เสน่ห์นางครวญ ตอนที่ 12
บทประพันธ์ : หงส์หยก บทโทรทัศน์ : พิชฌสินี
ไต้ก๋งชางเดินโซซัดโซเซมาตามทาง ด้วยมนต์เสน่ห์ทำให้ร้องเรียกหางามตามาตลอดทาง
“งามตา อยู่ที่ไหน งามตา”
ไต้ก๋งเดินเรียกหาแต่ไม่มีแม้เงา อาการหอบป่วยก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทรงตัวไม่ไหวล้มลงไปกับพื้น พยายามเอามือเกาะต้นไม้แถวนั้นเพื่อยันกายขึ้น แต่แล้วภาพตรงหน้าค่อยๆ เลือนรางลงเรื่อยๆ ไต้ก๋งฝืนเดินต่อจนกระทั่งมองไปเห็นเรือนใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก
ไต้ก๋งชางเดินโซเซมุ่งหน้าไปยังเรือนนั้น แต่แล้วก็หมดแรงล้มพับลงกับพื้น
ขณะเดียวกันนี้ แถนเดินมาจากอีกทาง มุ่งหน้ามาทางเรือนใหญ่ มองไปตรงหน้าเห็นใครบางคนนอนสลบอยู่กับพื้น จึงร้องถาม
“นั่นใครกัน”
แถนรีบวิ่งเข้าไปดู พลิกตัวคนๆ นั้นขึ้นมา พอเป็นไต้ก๋งชางก็ตกใจ
“ไต้ก๋ง”
แถนเขย่าตัวเรียก ทว่าไต้ก๋งชางสลบไสลไม่รู้สึกตัวใดๆ
ไต้ก๋งชางนอนสลบอยู่บนเตียงในห้องนอนบนเรือนใหญ่ มีแถนนั่งเฝ้าดูอาการ สักครู่หนึ่งประตูห้องเปิดเข้ามาเห็นเป็นรำเพยกับนมขามและกล่ำเดินร้อนใจเข้ามาในนั้น รำเพยถามแถนขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้นแถน”
“กระผมพบไต้ก๋งสลบอยู่ในสวนขอรับ จึงมาพาที่นี่ก่อน”
“คุณพี่อยู่กับงามตาไม่ใช่หรือ แล้วงามตาไปไหน” รำเพยรีบเร่งมาดู ถามอย่างแปลกใจ
“กระผมไม่ทราบขอรับพบเพียงไต้ก๋งคนเดียว”
รำเพยเห็นอาการไต้ก๋งยิ่งร้อนใจ นมขามเดินมาดูใกล้ๆ แตะหน้าผากดูอาการ
“ตัวร้อนเป็นไฟเลยเจ้าค่ะ”
“เหตุใดคุณพี่เป็นเช่นนี้ได้ ยาที่ให้ไปคราวก่อนไม่ดีขึ้นเลยหรือ”
“ขืนปล่อยไว้ต่อไปคงไม่ดีแน่” นมขามว่า
“จะทำเยี่ยงไรดีเล่า” รำเพยร้อนใจ
นมขามครุ่นคิด
“ลองปรึกษาหลวงพ่อดำดีไหมเจ้าคะ”
รำเพยคิดตามสีหน้าเครียด เป็นห่วงไต้ก๋งชางจับจิต
อีกฟากหนึ่ง งามตาแวะมาหาพ่อถึงเรือน เล่าเรื่องอาการไต้ก๋งชางให้ฟัง หมอผีอินถอนหายเฮือกใหญ่
“เหตุใดไต้ก๋งถึงเป็นแบบนี้ได้เล่าพ่อ”
“ไอ้ไต้ก๋งมันกำลังทรุดหนักเพราะถูกยาเสน่ห์เป็นเวลานานอย่างไรเล่า”
“เสน่ห์นางครวญมันมีผลถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“จำได้หรือไม่ว่ามนต์นี้คือมนต์ที่ต้องแลกด้วยชีวิตไม่ใช่เพียงแต่ต้องฆ่าคนเพื่อสังเวย แต่สุดท้ายผู้ต้องมนต์ก็ต้องสังเวยชีวิตไปด้วย”
งามตาไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ ข้ายอมให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้”
“ทำไมเล่า มันตายไม่ดีรึ เอ็งจะได้แก้แค้นสำเร็จสมใจ”
“ข้าให้มันตายตอนนี้ไม่ได้ มันบอกข้าว่าถ้าข้ามีลูก มันจะยกทุกอย่างให้ข้า”
อินฟังแล้วสนใจขึ้นมา
“มันจะให้เอ็งทุกอย่างเลยรึ”
“ใช่น่ะสิพ่อ แต่หากไอ้เจ๊กนั่นมันเป็นอะไรไปก่อน สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดอาจจะสูญเปล่า”
งามตาหน้านิ่ว คิดไม่ตกว่าต้องทำยังไง สักพักหมอผีอินก็คิดได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายออกมา
“เหตุใดเอ็งต้องรอให้มีลูกกับไอ้ไต้ก๋งชางจริงๆ เล่า”
งามตาชะงักนิ่งงันไป คิดตามพ่อแล้วยิ้มร้ายออกมาเต็มสีหน้า
ฝ่ายรำเพยมาทำบุญที่วัดลำพระพาย พร้อมนมขาม ภายหลังถวายเครื่องสังฆทาน รับศีลรับพรกรวดน้ำแล้วเสร็จ ก็ปรึกษาหลวงพ่อดำ เรื่องเกี่ยวกับไต้ก๋งชางที่เกิดขึ้นเช้าวันนี้ หลวงพ่อนิ่งฟัง
ไม่นานนัก เห็นรำเพยและนมขามซึ่งถือเหยือกดินเผาข้างในใส่น้ำมนต์ ลงมาจากกุฏิหลวงพ่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทางด้านงามตากลับถึงเรือนดอกเหมย รีบตรงไปที่ห้องนอนเปิดประตูร้องเรียกไต้ก๋งชาง
“คุณพี่”
ไต้ก๋งชางหายตัวไป งามตาร้อนใจตกใจร้องตะโกนเอ็ดตะโรเรียกหาบ่าว
“มีใครอยู่ไหน บ่าวไปไหนหมด ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้”
อบเชยกุลีกุจอเข้ามาหางามตา
“มีอะไรหรือเจ้าคะคุณงามตา”
“เหตุใดในห้องไม่มีใครอยู่ คุณพี่หายไปไหน”
อบเชยแปลกใจ เดินดูในห้องจนทั่วปรากฏว่าไต้ก๋งหายไปจริงๆ อบเชยหน้าเสียพูดจาอึกอัก
“บ่าว...บ่าวไปเรือนครัวมาจึงไม่ทันดู บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้เรื่อง คนทั้งคนปล่อยหายไปได้อย่างไร”
งามตาเดินหาจนทั่วเรือน ไม่เจอแม้เงาไต้ก๋งก็ยิ่งร้อนใจอีก
หญิงชั่วใคร่ครวญครุ่นคิดแล้วเดินไปที่บันไดเรือน อบเชยตามมาติดๆ
“คุณงามตาจะไปไหนเจ้าคะ”
“ไปเอาตัวคุณพี่กลับมาน่ะสิ”
งามตาเดินลงเรือนไปทันที
งามตารีบร้อนมาถึงบันไดหน้าเรือนใหญ่ คิดจะก้าวขึ้นไปตามไต้ก๋ง แต่ถูกกล่ำกางแขนขวางไว้
“เอ็งคิดจะทำอะไรนังงามตา”
งามตาขัดใจที่ถูกขวางโวยวายขึ้น
“อีกล่ำ ถอยไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปจะหาคุณพี่”
“ไต้ก๋งไม่อยู่ที่นี่ และข้าคงให้เอ็งขึ้นเรือนผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
“โกหก ข้ารู้ว่าพวกเอ็งเอาคุณพี่มาไว้ที่นี่ หลีกไป”
“ข้าไม่หลีกคุณรำเพยสั่งไว้ว่าไม่อนุญาตให้คนนอกขึ้นเรือน”
“นี่มึงคิดจะลองดีกับกูงั้นรึ”
งามตาเงื้อมือจะตบแต่กล่ำไม่กลัว ตั้งการ์ดมวยสู้
“เข้ามาสิวะ ข้าไม่กลัวดอก มาลองสักตั้งจะได้รู้ว่าแรงไพร่อย่างข้า กับคุณนายขี้ครอกอย่างเอ็งผู้ใดจะเหนือกว่ากัน
งามตาโกรธมากคิดจะพุ่งเข้าไปตบ กล่ำตั้งท่าจะสู้ แต่เสียงรำเพยดังขึ้นก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้”
รำเพยกลับจากวัดมาถึงพร้อมนมขามที่ถือเหยือกน้ำมนต์ในมือ
“เสียงดังเอะอะไรกันหน้าเรือนข้า ไม่คิดเกรงใจกันบ้างเลยหรือ”
“นังงามตาเจ้าค่ะ มันมาตามหาไต้ก๋ง บ่าวไล่กลับไปมันก็ไม่ยอม”
รำเพยมองจ้องหน้างามตาเชิงตำหนิ แต่งามตาไม่สนใจร้องโวยวาย
“ฉันรู้ว่าคุณพี่อยู่ที่นี่ หล่อนเอาตัวคุณพี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมานะ”
“แม่งามตาคิดว่าคุณพี่อยู่กับฉันจริงหรือ” รำเพยถามเสียงเรียบ
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครได้”
“คนที่บอกว่าเป็นเมียรักคุณพี่กลับไม่รู้ แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไร”
“นี่หล่อนจะเล่นแง่อะไรกับฉัน”
รำเพยจงใจพูดยั่วโมโห งามตาฮึดฮัดขัดใจ
“ฉันไม่ได้เล่นแง่ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกเพราะหากเธอดูแลคุณพี่ดีจริงก็คงไม่ปล่อยให้คุณพี่หายไป ใช่หรือไม่”
งามตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นังรำเพย”
“กลับเรือนของเธอไปเสีย แล้วอย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก ส่วนคุณพี่จะเป็นอย่างไร ฉันจะดูแลเอง”
รำเพยเดินเลี่ยงขึ้นเรือนไป กล่ำยิ้มเย้ย นมขามด้วย งามตาโกรธสุดขีด
รำเพยนมขามและกล่ำรีบเข้ามาในห้องนอนบนเรือนใหญ่ แถนนั่งเฝ้าไต้ก๋งชางอยู่
“กระผมได้ยินเสียงเอะอะหน้าเรือน เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“ไม่มีอะไร ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณพี่เป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังนอนไม่ฟื้นเลยขอรับ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
กล่ำหันมาถามรำเพย “หลวงพ่อว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ช่วยได้หรือไม่”
รำเพยหันไปทางนมขาม คุณนมเทน้ำมนต์ใส่แก้วน้ำเตรียมให้
“ฉันต้องเอาน้ำมนต์ให้คุณพี่กิน แถนช่วยฉันหน่อยเถิด”
แถนแม้จะงงแต่ก็พยักหน้ารับ ประคองตัวไต้ก๋งชางขึ้นมา กล่ำเข้าไปช่วยอีกแรง นมขามยื่นแก้วน้ำมนต์ให้ รำเพยรับมาจะให้สามีดื่ม แต่แล้วไต้ก๋งชางรู้สึกตัวลืมตาขึ้นโวยวายลั่น
“พวกเอ็งจะทำสิ่งใด”
รำเพยปลอบ พูดดีๆ ด้วย
“น้องจะป้อนยาให้คุณพี่ค่ะ คุณพี่กินน้ำก่อนนะคะ”
“น้ำอะไร ข้าไม่กิน”
“คุณพี่กินเถิดเจ้าค่ะ หากไม่กินอาการป่วยอาจไม่ดีขึ้น” รำเพยคะยั้นคะยอ
“ข้าไม่กิน!ปล่อยข้า ข้าจะไปหางามตา”
ไต้ก๋งไม่ยอมท่าเดียว และเริ่มร้องโวยวาย ดิ้นพราดจะลงเตียงไปหางามตาให้ได้ รำเพยมองอย่างเจ็บปวด
แถนกับกล่ำดึงตัวไว้ไม่ยอมให้ไต้ก๋งชางไปง่ายๆ รำเพยประคองไต้ก๋งชางไว้
“คุณพี่ ใจเย็นๆ ฟังน้องก่อน”
“ไม่ ข้าจะไปหางามตา ข้า...”
