xs
xsm
sm
md
lg

ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 2

ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม

รองฯ เผด็จกับแรมเผชิญหน้ากันเผด็จอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกลูกน้องแรมแต่เผด็จสีหน้าไม่กลัว

แรมจ้องหน้าเผด็จอย่างนึกสนุก
“อ้าว... ขอโทษๆนี่ตกลงนายเป็นตำรวจเหรอครับเนี่ย!”
“คนของผมอยู่ไหน?”เผด็จถามเสียงจริงจัง
“หมายถึงสองคนที่พกปืนเข้ามาในร้านเราใช่มั้ยครับ?เอ้าๆไปเชิญตัวพี่เค้ามาเร็วๆ”
เเรมส่งสัญญาณให้ลูกน้องพาตัวเรย์กับทองดีออกมา
ลูกน้องพาตัวทองดีกับเรย์ออกมา
รองฯ เผด็จมองหน้าเรย์กับทองดีประมาณว่าโอเคมั้ยแรมยื่นปืนคืนให้ทั้งสองคน
“ก็ไม่เห็นแสดงบัตรเราก็นึกว่าผู้ร้ายอ่ะครับแล้วคุณตำรวจมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?”
“ผมก็ได้ข่าวว่าที่นี่อาจมีบางคนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด”
แรมหยิบเหล้าที่เรย์กินค้างอยู่บนโต๊ะมาดื่มต่อ
“ขยันนะครับแค่ได้ข่าวก็มาเลยแต่เรื่องยาเสพติดทางร้านก็เข้มงวดอยู่แล้วนะครับ”
แรมชี้ไปที่ป้ายใหญ่พิเศษ เรื่องห้ามเรื่องยาเสพติดในสถานบันเทิง
“เเต่ถ้าเกิดเราเป็นเจ้าของอาบอบนวดใหญ่ๆเเบบ Heart attackอะไรพวกนี้คงจะดูเเลลำบาก”
รองฯ เผด็จสีหน้าสงสัยในสิ่งที่แรมพูด

ในห้องประชุมของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
บนบอร์ด... มีรูปผู้ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลักลอบขนยาที่ชายแดนติดอยู่ทั้งหมด
มุมขวา...มีรูปของเอ็ดดี้เหยาลักษณะภาพ เป็นแบบแอบถ่ายจากบริเวณลานจอดรถ
รองฯ เผด็จ บอก “การสั่งยาลอตนี้จากแก๊งค์สมิงดำลำเลียงเข้ามาผ่านทางชายแดนแม่สอด”
บนภาพ ... มีเส้นโยงระหว่างรูปเอ็ดดี้เหยามาหารูปของเสือ ซึ่งเป็นภาพศพในที่เกิดเหตุ
“เราจัดการหัวหน้าชุดคุ้มกันได้แต่ของลอตนั้นหลุดคาดว่าตอนนี้ก็คงไหลเข้ากรุงเทพฯมาแล้ว”
มีสายโยงระหว่างภาพเสือไปที่มุมซ้ายของบอร์ดมีรูปของอาต๊ะและคนผมทอง !
ภาพนี้ถ่ายได้จากกล้องวงจรปิดของตำรวจบนทางด่วน
“เเต่หนึ่งในพวกขนยา" เผด็จชี้ไปที่อาต๊ะ"มีคนที่เเอบเอายาบางส่วนออกไปเพื่อไปขึ้นรถของชายคนนี้" เผด็จชี้ไปที่คนผมทอง "คาดว่าน่าจะมีการหักหลังกันเองภายในกลุ่มลักลอบขนยา”
รูปของไซเรนกับอาต๊ะไม่ชัด เพราะได้มาจากวงจรปิด
มีเส้นโยงระหว่างภาพอาต๊ะไปที่มุมซ้ายด้านบนของบอร์ดเป็นรูปของแรมซึ่งภาพแอบถ่ายใน Last Day Pub และมีเส้นโยงระหว่างอาต๊ะไปที่รูปภาพของตี๋ใหญ่ที่มุมซ้ายด้านล่างสุดของบอร์ดด้วย
ซึ่งเป็นภาพแอบถ่ายตอนเฝ้าหลินในโรงพยาบาล เป็นรูปขนาดเล็กๆ
เผด็จหันไปมองรูปตี๋ใหญ่แล้วพูด
“และนี่ก็คือนายธาวินคนที่อ้างตัวว่าได้ให้การช่วยเหลือพวกขนยาที่ภรรยาโดนยิงได้รับบาดเจ็บแต่เราก็ยังไม่ฟันธง 100 %ว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกขนยาเลย”
เรย์พูดเสริม
“เราแกะรอยซิมมือถือของผู้ต้องหาที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุคาดว่าเป็นหนึ่งในลูกหาบของสมิงดำพบว่าต้นสายมาโทร. มาจากบริเวณบาร์ last day แล้วแรมก็จงใจน่าจะซัดทอดต่อไปที่ heartattack ที่คุมกิจการโดยเอ็ดดี้เหยามาเฟียชาวใต้หวันซึ่งก็อาจเป็นข่าวลวง”
“ยังไงก็ตามผมต้องการให้ทุกคนเตรียมการเข้าจับกุมให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้ทีมอีกชุดของเราพบรถต้องสงสัยที่นำของล็อตนี้เดินทางผ่านกำแพงเพชรมาแล้ว”เผด็จว่า
ทองดีบอก “คราวนี้ล่ะมึ๊ง! แมงสาปตายยกรังยันตัวพ่อ”
“หัวหน้าคะเอ็ดดี้จะกล้ารับของมาพักไว้ที่มันเหรอคะ ?ในเมื่อมันรู้ว่าเราต้องตามล่ายาลอตนี้เเน่”เรย์ว่า
“ก็ยังไม่แน่ว่ามันจะเอายังไงหลังเกิดเรื่องที่ชายแดนเราถึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด...เรย์ช่วยอธิบายผังทางเข้าออกของ heart attack”
“มีทางเข้าสามทางที่ติดซอย…….”
เสียงโทรศัพท์เผด็จดังขึ้นเผด็จหยิบโทรศัพท์มาดูเห็นข้อความจากบัญชา
‘มีเวลาว่างมั้ยผมอยากคุยด้วย’

รองฯ เผด็จนั่งอยู่ตรงข้ามบัญชาในร้านกาแฟของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สารวัตรบัญชาบอก
“ผมได้ข่าวที่ชายแดนแล้วพี่กำลังจะบุกจับพวกไอ้แรมกับเอ็ดดี้เหยาใช่มั้ย”
“ใช่!! ผมมองว่าโอกาสนี้เหมาะที่สุด”เผด็จบอก
บัญชาสีหน้าลำบากใจเผด็จจับสังเกตได้
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“ผมจะขอพี่ว่า...อย่าเพิ่งตามเรื่องนี้ได้ไหม”
“หมายความว่าไง?!”
“ผมทำคดีนี้อยู่...ใกล้ได้หลักฐานครบแล้วและผมกลัวถ้าพี่เข้าไปพวกมันจะรู้ตัวสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย”
เผด็จบอก
“ผมเห็นคุณทำงานนี้มานานก็ไม่ค่อยอะไรคืบหน้านอกจากนั่งฟังข่าวเก็บข้อมูลอยู่ในห้องทำงาน”
“แต่ตอนนี้ผมกำลังใกล้ที่จะได้อะไรบางอย่างที่สำคัญแล้ว”
น้ำผึ้งนั่งอยู่ไม่ไกลจากนั้น
“บางอย่างน่ะคืออะไร? แล้วคุณใช้วิธีไหน?”
“ผมยังบอกไม่ได้ครับ”
“งั้น..คุณก็จัดการตามวิธีของคุณไปผมก็ทำตามแบบผมใครจะจับได้ก่อนก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นแหละ”
สารวัตรบัญชาหันไปสบตาน้ำผึ้งนั่งอยู่ถัดไปไม่ไกลนักน้ำผึ้งเหมือนลุ้นให้บัญชาบอกความจริงกับเผด็จไป
บัญชาส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธแล้วหันกลับมาหาเผด็จ
“ผมรู้จักแรมรู้จักคนพวกนี้ดีผมตามมันมาสามปีไม่มีตำรวจคนไหนรู้จักมันดีเท่าผมพวกมันน่ากลัวกว่าที่พี่คิดมันไม่อยู่นิ่งๆให้พี่เข้าไปจับง่ายๆหรอกพี่คิดว่าที่ไม่มีใครทำอะไรมันได้จนถึงทุกวันนี้เพราะอะไร..?”
รองฯ เผด็จบอก
“ผมทราบดีว่าคนพวกนี้มีแบ็คดีทั้งนั้นแหละแต่ถ้าตำรวจยังกลัวโจรจะอยู่ยังไง?”
เผด็จพูดจบก็ลุกออกไปน้ำผึ้งก็รีบเดินเข้ามาที่โต๊ะถาม
“ทำไมไม่บอกพี่เผด็จไปเลยไปเค้าจะได้ยอมถอย”
“พูดไม่ได้หน่วยของพี่เผด็จน่าจะมีหนอนอยู่ไม่งั้นข่าวการบุกจับที่ชายแดนมันคงไม่รั่วหรอกถ้าเราบอกไปแล้วข่าวรั่วทุกอย่างที่ไซเรนทำมามันจะพังหมดแล้วไซเรนก็จะมีอันตรายด้วย”
น้ำผึ้งสีหน้าอึดอัดใจแต่ก็เห็นด้วยกับบัญชาพูดให้บัญชาหายเครียด
“อืมก็แล้วแต่สารวัตรใหญ่ค่ะ”
น้ำผึ้งพูดจบก็หยิบกาแฟถ้วยของบัญชาไปดูดต่อ
“เอ้า.. แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”
“ถือเป็นค่าปรับของการทำงานล่วงเวลาแล้วกันคะ”
สารวัตรบัญชายิ้มๆ

สัวเดินเข้าไปในบริเวณคุกหยิบมือถือออกจากที่ซ่อน
ข้อความรับมีแจ้งยอดเงินเข้าในมือถือทางเมจเสจ
จำนวนเงินที่เข้าในบัญชี “11,070,043 obank 10.23 am”
สัวสีหน้าเหี้ยมๆกดไปที่รายชื่อหาเบอร์แรมแล้วโทร.ออก

ภายใน Last day Pub ตอนกลางวัน
ไผ่หวานกำลังจะดูดไอซ์จากบ้องแต่แรมเข้ามาคว้าบ้องมาจากมือไผ่หวาน
แรมเอาปืนลูกซองแบบ Saw-off ลำกล้องสั้นขึ้นมาแล้วเทไอซ์ลงไปในปากกระบอกปืน
ไผ่หวานคว้าปืนลูกซองนั้นมาอมปากกระบอกเพื่อสูดยาไอซ์ ...
แรมเลื่อนปืนลูกซองมาที่เป้าของตัวเองไผ่หวานก็ตามไปด้วยเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะทุกคน
แรมหยิบมือถืออกมาดูและเห็นเมมชื่อว่า "ปลิง"
“หวัดดีครับพี่สัว”
เสียงสัวมาตามสาย
“ทำไมตัวเลขมันน้อยกว่าเดือนที่แล้ว”
“ช่วงนี้ปล่อยได้น้อยไอ้พวก 21 กับเอ็ดดี้มันปล่อยของถูกกว่าเราเยอะเลยเราจะปล่อยถูกเท่ามันก็ไม่ได้เพราะของเราน้อยมันก็ต้องแค่นั้นพี่”
แรมอยู่ในLast Day Pub พูดกับสัวที่อยู่ในคุก
“แค่ไหนไม่ใช่มึงเป็นคนกำหนดกูคนเดียวที่กำหนดถ้ากูบอกว่าเท่าไหร่มึงก็ต้องหามาให้กูให้ได้นั่นคือกฏของกูไม่งั้นกูจะให้มึงทำงานทำไม?”
“อยากให้พี่เข้าใจมันไม่ใช่ปัญหาที่เรามันเป็นปัญหาที่ไอ้สองแก๊งนั่น”
“หน้าที่ของมึงคือแก้ปัญหาให้กู”สัวบอก
“โอเค.. แต่เราก็เคยเคลียร์กะเอ็ดดี้ให้แล้ว”
สัวตะคอก
“ตั้งเเต่เมื่อไหร่ทำไมมึงไม่บอกกู!...”
เเรมเอาโทรศัพท์ออกจากหูได้ยินเสียงด่าเเว่ดๆจากสัวเเล้วค่อยเอาโทรศัพท์เเนบหูอีกครั้ง
“บอกมันด้วยว่ากูฝากบอกว่าอย่าล้ำเส้นแล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
สัวพูดจบตัดสายไปแรมสีหน้าเซ็งสุดๆ ก่อนหันไปเห็นลูกน้องทุกคนรวมถึงไซเรนซึ่งมองหน้าเขาอยู่
“พวกนายอย่าได้ติดคุกเชียวนะคุกแม่งเหมือนกะลามึงจะยังคิดว่ามึงยังตัวใหญ่อยู่ตลอดทั้งที่ทุกอย่างแม่งเปลี่ยนไป”

