เสน่ห์นางครวญ ตอนที่ 19
บทประพันธ์ : หงส์หยก บทโทรทัศน์ : พิชฌสินี
หมอผีอิน งามตาและก้อนหลบมาคุยกันในสวน หมอผีอินมีท่าทางไม่พอใจงามตากับก้อนเป็นอย่างมาก
“ข้าไปรอที่ร่างไอ้ไต้ก๋งเสียนาน แต่กลับมาพบพวกเอ็งชักช้าแล้วยังกือบพลาดท่าให้ไอ้ผีร้ายนั่น มันเกิดสิ่งใดขึ้น”
“ฉันกำลังหาวิธีเอาร่างมันไปรวมกันอย่างไรเล่า แต่เกิดเรื่องผิดพลาดเสียก่อน”
“ข้าจับนังรำเพยมาหวังจะให้นังเฟื่องฟ้ายอมบอกที่ซ่อนกะโหลก แต่นังรำเพยมันหนีไปได้ จึงจับตัวเฟื่องฟ้าไว้จะเค้นให้มันบอก แต่ก็...”
“พวกเอ็งนี่มันใจร้อน วู่วาม แล้วยังโง่นัก”
หมอผีอินตะคอกใส่ก้อนกับงามตา
“แล้วพ่อจะให้ฉันทำอย่างไร ถ้าไม่จัดการมันวันนี้ก็ต้องรอถึงเพ็ญหน้าไม่ใช่รึ”
“ใช่ แต่ถ้าทำอะไรไม่คิดเช่นนี้พวกเอ็งจะตายเสียก่อนได้กำจัดมัน”
“อย่าเพิ่งต่อว่าพวกข้าเลย ช่วยคิดหาทางแก้ก่อนไม่ดีกว่ารึ”
หมอผีอินฮึดฮัดไม่พอใจ ใช้ความคิดหนัก
“นังเด็กนั่นยังหาร่างไอ้ไต้ก๋งไม่เจอ เรายังพอมีเวลา...”
“ถ้าเราได้ที่ซ่อนกะโหลกไอ้ไต้ก๋งมาก่อน นังเฟื่องฟ้าก็ไม่มีทางปล่อยวิญญาณสำเร็จ”
“มีใครที่พอจะรู้อีกหรือไม่ว่านังเฟื่องฟ้าซ่อนกะโหลกไว้ที่ไหน” ก้อนว่า
งามตามีสีหน้าครุ่นคิด นึกถึงตอนบุหลันมารายงานความเคลื่อนไหวของเฟื่องฟ้า
“เมื่อวานอิฉันแอบตามมันไปที่โรงต่อเรือเก่า อิฉัน เห็นมันพูดคนเดียวเจ้าค่ะ”
พอนึกได้งามตารีบบอกก้อนทันที
“นังบุหลัน ไปตามนังบุหลันมาพบข้า เดี๋ยวนี้”
ก้อนกับหมอผีอินมองหน้างามตางงๆ
เย็นนั้น นมขามกำลังเก็บล้างข้าวของในครัว เตรียมจะกลับเรือนบ่าว แต่พอออกมาก็เจอก้องภพกับคฑามารออยู่
“คุณก้อง มาถึงที่นี่มีอะไรหรือเจ้าคะ”
ก้องภพเดินเข้ามาหานมขาม ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง
“นมครับ ผมมีเรื่องจะถาม”
“คุณก้องเชิญข้างในก่อนไหมเจ้าคะ นมจะได้หาน้ำท่าให้”
“ไม่ต้องครับ ผมแค่อยากรู้ให้แน่ใจเท่านั้น แล้วก็จะไป”
นมขามเริ่มเอะใจว่ามีเรื่องผิดปกติ
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าเจ้าคะ”
“คุณนมรู้หรือไม่ครับว่าเฟื่องฟ้าอยู่ที่ไหน”
นมขามชะงัก พยายามเก็บอาการ แล้วตอบไปนิ่งๆ
“นมไม่ทราบเจ้าค่ะ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”
“งั้นหรือครับ แล้วถ้าผมบอกว่ารู้เรื่องจากคุณรำเพยหมดแล้ว คุณนมจะบอกความจริงกับผมได้ไหมครับ”
นมขามได้ยินชื่อรำเพยก็ตกใจ
“คุณรำเพย คุณก้องพบตัวคุณรำเพยแล้วหรือเจ้าคะ”
“ผมแอบตามคุณแม่ไป จึงพบว่าคุณรำเพยถูกพาไปซ่อนไว้ที่กระท่อมร้างหลังป่าช้า”
“คุณพระคุณเจ้า”
นมขามใจหล่น ซวนเซไปเอามือจับที่ผนังโรงครัว เกือบจะเป็นลม
“บอกผมมาตรงๆ เถิด คุณรำเพยเคยเป็นเจ้าของเรือนนี้ใช่ไหม แล้วทำไมทำไมแม่ผมถึงต้องพาตัวคุณรำเพยมาที่นี่”
นมขามลำบากใจที่จะบอก
“คุณงามตา ทำทุกอย่างเพื่อสะกดวิญญาณไต้ก๋ง”
“สะกดวิญญาณ”
ก้องภพอึ้งไปถนัดตา ดูท่ายังไม่เชื่อทั้งหมด
“คุณแม่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรละครับนม”
“ไปถามคุณนายงามตาดูเถิดเจ้าค่ะ แต่หากคุณก้องรู้ คุณก้องจะรับได้หรือไม่”
สีหน้าก้องภพหมกมุ่นครุ่นคิดเต็มไปด้วยความสับสน
ก้องภพกับคฑาพากันมาหยุดที่หน้าห้องนอนงามตาบนเรือนใหญ่ ก้องภพเคาะประตูเรียก
“คุณแม่...อยู่หรือไม่ครับ”
ไม่มีเสียงคนตอบกลับออกมา ก้องภพเรียกซ้ำ
“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย ขอเวลาคุณแม่สักครู่ได้หรือไม่ครับ...คุณแม่”
ในห้องยังเงียบอย่างเก่า ก้องภพเอะใจลองเปิดประตู ปรากฏว่าไม่ได้ล็อค เขาหันไปสั่งคฑา
“นายช่วยรอตรงนี้ก่อน ฉันจะเข้าไปดูด้านใน”
“ขอรับ”
คฑาพยักหน้ารับ ก้องภพเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเข้ามาพบว่าในห้องบรรยากาศมืดสลัว ก้องภพเดินสำรวจ มองไปรอบๆ เห็นข้าวของวางปกติไม่มีอะไรผิดสังเกต ชายหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด
“หรือคุณรำเพยจะโกหก...”
