฟื่องฟ้าบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

อีกฝั่ง งามตาเดินเข้ามาในสวนอย่างรีบร้อน กวาดสายตามองหาใครบางคนจนเห็นหมอผีอินยืนรออยู่ มืออีกคนยื่นมาจับบ่างามตาหมับ งามตาสะดุ้งหันไปเห็นเป็นก้อนที่ตามมาสมทบ ก็โมโห
“เอ็งนี่เอง ข้าตกใจหมด วันหลังมาให้สุ้มให้เสียงบ้างสิวะ”
“ข้ามาตามที่เอ็งนัดไงเล่า”
“ข้าไม่ชอบ อย่าทำเช่นนี้อีก”
งามตาตวาด สีหน้าหวาดระแวงไม่ไว้ใจใคร หมอผีอินเข้ามามองอย่างเบื่อหน่าย
“พวกเอ็งนี่เถียงกันตั้งแต่หนุ่มสาวยันแก่ พอเสียที”
งามตาฮึดฮัดไม่พอใจอยู่อย่างนั้น ก้อนพยายามสงบสติอารมณ์
“แผนกันพ่อก้องออกไปสำเร็จแล้วพ่อ ตอนนี้ก้องภพหลงนังบุหลันหัวปักหัวปำ คล้ายไอ้ไต้ก๋งในอดีตไม่มีผิด” งามตายิ้มสมใจ
“ดีแล้ว ถ้าพ่อก้องไม่มายุ่ง เราจะได้กำจัดไอ้ผีร้ายนั่นสะดวก”
หมอผีอินยิ้มกระหยิ่ม คิดว่าแผนชั่วได้ผลแน่ แต่ก้อนกลับกังวลใจ
“เราจะทำพิธีกันอย่างไร คราวก่อนมีคนเฝ้าเต็มไปหมด”
“ข้าเตรียมวางยาไอ้พวกโง่ที่หน้าวิหารพระไว้แล้ว คราวนี้ไม่พลาดแน่” งามตาว่า
“ข้าเตรียมพวกผีพรายไว้เช่นกัน หากมันไม่ยอมไป ข้าจะทำให้พวกมันขวัญกระเจิงเลยทีเดียว”
งามตาหันไปถามหมอผีอินเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“เราต้องทำพิธีให้ได้ก่อนรุ่งสางใช่หรือไม่พ่อ”
“ใช่ ทำลายร่างของมันเสีย แล้วจะไม่มีสิ่งใดมาขวางเอ็งได้อีก ตลอดไป ฮ่าๆๆ”
หมอผีอินหัวเราะสะใจ งามตายิ้มชั่วไปด้วย

ฟากเฟื่องฟ้า กล่ำ แถนและรำเพยเข้ามาในวิหารบริเวณฐานพระ แถนถือจอบเสียมมาด้วย มองหน้าเฟื่องฟ้าแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นก็เริ่มขุดทันที รำเพยจับมือเฟื่องฟ้ามองลุ้นระทึก แถนขุดไปเรื่อยๆ
จนเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง แถนขุดลึกลงไปเหมือนจะไม่เจออะไร เฟื่องฟ้าเริ่มหน้าเสีย
สักพักก็ได้ยินเสียงเสียมที่ใช้ขุดเซาะกระแทกเข้ากับกับของแข็งบางอย่าง แถนเบิกตาโต ชะงักงัน
“เป็นอย่างไรบ้างแถน” รำเพยถาม
แถนหันมามองทุกคนยิ้มออก
“เฟื่องฟ้า คุณรำเพย...ร่างไต้ก๋งน่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ ขอรับ”
เฟื่องฟ้าดีใจมากรีบเข้าไปดู เห็นลังไม้ลังหนึ่งถูกฝังอยู่ใต้ฐานพระจริงๆ

