xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 22 : ฆ่าปิดปากเลื่อน เรื่องวางยาเสน่ห์ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 22

บทประพันธ์ : วรรณวรรธน์
บทโทรทัศน์ : เอกลิขิต

บนเรือน ขันทองมีสีหน้าเคร่งเครียด เดินไปเดินมา ในหัวคิดถึงแต่เรื่องที่พระยากำแหงสารภาพรักกับแมงเม่าตลอดเวลา

ทางด้านแมงเม่านั่งซึมๆอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งในวัง ในหัวคิดแต่เรื่องที่พระยากำแหงสารภาพรักกับตนเช่นกัน
พระยากำแหงตัดใจพูดสวนทันที "ฉันรักแม่แมงเม่า"
แมงเม่าได้แต่ถอนใจออกมา

ขันทองยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดหนัก เดินพล่านไปทั่ว จะทำยังไงดี
ภาพพระยากำแหงเอาชายสไบแมงเม่าขึ้นมาบรรจงจูบ แทนความรักที่ตนมีต่อแมงเม่า
ขันทองเครียดหนัก หึงหวงจับใจ ตนจะยอมเสียแมงเม่าไปเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขันทีอย่างนี้น่ะเหรอ

"ถ้าไม่ใช่ขันที ก็คงจะดีสินะ" แมงเม่ารำพัน
แมงเม่าหน้าเศร้าๆ หงอยๆ
เสียงความคิดดังมา
"เค้าเสียสละมาเป็นขันทีเพื่อการใหญ่ ถือว่าสิ้นวาสนากันแต่แรกแล้ว เลิกคิดเถิดเจ้าแมงเม่า"

ขันทองตัดสินใจได้ พูดพึมพำบอกตัวเอง
"ให้เจ้าตัวดีตัดรอนเสีย ยังดีกว่าต้องจบลงด้วยความเข้าใจผิดเช่นนี้"
ขันทองคิดได้เช่นนั้นก็จะเดินลงจากเรือนไปหาแมงเม่า
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังลั่นขึ้น คราวนี้ดังใกล้มาก ต่างจากทุกครั้ง ราวกับยิงใกล้ๆ
กำแพงวังนี่เอง
ขันทองตกใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังใกล้ขนาดนี้

พวกข้าหลวง โขลน กำลังกรีดร้อง วิ่งหนีกันด้วยความหวาดกลัววุ่นวายไปหมด
ขันทองวิ่งมาดูเหตุการณ์ สวนกับขุนรักษ์เทวาที่วิ่งหนีมาพอดี
ขันทองรีบจับขุนแขนรักษ์เทวาไว้
"ท่านขุน เกิดกระไรขึ้น ทำไมครานี้เสียงปืนใหญ่ถึงดังใกล้นัก ไม่เหมือนปืนใหญ่ที่เรายิงต่อสู้อังวะเลย"
" ก็ไม่ใช่น่ะซี เสียงปืนของพวกอังวะต่างหาก ไม่รู้มันบุกเข้ามาใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร"
ขันทองเครียดหนัก ที่จู่ๆพวกอังวะก็บุกเข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้

มังมหานรธายืนสั่งการอยู่หน้าค่ายที่ตั้งอยู่ริมน้ำ
มังมหานรธาตะโกนสั่ง
"พายเรือไปให้ใกล้ แล้วยิงข้ามกำแพงเข้าไป น้ำท่วมไปถึงที่ใด ก็ลอยเรือยิงมันไปทุกที่"

เนเมียวสีหบดีกำลังตกใจ หลังจากฟังทหารของตนรายงานข่าว
เนเมียวสีหบดีนึกไม่ถึง
"เข้าไปประชิดกำแพงเทียวรึ รอดหูรอดตาไปได้อย่างไร"
ทหาร 1บอก "ท่านมังมหานรธา เห็นว่าอโยธยาวางกำลังรับมือทัพเราเป็นหลัก จึงฉวยโอกาสที่อโยธยาไม่ระวังทัพของท่าน ลอยเรือเข้าไปใกล้กำแพงขอรับ"
เนเมียวสีหบดีเจ็บใจ
"เจ้าเล่ห์นัก สมแล้ว ที่ผ่านศึกมามาก ไม่แพ้ท่านอะแซหวุ่นกี้เลย" แล้วตะโกนสั่ง "เตรียมทัพประเดี๋ยวนี้ เราจะยอมให้ทัพของมังมหานรธาได้หน้าแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้เป็นอันขาด"
ทหาร 1 ก้มหัวรับแล้วรีบไปเตรียมการทันที
เนเมียวสีหบดี กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ ที่ถูกมังมหานรธาแย่งผลงานไปได้

แมงเม่ากับพวกข้าหลวงกำลังช่วยกันปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อให้ได้ยินเสียงปืนใหญ่น้อยที่สุด
แต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนใหญ่แว่วมาตลอดเวลา
ในขณะที่กรมขุนวิมลภักดีกำลังนั่งคุยกับอำพัน และคุณท้าวโสภาด้วยความหวาดกลัว
เจ้าจอมอำพันกลัวมาก
"ครานี้ข้าศึกบุกมาถึงริมกำแพงเลยนะเพคะ แล้วนี่มันจะบุกเข้ามาถึงในวังหรือไม่เพคะ"
ทั้งที่กรมขุนวิมลภักดีกลัวมากเช่นกัน แต่ก็พยายามปลอบใจคนอื่น
"สักแต่ว่าพูดจริงๆแม่อำพัน จะเข้ามาได้อย่างไร ในวังมีเทพยดาอารักษ์คุ้มครองอยู่แท้ๆ"
ขาดคำ ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังลั่น เหมือนจะห่างกับตำหนักพวกตนไม่ไกล จนกรมขุนวิมลภักดี
กับเจ้าจอมอำพัน สะดุ้งโหยง โผเข้ากอดกันด้วยความหวาดกลัวทันที
คุณท้าวโสภาทั้งกลัวทั้งห่วงเป้ามาก
"แต่มีคนพูดว่ามีกระสุนลอยเข้ามาในเขตพระราชฐานแล้วนะเพคะ หม่อมฉันกลัวเหลือเกินเพคะ"
กรมขุนวิมลภักดีกลัวมากแต่ยังปากแข็ง "ข่าวลือน่ะซี อย่าไปฟังให้เสียขวัญ ฉันไม่เชื่อดอก"
แมงเม่าเดินกลับมาหากรมขุนวิมลภักดี ก่อนจะคุกเข่าลง
"ปิดประตู หน้าต่าง ทั้งหมดแล้วเพคะ"
" แล้วทุกคนเข้ามาในตำหนักหมดแล้วรึ"
"ขาดแม่เป้าเพคะ" แมงเม่าบอก
คุณท้าวโสภาตกใจ นึกขึ้นได้ ห่วงเป้ามาก
"หม่อมฉันใช้แม่เป้าไปตำหนักเสด็จพระองค์หญิงเทพสุดาเพคะ นี่จะอยู่ในตำหนักหรืออยู่
ระหว่างทางก็ไม่รู้ หากอยู่ระหว่างทาง แล้วกระสุนข้ามกำแพงมาโดนจะทำอย่างไรกัน"
คุณท้าวโสภาดูร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเป้า
"มันจะบังเอิญถึงขั้นนั้นเชียวรึคุณท้าว ในวังออกจะกว้างขวาง ถ้าโดนจริง ก็คงจะถึงที่แล้วล่ะ"
คุณท้าวโสภาอึกๆอักๆ จะเถียงก็ไม่ได้ แต่ก็ห่วงเป้าอยู่ดี
แมงเม่าห่วงเป้าเหมือนกัน
"ฉันไปตามตัวแม่เป้าให้เองจ้ะคุณท้าว คุณท้าวอย่าห่วงเลย"
ขาดคำแมงเม่าก็คลานเข่าออกไป

กรมขุนวิมลภักดีจะห้าม แต่ก็มีเสียงปืนใหญ่ดังลั่นขึ้นอีก จนทั้งกรมขุนวิมลภักดี คุณท้าวโสภา เจ้าจอมอำพันสะดุ้งโหยง กลัวจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ข้าหลวงของเจ้าจอมเพ็ญทยอยออกจากตำหนักไปด้วยความหวาดกลัว หลังจากเข้ามาหลบเสียงปืนใหญ่เมื่อครู่ เจ้าจอมเพ็ญไม่ยอมให้ใครอยู่ในตำหนักซักคน

