xs
xsm
sm
md
lg

ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 1

ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม

ไร่แห่งหนึ่ง ทางภาคเหนือภายในบ้านธาวิน ผู้เป็นเจ้าของฉายา “ตี๋ใหญ่”

ธารินเกิดใน “โจโรฤกษ์” เฉกเช่นเดียวกับมือปืนดังในอดีต
ตอนเช้าสาย บริเวณใกล้หน้าต่างตรงหัวเตียงมีนาฬิกาปลุกวางอยู่ลมอ่อนๆโชยพัดม่านปลิว
เสียงติ๊ดดดดด จากนาฬิกาปลุก ดังยาว มือของหลินคลำจะไปกดปิดเสียงนาฬิกาที่ดังต่อเนื่องอยู่นั้น…
ทว่ามือของตี๋ใหญ่เอื้อมมาก่อนจะกดนาฬิกา เสียงติ๊ดดดด ของนาฬิกาปลุกเรือนนั้นหยุดลง ตี๋ใหญ่จับมือของหลินดึงกลับเข้าไปแล้วคลุมโปงต่อ
จากเท้าของทั้งคู่ที่ปลายเตียง เห็นร่างของคนสองคนหยอกล้อเคลื่อนไหวใต้ผ้าห่มเสียงหัวเราะดังคิกคักดูเหมือนหลินจะจี้เอวตี๋ใหญ่ทำให้เขาหัวเราะออกมา
ร่างของคนทั้งสองยังอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ไปค่ะ..ลุกได้แล้วสายแล้ว”หลินบอก
“เพิ่ง 7 โมงเอง”ตี๋ใหญ่ว่า
หลินเอามือออกจากผ้าห่มยกมือขึ้นเหนือหัวเตียงจนโดนเเสงแดด
“เเดดส่องเข้ามาถึงเตียงแล้วคนขี้เกียจลุกๆ”
“วันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นเร็วมั้ง”
“สายเเล้วตื่นได้แล้วเดี๋ยว...”
“นอนต่ออีกหน่อยก็ได้หนิไม่มีใครว่าอะไรหรอกน่า”ตี๋ใหญ่บอก
เสียงพาสเวิร์ดตะโกนออกมา
“พี่ตี๋พี่หลินยังไม่ตื่นกันอีกเหรอ 8 โมงเเล้วหิวข้าวแล้วนะ”
หลินกับตี๋ใหญ่หัวเราะไปพร้อมกันเเล้วเปิดผ้าห่มออกมาเห็นตี๋ใหญ่กับหลินนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง
หลิน เมียตาบอดของตี๋ใหญ่มีอาการนิ่งงันไปก่อนจะเอื้อมมือเข้ามาคลำหน้าตี๋ใหญ่เบาๆ
ตี๋ใหญ่ถาม “เป็นอะไร”
“อยากมองหน้าเห็นวินที่มีความสุขเเบบนี้จัง”
ตี๋ใหญ่ดึงมือหลินมาจูบ
“ไม่เห็นน่ะดีแล้วถ้าเห็นแล้วตกใจหนีผมไปล่ะรู้เเค่ว่าผมมีความสุขก็พอเเล้ว”
หลินคลำหน้าตี๋ใหญ่ช้าๆ นิ่งๆเพียงเดี๋ยวเดียว สีหน้าเศร้าก็ยิ้มออกมา
“ใช่ๆต้องน่าเกลียดมากแน่”
“มากกว่าที่คุณคิดเยอะมากๆด้วย”ตี๋ใหญ่บอก
ตี๋ใหญ่ดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งเขาและหลินไว้อีกครั้งทั้งคู่หัวเราะกันต่อ

ภายในบ้านอาต๊ะเวลากลางวัน
อาต๊ะกำลังป้อนข้าวให้แม่ที่ป่วยอยู่
“เดี๋ยวจะไปหาของป่ากับเพื่อนซักสองสามวันนะ”อาต๊ะบอก
“ไปทำไมลำบากเปล่าๆทำไร่ก็ดีอยู่แล้ว”แม่ว่า
“ทำไร่ได้วันละ 100 -150 เมื่อไหร่แม่จะสบายล่ะ”
“ยังกะหาของป่าแล้วจะได้เงินเยอะแยะเดี๋ยวถูกจับกันพอดีแค่นี้ก็พอแล้วลูก”
แม่พูดพลางอ้าปากรับข้าวที่อาต๊ะป้อนให้ทั้งสองยิ้มให้กัน
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็กลับ”อาต๊ะบอก
อาต๊ะลุกไปเตรียมเสบียงของกินแบบง่ายๆใส่ห่อไปกินระหว่างทาง

ตี๋ใหญ่หลินพาสเวิร์ดช่วยกันทำอาหารที่กลางแจ้งมีฉากหลังเป็นธรรมชาติที่สวยงาม
อยู่กลางขุนเขามีทุ่งดอกไม้ลดหลั่นกันเป็นลำดับ
พาสเวิร์ดตีไข่เสร็จส่งให้ตี๋ใหญ่ทอดหลินปอกหอมอยู่ไกลๆและกำลังผสมอาหารเช้า
“พาสเวิร์ดมาช่วยพี่หลินเขาปอกหอมก่อน”ตี๋ใหญ่บอก
“ก็ไม่อยากจับมีดนี่”พาสเวิร์ดบอก
หลินทัก“วินระวังไข่ไหม้นะ”
หลินปอกหอมพลาดเผลอโดนมืดจนนิ้วมือเลือดไหลหลินกุมมือตัวเองตี๋ใหญ่เดินมาพอดี
หลินรีบกุมมือข้างที่มีเลือดหลบไปไม่ให้ตี๋ใหญ่เห็นเสไปหยิบชามแทน
ตี๋ใหญ่มองดูไข่ที่กระทะก็เห็นว่าไข่ไหม้จนดำหมดเเล้วตี๋ใหญ่ขำตัวเอง
“...จ้ะ”
ตี๋ใหญ่กำลังจะโยนไข่ทิ้ง
หลินยิ้มบอก “ไม่เป็นไรไม่ต้องทิ้งหรอกเดี๋ยวให้หมูกินก็ได้”
พาสเวิร์ดหน้าบึ้งๆเหมือนถูกขัดใจเดินมาหั่นผักต่อจากหลิน
ขณะที่หลินแอบซุกอยู่และจับมือตัวเองที่เลือดกำลังไหลซึมออกมาหลินเอามือไปผ่านก๊อกน้ำ
เห็นเลือดและน้ำผสมกันและไหลผ่านท่อไป

ภายในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง
เรย์ สาวสายบู๊ นายร้อยตำรวจหญิงมือใหม่เดินเข้ามาสำรวจในบ้าน และหยุดมองท่านรองเผด็จ
ขณะนั้น เผด็จยืนหันหลังพูดโทรศัพท์เรย์มองจากด้านหลัง
เสียงเผด็จว่า “ว่าไง …..อืมๆ” จากนั้นเผด็จยังพูดต่อไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้ยินในบทสนทนานั้น
จากเผด็จ ... ผ่านไปอีกคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น คือ จ่าทองดีใส่เสื้อกล้าม เผยรอยสักอินทรีย์
คาบบุหรี่เพิ่งเดินลงมานั่ง
เหมือนจ่าทองดีจะเล่นโทรศัพท์อยู่จริงๆแล้วส่งข่าวผ่านต่อตำรวจคนอื่นๆส่วนตำรวจอีก3-4 นายบ้างดูทีวีเฟสไทม์คุยกับลูกตำรวจคนหนึ่งขอบุหรี่ทองดี
ตำรวจ1พูดกับจ่าทองดี “พี่ทองดีขอตัวดิ”
ทองดีล้วงซองบุหรี่โยนให้ตำรวจคนนั้นรับ
“โหรุ่นนี้ยังดูดกรองทิพย์อีกเหรอ”
“ดูดอะไรแม่งก็มะเร็งเหมือนๆกันแหละเก็บตังค์เอาไว้เปลี่ยนปอดดีกว่า”
“แล้วจะดูดทำไมเนี่ยพี่” ตำรวจ 1 หันไปมองเรย์“ซักตัวมั้ยเรย์”
ตำรวจยื่นบุหรี่ให้เรย์ที่กำลังหยิบกล่องกระสุนและแม็กสำรองมาเตรียมบรรจุ
เรย์หยิบมาดูนัดนึงเห็นว่าเป็นกระสุนหัวระเบิด
“ไม่ค่ะขอบคุณ”เรย์ตอบ
“แก้เครียดได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะไม่ได้เครียด”
จ่าทองดียื่นบุหรี่ให้คนอื่นๆ พลางถามติดตลก
“อ่ะถ้างั้นใครเครียดบ้างเครียดน้อย 1 ตัวเครียดมาก 2 ตัว”
ตำรวจ1บอก “โถบุหรี่ไม่ใช่ถั่วนะพี่”
ตำรวจทุกคนในห้องพักหัวเราะอย่างสนุกสนานเรย์ท่าทางอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ
เรย์กลับไปนั่งบรรจุกระสุนใส่แม็กแต่ทำลูกกระสุนตก
ลูกกระสุนกลิ้งไปชนเท้ารองฯเผด็จเขาเอื้อมมือหยิบพร้อมกระสุนยื่นให้เรย์ เรย์มอง รับกระสุน รองฯ เผด็จ หน้านิ่งๆ
เรย์สีหน้าอายที่ตัวเองทำพลาดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานแต่พยายามทำเป็นเฉยๆไม่ให้คนอื่นจับได้ว่าอ่อน
เผด็จสั่ง “ทุกคนพร้อมเดินทางในสิบนาที”
รองฯ เผด็จเดินออกทุกคนเริ่มเก็บของเรย์รีบบรรจุกระสุนจนเสร็จและเตรียมตัวเช่นกัน

รถคันหนึ่ง แล่นอย่างโยกโยนมาตามความขรุขระของถนนหว่างหุบเขาลึกชายแดนภาคเหนือ บางช่วงล้อรถย่ำน้ำรถกระบะคันเดิมที่มีเสือนั่งอยู่ด้านท้าย
รถอีกคันตามหลังมารถวิ่งผ่านแถบพุ่มไม้รกมีคนโผล่ออกจากพุ่มไม้ทีละคนเป็นอาต๊ะและชาวเขาคนอื่นๆ
ทุกคนกระโดดขึ้นหลังรถกระบะทีละคนอาต๊ะดูเงอะงะพยายามวิ่งตามรถกระบะและกระโดดขึ้นได้เป็นคนสุดท้าย
อาต๊ะท่าทางดีใจที่กระโดดขึ้นมาได้พอเงยหน้าขึ้นเท้าของเสือยกถีบจนอาต๊ะกลิ้งลงจากรถกระบะ
ชาวเขาทุกคนที่ขึ้นไปได้ก่อนมองอาต๊ะ ...ยิ้มๆเหมือนรู้กัน
อาต๊ะงุนงงแต่เห็นรถชะลอความเร็วลงอาต๊ะรีบวิ่งตามรถกระบะไป
อาต๊ะกระโดดขึ้นได้อีกครั้งแต่ก็ถูกเสือถีบลงไปอีก
เสือยิ้มสนุก
อาต๊ะมุ่งมั่นวิ่งกระโดดขึ้นได้อีกครั้งแล้วหาอะไรเกาะเสือยิ้ม
อาต๊ะท่าทางโมโหวิ่งตามรถกระบะไปและกระโดดขึ้นบนรถได้สำเร็จเป็นหนที่สาม
อาต๊ะเสียวๆมองหน้าเสือ เสือทำท่าเหมือนจะถีบแต่ไม่ถีบ
รถวิ่งหายไปไกล ... อาต๊ะถอนหายใจโล่งและหาที่ทางของตัวเองเพื่อนั่งบนรถกระบะ