ในห้อง exclusive ของสถานอาบอบนวดheart attack
รอยสักหัวใจไขว้บนแผ่นหลังของเอ็ดดี้เหยา เขาเดินขึ้นจากอ่างจากุซซี่มีคนเอาเสื้อคลุมมาให้
เอ็ดดี้เดินไปหาปารเมศที่นั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่อยู่ตรงม้านั่งมีลูกน้องปารเมศยืนอยู่ข้างๆคนหนึ่ง
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมากระซิบข้างหูเอ็ดดี้ระหว่างที่เดินไป
“แรมมารอพบครับ”
เอ็ดดี้เหยาไม่สนใจ ...แล้วเดินไปนั่งลงตรงข้ามปารเมศขณะเดียวกันก็มีคนเอาไวน์มาส่ง
เอ็ดดี้เหยารับขวดไวน์มาจากเด็กเสิร์ฟแล้วทำท่าเหมือนจะริน
แต่พลันนั้นเองก็เงื้อขึ้นฟาดลูกน้องปรเมศ
เศษไวน์แตกกระจายบนพื้นลูกน้องของปารเมศล้มลง
เอ็ดดี้เหยาเอาขวดที่เเตกเป็นปากฉลามมาจ่อหน้าปารเมศสีหน้าเหมือนพร้อมจะกินเลือด
สีหน้าปารเมศไม่ได้มีอาการตกใจแม้แต่น้อยยังคงหน้านิ่งและยิ้มอ่อนๆ
“แสดงว่า… ที่เรียกผมมาถึงนี่คงไม่ได้มาแค่มาคุยธุรกิจเฉยๆใช่มั้ยครับ?”ปารเมศว่า
“มึงสั่งคนขโมยยากูเพื่อให้กูมีเรื่องกับไอ้แรมใช่มั้ย”
ปารเมศยิ้มๆดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาปัดเศษแก้วออกจากสูทแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ปารเมศพูดพร้อมกับกดเบอร์
“เท่าที่ผมทราบเจ้านายผมไม่เคยสั่งให้ผมทำอะไรเเบบนั้น”
“ถ้ากูกับแก๊งค์แรมฆ่ากันพวกมึงก็จะได้ผลประโยชน์" เอ๊ดดี้เหยาว่า
เอ็ดดี้ เหยาเห็นปารเมศยังนิ่งๆอยู่ก็ยิ่งเดือดตะโกนเสียงดังขึ้น
“กูจะยึดถิ่นมึงมาวัดกันเลยกูกับสโมสรของมึงกูไม่สนใจข้อตกลงอะไรอีกแล้ว”
ปารเมศบอก “โอเคงั้น… ช่วยฟังนี่หน่อย”
ปารเมศส่งโทรศัพท์ให้เอ็ดดี้เหยา
เอ็ดดี้ เหยารับโทรศัพท์มาฟังได้ยินเสียง hello จากผู้หญิงคนหนึ่ง
เอ็ดดี้จ้องปารเมศอึ้งไปสักพักก็มีอาการคลุ้มคลั่งปอีกมือถือโทรศัพท์ปอีกมือก็กวาดโต๊ะกระเด็นไป
เอ็ดดี้ เหยาโมโห
“what the fuck มึงไปยุ่งกะ mom กูทำไมกูจะฆ่ามึง”
เสียงแม่ของเอ็ดดี้ยังคงดังแว่วๆมาจากโทรศัพท์
“Eddy! listen to me…”
เอ็ดดี้ เหยาฟังเสียงแม่จากโทรศัพท์ดวงตาเอ็ดดี้เริ่มส่ายไปมาอย่างสับสน
ปารเมศบอก “เจ้านายผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวคุณที่ไต้หวันที่ต้องหิ้วเงินเข้ามาฟอกที่ไทยทุกปีถ้าเราทำธุรกิจร่วมกันไม่ได้แบบนี้ต่อไป... ครอบครัวคุณคงลำบากถ้าต้องหาที่ใหม่เเละถ้าคุณยกเลิกการทำธุรกิจกับเราตอนนี้ทางสโมสรของเราจะไม่มีการคืนเงินให้ครอบครัวคุณจะเสียเงินหลายร้อยล้านนะครับผมเเนะนำให้คุณทำธุรกิจกับเราต่อไปจะดีที่สุดครับ”

เอ็ดดี้ เหยาจ้องหน้าปารเมศถมึงทึงปารเมศยิ้มเย็นๆ

บริเวณห้องโถงของอาบอบนวด heart attack

แรมนั่งรออยู่ตรงโซฟาท่าทางหงุดหงิดหันไปดูนาฬิกา
ไซเรนยืนอยู่กับมุ้ยห่างจากแรมสองก้าวคอยระวังภัยให้แรม
ลูกน้องของเอ็ดดี้ เหยาเดินเข้ามาในห้องโถง
“คุณเอ็ดดี้ติดธุระอยู่ครับ”ลูกน้องบอก
แรมสีหน้ายิ้มๆเหมือนจะเดินกลับแต่กลับเดินลุยเข้าไป
“ไปบอกเอ็ดดี้ว่าเรารอ!!”
“ครับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปบอกเอง!!”
“เดี๋ยวๆเดี๋ยวครับเข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
แรมเดินพรวดเข้าไปในบริเวณชั้นในของ heart attack ตรงไปยังห้อง exclusive
ลูกน้องของเอ็ดดี้ตื่นตกใจจะวิ่งมาจับบ่าแรมแต่โดนมุ้ยจับหักแขนลงไปกองกับพื้น
แรมเดินไปเรื่อยๆโดยมีไซเรนตามไปติดๆ

เศษแก้วคมๆใกล้ดวงตาปารเมศมากแต่ปารเมศไม่กระพริบตาแม้สักนิด
แรมที่โผล่พรวดเข้าไปในห้อง exclusive
เอ็ดดี้กับปารเมศยังคงจ้องกันอย่างเหี้ยมๆเเละเอาปากฉลามจ่อหน้าปารเมศอยู่
เสียงลูกน้องบอก “ตอนนี้พี่เอ็ดดี้ไม่สะดวก!”
“แต่เราสะดวก!”แรมบอก
ลูกน้องเอ็ดดี้วิ่งมากันแรมออกไปแรมไม่สนใจผลักลูกน้องเอ็ดดี้ออก
ลูกน้องเอ็ดดี้คนสุดท้ายควักปืนมาจี้หัวแรมแรมเอาหัวดันปืนจนลูกน้องถอยกรูดมองยิ้มๆ
“รออะไรยิงดิ!! ยิงดิ!!”แรมท้าทาย
ก่อนจะชิงปืนจากลูกน้องจับมือทาบกับกำแพง
“ทำไมไม่ยิงอ่ะง่ายแค่นี้เอง”
ปัง!!! แรมลั่นกระสุนเลือดสาดกำแพงลูกน้องร้องโหยหวน
เอ็ดดี้ เหยาเข้ามาเตะลูกน้องที่กุมมือร้องเสียงหลงตะโกนเป็นภาษาจีนคำอังกฤษคำเอามืออุดหูพยายามที่จะฟังโทรศัพท์
เอ็ดดี้มองแรมและไล่ลูกน้องที่เจ็บมือออกไป
“เงียบ! มึงออกไป!!”
สีหน้าแรมเหมือนสนุกดึงเก้าอี้มานั่งระหว่างทั้งสองคน
“เล่นไรกันเนี่ยเราขอเล่นด้วยได้ป่าว”
เอ็ดดี้ เหยายังคงถือโทรศัพท์ไว้ที่มือหนึ่งอีกมือหนึ่งเอ็ดดี้กำขวดปากฉลามแน่นจนเส้นเอ็นปูด
เดินกลับมาจ่อที่ปารเมศสักพักมือข้างที่ถือขวดปากฉลามก็ค่อยๆราบลง
“ok...mom”
เอ็ดดี้ เหยาวางโทรศัพท์พร้อมกับทิ้งขวดปากฉลามลงพื้นอย่างจำใจ
“ตกลงว่า…?”
เอ็ดดี้กัดฟัน
“สัญญาของเรายังอยู่”
แรมสีหน้าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามหวัง
ปารเมศยื่นมือไปขอเช็คแฮนด์กับเอ็ดดี้เอ็ดดี้ เหยาเบือนหน้าหนีและไม่ยอมเช็คแฮนด์
เอ็ดดี้ยังคงโกรธปารเมศอยู่แต่ต้องยอมปเพราะปารเมศถือไพ่เหนือกว่า ติดต่อญาติเขาที่ไต้หวันแล้ว
“ดี !! งั้นผมจะกลับไปแจ้งเจ้านายผมว่าคุณเอ็ดดี้ยินดีที่จะทำธุรกิจกับเราต่อขอบคุณนะครับ”ปารเมศบอก
ปารเมศหันหลังจะกลับแต่แรมเดินมาขวางไว้
“เดี๋ยวสิ!เราก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณปารเมศเหมือนกัน”
“งั้นรบกวนติดต่อผมอีกทีได้มั้ยครับวันนี้ผมมีธุระต่อ”
“แต่เราว่างเราจะคุยเราสงสัยลูกน้องเราที่ชื่อไอ้เหี้ยปื๊ดมันตายละแต่เรายังไม่เคลียร์เลยว่ามันได้เงินจากใครมันถึงได้ขโมยยาของเอ็ดดี้มาให้แก๊งเราดูเหมือนมันจะอยากให้แก๊งเรากับเอ๊ดดี้ทะเลาะกันคุณปารเมศคิดว่าไงว่ามันแหม่งๆปะ”
ปารเมศยิ้มๆไม่สะทกสะท้าน
“ผมว่า… การที่คุณเรียกเอ็ดดี้ไปที่บาร์แล้วให้ดูโชว์เลือดสาดต่างหากที่แปลกๆเหมือนเป็นการจัดฉากเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง”
ปารเมศพูดจบแรมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ตลกดีว่ะ!! เราจะจัดฉากฆ่าลูกน้องตัวเองทำไม!?”
“เพื่อความสนุกคุณเป็นพวกชอบเล่นเกมส์คุณอาจมีแผนเพื่อให้เราสองแก๊งฆ่ากันโดยที่คุณไม่ต้องลงมือ"
เอ็ดดี้ เหยา มองแรมกับปารเมศสลับกันเหมือนไม่รู้จะเชื่อใคร !?
แรมหัวเราะดังอย่างบ้าคลั่งอีกแล้วปรบมือให้ปารเมศ
“สุดยอดๆ! สมแล้วที่ได้เป็นถึงโฆษกประจำแก๊ง 21”
ปารเมศยังคงหน้านิ่งไร้ความรู้สึก
ปารเมศมองแรมกับเอ็ดดี้
“เชิญคุณสองคนคุยกันต่อผมขอตัว”
ปารเมศเดินออกไปพร้อมลูกน้อง
แรมยังคงระเบิดเสียงหัวเราะตามหลังปารเมศไปอย่างสะใจขณะที่แรมหันมาคุยกับเอ็ดดี้อีก
“แม่งเก่งว่ะโยนมาที่เราหน้าตาเฉย”
เอ็ดดี้พูดกับเเรม
“มึงมีธุระอะไรกูบอกเเล้วไงว่ากูไม่คุยกับมึง”
แรมเดินไปหาเอ็ดดี้พร้อมยื่นหน้าไปจ้องในระยะประชิดจนเอ็ดดี้ผงะ
“หยาบคายกับเราจังพี่สัวฝากบอกว่าอย่าล้ำเส้นให้มันมากนัก”
เอ็ดดี้ผลักแรมออกไป
“หึ!คนอย่างมึงก็แค่เบ๊!”
แรมจ้องเอ็ดดี้นิ่งๆสักพัก... ก่อนจะยิ้มแรมเดินออกไปอย่างว่าง่าย
แรมแกล้งเฉี่ยวเครื่องลายครามของเอ็ดดี้ตกแตกทิ้งท้ายก่อนไปแรมหันมาทำท่าขอโทษกวนตีน
เอ็ดดี้ เหยาเดือดๆ

ตี๋ใหญ่คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล
เสียงพาสเวิร์ดถาม “พี่ตี๋พี่หลินเป็นไงบ้างอะ”
“ปลอดภัยดีจะกลับเร็วๆนี้”
พาสเวิร์ดเสียงดีใจ “ฟื้นแล้วใช่ไหม ?”
ตี๋ใหญ่หันไปมองหลินที่นอนนิ่งอยู่น้ำตาคลอๆ
“อื้อ...เเต่ตอนนี้หลับอยู่ไว้โทร. มาใหม่พรุ่งนี้นะ”
ตี๋ใหญ่ลูบผมมองหลินสีหน้าเศร้าๆ
..........
หมอบอกเขาว่า
“สมองคนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนค่อนข้างมากผ่าตัดเสร็จแล้วคนไข้อาจจะไม่เหมือนเดิมเราต้องคอยเช็คกันตามอาการเป็นระยะนะครับ”
ตี๋ใหญ่กุมมือหลินไว้แน่นๆ

เเรมกลับมาถึงที่Last Day Pub สีหน้าดูหงุดหงิดสีหน้าเหี้ยมเกรียมเหมือนอยากจะเล่นงานใครสักคน
แรมเดินไปนั่งตรงมุมอับของบาร์ตรงส่วนที่มืดที่สุด
สายตาของแรม เห็นอาต๊ะดูงุ่มง่ามทำส้อมตก
แรมเอาปืนลูกโม่ออกมายัดกระสุนแล้วยกปืนขึ้นมาควงเล่นก่อนจะเล็งไปที่อาต๊ะ
ไซเรนเดินมาหาแรม
“พี่แรม!”
แรมไม่ตอบไซเรนมองที่ปืนในมือแบบเครียดๆ
ไซเรนบอก “อ้นโทร.มาบอกให้เอาของไปส่งให้ 10 จีแต่ต่อเหลือสองห้าพี่ปล่อยไหม?”
แรมไม่ตอบ...ทำท่าเหมือนจะเหนี่ยวไกใส่อาต๊ะไซเรนสีหน้าเครียด
“มึงรู้ปะว่าวันก่อนไอ้ตำรวจมามันมาเพราะอะไร?”
“ไม่รู้สิพี่..”
นิ้วของแรมเหมือนจะเหนี่ยวไกไซเรนตกใจ
แล้วอยู่ๆแรมก็โยนปืนส่งให้ไซเรนไซเรนตกใจแต่ก็รับได้ทัน
“เพราะมันตามไอ้นี่ไงมา…….จัดการให้หน่อย”
ไซเรนจ้องแรมนิ่ง
ไซเรนถือปืนนิ่งเหงื่อเริ่มซึมที่ขมับ
“รออะไร!!”
ไซเรนตัดสินใจลดปืนลงแล้วหันไปหาแรม
แสงไฟในผับ ทำให้ใบหน้าของแรมมีเงามืดมาทับในขณะนั้น
“ผมก็อยากฆ่ามันพี่แต่ผมอยากเก็บมันไว้ใช้ประโยชน์ก่อนเอาไว้ทำงานเสี่ยงๆให้มันตายแทนผมไงพี่”
ใบหน้าของแรมยังคงซ่อนอยู่ในเงามืดเสียงหัวเราะแปลกๆของแรมดังออกมา
“นายนี่ฉลาดดีเพราะงี้เราถึงชอบ”
ไซเรนยิ้ม...แล้วหันไปมองอาต๊ะ
อาต๊ะที่กำลังเช็ดแก้วอยู่...ยิ้มตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