เจ้าจอมเพ็ญไล่ตะเพิด
"ออกไปให้หมด ออกไปเร็วๆเลย
ข้าหลวงออกไปอย่างหวาดกลัวระเบิดแต่ก็กลัวเจ้าจอมเพ็ญมากกว่า เลื่อนปิดประตูตำหนัก แล้วกลับไปหาเจ้าจอมเพ็ญที่นั่งอยู่บนตั่ง
เลื่อนคุกเข่าลง
"ทุกคนออกไปหมดแล้วเจ้าค่ะหม่อมแม่ หม่อมแม่ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ บ่าวจะจงรักภักดีต่อหม่อมแม่
ไม่ทิ้งหม่อมแม่ไปไหนเด็ดขาดเจ้าค่ะ"
" เอ็งพูดขึ้นมาก็ดีแล้ว เช่นนั้น ก็พิสูจน์ความจงรักภักดีของเอ็งให้ข้าดูสักหน่อยเถิดนังเลื่อน" เจ้าจอมเพ็ญหยิบขวดใส่ยาเสน่ห์ออกมายื่นให้ตรงหน้าเลื่อน
เลื่อนตกใจสุดๆ "หม่อมแม่ คงไม่ใช่..."
" เพลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว ในวังกำลังวุ่นวายนัก ถึงเอ็งจะเอายาเสน่ห์ไปใส่ในพระกระยาหาร ก็ไม่มีผู้ใดสนใจเอ็งดอก"
เลื่อนหน้าซีดเผือด พูดไม่ออก จ้องขวดยาเสน่ห์แล้วกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างลำบาก
เจ้าจอมเพ็ญจ้องหน้าเลื่อน "ดูทีรึว่าเอ็งจะภักดีกับข้าดั่งปากว่าหรือไม่"
เลื่อนกลัวสุดๆ พนมมือไหว้
"หม่อมแม่ หม่อมแม่เจ้าขา อย่าให้บ่าว..."
เจ้าจอมเพ็ญจับมือเลื่อนมา แล้ววางขวดยาเสน่ห์ยัดใส่มือเลื่อนเลย
เลื่อนเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กลัวจนหายใจถี่
" เอ็งบ่ายเบี่ยงข้ามาหลายคราแล้ว ครานี้อย่าให้ข้าผิดหวังเป็นอันขาด"
เลื่อนหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่คิดว่าเจ้าจอมเพ็ญจะบังคับตนในตอนวุ่นวายอย่างนี้เลย

แมงเม่ากำลังเดินคุยมากับเป้าตามทางเดินในวัง
"คุณท้าวท่านก็เป็นเช่นนี้ล่ะ ปากร้าย แต่ในใจห่วงใยฉันเสมอ ฉันไม่แปลกใจดอกจ้ะ แต่ที่แปลกก็คือแม่แมงเม่าออกมาตามฉันด้วยตัวเองต่างหาก"
" เราสนิทสนมกันมานาน ฉันจะห่วงแม่เป้าบ้าง มันแปลกอย่างไร"
เป้ายิ้มๆ
แมงเม่ายิ้มกระไร แปลกคนจริง ฉันอยู่ว่างๆ แลฉันก็ไม่กลัวเสียงปืนใหญ่เหมือนคนอื่น แล้วเหตุใดฉันจะมาไม่ได้
เป้ายิ้มกระเซ้า
"ก็ฉันนึกว่าแม่แมงเม่า จะมัวแต่คิดหาคำตอบให้ออกญาวัง จนไม่มีแก่ใจจะทำกระไรเสียอีกน่ะซี"
แมงเม่าตกใจ จ้องหน้าเพื่อนเขม็งที่รู้เรื่องนี้
เป้าตีหน้าตาย
"ไม่ใช่ความผิดฉันนะ ออกพระศรีเป็นคนชวนฉันแอบฟังต่างหาก"
แมงเม่าตกใจหนักกว่าเดิม
"ออกพระศรีก็รู้ด้วยรึ"
แมงเม่าตั้งสติได้ก็ฉุนเพื่อน เลยเข้าไปหยิกตีเป้าทันที
เป้าปัดป้องพัลวัน
"โอ๊ยๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายเสียหน่อย ทำไมต้องโกรธฉันด้วยเล่า"
แมงเม่าเจ็บใจ
"แอบฟังคนอื่น แล้วยังมากล้าพูดอีกรึ ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะแม่คนนี้"
แมงเม่าไล่หยิกเป้า เป้าก็ปัดป้องไปมา
แต่ทันใดนั้น แมงเม่าก็ชะงักไป เห็นเลื่อนเดินลับๆล่อๆ มองซ้ายมองขวาไปตลอดทาง ห่างออกไปพอสมควร
เป้าแปลกใจ มองตามสายตาแมงเม่า "พี่เลื่อน" หันไปมองหน้าแมงเม่า "มีกระไรรึ"
"ทั้งวังกำลังวุ่นวาย แม่เลื่อนก็ไม่ใช่คนกล้าหาญกระไร แล้วเหตุใดเพลานี้ถึงไม่อยู่ในตำหนัก"
แมงเม่ามองตามเลื่อนไป ด้วยความสงสัยอย่างมาก ก่อนจะลอบเดินตามไปห่างๆ
เป้าพยายามเรียกทัดทานเพื่อน "แม่แมงเม่า"
เสียงปืนใหญ่ระเบิดตูมขึ้นอีกครั้ง
แมงเม่าชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้กลัวอะไรรีบสะกดรอยตามเลื่อนไป
เป้าถอนใจส่ายหน้าแต่ก็รีบเดินตามแมงเม่าไปด้วยความเป็นห่วง

เลื่อนลับๆล่อๆ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะเปิดประตูครัวหลวงเข้าไป แมงเม่า และเป้าที่กำลังแอบดูอยู่
เป้าแปลกใจ
"พี่เลื่อนเข้าไปทำกระไรในครัวหลวง คงไม่ได้หิวขึ้นมาตอนนี้กระมัง"
"เสียงปืนใหญ่ยังไม่ซาดี ใครจะมีแก่ใจกินเข้าไปลง แลครัวหลวงมีไว้ทำพระกระยาหารถวายเท่านั้น พี่เลื่อนยิ่งไม่น่ามีกิจอันใดต้องเข้าไป"
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงขันทองดังขึ้น
" ทำกระไรกัน"
แมงเม่า และเป้า สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
" คุณพระ" ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน
แมงเม่า เป้า หันกลับไป เห็นขันทองยืนจ้องพวกตนหน้าตาบึ้งตึง
"ก็ฉันน่ะซี จะเรียกทำไม"
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่คุณพระศรี แต่เป็นคุณพระช่วยเจ้าค่ะ"
ขันทองตัดบท
"เอาเถิดๆ รีบกลับไปตำหนักได้แล้ว เสียงปืนดังราวกับอยู่ข้างวัง ยังจะเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่อีก"
"ยังกลับไม่ได้เจ้าค่ะ มีเรื่องน่าสงสัย ที่ต้องให้ออกพระช่วยก่อนเจ้าค่ะ"

ขันทองมองแมงเม่าด้วยความแปลกใจ เวลาอย่างงี้ยังจะมีอะไรอีก

เลื่อนเข้ามาในครัว มองไปรอบๆ หยิบโน่นหยิบนี่ด้วยความกระวนกระวาย เพื่อจะวางยาเสน่ห์ แต่ก็ไม่รู้จะวางที่ไหนดีถึงจะได้ผลแน่นอน