ก้องภพเครียดจัดเดินไปดูตามมุมต่างๆ แต่ก็ยังไม่เจออะไร กำลังจะเดินออก แต่พอก้าวเท้าไปบริเวณไม้กระดานแผ่นหนึ่งก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น ก้องภพหยุดเดินถอยออกไปจากบริเวณที่ได้ยินเสียง แล้วลองเดินกลับไปใหม่ เสียงก็ดังขึ้นอีก
ก้องภพเอะใจ นั่งลงคลำดูที่พื้น ลองกดไม้กระดานไปเรื่อยๆ สักครู่หนึ่งก็กดโดนไม้กระดานแผ่นหนึ่งจนมันเผยอออก
ก้องภพกลั้นหายใจ พยายามไม่ให้เสียงดัง ค่อยๆ งัดไม้กระดานขึ้นมา แล้วก็อึ้งไป เขาพบว่าในร่องมีมีผ้ายันต์เก่าๆ ห่อมีดพร้าเปื้อนเลือดคร่ำคร่าวางอยู่ในนั้น
ทุกคนพุ่งมาที่วัดลำพระพายในยามเย็น เฟื่องฟ้า นำขบวน กล่ำ แถนและอบเชยเข้าไป อบเชยวิ่งนำดึงแขนเฟื่องฟ้าพาไปยังหน้าวิหารพระแห่งหนึ่ง ชี้บอกไปส่งๆ
“นายท่านๆ นายท่าน พระ องค์พระ”
เฟื่องฟ้าปล่อยให้อบเชยดึงไป แถนกับกล่ำมองหน้ากันงงๆ อบเชยดึงเฟื่องฟ้าไปหยุดบริเวณหนึ่งของวัด ชี้ไป พูดซ้ำๆ
“แถวนี้ นายท่าน ตามหานายท่าน”
อบเชยปล่อยมือเฟื่องฟ้าแล้วเดินวนไปรอบๆ พูดพึมพำคนเดียว กล่ำเห็นท่าทีชักเริ่มไม่ไว้ใจอบเชย หันมาบอกเฟื่องฟ้า
“นังบ้านี่มันต้องการบอกสิ่งใดกันแน่”
แถนเองก็เช่นกัน ถามเฟื่องฟ้าขึ้นว่า “แล้วทำไมเอ็งต้องตามมันมาที่นี่ด้วย เฟื่องฟ้า”
“ฉันคิดว่าสิ่งที่น้าอบเชยอยากบอกอาจจะเป็นที่ซ่อนร่างของพ่อน่ะจ้ะ”
“ไหนเล่าองค์พระองค์ที่มันว่า เอาแต่ชี้ไปชี้มา ไม่เห็นจะได้เรื่อง”
กล่ำมองไปรอบๆ วัด ไม่เห็นอะไรอย่างที่อบเชยว่าเลย เฟื่องฟ้าสงสัย
อีกฝั่ง เหตุการณ์ที่โรงต่อเรือเก่าตอนเย็น ก้อนดึงบุหลันให้เข้ามาในโรงต่อเรือ มีงามตากับหมอผีอินยืนรออยู่ในนั้น พอบุหลันเห็นก็ทำหน้างงๆ ปนแปลกใจ
“ที่ข้าเรียกเอ็งมาเพราะมีเรื่องจะถาม”
“เรื่องใดเจ้าคะคุณนาย”
“ข้าจำได้ว่าเอ็งเห็นนังเฟื่องฟ้าพูดคนเดียวที่นี่ เอ็งเห็นมันอยู่ตรงไหน”
บุหลันกลอกตาไปมา พยายามนึกทบทวน ก่อนจะตอบด้วยเสียงอึกอัก
“อิฉัน เห็นไม่ค่อยชัดนักเจ้าค่ะ จึงไม่ทราบว่าตรงไหน”
“จำไม่ได้สักนิดเลยรึ”
“ม...ไม่ได้เจ้าค่ะ”
“คิดให้ดีๆ คิด”
งามตาตะคอกใส่บุหลันอย่างหงุดหงิด จนบุหลันนึกสงสัย
“คุณนายกำลังหาสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”
งามตาเหยียดยิ้ม ไม่ยอมตอบแต่หันไปสั่งก้อนแทน
“ไม่มีเวลาแล้ว รื้อที่นี่ให้หมด ข้าต้องหาที่ซ่อนของมันให้ได้”
ก้อนพยักหน้ารับเอาคำ เริ่มถีบข้าวของในโรงต่อเรือดังโครม บุหลันสะดุ้ง ก้อนเริ่มค้นข้าวของในโรงต่อเรือ งามตากวาดตามองไปรอบๆ มุ่งมั่นจะหากะโหลกไต้ก๋งชางให้เจอ หมอผีอินมองนิ่งๆ
ด้านก้องภพยื่นมีดพร้าที่อยู่ให้ห่อผ้าลงยันต์ ให้นมขามดู คุณนมถึงกับยกมือทาบอกด้วยความตกใจ
“ผมพบมันใต้พื้นเรือนในห้องคุณแม่ ทีนี้นมบอกผมได้หรือยังครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
นมขามเบือนหน้าไปทางอื่นไม่กล้าบอกก้องภพ
“คุณนมช่วยบอกเถิดครับ ผมกับคุณก้องจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาได้”
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
“หมายความว่าอย่างไรครับ มีดเล่มนี้มันใช้ทำอะไรแน่”
นมขามถอนหายใจ ทำใจอยู่สักพัก ตัดสินใจบอกไป
“นมคิดว่า มันคือมีดที่ใช้ฆ่าไต้ก๋งชางเจ้าค่ะ”
ก้องภพฟังแล้วอึ้งไป คฑาที่อยู่ด้วยมาตลอดถามขึ้น
“ถ้าเป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าไต้ก๋ง แล้วทำไมถึงอยู่ในห้องคุณนายงามตาล่ะขอรับ”
นมขามเหลือบมองก้องภพด้วยความสงสาร เห็นก้องภพดูช็อกๆ เสียใจปนผิดหวัง