คืนนั้น ... ไซเรนขับรถพาอาต๊ะไปถึงบ้านพักหลังหนึ่ง
ไซเรนเอาถุงยาให้อาต๊ะอาต๊ะเดินลงไปส่งของ พอกลับขึ้นมาก็ขับรถออก
“พี่ๆเดี๋ยวแวะตู้กดเงินให้หน่อยผมจะโอนเงินให้แม่”
บนรถไซเรนเอาเงินปึกนึงให้ต๊ะ
ไซเรนเหมือนสั่ง “มึงลงไป”
ต๊ะงงๆแต่ก็ว่าง่ายลงจากรถไป
“กลับบ้านไปเงินมึงก็มีพอจะตั้งต้นทำอะไรได้อยู่”
อาต๊ะตกใจ คิดไม่ถึง
“พี่ทำงี้ทำไมอะ”
“ทำไมมึงไม่เอาเงินแล้วกลับบ้านไป”
“เงินแค่นี้ผมกลับบ้านไม่ได้หรอกพี่ยังไม่รวยเลยพี่”
“เอ้า! …..แค่นี้พอให้มึงเลิกมั้ย!?” ไซเรนปาเงินออกมาจากรถ
“แล้วทีพี่อ่ะทำไม่ไม่เลิกพี่ก็อยากได้เงินเหมือนกันแหละ”
ไซเรนลงจากรถต่อยอาต๊ะล้มลงชักปืนมาจ่อ
“แล้วถ้ากูบอกว่าถ้ามึงอยู่ต่อวันนึงกูอาจต้องฆ่ามึงมึงจะยังอยู่ต่อมั้ย”
อาต๊ะกลัว
“ผม...ผมยอมเสี่ยงพี่ให้ผมมีเงินเลี้ยงแม่ผมทำได้หมดอ่ะ”
“เงินมันสำคัญกว่าชีวิตมึงใช่มั้ย?” ไซเรนยังจ่อปืนไปที่อาต๊ะ
“เอาเลยพี่ยิงผมเลยพี่ไม่เคยจนพี่จะรู้ได้ไงว่ามันลำบากแค่ไหน ผมอยากพาแม่ไปหาหมอก็ไม่มีตังค์ไม่มีบัตรเบิกอะไรไม่ได้เหมือนคนอื่นจะหาเงินซื้อรถเข็นให้แม่ยังไม่มีปัญญายิงเลย!! พี่ให้ผมตายที่นี่เลย!”
คำพูดของอาต๊ะทำให้ไซเรนใจอ่อน
“มึงเลือกเองนะ”
ไซเรนหันขึ้นรถไป

อาต๊ะเก็บเงินที่เกลื่อนอยู่บนถนน

มุมหนึ่งของ last Day

การ์ดอาบอบนวดของเอ็ดดี้ เหยามาส่งซองเอกสารให้แรม
แรมยิ้มแล้วส่งเงินตอบแทนการ์ดยกมือไหว้แล้วลุกออกไป
“เดี๋ยวก่อนเอ้า!ทิป!”
แรมโยนถุงยาให้อีกซองหนึ่งการ์ดรับแล้วยิ้ม

ภายในสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
เอกสารซองนั้นวางลงบนโต๊ะทำงานของรองฯ เผด็จมีรูปถ่ายล๊อตยาในสถานบริการอาบอบนวดheart attackของเอ็ดดี้ เหยา
ถัดไปเป็นภาพถ่ายของเอ็ดดี้ในอ่างจากุซซี่และผู้หญิงลักษณะเหมือนปาร์ตี้ยาเสพติดซึ่งในภาพ
มีปารเมศอยู่ในนั้นด้วย
รองฯ เผด็จยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ดที่มีการเขียนแผนการจับกุมยาล็อตใหญ่และเอ็ดดี้เหยา จ่าทองดี และเรย์ รวมทั้งตำรวจคนอื่นๆฟังแผนรองฯ เผด็จอย่างตั้งใจ
“ตอนนี้ทีมเราตามรถผู้ต้องสงสัยที่น่าจะนำของล็อตใหญ่ลงมาจากแม่สอดมาถึงนครสวรรค์และไม่นานก็คงมาถึง heart attack แน่”
กลางกระดานมีแผนที่ heart attack ที่เขียนโดยละเอียด

ต่อมา รองฯ เผด็จนั่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่กับจ่าทองดีที่หน้าอาบอบนวด heart attack
นาฬิกาบนรถบอกเวลา 13.00 ตรง
เผด็จมองหน้ากันกับทองดีทองดีหยิบวิทยุมาว.
รถคันหนึ่งแล่นผ่านไป ... รองฯ เผด็จพยักหน้าให้ทองดีที่พูดไปค่อยออกรถตามไป
“ว.4 พร้อมว.4 เข้าประจำที่เลย”ทองดีว่า

รถส่งของแล่นเข้ามาภายในลานจอดรถชั้นใต้ดินของ heart attack ผ่านหน้า
หวูดผู้จัดการอาบอบนวดมายืนรอรับโบกให้เข้าไปพร้อมลูกน้องคนอื่นๆ
รถงัดฝาประตูรถเปิดออกถุงยาจำนวนมากอัดแน่นอยู่ภายใน
พวกคนงานกรูเข้าไปขนยาออกมากองเต็มพื้นทุกคนเร่งใส่กระเป่าอีกใบ
สายโทรศัพท์หวูดเข้าหวูดรับสายสีหน้าตกใจ

รถกลุ่มเผด็จมาถึงและจอด รองฯ เผด็จและจ่าทองดีเปิดประตูลงจากรถ
ตำรวจจำนวนหนึ่งมาสมทบ....ทุกคนมีอาวุธครบมือเผด็จให้สัญญาณแยกกันเดิน
เผด็จแยกตัวออกมาพร้อมทีมอีก 2-3 คนแล้วลัดเลาะมองหารถคันที่เข้ามา
หวูดผู้จัดการ heart attack เห็นพวกทองดีเดินเข้ามาก็เข้าไปขวาง
“เดี๋ยว! คุณตำรวจมีไรกันครับ ?”หวูดว่า
“เราได้รับเบาะแสว่ามียาเสพติดอยู่ที่นี่”
เผด็จนำทองดีเดินกระแทกหวูดออกไปแล้วนำตำรวจทุกคนบุกเข้าค้นลานจอดรถ
“อ้าวๆขอดูหมายค้นก่อนสิ”
ทุกคนกรูลัดเลาะไปจนไปเจอต้นเหตุเห็นหลายๆคนก้มๆเงยๆอยู่แต่ไม่ชัดทุกคนเข้าล้อมจ่อปืน
สายตาเผด็จเห็นคนเหมือนกับซ่อมรถอยู่ไม่มีของแล้วเผด็จหน้าเครียดๆ
“อะไรครับอย่าๆ”ช่างซ่อมว่า
“ทำไร?”
“ซ่อมสายไฟครับ”
เผด็จลดปืนลงอย่างเซ็งๆ
“ทองดีคุณกับกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปข้างในก่อน”

รองฯ เผด็จ จ่าทองดีนำตำรวจเข้าไปทุกซอกทุกมุมของ heart attack บุกเข้าไปในห้องพัก
บุกเข้าไปในห้องคาราโอเกะบุกเข้าในห้องนวดบุกเข้าไปในห้องที่มีอ่างจากุซซี่
ในอ่างจากุซซี่
เอ็ดดี้ เหยากำลังนัวเนียกับผู้หญิง
ประตูเปิด… ผู้หญิงร้องกรี๊ดเมื่อตำรวจบุกขึ้นมา
เอ็ดดี้เห็นตำรวจ จึงลุกขึ้นมาคว้าผ้าขนหนูห่อตัวพร้อมกับสบถเป็นภาษาจีน
ขณะตำรวจกำลังวุ่นวายกับเอ็ดดี้ เหยาที่อ่าง
หวูดรีบแยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์

รองฯ เผด็จเดินเข้าไปใน heart attack
เจอทองดีซึ่งเพิ่งคุมตัวเอ็ดดี้ในสภาพกึ่งเปลือยออกมาจากอ่างจากุซซี่ตำรวจคนหนึ่งรีบเข้าไปรายงานเผด็จ
“ไม่เจออะไรเลยครับหัวหน้า”
เอ็ดดี้เหยาที่ถูกใส่กุญแจมือแล้วกระชากตัวเองหลุดจากตำรวจเดินมาจ้องหน้าเผด็จอย่าง
กับจะกินเลือดเอ็ดดี้กระชากใบอนุญาตต่างๆมาจากผู้จัดการที่ยืนอยู่ใกล้ๆยื่นใส่หน้าเผด็จ
“นี่ๆใบอนุญาตที่นี่เค้าให้ขายตัวกันได้อย่างถูกกฎหมายโว้ย”
เอ็ดดี้ปาใบอนุญาตใส่เผด็จ
“ตอนนี้คุณยังถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัยมียาเสพติดไว้ในครอบครอง”
เผด็จยังพูดไม่ทันจบเอ็ดดี้ถุยน้ำลายใส่หน้าเผด็จเผด็จไม่ได้แสดงอาการโกรธแค่ยกมือเช็ดหน้าแล้วทำมือบอกให้ลูกน้องเอาตัวเอ็ดดี้ไป
“มึงบ้าอย่างนี้แหละระวังจะพาลูกน้องมึงตายหมด!”
เผด็จชะงักครู่หนึ่งก่อนจะต่อยเอ็ดดี้อย่างแรง
เอ็ดดี้ล้มไปตามแรงต่อยก่อนจะหันมาจ้องเผด็จอย่างอาฆาต
ตำรวจคุมตัวเอ็ดดี้ที่ฉุนสุดขีดผ่านนักข่าวที่อยู่ด้านหลังทุกคนพากันลั่นแฟลชใส่หน้าเอ็ดดี้
เอ็ดดี้ยกมือปัดป้องไม่ได้เพราะโดนใส่กุญแจมืออยู่ดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างน่าสมเพช
“fuck! stop! fuck you all of you! " ก่อนหันไปหาลูกน้อง "พวกมึงมัวทำอะไรอยู่?”
เผด็จสีหน้าเครียดกลุ้มที่หาของกลางไม่เจอเขากวาดตาไปทั่วและมองหาในกลุ่มลูกน้องเอ็ดดี้
เผด็จพุ่งเข้าหาหวูดผู้จัดการ heart attack ที่กำลังหลบมุมคุยโทรศัพท์มือถือเผด็จตรงไปหาหวูดทันที
หวูดเห็นเผด็จเดินมารีบวางโทรศัพท์แล้วหันมาโวยวาย
“จะเอาไรกับผมอีกครับคุณตำรวจ”
“ไม่ได้จะเอาอะไรแค่ขอยืมมือถือ”
เผด็จกระชากมือถือมาแล้วกดไปยังเบอร์ที่โทร. ออกล่าสุด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพวกคนร้ายมองหน้ากัน
โทรศัพท์เสียงดังต่อเนื่อง
คนร้ายรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล!!”
เผด็จแกล้งถาม “อยู่ไหนกันแล้ว?”
สายโดนตัดทันที
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของคนร้ายอีกคนก็ดังแทรกคนร้าย2รีบรับโทรศัพท์
“ครับหัวหน้า”
ปารเมศถาม
“ทุกอย่างเคลียร์แล้วใช่ไหมของที่ฝากมา... ครบ”
“ครับ”
“หลังจากวางแล้วหักซิมทิ้ง"
คนร้าย2 ส่งซิกให้คนร้าย1 วางหูของเผด็จลง
คนร้าย 1 วางหูแล้วรีบแกะโทรศัพท์แล้วแยกมือถือเป็นชิ้นๆโยนทิ้งออกไป

เสียงในโทรศัพท์ “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ...” เผด็จวางโทรศัพท์แล้วสีหน้าเหมือนจะผิดหวัง
ทองดีและตำรวจยังคงมองสีหน้าเผด็จอย่างลุ้นๆ
เผด็จมีความหวังอยู่ว่าเรย์จะจับกุมปารเมศได้
เผด็จถาม “เรย์เป็นไงบ้าง?”
“ยังไม่ติดต่อมาเลยครับ”ทองดีบอก

เรย์กำลังนำทีมตำรวจมาที่ล๊อบบี้โรงแรม 21 เรย์เดินตรงไปที่ล๊อบบี้
“ออฟฟิศผู้จัดการอยู่ไหน?”
ปารเมศถาม “มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณตำรวจ?”
เรย์หันไปเจอปารเมศยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล

เอ็ดดี้เหยานั่งอยู่ในห้องสอบสวนตรงข้ามคือเผด็จกับทองดี
เอ็ดดี้เหยาตาขวางและมองไปทางอื่น
เผด็จมองหน้าทองดีทองดีเอารูปล๊อตยาและรูปเอ็ดดี้เหยาในปาร์ตี้ยาไอซ์วางบนโต๊ะ

ทางด้านเรย์วางรูปนั้นตรงหน้าปารเมศในห้องสอบสวนเช่นกัน
“ครับนั่นผมเอง”ปารเมศบอก
“คุณพอจะอธิบายได้ไหมว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในภาพ?”เรย์ถาม
ปารเมศยิ้มให้เรย์แล้วถอดนาฬิกาข้อมือวางบนโต๊ะ
“น่าเสียดายเรามีเวลาอยู่ด้วยกันแค่สิบนาทีเอง”
เรย์ถึงกับอึ้ง

ฝ่ายเอ็ดดี้เหยาบอกว่า
“กูไปขอเงินพ่อแม่มึงเหรออยู่ๆก็บุกเข้ามามายุ่งกับกูมึงนึกว่ามึงใหญ่เหรอที่เป็นตำรวจทำอะไรก็ได้กูบอกเลยมึงใหญ่ถึงแค่วันเกษียณเท่านั้นแหละจากนั้นมึงจะเป็นแค่หมา”
จ่าทองดีบอก "สาธุ.. อวยพรให้พี่อายุยืนถึงวันเกษียณเลยส่วนมึงเนี่ยจะอยู่ได้ถึงปีเปล่าเลวขนาดนี้ไม่ตายดีหรอกโหงวเฮ้งมึงมันบอก”
เผด็จหันไปปราม“ทองดี”
ทนายเอ็ดดี้เหยาเข้ามา
“ตามกฏหมายคุณไม่มีสิทธิ์กักตัวลูกความผมเกิน24 ชั่วโมง”
“ตามข้อกฏหมายถ้านายตำรวจระดับสูงพิจารณาแล้วว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคุณก็มีสิทธิ์โดนกักตัวเกิน36 ชั่วโมง”เผด็จบอก
ทนายเอ็ดดี้ยิ้มแล้วหยิบเอกสารการประกันตัวออกมาวาง
“งั้นผมขอยื่นให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ทั้งหมดนี่ “
เผด็จมองนิ่งๆ

ภายในห้องสอบสวนเวลากลางวัน
ใกล้เข็มนาฬิกากระดิกใกล้เลข10 เข้าไปทุกที
ร้อยตำรวจหญิง เรย์พูด
“การปล่อยตัวจะเร็วขึ้นถ้าคุณให้การที่เป็นประโยชน์”
“เสียเวลาครับคุณตำรวจคุณก็รู้อยู่ดีว่ารูปแค่นี้มันยืนยันอะไรไม่ได้ว่ากันตามภาษากฏหมายคือหลักฐานอ่อนแต่ถ้าคุณยังยืนจะเอาเรื่องโทษหนักสุดที่ผมจะได้ก็แค่… รอลงอาญาแต่ก็ได้นะครับ
ผมก็ชอบทำกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่แล้ว”ปารเมศว่า
เรย์ถึงกับไปต่อไม่ถูก
“คืออย่างนี้นะ” เรย์บอก
ปารเมศยกมือขึ้นห้ามเรย์จ้องที่นาฬิกา ไม่สนใจ
ปารเมศยิ้ม คว้านาฬิกามาใส่พร้อมโทรศัพท์ที่แทบจะดังขึ้น
เรย์รับโทรศัพท์ฟังสักพักแล้วนิ่งอึ้งไป
“ค่ะหัวหน้า”
เรย์วางโทรศัพท์ลงแล้วมองหน้าปารเมศที่กำลังลุกขึ้น

ปารเมศบอกกวนๆ “หมดเวลา !”

ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลากลางวัน

เอ็ดดี้เหยาถีบเก้าอี้ในสำนักงานฯ กระเด็นแล้วสบถคำหยาบตลอดทางขณะเดินออกไป
รองฯ เผด็จ จ่าทองดีเดินออกมาจากห้องสอบสวน สมทบกับเรย์ที่เพิ่งเดินออกมาเหมือนกัน
เผด็จสีหน้าหงุดหงิดเต็มทน
เอ็ดดี้บอก “กูบอกแล้ว ตำรวจไทยกระจอก”
เผด็จได้ยินพอดี ตะโกนบอก
“เอ็ดดี้ต้องขอโทษด้วยเรื่องนักข่าว ผมไม่ทราบว่าจริงๆว่าเขาจะตามไป แต่มองในแง่ดี
ถือว่าเป็นการโฆษณาร้านคุณละกัน”
ทองดีพูดเสริมเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษแหม่งๆ
“and hope to see you soon”
เอ็ดดี้หันกลับมาจ้องเผด็จอย่างเหี้ยมๆก่อนจะเดินออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมทนาย
“ยังไม่ทันได้ความก็ดันต้องปล่อยตัว” เรย์ว่า
“สังเกตมานานละ ไอ้พวกที่แบ็คดีๆ ส่วนใหญ่เหี้ยๆ ทั้งนั้น”ทองดีว่า
ปารเมศเดินออกมาจากห้องสอบสวนพอดี
ปารเมศสบตากับเผด็จ ปารเมศยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกับทนาย
จ่าทองดีมองตามหลังสองคนนั้นไป
เรย์สีหน้ากลุ้มใจขณะหันไปหาเผด็จ
“ทำไมเอ็ดดี้ถึงรู้ตัวก่อนว่าพวกเราจะไปจับมัน”
“จะไปรู้เหรอหนู ถ้าป๋ารู้หมดทุกเรื่องคงไปอยู่ FBI แล้ว” ทองดีว่า
“หัวหน้าคะเอาไงต่อ ?”
รองฯ เผด็จไม่มองหน้าเรย์แล้วก็เดินไปทางอื่น
เรย์มองตามเผด็จไปด้วยสีหน้ากังวล

วันใหม่ ในห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาลตำรวจ
นายแพทย์ เข้ามาดูแลหลิน พร้อมอ่านรายงานและดูผลเอ็กซ์เรย์ หลินนั่งบนเตียงโดยมีตี๋ใหญ่อยู่ใกล้ๆ
“สภาพโดยรวมดีนะครับแผลไม่ติดเชื้อ กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วหล่ะครับ”
สายตาหลินเป็นดวงไฟสว่างจ้า แต่มีหมอที่ดูเอ้าท์ๆอยู่ด้วย
หลินกระพริบตาถี่ สีหน้าสับสนขึ้นเรื่อยๆ ตี๋ใหญ่สังเกตอาการรีบจับตัวไว้
“หลินหลินเป็นไร” ตี๋ใหญ่ถาม
“สมองของคนไข้กระทบกระเทือนนะครับ อาจจะยังไม่ปกตินัก อาทิตย์หน้ามาดูอาการอีกครั้งนะครับ”
หลินบอก “แสบตา”
“หลิน” ตี๋ใหญ่เป็นห่วง
หลินมีอาการสับสนและหวาดกลัว ดวงตาส่ายไปมา
“ปวดตาจัง!”
หมอเอาไฟฉายส่องที่แก้วตาหลิน
“คนไข้มองไม่เห็นใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ”
หมอทำหน้าสงสัย
“แต่ทำไมเหมือนมีการตอบสนองกับแสง อาจเป็นผลกระทบจากการผ่าตัดใกล้จอประสาทตา”

ภายใน Last day Pub เวลากลางคืน
แรมนั่งอยู่มุมหนึ่ง เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
เอ็ดดี้ตรงเข้ามาถาม
“ได้ข่าวว่ามึงก็เป็นคนชอบมีเรื่อง”
เอ็ดดี้โยนรูปเผด็จที่แอบถ่ายลงบนโต๊ะ แรมชำเลืองตามอง
“ถ้ากูเกิดอยากมีเรื่องขึ้นมา กูพอจะนึกถึงมึงได้ใช่ไหม?”
แรมตอบคำถามเอ๊ดดี้ด้วยการยิ้มเหี้ยม ส่งมือให้เอ็ดดี้เช็คแฮนด์
ก่อนจะหยิบรูปเผด็จมาต่อกับเทียนจนไฟลุกแล้วเอามาต่อบุหรี่ก่อนทิ้งให้ไหม้จนหมด
รูปเผด็จไฟไหม้

วันใหม่ ภายในโรงพยาบาล ตี๋ใหญ่กำลังเก็บของและถุงยาลงกระเป๋า หลินยังสวมผ้าคาดตาอยู่และเดินไปเปิดม่านออก แสงสาดเข้ามา หลินรู้สึกถึงพลังของแสงที่มากกว่าปกติซึ่งไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนในชีวิต
เธอเอื้อมมือไปสัมผัสม่าน
ตี๋ใหญ่ยังง่วนอยู่กับการเก็บของอยู่ไม่ได้หันไปมองหลิน
หลินดึงผ้าคาดตาออก
รองฯ เผด็จเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี
“พร้อมแล้วใช่ไหมครับเดี๋ยวผมไปส่งขึ้นเครื่องครับ”
ตี๋ใหญ่หันกลับไปถาม
“ผมไม่ต้องมาให้การอะไรอีกใช่มั้ยครับ”
ด้านเรย์สังเกตเห็นหลินแปลกๆเลยเดินตรงไปหาหลิน
หลินยืนจ้องออกไปนอกหน้าต่างและมีอาการสั่นอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ตี๋ใหญ่เดินมาดึงผ้าคาดตาของหลินให้เข้าที่
“ไป...หลินกลับบ้านกัน” ตี๋ใหญ่บอก
หลินยังมีอาการช็อกๆและพูดอะไรไม่ออก

ภายในรถคันหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่ลานจอดรถในโรงพยาบาล
ไซเรนมองรถที่จอดห่างจากรถคันที่เขานั่งไปด้านหน้าประมาณ 6 คัน
ทุกคนเดินตรงไปที่รถของเผด็จที่จอดอยู่
ทองดีช่วยตี๋ใหญ่แบกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ เรย์พยุงหลิน
เมื่อทุกคนพร้อมแล้วเผด็จก็ขึ้นไปนั่งตรงคนขับ
ไซเรนดึงหมวกไหมพรมเพื่อปิดหน้า คนอื่นคลุมหน้าเช่นกัน สไลด์ปืน ไซเรนหมุนที่เก็บเสียง
ไซเรนพรวดนำออกไป
คนอื่นในรถร้อง “เฮ้ยเดี๋ยว….. ! ”

ตี๋ใหญ่กอดหลินไว้แน่นๆ เมื่อเห็นหลินมีอาการสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินเห็นแสงลอดผ่านผ้าปิดตาเข้ามา หลินยกมือขึ้นไปตามแสง
“หลินหลินเป็นไรรึเปล่า... ไหวมั้ย” ตี๋ใหญ่ถาม
ภายในรถ เผด็จนั่งข้างทองดีที่เป็นคนขับ ส่วนเรย์อยู่เบาะหลังกับตี๋ใหญ่และหลิน
เผด็จในกระจกมองหลัง แววตาเป็นห่วงตี๋ใหญ่ต่อ และต่อด้วยการมองกระจกข้าง
เผด็จในกระจกมองข้างเห็นไซเรนตะคุ่มๆมา ยกปืนขึ้น
ไซเรนยกปืนยิงใส่กระจกหูช้างรถของเผด็จระเบิดแตก กระจกแตกกระจาย
ในรถ รองฯ เผด็จตะโกนว่า
“หมอบลง !”
ตี๋ใหญ่กับหลินตกใจ !

รถเผด็จพุ่งออก
ไซเรนกับคนอื่นวิ่งมาสาดกระสุนไล่หลังอีกนิดหน่อย แรมอยู่กับเอ็ดดี้ เหยาในรถด้วย
แรมดูสนุกสุดๆ กับการประทะในครั้งนี้
ที่เบาะหลังในรถเผด็จ
เรย์ชักปืนพกออกจ่อมาไปด้านหลัง แต่กระจกหลังก็ถูกยิงแตกซะก่อน
ในรถแรม
เอ็ดดี้หงุดหงิด : “ไอ้เหี้ยใครยิงวะ กูยังไม่ได้สั่ง”
“ฮ่าๆๆ เด็กกูเอง ถือว่าเริ่มเกมส์แล้วละกัน ตามไปดิ”
แรมถีบเบาะให้คนขับรีบตามไป ...
“มึงจะทำอะไร”
แรมไม่ตอบ รถแล่นตามรถของเผด็จไป พลางหัวเราะไปด้วยอย่างสะใจ
บนถนน มุ้ยยิงปืนหนึ่งชุด ก่อนหันมาด่าไซเรน
“ใกล้แค่นี้ พลาดได้ไงวะ”
ก่อนที่จะมีรถมาเทียบทั้งกลุ่มพุ่งขึ้นรถขับกระชากออกตามเผด็จไป

ในรถ เผด็จสั่ง
“เรย์!! เสื้อเกราะกับปืน อยู่หลังรถ!!”
จ่าทองดีพูดวอ “ขอกำลังเสริมๆ พวกเราถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถตาม”
เรย์เอื้อมมาล้วงเสื้อเกราะกับปืนและส่งต่อให้ทองดี ตี๋ใหญ่มองวิตก
ทองดีและเรย์รีบควักปืนออกมา มองอย่างระแวงไปด้านหลัง
ตี๋ใหญ่ตกใจรีบกดหลินลงไปใต้เบาะ

ภายใน ชั้นล่างตึกร้างเวลากลางวัน
แรมกับเอ็ดดี้และกลุ่มโจรประมาณ 8 คนกำลังจะตามเผด็จไป รถตู้อีกคันก็แล่นเข้ามา
ทุกคนเล็งปืนไปที่รถซึ่งมาใหม่ รถตู้ก็จอด
“ใครอีกว๊ะ !”
“เฮ้ย! นั่นพวกสโมสร กูเรียกมันมาเอง” เอ็ดดี้ เหยาบอก
รถตู้เปิดออกมีคนในชุดแทคติคอล เป็นระเบียบ ปิดบังใบหน้าเหมือนกันหมด และใช้ปืนแบบเดียวกัน ทั้ง 8 คนลงมาจากรถ
เอ็ดดี้บอก
“กูกลัวพวกมึงพลาด กูเลยนัดสโมสรไว้อีกทาง แล้วพวกมึงก็ห่วยจริงๆ ตามที่กูคิดเลย”
ทั้งหมดตามเข้าไป

กลุ่มแรม ตามหลังกลุ่มเผด็จ
ตี๋ใหญ่ประคองหลินหนีตายอย่างหวาดกลัว ด้านหลัง...รองฯ เผด็จ จ่าทองดี และเรย์ระวังให้ตี๋ใหญ่กับหลินอยู่ จนเมื่อผ่านประตู ปรากฏว่า ระเบิดที่ถูกขว้างมานั้น ระเบิดจนประตูปลิวว่อน เผด็จโผล่ไปยิงสวนชุดนึง
เผด็จมาลากตี๋ใหญ่ที่ยังช็อกอยู่ จ่าทองดีเข้ามากระชากเรย์ให้ได้สติ
“เรย์เรย์ไปๆ……….” เผด็จบอก
เรย์กับทองดียิงไปถอยไป
กลุ่มโจรทั้งหลายกรูเข้ามาที่ประตู ระดมยิง
หลินเห็นตี๋ใหญ่วิ่งนำหน้าและกำลังคว้ามือเธอไว้ แม้ว่า การเห็นในครั้งนี้ จะคล้ายๆกับคลื่น มีติดๆดับๆ ก็ตาม อุปมาเหมือนโทรทัศน์ที่สัญญาณพร่าเลือน
หลินมีอาการแปลกๆ เธอคว้ามือตี๋ใหญ่ไว้
“วิน..”
ตี๋ใหญ่ไม่มีเวลาฟังหลิน เขาดึงเธอวิ่งหนีต่อไป
กลุ่มโจรใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าดาหน้าวิ่งตามเข้ามาเต็มไปหมดเกิน 10 คน
ทองดีหันไปยิงต้านจนกระสุนหมดแล้ววิ่งหาที่หลบ
“เอาไงดีครับ!?”
เผด็จถาม
“เรย์ติดต่อส่วนกลางได้รึยัง?!”
เรย์ยังนิ่ง ... เหมือนช๊อกอยู่
เผด็จจับเเขนเรย์
“เรย์กำลังเสริมถึงไหนเเล้ว ?”
“ค่ะๆ" เรย์หยิบโทรศัพท์มากด "ฮัลโหล"
ปังๆๆ ... ทันใดก็มีกระสุนสาดมากระทบผนังใกล้ๆทำให้เรย์ทำมือถือตก เผด็จลากทุกคนหนีต่อเข้าไป
เผด็จพาตี๋ใหญ่หลินหนีไป ยิงไป คนที่ยิงเรย์เมื่อครู่ถูกกระสุนของเผด็จสอยร่วงไป
จ่าทองดี “ผมเหลือเเม็กสุดท้ายเเล้ว”
ทองดีใส่เเมกกาซีนสุดท้ายเข้าไปในรังเเมกกาซีน
“ยันไว้ก่อน” เผด็จบอก
ทองดีพยักหน้าเหมือนรู้ตัวว่าจะไม่รอดเเล้ว
หลินในอ้อมกอดตี๋ใหญ่ยังมองตี๋ใหญ่แปลกๆ
“เดี๋ยวผมมา..คุณธาวิน…ไป!!” เผด็จบอก
เผด็จรีบพาตี๋ใหญ่กับหลินแยกตัวออกไป หลินยังมีอาการแปลกๆ แต่ตี๋ใหญ่ไม่มีเวลาสนใจ
เขาต้องลากหลินวิ่งออกไปพร้อมเผด็จ
เรย์กลัว มือสั่น แต่ก็ยิงโต้ตอบ....
เรย์ยิงพลาด ผู้ร้ายหลบเข้าหลังเสา และยิงสวนมาไม่ยั้ง
จ่าทองดีจะยิง แต่โดนกระสุนล้มลง แต่ไม่เป็นไรเพราะใส่เสื้อเกราะ เรย์ตกใจ เรียก

“พี่ทองดี!”