ทันใดนั้นไต้ก๋งชางก็สำลักแล้วไอ อาเจียนออกมาเป็นเลือดปนกับเศษอาหาร ทุกคนตกใจ
ไต้ก๋งชางทรุดฮวบลงไป รำเพยมองสงสารจับมือไว้
“คุณพี่ เชื่อน้องเถอะนะคะ กินยาก่อนน้องไม่อยากเห็นคุณพี่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
ไต้ก๋งชางเหนื่อยล้าเกินกว่าจะตอบโต้ใดๆ รำเพยสงสารจับใจ ยกแก้วน้ำใส่ปากอาศัยจังหวะนั้นบังคับให้ดื่มจนได้
ไต้ก๋งชางดื่มน้ำมนต์เข้าไปก็ไอสำลักออกมาเป็นก้อนเลือดครั้งใหญ่
รำเพยจับมือไต้ก๋งชางไว้ น้ำตาซึม
เลือดไต้ก๋งชางกับเศษอาเจียนเป็นสีดำคล้ำ แถมยังมีอะไรบางอย่างคลานอยู่ในนั้น หากดูชัดๆ ก็รู้ว่ามันเป็นบึ้งตัวเล็กๆ สีขาวไต่ยั้วเยี้ยแล้วหายไปตามซอกหลืบโดยไม่มีใครเห็น
ทางฝ่ายงามตาเดินปึงปังมาที่รังรักเรือนร้างท้ายสวนด้วยท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจเอามากๆ ก้อนเห็นท่าทางก็สงสัย
“ฉันมีเรื่องจะให้พี่ช่วย ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว
“ผู้ใดทำอะไรเอ็ง”
“นังรำเพย มันเอาตัวไต้ก๋งไปกักไว้ในเรือนไม่ให้ข้าทำอะไรได้”
ก้อนได้ยินก็หัวเราะเยาะ
“เฮอะ ไม่เห็นมีสิ่งใด เมียมันพาผัวกลับเรือนก็ดีแล้ว เอ็งจะเอาอะไรอีก ได้เป็นคุณนายยังไม่พออีกรึ”
“ไม่ แค่นี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับข้า ข้าต้องได้ทุกอย่างจากพวกมัน ทั้งเงินทอง และเรือนทั้งหมดด้วย”
“แต่รำเพยเป็นเจ้าของที่นี่ เอ็งเป็นเมียไต้ก๋งใช่ว่าจะมีสิทธิ์ในเรือน”
“ฉันมีหนทาง พี่ต้องช่วยฉัน”
“เอ็งจะทำสิ่งใดอีก”
ก้อนมองฉงน งามตายิ้มร้ายดูออกว่ามีแผนชั่วในใจแล้ว
ในสวนสวยหน้าเรือนใหญ่ยามเช้าวันต่อมา รำเพยออกมาเด็ดดอกไม้ใส่ตะกร้า พอมาถึงต้นจำปี ก็อดนึกถึงคืนวันเก่าๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เคยใกล้ชิดกับไต้ก๋งใต้จำปีต้นนี้
รำเพยดึงความคิดออกมา มองต้นจำปีสีหน้าเศร้า ยื่นมือไปจะเด็ดดอกจำปี แต่แล้วกลับมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาเด็ดดอกจำปีให้ รำเพยหันไปเห็นเป็นไต้ก๋งชางมายืนอยู่ข้างหลังก็ตกใจ
“คุณพี่...
ไต้ก๋งชางเด็ดดอกจำปียื่นให้ พร้อมรอยยิ้ม รำเพยยิ่งแปลกใจ ใบหน้าสามีก็สดใสเป็นคนเดิมที่เคยรู้จัก
“น้องต้องการจำปีดอกนี้ไม่ใช่หรือ”
รำเพยรับดอกจำปีไปงงๆ
“คุณพี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“สักพักแล้ว พี่เห็นว่าอากาศดีจึงออกมาเดินเล่น ไม่คิดว่าน้องจะอยู่ที่นี่”
“น้องมาเก็บดอกไม้ไปทำบุหงารำไปไว้ในห้องคุณพี่ค่ะ”
ไต้ก๋งชางมองดูดอกไม้ สีหน้าสดชื่นอย่างประหลาด รำเพยสังเกตเห็น
“น้องรำเพยไม่ได้ทำบุหงารำไปสักพักแล้วใช่หรือไม่”
“ค่ะ...ตั้งแต่คุณพี่...” รำเพยอยากบอกว่า “ไปอยู่กับงามตา” แต่หยุดคำไว้เพียงเท่านั้น
“พี่รู้สึกเหมือนเราไม่ได้มาเดินเล่นด้วยกันเช่นนี้นานแล้ว”
ไต้ก๋งมองเหม่อไป รำเพยลองถามหยั่งเชิง
“คุณพี่จำได้ด้วยหรือคะ”
“พี่ไม่มีทางลืมเรื่องเกี่ยวกับน้องได้ พี่รักน้องเพียงคนเดียวเท่านั้น”
รำเพยฟังแล้วไม่อยากเชื่อหาทางเลี่ยง
“น้อง...ขอตัวก่อนนะคะ”
รำเพยจะเดินกลับเรือน ไต้ก๋งชางเข้ามาช่วยถือตะกร้าให้
“จะกลับเรือนแล้วหรือ”
“ค่ะ ป่านนี้บ่าวคงตั้งสำรับเช้าเสร็จแล้ว”
“ดีจริง...ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรากินข้าวด้วยกันนะ”
ไต้ก๋งชางมองมาด้วยแววตาอ้อนวอน งอนง้อ รำเพยทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ ไม่ยอมตอบรับ ดึงตะกร้าแล้วเดินยิ้มหนีไป ไต้ก๋งยิ้มตามกลับเรือนไป
รำเพยกลับขึ้นเรือนมา พบว่านมขามกับกล่ำช่วยกันตั้งสำรับให้ รำเพยลงนั่งแล้วหันไปบอกนมขาม
“นมจ๊ะ ช่วยตั้งสำรับเพิ่มอีกชุดหนึ่งนะ”
นมงามชะงัก แปลกใจ
“มีแขกมาหรือเจ้าคะ”
“เปล่าดอก”
รำเพยหันไปมองที่ประตูขึ้นเรือนเห็นไต้ก๋งชางเดินมา กล่ำกับนมขามทั้งตกใจทั้งประหลาดใจ
“ไต้ก๋ง”
“ขอข้าร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่”
นมขามยิ้มออกมา รำเพยยิ้มนิดๆ ไม่พูดอะไร คุณนมดีใจ สั่งกล่ำทันที
“นังกล่ำ ยืนนิ่งทำไมอยู่ ไปจัดสำรับให้ไต้ก๋งสิ”
“เจ้าค่ะ ไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
กล่ำกุลีกุจอไปเตรียมสำรับให้นาย ไต้ก๋งชางเดินมานั่งข้างๆรำเพย นมขามจัดสำรับบนโต๊ะให้เรียบร้อย รำเพยกับไต้ก๋งชางมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรมาก
กล่ำกลับเข้ามาพร้อมกับจานสวยตักข้าวให้ไต้ก๋ง รำเพยตักกับข้าวให้สามี
“คุณพี่กินเยอะๆนะคะ กินเสร็จน้องจะให้คนนำยามาให้”
ไต้ก๋งชางพยักหน้ารับเอาคำ ทั้งคู่คุยกันบรรยากาศสดชื่นเหมือนวันเก่าก่อน กล่ำกับนมขามมองหน้ากันยิ้มๆ พยักหน้าอย่างรู้กัน แล้วพากันขยับออกไป ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง
อบเชยเดินถือถาดมาเอาสำรับที่โรงครัว พอไปถึงเห็นพวกนมขาม กล่ำกำลังคุยกับบ่าวคนอื่นอย่างออกรส จึงแอบฟัง
“ข้าพูดจริงนะโว้ย เรื่องร้ายๆ ในเรือนมันผ่านไปแล้ว เรื่องดีๆ กำลังจะเข้ามา”
“เรื่องใดเจ้าคะคุณนม” บ่าว1 ถาม
“คุณรำเพยกับไต้ก๋งน่ะสิ ทั้งคู่กลับมารักกันดีดังเดิมแล้ว”
“ข้าก็เห็นเต็มสองตาทีเดียวว่านายท่านกลับมาคุยกันดีเหมือนเก่า กินข้าวกันกระหนุงกระหนิง ยังกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน”
กล่ำเอามือจับหน้าพร้อมทำท่าเขินอาย บ่าวในเรือนหัวเราะคิกคัก ชอบอกชอบใจ
“ดีจริง”
“ข้าล่ะนึกว่าไต้ก๋งจะเปลี่ยนคุณนายใหม่เสียแล้ว”
“แหม เอ็งนี่ปากเปราะ คุณรำเพยของข้าดีแสนดี งามทั้งภายนอกภายใน ผู้ใดคิดทอดทิ้งไปหาหญิงอื่นได้ก็โง่เต็มทนแล้ว” คุณนมคุยเขื่อง
“ที่ผ่านมาไต้ก๋งแค่หลงผิดไปชั่วครู่เท่านั้น” กล่ำบอกเสริม
“รับรองเร็วนี้ต้องมีข่าวดีแน่ ข้าอยากจะเลี้ยงคุณหนูตัวเล็กๆ ใจจะขาดแล้ว”
นมขามหัวเราะชอบใจยกใหญ่ กล่ำกับบ่าวคนอื่นๆ ผสมโรงหัวเราะไปด้วยกัน บรรยากาศครื้นเครง
อบเชยแอบยืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้น ร้อนใจจนต้องแจ้นกลับไปที่เรือนดอกเหมยทันที
งามตากวาดของบนโต๊ะระบายอารมณ์ โวยวายด้วยความโมโหเมื่ออบเชยเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจนจบ
“เป็นไปได้อย่างไร”
อบเชยสบช่องรีบสุมไฟในใจงามตาให้ปะทุขึ้นไปอีก
“ลองนมขามพูดเช่นนี้คงเรื่องจริงแน่แล้วเจ้าค่ะ คุณงามตาต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ ถ้าคุณรำเพยมีลูกกับไต้ก๋ง คุณงามตาก็คง...”