ที่เรือนลำพระพาย หลังจากนมขามกับสนเก็บกวาดเรือนครัวเสร็จกำลังจะกลับไปที่เรือนบ่าว แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินจากท่าน้ำตรงไปทางเรือนใหญ่ นมขามกับสนรีบตามไปดูก็เห็นคฑามาพร้อมกลุ่มโปลิศสามคน นมขามตกใจมาก ตรงเข้าไปถามเอาความ
“นายคฑา นี่มันเรื่องอะไร ทำไมโปลิศมากันเต็มเรือน”
“กระผมเรียกมาตามคำสั่งของคุณก้องขอรับ”
“คุณก้องหรือ”
คฑาพยักหน้ากำลังจะอธิบายต่อ เสียงก้องภพดังขึ้น
“ใช่จ้ะนม”
ทุกคนมองขึ้นไปเห็นก้องภพเดินลงบันไดเรือนมาพร้อมกับบุหลัน ซึ่งอยู่ในสภาพหน้าซีดขาวเป็นไข่ต้ม
“นังบุหลัน ทำไมเอ็ง”
สนมองหน้าก้องภพแล้วพูดอะไรไม่ออก บุหลันอยากจะร้องไห้

ที่แท้เรื่องมันเป็นอย่างนี้...ตอนบ่ายคล้อยจวนเย็นวันเดียวกันนี้เอง
บุหลันเดินเข้ามาในเรือนครัว ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนมีพิรุธ คฑากลับจากข้างนอกมาเห็นพอดี เลยแอบตามไป
บุหลันเข้ามองหาสำรับที่เตรียมไว้ให้ก้องภพจนเจอ สาวใช้ใฝ่สูงยิ้มกริ่ม คฑาแอบดูอยู่ตรงช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ ด้วยสีหน้าสงสัย
จนเห็นบุหลันหยิบขวดน้ำมันเสน่ห์นางครวญออกมา ยิ้มพอใจ ก่อนจะเหยาะน้ำมันลงไปในกับข้าวคนให้เข้ากัน คฑาอึ้งไป บุหลันเดินออกมา คฑารีบหลบฉากไป

ตกตอนเย็น คฑาแอบเข้ามาในห้องทานอาหารบนเรือนใหญ่เงียบๆ พร้อมถาดใส่อาหาร มองหากับข้าวที่บุหลันแอบใส่น้ำมันเสน่ห์นางครวญลงไป
คฑามองซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น รีบเก็บจานกับข้าวที่บุหลันวางยาเสน่ห์ออก เอาจานกับข้าวเหมือนกันที่เตรียมมาวางแทนที่
“ข้าจะไม่ยอมให้เอ็งทำผิดมากกว่านี้อีกแล้ว บุหลัน”
คฑาเร้นกายออกจากห้องนั้นไป ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า

และเหตุการณ์ที่ห้องนอนก้องภพก่อนหน้านี้ ก้องภพก้มหน้าเข้าไปใกล้บุหลันเหมือนจะจูบ บุหลันหลับตาพริ้มรอรับรสจูบ
“คุณก้องขา บุหลันรักคุณก้องนะเจ้าคะ”
จู่ๆ ก้องภพก็หยุดนิ่งไปดื้อ กระซิบบอกบุหลันว่า
“แต่ฉันไม่ได้รักเธอ”
บุหลันตกใจ “คุณก้อง นี่คุณก้องไม่ได้”
ก้องภพผละออก ตอกกลับบุหลัน
“ไม่ได้หลงเสน่ห์ที่เธอวางไว้ใช่หรือไม่”
บุหลันรู้แล้วว่าผิดแผน เผ่นไปที่ประตูตั้งท่าจะหนี แต่ก้องภพไวกว่าวิ่งไปขวางไว้
“คิดจะหนีรึ”
บุหลันกลัว ลนลานเป็นการใหญ่ ลงนั่งพนมมือไหว้ก้องภพปลกๆ
“คุณก้องเจ้าขา อย่าทำอะไรบุหลันเลยนะเจ้าคะ”
“ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก ฉันเพียงแต่อยากรู้ความจริง”
“ความจริงอะไรหรือเจ้าคะ” บุหลันเสียงสั่น
“เธอใส่อะไรลงไปในสำรับที่ฉันกิน”
บุหลันเหวอ ก้มหน้าหลบสายตาวูบ ไม่ยอมตอบ ก้องภพเข้าไปลงนั่งใกล้ๆ บุหลัน เค้นถาม
“ใครเป็นคนสั่งให้เธอทำ ทำไมถึงเป็นฉัน แล้วมันเกี่ยวกับการตายของแม่อบเชยใช่รึไม่”
ก้องภพจับแขนบุหลันเชิงคาดคั้น บุหลันหัวหดด้วยความกลัว แต่ยังไม่ยอมบอก
“บุหลัน บอกไม่ได้เจ้าค่ะ”
“บอกไม่ได้หรือ เช่นนั้นเธอก็เตรียมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวได้เลย สมรู้ร่วมคิดฆ่าผู้อื่น หากไม่ติดคุกตลอดชีวิต ก็คงโทษประหารกระมัง”
ก้องภพลุกขึ้นยืน บุหลันตกใจลนลานเข้ามาจับขาของก้องภพไว้ อ้อนวอนขอร้อง
“ไม่นะเจ้าคะ บุหลันไม่รู้เรื่อง มีคนสั่งให้บุหลันทำ ฮือๆๆ คุณก้องช่วยบุหลันด้วยนะเจ้าคะ”
บุหลันร้องไห้โฮ ก้องภพสะกดกลั้นความโกรธไว้