ทางด้านรองเผด็จนำทีมตำรวจออกไปนอกบ้านพัก
ภายนอก...ทุกคนสวมชุดธรรมดาเดินชิลๆไม่มีลักษณะของตำรวจเลย ...
เผด็จไปถึงรถนำกระเป๋าใส่ท้าย ที่ท้ายรถมีอาวุธทุกประเภทลังกระสุนปืนยาวออโตเมติกลูกซองอยู่ในนั้นเพียบ

รถเคลื่อนออกไป

รถกระบะของเสือแล่นมาจอดที่หน้าเพิงแห่งหนึ่งมีแสงเทียนวอมแวมออกมาจากภายใน

อาต๊ะลงจากรถกระบะพร้อมชาวเขาอื่นๆเสือเดินนำเข้าไปในเพิง

กลุ่มของรองฯ เผด็จเดินตามกันในป่า ตอนกลางคืน
ต่อมา ... ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่หน้ากระติ๊บข้าวเหนียวขณะที่ทองดีกำลังแกะห่อใบตองและคลี่ออกเ อาหารเป็นน้ำพริกปลาร้าขลุกขลิก
รองฯ เผด็จกำข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกกินร่วมกับเพื่อนๆตำรวจ
ร้อยตำรวจหญิงเรย์แยกตัวอยู่ห่างๆมองทุกคนกินอย่างใจเย็นขณะที่ตัวเองกินอะไรไม่ลง
เผด็จมองเรย์อย่างเป็นห่วงและหันไปบอกจ่าทองดี
“เดี๋ยวเปลี่ยนแผนให้เรย์อยู่ท้ายละกันไม่ต้องให้ไปพร้อมเรา”รองฯ เผด็จบอก
จ่าทองดีพยักหน้าแล้วเดินไปกระซิบกับเรย์เบาๆ
“เรย์หัวหน้าเปลี่ยนเเผนอยากให้หนูรออยู่นี่ไว้จับกุมเสร็จเเล้วหนูค่อยตามไปสมทบนะ”
เรย์สีหน้าเหมือนถูกดูถูก
“เหตุผลคืออะไรคะเเล้วพี่ก็เลิกเรียกชั้นว่าหนูเถอะค่ะ”เรย์กำลังจะลุกไป
“เดี๋ยวๆ" จ่าทองดียกมือห้ามเรย์ไว้ "ตอนออกสนามครั้งแรกก็แบบเนี้ยแหละหัวหน้าให้พี่ไปรอข้างหลังเค้าไม่ได้กลัวว่าพี่จะทำพลาดหรอกหัวหน้าเค้าไม่อยากเสียสมาธิต้องมาเป็นห่วงคนที่ยังใหม่อยู่น่ะ”ทองดีพูดต่อ
“หัวหน้าคะ เรย์ขอไปด้วยนะคะ ถ้าเกิดฉันไม่ได้ลงภาคสนามจริงซักที เมื่อไหร่จะเข้าใจการลงสนามจริงๆซะทีละคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้ทีมต้องเป็นกังวลคะ ขออนุญาตไปด้วยนะคะ”
รองฯเผด็จได้แต่นิ่งมองเรย์อย่างทำอะไรไม่ถูก กับความมุ่งมั่นของเรย์

เวลากลางคืน อาต๊ะสะพายเป้สีส้มไว้บนหลังนั่งอยู่ในวงล้อมของพวกชาวเขาที่สะพายเป้กันไว้คนละใบ
เสืออยู่ตรงกลางแบมือออกเห็นกระดูกไก่ในมือ
เสือสั่งให้อาต๊ะแบมือชาวเขาอีกคนเอาเสี้ยนไม้จิ้มลงบนมืออาต๊ะ
อาต๊ะสะดุ้งและเห็นว่าเสี้ยนไม้นั้นแทงไม่เข้ามืออาต๊ะแค่เจ็บๆเท่านั้น
อาต๊ะกำเสี้ยนไม้นั้นแล้วส่งให้เสือเสือนำมาปักลงบนกระดูกไก่ที่เตรียมไว้ปรากฏว่าเสี้ยนไม้นั้นสามารถปักลงบนกระดูกไก่ได้
ชาวเขาทุกคนยิ้มดีใจ
เสือโยนกระดูกไก่ทิ้งและหันไปบอกทุกคน
“ไป”เสือสั่ง
พวกเสือเดินเท้าออกไป ...
ชาวเขาคนหนึ่งเดินมาดูกระดูกไก่และหยิบขึ้นมาเสี้ยนไม้นั่นหล่นออกจากระดูกไก่

อีกมุมหนึ่งของไร่
มือของหลินที่มีพลาสเตอร์ปิดกุมมือตี๋ใหญ่อยู่
หลินมีท่าทางเหม่อๆ
ไกลออกไป ... พาสเวิร์ดเล่นอยู่กับชาวเขาหนุ่มๆชาวเขาหนุ่มๆเหล่านั้นกำลังสอนพาสเวิร์ด หนุ่มออทิสติคเก็บดอกไม้
ตี๋ใหญ่เพิ่งกลับมาเดินไปนั่งกับหลินหลินยื่นน้ำให้
“พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วนะสวยมากท้องฟ้าเป็นสีส้มเหลืองหน่อยๆ”
“สีเหมือนกับอะไรล่ะ”หลินถาม
“สีเหมือนกับ...ไอติมรสส้มผสมกับวานิลลา”
หลินยิ้มเพราะรู้สึกได้ทันที ...
“สดชื่นจังน่าอิจฉา”
“เรื่องไร”
“ได้เห็นท้องฟ้าสวยๆแบบนี้ทุกวัน”
“คงไม่สวยเท่าภาพในจินตนาการของหลินหรอก”
ทั้งคู่นั่งพิงกันหวานๆ

เนินเขา เหนือลำธาร รองฯ เผด็จอยู่ในจุดที่สูงกว่า อันเป็นจุดได้เปรียบ
กลุ่มของเผด็จเคลื่อนคืบเข้ากระจายตัวประจำจุดต่างๆ
หลังเนินหินหลังต้นไม้มีตำรวจประจำตามจุดต่างๆทั้งสองฝั่งของทางเดินเล็กๆในป่า
รองฯ เผด็จมองผ่านกล้องส่องทางไกลเห็นทุ่งหญ้าเงียบสงบไม่ไหวติง

กลางทุ่งที่เงียบสงัดสงบเสือได้รับข้อความเข้าจากทางมือถือ
เขายกมือถือขึ้นมาอ่านเป็นข้อความจากแกงค์ 21 เห็นชื่อผู้ส่ง ...อินทรีย์เป็นข้อความส่งมาเตือนเรื่องตำรวจ ...
เสือยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดเดิน
เสือมองไปรอบๆทำสัญญาณมือเรียกชุดคุ้มกันอีก 3 คนตามออกไปทิ้งพวกขนยาเเละพวกคุ้มกันที่เหลือไว้ข้างหลัง
อาต๊ะมองตาม ได้ยินชาวเขาคุยกัน
“ชะลออีกจะถึงกี่โมงวะ”
“หยั่งงี้มีเช้าแน่”
อาต๊ะสีหน้าเป็นกังวลอาต๊ะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดู

อาต๊ะหยิบมือถือออกมาเช็คเวลานัดหมายอย่างเครียดๆ
แก๊งคนหนึ่งปัดมือถืออาต๊ะตกลงแล้วตบหัวอาต๊ะแรงๆ
อาต๊ะกุมหัวตัวเองอย่างงงๆพร้อมกับก้มลงไปเก็บมือถือ

สายตารองฯ เผด็จมองผ่านกล้องเห็นแสงไฟวูบดับไปทุกอย่างเหลือแต่ความมืด ...
ในความมืด ... รองฯ เผด็จสังเกตว่ากลุ่มขนยาที่เดินเข้ามาเเล้วเหมือนจะหยุดอยู่ไม่ไกลเเล้วไม่ยอมเดินต่อ รองฯเผด็จหันไปมองหน้าจ่าทองดีและเพื่อนตำรวจคนอื่นๆ
“ทุกคนระวังตัวผมว่า...”
จ่าทองดีเริ่มประหม่าพลางบอก
“เหมือนตอนแม่ยัพเลยหัวหน้า”
รองฯ เผด็จหันไปพยักหน้าให้นายตำรวจอีกคนหนึ่ง
ตำรวจคนนั้นเอาพลุออกมา
ตำรวจทุกคนเอาปืนมาประทับที่บ่า
ร้อยตำตรวจหญิงเรย์มีอาการสั่นขึ้นเรื่อยๆแต่พยายามหายใจเข้าออกช้าๆจ้องไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่
ตำรวจนายหนึ่งปาพลุไฟขึ้นบนฟ้า
พลุไฟสว่างวาบ… แสงไฟสีเเดงกระทบขบวนค้ายาที่ยืนอยู่
ทันใดนั้นเองภาพจากด้านบนเห็นว่าพวกเสือและพวกคุ้มกันที่เเยกตัวออกจากขบวนล้อมพวกเผด็จไว้อยู่ตั้งนานแล้วและกำลังเล็งปืนมาทางพวกเขา
เสือก็เปิดฉากยิงทันที
อาต๊ะสะดุ้ง !
ลูกน้องที่อยู่ข้างรองฯเผด็จล้มลง ตายไป 2 คนทันที
“มันอยู่ข้างหลังเรา ! หันไปหันไป!”รองฯเผด็จ ตะโกนบอก
เรย์กำลังจะเหนี่ยวไกจะยิงเสือแต่เห็นตำรวจคนหนึ่งโดนยิงหัวเลือดสาดล้มลงต่อหน้า
เรย์ถึงกับชะงักและทำอะไรไม่ถูก
ด้านหลัง ... กลุ่มอาต๊ะที่สะพายเป้สีส้มกำลังวิ่งดาหน้าเข้าหาตำรวจ
พร้อมยิงสมทบกับพวกเสือไปด้วย
ไกลออกไป … จากบนที่สูงเห็นแสงไฟกระสุนในทุ่งหญ้าวิ่งเป็นพายุสาดจากสองทางเข้าหารองฯ เผด็จ
เผด็จวิ่งเข้าไปอยู่หลังที่กำบังซึ่งเป็นหินและเห็นเรย์นั่งตัวแข็งอยู่และดูลังเลในการยิงโต้ตอบแต่ละครั้ง รองฯ เผด็จตะโกนบอก
“ยิงกลับไปคุมพื้นที่ตัวเองเอาไว้!”
เรย์เริ่มยิงตอบโต้รัวขึ้นเผด็จนำทุกคนยิงไปด้วยหนีไปด้วยเพราะตอนนี้เค้าถูกยิงกระหนาบจากสองฝั่ง
“ถอยก่อนๆ”รองฯเผด็จสั่งการ
ระหว่างถอย ... หลายคนถูกยิงทรุดลง รองฯ เผด็จเข้าพยุงก็ถูกยิงซ้ำจนตายต่อหน้า ทั้งเผด็จทองดีเรย์หนีพลางยิงพลางแต่ก็พลาดกลิ้งตกลงไปที่ต่ำเสียงปืนค่อยๆบางลงจนเงียบไปในที่สุด ...
รองฯ เผด็จและทุกคนหายใจหอบมองนาฬิกา
“ทุกคนอยู่กับที่ก่อนรอให้สว่างก่อน”

เรย์ทองดีตระหนกแต่พยายามเก็บอาการ

เวลาต่อมา ... ตี๋ใหญ่เปิดประตูบ้านเดินออก เขามองไปทางป่าที่ยินเสียงปืนดังก้องอยู่

หลินเดินตามออกมาเช่นกัน
“มีอะไรเหรอวิน”
“ไม่มีไรเหมือนได้ยินเสียงฟ้าร้องน่ะหลินไปตามพาสเวิร์ดหน่อยสิ”
ตี๋ใหญ่รอจนหลินเดินไปอีกห้อง จึงย่อตัวลงแล้วดึงตะปูพื้นกระดานไม้ออกเพื่อเตรียมทางหนีทีไล่