ยิ่งฟังงามตายิ่งโมโห กระแทกตัวลงนั่ง มือจิกที่เก้าอี้ตวาดใส่อบเชย
“หุบปากมึงเสียทีอีอบเชย มึงคิดว่ากูจะอยู่เฉยงั้นรึ”
“แล้วคุณงามตาจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“ปล่อยพวกมันไปก่อนรอให้ถึงทีข้า หากข้าได้ทุกอย่างมาเมื่อใด วันนั้นพวกมันทุกคนจะต้องระเห็จออกจากเรือนเหมือนหมาข้างถนน”
งามตาพูดด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาแข็งกร้าว เคียดแค้นสุดจะประมาณ และไม่มีทางยอมง่ายๆ
ที่ห้องนอนบนเรือนใหญ่คืนนั้น รำเพยจัดที่นอน เตรียมเข้านอน อดนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้ แต่พยายามไม่คิดอะไรมาก หันกลับไปจัดที่นอนต่อ จนมีเสียงเปิดประตูเข้ามา รำเพยหันไปมองปรากฏว่าเป็นไต้ก๋งชางในชุดนอนเดินเข้ามาหา
“คุณพี่”
“จะเข้านอนแล้วหรือ”
“ค่ะ ดึกมากแล้ว”
ไต้ก๋งชางเดินมานั่งริมเตียง รำเพยกระเถิบหนี ชางมองไปรอบๆ ห้อง
“พี่ไม่ได้อยู่กับน้องนานขนาดไหนแล้วนะ”
รำเพยนิ่งไป ก่อนจะตอบประชดนิดๆ ออกมา
“ไม่รู้สิคะ ก็คงนานเท่ากับวันที่คุณพี่อยู่กับงามตากระมัง”
ไต้ก๋งชางมองจ้องรำเพย อีกฝ่ายทำเป็นจัดเตรียมที่นอนไป เหมือนไม่สนใจ
“พี่คิดถึงน้องรำเพย...คิดถึงมากอย่างไรบอกไม่ถูก”
รำเพยมองฉงน “คุณพี่น่ะหรือจะคิดถึงน้อง”
“ใช่ เหมือนมีสิ่งใดที่ทำให้พี่มาหาน้องไม่ได้ แต่พี่ไม่รู้มันคืออะไร”
รำเพยคิดว่าไต้ก๋งหมายถึงงามตา พูดออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าจะให้น้องตอบ สิ่งนั้นคงเป็นใจคุณพี่ที่ไม่มั่นคงต่อคำสัญญาที่ให้ไว้”
“ไม่จริงเลยรำเพย พี่รักษาคำสัตย์ที่ให้น้องไว้เสมอ”
“หากคุณพี่รักษามัน แล้วเหตุใดคุณพี่จึงมีคนอื่น”
รำเพยอัดอั้น น้ำตารื้นขึ้นมาแต่รีบปาดน้ำตาทิ้ง ไต้ก๋งชางหน้าเศร้าลงยื่นมือไปแตะหน้า แต่รำเพยเบี่ยงหลบ
“พี่ไม่รู้ว่าบอกไปน้องจะเชื่อหรือไม่ แต่พี่บังคับจิตใจตัวเองไม่ได้”
“จะให้น้องเชื่อได้อย่างไร คุณพี่ก็ทราบดีว่าทำสิ่งใดกับน้องไว้บ้าง”
“อย่าตัดพ้อพี่เช่นนี้เลย พี่สาบานได้ว่าไม่เคยคิดทรยศน้องแม้เพียงสักครั้ง”
“แต่คุณพี่ก็ทำไปแล้ว และน้องก็เจ็บเหลือเกิน”
รำเพยกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมา ไต้ก๋งชางยื่นมือไปปาดเช็ดน้ำตาให้
“อย่าร้องไห้ พี่ไม่อยากเห็นน้องเป็นเช่นนี้”
“ทำไมคุณพี่ถึงทำกับน้องได้”
รำเพยสะอื้นไห้ ด้วยความน้อยใจเสียใจ ไต้ก๋งชางสวมกอดรำเพยไว้
“พี่ขอโทษ”
“น้องแค่อยากให้คุณพี่กลับมาเป็น คนที่น้องรัก คนเดิม”
“พี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยรำเพย พี่รักน้องอย่างไรก็รักอยู่เช่นนั้น พี่รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้เสมอ ไม่ว่าน้องจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม”
รำเพยมองหน้าสามีทั้งน้ำตา ไต้ก๋งชางใช้นิ้วปาดเช็ดน้ำตาให้ ทั้งสองจ้องตากันนิ่งนาน ก่อนที่ไต้ก๋งจะยื่นหน้าไปจูบหน้าผาก รำเพยหลับตาลง ไต้ก๋งชางค่อยๆ เลื่อนลงมาจูบริมฝีปาก รำเพยโอนอ่อนตามโดยไม่มีขัดจืน
เวลาผ่านไป 2 เดือน อาการของไต้ก๋งหายขาดจากมนต์เสน่ห์ สีหน้าสดใสเป็นปกติแล้ว
เช้าวันนี้ รำเพยกับไต้ก๋งชางแต่งตัวสวยงามเดินเคียงคู่ลงมาจากเรือนใหญ่ ไต้ก๋งคอยประคองรำเพยอย่างระวัง นมขาม กล่ำและแถนที่ยืนรออยู่ยิ้มปลื้ม
รำเพยกับชางเดินมาที่รถ แถนเข้าไปเปิดประตูให้
“ไปบ้านท่านขุนพิเศษใช่ไหมขอรับ”
“จ้ะ รีบไปเถอะ ให้แขกท่านรอจะไม่ดี”
ชางพยักหน้าให้รำเพย รอรำเพยขึ้นรถแล้วปิดประตูให้ก่อนจะไปนั่งฝั่งตัวเอง สักพักแถนขับรถออกไป นมขามกับกล่ำยืนส่งอยู่สักพัก กล่ำสะกิดให้นมขามดู
“สงสัยจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแล้วกระมังเจ้าคะคุณนม”
นมขามตีแขนกล่ำ ทั้งทีตัวเองยิ้มแก้มแทบแตกด้วยความดีใจ
งามตากับอบเชยหลบมุมยืนแอบดูอยู่มุมหนึ่ง งามตาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บแค้น อบเชยข้องใจถามงามตาออกไปว่า
“เหตุใดไต้ก๋งกลับไปอยู่กับคุณรำเพยได้ล่ะเจ้าคะคุณงามตา”
“ข้าไม่รู้ อย่าถามมากได้ไหม”
งามตาฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดกลับเรือนด้วยความไม่พอใจ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เกิดเวียนหัว จนต้องชะงักกึก อบเชยแปลกใจ
“คุณงามตาเป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
งามตาสะบัดตัวเดินหนี แต่ก็เริ่มเวียนหัวคลื่นไส้ขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่ไหวซวนเซจะล้มลงตรงนั้น อบเชยเข้าประคองไว้ทัน
“คุณงามตา”
อบเชยตามหมอยาเขียวมาดูอาการงามตาที่เรือนดอกเหมย เวลานี้งามตานั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนดมยาลมยาหอมรู้สึกแปลกๆ หมอจับชีพจรตรวจอยู่สักพักแต่ไม่พูดไม่จา จนงามตาเริ่มร้อนใจ
“ว่าอย่างไรหมอ ได้เรื่องอะไรไหม ฉันเวียนหัวจะแย่แล้ว”
อบเชยที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุ้นไปด้วย หมอจับชีพจรอีกที แล้วยิ้มบอก
“เห็นทีไต้ก๋งจะมีข่าวดีเสียแล้วขอรับ”
งามตาแปลกใจ อบเชยก็ด้วย
“คุณงามตาเป็นอะไรหรือหมอ”
“คุณงามตากำลังตั้งท้องขอรับ”
งามตาอึ้งนิ่งงันไป สีหน้าสับสนและรู้สึกไม่แน่ใจเลยถามย้ำอีก
“จริงหรือหมอ หมอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม”
“เรื่องจริงขอรับ ตอนนี้เพิ่งท้องอ่อนๆคุณงามตาต้องดูแลตัวเองดีๆนะขอรับ กระผมจัดสมุนไพรให้กินบำรุงครรภ์ไว้ด้วย”
อบเชยพลอยดีใจไปด้วย งามตาดีใจมากกว่า ยิ้มกว้างตาเป็นประกายเจิดจ้า ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“บ่าวดีใจด้วยนะเจ้าคะคุณงามตา”
“ในที่สุด...อบเชย เอ็งรีบไปแจ้งข่าวนี้แก่คุณพี่โดยเร็ว ข่าวดีเช่นนี้ ควรจะให้ทุกคนในเรือนได้รู้โดยทั่วกัน”
งามตาทั้งดีใจทั้งสะใจ ที่ทุกอย่างเข้าทางเป็นไปตามแผน
ไต้ก๋งชางกับคุณรำเพยเพิ่งกลับจากข้างนอกมาถึงหน้าเรือนใหญ่ แถนรีบลงรถมาเปิดประตูให้ทั้งคู่ ระหว่างนี้อบเชยวิ่งรีบร้อนตรงเข้ามาหาไต้ก๋งชาง
“ไต้ก๋ง ไต้ก๋งเจ้าขา”
ไต้ก๋งกับรำเพยหันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อบเชย รีบร้อนมาเช่นนี้มีเหตุอันใด”
อบเชยเหลือบมองรำเพยแว่บหนึ่งคล้ายลังเล แต่สุดท้ายก็บอกไป
“คุณงามตาเจ้าค่ะ...คุณงามตาอยากพบไต้ก๋ง”
“แต่ข้าเพิ่งถึงเรือนยังไม่ได้พัก” ไต้ก๋งบอก ไม่ได้ยินดียินร้ายใดๆ กับงามตาแล้ว
“คุณงามตาต้องพบไต้ก๋งจริงๆ นะเจ้าคะ”
“หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริง ข้าจะเอาเรื่องเอ็งแน่อบเชย”
“สำคัญสิเจ้าคะ เพราะหมอเพิ่งมาตรวจแล้วบอกว่าคุณงามตา...กำลังท้องเจ้าค่ะ”
ของในมือรำเพยถึงกับร่วงลงพื้น ไต้ก๋งชางเองก็ตกใจมากกว่าดีใจ
“เอ็งว่าอย่างไรนะ”
“คุณงามตากำลังท้องลูกของไต้ก๋งเจ้าค่ะ”
รำเพยอึ้งนิ่งงันไป ไม่อยากจะเชื่อ ไม่ต่างกับไต้ก๋งถึงกับพูดไม่ออก
“ตอนนี้งามตาอยู่ที่ใด”
“ที่เรือนดอกเหมยเจ้าค่ะ ไต้ก๋งรีบไปเถอะนะเจ้าคะ”
ไต้ก๋งชางมองหน้ารำเพยเหมือนอึดอัดลำบากใจ รำเพยบอกด้วยทำสีหน้าเป็นปกติ
“คุณพี่ไปเถอะค่ะ...”