เมื่อความจริงเป็นแบบนี้ ก้องภพไม่ได้ทานอาหารใส่ยาเสน่ห์เลยสักคำ เขาบอกกับโปลิศว่า
“พาหญิงผู้นี้ไปสอบสวนเถิดครับ เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของศพแม่อบเชยที่พบริมน้ำวันก่อน”
โปลิศเข้าไปควบคุมตัวบุหลันไว้ สนช็อก สงสารลูกจับใจ เข้าไปขวางไว้
“ไม่นะเจ้าคะ คุณก้องอย่าให้โปลิศจับบุหลันเลยเจ้าค่ะ”
สนจะฝ่าโปลิศเข้าไปหาบุหลันให้ได้ คฑาดึงรั้งห้ามไว้ บุหลันมองแม่น้ำตาซึม
หัวอกแม่ สนใจสลายโวยวายใส่ก้องภพเสียงดังลั่นเรือน
“เหตุใดคุณก้องทำเยี่ยงนี้ นังบุหลันมันจงรักภักดีต่อคุณก้องมาตลอด คุณก้องอย่าใจร้ายกับนังบุหลันมันเลย”
คฑาเจ็บปวด ก้องภพจ้องหน้าตอบสนนิ่งๆ
“ฉันน่ะรึใจร้าย บุหลันต่างหากที่คิดร้ายกับฉัน และใช้ข้ออ้างเรื่องนี้ในการร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อทำยาเสน่ห์นางครวญ ฉันยอมไม่ได้”
สนอึ้งไป เข่าอ่อน ทรุดลงตรงนั้น คฑาช่วยประคองไว้
นมขามถามก้องภพอย่างประหลาดใจ “คุณก้องรู้ความจริงแล้วหรือเจ้าคะ”
ก้องภพไม่ตอบหันไปถามบุหลันอีกครั้ง
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว พูดความจริงเสียเถิดบุหลัน โทษหนักจะได้บรรเทาลง”
บุหลันกลั้นน้ำตาเต็มที่ มองไปที่สน สุดท้ายก็กลั้นไม่ไหว ปล่อยโฮออกมา

ฝ่ายแถนลากกล่องไม้ออกมา จะเปิดกล่องไม้นั้นดู รำเพย เฟื่องฟ้ามองลุ้น แถนพยายามงัดแต่ลังไม่ได้เปิดออกง่ายๆ ขณะที่จวนเจียนจะเปิดลังนั้นออกมาได้ ก็มีเสียงหนึ่งเรียกเฟื่องฟ้าดังขึ้น
“เฟื่องฟ้า”
คนอิ่นไม่ได้ยินมีเพียงเฟื่องฟ้าที่ชะงัก เหลียวมองหาที่มาของเสียงไปรอบๆ รำเพยสังเกตเห็นท่าทีลูกจึงถามขึ้น
“เฟื่องฟ้ามีอะไรหรือเปล่าลูก”
เฟื่องฟ้าพยายามฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจ ยินเสียงไต้ก๋งชางดังขึ้นอีก
“เฟื่องฟ้า ช่วยพ่อด้วย”
เฟื่องฟ้าตกใจสุดขีด “พ่อ”
แถนชะงักไป รำเพยประหลาดใจ เฟื่องฟ้าหวั่นกลัวร้อนรนใจขึ้นมา
“คุณพ่อของลูกหรือ เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันได้ยินเสียงพ่อจ้ะ พ่ออาจจะถูกทำร้าย”
กล่ำตกใจ “เสียงไต้ก๋งรึ”
“ฉันจะออกไปดูข้างนอก แม่กับทุกคนอยู่ที่นี่ก่อนนะจ๊ะ”
“เดี๋ยวก่อน จะไปไหน มันอันตรายนะลูก”
เฟื่องฟ้าไม่ฟังรีบร้อนวิ่งออกไป กล่ำกับแถนมองตามด้วยสีหน้าหวั่นกลัว