ต่อมา ... ลูกน้องเสือที่ถูกยิงบาดเจ็บร้องโอดโอยอยู่อาต๊ะมองที่แผลของเพื่อนเห็นเลือดทะลักไม่หยุด
เสือเดินมามองลูกน้องในมือถือน้ำบรรจุขวดพลาสติก
อาต๊ะยื่นมือจะขอน้ำจากเสือให้คนเจ็บ
เสือกินน้ำแล้วเทน้ำในขวดทิ้งจนหมด
เเล้วเอาขวดต่อเข้ากับปากกระบอกปืนเพื่อเก็บเสียงเเล้วยิงคนเจ็บตายคาที่
อาต๊ะตกใจช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าและมองหน้าเสือ
“มันไปต่อไม่ไหวแล้วร้องเสียงดังเดี๋ยวจะพากันตายหมด”
อาต๊ะเริ่มกลัวจนตัวสั่น
เสือเดินไปมองที่ทางอยู่พักหนึ่งก็เดินกลับมาหากลุ่ม
“เปลี่ยนเส้นทาง”เสือตัดสินใจ
เสือนำกลุ่มขนยาเดินหายไปในป่าตามเส้นทางใหม่ที่เขาเลือก

ทุ่งหญ้าสูง สวย และดูแปลกตา เป็นจุดที่ รองฯ เผด็จมาดักเพราะเชื่อว่ากลุ่มเสือจะต้องตัดเส้นทางนี้เพื่อเปลี่ยนทางร่นระยะเวลาที่เสียไป
เสือเดินทางอย่างระวัง รองฯ เผด็จเดินเร่งรีบเรย์วิตกเสือดุๆในป่า
รองฯ เผด็จมีคนแกะรอยเท้าเผด็จดูแผนที่ประเมินสถานการณ์
“มันต้องข้ามตรงจุดนี้แน่เพื่อร่นเวลาที่มันเสียไป”เผด็จบอก
เสือเดินต่อ… มาหยุดตรงธารน้ำตกแห่งหนึ่ง ...
เสือแวะพักระหว่างกำลังกวักน้ำล้างหน้าอยู่เขาก็สังเกตเห็นรอยเท้าที่จมอยู่ในน้ำ
เสือสีหน้าเหมือนรู้แล้วว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาถึงจุดนี้ก่อนเขา
เผด็จกำลังซุ่มและจับตามองเสืออยู่
เสือค่อยๆลุกขึ้นจากน้ำทุกคนอ่านสายตาเสือออก ...
เผด็จเเละตำรวจอีกสามคนเล็งปืนไปที่กลุ่มโจรที่กำลังหันหลังอยู่
ตำรวจทุกคนค่อยๆจรดนิ้วไปที่ไกปืนและนิ่งอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ
เสื้อทำท่าถอดสายสะพายปืนเเล้วกำลังจะวางปืนกับพื้นจู่ๆเสือก็หันมาสาดกระสุนใส่ตรงที่ซุ่มของตำรวจไม่ยั้งเห็นตำรวจคนหนึ่งในกลุ่มเผด็จถูกกระสุนไปหลายนัด
รองฯ เผด็จเอนตัวออกจากที่ซ่อนและยิงปะทะกับเสือ
จ่าทองดี และร้อยตำรวจเอกหญิงเรย์ยิงสู้กับพวกขนยาตอนนี้ยิงโต้กลับมาทุกคนเเล้ว
อาต๊ะตกใจวิ่งหนีเตลิดไปจากกลุ่ม

ต๊ะวิ่งหนีเตลิดไปพร้อมกับเป้สีส้ม

ฝ่ายเผด็จเรย์ทองดีรุกยิงคืบไป

เสือและลูกน้องยิงตอบโต้เผด็จและพรรคพวกอย่างเอาเป็นเอาตาย

อาต๊ะวิ่งมาชนรองฯ เผด็จล้มลงแล้วพยายามจะวิ่งหนี
เผด็จรีบตามไปกระชากเป้อาต๊ะไว้
อาต๊ะหันมาต่อสู้เผด็จต่อยอาต๊ะล้มเอาเข่ากดคอเเล้วเอาปืนพกออกมากดหน้าอาต๊ะเอาไว้
อาต๊ะตกใจร้องห้าม
“อย่า!! อย่าฆ่าผมเลยผมมีแม่รออยู่แม่ผมรอที่บ้านนะอย่าฆ่าผมเลยพี่…”
จ่าทองดีวิ่งตามมาพอดีเผด็จดึงตัวอาต๊ะขึ้นมา
“เมื่อคืนพวกมึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ตรงไหน”
อาต๊ะสั่นหน้าไม่รู้เรื่องจ่าทองดีโล่งใจที่อาต๊ะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนบอกเสือ
เผด็จกระชากต๊ะยืนขึ้นเสียงปืนดังขึ้นอาต๊ะถูกยิงแทน
เสือพร้อมพวกคนคุ้มกันปรากฏตัวขึ้น ...
จ่าทองดีหันไปยิงสวนกับพวกเสือ
จ่าทองดีถูกยิงเฉี่ยวหัวไหล่ล้มลงเรย์ยิงสวนโดนลูกน้องฝ่ายตรงข้ามตายคนหนึ่ง
เรย์ดีใจที่ตัวเองกล้ายิงในที่สุด !
เสือเห็นลูกน้องคนสนิทตายเสือแค้นจัดหันมากราดยิงฝ่ายตำรวจอย่างบ้าคลั่ง
รองฯ เผด็จหันไปบอกทองดีกับเรย์“ระเบิดควัน!”
เรย์กับทองดีจับระเบิดควันที่เเขวนอยู่ที่เสื้อ Tactical Vest
ควันสีขาวจากระเบิดควันฟุ้งไปทั่วทั้งป่าเผด็จถอยคุมเชิงลากต๊ะไปด้วยแต่หลุดมือไปในที่สุดเสือคลั่งยิงจนกระสุนหมดควันจาง ... เสือหายไปแล้วรวมทั้งต๊ะด้วยเผด็จเห็นแต่รอยเลือด
เสือเดินเร่งรีบพูดกับพวกเเบกหาม
“พวกมึงเอายาไปส่งที่จุดนัด" แล้วบอกกับพวกถือปืน "พวกมึงตามกูมา”

อาต๊ะเลือดออกมากจากการโดนยิงวิ่งหัวซุกหัวซนเข้ามาในเขตใกล้ไร่ของตี๋ใหญ่
อาต๊ะเห็นบ้านในไร่หลังหนึ่งอยู่ไกลๆ
อาต๊ะเดินลุยเข้าไปในสวนของตี๋ใหญ่ทำให้ดอกไม้เปื้อนเลือดเต็มไปหมด
ด้านหลังของอาต๊ะยังมีเป้สีส้มอยู่

ด้านพาสเวิร์ดออกมาดูผลผลิตในสวนและทักทายกับดอกไม้ทีละต้น
“หวัดดีเจนวันนี้หน้าตาสดใสเชียวนะอ้าว ... จอร์จวันนี้เหี่ยวเชียะไม่บายหรอสมชายหนวดครึ้มเชียวนะเดี๋ยวเล็มให้เอาป่ะ”
แล้วพาสเวิร์ดก็เอากรรไกรเล็มใบทิ้งให้
พาสเวิร์ดเห็นรอยเลือดที่ดอกไม้ก็ตกใจ !
อาต๊ะโผล่พรวดออกมาจากในสวนดอกไม้จับขาพาสเวิร์ดไว้อาต๊ะอาต๊ะเลือดท่วมเเขนอ้อนวอน
“ช่วยผมด้วย!”
“เหวอออออ”
ตี๋ใหญ่วิ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี อาต๊ะนอนสลบอยู่ที่กลางทางหลินมาถึงจมูกฟุตฟิตๆ
“เลือดเต็มไปหมด”
ตี๋ใหญ่รีบเข้าไปดูเเผลของอาต๊ะ
อาต๊ะฟื้นขึ้นจับแขนตี๋ใหญ่
“ช่วยผมด้วย”
“โจรรึป่าวไม่รู้แจ้งตำรวจกันเถอะ”พาสเวิร์ดบอก
ตี๋ใหญ่รีบแกะมือออก
“ออกไป!”
“พี่ครับมันปวดมากพี่ช่วยผมหน่อย”อาต๊ะอ้อนวอน
หลินเดินเข้าไปจับแขนตี๋ใหญ่นั่งลงจับแขนอาต๊ะและโดนเลือดชุ่มหลินสัมผัสได้ถึงเลือด
“ช่วยเค้าก่อนเถอะวิน”
พาสเวิร์ดมองหน้าตี๋ใหญ่พาสเวิร์ดส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เอา
“ผมไม่ใช่โจรนะครับผมเก็บของป่ามีคนที่ไหนไม่รู้ยิงกันผมเลยโดนลูกหลงแม่ผมรออยู่ที่บ้านแม่ป่วยอยู่ด้วยถ้าผมไม่กลับไปแม่ตายแน่”
“กลับเข้าบ้านเลยทุกคน" ตี๋ใหญ่สั่ง แล้วมองอาต๊ะ "ออกไป!”
“วิน!”
ตี๋ใหญ่จ้ำเข้าบ้านจูงหลินไปด้วยไกลออกไป ด้านหลัง อาต๊ะฝืนตัวลุกขึ้นแล้วล้มลง
พาสเวิร์ดเห็นแล้วพูดว่า “ล้มล้มแล้วพี่ตี๋ตายแล้วมั้ง”
ตี๋ใหญ่หยุดชะงักไปทันที

ต่อมา ภายในบ้าน ตี๋ใหญ่เย็บแผลที่เเขนให้อาต๊ะอาต๊ะกัดฟองน้ำไว้หลินนั่งอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณนะวิน”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้าเบาๆอย่างรู้สึกจำใจแล้วทำแผลให้อาต๊ะต่อ
“กระสุนทะลุไปไม่โดนกระดูกก็ไม่น่าจะมีอะไร”
หลินช่วยส่งยาแก้ปวดกับน้ำให้
พาสเวิร์ดเอาโจ๊กมาให้กิน
อาต๊ะรับไปแล้วรีบซดเฮือกๆ
ตี๋ใหญ่จับตาดูอาต๊ะแบบไม่วางใจ
“ขอบคุณมากครับขอบคุณมากผมจะไม่มีวันลืม”
แต่ธาวินกลับเสือกไส “ไปได้แล้ว”
“ครับครับ”

อาต๊ะมองไปที่นาฬิกาในบ้าน ...เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว อาต๊ะมีท่าทีกังวล

รองฯ เผด็จ จ่าทองดีเเละเรย์กลับมาจุดโดนซุ่มพร้อมกำลังเสริมของตำรวจที่ตามมาแล้ว

นายตำรวจที่ยืนรออยู่ยก ว. ขึ้นพูดแล้วก็หันมาบอกเผด็จ
“ทางรพ.แจ้งมาว่าเมษทนพิษบาดแผลไม่ไหวสรุปเราเสียคนของเราไป 3 ครับพี่”
รองฯ เผด็จสีหน้าเครียด
“เมื่อคืนน่าจะข่าวรั่วมันถึงรู้ตัวก่อน”เรย์บอก
จ่าทองดีโกหกเพื่อปกป้องตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้ก็มีหัวหน้าคนเดียวที่รู้”
รองฯ เผด็จฟังเงียบๆพร้อมกับตรวจอาวุธประจำตัวให้พร้อมเผด็จเดินตามรอยเลือดไปจนถึงจุดหนึ่งแล้วนั่งลงมองไปไกล พลางครุ่นคิด
“ขอบคุณทุกคนมากแต่พวกคุณกลับลงไปก่อน”
“หัวหน้าจะเสี่ยงตามยาแค่เป๊อะเดียวจากเด็กนั่นเหรอคะพวกนั้นมันยังทิ้งได้ไม่สนใจเลย”เรย์ว่า
หนึ่งเป้ขนยาเรียกว่า "หนึ่งเป๊อะ"
รองฯ เผด็จไม่ได้โกรธพูดนิ่งกึ่งสอนเรย์
“แค่เป๊อะเดียวของคุณนี่แหละถ้าของเดินทางถึงกรุงเทพฯ มันก็จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรมอีกไม่รู้เท่าไหร่คุณก็ทราบไม่ใช่เหรอสำหรับคุณหรือพวกมันอาจจะไม่มีความหมายแต่ผมมี”
เรย์อึ้งๆไปเริ่มเข้าใจในความมุ่งมั่นของเผด็จ จ่าทองดีเดินเข้ามาพอดี
“เดี๋ยวผมช่วยแกะรอยให้เองครับ”
เผด็จมองจ่าทองดีก่อนจะพยักหน้านิดนึงทองดีหันไปมองเรย์เรย์มองแบบยังไม่ตัดสินใจ