อีกมุมหนึ่งฝั่งเผด็จ

รองฯ เผด็จพาตี๋ใหญ่และหลินวิ่งมาตรงทางที่เหมือนจะเป็นทางออก พวกเขาวิ่งใกล้ถึงทางออกแล้ว
คนร้ายคนหนึ่งของกลุ่มสโมสรโผล่มาข้างหน้า เผด็จยิงใส่จนล้ม และเดินข้ามตัวคนร้ายไป
ตี๋ใหญ่ประคองหลินตามมา แต่แล้ว ว. ของคนร้ายก็ดังขึ้น
“อินทรีย์รายงานว่าเป้าหมายไปด้านหลังตึก”
ตี๋ใหญ่หันมองวิทยุ แล้วหันมองหน้าเผด็จ แต่เผด็จไม่ได้สนใจอะไร
“เผด็จ ...” ตี๋ใหญ่พยายามจะพูดกับเผด็จ
“หลบตรงนี้ก่อน…ผมจะไปเช็คข้างหน้าดูก่อน" เผด็จยื่นปืนพกของตัวเองให้ "..คุณใช้เป็นมั้ย”
ตี๋ใหญ่มองปืนมองหลิน เพราะเคยสัญญากันไว้ว่าจะไม่จับปืนอีก ... เขาส่ายหน้า เผด็จเก็บปืนแล้วออกไป

ส่วนเรย์ ทองดีถอยพลางชะโงกหน้าดู
แรม เอ็ดดี้และลูกน้อง แต่งชุดสไตล์ตัวเอง แต่คาดหน้าปกปิดไว้ เรย์ยิงออกมา กระสุนโดนผนังใกล้แรม แรมสะดุ้ง
แรมหัวเราะ “ห้าๆๆๆๆๆ”
เอ็ดดี้ด่า “ห่าเอ้ย !”
แรมชะโงกเหมือนเล่นๆยิงใส่ไปทางเรย์ แล้วเดินต่อ มีลูกน้องตามไปทางเรย์แทน แรมเดินแยกกลุ่มออกไป
ฝ่ายเรย์กับทองดีหนีต่อ

ตี๋ใหญ่กับหลินได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เขากอดหลินแน่น ขยับตัวเข้าเงามืด
ตี๋ใหญ่เห็นเท้าไล่ไป เห็นอะไรบางอย่างที่เขาจำได้ว่าเป็นแรม

ด้านเผด็จ ไซเรนใส่เสื้อมีฮู๊ด นำกลุ่มคืบเข้ามา
รองฯ เผด็จได้ยินเสียงคนใกล้เข้ามา
แรมและเอ็ดดี้ตามมา
ตอนนี้เผด็จเหมือนถูกล้อมจากสองฝั่ง เผด็จมองสลับไปมา ลุ้นๆ เผด็จมองไปทางแรม
ไซเรนโผล่มาจ่อปืนไปที่เผด็จที่หันไปทางแรม
ไซเรนย้ายเป้าเล็งปืนจากเผด็จ ไปทางแรมที่กำลังโผล่มา
ขายิงใส่ผนังใกล้ๆแรม จนแรมต้องสะดุ้งกลับ
เผด็จหันมาสาดกระสุนใส่ไซเรน ไซเรนหลบ
ไซเรนคาดหน้า เผด็จสงสัยคลับคล้ายคลับคลา
เผด็จหนีกลับไปทางตี๋ใหญ่
“มึงเป็นเหี้ยไร!!! ...ยิงเเค่นี้ยังพลาด!!!” มุ้ยว่า

นอกตึก
เผด็จนำตี๋ใหญ่และหลินออกมา อีกมุมหนึ่งของตึกมีรถของ 21 อยู่ 2 คัน มีคนยืนถือปืนระวังอยู่คนหนึ่ง
เผด็จออกมายิงร่วงไป
“ไปที่รถ !” เผด็จบอกกับตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่วิ่งต่ำๆจูงหลินไปเปิดประตูรถดันหลินเข้าไป
กลุ่มแรม ไซเรน เอ็ดดี้ก็ออกมา สาดกระสุนใส่โดนกระจกหลังแตก เผด็จช่วยยิงโต้
ตี๋ใหญ่จำต้องปิดประตูคลานไปหลบกระสุนเอารถบังก่อน
หลินในรถ กลัว
“วินวิน…..”
ตอนนี้เรย์ ทองดีมาสมทบช่วยยิงแล้ว
ตี๋ใหญ่อ้อมไปเปิดประตูรถอีกทาง เอื้อมไปจะบิดกุญแจ
แต่ไม่มีกุญแจ
ตี๋ใหญ่อึ้งๆ เงยขึ้นมามองเห็นรถอีกคัน
ตี๋ใหญ่เห็นรถอีกคัน
ตี๋ใหญ่บอกหลิน
“ก้มต่ำไว้เดี๋ยวผมมา”
“วินอย่าไป !” หลินบอก
ตี๋ใหญ่ออกมานอกรถ แต่กระสุนยังสาดไปทั่วทำให้เค้าต้องรอ
เหตุการณ์ทั้งหมดยังปะทะกันดุเดือด
ตี๋ใหญ่จ้องมองหลินผ่านกระจก
เวลานี้ สายตาหลินเห็นทุกอย่างค่อยๆชัดขึ้น ดวงตาปรับโฟกัสแล้ว
หลินได้เห็นหน้าตี๋ใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต !
จากด้านข้างทั้งสองสบตากัน
“วิน..”
ตี๋ใหญ่มองหลิน วินาทีนั้น... เหมือนเขาสัมผัสได้ว่าหลินมองเห็นเขาแล้วหลินยิ้มเศร้าๆ
ตี๋ใหญ่สังเกตเห็นสีหน้าของหลินเปลี่ยนไป ทั้งสองสบตากันเป็นครั้งแรก
ตี๋ใหญ่จำต้องผละไปที่รถอีกคัน
มุ้ยหยิบระเบิดมือ M67 ลูกเกลี้ยงออกมา แรมเข้ามาคว้าโยนออกไป
ระเบิดตกที่หลังคารถคันที่หลินอยู่ ระเบิดไหลลงช่องที่กระจกแตกและหล่นเข้าไปในรถในที่สุด
รองฯเผด็จ ตะลึง !
แรมทำท่าอุดหู กวนตีน
ไซเรนตกใจ
ตูม ! ... ภาพสุดท้ายของหลิน อยู่กับระเบิดลูกนั้น
รถอีกคนหันมองตี๋ใหญ่

หลังจากการระเบิด เห็นควันคลุ้งไปทั่วบริเวณ ไกลออกไป เป็นรถสารวัตรบัญชา เขาเข้ามาและเปิดฉากกระหน่ำยิง
ช่วงแรก ฝั่งโจรยันไว้ก่อน แล้วค่อยๆถอย สารวัตรบัญชาเข้ามาควบคุมพื้นที่ไว้ได้
แรม เอ็ดดี้ถอย เมื่อเห็นว่ามีตำรวจมาสมทบ
แก๊ง 21 ลากศพทุกคนออกไปเพื่อไม่ให้เหลือ
รองฯเผด็จที่นอนอยู่ ขาขวาของเผด็จมีคราบเลือด
สายตาเผด็จเห็นเป็นภาพเบลอๆอยู่ เพราะเขาเพิ่งโดนสะเก็ดระเบิดกระแทกอย่างจัง
เขาเห็นพวกโจร (นักฆ่า) ที่ทั้งสามแกงค์ร่วมกันส่งมา
สารวัตรบัญชาลุกจะเข้าไปประคองเผด็จที่เลือดออกเต็มขา
“พี่เผด็จตอนนี้เราคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว”
เผด็จพยักหน้า
เรย์ตะโกน สีหน้าตื่นๆ
“หัวหน้าคะ!! หัวหน้า !”
เผด็จพูดกับบัญชา “บัญชาไปดูให้ผมหน่อย”
จ่าทองดีเข้ามาประคองเผด็จต่อ บัญชารีบผละไปดู เห็นตี๋ใหญ่และหลินนอนไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลมีเลือดออก
บัญชามองตี๋ใหญ่จนจำได้ อึ้งไป

ภายในรถพยาบาล เวลากลางคืน
เจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังปั๊มหัวใจตี๋ใหญ่ที่เลือดท่วมเต็มตัวจากสะเก็ดระเบิดเพื่อยื้อชีวิตเครื่องตรวจชีพจรร้องเป็นเสียงติ๊ด ! ดัง ยาว ....
เจ้าหน้าที่บอก
“หัวใจหยุดเต้น !”
ตี๋ใหญ่เปลือกตาปิดสนิทมือผล็อยตกข้างลำตัว
หมอมองหน้ากันแล้วตัดสินใจเข้าปั๊มชีพจรอีกรอบ
“ลองอีกที!”
เปลือกตาตี๋ใหญ่กระพริบถี่พร้อมตี๋ใหญ่จินตนาการว่าได้ยินเสียงเรียกของหลิน
ตี๋ใหญ่ หลินนอนบนเตียง ... ตี๋ใหญ่เหมือนได้ยินเสียงเรียกของหลินในภวังค์
“วิน… วินตื่นสิ”
เสียงเครื่องตรวจชีพจรค่อยๆกลับมาดังอีกครั้ง
“มาแล้วๆชีพจรมาแล้ว”

ภายในโรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย... เผด็จ
รองฯ เผด็จค่อยๆตื่นขึ้นมา
เห็นหมอและพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียง และเห็นบัญชายืนอยู่ตรงเก้าอี้สำหรับญาติที่มาเยี่ยม
หมอโน้มตัวมาที่เผด็จ ในมือของหมอถือไฟฉาย หมอพูดกับเผด็จ
“ผมขออนุญาตนะครับ”
หมอส่องไฟฉายไปที่ตาของเผด็จ
“เส้นประสาทที่บริเวณขาขวาของคุณฉีกขาดต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ หลังจากทำกายภาพบำบัด คุณจะกลับมาเดินได้เกือบปกติ อยู่ที่นี่ขอให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผมขอตัวก่อนนะครับ
แล้วจะติดตามอาการของคุณอย่างต่อเนื่อง”
หมอและพยาบาลเดินออกจากห้องและทันทีที่เผด็จได้ยินเสียงปิดประตู เขาก็ถามบัญชาทันที
“บัญชา... ครอบครัวนั้นเป็นยังไงบ้าง แล้วลูกน้องพี่หล่ะ”
“ทองดี เรย์ปลอดภัยครับ…..”
ภัทราเคาะประตูทำลายความเงียบ ภัทราเข้ามาพร้อมของเยี่ยม
“สวัสดีค่ะ”
เผด็จประหลาดใจ ภัทราเอาของมาให้
“สวัสดีครับ” เผด็จว่า
“เป็นไงบ้างค่ะพี่เผด็จ”
“ไม่เป็นไรมาก”
“ในนามของมูลนิธิเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ”
“ได้ข่าวว่าตั้งแต่กวินเสีย คุณก็ตั้งมูลนิธิ ..แต่ไม่นึกว่าวันนึงจะเป็นผม”
“จากที่ทราบคราวนี้ไม่ใช่ภารกิจเข้าจับกุมนี่คะ”
เผด็จนิ่งๆ บัญชาตอบแทน
“พี่เผด็จถูกกลุ่มคนร้ายดักยิงครับ" บัญชามองไปที่เผด็จ "นายธาวินสาหัส
ส่วนภรรยาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุครับ”
เผด็จช็อก !

ในห้อง ICU
ตี๋ใหญ่นอนแน่นิ่งที่เตียง ใส่เครื่องช่วยหายใจ และได้ยินเสียง Beep ของเครื่องช่วยหายใจทำงานอยู่ด้วย
พาสเวิร์ดถูกติดต่อให้มาเยี่ยมตี๋ใหญ่และหลินที่กรุงเทพฯ เขายืนชะเง้อมองตี๋ใหญ่ผ่านกระจกในห้อง ICU ท่าทางเป็นห่วง
ร้อยตำรวจเรย์ในชุดไปรเวท ค่อยๆเดินเข้ามาหาพาสเวิร์ด
เรย์มองพาสเวิร์ดท่าทางลำบากใจ ที่จะต้องพูดข่าวร้ายให้เด็กหนุ่มฟัง
พาสเวิร์ดเห็นเรย์เดินเข้ามาก็รีบถามอย่างร้อนรน ...
“พี่ตำรวจ... พี่หลินอ่ะอยู่ไหน? แล้วพี่ตี๋เค้าจะหลับอีกนานมั้ย?”
“คือ… พี่หลินเค้า...” เรย์อึกอัก มองหน้าพาสเวิร์ด เดินเข้าไปจับมือแน่น แล้วพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุด รวบรวมความกล้าที่จะพูดออกไป
“เค้าไปอยู่กับแม่กับพี่เชนใช่มั้ย?” พาสเวิร์ดมองหน้าเรย์และยกชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า "บนนั้นน่ะ”
เรย์พยักหน้า
“และพี่ตี๋..." เขาหันไปมองตี๋ใหญ่ที่นอนอยู่อีกครั้ง "จะตามพี่หลินไปด้วยมั้ย...”