เฟื่องฟ้าวิ่งออกมาด้านหน้าวิหารพระนอน เสียงไต้ก๋งชางเรียกเฟื่องฟ้าดังขึ้นอีก
“เฟื่องฟ้า”
เฟื่องฟ้าเดินตามเสียงนั้นไปเป็นห่วงไต้ก๋งชางมาก
“พ่อจ๋า...พ่อ”
ทางข้างหน้าเต็มไปด้วยหมอกหนาอย่างที่ไม่เคยเป็น เฟื่องฟ้าเดินผ่าเข้าไปเพ่งมองหา หมอกตรงหน้าค่อยๆ เลือนหายจนเห็นเป็นร่างไต้ก๋งชางมองมาสีหน้าเศร้าสร้อย
“เฟื่องฟ้า ช่วยพ่อด้วย”
พูดได้เท่านั้นร่างไต้ก๋งชางก็เหมือนถูกกระชากจมหายไปในกลุ่มหมอก ยินเสียงไต้ก๋งชางร้องดังโหยหวน เฟื่องฟ้าตกใจ รีบวิ่งตาม
“พ่อ”
เฟื่องฟ้าวิ่งตามร่างไต้ก๋งชางที่กำลังถูกทำร้ายไป แต่จู่ๆ กลับเสียหลักล้มลง ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น มองหาวิญญาณพ่อด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
สักครู่หนึ่งก็เหมือนมีใครเดินมาหยุดตรงหน้า เฟื่องฟ้าประหลาดใจเมื่อเงยมองเห็นไต้ก๋งชางยืนอยู่ กำลังจะถาม พลันร่างไต้ก๋งชางที่เห็นก็เปลี่ยนเป็นผีพรายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวแทน เฟื่องฟ้ากรีดร้องลั่น จะหนีแต่ไม่ทัน เมื่อมีใครคนหนึ่งลอบเข้ามาทางด้านหลังเอาดาบจ่อคอเธอไว้

แถนพยายามงัดลังไม้นั้นเฮือกสุดท้าย จนในที่สุดฝาไม้กระดานที่ถูกปิดผนึกไว้หนาแน่นก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นห่อผ้าขาวมียันต์ถูกปิดอยู่
แถนอึ้งไป เรียกรำเพยให้มาดู “คุณรำเพย นี่คงเป็นร่างของไต้ก๋งนะขอรับ”
รำเพยเดินเข้าไปดูยิ้มดีใจ จัวหวะนั้นเสียงกรีดร้องของเฟื่องฟ้ากลับดังขึ้น กล่ำสะดุ้งตกใจสุดขีด
“เสียงเฟื่องฟ้านี่เจ้าคะ”
“เกิดอะไรขึ้น”
รำเพยรีบเดินออกไปด้วยความเป็นห่วงลูก แต่พอมองไปที่ประตูก็ต้องชะงัก อึ้งไป
แถนกับกล่ำมองตาม พอเห็นคนที่เข้ามาก็รีบยืนขวางลังที่ใส่ร่างไต้ก๋งชางไว้
“แหม จังหวะดีเสียจริง ไม่ต้องขุดเองให้เหนื่อย”
งามตาและหมอผีอินเดินเข้ามา ก้อนตามมาติดๆ พร้อมเฟื่องฟ้าที่ถูกดาบจ่อคอไว้ รำเพยหน้าเสีย
งามตามองหน้ารำเพย ยิ้มเย้ย
“หล่อนรู้ว่าฉันต้องการอะไร เรามาต่อรองกันหน่อยดีหรือไม่”
รำเพยขบกรามกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ งามตาหัวเราะเยาะสะใจ