มือใครคนหนึ่งจับไปที่ใบไม้ที่มีเลือด ... คือ เสือ ... พลางมองไกล เห็นบ้านตี๋ใหญ่อยู่ไกลๆ

ภายในบ้านตี๋ใหญ่ นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว
อาต๊ะเพลียหลับไปสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงดังขึ้น !
อาต๊ะรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมากดรับ
“มึงอยู่ไหนเลยเวลานัดมาสองชั่วโมงเเล้วนะ”
อาต๊ะพูดเสียงค่อยราวกระซิบ“ผมถูกยิง”
“ถ้าอีกชั่วโมงนึงมึงไม่มา …”
ตี๋ใหญ่เข้ามาคว้าโทรศัพท์อาต๊ะไป
“ก็ยกเลิกเข้าใจมั้ย”
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์เเล้วก็รู้สึกคุ้นๆเสียงคนในสาย

ภายในรถคันหนึ่ง
ชายหนุ่มผมทองนั่งรออยู่ในรถ เนื้อตัวมีรอยสักเต็มตัวถือโทรศัพท์บังหน้าตัวเองอยู่
“เข้าใจรึเปล่า...”
ชายผมทองเงียบไปซักพักเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่อาต๊ะที่ฟังอยู่เขากดวางสายไป

รองฯ เผด็จตามรอยมาถึงไร่ย่ำเท้าเข้ามาพร้อมเรย์และทองดีเเละตำรวจคนอื่นๆ

ภายในบ้าน ตี๋ใหญ่กดเเผลอาต๊ะอาต๊ะร้องด้วยความเจ็บปวดคาดคั้นถาม
“มึง!! คุยกับใครมึงโดนใครยิงมา!”
หลินเดินเข้ามา
“วินพอเถอะอย่าทำเค้าเลย”หลินว่า
“ไม่ได้แล้วหลินมึง! ออกไปเดี๋ยวนี้”ธาวินบอก
ตี๋ใหญ่ยึดเอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าตัวเองไว้ก่อนเเล้วดึงอาต๊ะขึ้นอาต๊ะร้องด้วยความเจ็บปวด
“วิน!”หลินอุทานอย่างตกใจ
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงหลินก็รู้สึกตัวเเล้วปล่อยอาต๊ะ
อาต๊ะทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเจ็บปวด
“กูให้อีกชั่วโมงนึงไปจากบ้านกูซะ”
เสียงพาสเวิร์ดดังเข้ามา
“พี่ตี๋มีใครก็ไม่รู้มา”
อาต๊ะมีสีหน้าตกใจตี๋ใหญ่ประหลาดใจหันมองหลินเป็นห่วง

ตี๋ใหญ่เดินออกมาทางด้านหน้าก็ต้องชะงัก
เงาดำของเสือยืนอยู่ พาสเวิร์ดถือผ้าชุบน้ำซึ่งเปื้อนเลือดของอาต๊ะอยู่
เสือยิ้มให้เป็นมิตรแต่ปืนอาก้าสะพายแนบลำตัวซ่อนอยู่ใต้เสื้อ แต่โผล่ออกมาให้ตี๋ใหญ่เห็น
ตี๋ใหญ่มองไปทางหน้าต่างด้านข้างเห็นลูกน้องเสืออีกคนตี๋ใหญ่ยิ้มอย่างเป็นมิตรตอบเสือ

เสือยืนอยู่หน้าประตูกับพาสเวิร์ด
“ขอน้ำกินแก้วได้มั้ยพี่”เสือว่า
“ได้สิ”
ตี๋ใหญ่หันไปที่โต๊ะหยิบแก้วกับน้ำหันกลับมาเสือก็มาอยู่ตรงหน้าตี๋ใหญ่แล้วตี๋ใหญ่ส่งน้ำให้
ตี๋ใหญ่ไม่อยากมีเรื่อง แค่อยากให้เสือออกไปจากบ้านแล้วจบเรื่องไม่อยากสู้ไม่อยากยุ่งทั้งนั้นเสือรับน้ำไปดื่ม แล้วเดินต่อไปถือวิสาสะหยิบกับข้าวหรืออะไรบางอย่างมานั่งกินที่โต๊ะตี๋ใหญ่ลงนั่งตามพาสเวิร์ดยืนมองอย่างงงๆ
“เห็นเด็กชาวเขามาแถวนี้รึเปล่า?”เสือเปิดฉากถาม
“มาแต่ผมไล่มันออกไปแล้ว”ตี๋ใหญ่บอก
“เหรอ...”
เสือพูดพลางชี้ผ้าชุบน้ำเปื้อนเลือดที่พาสเวิร์ดถืออยู่
“ผมห้ามเลือดให้เขาแล้วก็ให้ออกไปจากไร่ตั้งแต่ชั่วโมงก่อน”
เสือยิ้มเย็นๆลุกขึ้นเดินไปกินไปสอดส่ายสายตาไปตามห้องต่างๆ

เสือเดินดูจุดต่างอย่างลุ้นๆ
ใหญ่เก็บอาการ
เสือเข้าไปดูในห้องนอนที่หลินกับอาต๊ะซ่อนอยู่ข้างใต้
ตี๋ใหญ่มองอย่างหวาดเสียว
เสือดูทุกซอกมุมจนไปหยุดที่ห้องหลิน
“นั่นห้องเมียผมเค้า………..”
ไม่ทันขาดคำเสือพรวดเข้าไปตี๋ใหญ่กำหมัดแน่นตามองไปที่ปืนเสือเสือเดินเข้าไปจนใกล้หลิน
กวาดสายตาไปรอบๆ ไม่เห็นอาต๊ะแล้ว
“มีไรกันเหรอคะ”หลินถาม
“เค้า…ตาบอดครับ”ตี๋ใหญ่ตอบ
เสือยื่นหน้าเข้าใกล้หลินเช็คว่าบอดจริงป่าว
“แถวนี้มีทางออกไม่มากนอกนั้นป่าหมดถ้าผมเป็นเค้าผมจะไปที่ถนนรอโบกรถที่ผ่านมารีบไปดูที่ถนนสิเผื่อทัน”
เสือเหมือนเชื่อตี๋ใหญ่กำลังจะออกไปเสือเดินออกมามองหน้าตี๋ใหญ่นิ่งๆ
ตี๋ใหญ่ไม่ได้มองหน้าเสือ
แต่สายตาตี๋ใหญ่มองเลยข้ามไหล่เสือไปหาเผด็จที่ซ่อนอยู่ในไร่ไกลๆ
ตี๋ใหญ่กับเผด็จสบตากัน

จนรองฯ เผด็จเข้ามาในไร่ !
เผด็จ ...ยกปืนขึ้นเตรียมพร้อม จะยิงเสือเเละพวก
ตี๋ใหญ่ถอยเข้าบ้านอย่างมีจังหวะ
เสียงว.วิทยุดังเรย์สะดุ้งรีบตระครุบว. เพิ่งนึกได้ว่าลืมปิดเสียง
เสือรู้ตัว เปิดฉากกระหน่ำยิงไม่หยุดไปที่ในไร่ที่ด้านหน้า
รองฯ เผด็จรีบกระโจนหลบและดึงทองดีกับเรย์ให้หลบตามไปด้วย
กลุ่มเผด็จปะทะกับลูกน้องเสือถูกยิงตายที่หน้าบ้านธาวิน เสือยิงพลางถอยพุ่งเข้าไปในบ้านตี๋ใหญ่ทันที
เสือยิงจากในบ้านออกไป
กลุ่มเผด็จคืบเข้าประชิดบ้าน

ตี๋ใหญ่กระโจนเข้าล็อคเสือจากทางด้านหลัง

ในบ้านเสียงปืนหลายกระบอกดังสนั่นหลินเป็นห่วงตี๋ใหญ่เลยเปิดไม้กระดานออกมาดู

“วิน!”
ตี๋ใหญ่ล็อคคอเสือแน่นจนเสือหน้าเขียวเพราะขาดอากาศหายใจ
เสือควักปืนพกพยายามหันปากกระบอกปืนไปหาตี๋ใหญ่ตี๋ใหญ่จับปืนเสือให้ออกห่างจากตัวเขา
ปืนลั่นกระสุนทะลุประตูไปที่ห้องที่หลินอยู่หลายนัด
เสือเอาหลังหัวโขกจนตี๋ใหญ่เลือดกบปากจมูก
เสือพลิกตัวจะมายิงตี๋ใหญ่
เผด็จพุ่งเข้ามายิงเสือระหว่างที่เสือล้มมือยังกดไกค้างกระสุนปลิวไปทั่วเผด็จก็รัวกระสุนไปที่เสือ
ผนังด้านหลังพรุน
ในห้องหลินกระสุนทะลุกำแพงหลินร้องกรี๊ด
ตี๋ใหญ่วิ่งเข้าในในห้องที่หลินอยู่ เห็นรอยกระสุนที่หัวหลิน
ตี๋ใหญ่เข้าไปประคองตัวหลินไว้
“หลิน!”
รองเผด็จตามเข้ามาดูในห้องก็ตกใจเห็นอาต๊ะโดดหน้าต่างหนีไป

ครู่ต่อมา ตี๋ใหญ่อุ้มหลินออกมาจากห้องตำรวจกำลังเคลียร์พื้นที่ในบ้านตี๋ใหญ่ตะโกน
“พาสเวิร์ด! ไปหยิบกุญแจรถมา”
รองฯ เผด็จวิ่งไปหาตี๋ใหญ่พาสเวิร์ดตามมาพอดีเผด็จขอกุญแจ
“มาผมขับรถให้ทองดีอยู่เคลียร์ที่นี่”
“พาสเวิร์ด! อยู่นี่นะ”
รองฯ เผด็จไปถอยรถมาเรย์ช่วยตี๋ใหญ่อุ้มหลินขี้นรถ

จ่าทองดีเดินมาเช็คศพเสือเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเเล้วหยิบโทรศัพท์ของเสือไปใส่ถุงพลาสติกทันที
จ่าทองดีพูดกับพาสเวิร์ด
“ขอเก็บหลักฐานนิดหน่อยนะ”
พาสเวิร์ดมองงงตกใจ