อบเชยดีใจเร่งใหญ่ “ถ้าเช่นนั้น...”
รำเพยบอกต่อว่า “แต่น้องจะไปด้วย เพราะน้องก็อยากไปเยี่ยมงามตาเช่นกัน”
อบเชยชะงักที่ผิดแผน เหลือบมองรำเพยด้วยความไม่พอใจ รำเพยทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ข้างในหวาดหวั่นกับข่าวนี้
อบเชยรีบพาไต้ก๋งชางกับรำเพยขึ้นเรือนดอกเหมยมา ตรงไปยังห้องนอน งามตาเห็นไต้ก๋งชางก็ดีใจ
“คุณพี่...คุณพี่มาหาน้องแล้ว”
งามตาถลาลุกไปหาไต้ก๋ง แต่พอเห็นรำเพยเดินตามหลังมาด้วยก็ถึงกับชะงักคาดไม่ถึง
“เห็นว่าอยากพบข้างั้นหรือ” ไต้ก๋งถามเสียงเรียบ
“ค่ะ คุณพี่ คุณพี่ทราบเรื่องที่อบเชยบอกแล้วใช่หรือไม่คะ”
“ข้ารู้แล้วน้องรำเพยก็ด้วย พวกเราเป็นห่วงจึงมาเยี่ยม”
“เอ็งเป็นอย่าไงบ้าง มีอาการแพ้ท้องอย่างไรบ้าง”
งามตาไม่พอใจ ที่รำเพยเจ๋อตามมาด้วย แต่ต้องเก็บอาการ
“เวียนหัวอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว รักษาตัวเองไว้เถิด เด็กจะได้แข็งแรง”
“ขอบพระคุณมากจ้ะ”
“เอ็งพักผ่อนเถิด หากต้องการอะไรให้คนไปบอก ข้าจะจัดหาให้”
งามตาฟังแล้วชะงัก แปลกใจในท่าที
“หมายความว่าคุณพี่จะไม่อยู่กับน้องหรือคะ”
“ข้ามีงานต้องทำ วันนี้คงอยู่ด้วยไม่ได้”
งามตาโวยวาย “แต่น้องกำลังท้องกำลังไส้ น้องอยากให้คุณพี่อยู่ใกล้ๆ คุณพี่จะทอดทิ้งน้องได้อย่างไร”
“ข้าไม่ได้ทอดทิ้งใคร ข้าบอกเหตุผลไปแล้วเอ็งไม่เข้าใจหรือ”
งามตาโกรธ จิกตาใส่แดกดันรำเพย
“หรือว่า...มีผู้ใดห้ามไม่ให้คุณพี่มาหาน้องกันคะ”
“ไม่มีผู้ใดห้ามทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นความต้องการของคุณพี่”
งามตาโกรธ “คุณพี่ทำเช่นนี้เหมือนไม่ใส่ใจลูกของน้องเลย”
“ไม่ใช่ข้าไม่ใส่ใจ แต่ข้าห่างหายจากงานไปนาน จึงต้องจัดการให้เรียบร้อย เข้าใจข้าด้วยสิ”
“คุณพี่”
งามตาโวยวาย ชางหันไปสั่งอบเชย
“อบเชย ฝากดูแลคุณงามตาด้วย แล้วข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
ไต้ก๋งชางเดินออกห้องไปพร้อมรำเพย งามตามองตามด้วยความเจ็บใจ
ที่เรือนครัว นมขามตำน้ำพริกอยู่ในเรือนหน้านิ่วคิ้วขมวด กล่ำนั่งเด็ดพริกอยู่ใกล้ๆ กัน เห็นนมขามหน้าเครียดเคร่งจึงถามขึ้น
“คุณนม เป็นอะไรหรือเจ้าคะ หน้านิ่วจนคิ้วจะรวมกันอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
นมขามหยุดตำ หันไปถามกล่ำ
“นังกล่ำ เอ็งว่ามันแปลกรึไม่”
“แปลกเรื่องใดเจ้าคะ”
“ก็เรื่องงามตาน่ะสิ เหตุใดมันถึงท้องขึ้นมาได้”
บ่าวแถวนั้นได้ยินต่างพากันเงี่ยหูฟังยกใหญ่
“อิฉันก็ไม่รู้ดอกเจ้าค่ะ ไม่เคยมีผัวเสียด้วย”
กล่ำทำท่าเขินๆ บิดตัวไปมาจนนมขามต้องเงื้อสากใส่อย่างหมั่นไส้
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นอีกล่ำ”
“แล้วหมายถึงเรื่องใดเจ้าคะ”
“ไต้ก๋งไม่ได้ไปหานังงามตาสักพักแล้ว แต่หมอกลับบอกว่าเพิ่งท้องอ่อนๆ เอ็งไม่คิดว่ามันแปลกหรือ”
กล่ำพยายามคิดตามแต่ก็คิดไม่ออก ส่ายหัวดิก
“ไม่รู้สิเจ้าคะ เราก็ไม่รู้ว่ามันท้องตั้งแต่เมื่อใด ยากจะบอกเจ้าค่ะ”
“จริงของเอ็ง...เช่นนั้นมิต้องรอเด็กคลอดออกมาก่อนรึ”
นมขามพูดเซ็งๆ หันไปตำน้ำพริกต่อ
ไม่มีใครเห็นว่าก้อนขนฟืนเข้ามาวาง และมันได้ยินทั้งหมด
ทางฝ่ายงามตาเดินกระวนกระวายใจ รอไต้ก๋งชางอยู่ที่ชานเรือน ได้ยินเสียงคนขึ้นเรือนมาก็ดีใจคิดว่าไต้ก๋งมาหา
“คุณพี่...”
แต่พอหันไปทางบันไดเรือนกลับเห็นเป็นก้อนยืนจ้องอยู่ ก็ผิดหวัง
“พี่ก้อน”
“ใช่ ข้าเอง ผิดหวังอย่างนั้นหรือที่ไม่ใช่ไอ้เจ๊กนั่น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” งามตาชะเง้อมองไปยังหน้าเรือนอย่างตกใจ “พี่มาเวลานี้ได้อย่างไร ถ้าใครมาเห็นเข้า...”
“ช่างหัวคนอื่นมันสิวะ ข้าร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว หากไม่ถามเอ็งให้รู้ ข้าต้องอกแตกตายจริงๆ แน่ มานี่”
ก้อนลากงามตาเข้าไปคุยตรงมุมลับตา งามตาสะบัดมือออก
“ฉันเจ็บนะ พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ข้าต้องบ้าแน่ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเอ็งท้องกับผู้ใด”
งามตาอึ้งไป “พี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“อีพวกบ่าวมันพูดไปทั่วเรือนแล้วว่าเอ็งท้องกับไอ้ไต้ก๋ง เป็นเรื่องจริงรึ”
งามตาวางท่าเย่อหยิ่งไว้ตัว “หากข้าท้องกับไต้ก๋งจริงแล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วย”
ก้อนโมโหบีบแขนงามตาอย่างแรง
“เกี่ยวสิ เพราะข้าไม่เชื่อว่ามันเป็นลูกไอ้ไต้ก๋ง”
“ถ้าไม่ใช่ไต้ก๋งจะเป็นลูกใครได้”
“ก็ลูกของข้านี่อย่างไร”
ก้อนโมโห จนบันดาลโทสะ บีบแขนงามตาแรงขึ้นอีก งามตากัดฟันทนเจ็บ ก้อนขู่ทันที
“ไอ้ไต้ก๋งไม่มาหาเอ็งเป็นเดือนแล้ว แต่จู่ๆ เอ็งเกิดท้องขึ้นมา ยอมรับมาเถิดว่าเป็นลูกข้า บอกมา”
ก้อนตะคอกใส่งามตา จนงามตาทนไม่ไหวผลักออก”
“เออ มันไม่ใช่ลูกไต้ก๋งชาง”
ก้อนเหวอไป แล้วก็หัวเราะร่าออกมา
“ยอมรับแล้วสินะ...นี่เอ็งคิดจะทำอะไรแน่งามตา”
งามตาเปลี่ยนอารมณ์ แสร้งทำเป็นหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร
“ฉันกำลังทำให้ทุกอย่างเป็นของเราอย่างไรเล่า”
ก้อนอึ้ง “นี่เป็นแผนของเอ็งอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ไต้ก๋งมันบอกว่าถ้าฉันมีลูก ฉันจะได้ทุกอย่างฉันจึงต้องทำให้มันเข้าใจว่าเด็กนี่เป็นลูกของมัน”
งามตาร้องไห้สำทับ จนก้อนใจอ่อนยวบ
“อย่างนี้เองหรือ”
งามตาโผเข้ากอดก้อนร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฉันจำเป็นที่ต้องทำ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ปล่อยให้พี่รอ เมื่อทุกอย่างเป็นของฉัน เราจะช่วยกันกำจัดอีพวกเรือนใหญ่ให้พ้นทาง แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายนะจ๊ะพี่”
งามตากอดก้อนร้องไห้สะอึกสะอื้น จนก้อนเชื่อสนิทใจ
ฝั่งอบเชยก็ตีหน้าเศร้าเล่าอาการของงามตาให้ฟัง จนไต้ก๋งชางคล้อยตาม สีหน้าร้อนรนใจ
“งามตาแพ้ท้องหนักมากเลยหรือ”
“เจ้าค่ะ กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกหมด”
“แล้วได้ตามหมอมาดูหรือยัง”
“ตามแล้วเจ้าค่ะ แต่กินยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น อิฉันสงสารคุณงามตาเหลือเกิน”
“คุณพี่ไปดูงามตาหน่อยดีไหม” รำเพยบอก
ไต้ก๋งชางมองรำเพยด้วยสีหน้าลำบากใจ อบเชยโน้มน้าวอีก
“ไต้ก๋งช่วยไปดูคุณงามตาหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ไต้ก๋งชางยังลังเลอยู่อย่างนั้น จนรำเพยเสนอขึ้นว่า
“น้องจะไปกับคุณพี่ด้วยค่ะ”
อบเชยตกใจ ร้องห้ามขึ้นทันควัน
“ไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ทำไมเล่าอบเชย” ไต้ก๋งแปลกใจในท่าที
“คุณงามตากำชับว่าอยากพบเพียงไต้ก๋งเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“แต่ข้า...”