อีกฝั่ง บุหลันถูกแยกมาคุมตัวอยู่ห้องหนึ่งในเรือนลำพระพาย มีโปลิศเฝ้าอยู่ด้านหน้า ก้องภพเข้ามาหาบุหลันที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้อง
“อีกสักพักโปลิศจะเข้ามาสอบสวนเธอ เธอช่วยบอกทุกอย่างที่เธอรู้เถอะนะ”
บุหลันมองก้องภพหน้าเศร้า เงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมาว่า
“คุณก้องคิดว่าทำแบบนี้แล้วคุณก้องจะมีความสุขหรือเจ้าคะ”
ก้องภพมองหน้าบุหลันทำเป็นไม่เข้าใจว่าบุหลันพูดเรื่องอะไร
“งานของฉันคือการรักษาความยุติธรรม ทำไมฉันถึงจะไม่มีความสุข”
“แม้ว่ามันจะทำร้ายคนในครอบครัวคุณก้องเองน่ะหรือ”
ก้องภพสะอึกไปนิดๆ ย้อนถามบุหลันกลับ
“แล้วเธอเล่า การใช้วิธีนี้กับฉัน จะทำให้เธอมีความสุขได้จริงหรือ”
“อิฉันแค่มีโอกาสไขว่คว้าในสิ่งที่อิฉันไม่เคยได้ อิฉันทำผิดมากหรือเจ้าคะ”
“แม่ว่าโอกาสนั้นจะทำให้เธอต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ มันคุ้มหรือบุหลัน”
บุหลันยิ้มให้ก้องภพอย่างขมขื่นใจ
“คุณก้องเกิดมาพร้อมทุกอย่าง คุณก้องไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะว่าตัวอิฉันหรือแม่กระทั่งแม่ ของคุณก้องต้องพบกับสิ่งใดบ้าง”
ลึกๆ ก้องภพทั้งอึดอัดและลำบากใจ “เพราะฉันรู้ ฉันถึงต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”
“ความถูกต้องไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไปเจ้าค่ะ คุณก้องรู้อยู่แก่ใจดี”
ก้องภพตัดบทไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก
“ฉันถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว อย่างไรเธอก็ต้องพูดความจริง”
บุหลันนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเงยหน้าขึ้นมามองก้องภพเหมือนตัดสินใจได้
“ก่อนที่อิฉันจะบอกโปลิศ อิฉันอยากเล่าทุกอย่างให้คุณก้องฟังก่อนเจ้าค่ะ”
ก้องภพมองบุหลันแปลกใจ

คืนก่อนหน้านี้ อบเชยเดินมาตามทางในสวนเรือนลำพระพายพูดจาเพ้อเจ้อสลับกับหัวเราะตามประสา
“นายท่าน...นายท่านกลับมาแล้ว...นายท่านจะเป็นอิสระแล้ว ไอ้พวกชั่ว เวรกรรมต้องตามสนองพวกมัน ฮ่าๆๆๆ”
เดินมาได้สักพัก อบเชยก็ได้เสียงฝีเท้าคนเดินตามมา สาวสติวิปลาสหันไปมองด้วยความหวาดระแวง พอไม่เห็นใครก็เริ่มกลัว สาวเท้าเร็วขึ้น หนีไป
เสียงฝีเท้านั้นเร่งตามมา อบเชยวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต แต่จู่ๆก็มีคนออกมาขวางทางไว้
อบเชยสะดุ้งเฮือก เห็นเป็นบุหลัน
“อยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเสียแทบแย่”
“มาทำไม”
“ข้าก็มาตามเอ็งไปกินข้าวไงเล่า ไม่หิวรึ”
อบเชยได้ยินว่าข้าวก็ยิ้มออกมา
“ไป...ไป ข้าว กินข้าว”
บุหลันยื่นมือออกไปให้จับ อบเชยเดินเข้าไปหา แต่สายตากลับเห็นมีดที่บุหลันซ่อนไว้ เลยผงะถอย
“เอ็งจะทำอะไรข้า”
อบเชยหันตัววิ่งหนี แต่กลับมีอีกคนลอบเข้ามาด้านหลัง ทุบอบเชยจนสลบไป
บุหลันถอนหายใจโล่งอก ก้อนเดินเข้ามาสมทบ ถือท่อนไม้ไว้ในมือ
“สุดท้ายข้าต้องออกแรงจนได้”
ร่างอบเชยนอนสลบไม่ได้สติ งามตากับหมอผีอินเดินเข้ามาดูอย่างพึงใจ
“รีบจัดการเสีย”
ก้อนพยักหน้ารับ ลากร่างอบเชยออกไปทำพิธีเสน่ห์ บุหลันมองตามอย่างหวั่นกลัว