เลื่อนเครียดหนักมาก บ่นพึมพำ
"จะต้องทำอย่างไรเล่านี่"
เลื่อนกระวนกระวายหนัก ขณะนั้นเอง ก็เหลือบเห็นสำรับกับข้าว จาน ชามทำด้วยทองคำ
วางอยู่บนที่สูง
เลื่อนฉุกใจคิด รู้ทันที ว่าเป็นสำรับของพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าวางยาเสน่ห์ในสำรับ พอคนครัวเอาอาหารใส่ลงไปก็เท่ากับวางยาเสน่ห์ไปด้วย
เลื่อนดีใจ จะเข้าไปหยิบสำรับ
แต่ทันใดนั้น ขันทองก็เปิดประตูเข้ามา
เลื่อนหันกลับไปเห็นขันทอง ตกใจมาก " ว้าย"
ขันทองมองอย่างจับผิด
"แม่เลื่อน เข้ามาทำกระไรที่นี่รึ"
เลื่อนหน้าเสีย อึกๆอักๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
"เอ่อ คือ ฉันไม่ได้ทำกระไร ไม่ได้ทำกระไรเลยเจ้าค่ะ"
เลื่อนจะหนีออกจากครัว แต่ทันใดนั้น แมงเม่า กับเป้าก็วิ่งเข้ามาจับตัวเลื่อนไว้
"ค้นตัวดูว่าเข้ามาขโมยกระไรไปหรือไม่"
เลื่อนหน้าตาตื่นตกใจมาก
แมงเม่ากับเป้าช่วยกันค้นตัวเลื่อนทันที
เลื่อนตกใจสุดๆ
"ว้าย อย่านะ จะทำกระไร"
แมงเม่าหยิบขวดยาเสน่ห์ออกมาจากชายพกของเลื่อนได้สำเร็จ
เลื่อนพยายามจะแย่งขวดยาเสน่ห์คืนมา
"เอาคืนมานะ"
เป้าต้องจับตัวเลื่อนเอาไว้
แมงเม่ายื่นขวดยาให้ขันทอง
"นี่เจ้าค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นกระไร"
ขันทองรับขวดยามาดู แล้วหันไปมองเลื่อน
เลื่อนกลัวสุดขีด ปากคอสั่นทำอะไรไม่ถูก

ทหารกำลังเฆี่ยนหลังเลื่อนที่นอนคว่ำอยู่กับพื้นต่อหน้าพระยากำแหง โดยมีขันทองนั่งอยู่ใกล้ๆ
เลื่อนเจ็บปวดทรมาน "โอ๊ยๆ"
"พอ"
ทหารหยุดเฆี่ยนตามคำสั่งตามพระยากำแหง
"เจ้าจงสารภาพมาประเดี๋ยวนี้ หาไม่ ข้าจะสั่งเฆี่ยนอีก"
เลื่อนร้องไห้ กลัวสุดๆ
"อย่าเจ้าค่ะ ฉันพูดไปหมดสิ้นแล้ว ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องกระไรเลยจริงๆ"
กำแหงตะคอก
"โป้ปดมดเท็จ ครัวหลวง ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้าออกรึ เจ้าไม่ได้มีหน้าที่ในนั้นสักหน่อย แลขวดยาที่ค้นได้ในตัวเจ้าอีก จงบอกมา ว่าเป็นยากระไร"
ขันทองเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
"บอกมาเถิดแม่เลื่อน การที่แม่เลื่อนบอกแต่ว่าไม่รู้นั้น ไม่ช่วยให้แม่เลื่อนพ้นผิดไปได้ดอก พูดความจริง ยังอาจผ่อนหนักให้เป็นเบาได้"
เลื่อนกลัวจับใจ ยิ่งโดนทั้งขู่ทั้งปลอบ ก็เริ่มลังเล
แต่ขณะนั้นเอง เจ้าจอมเพ็ญก็เข้ามาในศาลา โดยมีข้าหลวงจำนวนหนึ่งตามมาด้วย
พระยากำแหงเห็นเจ้าจอมเพ็ญเดินเข้ามา "เจ้าจอมท่าน"
เลื่อนหันกลับไปมอง เห็นเจ้าจอมเพ็ญก็ดีใจ
เลื่อนรีบคลานเข้าไปหา
"หม่อมแม่ หม่อมแม่เจ้าขา ช่วยด้วยเจ้าค่ะ"
เลื่อนจะคลานเข้าไปจับข้อเท้าเจ้าจอมเพ็ญ แต่เจ้าจอมเพ็ญสะบัดตัวออก ไม่ยอมให้จับ
เจ้าจอมเพ็ญตวาดแว๊ด
"อย่ามาแตะต้องตัวข้า อีเนรคุณ ที่ข้ามา เพื่อจะมาดูน้ำหน้าคนอกตัญญูอย่างเอ็ง" ก่อนหันไปพูดกับพระยากำแหง "ขอฉันฟังการสอบสวนด้วยคน ได้หรือไม่ท่านเจ้าคุณ"
"เชิญขอรับเจ้าจอม"
เจ้าจอมเพ็ญหันไปพูดกับเลื่อน
"เอ็งคงรู้นะนังเลื่อนว่าจุดจบของคนทุรยศเนรคุณเป็นเช่นไร หากเอ็งไม่อยากเป็นเช่นนั้น ก็จงเร่งสารภาพมาเถิด"
เลื่อนหน้าเสียมองเจ้าจอมเพ็ญด้วยความหวาดกลัว รู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญพูดขู่ตน ถ้าตนสารภาพมีหวัง
ตายแน่
ขันทองเอะใจ มองเจ้าจอมเพ็ญ กับเลื่อน สลับกันไปมา
เจ้าจอมเพ็ญไปนั่งที่ตั่ง พร้อมกับปรายตามองมาทางเลื่อน
"เมื่อมันไม่สารภาพ ก็เฆี่ยนอีก" พระยากำแหงสั่ง
ทหารเดินเข้าไปใช้หวายเฆี่ยนไปที่หลังเลื่อนอีก
เลื่อนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เจ้าจอมเพ็ญมีสีหน้าเคร่งเครียด กลัวเลื่อนจะทนเจ็บไม่ไหวจนยอมสารภาพ เธอได้แต่จ้องเลื่อนเขม็งอย่างข่มขู่
เลื่อนพยายามมองไปที่เจ้าจอมเพ็ญเพื่อขอร้อง แต่พอเจ้าจอมเพ็ญจ้องกลับก็ต้องรีบหลบสายตาด้วยความหวาด ยอมทนเจ็บต่อไป

ขันทองมีสีหน้าใช้ความคิด สังเกตดูก็รู้ว่าเลื่อนทำตามคำสั่งใคร และบางที ตนอาจใช้เลื่อนเอาผิดเจ้าจอมเพ็ญก็เป็นได้

ตอนเย็น ในตำหนัก

เจ้าจอมเพ็ญกำลังคุยกับน้องชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
" ก็กระผมบอกคุณพี่แล้ว ว่าไม่ควรงมงายในคุณไสยพวกนี้ คุณพี่ก็ไม่ฟัง"
เจ้าจอมเพ็ญโวยลั่น
"มันใช่เพลาที่จะมาโทษพี่รึ พี่เหลือคุณพระนายคนเดียวแล้วนะ หรือจะปล่อยให้พี่ตายก็ว่ามา"
จมื่นศรีสรรักษ์พยายามระงับอารมณ์
"เราไม่รู้ ว่านังเลื่อนมันจะทนการทรมานไปได้สักเท่าใด หากอยากข่มตาหลับ ก็ต้องปิดปากมันเท่านั้น"
"พี่คิดไว้แล้ว คงต้องใช้ยาพิษ เพราะสะดวกกว่าอย่างอื่น"
จมื่นศรีสรรักษ์ได้แต่ถอนใจออกมา
"เรื่องยา พี่หาได้ แต่คนที่จะวางยานั้นหายากนัก คุณพระนายช่วยพี่ในข้อนี้ก็แล้วกัน"
" นังเลื่อนรับใช้คุณพี่มานานปี กับกระผมก็คุ้นเคยดีอยู่ คุณพี่ตัดใจได้จริงๆหรือขอรับ"
"คุณท้าวสาลิกามีบุญคุณกับพี่มากนัก เพื่อรักษาความลับ พี่ยังทำได้ แล้วประสากระไรกับนังเลื่อน"

ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน ตอนกลางวัน เรือนพระยาพลเทพ
นางข้าหลวงเพ็ญรับขวดยาเสน่ห์เล็กๆมาจากพระยาพลเทพ โดยมีขุนแผลงฤทธิ์อยู่ใกล้ๆ
เจ้าจอมเพ็ญมองยาเสน่ห์ในมือ
"นี่น่ะรึ ยาเสน่ห์ แล้วฉันต้องทำอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณ"
"ยาเสน่ห์นี้ ปลุกเสกโดยมีวันเดือนปีเกิดแม่เพ็ญกำกับอยู่ ขอเพียงแม่เพ็ญเอาใส่ในพระกระยาหารให้สมเด็จเจ้าฟ้าท่านเสวยก็ใช้ได้แล้ว"
เพ็ญคิดทบทวนว่าจะทำยังไงดี
ขุนแผลงฤทธิ์เห็นเพ็ญคิดช้า ชักระแวง
"แม่เป็นคนเสนอตัวมาเอง คงไม่เปลี่ยนใจกระมัง ท่านเจ้าคุณต้องการความจำเริญในหน้าที่ราชการ ส่วนแม่เองก็อยากมีบุญวาสนา แต่แม่ก็รู้ ว่านางห้ามนางในมีมากนัก ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ก็ยากนักที่จะเป็นคนโปรดได้ อยู่ที่แม่ ว่าจะใจกล้าพอหรือไม่"
เพ็ญยิ้มเล็กน้อย
"ท่านขุนไม่ต้องดักคอฉันดอกเจ้าค่ะ เมื่อฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไม่เปลี่ยนใจดอก เพียงแต่กำลังคิดว่าจะใช้วิธีใดดีเท่านั้น เพราะฉันเป็นเพียงข้าหลวงตัวเล็กๆ ไม่ง่ายเลยที่จะลอบวางยาเสน่ห์ได้"
"แล้วแม่เพ็ญคิดออกแล้วหรือไม่"
เพ็ญมีสีหน้าใช้ความคิดไตร่ตรองไปมาก่อนจะยิ้มออก
" เทวดาเข้าข้างฉัน เมื่อไม่นานนี้ ฉันได้รู้ความลับหนึ่งเข้าแลอาจใช้ความลับนี้ ต่อรองให้มีคนวางยา
แทนฉันได้" ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ

ในห้องนอน สาลิกากำลังตกใจ
" อยากหัวขาดกันหมดโคตรรึแม่เพ็ญ โทษวางยาเสน่ห์สมเด็จเจ้าฟ้าท่าน ไม่ใช่เล็กๆนะ"
เพ็ญกำลังคุยกับคุณท้าวสาลิกาอยู่
"ฉันรู้เจ้าค่ะ ฉันจึงต้องมาขอความเมตตาจากคุณท้าว คุณท้าวมีหน้าที่ปรุงพระกระยาหารถวาย หากคุณท้าววางยา ย่อมง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ"
" แล้วมันเรื่องกระไร ฉันต้องเสี่ยงหัวขาดด้วยเล่าแม่เพ็ญ"
"เพราะหากคุณท้าวช่วยฉัน คุณท้าวก็จะได้กลับไปอยู่กับลูกกับผัวอย่างไรเล่าเจ้าคะ"

สาลิกาตกใจ ไม่คิดว่าเพ็ญจะใช้เรื่องนี้มาต่อรองกับตน
"คุณท้าวคิดดูนะเจ้าคะ เมื่อฉันได้เป็นคนโปรดของสมเด็จท่าน เพียงแค่ขอให้ท่านทรงประทานคุณท้าวให้เสือขุนทอง ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยนัก"
สาลิกาชะงักไปอย่างใช้ความคิด
เพ็ญเหล่มองสาลิกาที่เริ่มคล้อยตามก็รีบพูดเสริมต่อ
"คุณท้าวก็หมดห่วงเรื่องบิดาของคุณท้าวไปได้เลย เมื่อเป็นรับสั่ง บิดาของคุณท้าวก็คงขัดขวางไม่ได้ จริงหรือไม่เจ้าคะ"
สาลิกาเริ่มลังเล
"แต่คุณท้าวโสภาบอกว่าหากพี่ขุนทองกลับใจ มารับใช้สนองคุณบ้านเมือง ก็มีทางที่เราจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันอีก"
"เพลานี้บ้านเมืองสงบนัก โจรอย่างเสือขุนทอง จะสนองคุณบ้านเมืองได้อย่างไรเจ้าคะ แลคราก่อน ที่เสือขุนทองบุกไปหาคุณท้าว ถือว่าอุกอาจนัก ความหวังที่จะอยู่ด้วยกัน ไม่ยิ่งเลือนรางไปอีกหรือเจ้าคะ"
สาลิกาคิดตามก็เห็นด้วย เริ่มรู้สึกหมดหวังขึ้นมา
เพ็ญจับมือสาลิกาไว้ อ้อนวอน
"เมตตาฉันเถิดเจ้าค่ะ คุณท้าวมีบุญคุณกับฉันนัก ฉันรับรอง ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์เป็นอันขาด"
เพ็ญมองสาลิกาด้วยสายตาวิงวอน
สาลิกาสับสนหนัก ถ้าช่วยก็ถือว่าเสี่ยงสุดๆ แต่ถ้าสำเร็จตนก็มีสิทธิ์ได้กลับไปหาลูกกับสามีได้อีกครั้ง

บรรยากาศการทำอาหาร สาลิกากำลังควบคุมข้าหลวงคนอื่นๆ ให้ช่วยกันทำอาหารอย่างขยันขันแข็ง
เพ็ญกับข้าหลวงอีกจำนวนหนึ่ง ช่วยกันขนข้าวของ อาหารสด อาหารแห้งเข้ามาในครัว
เพ็ญเหล่มองสาลิกา เป็นทำนองว่าเมื่อไหร่สาลิกาจะวางยาซะที
สาลิกาเหล่มองเพ็ญ ด้วยสีหน้าท่าทางตึงเครียด ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นทุกคนทำงานกันไม่มีใครสนใจ
สาลิกาลังเลว่าจะเอาไงดี จะเปลี่ยนใจมั้ย ขณะนั้นเอง ก็เหลือบไปเห็นเพ็ญมองมาทางตนเหมือนพยายามเร่งรัด
สาลิกาตัดใจ เดินไปหาข้าหลวงคนหนึ่งที่กำลังทำขนมหวานอยู่
"ไปช่วยแม่พุดซ้อนเถิด ทางนี้ฉันทำเอง"
"เจ้าค่ะ คุณท้าว"
ข้าหลวง 1 เดินเลี่ยงไป
สาลิกาเหลือบไปมองรอบๆอีกที ก่อนจะแอบหยิบขวดยาเสน่ห์ออกมาจากชายพก
เพ็ญเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มดีใจขึ้นมาทันที
แต่ขณะนั้นเอง โขลนกลุ่มหนึ่ง พร้อมอาวุธครบมือก็เดินเข้ามาในครัว ทำเอาข้าหลวงที่กำลังทำงานอยู่พากันตกใจ
คุณท้าวสาลิกาเห็นโขลนเข้ามาพร้อมอาวุธก็ตกใจเช่นกัน รีบเก็บยาเสน่ห์เข้าที่ชายพก
สาลิกาเดินเข้าไปหาพวกโขลน หน้าเครียด
"มีกระไรหรือแม่ แลมีดดาบพวกนี้ เอาเข้ามาด้วยทำไมรึ"
โขลน 1"ขอประทานโทษเจ้าค่ะคุณท้าว อีฉันได้รับคำสั่งมา นับแต่วันนี้ ให้ค้นตัวทุกคนที่ทำครัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายต่อสมเด็จเจ้าฟ้าท่าน"
เพ็ญ และสาลิกาตกใจสุดๆ หน้าซีดเผือดทันที
สาลิกากลัวมาก
"กระไรกัน แต่ก่อนไม่เคยมีค้นตัวเช่นนี้ เหตุใดต้องทำด้วย"
" คุณท้าวก็ทราบ ว่าเกิดกระไรขึ้นบ้าง อย่าให้อีฉันต้องพูดเลยนะเจ้าคะ อีฉันทำตามหน้าที่" ไหว้ "ขอประทานโทษอีกทีเจ้าค่ะ" แล้วหันไปสั่งลูกน้อง "เอ้า ค้น"
พวกโขลนกระจายกันค้นตัวนางข้าหลวงทุกคน

สาลิกา และเพ็ญ ต่างหันมาสบตากัน ด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้จะทำยังไงดี