“ไต้ก๋งช่วยไปดูเสียหน่อยนะเจ้าคะ เธอบอกว่าถ้าไต้ก๋งไม่ไปหา จะไม่ยอมกินข้าวกินยา ให้ตายตกตามกันไปทั้งแม่ลูก ไต้ก๋งจะทิ้งคุณงามตาลงหรือเจ้าคะ”
อบเชยบรรยายให้งามตาดูน่าสงสาร ชางนั้นไม่อยากไป แต่รำเพยนึกสงสารงามตาขึ้นมา
“คุณพี่ไปเถิดค่ะคนกำลังท้องกำลังไส้ คงต้องการคนปลอบใจ”
ไต้ก๋งชางคิดหนัก แต่เมื่อรำเพยคะยั้นคะยอให้ไปก็จำยอม อบเชยลอบยิ้มร้าย
เรือนดอกเหมยยามเย็นเริ่มขมุกขะมัว พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มที ส่วนในห้องนอนงามตาเวลานี้ ดูลึกลับ
สักพักประตูห้องค่อยๆ เปิดออก งามตาเดินเข้ามาในนั้น เดินไปเปิดหีบเก็บของตรงมุมห้อง หยิบกล่องใส่บึ้งออกมา นึกถึงคำพูดของหมอผีอิน
วันนั้น งามตาพร้อมห่อเสื้อผ้าเครื่องใช้ เตรียมจะเดินทางไปยังเรือนลำพระพาย เดินออกมายังชานเรือนพร้อมหมอผีอิน
“ฉันไปก่อนนะพ่อ”
“เดินทางดีๆ ข้าขอให้เอ็งโชคดี ได้ทุกอย่างที่เอ็งต้องการ”
งามตายิ้ม พูดอย่างมั่นใจ
“ข้าจะไม่วันพลาดอีกครั้งแน่ พ่อคอยดูไว้เถิด”
งามตากำลังจะลงบันไดไป หมอผีอินเรียกไว้
“งามตา”
งามตาหันมาหา “อะไรอีกเล่าพ่อ”
หมอผีอินเดินเข้ามาใกล้ พูดน้ำเสียงจริงจัง
“จำที่ข้าบอกว่าเสน่ห์นางครวญต้องแลกด้วยชีวิตได้ใช่หรือไม่”
“ฉันจำได้ มีอะไรหรือ”
“ข้าจะเตือนเอ็งไว้สักอย่างหนึ่งว่าชีวิตที่ข้าพูดถึงไม่ใช่แค่วิญญาณของหญิงพรหมจรรย์แต่ยังรวมไปถึงคนที่ถูกใช้เสน่ห์ด้วย”
“พ่อหมายความว่าอย่างไร”
“ร่างกายของคนที่ถูกมนต์จะค่อยๆ ทรุดโทรมลง จนมันล้มป่วยและอาจจะตายได้ เอ็งอยากทำสิ่งใดก็จงรีบทำ ก่อนที่โอกาสนั้นจะไม่มีอีกต่อไป”
งามตารับฟังนิ่งๆ ก่อนจะเดินลงเรือนไป หมอผีอินมองตามอย่างเป็นกังวล
งามตาดึงความคิดกลับออกมา เปิดกล่องบึ้งออก เห็นแมงมุมยักษ์ไต่อยู่ในนั้น
“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันอยู่อย่างมีความสุขเด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยกี่ชีวิต ข้าจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของข้า ของข้าคนเดียว”
แววตาของงามตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ไต้ก๋งชางขึ้นเรือนมาเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เห็นงามตานอนซมอยู่บนเตียง พองามตาหันมาเห็นก็ดีใจมาก ยันกายลุกขึ้น
“คุณพี่...ในที่สุดคุณพี่ก็มาหาน้องแล้ว”
ไต้ก๋งชางเดินเข้าไปนั่งริมเตียง ดูอาการงามตา
“อบเชยว่าเอ็งแพ้หนัก เป็นอย่างไรบ้าง”
“แค่คุณพี่มาหาน้องก็อาการดีขึ้นแล้วค่ะ”
“เหตุใดเอ็งไม่ยอมกินข้าวกินปลา คิดจะฆ่าลูกข้าให้ตายอย่างนั้นหรือ”
“ก็คุณพี่ไม่มาหาน้องเลยน้องคิดว่าคุณพี่จะไม่ไยดีน้องเสียแล้ว”
งามตาแสร้งทำเป็นบีบน้ำตาแง่งอนใส่
“ลูกข้าทั้งคน ข้าจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร”
“ไม่รู้สิคะ คุณพี่อาจจะเห็นน้องเป็นแค่เมียบ่าว จะทำเยี่ยงไรก็ได้”
“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
“น้องเห็นคุณพี่เอาใจเมียใหญ่ที่เรือนโน้นเสียเหลือเกินนี่คะ” งามตาแดกดันด้วยความหมั่นไส้
“รำเพยต่างหากที่เป็นคนให้ข้ามาที่นี่ เพราะเป็นห่วงเอ็งกับลูก อย่าพูดเช่นนี้อีก”
ไต้ก๋งพูดดุงามตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ต่างจากตอนโดนมนต์เสน่ห์อย่างเห็นได้ชัด
งามตาไม่พอใจ แต่ต้องเก็บอาการไว้ พูดอ้อนต่อ
“น้องจะไม่พูดอีกค่ะ แต่หากคุณพี่ไม่อยู่ที่นี่ น้องก็ไม่รู้ว่าจะทนอุ้มท้องไปอีก 7-8 เดือนได้อย่างไร”
“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร”
“น้องจะดูแลตัวเองให้ดี แต่ต้องแลกกับการที่คุณพี่อยู่กินข้าวกับน้องที่นี่”
ไต้ก๋งชางเงียบไป งามตาเลยถือวิสาสะจับมือแล้วลากไต้ก๋งชางไปที่โต๊ะกินข้าว
“คุณพี่อยู่กับน้องนะคะ คิดเสียว่าอยู่เป็นเพื่อนลูกก็ได้”
งามตาเกาะแขนไต้ก๋งชาง มองด้วยสายตาเว้าวอน ไต้ก๋งชางลำบากใจ
เวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แถนเดินมาที่หน้าเรือนดอกเหมย ชะเง้อชะแง้ขึ้นไปด้านบน ตะโกนเรียกไต้ก๋งชาง
“ไต้ก๋ง ไต้ก๋งอยู่หรือไม่ขอรับ”
ทั่วทั้งเรือนเงียบสงัด เหมือนไม่มีคนอยู่ แถนเดินเข้าไปดูใต้ถุนเรือน แต่ก็ไม่เจอใคร เลยคิดจะขึ้นบันไดไปดูบนเรือน จนเสียงอบเชยดังขึ้นจากทางหนึ่ง
“พี่แถน”
แถนสะดุ้งหันไปเจออบเชยเดินเข้ามา
“จะทำสิ่งใด คิดจะขึ้นไปบนเรือนหรือ”
“เอ่อ...ข้า...ใช่ ข้าจะมาพบไต้ก๋งชาง ไต้ก๋งชางอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่”
“เหตุใดต้องพบไต้ก๋งชาง ผู้ใดใช้พี่มาหรือ”
“คุณรำเพย...ให้พี่ตามมาดูแลไต้ก๋งน่ะจ้ะ”
“ไต้ก๋งกินข้าวกับคุณงามตาอยู่ พี่มาทางนี้ก่อนดีกว่า ข้าทำขนมไว้มากมายอยากให้พี่ชิมสักหน่อย”
“แต่ว่าข้า...”
“มาเถิดพี่ ปล่อยนายท่านอยู่กันตามลำพังเถิด อย่าไปรบกวนเลย”
อบเชยดึงแถนออกมานั่งตรงตั่ง แถนยังกังวลคอยมองไปบนเรือน สักครู่อบเชยเดินถือจานใส่ขนมมาให้
“ข้าตั้งใจจะให้พี่ชิมอยู่แล้ว พี่มาพอดี ลองสักหน่อยนะจ๊ะ”
แถนอึกอัก “ข้าไม่หิว”
อบเชยทำเป็นน้อยใจ “นี่พี่จะปฏิเสธน้ำใจฉันหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ถ้าพี่เห็นแก่น้ำใจฉันก็กินสักหน่อยเถิด แล้วฉันจะให้พี่ขึ้นไปพบไต้ก๋งชาง”
แถนได้ยินก็สนใจขึ้นมาทันที
“เอ็งพูดจริงรึ”
“จริงสิพี่ ฉันเคยปดอะไรพี่รึ”
“เช่นนั้นข้าจะกินก็ได้”
แถนหยิบขนมกิน โดยไม่ทันเห็นว่าอบเชยลอบมองอย่างสมใจ ยิ้มร้ายออกมา
รำเพยนั่งรอไต้ก๋งชางอยู่ชานเรือนใหญ่ คอยชะเง้อมองที่บันไดขึ้นเรือนเป็นระยะ พอนานเข้าสามีไม่กลับมาสักทีก็เริ่มกระวนกระวาย
“เหตุใดคุณพี่ยังไม่กลับอีก”
รำเพยนั่งไม่ติด ลุกเดินไปที่ระเบียง มองไปทางเรือนดอกเหมย
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนวิ่งปึงปังขึ้นเรือนมา รำเพยหันไปดู ปรากฏว่าเป็นอบเชย
“อบเชย”
อบเชยบอกรำเพย ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
“ไต้ก๋ง...ไต้ก๋งแย่แล้วเจ้าค่ะ”
รำเพยตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกับคุณพี่”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ จู่ๆ ก็ล้มไปเลย บ่าวให้คนไปตามหมออยู่เจ้าค่ะ”
“เป็นแบบนี้อีกแล้วหรือ แล้วนี่คุณพี่อยู่ที่ใด”
“อยู่ในห้องที่เรือนดอกเหมยเจ้าค่ะ”
รำเพยคว้าผ้าคลุมไหล่แล้วรีบร้อนลงเรือนไปทันที อบเชยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามไป
รอบข้างทางเดินไปยังเรือนดอกเหมยมืดสลัว รำเพยร้อนรนใจเร่งฝีเท้าอย่างไว อบเชยตามแทบไม่ทัน
“คุณรำเพยรออบเชยด้วยเจ้าค่ะ”
“เร็วเข้า ฉันเป็นห่วงคุณพี่”
ทันใดนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งย่องเข้ามาด้านหลัง แล้วเอาผ้าโปะยาสลบปิดจมูกรำเพยอย่างแรง รำเพยดิ้นอยู่ครู่เดียวก็สลบไป