เป้ส้มถูกดึงขึ้นจากโพรงหญ้าอาต๊ะเปิดเป้เช็คของ ทุกอย่างยังอยู่ครบ

รถขนผักกาดเต็มคัน...ผ่านมายังถนน เเล้วจอดตรงอาต๊ะ เขาเดินขึ้นมาบนถนน
อาต๊ะพยายามเปิดประตูแต่ล็อคกระจกลดลงเห็นไซเรน
ไซเรนยื่นมือมา
อาต๊ะกอดกระเป๋าแน่น“ผมก็ต้องไปส่งยาเอง”
ไซเรนปิดกระจกทำท่าจะออกรถอาต๊ะทุบกระจกไซเรนออกรถอาต๊ะวิ่งไปขวางพร้อมพูด
“เค้าบอกผมว่าจะได้ตังค์อีกครึ่งนึงตอนเอายาไปส่งยังไงผมก็ต้องเอาไปเอง”
ไซเรนหันมามองอาต๊ะอาต๊ะก็มองไซเรนกลับด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
ไซเรนตัดสินใจเปิดประตูเดินลงมาชักปืนจ่อกระชากให้อาต๊ะนั่งลงอย่างแรง อาต๊ะตกใจมาก
อีกฝ่ายค้นตัวว่า มีปืนหรืออุปกรณ์ติดตามตัวรึเปล่า
ไซเรนกระชากเป้มาจากอาต๊ะค้นดูยัดใส่อกคืนอาต๊ะไซเรนขึ้นรถอาต๊ะรีบกระโดดไปนั่งด้วย
“ถึงกรุงเทพแล้วมึงหาทางกลับเองแล้วกัน”ไซเรนบอก
อาต๊ะยิ้มดีใจรีบขึ้นรถ
“ได้พี่ๆขอบคุณคับๆ”
“มึงนั่งเงียบๆไปแล้วหยุดเรียก “ของ” ว่า “ยา”ได้แล้วห่าเอ้ย!!”
รถวิ่งออกไป
ไซเรนให้อาต๊ะแวะฉี่กินข้าวและอื่นๆไซเรนเอายาใส่ช่องลับในรถแทน
รถของไซเรนจอดรถเปลี่ยนสติกเกอร์หน้ารถ
รถแล่นต่อผ่านด่านตรวจรถคันหน้าโดนตรวจค้นอาต๊ะเหงื่อแตกเหมือนว่ารถของไซเรนก็คงไม่รอดแน่
ผิดคาด ! ตำรวจดูสติกเกอร์หน้ารถแล้วให้ผ่านอาต๊ะมองชื่นชมไซเรนที่นิ่งไม่คุยด้วยอาต๊ะเลยได้แต่กอดเป้อยู่เฉยๆ

บรรยากาศกรุงเทพฯ ในมุมสูง
ณ โรงพยาบาลตำรวจ
ใกล้ๆด้านหลังนายแพทย์ ตี๋ใหญ่หน้าเครียดดูฟิล์มเอ็กซเรย์สมองในจอคอมกับหมอ
“เศษกระสุนฝังอยู่ด้านหลังจอประสาทตาซึ่งถึงแม้คนไข้จะมองไม่เห็นแต่ก็อาจเกิดผลเสียอื่นๆขึ้นได้ตอนนี้อาการคนไข้รวมๆอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่หมอให้มอร์ฟีนทุกสองชั่วโมงเพราะคนไข้ปวดมากรอสังเกตอาการคนไข้แล้วอาจารย์หมอจะเข้ามาดูเพื่อเตรียมการผ่าตัดครับ”
แววตาตี๋ใหญ่เจ็บปวดระหว่างที่หมอพูด

ต่อมา ... ภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล
หมอมุงดูคนไข้ โดยมีโคมไฟบังอยู่
หมอวางมีดผ่าตัดเปื้อนเลือด ก่อนจะคีบเศษกระสุนมาวาง
ตี๋ใหญ่ยืนเหงาๆอยู่ด้านนอก
“พบเศษกระสุนที่ทะลุเข้าบริเวณหลังกกหูแล้วไปฝังอยู่ใกล้หลังปราสาทตาหมอผ่าเอาออกแล้วแต่ต้องรอดูอาการคนไข้อีกครั้งนะครับ”นายแพทย์บอกอาการ

มุมหนึ่งในโรงพยาบาลตำรวจ
ตี๋ใหญ่นั่งอึ้ง รองฯเผด็จและเรย์เดินเข้ามาพร้อมกาแฟในมือยื่นให้ตี๋ใหญ่เรย์ออกไปยืนมองห่างๆ
“ผมเสียใจกับเรื่องทั้งหมดครับ……คุณ”รองฯเผด็จว่า
ตี๋ใหญ่พูดไม่มองหน้า
“ธาวิน”ตี๋ใหญ่บอกชื่อจริงของตนเอง
“ผมเผด็จครับเป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษครับผมขอโทษจริงๆครับ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าไม่มองหน้าเผด็จ
“ที่เกิดเหตุเป็นไร่ของคุณใช่มั้ยครับ”
“ของหลินครับ”
เรย์จดบันทึกอยู่ไกลๆ
“คนร้ายมันมากันกี่คนครับ”รองฯเผด็จถาม
“มีเด็กคนนึงบาดเจ็บผมทำแผลให้และที่ตามมาอีกสามคน”
“คุณรู้จักกับเด็กคนนั้นเหรอครับ”
“เปล่า..”
"แล้วกลุ่มคนร้ายเข้าไปทำอะไรในบ้านครับ”
ตี๋ใหญ่ลุกขึ้นประจันหน้ามองเผด็จนิ่งๆพูดเรียบๆเก็บอารมณ์
"แล้วคุณล่ะเข้ามาทำอะไรแล้วถ้ากลุ่มคุณไม่เข้ามาก็คงไม่มีใครเป็นอะไร"
ตี๋ใหญ่เดินไป เผด็จทำหน้าแบบเดาไม่ได้

เวลากลางคืน
ไซเรนขับรถเข้าไปจอดที่ใกล้Last day Pub ไซเรนลงจากรถอาต๊ะเดินลงมาด้วยความตื่นเต้น
ไซเรนยื่นมือ
“ของ”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะเอาต้องไปเอาตังค์อีกครึ่งนึง”
ไซเรนมองหน้าอาต๊ะซักพักแล้วก็หันหลังเข้าผับไปต๊ะเดินตาม

ระหว่างทางเดินจะไปถึงห้องที่แรมจะคุยด้วย ทั้งคู่ผ่านลูกน้องแรมสองสามคนไซเรนเดินตามหลังต๊ะ
จู่ๆ ไซเรนหยุดเดินกระชากต๊ะมาคุยอย่างจริงจัง
“งานนี้มันไม่ได้สนุกแล้วก็ได้เงินง่ายอย่างที่มึงเห็นเดี๋ยวมึงเอาของเข้าไปข้างในไม่ต้องพูดไรมากได้เงินแล้วก็รีบไปเข้าใจมั้ย!”

อาต๊ะตกใจพยักหน้างึกๆ

ภายในห้องแรม ! เริ่มที่เท้าของชายคนหนึ่ง .... นิ้วพริ้วไปตามเพลงคล้ายคอนดักเตอร์

อาต๊ะมองเด็กคนหนึ่งของแรมที่กำลังนับเงินด้วยเครื่องนับเงิน อาต๊ะตาวาว
เพลงคลาสสิค Four season ของ Vivaldi ลอดออกมา
ไซเรนเดินผ่านเห็นบรรยากาศของผับ Last day ผ่านโลโก้จนกลายเป็นทางเดินไปสู่ห้องหนึ่งเมื่อเปิดประตูออกเห็นอาต๊ะนั่งกอดถุงยาอยู่มีปื้ดและลูกน้องแรมอีกสองสามคนอยู่ด้วยผู้หญิงคนหนึ่งอยู่มุมห้องยังนับเงินต่อไปเรื่อยๆ
แรมเดินไปใกล้อาต๊ะอาต๊ะลุกขึ้นกุลีกุจอ
“ผมเอา…..”
แรมยกมือห้ามพูดยิ้มๆเสียงดังกว่าปกติเพราะยังฟังเพลงอยู่
“ถอดเสื้อผ้าออก”
อาต๊ะงงพยายามพูดอีกแรมห้ามอีกพูดสั่ง
“เดี๋ยวนี้”
แรมมองไซเรนไซเรนมองแบบเดาใจแรมไม่ถูก
อาต๊ะตอนนี้เปลือยแล้ว
“เราชื่อแรมนายชื่ออะไร?”
“อาต๊ะครับ…ผมเอายามาส่ง”
แรมยกมือห้ามอีกครั้ง
“นี่นาย...ทำครั้งแรกใช่มั้ย”
ต๊ะพยักหน้าหงึกๆ
“นี่เค้าเรียกว่าเอางานมาส่งนะเอาใหม่ๆต่อ”
“มีคนจ้างให้ผมเอา…งานมาส่งแล้วให้มาเอาเงินที่เหลือ”
“ใคร?”
“ไม่รู้โทร.มา”

ก่อนที่อาต๊ะจะออกจากบ้านเห็นกล่องเหล็กอันนึงวางอยู่หน้าบ้านพอเปิดออกก็เห็นว่ามีเงินปึกนึงอยู่ในนั้นพร้อมโทรศัพท์มือถือเเล้วโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอาต๊ะกดรับ
เสียงปื้ดบอก “ฮัลโหลเอายาหนีออกมาเดี๋ยวจะมีคนไปรับแล้วมาเอาเงินอีกครึ่ง....”

ภายในห้อง แรมถามต่อ
“แล้วนายเอามาจากไหน”
“อยู่ๆก็มียิงกันผมเลยวิ่งหนีแล้วพี่หัวทองก็มารับ”
“ครั้งแรกก็ขโมยเลยใช้ได้ๆแล้วเราติดนายเท่าไหร่”แรมถาม
“ห้าหมื่น”
แรมเดินไปหยิบเงินจากเครื่องนับเงินส่งให้อาต๊ะกลัวแต่ตัดสินใจโพล่งออกไป
“ผมขอทำงานกับพี่ด้วยได้มั้ยครับ”
แรมยิ้มแบบคิดดูก่อนจ้องไปที่อาต๊ะยังไม่ตอบหยิบยาที่ยังพันเทปกาวแน่หนาอยู่โยนให้ไซเรนรับ
ไซเรนที่ไม่ได้คิดอะไรแค่รู้สึกแปลกๆแรมเดินไปกอดคอไซเรนแรมส่งสัญญาณให้ไซเรนยกยาขึ้นมา
แรมดีดมีดสปริงออกมาใช้มีดแซะเปิดออกผ่านหน้าไซเรนมีดผ่านไปมาหวาดเสี้ยว
“ไซเรนนายไปเอามาทำไม?”
ไซเรนเหลือบมองปื้ดนิดนึง
“อ้าวก็พี่บอกพี่ปื้ดให้ผมขึ้นไปเอามาเองนิ”
แรมเหลือบตามองปื้ดปื้ดทำหน้าไม่เกี่ยวข้อง
แรมยังกอดคอไซเรนหมุนตัวพูดกับลูกน้องดึงยาออกมาซึ่งขณะนี้เห็นยี่ห้อแอปเปิ้ล
ไซเรนเหมือนรู้ตัวบางอย่างแรมผละไปพูดกับอาต๊ะขณะที่อาต๊ะงง
“นายรู้มั้ยทำไมมันถึงมียี่ห้อแอปเปิ้ลเชอรี่ปลากระดี่ห้าตัว”
อาต๊ะส่ายหน้า
“ก็เพราะว่ามันจะบอกเกรดไงอย่างแอปเปิ้ลนี่ใสกิ๊กเกรดเอก็อีกราคานึงและที่สำคัญ" แรมเดินมาหยุดหน้าไซเรนพอดี
"มันบอกว่าของเป็นของใครใช่มั้ยไซเรน ?” แรมพูดยิ้มๆ
ไซเรนมองของหน้าเครียดมองไปทางปื้ดแรม และมองไปที่ปื้ด
ปื้ดพยายามนิ่ง
“ผมอยู่กับพี่มาเป็นสิบปีผมไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้หรอกพี่”
ไซเรนหันมองปื้ดแบบไม่เชื่อ
“เฮ้ย! เราโอเคที่จะมีคนเซอร์ไพรส์หาของมาช่วยกันทำมาหากินอย่างงี้ต้องมีรางวัลหน่อยและ”แรมว่า