ร่างไร้สติของสาววิปลาสถูกลากเข้าไปในวงล้อมสายสิญจน์
หมอผีอินยิ้มเหี้ยมโหด หยิบมีดหมอออกมาก่อนจะจรดมันลงไปบนคอของอบเชย เสียงกรีดร้องโหยหวนชวนสยดสยองของอบเชยดังก้องไปทั่วราวป่า

ก้องภพฟังเรื่องที่บุหลันเล่า ถึงกับอึ้งไป
“แม่ฉันใช้เสน่ห์เพื่อให้ได้ทุกอย่างมาอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ เสน่ห์นางครวญ เสน่หาที่ต้องแลกด้วยชีวิต”
ก้องภพกำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความโกรธ ความเสียใจ ลงไปลึกสุดใจ
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรือนล้วนเป็นเพราะเสน่ห์นางครวญนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ คุณนายใช้มันเพื่อแลกกับทุกอย่างที่คุณก้องมีในวันนี้”
“คุณแม่กำลังคิดจะทำอะไรอีก เธอรู้หรือไม่ว่าคุณแม่อยู่ที่ไหน
“คุณนายบอกอิฉันแค่ว่าต้องไปที่วัดลำพระพายเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใด”
ก้องภพฟังแล้วเครียดขึ้นมาทันที “วัดลำพระพาย”
“หลังจากนี้ไม่ว่าคุณก้องจะทำอะไร อิฉันคงห้ามไม่ได้ แต่คุณก้องคิดให้ดีเถิดเจ้าค่ะ ว่าจะกล้าเอาผิดคุณแม่ของตัวเองได้ลงคอหรือ”
บุหลันถามก้องภพทิ้งเอาไว้ ก่อนที่โปลิศจะเปิดประตูเข้ามา
ก้องภพถูกเชิญออกไปด้านนอก ผู้พิพากษาหนุ่มรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก

ฟากงามตาเดินเข้ามาในวิหารพระนอน เห็นห่อผ้าที่แถนขุดออกมาได้แล้วก็ยิ้มพอใจ รำเพยมองงามตาอย่างโกรธขึ้ง
“เธอจะต่อรองอะไรกับฉันอีก”
งามตายิ้มเยาะ
“ฉันนึกว่าจะต้องออกแรงเอง แต่ในเมื่อพวกหล่อนขุดมันขึ้นมาให้แล้ว ฉันก็เอาของมีค่าของหล่อนมาแลกอย่างไรเล่า”
งามตาปรายตามองไปทางเฟื่องฟ้า ก้อนดันดัวเฟื่องฟ้าออกมา
เฟื่องฟ้าร้องบอก “แม่ อย่าเอาร่างของพ่อให้มันนะจ๊ะ”
ก้อนจ่อดาบใกล้คอเฟื่องฟ้าขึ้นอีก
กล่ำกับแถนมองหวั่นๆ ดูไม่ออกว่ารำเพยจะทำยังไง
“ว่าอย่างไร จะเอาเถ้ากระดูกนั่นมาให้เสียดีๆ หรือต้องให้ลูกเอ็งกลายเป็นผีตามผัวเอ็งไป”
งามตาข่มขู่ รำเพยนิ่งไปคิดหนัก
จู่ๆ จังหวะนี้เอง เฟื่องฟ้าก็เอาศอกกระทุ้งเข้าที่ท้องก้อนเต็มแรง
“โอ๊ย”
ก้อนลดดาบลง เฟื่องฟ้ารีบโผเข้าหารำเพย แต่ก้อนไวกว่าจะกระชากตัวเฟื่องฟ้ากลับ เงื้อดาบฟันที่แขนเฟื่องฟ้าก่อนจะถึงตัวรำเพยแค่เสี้ยววินาที
รำเพยกรีดร้องเสียงหลง “เฟื่องฟ้า”
เฟื่องฟ้าล้มลงกระแทกพื้น เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกจากแผล รำเพยจะเข้าไปหาลูก แต่ก้อนเอาดาบจ่อหน้ารำเพยไว้
“มึงสองแม่ลูกรนหาที่ตายนัก”
ก้อนยกดาบขึ้นจะแทงรำเพย กล่ำกรี๊ดลั่น
เลือดของเฟื่องฟ้าค่อยๆ ไหลไปจนถึงเถ้ากระดูกไต้ก๋งชางในห่อผ้า
จู่ๆบรรยากาศด้านนอกวิหาร ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ฟ้าคำรณคำรามเสียงดังกัมปนาทอย่างน่ากลัว หมอผีอินมองไปที่เถ้ากระดูกแล้วอึ้งไป ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาโครมใหญ่
เสียงฝีเท้าดังขึ้นโดยรอบวิหารอีกครั้ง ก่อนจะเห็นวิญญาณไต้ก๋งชางปรากฏตัวขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นสุดจะประมาณ