พระยาพลเทพกำลังเครียดหนัก

" ก็แล้วจะเก็บยาไว้กับตัวไว้ทำกระไรเล่า โง่เง่านัก ทิ้งหรือโยนให้คนอื่นไปเสียก็สิ้นเรื่อง"
เพ็ญกำลังคุยกับพระยาพลเทพ ขุนแผลงฤทธิ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
" ท่านเจ้าคุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จะพูดเอาง่ายๆอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ แค่คุณท้าวสาลิกายอมถูกจับโดย ไม่ซัดทอดถึงฉัน ก็นับว่าเป็นบุญหนักหนาแล้ว"
" ถึงไม่ซัดทอดตอนนี้ แต่ก็วางใจไม่ได้ดอก หากคุณท้าวสาลิกาทนทัณฑ์ทรมานไม่ได้ ก็คงไม่แคล้วต้องสารภาพอยู่ดี" ขุนแผลงฤทธิ์บอก
"วันพรุ่งถึงจะเริ่มทำการสอบสวน ถ้าจะแก้ไขกระไรก็ต้องคืนนี้เท่านั้น"
พระยาพลเทพคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"ถ้าจะเอาตัวคุณท้าวสาลิกาออกจากคุกหลวง ฉันพอมีทาง แต่ถ้าจะช่วยให้หนีไป เห็นจะเกินกำลัง"
เพ็ญคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง เครียดหนักกว่าเดิม
"ท่านเจ้าคุณหมายความว่า..."
" ขึ้นอยู่กับแม่เพ็ญแล้วล่ะ ฉันช่วยได้เท่านี้ แม่เพ็ญคงรู้ ว่าถ้าซัดทอดมาถึงแม่เพ็ญ ฉันจำเป็น ต้องทำกระไรต่อ อโหสิให้ฉันเสียตรงนี้เลยนะ"
เพ็ญหน้าเสีย หันไปมองขุนแผลงฤทธิ์
ขุนแผลงฤทธิ์จ้องเขม็ง พร้อมฆ่าปิดปากตลอดเวลา
เพ็ญขบกรามแน่น แววตาเด็ดเดี่ยว แม้สาลิกาจะดีกับตน แต่เพื่อเอาตัวรอด ถึงต้องฆ่าปิดปาก
ก็ต้องทำ

จมื่นศรีสรรักษ์ คุยกับเจ้าจอมเพ็ญต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ท้ายที่สุด คุณท้าวสาลิกาก็ต้องตายโดยไม่จำเป็นเลย เพราะหลังจากคุณพี่ถวายตัว ก็เป็นคนโปรดมาตลอด โดยไม่ต้องพึ่งอ้ายยาเสน่ห์อัปรีย์แม้แต่น้อย"
" คุณพระนายไม่รู้กระไร อย่าพูดดีกว่า ที่พี่มั่นคงมาได้ถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะยาพวกนี้ดอกรึ เอาเป็นว่า เรื่องครานี้คุณพระนายจะช่วยพี่ได้หรือไม่"
จมื่นศรีสรรักษ์เครียดหนัก ไม่อยากทำเลย
"แม้กระผมจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เรื่องสารเลวเช่นนี้ กระผมคงไม่ชำนาญเท่าเจ้าคุณพลเทพดอกขอรับ"
เจ้าจอมเพ็ญโมโห
"ท่านเจ้าคุณสิ้นอำนาจแล้ว แม้แต่ประตูวังยังเหยียบเข้ามาไม่ได้ แล้วจะช่วยพี่ได้อย่างไร"
จมื่นศรีสรรักษ์ได้แต่ถอนใจอย่างหนักใจ
เจ้าจอมเพ็ญพูดน้ำเสียงประชดประชัน
"คุณพระนายเอาแต่พูดจาโยกโย้ คงอยากเห็นพี่ตายกระมัง เอาเถิด คงไม่เกินวันพรุ่งวันมะรืนดอก คุณพระนายคงได้เห็นพี่ตายสมใจ" แล้วทิ้งค้อนน้องชายขวับใหญ่
จมื่นศรีสรรักษ์ถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อเจ้าจอมเพ็ญเล่นงัดไม้ตายออกมาอย่างนี้ ตนก็หมดคำพูด

โขลน 2 คนช่วยกันประคองเลื่อนที่ถูกเฆี่ยนจนหลังแตกเลือดไหลซึม สลบคาหวายเข้ามาในคุก
โดยมีขันทอง และหลวงศรีมะโนราชยืนดูอยู่
โขลนประคองเลื่อนนอนคว่ำลง ก่อนจะออกมาจากห้องขัง แล้วปิดประตูลง
หลวงศรีมะโนราชเดินเข้าไป คล้องโซ่แล้วแล้วล็อกกุญแจเรียบร้อย ก่อนจะเก็บกุญแจไว้กับตน
"แม่เลื่อนฟื้นเมื่อใด วานคุณหลวงช่วยไปบอกฉันทีเถิด ฉันจะได้เอาหยูกยามาทาแลให้แม่เลื่อนกิน
หลวงศรีมะโนราชหงุดหงิด
"มันเรื่องกระไรของคุณพระ ที่ต้องมาดูแลอีนักโทษนี่ด้วย"
"ไม่ใช่เรื่องดอก แต่อย่างไรก็คนรู้จักกัน ช่วยได้ก็ช่วยกันไป ถือว่าเอาบุญ"
หลวงศรีมะโนราชพาลไปเรื่อย
"ฉันไม่บอก คุณพระอยากดูแลมัน ก็ดูแลเองเถิด ฉันเป็นใคร มีตำแหน่งหน้าที่ในฝ่ายในสูงขนาดไหน มาวันนี้ต้องมาคุมนักโทษ ตกต่ำถึงเพียงนี้ก็เพราะคุณพระ ยังจะเย้ยหยันให้ฉันต้องเอาเรื่องอีนักโทษนี่ไปบอกอีกรึ"
หลวงศรีมะโนราชเดินหงุดหงิดออกจากคุกไป
ขันทองมองตามแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ เพราะความริษยา ทำให้หลวงศรีมะโนราชเป็นได้ขนาดนี้
ขันทองหันไปมองเลื่อน เห็นเลื่อนนอนละเมอ กระสับกระส่าย สะดุ้งเฮือกเป็นพักๆด้วยความหวาดกลัว ที่หลังก็เต็มไปด้วยบาดแผลจากหวาย เต็มหลังไปหมด
ขันทองหน้าขรึมลง เรื่องที่เกิดกับเลื่อน คล้ายกับที่เกิดกับแม่ตนไม่มีผิด น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกัน
อยู่ไม่น้อย

ขันทองยืนใช้ความคิดอยู่คนเดียวบนระเบียงเรือนตอนกลางคืน
ขันทองคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็คิดถึงแม่ของตนขึ้นมาอีก

เจ้าจอมเพ็ญหันไปพูดกับเลื่อน "เอ็งคงรู้นะนังเลื่อนว่าจุดจบของคนทุรยศเนรคุณเป็นเช่นไร หากเอ็งไม่อยากเป็นเช่นนั้น ก็จงเร่งสารภาพมาเถิด"
เลื่อนหน้าเสียมองเจ้าจอมเพ็ญด้วยความหวาดกลัว รู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญพูดขู่ตน ถ้าตนสารภาพมีหวังตายแน่
ขันทองเอะใจ มองเจ้าจอมเพ็ญ กับเลื่อน สลับกันไปมา
ในความคิดของขันทองบอกว่า

" เรื่องเกิดจากการวางยาเสน่ห์เหมือนคราวแม่ไม่มีผิด" แล้วพูดเบาๆกับตัวเอง "หรือว่า..."

บริเวณวังตอนเช้า ข้าหลวงแมงเม่าเดินคุยมากับพระยากำแหงที่มุมหนึ่งในวัง

" ท่านเจ้าคุณให้คนมาช่วยฉันที่ตำหนักอีกแล้ว ขอบพระคุณมากนะเจ้าคะ"
" แม่แมงเม่าพูดเช่นนี้ ฉันน้อยใจนัก เราใช่อื่นไกล เหตุใดพูดจาเหมือนห่างเหินอย่างนั้นเล่า"
"ขอประทานโทษเจ้าค่ะ ที่ฉันพูด ไม่ใช่คิดว่าท่านเจ้าคุณเป็นคนอื่นคนไกล แต่ฉันขอบพระคุณท่านเจ้าคุณจริงๆเจ้าค่ะ"
พระกำแหงยิ้มรับ อารมณ์ดีขึ้น
"เรื่องเล็กน้อย อย่าใส่ใจเลย แลหากแม่แมงเม่าตกลงรับปากเรื่องออกเรือน ฉันก็อยาก... "แม้จะเขิน แต่ก็ตัดใจพูด "เอ่อ อยากดูแลแม่แมงเม่าให้มากกว่านี้หรือตลอดไปเสียด้วยซ้ำ"
แมงเม่าหน้าขรึมลง มีสีหน้าหนักใจขึ้นมาอยู่ในที
"สำหรับเรื่องนั้น ฉันตรองดูหลายรอบแล้วเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงดีใจมาก ลุ้นสุดๆว่าแมงเม่าจะตกลงรับรักตนหรือเปล่า
"จริงรึ แล้วแม่แมงเม่าเห็นว่าอย่างไร ตกลงจะออกเรือนกับฉันหรือไม่"
"ฉันตกลงใจว่า..."
พระยากำแหงจ้องหน้าแมงเม่า ลุ้นสุดๆ
"จะให้คำตอบท่านเจ้าคุณหลังเสร็จศึกเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงหน้าแหยไป
"ศึกประชิดติดเมืองเช่นนี้ ฉันไม่มีแก่ใจคิดเรื่องอื่นใดทั้งสิ้นเจ้าค่ะ"
แมงเม่าพูดจบก็เดินหนีไปเลย
พระยากำแหงยืนอึ้ง ไม่คิดว่าจะโดนไม้นี้ เลยพูดอะไรไม่ออก