“คงไม่มีใครคิดซ่อนมันไว้ ถ้าไม่ได้เป็นทำผิดเสียเอง”
ก้องภพฟังแล้วแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ นมขามเข้าไปประคอง
“นมบอกกับผมทีว่ามันไม่จริง”
“นมบอกจากสิ่งที่นมรู้และเห็นเท่านั้นเอง”
ยากจะทำใจยอมรับได้ ก้องภพพูดถามน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“เป็นความจริงหรือ...แม่ ไม่ใช่คนที่ฆ่างั้นหรือ”
ก้องภพน้ำตาซึม นมขามเข้าไปกอดด้วยความสงสาร คฑาเศร้าตาม
วัดลำพระพายตกอยู่ในความมืดยามค่ำคืน เฟื่องฟ้า กล่ำ แถนมาถึงหน้าโบสถ์ แถนคอยดูอบเชยมาด้วย
พระสงฆ์ทำลังทำวัตรเย็นกันอยู่ มีนายเด่นลูกศิษย์วัดนั่งเฝ้าอยู่หน้าโบสถ์ เฟื่องฟ้าถามขึ้น
“พี่จ๊ะ หลวงพ่อดำอยู่หรือไม่จ๊ะ”
“หลวงพ่อกำลังทำวัตรเย็นอยู่ เอ็งมีอะไรรึ”
“พวกฉันมีเรื่องอยากปรึกษาหลวงพ่อดำ ขอพบท่านหน่อยได้หรือไม่” กล่ำบอก
เด่นทำหน้ารำคาญๆ ปฏิเสธไป
“ประเดี๋ยวท่านก็จำวัดแล้ว คงไม่สะดวกกระมัง ไว้มาใหม่พรุ่งนี้เถอะ”
“พวกฉันขอเวลาครู่เดียวเท่านั้น ให้ฉันพบหลวงพ่อเถอะนะจ๊ะ” เฟื่องฟ้าขอร้องดีๆ
“ก็บอกให้มาใหม่พรุ่งนี้อย่างไรเล่า พูดไม่เข้าใจหรอกรึ”
เสียงสวดเงียบลง ลูกศิษย์วัดจะเดินหนีเข้าไปในโบส์ แถนไปขวางไว้
แถนขอร้องอีกคน “ช่วยพวกข้าสักครั้งเถิด ได้โปรด”
“เอ็งนี่มันวุ่นวาย ไม่รู้จักเกรงใจ กลับไปเสีย”
เด่นไม่ฟัง สะบัดมือเฟื่องฟ้าออก จนมีเสียงหลวงพ่อดำดังขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าโยม”
เด่นมองไปเห็นหลวงพ่อดำ รีบนั่งลงไปกราบทันที
เฟื่องฟ้า แถน กล่ำ เข้าไปกราบตาม เด่นรีบรายงานหลวงพ่อ
“คนพวกนี้มาหาหลวงพ่อขอรับ บอกว่ามีเรื่องด่วนมาก”
หลวงพ่อดำมองไปทางเฟื่องฟ้า แถนกับกล่ำเงยหน้าขึ้นมา หลวงพ่อดำอึ้งไปด้วยความตกใจ
“โยมกล่ำ โยมแถน ยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ”
สองคนไหว้หลวงพ่อพร้อมกัน “นมัสการเจ้าค่ะ” / “ขอรับ หลวงพ่อ”
“อิฉันจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แต่หลวงพ่อช่วยอิฉันด้วยเถิดเจ้าค่ะ แม่ของฉันและวิญญาณของพ่อ ไต้ก๋งชางกำลังตกอยู่ในอันตราย”
หลวงพ่อดำได้ยินชื่อไต้ก๋งชางก็นิ่งงันไปในทันที
ส่วนที่โรงต่อเรือร้าง ก้อนยังคงค้นไปตามส่วนต่างๆ ในนั้น ทั้งเตะทั้งถีบของจนเละเทะกระจุยกระจาย แต่ก็ยังไม่เจออะไร งามตายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นทุกที
“พี่ก้อน ค้นจนทั่วแล้วแน่รึ”
“เออสิวะ ข้าดูแทบทุกส่วนแล้ว ไม่เห็นเจอสิ่งใดเลย”
“ถ้าไม่อยู่แถวนี้แล้วมันจะอยู่ที่ไหนได้”
“เอ็งไม่รู้ แล้วข้าจะรู้รึ” ก้อนชักยัวะเหมือนกัน
งามตาเดินวนไปมาด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน ก้อนไปดูบริเวณเรือ เปิดลังไม้เก่าๆ ที่อยู่ในนั้นก็ไม่เจออะไร
“แล้วจะทำอย่างไร จะรอวันไอ้ผีร้ายนั่นมาหักคอตายถึงที่ใช่หรือไม่”
“เหตุใดมันหายากเย็นนัก ปัดโธ่โว้ย”
ก้อนหงุดหงิด เลยเตะลังที่วางระเกะระกะในเรือลงมาจนฝุ่งคลุ้งกระจายเต็มไปหมด
หมอผีอินเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเซ็งๆ บุหลันไอออกมาเพราะฝุ่นจนน้ำหูน้ำตาไหล
แต่พอฝุ่นค่อยๆ จางลง บุหลันมองไปตรงท้องเรือก็เห็นอะไรบางอย่าง
“คุณนาย...คุณนายเจ้าขา”
“มีอะไรนังบุหลัน”
“ต...ตรงนั้นเจ้าค่ะ
งามตามองไป เห็นไม้กระดานมุมหนึ่งตรงท้องเรือเผยอออกมา งามตาเอะใจ รีบพุ่งไปดูบริเวณที่บุหลันชี้ ผลักเศษของเศษไม้ออกไป แล้วดันไม้กระดานขึ้น
ในนั้นเป็นลังไม้เก่าๆ ลังหนึ่ง งามตาค่อยๆ เปิดออกดู เห็นห่อผ้าวางอยู่ในนั้น