หลวงพ่อดำออกมายืนที่หน้ากุฏิ มองท้องฟ้าอย่างรับรู้ถึงความผิดปกติ กลุ่มลูกศิษย์วัดวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหยุดตรงหน้าหลวงพ่อ พนมมือพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวสุดขีด
“หลวงพ่อ ช่วยพวกกระผมด้วยขอรับ นังผีร้ายมันออกมาอาละวาดแล้ว” เด่นบอก
หลวงพ่อดำมองฉงน “ใครกัน”
“นังอยเชยขอรับ มันออกมาหลอกพวกกระผมตรงวิหารฝั่งโน้น” พูนว่า
“หมายความว่าอย่างไร ที่วิหารไม่มีใครอยู่เฝ้าแล้วรึ”
“ขอรับ ขืนอยู่ ผีมันได้หักคอพวกกระผมแน่” ผลกล่าว
บรรดาลูกศิษย์วัดพากันพยักหน้าหงึกหงัก
“ใจเย็นๆ ก่อนโยม”
หลวงพ่อดำพูดจบ ก็ได้ยินเสียงคนอีกกลุ่มหนึ่งยกโขยงมาที่หน้ากุฏิ
ทุกคนหันไปมอง ปรากฏว่าว่าเป็นก้องภพ คฑา และกลุ่มของโปลิศนั่นเอง
ก้องภพไหว้หลวงพ่อดำพร้อมคนอื่นๆ
“มีอะไรหรือโยม”
“กระผมมีเรื่องขอถามหลวงพ่อขอรับ”
“ถามมาเถอะโยม หากตอบได้อาตมายินดี”
ก้องภพลำบากใจ แต่ถอยไม่ได้แล้ว
“คุณแม่ของกระผมได้มาที่นี่หรือไม่ขอรับ”
ลูกศิษย์วัดทั้งสามมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลวงพ่อดำมองไปทางวิหารสีหน้าเป็นกังวล

ไต้ก๋งชางตะโกนใส่สามคนชั่วอย่างเกรี้ยวกราด
“กูจะไม่ยอมให้มึงทำอะไรลูกเมียกูเด็ดขาด”
งามตาตกใจถอยหนีไป หมอผีอินออกมาขวาง
“กูจะไม่ยอมให้มึงมาขวางลูกกูเช่นกัน”
หมอผีอินยกมือขึ้นบริกรรมคาถา เรียกผีพรายให้ปรากฏตัวขึ้น พวกผีร้ายเข้าไปรุมทำร้ายไต้ก๋งทันที แต่ไต้ก๋งชางต้านไว้ ใช้พลังที่ตัวเองมีผลักผีพรายออกมา
รำเพยเข้าไปดูเฟื่องฟ้าโอบกอดไว้ กล่ำแถนตามไป มองรอบข้างด้วยความหวาดกลัว
หมอผีอินสวดคาถาหนักขึ้นเท่าไหร่ พวกผีพรายก็จู่โจมหนักขึ้นเท่านั้น ไต้ก๋งชางพยายามฝืนไว้
หมอผีอินกางห่อผ้าที่มีกะโหลกของไต้ก๋งชางออก วางลง แล้วหยิบมีดหมอออกมาแทงลงไป
ไต้ก๋งชางกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน ผีพรายพากันเข้าไปรุมจนไต้ก๋งชางถูกตรึงร่างไว้ ไม่สามารถขยับได้ หมอผีอินขู่ไต้ก๋งชาง
“กูจะให้โอกาสมึงครั้งสุดท้าย มึงจะยอมไปโดยดี หรืออยากให้ลูกเมียตายตกตามมึงไปด้วย”
รำเพยตะโกนห้ามสุดเสียง
“คุณพี่ อย่ายอมนะคะ น้องยอมตายดีกว่าเห็นคุณพี่ต้องทรมานเช่นนี้”
“พ่อจ๋า พ่ออย่ายอมจ้ะ”
รำเพยร้องไห้โฮ
ไต้ก๋งชางมองรำเพยกับเฟื่องฟ้าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตัดสินใจเด็ดขาด