ตอนเที่ยง ครัวในวัง เป้ากำลังเสียดายแทนเพื่อน
"พุทโธ่ แม่เพื่อนฉัน ช่างเล่นตัวนัก"
แมงเม่า และเป้ากำลังทำอาหารในครัวไป คุยกันไป
"เอ๊ะ แม่เป้า มาว่าฉันเล่นตัวได้อย่างไร ก็บ้านเมืองมีศึกติดพันจริงๆ ยังจะให้ฉันคิดเรื่องออกเรือนอยู่อีกรึ"
"อย่านึกว่าฉันรู้ไม่เท่าทันแม่เลย แม่จะหาเรื่องบ่ายเบี่ยงต่างหาก"
แมงเม่าแอบค้อนใส่เพื่อนที่มารู้ทัน
"ท่านเจ้าคุณกำแหงมีทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติครบถ้วน แลเอกภรรยาก็เสียไปแล้ว ทั้งยังไม่ปรากฏว่ามีเมียน้อย ดีถึงขั้นนี้ อย่าว่าแต่มีศึกมาประชิดเลย ต่อให้ถึงขั้นรบกันบนหลังม้าก็ควรคิด"
แมงเม่าโวยวาย
"ตายแล้วแม่เป้า ถ้าคุณท้าวโสภามาได้ยินเข้าคงอกแตกตาย คอยดูเถิด ฉันจะฟ้องคุณท้าว"
เป้าทิ้งค้อน "หาเหตุผลมาเถียงสู้ฉันไม่ได้ ก็ยกเอาคุณท้าวมาข่มขู่" เป้าหันไปมองด้านหลังแมงเม่า "ฉันพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ ออกพระศรี"
แมงเม่าได้ยินเป้าพูดกับขันทองเลยรีบหันไปดู เห็นขันทองยืนหน้านิ่งๆอยู่หลังตน
ขันทองตีหน้าตาย ทำไม่รู้ไม่ชี้
"ฉันไม่รู้ดอก เรื่องของแม่แมงเม่า ให้แม่แมงเม่าตัดสินใจเองเถิด"
ขันทองแกล้งเดินไปดูอาหารทางอื่น แล้วก็แอบยิ้มขึ้นมาไม่ให้ใครเห็น ดีใจที่แมงเม่าไม่ตอบรับ
พระยากำแหง
แมงเม่าเห็นขันทองไม่สนใจตนก็น้อยใจขึ้นมาทันที ลึกๆแล้วอยากให้ขันทองมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้บ้าง แต่ขันทองกลับเฉยเมยเหมือนตนไม่มีความหมายอะไร แมงเม่าหน้าหงิกงอ ทิ้งค้อนตามหลังขันทองทันที
ขันทองมองดูสำรับเสร็จก็หันมาพูดกับเป้า
"แม่เป้า สำรับไหนรึ ที่จะเอาไปให้แม่เลื่อน"
"เอาไปแล้วนี่เจ้าคะ"
ขันทองตกใจสุดๆ ซักกลับเสียงดัง
"เรื่องนี้เป็นหน้าที่ฉัน ใครกันที่เอาไปแทนฉัน"
" ไม่ทราบเจ้าค่ะ เป็นนางข้าหลวงใหม่ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเหมือนกัน"
ขันทองรีบออกจากครัวไปทันทีด้วยความร้อนใจสุด
เป้างงมาก "ออกพระเป็นกระไรไปรึ"
แมงเม่าคิดตาม ก่อนจะฉุกคิดขึ้น "แย่แล้ว ฆ่าปิดปาก"

ภายในคุก สำรับข้าวหล่นลงพื้น ข้าวปลาอาหารหล่นกระจายอยู่ในห้องขัง
เลื่อนถูกยาพิษ ลงไปชักดิ้นชักงอ ตาเหลือกอยู่บนพื้นในห้องขัง
ขันทอง และศรีมะโนราชรีบเข้ามาในคุก ตามด้วยโขลนจำนวนหนึ่ง พอทุกคนเห็นสภาพเลื่อน
ต่างก็ตกใจ
ขันทองเห็นสภาพเลื่อน ตกใจสุดๆ "ไขกุญแจซีคุณหลวง"
หลวงศรีมะโนราชรีบหยิบกุญแจมาไข พอไขเสร็จ ขันทองก็รีบเปิดประตูเข้าไปหาเลื่อนทันที
ขันทองเข้าไปดูอาการ " แม่เลื่อนๆ"
เลื่อนน้ำลายฟูมปาก ชักดิ้นชักงอ ทรมานสุดๆ
ขันทองหันไปตวาดหลวงศรีมะโนราช
"ยังจะยืนอยู่อีกคุณหลวง รีบตามหมอซี คุณหลวงเป็นคนดูแล หากแม่เลื่อนเป็นกระไรไป มีหรือจะพ้นผิด"
หลวงศรีมะโนราชหน้าเสีย แล้วพาลโกรธเลื่อน
"ตายก็ไม่ตาย แล้วยังหาเรื่องเดือดร้อนให้อีก"
หลวงศรีมะโนราชรีบออกจากคุกไปตามหมอทันทีอย่างหัวเสีย
ขันทองพยายามจับตัวเลื่อนที่ดิ้นด้วยความทรมานไว้ โดยมีพวกโขลนเข้ามาช่วยจับกันอย่างโกลาหล

เจ้าจอมเพ็ญกำลังคุยกับจมื่นศรีสรรักษ์อยู่ในตำหนัก
"คุณพี่อย่าห่วงเลยขอรับ คนที่กระผมใช้ไปปิดปากนังเลื่อน เป็นนางโจรที่ไว้ใจได้ แลไม่รู้ด้วยว่ากระผมกับคุณพี่เป็นผู้ใด ซ้ำกระผมยังส่งออกนอกวังไปแล้ว อยู่ที่ยาพิษของคุณพี่ว่าจะมีฤทธิ์เพียงใดเท่านั้น เพราะกระผมรู้มาว่า ได้ตามหมอหลวงมารักษานังเลื่อนได้ทันท่วงที ถ้ามันหาย คงเปิดปากออกหมดสิ้นเป็นแน่"
" ยาพิษของพี่ ไม่มีทางหายไปได้ดอก อยู่ที่ว่ามันจะพ้นคืนนี้หรือไม่เท่านั้น"
"เช่นนั้นก็ถือว่าสิ้นเรื่อง คุณพี่อย่าได้ทำเรื่องเช่นนี้อีกก็แล้วกันขอรับ"
" ดูคุณพระนาย จะเกลียดชังสิ่งพี่ทำเสียเหลือเกิน ถึงได้พูดตอกย้ำอยู่ได้"
"ถูกขอรับ กระผมเกลียดสิ่งที่คุณพี่ทำ"
เพ็ญตวาดแว๊ด "คุณพระนาย"
จมื่นศรีสรรักษ์
"อย่าโกรธเคืองกระผมเลยขอรับ กระผมเกลียดสิ่งที่คุณพี่ทำ แต่กระผมก็ไม่สามารถเกลียดชังคุณพี่ได้อยู่ดี" แล้วขบกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ "มันเป็นความทุกข์อย่างถึงที่สุดแล้ว ที่คนที่เรารักกระทำในสิ่งที่เรารังเกียจ"
เจ้าจอมเพ็ญสะบัดหน้าไปทางอื่น ด้วยความเจ็บใจที่น้องไม่เข้าข้าง

จมื่นศรีสรรักษ์ถอนใจ ไม่รู้จะหาทางออกจากเรื่องนี้ยังไงดีเหมือนกันได้เดินกลับออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