ต่อมา ผ้ายางขนาดใหญ่ถูกคลี่ออกปูทั้งฝั่งไซเรนและปื้ด
ถังใส่ชิ้นส่วนปืนกลถูกเทลงตรงหน้าโต๊ะที่ไซเรนนั่งอยู่ตรงข้ามปื้ด
แรมเดินเข้ามาตรงกลางเหมือนเป็นกรรมการ
แรมว่า “ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะต้องให้รางวัลใครงั้นก็เอาอย่างนี้" แรมเดินไปนั่ง "พวกนายก็ให้รางวัลกันเองละกันใครประกอบปืนเสร็จแล้วยิงอีกคนได้ก่อนถือว่าคนนั้นได้รางวัลแบบนี้แฟร์มั้ย?”
ไซเรนกับปื้ดมองหน้ากัน
แรมโยนแม็กกาซีนลงบนโต๊ะหนึ่งแม็กเท่านั้นแรมรู้สึกสนุกที่ได้เห็นการสู้อย่างสุดตัวเพื่อความอยู่รอด
“ม่ะ!! มาร่วมสนุกกัน”แรมบอก
แรมเอามือปัดโคมไฟที่อยู่เหนือโต๊ะให้ไฟเหวี่ยงไปมาวูบวาบหน้าแต่ละคนก็จะมืดสลับสว่าง
ปื้ดรีบประกอบปืนไซเรนเองก็รีบประกอบปืนเช่นเดียวกัน
ขณะที่แรมเดินไปรอบๆจ้องมองอย่างสนุกหยิบหูฟังขึ้นมาฟังอีกครั้ง
ตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นภาพประกอบเพลงของแรม
ทั้งสองมือไม้สั่นแล้วพยายามประกอบปืนให้เร็วที่สุด
ทั้งสองประกอบเสร็จเกือบพร้อมกันปื้ดหยิบแม็กกาซีนได้ก่อนไซเรนมองหาแม็กอีกอันแต่ไม่มี
“โทษๆมีกระสุนแม็กเดียวบีบหัวใจนิดนึงหึๆ”
แรมมองอย่างสนุกใกล้ปืนขณะที่ลูกน้องคนอื่นลุ้นถอยห่างกลัวโดนลูกหลง
แรมยังคงฮัมเพลงอย่างร่าเริงต่อไปขณะที่ปื้ดยัดกระสุนใส่แมกกาซีน
อาต๊ะมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างลุ้นๆ
ไซเรนรู้ตัวว่าแย่แน่!
ปื้ดใส่แมกกาซีนแล้วดึงไสลด์แล้วจะยิงปื้ดยิ้มอย่างผู้ชนะไม่รีบแล้วทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง
แชะ! ปื้ดประกอบอะไรผิดซักอย่างปื้ดสไลด์ปืนลนๆลูกปืนกระเด้งออกมาตกลงที่โต๊ะ
ไซเรนคว้าลูกปืนแล้วเอาลูกปืนใส่เข้ารังเพลิงปื้ดยกปืนขึ้นจ่ออีกครั้งไซเรนจำต้องยิงปื้ด
ทั้งคู่ยิงเกือบพร้อมกันแต่ไซเรนยิงก่อนลูกปืนของปื้ดเฉียดไซเรนและแรมไปโดนด้านหลัง
แรมไม่สะทกสะท้านปื้ดหงายหลังล้มลงปื้ดโดนยิงที่คอ
แรมเห็นปื้ดดิ้นกำลังจะขาดใจตายแรมมองไซเรนแรมนั่งยองๆลงข้างปื้ดที่กำลังจะตาย
มองอย่างพิจารณา
แรมถาม “นายทำงานให้ใคร?!”
ปื้ดหายใจไม่ออกพูดไม่ค่อยได้แล้ว“ช่..วยด้ว...”
แรมกวักมือเรียกลูกน้อง
“ตั้งใจดูกันดีๆนะนี่มันจริงดีฉิบหายเลยใครอยากทำไรก็รีบๆทำนะเพราะนายไม่มีทางรู้ล่วงหน้าหรอกว่าวันสุดท้ายจะเดินทางมาหาเมื่อไหร่...จนกว่า....เมื่อนายกำลังจะตายเท่านั้นแหละ
แล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสายไปซะแล้ว”
ปื้ดที่ดิ้นอยู่แรมเอียงคอมองลุกขึ้นกวาดตาไปเห็นอาต๊ะซึ่งยังใส่กางเกงในตัวเดียวยืนเหวอๆอยู่
“ยังอยากทำงานกับเราอยู่รึเปล่า”
อาต๊ะกลัวแต่ก็อยากรวย“อยากคับ”
แรมเดินไปหยิบรูปปั้นบางอย่างมาส่งให้อาต๊ะ
“เคงั้นก็ช่วยพี่เค้าหน่อย”
อาต๊ะสั่นส่ายหน้า
“ไซเรน”แรมเรียก
ไซเรนเดินมาเอาปืนจ่อไปที่อาต๊ะแรมพูดใกล้หูอาต๊ะ
“รู้สึกไงบ้างถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของนายเราทุกคนมันก็แค่สัตว์ตัวนึงน่ะจะฆ่าไอ้นี่หรือจะฆ่าหมาตัวนึงมันก็ไม่ได้ต่างอะไรหรอกทำเพื่อความอยู่รอดน่ะผิดถูกชั่วดีมันแค่สิ่งที่คนเราสมมุติขึ้นมาให้ตัวดูดีกว่าคนอื่นก็แค่นั้นน่ะ ...คิดมากน่า..”
แรมเหลือบมองไซเรนไซเรนจำใจขึ้นนกอาต๊ะสะดุ้งต่อสู้กับความกลัว
ทั้งสามตึงเครียดสุดๆ อาต๊ะตัดสินใจทุบกะโหลกปื้ดด้วยรูปปั้น ในที่สุด.... เลือดก็พุ่งกระเด็นโดนหน้าอาต๊ะและแรม
ที่หน้าของแรมมีสะเก็ดเลือดแรมยิ้มออกมา ก่อนลุกขึ้นมองไปรอบๆ
“ทุกคนด้วยนะขอแรงหน่อย”แรมบอก
ยังไม่มีใครกล้าขยับ จนแรมต้องตะโกน
“เราบอกว่าทุกคนไง!”
อารมณ์ของแรมขึ้นๆลงๆ ไม่คงที่
ทุกคนทยอยเข้ามาทุบปื้ด
ไซเรนเครียดส่วนอาต๊ะเหวอหนัก
มุ้ยกระซิบถาม “พี่...แล้วถ้าที่จริงไอ้ไซเรนมันทำล่ะ”
แรมยิ้มสนุก จนยากจะคาดเดา
แรมเงยหน้าขึ้นมามองกล้องวงจรปิด
“เราจัดการให้แล้วนะครับพอใจรึยัง”

อีกห้องหนึ่งของ Last day Pub เห็นโทรทัศน์กล้องวงจรปิดแรมเงยหน้ามาถามเห็นมือใครคนหนึ่งที่อยู่ในห้องนั้น
ในมือมีเครื่องประดับเป็นแหวนหลายๆวงเขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องของแรมแรมหันมามองหน้าคนกลุ่มนั้น
“เอ็ดดี้”
เอ็ดดี้เหยา หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นชาวไต้หวันและแก๊งแรพเปอร์เอ็ดดี้เดินข้ามศพปื้ด
เอ็ดดี้พูดเป็นภาษาจีนแปลว่า : “ไอ้สัสขโมยของกู!นึกว่าจะต้อง get messy กันซะแล้วกูกับมึงเนี่ย”
เอ็ดดี้จับไหล่ลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆแล้วยกเท้าที่เปื้อนเลือดปื้ดให้ลูกน้องอีกคนเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดให้
“เราไม่กล้าขโมยยาของนายหรอก..เอ็ดดี้...เรามันคนทำงานหนักเหมือนกันทั้งคู่เราไม่เล่นอย่างงี้กับนายหรอก”
แรมยื่นถุงยาให้เอ็ดดี้แต่ลูกน้องเอ็ดดี้เป็นคนรับไป
“มึงเลิกยาแล้วเหรออย่าเสือกเทียบตัวเองกับกูอย่างมึงอะชั้นต่ำ low lifeถ้าไอ้สัวมันไม่โง่ติดคุกมึงก็เป็นได้แค่เด็กส่งของป่านนี้มึงคงตายห่าที่สลัมที่ไหนซักที่”เอ๊ดดี้ว่า
แรมตานิ่งๆแต่ก็หัวเราะออกมา
“เฮ้ย!! เอ็ดดี้!นายคิดว่าใครเป็นคนวางแผนให้เราเข้าใจผิดว่าผมขโมยยามาอาจจะเป็นพวกสโมสรมหาสมุทรก็ได้นะเรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ....”

“กูไม่ร่วมงานกับคนกระจอกๆอย่างมึงหรอกเอาไว้สัวออกมาจากคุกเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน อย่าทับไลน์กูก็ละกันกูเล่นมึงแน่”

กลางคืนทางเดินโรงพยาบาลตำรวจรองฯ เผด็จ กำลังคุยโทรศัพท์ เสียงที่ลอดผ่านสาย เป็นเสียงของรองฯ บรรจง ที่ยังทำงานอยู่ในห้องของกระทรวง

“ครับ....รองบรรจงผมเผด็จพูดครับ”
เสียงรองฯ บรรจงถาม
“ผมทราบข่าวแล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ?”
“เราได้ข่าวว่าจะมีการขนยาเสพติดผมนำชุดพิเศษเข้าล้อมจับแต่คาดว่ามันรู้ตัวก่อนเราถูกคนร้ายโจมตีก่อนผมติดตามไปถึงบ้านหลังนึงแล้วก็ปะทะกันจนมีคนโดนลูกหลงอย่างที่ท่านทราบครับ”
“ผมเข้าใจในความทุ่มเทของคุณนะแต่ประสบการณ์อย่างคุณผมคงไม่ต้องเตือนอะไรมากนะ
คราวหน้ารัดกุมหน่อยเพราะคนที่ต้องตอบคำถามนักข่าวเรื่องคุณน่ะคือผมและไหนจะเรื่องที่เอาไปบิดเบือนในโซเชียลอีก”
“ครับเข้าใจครับ”
“ผมขอรายงานอย่างละเอียดภายในอาทิตย์นี้นะ”
“ครับ”

รองฯ เผด็จเปิดประตูเข้ามา
“แผลยังมีอาการบวมไปกระทบจอประสาทตาอยู่พอสมควรคนไข้จะปวดศีรษะและเบ้าตามาก
หมอยังคงต้องให้ยานอนหลับสลับมอร์ฟีนเพื่อรอดูอาการต่อไปนะครับคนเฝ้าก็ควรพักผ่อนเหมือนกันนะครับ”
หมอมองตี๋ใหญ่ที่ทรุดโทรมไปมาก
“ครับขอบคุณครับ”
หมอเดินออกไปตี๋ใหญ่นั่งเครียดเผด็จเข้าไปคุยกับเรย์นิดนึงก่อนจะขยับมาหาตี๋ใหญ่
เผด็จซักต่อ
“ตอนที่คุณช่วยห้ามเลือดเด็กคนนั้นเสร็จแล้วทำไมไม่พาเค้าไปโรงพยาบาลแล้วทำไมคุณถึงไล่เค้าไป”
ตี๋ใหญ่หันไปทางเผด็จเห็นว่าเรย์มองมาทางตี๋ใหญ่
“ผมก็เล่าให้ลูกน้องคุณฟังไปหลายรอบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ครับผมเข้าใจ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มแล้วมองเผด็จ
“หรือว่าจะให้ผมเล่าไปเรื่อยๆจนกว่าจะจับโกหกผมได้”
เผด็จมองนิ่งๆ“โอเค...คุณนึกอะไรออกก็บอกเรย์แล้วกัน”
เผด็จชี้ไปที่เรย์
“ผมขอตัวก่อน”
ตี๋ใหญ่ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

ที่ Last Day Pub เวลาเดียวกัน
ศพปื้ดถูกม้วนไปกับผ้ายาง
ลูกน้องคนอื่นกำลังห่อศพปื้ด ส่วนอาต๊ะสวมเสื้อผ้า
“ไซเรนนายพามันมาต่อไปนี้ไม่ว่าไอ้นี่จะทำอะไรมึงรับผิดชอบ”แรมบอก
“ครับให้มันนอนที่นี่ได้มั้ย”
“ขึ้นอยู่กับว่านายไว้ใจมันขนาดนั้นเลยเหรอ”
ไซเรนมองอาต๊ะโกรธๆ