“มันอยู่ที่นี่จริงๆ”
งามตาเปิดผ้าออกเห็นกะโหลกไต้ก๋งชางอยู่ในนั้น ยิ้มชั่วออกมาด้วยความดีใจ
ฝ่าย เฟื่องฟ้า แถน กล่ำ เข้ามาคุยกับหลวงพ่อดำบนกุฏิ อบเชยเข้ามาด้วยแต่นั่งหลบมุมอยู่หลังสุด หลวงพ่อดำได้ยินเรื่องต้นก้ามปูก็แปลกใจมาก
“พระนอนหรือโยม”
“เจ้าค่ะหลวงพ่อ อิฉันคิดว่าร่างของพ่อถูกฝังไว้บริเวณนั้น”
“หลายปีที่ผ่านมาวัดเปลี่ยนไปมาก จะมีอะไรซ่อนอยู่จริงรึ” เด่นทักท้วง
กล่ำเริ่มเครียด หันไปคุยกับแถน
“หรือนังอบเชยจะพูดจาเพ้อเจ้อไปจริงๆ”
“ข้าก็ไม่รู้” แถนส่ายหัวดิก ไม่รู้เหมือนกัน
“ไม่มีองค์พระที่อยู่กลางแจ้งอย่างที่ว่าจริงๆ หรือเจ้าคะ”
เฟื่องฟ้าเสียงเศร้า สีหน้าผิดหวัง หลวงพ่อดำครุ่นคิด
“หากเป็นองค์ที่โยมว่าเห็นจะเคยมีอยู่องค์หนึ่ง”
เฟื่องฟ้าตื่นเต้น “มีจริงหรือเจ้าคะ”
เด่นนึกได้ “ใช่ตรงวิหารพระนอนหรือไม่ขอรับหลวงพ่อ”
เฟื่องฟ้าดูมีความหวังขึ้นอีก หลวงพ่อดำชะงักเหมือนนึกอะไรออก
“ใช่ พระนอนตรงนั้น ในอดีตเคยอยู่กลางแจ้งในป่า จนกระทั่งโยมงามตารับเป็นโยมอุปัฏฐากสร้างตัววิหารขึ้นในภายหลัง”
ลูกศิษย์วัดพยักหน้า เฟื่องฟ้า แถน กล่ำมองหน้ากันอย่างดีใจมีความหวัง
ทางด้านงามตาย้ายผ้าที่ห่อกะโหลกของไต้ก๋งชางใส่ลังไม้ที่อยู่ในนั้นเตรียมจะย้าย
“เราต้องไปที่ร่างไอ้ไต้ก๋งแล้วรีบทำพิธีก่อนที่นังเฟื่องฟ้าจะหาร่างเจอ” หมอผีอินบอก
งามตากำชับกับบุหลัน “นังบุหลันเอ็งต้องปิดปากให้เงียบ อย่าให้ใครในเรือนรู้เด็ดขาดว่าเอ็งเห็นอะไร เข้าใจใช่รึไม่”
บุหลันพยักหน้ารัวๆ กลัวจับใจ ก้อนยกลังขึ้นมา งามตาเดินนำออกไปทางประตู
ประตูโรงต่อเรือถูกเปิดเข้ามา งามตาชะงัก เมื่อเห็นก้องภพก้าวเข้ามา
ก้องภพยกมือไหว้หมอผีอินหันมาทางแม่ “คุณตาก็อยู่ด้วย ผมรอคุณแม่ที่เรือนเสียนานจึงออกตามหา ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่”
“แม่แค่มาหาของบางอย่าง”
ก้อนภพมองลังที่ก้อนถืออยู่
“เหตุใดออกมาหาค่ำมืดอย่างนี้ ของสำคัญหรือครับ”
“จะสำคัญหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับพ่อก้อง ตอนนี้แม่กำลังรีบ ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟัง” งามตาหงุดหงิดหันไปสั่งก้อน “ไปเถิด”
ก้อนจะเดินไป แต่ก้องภพยังขวางไว้อีก งามตาไม่พอใจ
“นี่พ่อก้อง เป็นอะไร มาขวางแม่ด้วยเหตุใด”
“ผมแค่อยากรู้ว่าธุระของแม่คืออะไร คุณแม่บอกผมได้ไหม”
“แม่บอกว่าไม่เกี่ยวกับพ่อก้องอย่างไรเล่า ถอยไป”
“ผมไม่ถอย จนกว่าคุณแม่จะบอกความจริงกับผม”
“ไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้น พ่อก้องอย่าขวางแม่เลย หลีกไป”
งามตาผลักก้องภพออก จะเดินออกไปให้พ้นๆ ก้องภพตะโกนดังก้อง
“คุณแม่อย่าทำผิดอีกเลยนะครับ”
งามตาอึ้งไป หันหลับมาหาก้องภพมองฉงน
“พ่อก้อง หมายความว่าอย่างไร”
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณแม่ทำสิ่งใดไว้กับคุณรำเพยเจ้าของเรือนนี้”
งามตานิ่งงันไป แล้วแสร้งทำเป็นถามก้องภพด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“พ่อก้องไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“จะที่ไหนก็ไม่สำคัญ แต่ถ้ามันเป็นความจริง คุณแม่หยุดเถอะครับก่อนจะสร้างเวรสร้างกรรมไปมากกว่านี้”
“นี่พ่อก้องคิดว่าแม่เป็นหญิงชั่วเช่นนั้นหรือ”
งามตาถามก้องภพทั้งน้ำตา ก้องภพอึ้งไป งามตาเดินเข้ามาจับตัวก้องภพ
“แม่ไม่รู้พ่อก้องฟังมาจากใคร แต่พ่อก้องคิดจริงหรือว่าคนอย่างแม่จะทำร้ายคนที่รักที่สุดอย่างเตี่ยของพ่อก้องได้”
งามตาพูดเสียงสั่น ก้อนกับหมอผีอินมองหน้ากัน