บนเรือนขันทอง เลื่อนนอนตาลอย ใบหน้าซีดเซียวเพราะยาพิษที่โดนเข้าไป โดยมีหมอจับชีพจรอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่ขันทองคอยยืนมองด้วยความร้อนใจว่าเลื่อนจะรอดหรือไม่

หมอลุกขึ้น แล้วหันไปส่ายหน้าให้ขันทอง เป็นเชิงว่าเลื่อนไม่ไหวแล้ว
ขันทองหน้าเสีย ความหวังสุดท้ายของตนกำลังจะหลุดลอยไปแล้ว
หมอออกจากห้องไป ขันทองรีบไปปิดประตู ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆเลื่อน
ขันทองจับมือเลื่อนไว้ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
"แม่เลื่อน เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่แม่จะบอกว่าใครทำร้ายแม่ ฉันไม่กล้ารับปาก ว่าจะให้มันชดใช้กรรมที่ทำไว้กับแม่ได้ แต่ฉันจะพยายาม"
เลื่อนพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย "เจ้า เจ้าจอมเพ็ญ"
ขันทองสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ ไม่ให้โมโหก่อนที่จะถามจนหมด
"เพราะเจ้าจอมใช้แม่เลื่อนให้วางยาเสน่ห์ เหมือนเมื่อครั้งคุณท้าวสาลิกาใช่หรือไม่"
เลื่อนตกใจสุดๆ ไม่คิดว่าขันทองจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา "รู้ได้อย่างไร"
"ฉันเพียงแต่คาดเดาเท่านั้น ไม่ได้รู้ละเอียดดอก แต่หากแม่เมตตา ก็ช่วยบอกฉันทีเถิด ว่าใครเป็นคนฆ่าคุณท้าวสาลิกา"
เลื่อนมองขันทองด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าขันทองพูดเรื่องนี้ทำไม
"แม่คงสงสัย ว่าเหตุใดฉันถึงถามเรื่องนี้"
ขันทองมองหน้าเลื่อนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
"เพราะฉันเป็นลูกของคุณท้าวสาลิกากับเสือขุนทอง"
เลื่อนตกใจสุดขีด
ขันทองบีบมือเลื่อนแน่นขึ้น
"ไม่ต้องกลัวฉัน ฉันไม่ทำกระไรแม่เลื่อนดอก ตรงข้าม ฉันยังต้องขอให้แม่เลื่อนเมตตาลูกกำพร้าแม่ อย่างฉันด้วย"
ขันทองจ้องตาเลื่อน ถามด้วยสายตาวิงวอนอยากรู้คำตอบ
"ผู้ใดกันที่ทำร้ายแม่ฉัน"
เลื่อนกลัวสุดๆ ปากคอสั่นไปหมด เมื่อนึกถึงเรื่องคุณท้าวสาลิกา

ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน ตอนกลางคืน

เลื่อนเดินหงุดหงิดมาบริเวณอ่างแก้ว
เลื่อนหงุดหงิด บ่นคนเดียว
"ดึกดื่นค่อนคืน นอนก็ไม่ได้นอน จะเอาโน่นเอานี่ อีเลื่อนไม่ได้เป็นนายคนบ้างก็แล้วไปเถิด"
ทันใดนั้น เลื่อนก็ชะงัก เมื่อเห็นข้าหลวงเพ็ญยืนกระสับกระส่ายอยู่ริมอ่างแก้ว
ตอนนั้นอ่างแก้วยังเป็นสระน้ำที่สวยงาม ไม่รกร้างเหมือนตอนนี้
เลื่อนรีบหลบดูสถานการณ์ทันที
เลื่อนพูดเบาๆกับตัวเอง "นังเพ็ญ มาทำกระไรที่นี่"
ขณะนั้นเอง คุณท้าวสาลิกาก็เดินมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงมา พอเห็นเพ็ญเข้าก็รีบเข้าไปหาทันที
"ฝีมือแม่เพ็ญเองรึ ที่ติดสินบนผู้คุมคุกให้ฉันออกมา"
"เจ้าค่ะ"
"ถึงแม่ทำเช่นนี้ เราสองคนก็หนีออกจากวังไปไม่ได้ดอก มีแต่จะทำให้แย่ลงไปเท่านั้น"
"ฉันไม่คิดหนีดอกเจ้าค่ะคุณท้าว"
สาลิกาแปลกใจ "แม่ไม่คิดหนี แล้วช่วยฉันออกมาทำไม"
ขาดคำ เพ็ญก็ผลักคุณท้าวสาลิกาสุดแรง ตกอ่างแก้วไปทันที พร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนเสียงจะเงียบหายไป
เลื่อนตกใจมากที่เห็นเพ็ญผลักสาลิกาตกอ่างแก้ว
สาลิกาโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ แต่ทันใดนั้นก็ถูกเพ็ญที่นั่งอยู่ริมสระบีบคอ แล้วพยายามกดลงน้ำทันที
สาลิกาพยายามดิ้นรน แต่เพ็ญบีบคอแน่น แล้วกดสาลิกาลงน้ำด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่
" คุณท้าวรู้หรือไม่เจ้าคะว่าคุณท้าวมีบุญคุณกับฉันนัก นับแต่พ่อแม่ฉันเสีย คุณท้าวเป็นคนเดียวที่ดีกับฉัน คอยสอน คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด"
น้ำตาเพ็ญค่อยๆไหลลงอาบแก้ม แม้ปากจะบอกอย่างนั้น แต่ก็ยังบีบคอสาลิกาสุดแรงเช่นเดิม
เพ็ญน้ำตาคลอ เสียใจที่ทำแบบนี้ แต่น้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร
"ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันสบาย คุณท้าวก็ต้องสบายด้วย แต่ท้ายที่สุด ฉันก็ต้องทำแบบนี้ ฉันเสียใจเหลือเกินเจ้าค่ะ"
สาลิกากระเสือกกระสนเต็มที่ แต่ก็ค่อยๆหมดแรงทีละน้อย ก่อนจะขาดใจตายคามือเพ็ญ
เพ็ญเห็นสาลิกาตาย ก็ยอมปล่อยมือ
ร่างสาลิกาค่อยๆ จมน้ำลงไปใต้อ่างแก้ว
เลื่อนหวาดกลัวมากกำลังจะถอยหนี แต่สะดุดล้มเสียงดัง
เพ็ญตกใจหันขวับไปดู
เลื่อนหวาดกลัวสุดชีวิต
เพ็ญรีบพุ่งตัวเข้าหาเลื่อนทันทีกะฆ่าปิดปากอีกคน
เลื่อนตกใจ รีบวิ่งหนีไปก่อนที่เพ็ญจะจับตัวได้

เลื่อนวิ่งหนีมาไม่คิดชีวิตมาตามทางในวัง
ขณะนั้นเอง เลื่อนก็เห็นโขลน 2 คนเดินเวรยามผ่านมา
เลื่อนดีใจ จะตะโกนเรียก "ช่วย..."
เลื่อนไม่ทันเรียกโขลน ก็ถูกเพ็ญโผล่มาจากทางด้านหลัง เอามือปิดปากไว้ก่อน แล้วลากเลื่อนมาหลบในมุมลับตาคน
โขลนได้ยินเสียงคนแว่วๆก็หันมามอง แต่ไม่เห็นใคร เลยมองหาอยู่
เพ็ญกำลังล็อกคอ ปิดปากเลื่อนอยู่
เพ็ญชะโงกหน้าออกไป เห็นโขลนทั้งสองยังมองหาเสียงที่ได้ยินแว่วๆอยู่
เพ็ญมองเลื่อนที่ตนล็อกคอปิดปากอยู่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ก่อนจะหันไปมองที่โขลนทั้งสองที่ยัง
ไม่ยอมไป
เพ็ญตัดใจเสี่ยง พูดกับเลื่อนเบาๆ
"อีกไม่ช้านาน กูจะถวายตัวต่อสมเด็จเจ้าฟ้าท่าน หากมึงไม่ปากเปราะ กูสัญญาว่าจะเลี้ยงดูมึงอย่างดี ว่าอย่างไรอีเลื่อน"
เลื่อนรู้ว่าเพ็ญจะไว้ชีวิตตน เพราะจะฆ่าตอนนี้ก็ไม่สะดวก เลยรีบพยักหน้ารับไปก่อน