ประตูห้องไซเรนถูกเปิดออกเหรียญที่พื้นประตูมีเหรียญตั้งขวางไว้อยู่สามเหรียญ
ประตูถูกดันเข้ามาเหรียญที่ตั้งอยู่ถูกประตูดันล้มลงไป
ไซเรนเก็บเหรียญนั้นแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างๆประตูอาต๊ะเดินตามเข้ามามือที่โดนยิงทำแผลแล้ว
เห็นในห้องมีตู้หลายใบมีโทรทัศน์และมีคอมพิวเตอร์ที่ขอบหน้าต่างทุกบานมีเหรียญสามอันวางอยู่ที่ขอบ
ไซเรนถาม “มึงชื่ออะไร?”
“อาต๊ะครับ" อาต๊ะมองไปรอบห้อง"โห... แล้วเหรียญพวกนี้มีไว้ทำอะไร” อาต๊ะจะจับเหรียญ
“ไม่ต้องยุ่ง!มึงอยู่มุมโน้นห้ามจับของอะไรทั้งนั้นและอย่าออกไปเพ่นพ่าน”
ไซเรนจัดเหรียญวางที่พื้นประตูด้วยการเรียงก้อยหัวก้อยก่อนดึงประตูปิดไป
“แล้วพี่จะไปไหนพี่ๆผมอยากโอนเงินให้แม่……..”
ไซเรนไม่ตอบปิดประตูใส่หน้าอาต๊ะอาต๊ะมองสำรวจห้องก่อนจะเอาเงินออกมานับอย่างภูมิใจ

ต่อมาในคืนเดียวกัน ไซเรนขับรถเข้ามาจอดใกล้รถอีกคันที่ใต้สะพาน
สารวัตรบัญชากับน้ำผึ้งยืนอยู่ที่รถบัญชาสังเกตได้ว่าไซเรนซึมๆไปไซเรนลงมาจุดบุหรี่มือสั่นๆ
“เป็นไงบ้าง”บัญชาถาม
ไซเรนส่งรูปที่ถ่ายเห็นแพ็คยาไอซ์ในมือบัญชายืนดูรูปพวกนั้นอย่างสนใจ
“ผมยังหาโอกาสถ่ายรูปห้องแพ็คของไม่ได้”
“ค่อยๆเก็บหลักฐานไปใจเย็นๆ”
ก่อนจะเดินต่อไปที่ท้ายรถตัวเองบัญชาและน้ำผึ้งเดินตามมา
“เมื่อวานผมไปเอาของมาแต่มันกลายเป็นของเอ็ดดี้เหมือนมีคนพยายามจัดฉากให้สองคนนี้มันฆ่ากันเอง”
ไซเรนเปิดกระโปรงท้ายบัญชาน้ำผึ้งถึงกับผงะไซเรนลากศพลงจากท้ายรถไปโยนลงน้ำ
น้ำผึ้งถาม “เกิดอะไรขึ้น!”
“ผม…" ไซเรนเหมือนมีอะไรจุกคอจนพูดแทบไม่ได้ "ถ้าผมไม่ยิงมันก็ยิงผม”
ทั้งคู่มองไซเรนอย่างสงสาร

ในอดีต ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ตอนกลางคืน ไซเรนในตอนนั้นไว้ผมดำ
ไซเรนบอกทั้งคู่ “ผมมาลาครับพี่”
“แหน่ะ...ไปกับธารใสแล้วเหรอ”น้ำผึ้งถาม
ไซเรนแก้เขิน
“แล้วพี่บัญชาดูคดีไหนต่อครับ”
สารวัตรบัญชายิ้ม
“ก็คงตามสัวต่อแหละขนาดอยู่ในคุกยังสร้างเครือข่ายข้างนอกได้ก็ต้องหาทางขุดรากถอนโคน
ไม่งั้นเดี๋ยวก็มีคนเดือดร้อนเหมือนที่คุณเคยโดนไง”
ไซเรนอึ้งๆ
“ผมเคยทำงานให้ไอ้สัวตอนที่ติดคุกผมน่าจะช่วยอะไรพี่ได้บ้าง" ไซเรนเหมือนพูดกับตัวเองด้วย "พ่อแม่จะได้ดีใจบ้าง”
บัญชามองไซเรนสบตาจริงจัง
“ผมตัดสินใจแล้วผมขอช่วยพี่ ..อะไรก็ได้ครับ”
บัญชายิ้มประหลาดใจ
“งานมันไม่ง่ายเลยนะใจต้องนิ่งสติแตกขึ้นมามีแต่ตายอย่างเดียว”
“ผมทำครับงานอะไรพี่”
บัญชานิ่งคิดก่อนตอบ “CI (ซีไอ)”
ไซเรนทำหน้างงๆ
“…..สายลับ”

คืนนี้ ไซเรนดูเครียดหนัก
น้ำผึ้งบอก “ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวเถอะไซเรน”
“ไม่เป็นไรครับมันยังไม่ได้สงสัยอะไรผม”
ไซเรนขึ้นรถออกไป สารวัตรบัญชากับน้ำผึ้งมองตามห่วง

วันต่อมา ในห้องน้ำตี๋ใหญ่ล้างหน้าเสร็จหยิบผ้าจะมาเช็ดหน้า

ตอนที่ตี๋ใหญ่ดึงโทรศัพท์มาจากอาต๊ะแว่บเข้ามา ตี๋ใหญ่ตัดสินใจจะทิ้งส้วม

หน้าห้องน้ำ
ตี๋ใหญ่ออกจากห้องน้ำเห็นเรย์ยืนรออยู่
“จะถามผมเรื่องอะไรอีกเหรอครับ”
“คุณทานข้าวมื้อสุดท้ายเมื่อไหร่คะ”
ตี๋ใหญ่งงเรย์หยิบข้าวกล่องให้ตี๋ใหญ่ตี๋ใหญ่มอง

มุมหนึ่งของรพ. ตำรวจ
ตี๋ใหญ่รับกล่องข้าวไว้ทานข้าวไปคุยไป
“ตกลงไอ้พวกที่มาบ้านผมมันเป็นใคร”
“ก็พวกขนยาข้ามชายแดนที่ปะทะกับทีมเรามันคงตามลูกหาบที่หนีมาที่บ้านคุณคุณเลยโดนไปด้วย”
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมไม่ใช่พวกเดียวกับมัน”
“คุณก็ดูไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกนั้น”
ตี๋ใหญ่แอบมองว่าเรย์ถือกระเป๋ามาและมีช่องที่เปิดอยู่ตี๋ใหญ่คิดอะไรบางอย่าง
“แล้วถ้าเกิดผมมีหลักฐานที่อาจเจอที่บ้านพอที่จะให้คุณอาจจะสืบต่อได้ผมก็หมดธุระกับพวกคุณเลยใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิงยังไงคุณก็ต้องกลายมาเป็นพยานให้เราอยู่ดีเอ้า..ลืมน้ำ...แปบนึงนะ”
ตี๋ใหญ่ล้วงโทรศัพท์ออกมาตัดสินใจใส่ไปในกระเป๋าในเสื้อแจ็กเก็ตของเรย์ที่วางอยู่ เรย์เดินกลับมาพร้อมน้ำ
“คุณอยากได้อะไรอีกมั้ย”
ตี๋ใหญส่ายหน้า
“งั้น...วันนี้ชั้นขอตัวก่อน”
เรย์เดินออกพร้อมใส่แจ็กเก็ตแล้วก็ต้องชะงักล้วงโทรศัพท์ออกมาหันกลับมามองตี๋ใหญ่พร้อมชูโทรศัพท์ขึ้น
“คุณ…….”
ตี๋ใหญ่มองนิ่งๆ
“คุณคงเก็บได้ที่บ้านผมมั้ง”
เรย์มองตี๋ใหญ่แบบไม่รู้จะทำยังไง

ภายในสำนักงานตำรวจแห่งขาติ ห้องทำงานของรองฯ เผด็จ
ร้อยตำรวจหญิงเรย์นั่งกังวลอยู่ก่อนแล้ว จ่าทองดีเข้ามา
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“อืม... เมื่อคืน”จ่าทองดีบอก
“พี่ทองดีคือ………”
“มีอะไร?”
เรย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทองดีรับไปดู
“น่าจะของคนร้ายชั้นเก็บได้ในที่เกิดเหตุพอดีรีบตามหัวหน้ามาเลยลืมยาวเลยกลัวโดนหัวหน้าว่าพี่ช่วยหน่อยดิ”
ทองดีมองหน้าเรย์แบบสงสัย รองฯ เผด็จเดินเข้ามา
“เป็นไงที่แม่สอดเรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยครับหัวหน้า" ทองดีมองเรย์ "พบโทรศัพท์ตกอยู่น่าจะเป็นของคนร้ายครับ”
เผด็จมองแบบมีหวัง

ต่อมา ภายในห้องพักผู้ป่วย ในโรงพยาบาลตำรวจ
หลินมีอาการปวดหัวทุรนทรายพยาบาลต้องมาฉีดมอร์ฟีนให้ตี๋ใหญ่นั่งมองหลินด้วยความเจ็บปวด

ภายในห้องทำงาน รองฯ เผด็จกับลูกน้องคนอื่นๆนำโทรศัพท์ที่ได้มาดึงซิมการ์ดออกแล้วใส่ลงไปในเครื่องอ่านซิมการ์ด
บนคอมพิวเตอร์ขึ้นเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทร. ออก
ลูกน้องคนหนึ่งกำลังคีย์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบที่อยู่ของสายโทร. เข้า
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังค้นหาจากเสาสัญญาณทั้งสามเพื่อหาจุดตัดของสัญญาณและสุดท้ายก็ขึ้นไฟกะพริบ
ที่จุดหนึ่ง
ลูกน้อง 1 บอก
“เจอแล้วครับตำแหน่งปลายสายที่โทรศัพท์เครื่องนี้โทร. ออกนอกจากที่แม่สายมีสายโทร.เข้าจากกรุงเทพด้วยครับ”
รองฯ เผด็จ จ่าทองดีและทุกคนเพ่งมองจุดนั้น
เผด็จหันไปสั่งงาน
“หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับที่นั่นทองดีไปเช็คสถานที่ให้ก่อนแล้วเย็นนี้เราอาจจะไปดูกัน”

ทั้งหมดรับคำ “ครับ/ค่ะ”

ภายใน Last Day Pub ตอนกลางคืน

โจ้ลูกนักการเมืองนั่งเล่นยาสูบไอซ์อยู่
ห่างออกไปมีการ์ดตัวใหญ่ของโจ้ใส่ซาฟารีนั่งประกบอยู่สองคน
ไผ่หวาน เด็กสาวในผับถาม “สั่งอะไรเพิ่มมั้ยคะ”
“ชื่อไผ่หวานใช่มั้ยอยากชิมได้มั้ยจ๊ะ?”โจ้ว่า
ไผ่หวานยิ้มกวนตีน
“เฮ้ย!หวานสมชื่อเลยเว้ย!”
ไผ่หวานเช็ดน้ำลายที่หน้าอย่างรังเกียจแรมโผล่เข้ามาเดินยิ้มๆอย่างใจเย็น
“โทษนะครับมีเรื่องอะไร”
“เด็กมึงมาตบกู”
แรมหันมามองหน้าไผ่หวานแบบตำหนิ
“มันทำเหี้ยใส่หนูก่อน”ไผ่หวานบอก
แรมส่ายหน้าตำหนิ
“จุ๊จุ๊.... ไผ่หวานไปไปพักหลังร้านก่อนไป”
ไผ่หวานกลัวว่าตัวเองจะโดนอะไรเดินออกไปตัวสั่นแรมหันมาคุยกับโจ้
“เราต้องขอโทษด้วยนะครับเดี๋ยวเราจะให้เด็กคนอื่นมาบริการให้”
“กูจะเอาคนเดิมแล้ววันนี้กูไม่จ่ายกู’รมณ์เสียกูลูกใคร..เดี๋ยวปิดแม่งเลย”
“งั้น... เราขอโทษด้วยการจัดให้นายไปปนั่งห้องVIP ส่วนตัวเลยครับ”