เรย์นิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตอบอะไรดี ได้แต่ยืนให้กำลังใจพาสเวิร์ดที่กำลังมองตี๋ใหญ่เงียบๆ

ร้านอาหารญี่ปุ่นเห็นป้ายร้านและได้ยินเสียงดนตรีจะเข้ญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น นักดนตรีผู้หญิงในชุดกิโมโนกำลังเล่นดนตรี

ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน
พนักงานหญิงใส่ชุดกิโมโน 4 คน แต่งหน้าขาวเป็นเกอิชาในมือถือพัดแบบคลี่มาโค้งต้อนรับ
แรมเดินเข้ามาเขามากับลูกน้อง 2 คน แรมเดินไปก็เต้นไปตามจังหวะเพลง หน้าฟิน
แรมเดินไปถึงประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่น เห็นลูกน้องของแก๊งเอ็ดดี้ เหยาและแก๊ง 21ยืนอยู่ด้านนอก
ประตูบานเลื่อนเปิดออก แรมเห็นเอ็ดดี้กับปารเมศนั่งอยู่ในนั้นก่อนแล้ว
บนโต๊ะมีสาเกกับแก้ววางอยู่สามใบ
แรมเดินเข้าไปนั่ง ลูกน้องแรมรอด้านนอก แต่ประตูเปิดแง้มๆไว้
เอ็ดดี้จิบสาเกและมองหน้าแรมอย่างเคืองๆแล้วพูดกับแรมว่า
“ไอ้เวรเอ๊ย ! เกือบจะเก็บไอ้ตำรวจนั่นได้แล้วเชียว ถ้าลูกน้องของมึงไม่ยิงมั่วซั่วแบบนั้น
ไอ้สัวมันปล่อยไอ้เด็กเมื่อวานซืนทำงานใหญ่แบบนี้ได้ยังไงวะ!!”
แรมยิ้มกวนตีนท้าทายเอ็ดดี้
เอ็ดดี้หยิบสาเกในแก้วมาสาดใส่หน้าแรมด้วยความโมโห
แรมเอานิ้วไล่ไปตามใบหน้าที่เปียกสาเกและดูดนิ้วชิมรสสาเกมองเอ็ดดี้อย่างท้าทาย
ลูกน้องของแรมที่อยู่นอกห้องมองจากช่องประตู ทำท่าจะชักปืน
ลูกน้องของเอ็ดดี้ก็ชักปืนขึ้นขู่เหมือนกัน
ลูกน้องของปารเมศนิ่งเฉยดูสถานการณ์
แรมยกมือห้ามและรับฟังนิ่งๆ
“มึงนะมึง!! เอ็ดดี้ลุกขึ้นชี้หน้าแรม "นี่คือครั้งสุดท้ายที่กู...”
เอ็ดดี้โดนปารเมศตัดบท
“คราวหน้าจะทำอะไรก็ปรึกษากันก่อนก็ดีนะครับผมจะได้ช่วยว่าแผนให้” ปารเมศว่า
เอ็ดดี้กวนๆ “Thanks-ว่ะแต่คราวหน้าอย่าให้หมาตัวไหนมาทำเสียของ” เอ็ดดี้มองแรม
แรมพูดกับปารเมศ
“ต่างคนต่างอยู่แบบนี้รับรองไอ้พวกตำรวจได้มาไล่เก็บเรียงคนเอาคืนแน่ๆ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวผมจัดการให้เอง” ปารเมศบอก
ปารเมศรินสาเกใส่แก้วแล้วยกขึ้นมาทำท่าจะดื่มก่อนพูดเชิญชวนอีกสองคน
“แด่มิตรภาพของเรา”
แรมกับเอ็ดดี้และปารเมศมองหน้ากันไปมาอย่างเคลือบแคลงสงสัย

ภายในโรงพยาบาล
พาสเวิร์ดนั่งเล่น iPad ด้วยใจเหม่อลอย
หน้าห้อง ICU เรย์นั่งอยู่ข้างพาสเวิร์ด
พาสเวิร์ดเลื่อนดูรูปต่างๆที่เขา, พี่เชน, หลินและตี๋ใหญ่เคยถ่ายรูปด้วยกัน
“พี่หลินเค้าไปอยู่กับแม่กับพี่เชนแล้วเหรอ" พาสเวิร์ดมองหน้าเรย์และยกชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า "บนนั้นน่ะ" เรย์งง พาสเวิร์ดพูดต่อ "บนสวรรค์ไง แล้วพี่ตี๋..." พาสเวิร์ดหันไปมองตี๋ใหญ่ที่นอนอยู่อีกครั้ง "จะตามพี่หลินไปด้วยมั้ย”
จากนั้นพยาบาลเดินออกมาบอกทั้งสองคน
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ”
พาสเวิร์ดลุกขึ้นและกำลังจะรีบเดินเข้าไปในห้อง
เรย์ทำท่าทางบอกว่าให้พาสเวิร์ดรอตรงนี้ก่อน
พาสเวิร์ดชะเง้อดูตี๋ใหญ่ผ่านกระจกแทน
นางพยาบาลเข็นรถเข็น รองฯเผด็จนั่งเข้ามา

พาสเวิร์ดพยายามเอาหูแนบกระจกสลับและมองเข้าไปในห้อง
ตี๋ใหญ่ถามเรย์เรื่องหลิน เรย์พยายามเลี่ยง ตี๋ใหญ่คลั่งขึ้นเรื่อยๆ
“หลินหลินอยู่ไหน !”
เรย์นิ่ง ตี๋ใหญ่คลั่ง พยายามถอดน้ำเกลือจะลุกออกไปให้ได้ จนเรย์ต้องบอกว่าหลินตาย
และพยาบาลต้องช่วยกันล็อคตัวไว้ ฉีดยาให้สงบ จากนั้นตี๋ใหญ่ก็นิ่งอึ้งช็อกไป
พาสเวิร์ดเกาะกระจกมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความเศร้าสลด
พาสเวิร์ดพูดกับเผด็จ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องที่กระจกห้อง ICU มองตี๋ใหญ่ไม่สบตาเผด็จ
เผด็จพูดกับพาสเวิร์ด “ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวคุณ เป็นความผิดของผม ผมรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
“คุณอาเอาคนลงมาจากบนฟ้าไม่ได้หรอก”
เผด็จรับฟังคำพูดของพาสเวิร์ดอย่างสะเทือนใจ ขณะที่พยาบาลเข็นรถเข็นออกไป

บริเวณระเบียง ห้องผู้ป่วยเผด็จ ในเวลาต่อมา สารวัตรบัญชาบอก
"ผมขอโทษครับพี่...ที่นำกำลังไปช่วยพี่ช้าไป ผมเพิ่งได้รับรายงานก่อนเกิดเหตุไม่นาน”
“คุณได้รับรายงานจากใคร...?”
“จากคนของผม”
“ใครคือคนของคุณ ?”
“พี่เผด็จจะสนใจอะไรกับวิธีที่พี่ไม่ชอบล่ะครับ”
เผด็จถาม “คุณมีสายอยู่ในนั้น..?”
สารวัตรบัญชาหน้านิ่งเรียบเฉย
“ผมก็เคยใช้สายหลายคน แต่ทุกคนถูกจับได้ แล้วก็…ตายหมด....”
ตอนที่รองฯ เผด็จพูดว่าถูกจับได้หมด เผด็จสีหน้าสลดลง เพราะเขานึกถึง สายของเขาคนก่อนๆ
ที่ถูกพวกพ่อค้ายาฆ่าตายเรียบ
“...แล้วคุณใช้วิธีอะไร”
สารวัตรบัญชาหยุดคิดเล็กน้อย
“ผมมีการวางแผนและ...”
เผด็จรุกต่อ “ถ้ามีสายก็บอกมาตรงๆมันคงไม่ยากใช่มั้ย”
“ใช่ครับ!!..ผมใช้สายก็เหมือนที่ผมจับท่านอัศวินได้ เพราะได้สายเก่าของอัศวินมาช่วย...
ก็คนที่เพิ่งฟื้นเมื่อกี้นี้แหละครับ...เค้าชื่อ “ตี๋ใหญ่”หรือชื่อจริง ธาวิน น้อมคำสอน เคยเป็นสายให้หน่วยของอัศวิน แต่โดนหักหลังส่งลูกน้องมาเก็บทั้งครอบครัว แต่เค้ารอดมาได้ จากนั้นเขาก็ตามจองเวรอัศวินไม่เลิก พี่คงจำคดีปล้นรถขนเงินได้ดี และสุดท้ายโดนท่านอัศวินยิงตกน้ำ สันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว ไม่นึกว่าจะเจอเค้าอีกที่นี่”
คำพูดของบัญชา มาพร้อมกับภาพต่างๆในอดีตของตี๋ใหญ่
... พ่อแม่ตี๋ใหญ่โดนฆ่าตาย, ล้นรถขนเงิน, ใหญ่โดนยิงตกน้ำ
“แต่พี่อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ... อาจจะมีหนอนในพวกเรากันเองก็ได้” บัญชาบอก
เผด็จเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกทันทีที่ได้ยินคำว่าหนอน !
เผด็จนึกถึงเหตุการณ์ที่ยิงกันในตึก เขาสะดุดตาที่สมาชิกคนหนึ่งของแก๊งของแรม ซึ่งก็คือไซเรน
"คุณจำไซเรน เด็กที่อัศวินอุปการะได้มั้ย"
" จำได้... " แต่บัญชาโกหก "ผมเคยไปเยี่ยมเค้าในคุกมาด้วย"
เผด็จถามเพื่อเอาข้อมูล
"แล้วคุณรู้มั้ยว่าตอนนี้เค้าอยู่ไหน"
บัญชาอึ้งไปเล็กน้อย "ตั้งแต่คดีอัศวินจบ ผมก็ไม่ได้ข่าวคราวของไซเรนอีกเลยครับ"
เผด็จถามหยั่งเชิง
"เป็นไปได้มั้ยที่เค้าจะไปอยู่กับพวกค้ายา"
" พี่ฝึกเค้ามากับมือพี่น่าจะรู้ดีกว่าผมนะ"
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัยในอีกฝ่าย

ที่ Last Day Pub อาต๊ะเมา อ้วกลงพื้น อยู่ในสภาพเมาปลิ้นเขาหันไปคุยกับไซเรน
“วันนี้พี่แรมใจดีจัง" อาต๊ะเริ่มเดินเซและล้มลง "ผมไม่ไหวแล้วว่ะ”
ไซเรนมองอาต๊ะ หยุดคิดก่อนว่าจะช่วยดีหรือไม่ แต่เขาตัดสินใจเดินต่อไปไม่ช่วย
อาต๊ะนอนราบกับพื้นสายตามองขึ้นฟ้าพูดความในใจออกมา
“อยากให้แม่มากินด้วยจัง วันนี้ได้กินครั้งแรกในชีวิต หูฉลามถ้วยเป็นพันเลยนะพี่"
น้ำตาของอาต๊ะไหล "ถ้าอาต๊ะรวยเหมือนพี่แรมจะซื้อบ้านซื้อรถซื้ออาหารดีๆไปให้แม่..."
อาต๊ะเริ่มร้องไห้หนักขึ้น "เมื่อไหร่จะรวยซะทีวะ จะได้กลับบ้านซะที”
ไซเรนได้ยินอาต๊ะพูดถึงครอบครัวก็รู้สึกสะเทือนใจ เขาหันกลับไปมองอาต๊ะที่นอนร้องไห้อยู่
ความทรงจำในอดีตของเขาก็กลับมา
ครอบครัวของไซเรนเคยกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า
ไซเรนเปลี่ยนใจเดินกลับไปพยุงอาต๊ะและลากเขาไปด้วย

ตี๋ใหญ่ในชุดพยาบาลนอนซึม
นึกถึงภาพที่หลินหัวเราะไปพร้อมกัน หลินเอื้อมมือเข้ามาคลำหน้าตี๋ใหญ่เบาๆ
“อยากมองหน้าเห็นวินจัง หน้าวินที่มีความสุขเเบบนี้”
ตี๋ใหญ่น้ำตาไหลออกมา

1 เดือนต่อมา
ตี๋ใหญ่ขยันทำกายภาพบำบัดอย่างมากแต่ไม่พูดไม่จาอะไรเลยเพื่อฟิตร่างกายไปแก้แค้น
คุณหมอดูตี๋ใหญ่ทำกายภาพบำบัดแล้วบอกกับทองดี, เรย์และพาสเวิร์ดว่า
“กล้ามเนื้อต่างๆของคนไข้ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้วระบบต่างๆก็ทำงานได้ดี ที่คนไข้ไม่พูดอะไรเลยคงเป็นเรื่องสภาพจิตใจล้วนๆแล้วล่ะครับ คนผ่านเหตุร้ายมา เราอาจต้องให้เวลาเขาอีกสักหน่อยไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมติดตามเคสนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
หมอและพยาบาลเดินออกไป หลังจากที่ประตูห้องปิดลง เรย์ก็เริ่มถามทองดี
“เค้าไม่พูดอะไรเป็นเดือนๆแถมประวัติในทะเบียนราษฎร์ก็ยังบอกว่า เค้าตายไปหลายปีแล้ว”
“แล้วบอกหัวหน้ายัง?” ทองดีถาม
“บอกแล้ว แต่หัวหน้ายังไม่สั่งว่า จะเอาไงต่อ”
“น่าจะยังรู้สึกผิดอยู่มั้ง เดี๋ยวพอหายดีแล้ว คงให้ทำอะไรซักอย่างแหละ”
พาสเวิร์ดที่นั่งเล่น iPad อยู่เ ขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“แล้วทำไมเค้าต้องทำกับพี่หลินกับพี่ตี๋ด้วยอะ”
“ก็เค้าเป็นคนไม่ดีไง...” เรย์บอก
“ถามกี่ครั้งก็พูดแบบนี้ ผมอยากรู้จริงๆ”
เรย์นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
พาสเวิร์ดจับแขนเสื้อของเรย์
"“ตอบหน่อยนะๆๆๆๆๆถามมาทั้งเดือนแล้ว”
มีสายเข้าที่โทรศัพท์ของเรย์พอดี เรย์รับโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
พาสเวิร์ดเดินมาตื้อทองดีต่อ จ่าทองดีทำหน้าแบบยอมแพ้
“อาทองดีๆ”
“เอ้าๆเล่าให้ฟังก็ได้”
พาสเวิร์ดตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด พาสเวิร์ดนั่งมองทองดีตาแป๋ว
ทองดีมองหน้าพาสเวิร์ด
“เอ็งเคยได้ยินคำว่า “ทรีคิงส์” มั้ย”
พาสเวิร์ดส่ายหน้า