เพ็ญมองเลื่อนด้วยสายตาโหดเหี้ยม แต่ก็ค่อยๆคลายมือที่ปิดปากออก

ขันทองกำหมัดกัดฟันแน่นด้วยความแค้นสุดๆ หลังจากฟังเลื่อนเล่าเรื่องทั้งหมด

ขันทองแค้นสุดๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เต็มที่ "ฉันรู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญต้องมีส่วนรู้เห็นกับการตายของแม่ฉันแน่ แต่ไม่คิดว่า จะโหดเหี้ยมขนาดลงมือฆ่าแม่ฉันด้วยตัวเองเช่นนี้"
เลื่อนมีท่าทางอิดโรยอ่อนแรง จ้องหน้าขันทอง น้ำตาไหลไม่หยุด
ขันทองจ้องหน้าเลื่อน
"อดทนอีกสักนิดเถิดแม่เลื่อน ฉันจะรีบไปทูลเชิญเสด็จพระองค์หญิงมา"
เลื่อนเริ่มมีอาการหายใจถี่ ดูผะอืดผะอม ตาเริ่มเบิกกว้าง
ขันทองพยายามพูดอย่างใจเย็น "แม่เลื่อนต้องเล่าอย่างที่เล่าให้ฉันฟัง เพื่อที่แม่เลื่อนจะได้ล้างแค้นให้สมกับที่เจ้าจอมเพ็ญทำไว้กับแม่ ฉันจะรีบไปรีบมา แม่เลื่อนอดทนหน่อยเถิด"
ขันทองหันหลังจะออกจากห้อง
แต่ทันใดนั้น เลื่อนก็กระอักเลือดออกมาทันที
ขันทองหันกลับมาเห็นเลื่อนกระอักเลือด ตกใจสุดๆ "แม่เลื่อน"
ขันทองรีบเข้าไปดูอาการ แต่ก็ช้าเกินไป
เลื่อนชักเกร็ง พร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากปาก จากตา จากจมูกและจากหู เพราะฤทธิ์ของยาพิษ
ขันทองตกใจมากร้องเรียก "แม่เลื่อนๆ"
เลื่อนชักเกร็งอีกสองสามที ก็แน่นิ่ง ขาดใจตายไป ทั้งๆที่ตายังเหลือกค้างอยู่ ในที่สุด ก็ไม่สามารถ
ล้างแค้นเจ้าจอมเพ็ญได้
ขันทองตกใจที่เห็นเลื่อนตายคาตา ก่อนจะค่อยๆใช้มือปิดเปลือกตาเลื่อนให้ตายตาหลับ
ขันทองแววตาโกรธจัด ขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจพยานคนเดียวก็ตายไปแล้ว คงไม่มีทางแก้แค้นเจ้าจอมเพ็ญได้อีก
"เจ้าจอมเพ็ญ"

ตั้งทัพของอังวะ ที่ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้
กองทัพต่างๆของอังวะ ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้กรุงศรีอยุธยามากขึ้นไปอีก จนประชิดติดกรุงศรีอยุธยาในที่สุด
"หลังจากหมดหน้าฝน น้ำลดลง กองทัพของอังวะก็โหมตีกรุงศรีอยุธยาหนักกว่าเดิม และในที่สุด สิ่งที่กรุงศรีอยุธยาหวาดกลัวมากที่สุดก็มาถึง เมื่ออังวะสามารถเข้าไปตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้สำเร็จ และเตรียมจะระดมปืนใหญ่ยิงเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา"

หลวงพิชัยอาสา ม่วง และพันหาญ ช่วยกันประคองทหารที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามาในค่ายในตอนกลางคืน
บรรยากาศในค่ายก็วุ่นวายหนักเพราะมีคนเจ็บเต็มไปหมด คนที่พอช่วยตัวเองได้ ต้องมาช่วยกัน
ทำแผล ป้อนยาให้คนเจ็บ แม้แต่เยื้อนเองก็ต้องมาช่วยทำแผลให้ทุกคนด้วย ภายในค่ายมีแต่เสียงร้องโอดโอย เสียงตะโกนสั่งให้เอายามาเพิ่มดังลั่นไปหมด
เยื้อนหงุดหงิด หันไปดุม่วง พันหาญ
"ขนมาอีกแล้ว ฉันทำแผลจนมือจะหักแล้วไม่เห็นรึ"
ม่วงดุสวน "ต่อให้มือเอ็งขาดก็ต้องทำ อย่าปากมาก"
เยื้อนสะบัดหน้าด้วยความโมโห แล้วช่วยทำแผลต่อ
พันหาญเครียดหนักบอก
"พวกอังวะมันตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้แล้ว อีกไม่ช้านาน ก็คงขนปืนใหญ่ขึ้นบนเชิงเทินแล้วยิงใส่อโยธยาทั้งวันทั้งคืน แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อดีขอรับคุณหลวง"
หลวงพิชัยอาสาท้อแท้
"เราขาดทั้งคน ทั้งอาวุธ แลต้องทำตามแผนการโง่เง่าของพระเดชพระคุณในอโยธยาอีก ต้านศึกมาได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว จะเกิดกระไรขึ้นต่อไป ก็สุดแต่เวรแต่กรรมเถิด"
ทุกคนพากันท้อแท้ หมดกำลังใจกันเป็นทิวแถว
พระยาตากยืนมองลูกน้องแต่ละคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในที่สุด ก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญแล้ว

ต่อมา
ม่วงใช้กุญแจปลดโซ่ที่ข้อเท้าให้เยื้อนต่อหน้าพระยาตาก หลวงพิชัยอาสา พันหาญ โดยแม้แต่ตัวเยื้อนเองก็ยังตกใจที่จู่ๆพระยาตากปลดโซ่ให้ตน
เยื้อนนึกไม่ถึง
"ท่านเจ้าคุณปลดโซ่ให้ฉัน เหตุใดกันเจ้าคะ หรือจะฆ่าฉัน"
พระยาตากหยิบถุงใส่เงินออกมา แล้วโยนให้เยื้อนรับไป
เยื้อนรับถุงใส่เงินมา ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
"เอ็งเป็นอิสระแล้ว วันพรุ่งจงหนีไปเสีย แต่อย่ากลับเข้าไปอโยธยาอีก มันอันตราย"
เยื้อนนึกไม่ถึง
"จู่ๆท่านเจ้าคุณปล่อยฉันทำไม ฉันไม่เข้าใจ"
พันหาญรำคาญ
"อีนังนี่ พอล่ามไว้ก็แหกปากด่าไม่เว้นวัน พอปล่อย ก็ยังมาถามมากความอีก"
หลวงพิชัยอาสาหน้าขรึมลง รู้ใจพระยาตากดี
"ท่านเจ้าคุณจะหนีหรือขอรับ"
"ใช่ ฉันเคยบอกคุณหลวงว่าจะสู้เพื่ออโยธยาจนกว่าจะสิ้นหวัง มาบัดนี้ก็ไม่เหลือความหวังอันใดอีกแล้ว" พระยาตากสีหน้าหดหู่ใจ น้ำตาคลอเบ้า "เพลานี้อโยธยาแตกได้ทุกเมื่อ"
ม่วงสีหน้าจริงจัง ยอมเป็นข้ารับใช้
"ถ้าท่านเจ้าคุณจะหนี กระผมก็จะขอติดตามท่านเจ้าคุณไป ไม่ให้ผู้ใดมาทำอันตรายท่านเจ้าคุณได้เป็น
อันขาดขอรับ"
พระยาตากตบบ่าม่วง
"ขอบน้ำใจนักพ่อม่วง แต่ฉันไม่ได้หนีเพื่อเอาตัวรอดดอก แลพ่อม่วงก็อย่าสู้เพื่อฉัน แต่จงสู้เพื่อตัวเองเถิด"
" หมายความว่าอย่างไรขอรับ" หลวงพิชัยอาสาถาม
พระยาตากสีหน้าขรึมลง แววตามุ่งมันเอาจริง

"ฉันไปครานี้ ก็เพื่อรอวันที่จะกลับมากู้บ้านกู้เมือง แม้ฉันจะสิ้นหวังในอโยธยาแล้ว แต่ฉันไม่เคยหมดหวังในคนไท ตราบใดคำว่า “ไท” ยังหมายถึง “อิสรภาพ”แล้วไซร้ มิว่าผู้ใด ก็อย่าหมายกดขี่ข่มเหงคนไทไปได้ตลอดเลย"
 
อ่านต่อตอนที่ 23


กำลังโหลดความคิดเห็น