ครู่ต่อมา แรมพากลุ่มโจ้เดินผ่านไป ...
อีกมุมหนึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของจ่าทองดีและเรย์ที่ปลอมตัวเข้ามาในผับ
เรย์นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ทองดีนั่งอยู่ที่โต๊ะ
มือของทั้งคู่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่
จ่าทองดีพิมพ์“มีทางเข้าออกแค่สามทางครับทั้งหมด”

แรมเข้าไปในห้องVIP โจ้และเพื่อนนั่งอยู่ในห้องบนโต๊ะมีจานเปล่าและส้อมหลายชุดวางอยู่
“ไหนอ่ะน้องไผ่หวาน?ไหนบอกว่าจะเอามาเซอร์วิสกูถึงในนี้”โจ้ว่า
“รอแป๊บนะครับเข้ามาเลยจ้ะน้องๆ”
แรมยิ้มแล้วไซเรนกับอาต๊ะก็เดินเข้ามาในห้อง
“เหี้ย!! อะไรของมึงเนี่ย”
แรมบอก
“พอดีน้องไผ่หวานไม่ค่อยสบายพี่โจ้รับน้องพวกนี้แทนก่อนได้มั้ยครับ”
“สัส!มึงจะเล่นกะกูใช่มั้ย”
โจ้และเพื่อนลุกขึ้นชักปืนออกมาแรมมองขำในขณะที่ไซเรนจ่อปืนไปที่ท้ายทอยทั้งสองคนแล้ว
โจ้และเพื่อนหยุดชะงัก
แรมมองอาต๊ะบอก
“ที่นี่ห้ามพกอาวุธอาต๊ะนายไปเก็บมา!!”
อาต๊ะรับปืนมาถืออย่างกลัวๆแล้วจ่อขึ้นตามแบบไซเรน
แรมบอก “น้องคนนี้ไซเรนทำงานมาปีนึงบริการถึงใจคนนี้อาต๊ะเด็กใหม่ยังซิงๆอยู่เลย”
“เออๆกูขอโทษ!!”โจ้บอก
แรมยิ้มแล้วหยิบส้อมยื่นให้เพื่อนโจ้ที่นั่งขนาบโจ้อยู่คนละคัน เพื่อนโจ้รับไปมองอย่างงงๆ
“แทงไปที่ไหนก็ได้นะตกลงกันเองเลยถ้าเราเห็นว่าใครแทงแล้วเลือดไม่ออกเราจะให้ไอ้สองคนนี้" แรมชี้ไซเรนกับอาต๊ะ "เจาะรูที่หัวพวกนายแทน”
“เหี้ย! มึงทำอะไรมึงรู้ไหมว่าพ่อกูเป็นใคร”โจ้ว่า
“เราจะนับหนึ่งถึงสามถ้านายไม่แทง 1..”
แรมเอาหูฟังใส่ต่ออย่างบันเทิงเพื่อนโจ้มองตื่นๆไซเรนกระชับปืนในมือ
“เห้ย!! มึงอย่านะอย่า..”
เพื่อนตัดสินใจ คนหนึ่งแทงไปที่ขาโจ้อีกคนเลยแทงตาม
“ฮ่าๆๆรักเพื่อนชิบหาย" แรมหันไปนอกห้องเรียก "ไผ่หวาน!!”
ไผ่หวานเดินเข้ามาในห้องแบบกลัวๆ
แรมทำท่าให้เพื่อนโจ้เขยิบไปแล้วลงไปนั่งข้างโจ้แล้วกอดคอโจ้ในขณะที่ส้อมยังคาอยู่ที่ขาโจ้
แรมชี้ไปที่ไผ่หวาน
“นายรู้มั้ยว่ากว่าเราจะหาแบบนั้นมาได้แล้วเลี้ยงมันจนเชื่องมันต้องลงทุนขนาดไหนไผ่หวานลองจัดท่าเด็ดๆให้พี่โจ้เค้าดูหน่อยสิ”
ไผ่หวานเริ่มเต้นยั่วยวนแบบกลัวๆแรมเอาหูฟังขึ้นมาใส่กลายเป็นภาพประกอบเพลงแรมอีกครั้ง
แรมจับส้อมที่อยู่ที่ขา
“หูย...ดูดินาย!!! เห็นแบบนี้จะไม่ลุกได้ไงวะ”
“พอแล้วกูขอร้องปล่อยกูไปเหอะกูจะไม่เอาไปบอกใคร”
“ชู่วววว!!!.... เบาๆหน่อยดูโชว์ไปสิกำลังได้อารมณ์เลย”
แรมกดส้อมลงไปที่ขาโจ้เรื่อยๆ โจ้ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ไผ่หวานที่เต้นอยู่พยายามเริ่มเบือนหน้าหนี
ไซเรนมีสีหน้าเรียบเฉยส่วนอาต๊ะถือปืนมือสั่นๆ
เพื่อนโจ้คนหนึ่งหนีไปที่ประตูอาต๊ะเอาปืนจี้ไว้
“อาต๊ะนายจัดการคนไร้มารยาทหน่อยเด่ะ!!”
อาต๊ะทำไรไม่ถูก
“ทุบมันสิว๊ะ!!”แรมสั่ง
อาต๊ะกลัวทำได้แค่จ่อปืน
“ไหนบอกอยากทำงานอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ”
แรมหยิบเงินออกมายื่นใส่ต๊ะเรื่อยพร้อมพูดใกล้หู
“โอกาสมาแล้วไม่ทำก็ออกไป….ทุบ!”
อาต๊ะเอาปืนทุบไปที่หน้าแรมยังไม่พอใจเอาเงินร่อนใส่หน้าต๊ะเพิ่ม
“ทุบอีก!!”
อาต๊ะเตะซ้ำๆกระทืบซ้ำๆจนเลือดเพื่อนโจ้พุ่งออกมา
แรมจึงยิ้มแล้วขยี้ส้อมที่อยู่ที่ขาโจ้โจ้ร้องเสียงดังแรมยิ้มออกมาที่เงินสามารถเปลี่ยนต๊ะได้
ไซเรนมองอย่างหดหู่

ต่อมา แรมเดินออกมาที่ผับมองไปรอบๆ
มุ้ยเดินเข้ามาหาแรมแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง
แรมมองไปที่เรย์ที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เรย์กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างในมือถือ
“ขอวิสกี้หน่อย”
แรมก็โผล่มาเบียดพร้อมลูบไปที่แนวเข็มขัดของเรย์เพื่อเช็คอาวุธเรย์ตกใจเล็กน้อยแรมหยิบขวดมาเทให้เอง
“อภินันทนาการจากร้าน Last day ครับ”
เรย์ยิ้มๆให้กับแรม
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ”
ทองดีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะที่ห่างออกไปเริ่มมองเรย์อย่างกังวล
“วันนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่นพิเศษขอเชิญคุณผู้หญิงที่ห้อง VIP ดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะชั้นจะกลับแล้ว”
"อยู่สนุกต่ออีกหน่อยเถอะครับ...บางทีไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเรา
หรือวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของคุณก็ได้”
เรย์มองหน้าแรมแบบพยายามไม่กลัว
เรย์กำลังจะลุกแต่ลูกน้องของแรม 4 คนมายืนล้อมเรย์ไว้
ทองดีเห็นท่าไม่ดีเลยลุกจากโต๊ะแล้วเดินเข้ามาหาเรย์
“อ้าว... เป็นไงรอนานป่าว" ทองดีทำเป็นมองพวกแรม "นี่ !!..มีปัญหาอะไรกันรึป่าวครับ”
แรมยิ้มกับเรย์
“ไหนบอกว่ามาคนเดียว" แรมพูดกับทองดี "ไม่มีอะไรหรอกครับเราแค่อยากเชิญนายสองคนไปห้องVIP หน่อยเท่านั้นเอง”
“ฮ่าๆไม่เป็นไรหรอกครับเรานั่งข้างนอกก็ดีแล้ววิวดีกว่าเยอะเห็นทั้งมะพร้าว" แล้วชี้ไปที่สาวๆ "มะม่วงอกร่องฮ่าๆๆเต็มไปหมด”ทองดีว่า
ทองดีเอาศอกกระแทกแรมแบบขำๆ
แรมเลิกเสื้อเรย์ขึ้นเห็นWalther PPK เหน็บอยู่ที่เข็มขัดด้านหลัง
เรย์จะสู้แต่แรมล็อคแขนไว้แบบคนที่เคยฝึกมาแรมชี้ไปที่ป้าย
“ที่นี่เคร่งครัดตามกฎหมายมากนะครับ”
ทองดีกับเรย์ทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้ตัวอีกทีลูกน้องของแรมคนอื่นๆก็มาล้อมด้านหลังพวกเขาไว้หมดแล้ว
แรมยิ้มให้กับทองดีแล้วหยิบหูฟังที่ติดอยู่ที่หูของทองดีขึ้นมาพูด
“เราคงต้องขอกักตัวพวกคุณไว้ก่อนนะครับจนกว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวพวกคุณไป" แรมพูดกับเรย์"เราขอยืมโทรศัพท์นายสักครู่ได้มั้ยครับ”

ภายในรถปฏิบัติการ เวลาเดียวกัน
รองฯ เผด็จกับลูกน้องหลังรถตู้เผด็จว่า
“พวกคุณรออยู่นี่รอคำสั่งผม”
ทุกคนพยักหน้าเผด็จออกไป

รองฯ เผด็จมานั่งแถวที่บาร์Last Day แรมเดินมาถาม
“สวัสดีครับรับอะไรดีครับ?”
“เบอร์เบิ้นน้องเห็นผู้ชายหัวโล้นๆที่มากับผู้หญิง..”
แรมทำท่ามองไปในร้าน
“เห็นแว๊บๆไม่ทราบว่าคุณกับเพื่อนมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
เผด็จรู้ตัวแล้วว่าแรมไม่ธรรมดา
“ก็มาเที่ยวพักผ่อนเฉยๆที่นี่มาทำอะไรอย่างอื่นที่นี่ได้ด้วยเหรอ”
แรมโผล่มา
“ฮ่าๆ.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันสิครับคนสมัยนี้ชอบแอบมาทำอะไรแปลกๆในผับผมอยู่เรื่อยเลย”
“เช่นอะไรล่ะครับที่ว่าแปลกๆ ?”
“ก็อย่างพวกที่พกปืนเข้ามาในผับผมเนี่ยก็อย่างนึงละมาด้อมๆมองๆทำตัวเป็นนักสืบถ้าเป็นตำรวจก็ว่าไปอย่าง”
เผด็จมองแบบรู้ตัวว่าถูกลองของเผด็จกระดกเหล้าเข้าปาก
“พวกนั้นเค้าอาจจะเป็นตำรวจจริงๆก็ได้นะครับอาจจะมาสืบอะไรที่ผิดกฏหมายแถวนี้"
“ไม่น่านะครับผมทำงานสุจริตพวกตำรวจที่ทำเกินหน้าที่จนต้องมาเก็บเงินค่าดูแลบาร์เล็กๆอย่างเราไม่งั้นก็ต้องโดนมาค้นร้านตรวจฉี่ประจำ”แรมบอก
“โอเคผมว่าเพื่อนผมคงไปแล้วหละ”เผด็จบอก
"เอ...ใช่คนหัวล้านหนวดเฟิ้มกับสาวน้อยหน้าสวยรึเปล่าที่คุณตำรวจตามหาอยู่”
เผด็จหันมองแรมแบบเอาจริง

“ลูกน้องผมอยู่ไหน”รองฯ เผด็จถาม
 
อ่านต่อตอนที่ 2


กำลังโหลดความคิดเห็น