ใครคนนั้นโผล่ออกมาจากความมืด ดึงผ้าคลุมหน้าลง ปรากฏว่าเป็นก้อนนั่นเอง ก้อนโบกมือไล่อบเชยกลับไป ก่อนจะอุ้มร่างรำเพยขึ้นพาดบ่าพาเดินไปทางหนึ่ง อบเชยมองตามยิ้มร้ายสาสมใจ
ที่เรือนท้ายสวน ตอนกลางคืน รำเพยนอนสลบอยู่ในนั้น ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา และยันตัวลุกขึ้น ด้วยท่าทีมึนงง มองไปรอบๆ คิดจะลุกออกไปแต่มือปัดไปโดนตัวใครบางคนเข้า
พอรำเพยหันไปมองก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นร่างแถนนอนสลบอยู่ข้างๆ ไม่ได้สวมเสื้อท่อนบน รำเพยปลุกแถน
“แถน...แถน เกิดอะไรขึ้น แถน”
รำเพยเขย่าตัวแถนแรงขึ้นเพื่อให้ฟื้น จนแถนเริ่มได้สติ แต่ยังมึนงงอยู่
จังหวะนั้นเองประตูเรือนร้างก็ถูกเปิดออกอย่างแรง รำเพยตกใจเมื่อหันไปเห็นเป็นไต้ก๋งชางมาพร้อมงามตาและก้อน ยืนจ้องอยู่
“คุณพี่”
ไต้ก๋งชางมองมายังรำเพยกับแถนด้วยสีหน้าผิดหวัง
งามตายิ้มเยาะสะใจสมใจ “เป็นอย่างไรคะคุณพี่ ใช่อย่างที่น้องว่าไว้ไหม”
รำเพยงง “นี่มันเรื่องอันใดกัน”
“ข้าไม่คิดว่าคนที่ข้ายกย่องให้เป็นเมียใหญ่จะทำกับข้าเช่นนี้ได้”
รำเพยพยายามอธิบาย “คุณพี่...ไม่ใช่นะคะ คุณพี่เข้าใจน้องผิด”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าเข้าใจทุกอย่าง พอกันที”
ไต้ก๋งชางเวลานี้ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์แล้ว มองรำเพยด้วยแววตาเกลียดชัง ก่อนจะเดินหนี งามตาหันมายิ้มเยาะใส่รำเพย
รำเพยนิ่งนึก เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ รีบตามชางออกไป แถนตามไปงงๆ
ไต้ก๋งชางเดินออกจากกระท่อมไม่ฟังเสียงผู้ใด รำเพยตามชางออกมาจะอธิบาย เรียกชางไว้
“คุณพี่ ฟังน้องก่อน คุณพี่”
รำเพยถลาไปเกาะแขนจะอธิบาย แต่ไต้ก๋งไม่ฟังสะบัดออกอย่างแรง จนรำเพยล้มลง แถนอยากจะเข้าไปช่วยแต่ไม่กล้า ไต้ก๋งชางมองทั้งคู่อย่างรังเกียจ
“หญิงชั่วชายโฉด”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณพี่คิดนะคะ”
“ข้าเห็นกับตาขนาดนี้แล้วยังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือ
“น้องไม่รู้เรื่อง น้องถูกคนลอบทำร้ายแล้วพาตัวมาที่นี่ แถนก็ด้วย เราสองคนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
งามตาเดินออกมาเผชิญหน้ารำเพย พูดจาถากถางในสีหน้ายิ้มเยาะ เย้ยหยัน
“หน้าไม่อาย แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฉันอุตส่าห์เห็นเป็นหญิงชาติตระกูลดีไม่คิดเลยว่าจะทรยศคุณพี่เช่นนี้ คุณพี่อย่าไปฟังมันนะคะ”
นมขามได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโร จึงตามมาดูเห็นรำเพยล้มอยู่ก็ตกใจ
รำเพยพยายามอธิบายต่อ
“ด้วยความสัตย์จริง น้องภักดีต่อคุณพี่ ไม่เคยคิดทรยศคุณพี่เลย”
แถนยกมือไหว้ไต้ก๋งชาง พูดขอความเมตตาเพื่อช่วยรำเพย
“กระผมขอสาบานด้วยชีวิตเลยขอรับว่าไต้ก๋งกำลังเข้าใจผิด”
“แล้วสิ่งที่ข้าเห็นมันคือสิ่งใด”
ไต้ก๋งชางหันไปสั่งบ่าว
“จับไอ้แถนไปโบยเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เอาตัวมันไป”
รำเพยเข้ามาขวาง
“ไม่ค่ะ คุณพี่จะลงโทษคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ได้นะคะ”
“นี่เจ้าออกรับแทนมันงั้นรึรำเพย”
ไต้ก๋งชางตะคอกใส่รำเพยเสียงดังลั่น
“จับตัวแม่รำเพยไว้ เอาตัวไอ้แถนไป”
พวกบ่าวชายช่วยกันจับรำเพย และจับตัวแถนออกไป
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“เสียแรง ข้าสู้ทำงานหนักเพื่อให้ท่านขุนยอมรับ เพื่อให้เมียข้าได้อยู่สุขสบาย แต่ข้ากลับถูกทรยศ... ใฝ่ต่ำนัก”
รำเพยอึ้งไป
“คุณพี่ว่าน้อง ทั้งๆที่คุณพี่ก็ไม่ซื่อสัตย์กับน้องอย่างนั้นหรือ”
รำเพยมองงามตา ไม่พอใจ
“ยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าคบชู้กับมันจริง”
“ไม่ น้องไม่ยอมรับ เพราะน้องไม่ได้ทำ คุณพี่ต่อว่าน้องว่าใฝ่ต่ำ แล้วคุณพี่เล่า คุณพี่ก็ไปคว้าเอานังบ่าวนี่มาทำเมียเช่นกัน”
ไต้ก๋งตวาดอีก “อย่าต่อว่างามตาเช่นนี้นะ”
รำเพยน้ำตาคลอทั้งผิดหวัง และเสียใจเหลือแสน
“สุดท้ายคุณพี่ก็เชื่อมันมากกว่าน้อง...สิ่งที่คุณพี่เคยสัญญาไว้ล้วนโกหกทั้งเพ น้องเสียใจเหลือเกินที่เคยคิดฝากชีวิตไว้กับคุณพี่”
“ข้าก็เสียใจที่เคยคิดว่าเมียข้าจะเป็นหญิงจิตใจงาม ไม่มีอะไรด่างพร้อย...ถ้าหากข้ารู้ว่าจะถูกหักหลัง ข้าคงไม่สัญญากับท่านขุนแต่แรก”
ไต้ก๋งสั่งการด้วยความโกรธกริ้ว
“เอาแม่รำเพยไปขังจนกว่าจะสำนึกได้” ไต้ก๋งหันไปสั่งนมขามและกล่ำ “ห้ามไม่ให้ผู้ใดให้ข้าวให้น้ำจนกว่า จะยอมรับผิด”
รำเพยสะเทือนใจใหญ่หลวง ปาดน้ำตาทิ้ง สายตาที่มองไปยังไต้ก๋งชางเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“คุณพี่ตัดสินน้องเช่นนี้แล้วสินะคะ”
ไต้ก๋งชางโกรธจัด “เอาตัวไป ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าอีก ไป”
บ่าวคุมตัวรำเพยออกไป วินาทีที่เดินผ่านหน้าไต้ก๋งไปรำเพยจดสายตามองทั้งน้ำตาเต็มตา งามตามองสะใจ
จังหวะนี้ จู่ๆ ไต้ก๋งชางก็หน้ามืด ซวนเซ ปวดหัวขึ้นมาเป็นริ้วๆ งามตาเห็นก็ตกใจ
รำเพยถูกบ่าวชายคุมตัวมาที่เรือนคุมขังซึ่งใช้คุมขังจองจำพวกบ่าว นมขามกับกล่ำรีบวิ่งตามมาด้วยความเป็นห่วง กล่ำสะอื้นไห้ไม่หยุด
งามตาเดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเย้ยหยัน อบเชยตามมาด้วย กล่ำมองเห็นสีหน้าท่าทางของงามตาก็โมโห ขึงตาใส่ด้วยความแค้น
“อีงามตา”
“ฉันมาส่งคุณรำเพยเข้าห้องขังแทนคุณพี่น่ะค่ะ คุณพี่เธอว่าไม่อยากเห็นหน้าคุณรำเพยอีก ฉันบอกให้มาเสียหน่อยจะได้ไม่น่าเกลียด เธอก็ไม่ยอมมา
“แล้วมันกงการอะไรที่เอ็งจะต้องมาบอก” นมขามคุมแค้น
“ฉันเห็นใจคุณรำเพยนะคะนม คุณพี่ก็ช่างกระไรสั่งให้ขังคุณรำเพยเหมือนหมูเหมือนหมาไม่ดูดำดูดี น่าเสียใจจังนะคะ”
“คงไม่เสียใจเท่า หากต้องอยู่ร่วมเรือนกับคนจิตใจชั่วช้า คิดแต่จะใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นหรอก” รำเพยตอกกลับสีหน้าเรียบ
กล่ำหัวเราะสะใจ อบเชยขึงตาใส่ กล่ำไม่สนใจ
งามตาเหยียดยิ้มมองรำเพย “ดูพูดเข้าสิ ฉันกะจะช่วยพูดกับคุณพี่ให้ถ้าไม่เห็น ความหวังดีจากฉันก็ไม่เป็นไร”
“เก็บความหวังดีของเอ็งไว้เถ่อะ ข้าไม่ต้องการ”
งามตาหมั่นไส้ในความทะนงตนของรำเพย
“การลักลอบคบชู้เนี่ย รู้ถึงไหนอายเค้าถึงนั่นเสื่อมเสียไปทั้งวงศ์ตระกูลเลยนะคะ คงเป็นเพราะคุณพี่มัวแต่ขลุกอยู่กับฉันจนมีลูกด้วยกันสินะเอ็งถึงได้อดอยากจนต้องสมสู่ไม่เลือกแบบนี้”
งามตาและอบเชยหัวเราะอย่างสะใจ กล่ำสุดทนพุ่งเข้าจะตบงามตา
“มากไปแล้วนะ” อบเชยถลันเข้ามาขวางไว้ “อบเชยมึงหลบไป”
“ไม่ เอ็งจะทำอะไรคุณงามตาไม่ได้นะ คนกำลังท้องกำลังไส้”
“ได้ ไม่หลบใช่ไหม”
กล่ำตบอบเชยเปรี้ยง อบเชยสู้
รำเพยพูดแทบเป็นตวาด “กล่ำ หยุด”
“แต่คุณรำเพยเจ้าคะ พวกมัน...”
