“เซน-นพฤทธิ์” จากทหารรับใช้ชาติ!!!สู่นักแสดงบู๊แอ๊คชั่นเจ้าเสน่ห์ที่แฟนๆ เทใจ
เรียกได้ว่าเป็น “นักแสดงบู๊แอ๊คชั่น” ที่มีความหล่อไม่แพ้พระเอกของเรื่องเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงหนุ่มหุ่นล่ำบึ้ก เซน-นพฤทธิ์ ศรีบุตร จากละครบู๊แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่อง “เล็บครุฑ” ของค่ายไนน์บีเวอร์ฟิล์ม ที่ผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง เว่อร์-โอริเวอร์ บีเวอร์ เจียระไนมากับมือ เพราะเป็นคนชักชวนหนุ่มคนนี้มาเล่นละครเรื่องแรก “ขุนกระทิง” ในบท “ตอง ท่าเตียน”
แฟนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักเค้ามากนัก เพราะถือว่ายังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่บทบาท “กำพล” ในละคร “เล็บครุฑ” เรียกได้ว่าโดดเด่น จนหลายคนจับตามอง และอยากรู้จักเค้ามากขึ้นทีเดียวเชียว ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง หนุ่มเซนเคยรับราชการเป็นทหารรับใช้ชาติ ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี และเคยผ่านสนามรบเพื่อปกป้องประเทศชาติมาแล้วด้วย
“ผมเคยรับราชการที่กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธินหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินมาก่อนครับ เคยออกรบด้วยที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”
เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมนักแสดงหนุ่มคนนี้ถึงมีฝีไม้ลายมือในการเล่นบู๊แอ๊คชั่น รวมทั้งการใช้อุปกรณ์การต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะเขาผ่านการฝึกฝนเรื่อง การต่อสู้ป้องกันระยะประชั้นชิด อาวุธมีด ปืน โค้ดคอมแบท และคอมแมนโดแซมโบ้
จากการร่วมงานกันครั้งแรกกับค่ายไนน์บีเวอร์ฟิล์มในละคร “ขุนกระทิง” หนุ่มเซนเล่าให้ฟังว่า ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน แม้ในช่วงแรกอาจจะงงๆ อยู่บ้าง เขาอาศัยการฝึกฝนจากการดูซีรี่ส์ ดูหนังมากขึ้น เพื่อเรียนรู้ทักษะด้านแสดง จนได้รับโอกาสที่ดีในการเล่นละครเรื่องที่สอง “มือเหนือเมฆ” เรื่องนี้เขาได้รับบทบาทที่ต้องใช้ทักษะการแสดงมากขึ้น นอกจากคิวบู๊ที่เขาสอบผ่านได้อย่างสบาย แต่บทดราม่านั้น หนุ่มเซนต้องทำการบ้านหนักขึ้น
“ผมได้โอกาสที่ผู้ใหญ่มอบให้ ถ้าไม่ได้โอกาส ผมคงไม่ได้ไปต่อ บท ตอง ใน มือเหนือเมฆ ก็มีอะไรให้เล่นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง ดราม่า ผมก็ทำการบ้านคือ อ่านบทให้เข้าใจ เล่นตามที่ผู้กำกับฯ บอก ส่วนแอ็คติ้งก็ต้องฝึกฝนด้วยตัวเองไม่มีทริคในการจำบทอะไรเลย อ่านแล้วก็จำประมาณนั้นครับ ในส่วนการแสดงผมว่าผมยังต้องพัฒนาไปอีกเยอะครับ”
จากละคร “ขุนกระทิง” สู่ “เล็บครุฑ” ในวันนี้ เซนยอมรับว่ามีคนรู้จักมากขึ้น ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่าง โอริเวอร์ บีเวอร์ ที่มอบโอกาสให้เขาอีกครั้งกับบทบาทหนึ่งใน ทีมหน่วย SFA027 ที่ ณ เพลานี้ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเรียก “กำพล” และถามหาเพื่อนๆ ในหน่วยด้วย
“ก็พอมีคนจำได้บ้าง ยังไม่ถึงคำว่ามีชื่อเสียงหรอกครับ มีคนมาขอถ่ายรูป บางทีก็ถามหาเพื่อนๆ ในหน่วย ซึ่งผมก็รู้สึกดีที่ว่า เวลาเราเล่นละคร แล้วมีคนดู แล้วมีคนติดตาม แล้วมีคนมาให้กำลังใจเรา มันก็เหมือนเป็นพลังบางอย่างที่อยากทำให้เราตั้งใจ และทุ่มเทกับงานมากขึ้น แล้วเราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ผมต้องออกกำลังกายทุกวัน ฝึกฝนตัวเองอยู่บ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเฟิร์ม และทำงานได้อย่างเต็มที่ จริงๆ กว่าจะมีละครออกมาฉายหนึ่งเรื่อง ผมว่าไม่ใช่แค่นักแสดงหรอกครับ ทีมงานก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้งานออกมาดี โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่อย่างพี่เว่อร์ ผมว่าพี่เค้าเก่งมาก และเป็นไอดอลผมในเรื่องของความตั้งใจและมุ่งมั่นในงานครับ”
ถึงวันนี้หนุ่มเซนไม่ได้รับราชการทหารแล้ว เพราะให้เวลาเต็มที่กับวงการบันเทิง รวมทั้งรับงานเป็น Personal Trainerออกกำลังกาย และรับสอนคิวบู๊ นอกจากนี้ยังไปช่วยหวานใจเปิด “สตูดิโอโยคะ” แถวๆ เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ ในนาม “อรุณสวัสดิ์โยคะ” และ “มหาสวัสดิ์โยคะ” เปิดสอนโยคะเพื่อสุขภาพ โดยให้บริการแบบตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มก็ได้
หนุ่มเซนยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า “สิ่งที่ผมได้จากการเป็นนักแสดงคือ เงิน มิตรภาพ เพื่อนฝูง และการเรียนรู้ สำหรับผม ยังต้องหาประสบการณ์จากตรงนี้อีกเยอะครับ ซึ่งผมจะคำนึงถึงเรื่องการมีวินัย ความรับผิดชอบ และความเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถ เพราะถ้าหากเราบกพร่องตรงจุดนี้ ก็คงไม่มีใครจ้างผมเล่นละครแน่ๆ ครับ”
เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีความคิดดี และคาดว่าหนทางในวงการบันเทิงยังอีกไกลแน่นอน!!!