“ไม่ใช่นะครับ”
“แต่ที่พ่อก้องพูดเช่นนี้แสดงว่าปักใจเชื่อไปแล้ว แม่ทำอะไรให้ลูกไม่ชอบใจหรือ ถึงกล่าวหาแม่เช่นนี้ ตอบมาสิ แม่ทำอะไรผิดงั้นหรือ”
งามตาน้ำตาเต็มตา เล่นเอาก้องภพพูดไม่ออก งามตาร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ
“แม่เสียใจที่ลูกเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่”
งามตาจับหน้าอก เหมือนหายใจไม่ออก แล้วร่างทรุดลงเป็นลมไป
“คุณแม่ บุหลันช่วยฉันประคองคุณแม่ที”
ก้องภพเข้าไปประคองงามตาไว้ บุหลันเข้าไปช่วย งามตาซบไหล่ก้องภพ แล้วลืมตาขึ้นมองหน้าหมอผีอินเชิงบอก จอมอาคมเข้าใจทันทีว่าเป็นแผนเบี่ยงความสนใจของงามตา รีบดันก้อนออกไปทันที
ลูกศิษย์วัดมารวมตัวกันเพื่อช่วยกันขุดรอบๆ วิหารพระนอน เฟื่องฟ้ายืนดูอยู่กับกล่ำ แถนและหลวงพ่อดำ อบเชยวิ่งไปมารอบๆ ตะโกนบอกคนให้ขุดตรงนั้นตรงนี้
“นี่ๆๆ นี่ไง ตรงนี้ๆ”
ลูกศิษย์วัดขุดตามที่อบเชยบอก ก็มีแต่ดินเปล่าๆ ไม่เจออะไร อบเชยวิ่งไปอีกมุม ตะโกนบอกอีก
“เอ...หรือว่าจะเป็นตรงนี้”
ลูกศิษย์วัดอีกคนตามไปขุดเรื่อยๆ ตามที่อยเชยบอก เฟื่องฟ้าลุ้นระทึกภาวนาในใจขอให้เจอ
งามตาถูกพามานอนพักในห้องตัวเองบนเรือนใหญ่ ก้องภพเอายากับน้ำมาวางไว้ให้ข้างเตียง แต่งามตากลับเมินใส่
“คุณแม่กินยาก่อนนะครับ”
งามตาตอบกลับเสียงแข็ง
“แม่ไม่กิน ไปให้พ้น”
“คุณแม่ไม่สบายมาก ถ้าไม่กินอาการอาจจะแย่ลงอีกนะครับ”
“พ่อก้องไม่ได้ยินหรือว่าแม่ไม่กิน ยิ่งทรุดลงก็ยิ่งตายไว ไม่ดีรึ”
“ทำไมคุณแม่พูดอย่างนี้ล่ะครับ”
“ในเมื่อพ่อก้องไม่เชื่อแม่ แม่จะอยู่ให้ลูกรำคาญใจทำไม”
งามตาตัดพ้อตีหน้าเศร้า ทำเป็นเสียใจเหลือเกินที่ลูกชายไม่เชื่อ
“คุณแม่ครับ ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่สิ่งที่ผมเห็นมา มัน...”
ก้องภพไม่กล้าพูดออกมาว่างามตาฆ่าไต้ก๋งชาง งามตาตอบแบบประชดประชัน
“พูดอย่างนี้แสดงว่าลูกปักใจเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่จริงๆ”
“คุณแม่”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ออกไปเสีย แม่อยากอยู่คนเดียว”
ก้องภพจับมือแม่ งามตาสะบัดออก เชิดหน้ามองไปทางอื่น
“บอกให้ออกไป”
ก้องภพลำบากใจ งามตาแสร้งร้องไห้ ปาดน้ำตาทิ้ง ก้องภพค่อยๆ ลุกแล้วออกจากห้องไป
งามตาเหลือบมอง แววตาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ คิดแผนชั่วในใจ
ก้องภพออกมาหน้าห้องงามตาบนเรือนใหญ่ สีหน้าเครียดๆ คฑาที่ยืนรออยู่ถามขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“คุณแม่ต้องการอยู่คนเดียว ฉันคงถามอะไรมากกว่านี้ไม่ได้”
คฑาถอนหายใจกลุ้มๆตามก้องภพไปด้วย
“คุณก้องจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”
“ฉันต้องตามหาเฟื่องฟ้าให้พบ แล้วก็จะหาความจริงให้กระจ่างให้ได้ ฉันฝากนายช่วยเฝ้าคุณแม่ไว้หน่อยจะได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ กระผมจะระวังไม่ให้คลาดสายตา”
“ขอบใจมาก แล้วฉันจะรีบกลับมา”
ก้องภพตบบ่าคฑาแล้วเดินออกไป
พวกลูกศิษย์วัด นำโดยนายเด่นพากันช่วยขุดรอบวิหารจนแทบทุกจุดที่อบเชยบอกแล้วยังไม่เจออะไรอีก กล่ำเริ่มไม่แน่ใจหันไปถามเฟื่องฟ้า
“เอ็งมั่นใจหรือที่นังอบเชยพูดเป็นความจริง”
“ฉันไม่แน่ใจหรอกจ้ะ แต่ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
อบเชยยังวิ่งชี้ไปตรงนั้นตรงนี้ หัวเราะ ไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ฮะๆ ตรงนั้นๆ เอ...หรือจะเป็นตรงนี้น้า”