“ทรีคิงส์คือคำเรียกกลุ่มอิทธิพลมืด 3 รายที่เป็นพี่ใหญ่ในวงการ พวกมันไม่ได้แค่ขายยา แต่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆด้วย เริ่มจากแก๊งแรก “แก๊งเอ็ดดี้” นำโดยเอ็ดดี้เหยามาเฟียชาวไต้หวัน
แม่งเปิดธุรกิจค้ากาม ร้านดังๆของมันก็คือ Heart Attack”

นักเที่ยวกำลังเดินเข้ามาในสถานบันเทิงของเอ็ดดี้ ป้ายร้านเขียนว่า Heart Attack
นักเที่ยวเลือกผู้หญิงบริการพาเธอไปห้องเอายาไอซ์มาเสพด้วยกัน
เอ็ดดี้นั่งอยู่ในอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่มีสาวๆห้อมล้อม มีลูกน้องเดินเข้ามารายงานบางอย่าง
ทองดีบอก
“ไอ้เอ็ดดี้มีจุดอ่อนคือไม่มีลูกน้องเก่งๆอยู่ในมือเพราะแม่งเลือดร้อน หัวรุนแรงฆ่าลูกน้องตายได้หน้าตาเฉย”
ลูกน้องรายงานบางอย่างแต่เอ็ดดี้ฟังแล้วไม่พอใจ

เขาจับลูกน้องคนนั้นกดน้ำในอ่างทันที สาวๆรอบๆพากันตกใจ ลูกน้องคนนั้นพยายามดิ้น แต่สู้แรงเอ็ดดี้ไม่ไหวตายอยู่ตรงนั้น

ทองดีเล่าต่อ ....

ภายในบ่อน เวลากลางวัน
“แกงค์ที่สองคือสโมสรมหาสมุทรแม่ง!!..เป็นแก๊งปริศนา พวกพี่สืบแทบตายแม่ง!! ก็ยังไม่รู้ว่าใครคือหัวหน้า คำสั่งของนายใหญ่จะพูดผ่านปารเมศที่เป็นตัวกลาง ปารเมศแม่งเป็นนักการทูตฉลาด บุคลิกเหมือนพวกปัญญาชน เห็นแม่งยิ้มอย่างงี้นะ เอ็งไม่รู้หรอกว่าแม่ง!! คิดอะไรอยู่ ไม่มีใครไว้ใจมันได้ปสโมสรมันเปิดโรงแรมบังหน้า แต่ข้างในคือคาสิโนใต้ดินที่สังสรรค์ของพวกนักการเมือง ข้าราชการและนักธุรกิจใหญ่โต”
บรรยากาศของโรงแรมที่เป็นบ่อนของแก๊งค์ 21
ปารเมศในชุดสูทมาดเนี้ยบกำลังเดินเข้ามาที่หน้าโรงแรม ทักทายและรับไหว้ทุกๆคนด้วยท่าทีอ่อนน้อมและพูดคุยกับพนักงานอย่างเป็นมิตร
ปารเมศเดินผ่านประตูต่างๆหลายประตูมีลงลิฟท์ไปชั้นได้ตินและเปิดประตูลับต่อ
ระหว่างที่เดินจะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และมีเลศนัย
รอยยิ้มดังกล่าวเปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของปารเมศ
ประตูลับเปิดออกเห็นกลุ่มนักการเมืองใส่สูทจับกลุ่มกันหลายๆกลุ่มในห้อง พวกเขาเล่น poker
ไปพร้อมๆกับคุยธุรกิจ
นักการเมืองในชุดผ้าไหมเดินเข้ามาพร้อมผู้ติดตาม ปารเมศออกไปต้อนรับอย่างมีอัธยาศัย
เชื้อเชิญไปที่ห้องลับหลังบ่อน พนักงานคนหนึ่งใส่เครื่องแบบสุภาพ ถือถาดที่มีฝาชีเหล็กเป็นสีเงินวาววับครอบอยู่ เปิดฝาชีออกมาเห็นเกล็ดยาไอซ์ เด็กเสิร์ฟเอาบ้องเสพยามาให้ นักการเมืองยิ้มอย่างพอใจ

ในห้องของคนไข้ ภายในโรงพยาบาล ตี๋ใหญ่หลับ ทองดีถามพาสเวิร์ด
“ไง... เล่ามาถึงตรงนี้เอ็งสนุกมั้ย?”
พาสเวิร์ดส่ายหน้ารัวๆ “ไม่สนุกเลย... ไม่เห็นเกี่ยวกับพี่ตี๋ พี่หลินเลย”
เรย์เดินกลับเข้ามาพอดี เห็นทองดีกำลังเล่าเรื่องให้พาสเวิร์ดฟัง
“พี่เล่าให้เค้าฟังทำไม !?”
ทองดียิ้ม, หัวเราะชอบใจ “เห็นมันอยากรู้ก็ให้มันรู้ไปดิ”
พาสเวิร์ดพูดกับทองดี “ยังไงต่อ ?”
ทองดีพยักหน้าส่งสัญญาณให้เรย์ตอบคำถามแทนเขา
เรย์บอกกับพาสเวิร์ด
“พวกมันคงตั้งใจจะฆ่าคุณอาเผด็จมากกว่า พี่ตี๋กับพี่หลิน เค้าเลยโดนลูกหลงไปด้วย”
พาสเวิร์ดฟังแล้วหน้าตาเศร้าขึ้นมา
ตี๋ใหญ่สายตาแค้น
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ, อาทองดีและอาเผด็จจะเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้”
ทันใดนั้น ทองดีมีโทรศัพท์เข้า ทองดีวางสาย เขาก็รีบพูดกับเรย์ทันที
“ได้ครับๆ เออเดี๋ยวพี่เข้าสำนักงานก่อน”
“เดี๋ยวเดินไปด้วยพี่ หากาแฟกินหน่อย”
ทองดีกับเรย์รีบออกไปจากห้องทันที
ตี๋ใหญ่ที่หลับอยู่ เปิดตาขึ้น
“พาสเวิร์ด”
พาสเวิร์ดพยักหน้าและรีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าใส่ถุงกระดาษ
ตี๋ใหญ่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดคนไข้เป็นชุดไปรเวท
“พี่ตี๋เก่งจังเลยทำตัวเป็นใบ้ได้เป็นเดือนๆแหน่ะ”
ตี๋ใหญ่พูดกับพาสเวิร์ด
“จำทางออกตรงบันไดหนีไฟ และทางไปขึ้นรถตู้ได้ใช่มั้ย”
พาสเวิร์ดพยักหน้า
“กลับแม่สอดไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่ตามขึ้นไปนะ”
พาสเวิร์ดสีหน้าท่าทางไม่เต็มใจ บอก “ก็ได้”
ตี๋ใหญ่และพาสเวิร์ดออกจากห้องไปกันคนละทาง

พาสเวิร์ดวิ่งลงบันไดหนีไฟและออกทางประตูหลังโรงพยาบาล

เวลาเดียวกัน รองฯเผด็จกำลังกายภาพบริหารขาอยู่

เรย์เดินกลับเข้ามาในห้องคนไข้ เห็นห้องว่างเปล่า ไม่มีตี๋ใหญ่ในห้อง เรย์รีบวิ่งออกไป

ตี๋ใหญ่กำลังรีบเดินออกจากโรงพยาบาล เขาเจอเรย์ดักหน้า
“หยุดนะ... !!”
ตี๋ใหญ่เดินต่อ
“ผมจะกลับบ้านและผมก็ไม่ใช่ผู้ต้องหา!!”
เรย์มาดักหน้าชักปืนออกมาถือไว้
“งั้น...ทำไมประวัติบอกว่าคุณตายแล้วจากเหตุการณ์ไฟไหม้หลายปีก่อน อธิบายมาก่อน!!”
ตี๋ใหญ่เดินต่อไปไม่ใส่ใจ
เรย์เอาเอาปืนไปจี้หลังตี๋ใหญ่
“ชั้นปล่อยคุณไปไม่ได้ ! บอกมาว่าคุณเป็นใครกันแน่?”
ตี๋ใหญ่หันกลับมา “คุณจะจับผมข้อหาอะไรในเมื่อผมก็เป็นคนที่ตายไปแล้ว..”
เรย์มีท่าทีลังเล
ตี๋ใหญ่ปัดปืนเรย์ออกแล้วใช้ไหล่พุ่งชนให้เรย์ล้มลง
ขณะที่ล้ม เรย์หยิบปืนขึ้นมา แต่ตี๋ใหญ่ก็หายไปแล้ว

ริมถนนแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืน ตี๋ใหญ่เดินอยู่ มีเด็กผู้หญิงสองคน ผู้ชายหนึ่งเดินแซงมาอย่างรีบๆ
ก่อนที่จะมีเด็กอาชีวะแว๊นมอไซค์สามคันมาดักรุมเด็กชายร่วงไป กระชากผู้หญิงจะให้ขึ้นรถไปด้วย
ตี๋ใหญ่มองหน้าเด็กอาชีวะกลุ่มนั้น ตี๋ใหญ่คิดเล็กน้อยก่อนตัดสินใจจะไม่ยุ่ง
แต่ก็กลับมาจับมือเด็กอาชีวะคนหนึ่งไว้
เด็กอาชีวะ1 ชักปืนออกมามองหน้าตี๋ใหญ่
“ไร..อยากแดกลูกปืนเหรอมึง !”
ตี๋ใหญ่มองแบบนิ่งๆ

ตี๋ใหญ่เข้าไปจัดการนักเรียนอาชีวะกลุ่มนั้น
ตี๋ใหญ่เดินเข้าไปจัดการเด็กอาชีวะที่รุมเข้ามา
เสียงปืนดังขึ้น ! ปัง !!
ปากกระบอกปืนควันโชยออกมา ใบหน้าของนักเรียนอาชีวะคนหนึ่งถือปืนมือสั่นๆ
ตี๋ใหญ่ตอนนี้หน้ามีรอยที่จมูก เลือดออกที่หน้า แขนมีรอยถูกฟันเลือดซึม
แต่คนที่โดนลูกปืนเป็นเพื่อนมันเองที่อยู่ข้างๆตี๋ใหญ่ เขาคนนั้นทรุดลง ไอ้คนยิงตกใจ
ตี๋ใหญ่เดินตรงเข้าไปถีบเด็กคนนั้นล้มลงและแย่งปืนมาอย่างง่ายดาย
ตี๋ใหญ่เอาปืนไปจ่อที่นักเรียนอาชีวะ และส่งสัญญาณให้เด็กผู้หญิงวิ่งหนีไป
เขาชี้ปืนไปทางเด็กอาชีวะส่งสัญญาณให้เด็กทั้งหมดนั่งรวมกันทุกคนยกมือไหว้ขอชีวิตกันระงม
“รู้จัก Heart Attack มั้ย” ตี๋ใหญ่ถาม
นักเรียนอาชีวะมองหน้ากันนักเรียนอาชีวะ 1 ค่อยๆตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
นักเรียนอาชีวะ1 : “ที่เป็นอาบอบนวดแถวนี้น่ะเหรอครับ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้า “อยู่ไหน?”
นักเรียนอาชีวะชี้ทางอธิบาย
“แล้วมึงได้ปืนนี่มาจากไหน?”
เด็กนักเรียนอาชีวะลังเลไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
นักเรียนอาชีวะหยิบมือถือออกมา
“ผมสั่งทางเฟซและนัดไปเอาของ”

ตี๋ใหญ่เดินจ่อปืนไปที่กลุ่มอาชีวะ สั่ง
“ทุกคนก้มหัวลง”
ตี๋ใหญ่เหมือนจะยิงทุกคน
“พี่ๆผมขอโทษ... พี่ผมยังเรียนอยู่เลยพี่”
เสียงไซเรนของตำรวจใกล้เข้ามา เด็กคนหนึ่งมองขึ้นมา
ตี๋ใหญ่หายไปในความมืด

ตี๋ใหญ่ยืนรออยู่ที่ตรอก หลบอยู่ในเงามืด
มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมาที่จุดนัดพบ
เด็กส่งปืนเถื่อน 2 คนลงจากมอเตอร์ไซค์ในมือถือกระเป๋า มองซ้ายมองขวา
ตี๋ใหญ่ปรากฏตัวออกมา เด็กเปิดกระเป๋าให้ดูมีหลายกระบอก ตี๋ใหญ่หยิบมาเลือกดู
“ลูกปืนล่ะ”
เด็กส่งปืนอีกคนชี้ว่าอยู่ในกระเป๋าของตัว
คนที่อยู่ใกล้ตี๋ใหญ่ชักปืนออกมาจ่อถาม “เงินอ่ะ??”
ตี๋ใหญ่จัดการสองคนโดยง่ายจนร่วงไป

ตี๋ใหญ่โหลดกระสุนเข้าไปในปืนแต่ละกระบอก และซ่อนปืนไว้ที่กางเกงบ้าง เสื้อแจ็กเกตบ้าง
ตี๋ใหญ่หยิบหมวกแก๊บจากเด็กส่งปืนมาใส่
ตี๋ใหญ่หยิบเรย์แบนมาจากกระเป๋าเสื้อเด็กส่งปืนมาใส่เป็นการปิดท้าย
ตี๋ใหญ่ขับมอเตอร์ไซค์ของเด็กส่งปืนออกไปอย่างเท่ห์ๆ

ภายใน Last Day Pub เวลากลางคืน
อีกมุมหนึ่งของร้าน ไซเรนกับอาต๊ะกินอาหารอยู่
อาหารจีนหรูๆถูกเข็นเข้ามาเช่นหูฉลาม, เป็ดปักกิ่ง, หมูหันรวมถึงเหล้านอกแพงๆ
แรมเดินเข้ามา
อาต๊ะกินเหล้าไปด้วยเมา เห็นแรมปุ๊บก็รีบร้องทัก
“อร่อยมากๆครับพี่แรม คงแพงมากเลยนะพี่”
แรมหันไปมองไซเรนยิ้มอย่างมีเลศนัย และก็หัวเราะขึ้นมาแบบเก๋าๆ
แรมกอดคอไซเรนเดินไป มือที่กอดถือมีดด้วยไกวไปมาระหว่างพูดอย่างหวาดเสียว
“เรามีงานให้นายทำ ... สนใจมั้ย ? ”
“ได้พี่”
“ไปเตรียมรถมาคันนึง เวลา สถานที่ยังไม่ต้องรู้”
ไซเรนพยักหน้า
“ออกงานคนเดียวและอย่าพลาดซ้ำซากเราเบื่อ !”
ระหว่างที่พูด แรมก็ไล่มีดขึ้นมาเรื่อยๆจนเกือบถึงจุดที่ไซเรนติดเครื่องดักฟัง ไซเรนหัวใจแทบหยุดเต้น
แต่ในจังหวะที่ปลายมีดจะไปโดนที่ดักฟัง แรมก็เกิดเปลี่ยนใจ เขายกปืนขึ้นไปจ่อคางไซเรนแทน
ไซเรนรู้สึกกดดันมาก แต่ก็ทำนิ่งไว้ แต่ลึกๆในใจเขาโล่งอกที่ไม่โดนจับได้

“เราชอบสไตล์นายว่ะจะได้อยู่กันนานๆ...”