“ช่างมันเถอะ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย”
รำเพยเลือกที่จะเดินออกตามคนคุมเข้าไปยังเรือนกักขัง กล่ำเดินตามนมขามกับรำเพยเข้าไป
อบเชยกุมหน้าที่ถูกตบ มองตามไปอย่างโกรธขึ้ง ส่วนงามตาสะใจสมใจที่จัดการรำเพยได้ในที่สุด
ทางด้านแถนถูกจับมัดกับเสา และถูกโบยโดยไม่ยั้งมือ กล่ำกับนมขามเข้ามายืนดูด้วยความสงสาร กล่ำนั้นร้องคร่ำครวญน้ำตาไหลพราก นมขามเองก็นน้ำตาซึ่งสงสารไม่ต่างกัน
“เวรกรรมอะไรของพี่แถนเนี่ย อยู่ดีๆ ก็มาโดนหวายลงหลัง”
“เรื่องมันไปยังไงมายังไงถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ หะนังกล่ำ”
“เห็นว่าคุณท่านมาเจอคุณรำเพยกับพี่แถนนอนอยู่ด้วยกันที่กระท่อมท้ายสวนน่ะคุณนม”
“คุณพระ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน”
“ฉันไม่รู้ ฮือๆๆ”
นมขามวิตกกังวลเป็นห่วงคุณรำเพยเอามากๆ
ฝ่ายรำเพยนั่งร้องไห้เสียใจ คิดถึงคำพูดที่ไต้ก๋งขับไล่ไสส่งตนด้วยความโกรธ
“เอาแม่รำเพยไปขังจนกว่าจะสำนึกได้” ไต้ก๋งหันไปทางนมขามและกล่ำ “ห้ามไม่ให้ผู้ใดให้ข้าวให้น้ำจนกว่า จะยอมรับผิด”
รำเพยสะเทือนใจใหญ่หลวง ปาดน้ำตาทิ้ง สายตาที่มองสามีเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“คุณพี่ตัดสินน้องเช่นนี้แล้วสินะคะ”
“เอาตัวไป ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าอีก ไป”
ยิ่งคิดรำเพยก็ยิ่งเสียใจ ที่ใต้ก๋งชางไม่เชื่อใจตน ลงโทษทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดใดๆ
ระหว่างนี้นมขามกับกล่ำแอบเอาอาหารมาให้รำเพย รอจังหวะที่ยามเผลองีบ
“คุณหนูของนม”
นมขามเข้ามาหารำเพย อีกฝ่ายโผเข้ากอดร้องไห้โฮ
“นม คุณพี่หมดรักฉันแล้ว”
รำเพยเสียใจร้องไห้ นมขามทำได้เพียงปลอบใจ
“ไว้ให้ใต้ก๋งอารมณ์เย็นลงกว่านี้ นมจะลองพูดกับใต้ก๋งอีกทีนะคะ ตอนนี้คุณหนูกินอะไรสักหน่อยดีกว่า” คุณนมหันไปทางกล่ำพยักหน้าให้เอาสำรับเข้ามา
“รองท้องก่อนเถอะเจ้าค่ะประเดี๋ยวจะแย่อีกคน”
รำเพยนึกได้ว่าแถนถูกทำโทษเช่นกัน
“จริงสิ แถนล่ะ แถนเป็นอย่างไรบ้าง”
กล่ำน้ำตาคลอ
“ถูกเฆี่ยนปางตายเลยค่ะคุณหนู สงสารพี่แถนจริงๆ”
“โธ่ เป็นเพราะฉันแท้ๆ ถึงทำให้แถนต้องมารับเคราะห์แบบนี้”
มีเสียงเอะอะดังจากข้างนอก โดยเป็นกลุ่มไอ้ก้อนกับพวกเดินมาหยุดที่หน้าเรือนคุมขัง สั่งการเสียงดังลั่น
“เอ็ง เฝ้าคุณรำเพยดีๆ นายท่านสั่งห้ามให้ใครเอาอาหารมาให้ ปล่อยให้อดข้าวอดน้ำไว้แบบนี้”
“ครับ”
“ประเดี๋ยวข้ากับไอ้มืดจะไปจัดการไอ้แถนตามคำสั่งนายท่านก่อน”
ลูกน้องที่มาด้วยกันชื่อไอ้ฉุน พูดถามเสียงดัง
“ถึงกับต้องฆ่าเลยรึพี่ก้อน”
“ก็เออสิวะ ไม่ใช่แค่ไอ้แถนนะ ท่านสั่งฆ่าทั้งโครตเลยล่ะ ไม่รู้ท่านแค้นอะไรนักหนา”
ไอ้ก้อนกับพวกเดินออกไป กล่ำฟังแล้วถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงทันที
รำเพยได้ยินทุกคำ น้ำตาตกไม่คิดว่าไต้ก๋งจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
“ไม่นะ”
รำเพยปาดน้ำตาเป็นห่วงแถนบอกกับนมขามและกล่ำ
“ข้าจะไปช่วยแถน ข้าจะปล่อยให้คนอื่นต้องมาตายเพราะข้าไม่ได้”
นมขามกับกล่ำอึ้ง
ที่แท้เป็นแผนของก้อน เวลานี้มันยืนยิ้มสมใจอยู่ที่หน้าเรือนคุมขัง ทุกอย่างเข้าทางเป็นไปตามแผน
รำเพย นมขาม และกล่ำ แอบเข้ามาตรงมุมขังแถน พบว่ามีคนเฝ้าอยู่ รำเพยพยักหน้ากับกล่ำและนมขาม ไม่นานต่อมาก็เห็นกล่ำยืนทำท่ายั่วยวนโชว์คนเฝ้ายามทั้งสองด้วยท่าทีรัญจวนใจสุดฤทธิ์
“ร้อนจัง อยากอาบน้ำเหลือเกิน”
กล่ำขยับผ้าไปมาพอวาบหวิวคนเฝ้าทั้ง 2 คนตาลุกวาว
ยาม1 ถึงกับคราง “โอวว...อวบอัด”
“ไปอาบน้ำกันไหมจ๊ะ”
กล่ำขยิบตาให้ทั้ง 2 หนุ่มเซ็กซี่สุดๆ กล่ำเดินไปหลบหลังต้นไม้โผล่ท่อนขาอันอวบอัดมาอ่อย
คนเฝ้าสองคนเดินตามมายังเป้าหมายทันที
“ขอกูก่อน” ยาม2 ว่า
“กูก่อน” ยาม1 ไม่ยอม
“มาๆ ได้ทั้งสองเลยจ้า”
ยามทั้ง 2 คนตรงดิ่งเข้าหากล่ำ
เมื่อสบโอกาสนมขามกับรำเพยช่วยกันเอาท่อนไม้ฟาดยามทั้ง 2 คนจนพวกมันสลบไป
“รีบไปเถอะ”
กล่ำจัดเสื้อผ้าเข้าที่แล้วรีบวิ่งตามรำเพยกับนมขามไป
รำเพย นมขาม กล่ำ เข้ามาเห็นแถนถูกมัดอยู่ในสภาพเนื้อตัวแตกยับ กล่ำกับนมขามรีบแก้มัดให้ รำเพยเห็นสภาพแถนสงสารจับใจ
“แถนเจ้าโดนหนักเยี่ยงนี้เลยรึ”
แถนดีใจที่เห็นรำเพยยังปลอดภัยดี “คุณหนู คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ”
รำเพยส่ายหน้าบอก น้ำตาซึม ยิ่งสงสารแถนที่ยังอุตส่าห์เป็นห่วงตนทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปางตาย
“ฉันจะพาแถนไปจากที่นี่”
แถนแปลกใจ “ไปจากที่นี่”
“ใช่พี่ เราอยู่ไม่ได้แล้วคุณท่านสั่งให้คนมาฆ่าพี่ เราต้องหนี” กล่ำอธิบาย
“ไปเถอะ เราจะไปด้วยกัน” รำเพยบอกย้ำ
กล่ำรีบประคองแถนขึ้นทั้งหมดรีบออกจากที่ขัง
นมขามเดินนำมาหยุดที่ด้านหน้าที่คุมขัง มองทางหนีทีไล่ แล้วบอกกับทุกคนว่า
“ออกทางท้ายสวนจะดีกว่าค่ะคุณหนู”
รำเพยจับมือนมขาม “ขอบใจมากนะจ๊ะนม”
“ขอบใจอะไรล่ะคะ เราต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว”
นมขามขยับตัวจะไป แต่ถูกรำเพยรั้งไว้
“นมอยู่ที่นี่เถอะนะจ๊ะ”
นมขามอิดออด “แต่ว่า คุณหนู”
“เชื่อฉันสิ อย่างน้อยนมขามก็เป็นคนเดียวที่ใต้ก๋งพอจะฟังคำอยู่บ้าง อย่าให้เรือนรำพระพายต้องอยู่โดยไม่มีคนคอยดูแลเลยนะจ๊ะนม ขอให้นมคิดว่าทำเพื่อพ่อของฉันเถอะนะ”
“นมเป็นห่วงคุณ” นมคิดปราดเดียวแล้วบอกว่า “นมจะไปพูดกับใต้ก๋งเอง”
“อย่าเลย ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะนม นมก็เห็นว่าคุณพี่สั่งขังฉันให้อดข้าวอดน้ำจนกว่าจะรับผิดเท่ากับใจของคุณพี่คิดว่าฉันผิดไปแล้ว คุณพี่ไล่ฉันได้อีกไม่นานก็คงสั่งฆ่าฉันได้เช่นกัน”
คุณนมโผเข้ากอดรำเพยด้วยความรัก อาลัยอาวรณ์ จำต้องยอมให้รำเพยจากไป
“คุณหนูของนม...รักษาตัวดีๆ นะคะ”
“ฉันเชื่อว่าความถูกต้องยังมีอยู่จริง”
“นมจะรอคุณหนูนะคะ”
จะหวังนี้เอง มีเสียงคนเอะอะโวยวายว่าแถนหนีไปดังขึ้นมาจากข้างใน
“เฮ้ย..ไอ้แถนหายตัวไป”
รำเพยยิ้มลานมขาม
“ไอ้แถนนังกล่ำดูแลคุณหนูให้ดีนะ”
แถนกะกล่ำ ประสานเสียง “จ้ะนม”
มีเสียงดังขึ้นอีกว่า “มีคนมาช่วยมันหนีไป รีบหาให้เจอเร็วเข้า”
นมขามเร่งให้ทุกคนรีบไป
“รีบไปเร็วเข้า ข้าจะถ่วงเวลาไว้”
กล่ำประคองแถนเดินนำไป รำเพยค่อยๆ หันไปมองเรือนลำพระพายอย่างอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้าย
“ลูกขอโทษเจ้าค่ะคุณพ่อ ที่อยู่ดูแลเรือนต่อไปไม่ได้”
รำเพยน้ำตาไหลออกมาอย่างเศร้าโศกก่อนเดินตามกล่ำและแถนไป
นมขามมองตามน้ำตาไหล ไอ้ก้อนแอบดูอยู่มุมหนึ่งยิ้มมีแผนร้าย
ด้านไต้ก๋งชางนั่งซึมเหม่อลอย ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง นึกถึงภาพที่ตนสั่งลงโทษรำเพยในใจยิ่งขัดแย้งกัน
“น้องไม่รู้เรื่อง น้องถูกคนลอบทำร้ายแล้วพาตัวมาที่นี่แถนก็ด้วยเราสองคนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
พอคิดอาการปวดหัวก็เกิดขึ้นกะทันหัน พร้อมกับความรู้สึกที่แท้จริงต่อรำเพย ไต้ก๋งชางกุมหัวอย่างสับสน
“ด้วยความสัตย์จริง น้องภักดีต่อคุณพี่ไม่เคยคิดทรยศต่อคุณพี่เลย”
อาการปวดหัวรุนแรงขึ้น
“เอาแม่รำเพยไปขังจนกว่าจะสำนึกได้” ไต้ก๋งหันไปทางนมขามและกล่ำ “ห้ามไม่ให้ผู้ใดให้ข้าวให้น้ำจนกว่า จะยอมรับผิด”
รำเพยยิ่งสะเทือนใจใหญ่หวง ปาดน้ำตาทิ้ง สายตาที่มองมายังไต้ก๋งชางเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“คุณพี่ตัดสินน้องเช่นนี้แล้วสินะคะ”
ไต้ก๋งเห็นสายตาก็ยิ่งโกรธจัด “เอาตัวไป ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าอีก ไป”
“อ๊าก....ไม่ ระ...รำเพย...”