เฟื่องฟ้าหน้าเครียด สักพักลูกศิษย์วัดวิ่งมาหาเฟื่องฟ้า ถามอย่างไม่พอใจ
“พวกข้าขุดจนรอบแล้ว ไม่พบอะไรเลย เอ็งต้องการหาสิ่งใดแน่”
เฟื่องฟ้ามองไปในวิหาร คิดหนักว่าร่างของไต้ก๋งควรจะอยู่ตรงไหนกันแน่
อบเชยยังวิ่งไม่ทุกข์ร้อน กล่ำ กับแถน มองกลุ้มๆ
แต่แล้วอบเชยก็วิ่งเข้าไปในวิหารพระนอนแล้วหยุดมองนิ่งอยู่แบบนั้น
เฟื่องฟ้าเห็นอบเชยมีท่าทีแปลกๆ เลยเดินตามเข้าไป กล่ำแถนตามไปด้วยเฟื่องฟ้าเรียกอบเชย
“น้าอบเชย มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“นังนี่ มันจะแกล้งอะไรเราหรือเปล่า” แถนเซ็ง
อบเชยมองบริเวณมือพระนอนอยู่แบบนั้น ก่อนจะพูดออกมา
“ตรงนี้... ตรงนี้”
เฟื่องฟ้าชะงักไป มองพระพักตร์พระนอน เหลือแค่ตรงฐานเท่านั้นที่ยังไม่ได้ขุด
เฟื่องฟ้าตาเป็นประกายมีความหวังขึ้นมาอีกครา
เรือนใหญ่คืนพระจันทร์เต็มดวง คฑายืนเฝ้างามตาอยู่ที่หน้าห้อง จนเห็นบุหลันถือถาดกับข้าวเดินขึ้นมาบนเรือนใหญ่ก็แปลกใจ บุหลันยิ้มหวานทักทาย
“ข้านึกแล้วว่าเอ็งต้องอยู่ที่นี่”
บุหลันเดินเข้ามาหา คฑามองถาดกับข้าวที่บุหลันถือมา
“เอ็งตามหาข้าอยู่หรือ”
“ใช่ ข้ารู้จากบ่าวว่าเอ็งมาช่วยคุณก้องดูแลคุณนาย ข้าจึงเอาข้าวมาให้”
บุหลันยื่นถาดกับข้าวให้ คฑารับไปวาง รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
“ขอบใจเอ็งมาก”
“แล้วนี่คุณก้องไปไหนเสียล่ะ มีแต่เอ็งอยู่ที่นี่หรือ”
“คุณก้องมีธุระ ข้าจึงเฝ้าไปก่อน”
“เอ็งจะอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรือ ข้าวปลาก็ไม่กิน ข้ากลัวเอ็งจะเป็นลมเป็นแล้งไป”
“ข้าอยู่ได้ เอ็งไม่ต้องห่วง เอ็งกลับไปช่วยงานที่เรือนครัวเถิด”
“พูดจาตัดรอนเสียจริง ทำอย่างกับว่าข้าจะปองร้ายเอ็ง”
บุหลันทำเป็นน้อยใจ คฑารีบแก้ตัว
“ข้าแค่ไม่อยากรบกวน”
“เอาเถิด ข้าไม่รบกวนดีกว่า อย่าลืมกินข้าวเสียล่ะ”
คฑาพยักหน้า บุหลันเดินออกไป ปรายตามองคฑาอีกแว่บหนึ่ง
ทันใดนั้นก็มีเงาของคนเดินมาด้านหลัง ลอบเอาไม้ฟาดคฑาสลบไป เป็นก้อนนั่นเองมันเดินออกจากมุมมืด บุหลันพยักหน้าให้ก้อนแล้วรีบหลบลงจากเรือน
ก้อนเปิดประตูห้องให้งามตาทันที
พอลูกศิษย์วัดได้ฟังคำขอของเฟื่องฟ้าแล้ว ต่างก็พากันตกใจ
“ขุดใต้ฐานพระงั้นรึ”
ลูกศิษย์วัดทำหน้าลำบากใจหันไปมองคนอื่นๆ แล้วเด่นเป็นคนออกปากปฏิเสธเสียงแข็ง
“มันไม่มากไปหน่อยรึ พวกข้าช่วยกันขุดรอบๆ แล้วไม่เห็นพบอะไรเลย”
“ฉันรู้ว่ามันดูไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ไม่ใช่หรือจ๊ะ”
เด่นกับพวกลูกศิษย์วัดมองไปยังอบเชยที่เอาแต่เดินเหม่อไม่รู้เรื่องอะไร
“มันเป็นแค่คำพูดของนังบ้านี่เท่านั้น จะเชื่อได้อย่างไร”
“ช่วยพวกเราด้วยเถอะนะ พวกข้าขอแค่ครั้งนี้เท่านั้น” กล่ำขอร้อง
ลูกศิษย์วัดคนแรกทำท่าอึกอัก อีกคนเลยออกมาพูดบ้าง
“ไม่ได้ แค่พวกเอ็งขอให้ขุดรอบวิหารก็มากพอแล้ว”
“ข้าก็ด้วย ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีร่างคนใต้นั้นจริง ข้าจะไม่ให้ขุดเด็ดขาด”
นายเด่นบอกกับหลวงพ่อดำ “หลวงพ่อขอรับ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด อย่าให้พวกเราต้องทำสิ่งที่หลบหลู่องค์พระไปมากกว่านี้เลย”
เฟื่องฟ้าหน้าเจื่อนไป หันไปมองหลวงพ่อเชิงขอร้อง
หลวงพ่อดำยืนนิ่ง ครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะหันมาหาเฟื่องฟ้า
“พวกโยม...กลับกันไปก่อนเถิด”
“หลวงพ่อ” เฟื่องฟ้าใจเสีย
“หลวงพ่อไม่เชื่อเราว่าใต้นั้นมีร่างไต้ก๋งอยู่หรือขอรับ” แถนถาม