ตำรวจล็อกกุญแจเด็กอาชีวะกลุ่มนั้น บนกระบะตำรวจ

เด็กอาชีวะตะโกนร้องขอความเห็นใจ
เรย์ก็คุยกับสารวัตรนัท
“ขอบคุณมากเลยนะที่เรียกมา รูปพรรณสัณฐานที่ไอ้เด็กพวกนั้นพูดมาตรงกับธาวินแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรแล้วเป็นไงบ้างที่ทำงานใหม่”
เรย์ขี้เกียจคุย
“เออเราต้องรีบไปไว้ว่ากันเน๊อะ”
“เด็กกลุ่มนี้มันบอกว่า ไอ้คนนั้นมันถามหาที่อยู่อาบอบนวดอะไรนี่แหละ”นัทว่า
เรย์หันมาชะงัก
“heart attack !”
“ใช่มั้ง”

คืนนั้น ตี๋ใหญ่ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณ heart attack อาบอบนวด และพยายามมองหาคนที่มีลักษณะคล้ายคนที่เขาเคยเห็น
ตี๋ใหญ่มองไปรอบๆก็ไม่เจอ มีลูกน้องเอ็ดดี้บางคนเริ่มสนใจตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่เดินเลี่ยงๆไป

เอ็ดดี้มาเข้าห้องน้ำ ส่วนตี๋ใหญ่กำลังจะออกมา จึงหลุบเข้าไปแอบหลังประตูห้องน้ำ
ห้องหนึ่ง ตี๋ใหญ่ยิงใส่แต่ไม่โดน ลูกน้องกรูเข้ามา ตี๋ใหญ่เอาเอ็ดดี้เป็นเกราะ ลูกน้องหลายคนจ่อปืน แต่ยังดูเชิงไม่มีใครกล้าทำอะไร
สุดท้ายเอ็ดดี้ เหยาพยายามเอาหัวโขกตี๋ใหญ่ ลูกน้องพยายามเอื้อมมายิง ชุลมุน...ตี๋ใหญ่ลากเอ็ดดี้ถอยกรูด
“เอ็ดดี้อยู่ไหน?” ตี๋ใหญ่ถาม
“พี่เอ็ดดี้เค้าอยู่ด้านหลังโว้ย! ไอ้โง่ ! ” เอ็ดดี้บอก

รถของเรย์กำลังแล่นไป
ที่ปั๊มน้ำมันเวลากลางคืน เรย์จอดรถและเริ่มคุยกับตี๋ใหญ่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขามาร่วมมือกับตำรวจ
“คุณบุกเดี่ยวเข้าไปในแก๊งเอ็ดดี้เหยา คิดอะไรของคุณ..!”
ตี๋ใหญ่นิ่งเงียบแทนคำตอบ
“ชั้นรู้นะว่าคุณเสียใจเรื่องภรรยา แต่ทางเรากำลังจัดการอยู่ ..... มาล้างแค้นด้วยตัวเองแบบนี้...”
ตี๋ใหญ่หันไปมองเรย์ทันควันอย่างไม่พอใจที่โดนจี้ปมเรื่องหลิน
“นี่!!! มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว !! ไม่เห็นตำรวจจะทำอะไรได้” ตี๋ใหญ่บอก
“ต่อให้คุณฆ่าไอ้เอ็ดดี้ได้ คนที่มีส่วนให้หลินต้องตาย มันก็ยังเหลืออีกตั้งกี่กลุ่ม กี่คนคุณก็ต้องเป็นฆาตกรต้องหนีคดีไปเรื่อยๆ ปล่อยให้เราจัดการพวกมันเองหรือคุณมาช่วยกันก็ได้ ชั้นอยากให้คุณกลับไปกับชั้นก่อน”
ตี๋ใหญ่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเเล้วลงไปจากรถทันที

เรย์รีบเปิดประตูลงไปจากฝั่งคนขับโดยไม่ได้เอากุญเเจรถไปด้วย
“คุณจะไปไหน ?” เรย์ถาม
ตี๋ใหญ่เดินต่อไปที่ม้านั่งหน้ามินิมาร์ทของปั๊ม
เรย์เดินตามมาเเล้วเอากุญเเจมือออกมาเเล้วเข้าไปล๊อกเเขนตี๋ใหญ่จากด้านหลัง
ตี๋ใหญ่ฉวยโอกาสนี้หมุนตัวเเล้วกระเเทกตัวเรย์ลงกับม้านั่ง
ตี๋ใหญ่ลุกออกไปเเล้วเดินไปที่รถ เรย์จะลุกตามไปเเต่ก็พบว่าข้อมือขวาตัวเองถูกล๊อกกับม้านั่ง
เรย์ชักปืนออกมาด้วยมือซ้ายเเล้วกดไสลด์ปืนกับม้านั่ง เพื่อให้กระสุนเข้ารังเพลิง
เเละเพื่อให้ตี๋ใหญ่ได้ยิน
เรย์เล็งปืนไปที่ตี๋ใหญ่
“อย่าให้ชั้นต้องยิงคุณเลยนะ ชั้นให้คุณเอารถไปไม่ได้หรอก”
ตี๋ใหญ่ยังเดินต่อไป เรย์เอานิ้วกดไปที่ไกปืน
เรย์ไม่กล้ายิงจริง ตี๋ใหญ่เปิดประตูเข้ารถเเล้วขับออกไป
เรย์สีหน้ารู้สึกผิดเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่อยากโทร. เเต่ก็กดโทร.ในที่สุด
“หัวหน้าคะ”
รองฯ เผด็จฟังหน้าเครียด

ไซเรนเดินเปิดประตูห้องพักเข้ามา อาต๊ะกำลังนั่งรีดเสื้อผ้าให้ไซเรน
“เฮ้ย... มึง!!!”
ไซเรนหันไปมองรอบๆพบว่า ข้าวของของไซเรนถูกจัดไปเป็นระเบียบกองกันสวยงาม
ไซเรนโกรธมาก เดินไปหาอาต๊ะกระชากคอเสื้อดึงตัวอาต๊ะขึ้นมา
“กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้แตะต้องของของกู !”
“พี่... ผมขอโทษ ผมแค่อยากอะไรตอบแทนพี่บ้างครับ แม่บอกว่าอยู่บ้านใครต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์”
“มึงได้เปิดกระเป๋ากูหรือเปล่า!?!”
“ผมไม่ได้เปิดอะไรทั้งนั้น ผมแค่เอาของมาจัดเฉยๆ”
ไซเรนผลักอาต๊ะไปติดผนังห้องดังปัง
“กูไม่เชื่อ !”
อาต๊ะยกมือไหว้ไซเรน ปะหลกๆและพูดอย่างลนลาน
“ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นให้ผมสาบานกับพระก็ได้ คราวหลังผมจะไม่ยุ่งกับของของพี่แล้วปล่อยผมเถอะนะ”
ไซเรนปล่อยอาต๊ะ
“ตอนกูไปทำงานมึงอย่ายุ่งกับของๆกูอีกละกัน”
“ให้ผมไปด้วยสิพี่ พี่สอนผมได้มั้ย “
“พี่แรมให้กูไปคนเดียวกูก็ต้องไปคนเดียว... เข้าใจมั้ย?”
“ผมอยากเก่งเหมือนพี่จะได้ไปทำงานใหญ่ๆให้พี่แรม ผมจะได้ตังค์เพิ่ม”
“มึงรู้จักพี่แรมของมึงดีแล้วเหรอ... ถ้ากูไม่อยู่แล้วมึงก็กลับบ้านไปซะ”
“อ้าวพี่จะไหน ไม่รวยก็ไม่กลับหรอก กลับไปก็อายเพื่อน อายแม่ แล้วพี่จะไปไหนจะกลับบ้านแล้วเหรอ”
ไซเรนอึ้งไปเมื่อได้ยินคำว่า “บ้าน”
ไซเรนเดินหยิบกระเป๋าออกไปจากห้อง

คืนเดียวกัน
ในห้องด้านหลังผับ ลูกน้องของแรมกำลังแพ็คยาเสพติดกันอย่างขะมักเขม้น ในห้องนั้นจะวางโต๊ะ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ
ส่วนที่ 1 พวกเขาตักผงยาจากถาดมาใส่ในถุงเป็นถุงเล็กๆความจุ 1 กิโลกรัม
ส่วนที่ 2 ก็เอาถุงเล็กมามัดรวมกันเป็นแพ็ค แพ็คละ 5 กิโลกรัมและส่งต่อไป
ส่วนที่ 3 ก็คือขนแพ็ค 5 กิโลกรัมวางกองรวมกันที่มุมหนึ่งของห้องเตรียมขนขึ้นรถไปจำหน่ายจะเห็นว่ากองนั้นสูงท่วมหัว
ไซเรนใส่เสื้อเชิ้ต ยืนคุมลูกน้องคนอื่นๆแพ็คของ
ไซเรนขยับเสื้อเพื่อความแน่ใจ ทำให้เห็นว่าในเสื้อของไซเรนมีที่ดักฟังและตรงกระดุมเป็นกล้อง
ไซเรนกด record ที่กล้องกระดุม
เขาเดินไปรอบๆเพื่อถ่ายบรรยากาศการแพ็คยาเป็นหลักฐานส่งตำรวจ
ทันใดนั้นแรมเดินมาด้านหลังจับบ่าไซเรน
“นายเป็นไรวะเห็นนายเดินไปเดินมา”
“เห็นพี่บอกว่าล็อตนี้สำคัญผมก็เลยต้องดูให้แน่ใจ”
ไซเรนแกล้งถามแรมเพื่อล้วงเอาหลักฐาน
“เวลา... กับให้ไปที่ไหนอ่ะพี่”
แรมฟังที่ไซเรนถาม เขาหยุดคิดเล็กน้อย เริ่มสงสัย
" ไอ้เหี้ย!! นายรีบเหรอ กลัวหลงต้องเซิทกูเกิ้ลเหรอ หรือต้องรายงานใคร!!?”
ไซเรนแกล้งทำหน้างงๆ
แรมจากน่ากลัวกลายเป็นสนุก
“ นายจำโกดัง อาลิเกเตอร์ได้รึเปล่า อาลิเกเตอร์” แรมสงบลงเปลี่ยนอารมณ์
"ยังไงล่ะ…นายจำทางเข้าได้ใช่มั้ย”
ไซเรนแกล้งทำหน้างงๆ
“จำได้แล้วครับพี่อยู่หลังท่าเรือเก่า”
“เรื่องเวลารอก่อน .. รอได้ม๊ะ นายดูเครียดๆนะไป... เสร็จแล้วเราเรียก”
ไซเรนออกไป แรมกวักนิ้วเรียกต๊ะที่มองมา อาต๊ะยิ้มรีบมาหา
“อยากเลื่อนขั้นมั้ย!”
อาต๊ะพยักหน้ายิ้ม
สีหน้าแรมที่ยากจะคาด

ในห้องประชุมขนาดเล็ก
สารวัตรบัญชายืนอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์เพื่ออธิบายแผนล่อซื้อยาจากแก๊งของแรม น้ำผึ้งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
เธอกดเล่นไฟล์เสียงตำรวจ 5-6 คนในที่ประชุมฟังเสียงของแรมที่ไซเรนแอบดักฟังและอัดมาให้
บัญชาชี้ไปที่แผนที่ น้ำผึ้งกดไปที่สไลด์ถัดไป ที่จอโปรเจกเตอร์เป็นพิกัดบน GPS
“คาดว่ามีของกลางล๊อตใหญ่ งานนี้แรมจะส่งลูกน้องมาคนเดียว ซึ่งเค้าจะเป็นพยานคนสำคัญให้กับงานของเราต้องจับเป็นเท่านั้น ผมขอย้ำอีกครั้งนึงว่า “ต้อง-จับ-เป็น-เท่า-นั้น”
ทุกคนรับทราบ
ลูกน้องในทีมทุกคนยกมือขึ้นมาตะเบ๊ะ

ไซเรนขับรถเข้าไปในโกดังและจอดรถ เขาเห็นว่าเสี่ยวิชัยกับลูกน้องมารออยู่แล้ว
เสี่ยวิชัยบอก “ขอดู!”
ไซเรนเปิดท้ายรถ เห็นแพ็คยาเสพติดแน่นอยู่เต็ม เสี่ยวิชัยสุ่มหยิบมาแพ็คหนึ่งแล้วส่งให้ลูกน้อง
ลูกน้องของเสี่ยวิชัยเอามีดมากรีดถุงพบว่าข้างในเป็นยาเสพติดล้วนๆไม่ย้อมแมว
เสี่ยวิชัยยิ้มอย่างพึงพอใจ
เสี่ยวิชัยบอกกับลูกน้อง “ขนไปใส่ท้ายรถ”
“เดี๋ยวก่อน... เงินมาของไป”

เสี่ยวิชัยส่งสัญญาณให้ลูกน้องหยิบเงินมา ลูกน้องเสี่ยวิชัยหยิบกระเป๋าเจมส์บอนด์ออกมาและเปิดมาโชว์ไซเรนว่า ในนั้นมีเงินอยู่จริง ไซเรนยิ้มอย่างพอใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น