ไต้ก๋งชางน้ำตาไหล มือกุมหัวอย่างทรมานแสนสาหัส พยายามฝืนร่างคลานไปที่ประตู
“พี่ขอโทษ อย่าไปจากพี่”
มือไต้ก๋งกำลังจะเอื้อมถึงประตู ประตูเปิดผางออก เห็นงามตายืนถือถาดน้ำสมุนไพรใส่ยาเสน่ห์ยิ้มเหี้ยมเกรียมมาให้
“คุณพี่จะไปไหนหรือคะ”
ไต้ก๋งชางตกอยู่ในอาการเหม่อลอยสลับกับปวดหัวความคิดสับสนไปหมด ตอบไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“เปล่า”
งามตาวางถาดลงบนโต๊ะ มาช่วยพยุงไต้ก๋งกลับขึ้นนั่ง
“มานั่งนี่เถอะค่ะ จะได้กินน้ำสมุนไพรที่น้องตั้งใจทำให้”
งามตาจับไต้ก๋งนั่งดีแล้วยื่นยาให้
“กินสิคะ”
ไต้ก๋งชางยกแก้วน้ำดื่มจนหมดท่าทีเหม่อลอย งามตายิ้มพอใจ
“นังรำเพยมันออกไปจากเรือนของเราแล้วนะคะ ต่อไปมันกับชู้จะไม่ได้อยู่ตำตาคุณพี่อีก”
ไต้ก๋งชางพยักหน้ารับ พูดเสียงเบาหวิว
“ดี...”
“ต่อไปเราขึ้นไปอยู่บนเรือนใหญ่กันนะคะ ที่นี่มันคับแคบเหลือเกิน น้องอึดอัด”
ไต้ก๋งชางมองงามตาอย่างลุ่มหลง พยักหน้ารับเอาคำอีก งามตายิ้มสมใจ
“คืนนี้คุณพี่นอนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เหนื่อยมามากแล้ว”
ไต้ก๋งชางล้มตัวลงนอน หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
งามตายิ้มร้ายกาจ พอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
อีกฝั่ง บรรยากาศในราวป่าริมแม่น้ำตอนกลางคืน แลดูน่ากลัว สามคนหนีเข้ามาในนั้น ห่างจากเรือนลำพระพายมาสักระยะแล้ว
กล่ำคอยดูรำเพย แถนพยามฝืนทนเจ็บเดินมาตามทาง ถือไม้ในมือ เคาะๆ ตามที่ทาง เพื่อระวังงูเงี้ยวและสัตว์ร้าย ไม่ให้มาทำร้ายคุณรำเพยของมัน
รำเพยอ่อนระโหยโรยแรงใกล้จะเป็นลม สุดท้ายหน้ามืดวูบไป กล่ำรีบเข้ามาประคอง
“คุณรำเพย เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
แถนมองดูคุณรำเพย ถามอาการกับกล่ำอย่างเป็นห่วง
“คุณรำเพยเป็นอะไรรึ”
“ฉันไม่เป็นไร ไปต่อเถิด”
“ไม่เป็นไรได้อย่างไรขอรับ หน้าซีดขนาดนี้” แถนคิดปราดเดียว “เอาอย่างนี้ คุณรำเพยนั่งพักตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกระผมจะไปหาน้ำดื่มมาให้ เอ็งไปหาน้ำทางด้านโน้นส่วน ข้าจะลองไปหาทางด้านนี้”
“ได้จ้ะพี่แถน เดี๋ยวกล่ำรีบมานะเจ้าคะ”
รำเพยพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แถน และกล่ำแยกกันไปคนละทาง
แถนเดินมาได้นิดเดียวก็ได้ยินเสียงรำเพยร้องกรี๊ดสุดเสียง แถนชะงักตกใจ
“คุณรำเพย”
แถนรีบวิ่งตามเสียงไป
รำเพยกรีดร้องเสียงดังเพราะถูกฉุนซึ่งปิดหน้าปิดตา กำลังลากรำเพยจากทางด้านหลังเข้าไปในพงหญ้า มันเอามือปิดปากรำเพยดิ้นขัดขืนสุดแรงเกิด
แถนวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ไอ้ชั่ว เอ็งปล่อยคุณรำเพยเดี๋ยวนี้นะ”
รำเพยเห็นแถนรีบตะโกนให้ช่วยเสียงอู้อี้ แถนกัดฟันทนวิ่งเข้าใส่ แฉะซึ่งปิดคาดหน้าด้วยผ้าดำ กระโดดมาขวาง แถนต่อยกับแฉะสู้กันลวัน กล่ำวิ่งตามเสียงเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
“พี่แถน! คุณรำเพย”
“เอ็งไปช่วยคุณรำเพยก่อน เร็ว”
กล่ำรีบคว้าไม้แถวนั้นวิ่งเข้าไปช่วยรำเพย ใช้ไม้ในมือฟาดฉุนเต็มแรง ฉุนหลบหลีก ผลักรำเพยออก แล้วเข้ามาจัดการกับกล่ำด้วยความโมโห
“คุณรำเพยหนีไปเจ้าค่ะ”
ฉุนตบกล่ำคว่ำกองกับพื้น รำเพยตกใจคว้าก้อนหินแถวนั้นจะไปช่วยกล่ำ ด้านแถนกับแฉะสู้กันอุตลุด แฉะเสียท่าถูกเตะล้มลง แถนรีบวิ่งไปหารำเพย บอกให้หนี
“คุณรำเพยรีบหนีไปก่อน เดี๋ยวกระผมจะไปช่วยนังกล่ำ”
รำเพยเป็นสองคน “แต่ว่า”
“รีบไปสิขอรับ”
รำเพยตัดใจวิ่งหนีหายไปในความมืด
ฝ่ายฉุนล็อกคอกล่ำได้จากด้านหลัง กล่ำสู้ยิบตา ทั้งกัด ทั้งถีบ แต่ก็โดนตบล้มคว่ำลงไปจนได้ พอจะลุกขึ้นสู้อีก ฉุนก็ใช้ไม้ที่แย่งมาได้จากกล่ำ ตีเข้าที่หัวจนสลบ
แถนเห็นจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ถูกไม้หน้าสามฟาดหัวจนสลบคาที่ ก้อนยืนถือไม้หน้าสามนั้น มันค่อยๆ ดึงผ้าปิดหน้าออกดู ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ฉุนกับแฉะเดินเข้ามาสมทบในสภาพสะบักสะบอม
“รีบตามหานังรำเพยให้เจออย่าให้มันรอดไปได้”
รำเพยวิ่งผ่านป่ารก เหนื่อยล้าโรยแรง หน้ามืดจะเป็นลมเสียให้ได้ แต่ต้องแข็งใจวิ่งต่อ รำเพยสะดุดรากไม้ล้มลง มีเสียงคนวิ่งตามมาไกลๆ
“ทางนี้ เร็วเข้า”
รำเพยตกใจ เหลียวมองหาทางหนีทีไล่ แล้วเข้าไปซ่อนตัวหลังโคนต้นไม้ใหญ่ ทำตัวลีบเล็กอย่างหวาดกลัว พวกก้อน ฉุนและแฉะเดินมาใกล้ต้นไม้ที่รำเพยอยู่
“พวกเอ็งแยกกันไปดูทางซ้าย กับขวา ส่วนข้าจะดูแถวนี้เอง อ้อ แล้วถ้าเจอนังรำเพยฆ่าทิ้งได้เลย ใครฆ่ามันได้รับรองว่าไต้ก๋งจะตบรางวัลให้พวกเอ็งอย่างงาม ไป”
รำเพยได้ยินถึงกับน้ำตาร่วงรินเข้าใจผิดว่าไต้ก๋งชางส่งคนมาฆ่าตน ต้องปิดปากกลั้นสะอื้น
ก้อนเดินมาจะถึงที่รำเพยซ่อนตัวแล้วกลับหยุด เดินไปดูที่อื่น
รำเพยนิ่งรอสักพัก มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เจอคนก็รีบวิ่งออกไปทันที แต่แล้วก้อนกลับยืนขวางทางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันถือมีดขู่อยู่ตรงหน้า
“จะรีบไปไหนจ๊ะ น้องรำเพย”
รำเพยหันหลังจะวิ่งหนีไปอีกทาง ก้อนคว้าแขนกลับมาแล้วตบคว่ำร่างกระเด็นไป รำเพยคลานหนีก้อนลากขากระชากกลับมาแล้วขึ้นคร่อมไว้จะข่มขืน
“ปล่อยข้านะ”
“ของดีๆ ฆ่าทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดายนัก ข้าจะให้น้องรำเพยได้ขึ้นสวรรค์ก่อนตายดีไหมจ๊ะ”
ก้อนใช้ปลายมีดจ่อคอรำเพยอย่างน่าหวาดเสียว รำเพยมองหน้าจ้องตาในผ้าคลุมสีดำอย่างขยะแขยง
“ถ้าต้องขึ้นสวรรค์กับเอ็งข้ายอมตกนรกยังดีเสียกว่า”
“จะตายแล้วยังปากดีอีกรึ”
ก้อนตบรำเพยเปรี้ยง เงื้อมีดขึ้นจะแทง รำเพยกลิ้งหลบ มีดเฉี่ยวโดนแขนข้างหนึ่งเลือดออกมา รำเพยกัดฟันทนความเจ็บปวด
ก้อนตามมาจะแทงซ้ำ รำเพยคว้าหินได้ทุบหัวก้อนอย่างแรงก้อนล้มลง
รำเพยฉวยโอกาสลุกขึ้นวิ่งหนีไปจนรองเท้าหลุดออกหนึ่งข้าง
“นังตัวดี ฤทธิ์เยอะนักนะมึง”
ก้อนตามไปอย่างเคียดแค้น
รำเพยกระเสือกกระสนวิ่งหนีสุดชีวิต ด้วยเท้าเปล่าหนึ่งข้าง เลือดที่แขนไหลไม่หยุดและท่าทีใกล้หมดแรงเต็มที
ก้อนวิ่งตามมาติดๆ จนใกล้ถึงตัว รำเพยหนีมาจนติดริมแม่น้ำ ก้อนตามมาทัน ชูมีดขึ้นขู่
“ไม่มีทางให้หนีแล้วสินะ มานี่”
ก้อนพุ่งเข้าใส่หมายจะแทงรำเพย
“ไม่”
รำเพยใช้แรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมดที่มี พยายามผลักมีดออกไป จึงยันกันอยู่ แต่ก้อนแรงเยอะกว่าดันมีดเกือบจะถึงอกรอมร่อ รำเพยสู้แรงไม่ไหวมีดถึงอกรำเพยแต่ติดที่หยกที่ไต้ก๋งชางให้ไว้ มีดแฉลบออกตัดสร้อยขาดมีดบาดที่อกเป็นทางยาวแต่ไม่ลึกมาก หยกตกลงที่พื้นรำเพยเสียหลัก หงายหลังตกน้ำไปตูมใหญ่
ก้อนรอดูสักพัก จนแน่ใจว่ารำเพยตายแน่ มันยิ้มชั่วสมใจ แล้วเดินกลับออกไป
อ่านต่อตอนที่ 13
#เสน่ห์นางครวญ #ช่อง8 #thaich8