หลวงพ่อเดินมาหาเฟื่องฟ้า ลดเสียงพูดให้เบาลง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนเหนื่อยล้าเต็มที อีกอย่างโยมกำลังขอให้พวกเขาช่วยในสิ่งที่ยากจะอธิบายเสียด้วย”
“แต่หลวงพ่อ...พวกเราไม่มีเวลาอีกแล้วนะเจ้าคะ” กล่ำเว้าวอน
“อาตมาจะพูดกับลูกศิษย์ให้อีกครั้งหนึ่ง และจะไม่ให้ใครเข้าไปในวิหารจนกว่าโยมจะกลับมาอีกครั้ง ดีหรือไม่”
เฟื่องฟ้าคิดหนัก แต่สุดท้ายก็ยอม
คืนนั้นก้องภพเดินมาถึงด้านหน้าเรือนดอกเหมย มองหาเฟื่องฟ้า ตะโกนเรียกเบาๆ
“เฟื่องฟ้า อยู่หรือไม่ เฟื่องฟ้า”
ก้องภพเดินดูไปรอบๆ เห็นไม่มีใครอยู่ก็เริ่มเป็นกังวล กำลังจะเดินออกไปตามหาที่อื่น สักพักก็มีเสียงฝีเท้าคนดังขึ้นจากด้านหลัง ก้องภพตกใจหันไป
“คุณก้อง”
เฟื่องฟ้า กล่ำ แถนเดินเข้ามา ก้องภพโล่งใจที่เฟื่องฟ้าไม่เป็นอะไร
“เฟื่องฟ้า เธอไปไหนมา” เขาจับดูตามตัวเฟื่องฟ้า “เธอ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เฟื่องฟ้าแปลกใจ “ฉันไม่เป็นอะไร ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรที่นี่”
ก้องภพชะงักไป นึกได้ว่าเฟื่องฟ้าไม่รู้เรื่องที่เขาช่วยรำเพยไว้
“ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับมาก็ดีแล้ว ฉันกำลังตามหาอยู่พอดี”
กล่ำ แถนมองก้องภพแบบไม่ไว้ใจนัก
“คุณมาหาเฟื่องฟ้าทำไมเวลานี้”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับเฟื่องฟ้าสักหน่อยนะครับ”
“เรื่องอะไร ถ้าไม่จำเป็น คงไม่ต้องคุยกันเวลานี้กระมัง” แถนค้าน
ก้องภพนิ่งไปรู้ว่าแถนกล่ำไม่ไว้ใจ พยายามใจเย็นแล้วพูดต่อ
“ผมรู้ว่าพูดไปทุกคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมรู้ว่าเฟื่องฟ้ากำลังตามหาอะไรอยู่”
เฟื่องฟ้ายิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“คนที่เธอตามหาปลอดภัยแล้ว ที่ฉันมาที่นี่ เพราะอยากให้เธอไปพบกับเขา”
เฟื่องฟ้าตาวาวขึ้นมา ไม่คิดว่าก้องภพจะรู้เรื่อง
“ฉันจะเชื่อคนอย่างคุณได้งั้นหรือ”
“เธอไว้ใจฉันได้ ที่ฉันช่วยเพราะฉันอยากช่วยจริงๆ”
“เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่หลอกเรา” กล่ำจ้องหน้าเขา
ก้องภพบอกกับกล่ำว่า “ผมจะพาคนๆหนึ่งไปด้วย”
ก้องภพพูดอย่างมั่นใจ เฟื่องฟ้าไม่วายระแวง
ที่วิหารพระนอนวัดลำพระพาย เห็นลูกศิษย์วัดเฝ้าอยู่รอบๆ งามตามาถึงด้านหน้าวิหารพร้อมหมอผีอินและก้อน พอเห็นคนเฝ้าอยู่ก็เข้าไปถามอย่างแปลกใจ
“พวกเอ็งทำไมมาเฝ้าอยู่ที่นี่ มีอะไรกันรึ”
เด่น ลูกศิษย์วัดเห็นงามตามาก็แปลกใจ
“คุณนายงามตานี่เอง จะเข้าไปในวิหารหรือ”
“ใช่ ข้ารู้สึกไม่สบายใจจึงอยากไหว้พระ เหตุใดมีคนมากมายอยู่รอบวิหารเช่นนี้”
“ตอนนี้เราคงให้เข้าไปในนั้นไม่ได้”
“เข้าไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร” ก้อนโมโห
“หลวงพ่อยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป คุณนายกลับไปก่อนเถิด” เด่นบอก
งามตาฟังแล้วก็เริ่มหงุดหงิด
“แม้แต่ข้าที่เป็นคนสร้างวิหารแห่งนี้ก็ไม่ได้หรือ”
ลูกศิษย์วัดส่ายหัว งามตาฮึดฮัดหันไปมองหมอผีอิน
หมอผีอินมองตรงไปยังวิหารอย่างทำใจ บอกกับงามตาว่า
“กลับเถิด ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว”
งามตามองตามหมอผีอินเห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นบริเวณหลังวิหาร งามตาอึ้งไป
ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งก้องภพพารำเพยไปซ่อนตัว รำเพยนั่งรอยู่ในบ้าน เห็นประตูเปิดขึ้น เฟื่องฟ้าเข้ามาเห็นรำเพยก็โผเข้ากอดทันที
เฟื่องฟ้าแม่...