ไม่นานต่อมา ก้อน หมอผีอิน และงามตาคุมตัวรำเพยกับเฟื่องฟ้ามาที่เชิงตะกอนป่าช้าวัดลำพระพาย งามตาหันไปเยาะเย้ยรำเพยกับเฟื่องฟ้า
“ดูเสีย ดูจุดจบของไอ้ไต้ก๋ง จำไว้ว่าพวกเอ็งไม่มีทางได้ทุกอย่างไป ทั้งทรัพย์สมบัติ เรือนเอ็งต้องเป็นของข้า ของข้าคนเดียว”
รำเพยกับเฟื่องฟ้าได้แต่มองด้วยความเจ็บใจ
หมอผีอินพยักหน้าให้งามตา แล้วเดินไปวางเถ้ากระดูกไต้ก๋งชางลงบนเชิงตะกอน งามตาเอาผ้าที่ห่อกะโหลกไปวางไว้ จอมอาคมใช้สายสิญจน์พันรอบเชิงตะกอนเสร็จ จับลูกประคำที่คอเริ่มท่องคาถา
เกิดลมพัดกรรโชกขึ้นมาอย่างรุนแรง ก้อนจุดคบเพลิงยื่นให้งามตา งามตารับมายิ้มชั่ว
“จบสิ้นกันเสียที”
งามตาเดินเข้าไปหยุดที่หน้าเชิงตะกอน จ่อคบเพลิงจุดไฟเผาเถ้ากระดูกที่เหลือของไต้ก๋งชาง
เมื่อไฟเริ่มโหม วิญญาณไต้ก๋งชางปรากฏร่างขึ้น กรีดร้องโหยหวนทรมาน
“พ่อจ๋า...ไม่”
เฟื่องฟ้ากรีดร้อง ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น รำเพยสะอื้นไห้สงสารวิญญาณสามี
“คุณพี่”
งามตาหัวเราะสะใจราวกับคนบ้า เมื่อเห็นทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดลง

ก้องภพ คฑา หลวงพ่อดำและกลุ่มลูกศิษย์มาถึงที่หน้าวิหารพระนอนไม่เห็นใครอยู่แล้ว ก้องภพเริ่มร้อนใจเดินเข้าไปดูด้านใน จนมีเสียงคนตะโกนออกมา
“ช่วยด้วย ใครอยู่ตรงนั้น ช่วยข้าที”
ก้องภพหันไปมองหน้าคฑาแล้วรีบไปตามเสียงนั้น หลวงพ่อกับกลุ่มลูกศิษย์วัดตามไปด้วยพร้อมโปลิศ
เมื่อเข้ามาในวิหารก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นกล่ำกับแถนถูกจับมัดไว้ ก้องภพรีบบอกคฑา
“ช่วยแก้มัดเร็ว
คฑากับก้องภพเข้าไปช่วยแก้มัด หลวงพ่อดำเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้น ใครจับพวกโยมมัดไว้”
โปลิศคนหนึ่งเดินไปดูหลังองค์พระเห็นมีการขุดเอาบางอย่างออกไปก็ตะโกนมา
“มีร่องรอยการขุดที่ฐานองค์พระครับ”
ก้องภพขมวดคิ้วสงสัย พอถูกปล่อยตัวกล่ำก็ยกมือไหว้ ร้องไห้ไปพูดไป
“ฮือ...ช่วยด้วยเจ้าค่ะ คุณรำเพย...คุณรำเพยกับเฟื่องฟ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย”
ก้องภพตกใจ
“ใครทำอะไรเฟื่องฟ้าครับ”
“คุณนายงามตาจับตัวเฟื่องฟ้ากับคุณรำเพยไปพร้อมเถ้ากระดูกไต้ก๋งชาง คุณนายต้องการทำลายวิญญาณไต้ก๋งขอรับ”
“คุณก้อง ช่วยพวกเขาด้วยนะเจ้าคะ ช่วยด้วย”
กล่ำพูดไปสะอื้นไปอย่างหวาดกลัว ระหว่างนี้พูนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“แย่แล้ว มีควันออกมาจากเชิงตะกอนชายป่า”

กล่ำกะแถนเหวอสุดขีดกล่ำปล่อยโฮออกมาอีก ก้องภพหน้าเครียดจัด

อ่านต่อตอนที่ 22 อวสาน


กำลังโหลดความคิดเห็น