รำเพยอึ้งไป แต่พอได้กอดเฟื่องฟ้ากึงกับน้ำตาซึม
ก้องภพ นมขาม กล่ำ แถนเดินตามเข้ามา กล่ำแถนเห็นรำเพยปลอดภัยก็ดีใจ
เฟื่องฟ้าผละออกจากรำเพย รีบถามด้วยความเป็นห่วง
เฟื่องฟ้าแม่ปลอดภัยดีใช่ไหมจ๊ะ มีใครทำร้ายแม่หรือเปล่า ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม
“แม่เป็นไร ลูกต่างหาก ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ฟ้าไม่เป็นไรจ้ะแม่”
กล่ำน้ำตาซึม
“อิฉันดิใจเหลือเกินเจ้าค่ะที่คุณรำเพยปลอดภัย”
“กระผมด้วย คิดว่าไอ้พวกชั่วนั่นจะทำร้ายคุณรำเพยเสียแล้ว”
แถนพูดด้วยความโกรธ แต่พอเหลือบมองไปทางก้องภพก็นึกได้ เลยเงียบไป
“ฉันไม่เป็นไร ต้องขอบใจคุณก้องภพที่ช่วยฉันไว้” รำเพยบอก
“นมคิดว่าทุกคนอาจจะไม่เชื่อใจจึงมาด้วย เห็นคุณรำเพยปลอดภัย ทุกคนคงไว้ใจคุณก้องแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
เฟื่องฟ้ามองหน้าก้องภพแว่บเดียว รู้สึกดีแต่ยังไม่ไว้ใจพูดกับนมขามแต่จงใจประชดเขาเต็มๆ
“ทำดีครั้งเดียว ใช่ว่าจะเชื่อได้ทั้งหมดนะคะนม”
รำเพยเอ็ดลูก
“เฟื่องฟ้า ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ผมสาบานว่าทำทุกสิ่งด้วยความจริงใจ หากจะมีคนไม่เชื่อก็สุดแท้แต่ใจเขา”
เฟื่องฟ้าเบะปากหมั่นไส้ ทำเป็นไม่สนใจ ก้องภพแอบยิ้มขำ
ทางฝ่าย งามตา ก้อนและหมอผีอินหลบมาคุยกันมุมหนึ่งของวัดลำพระพาย งามตาร้อนใจเรื่องที่ไม่สามารถสะกดวิญญาณไต้ก๋งได้สำเร็จ พูดด้วยความไม่พอใจ
“เจ็บใจนัก นี่ข้าจะต้องรอไปถึงเพ็ญหน้าเลยรึ”
“ข้าเตือนเอ็งแล้วว่าให้รีบเข้า แต่สุดท้ายก็พลาดจนได้” จอมอาคมบ่น
“ไม่มีวิธีอื่นที่เราทำได้เลยรึพ่อหมอ”
“ไม่มีน่ะสิวะ ตอนนี้นังเด็กนั่นกับแม่มันก็หนีไปแล้ว ถ้ามันเจอร่างไต้ก๋งได้ก่อน พวกเราลำบากแน่”
งามตาฮึดฮัด ท่าทางหงุดหงิดมาก
“ตอนนี้ก้องภพก็เริ่มสงสัยแล้ว เราคงทำอะไม่สะดวกอีกต่อไป” ก้อนว่า
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกแน่ ต่อให้เป็นลูกก็ขวางข้าไม่ได้”
“แล้วเอ็งมีวิธีที่จะกันก้องภพออกไปอย่างนั้นรึ”
งามตาใช้ความคิด ดวงตาวาววาบเหมือนนึกได้
“ใช่ และคงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว”
ก้อนกับหมอผีอินมองงามตาด้วยสีหน้าสงสัย
รำเพยนั่งคุยกับเฟื่องฟ้า พอรู้เรื่องทั้งหมดที่งามตาทำก็แทบพูดไม่ออก
“ลูกจะบอกว่าสิ่งที่พ่อทำเป็นเพราะงามตาอย่างนั้นหรือ”
กล่ำพูดแทรกขึ้นว่า “ทีแรกพวกอิฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่ฟังจากสิ่งที่เฟื่องฟ้าเห็นมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมดเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้วิญญาณไต้ก๋งก็กำลังทุกข์ทรมานเพราะถูกนังลูกหมอผีนั่นกักขังไว้ พอพวกมันรู้ว่าเราคิดจะช่วยไต้ก๋ง งามตาจึงใช้คุณรำเพยมาต่อรอง” แถนประเมิน
รำเพยถอนหายใจยาว ไม่อยากจะเชื่อ
“เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะมนต์ที่ชื่อว่า เสน่ห์นางครวญ” เฟื่องฟ้าว่า
รำเพยทวนชื่อ “เสน่ห์นางครวญ”
เฟื่องฟ้าอธิบาย “ผู้ที่โดนมนต์นี้จะตกอยู่ในเสน่ห์ของผู้ทำพิธี สิ่งที่เกิดกับแม่ ไม่ได้เป็นความต้องการของพ่อเลย”
รำเพยใจหาย “แล้วเรื่องของสี่สาวเรือนดอกเหมยเล่า”
“มนต์นางครวญต้องใช้สังเวยชีวิตคนเพื่อทำพิธี สิ่งที่เกิดกับพวกเธอทุกคน ล้วนมาจากมนต์นี้ทั้งสิ้น”
กล่ำจับมือรำเพย ทุกคนหันไปมองก้องภพที่ยืนฟังอยู่
“แม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ อย่างไรฉันก็จะช่วยพ่อให้ได้”
“ลูกจะทำอย่างไรต่อ ในเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้งามตาต้องไม่ปล่อยเราไว้แน่”
“ต่อให้ตายฉันก็ไม่กลัวจ้ะ คุณนายงามตาจะต้องได้รับผลของสิ่งที่ตัวเองทำไว้”
“แล้วคุณก้องภพเล่า ถ้าเขารู้ เขาจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่รู้เรื่องในสิ่งที่งามตาทำลงไปสักนิดเลย”
เฟื่องฟ้านิ่งไปครู่หนึ่ง
“อยู่ที่ใจเขาแล้วจ้ะแม่ ว่าจะรับมือสิ่งนี้ได้มากแค่ไหน”
ก้องภพได้ยินทุกคำที่เฟื่องฟ้าคุยกับรำเพย
อ่านต่อตอนที่ 20