หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 12
บทประพันธ์ : วรรณวรรธน์
บทโทรทัศน์ : เอกลิขิต
บรรยากาศในเมืองตากยามเย็น ผู้คนยังใช้ชีวิตเป็นปกติ ค้าขาย สัญจรไปมา
พระยาตากกำลังนั่งอยู่บนแคร่ในเพิงเล็กๆ อ่านสาส์นที่เพิ่งถูกส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา
พระยาตากดูเหมือนชาวบ้านคนหนึ่ง อยู่ร่วมกับประชาชน ไม่มีการถือเนื้อถือตัว
โดยมีหลวงพิชัยอาสา หลวงยกกระบัตร และเหล่าทหารที่เพิ่งสู้รบเสร็จ นั่งพักผ่อนอยู่ใกล้ๆ
หลวงยกกระบัตร เป็นตำแหน่งที่มีประจำทุกเมือง มีหน้าที่พิจารณาคดีความ แต่ในยามศึกก็อาจจะต้องทำหน้าที่ดูแลประชาชนแทนเจ้าเมือง หลวงยกกระบัตรเมืองตาก อายุประมาณ 40 ปลายๆ
พระยาตากอ่านสาส์นเสร็จก็หน้าเครียดทันที
หลวงยกกระบัตรเห็นสีหน้าพระยาตาก ไม่สบายใจจึงถาม
"มีกระไรหรือขอรับท่านเจ้าคุณ อโยธยาส่งสาส์นมาว่าอย่างไรบ้าง"
"อโยธยามีคำสั่งให้ฉันนำทหารจำนวนหนึ่งไปช่วยอโยธยารบ เผื่อข้าศึกบุกถึงชานพระนคร"
หลวงพิชัยอาสาตกใจ
"อ้าว แล้วเมืองตากเล่าขอรับ เมืองตากเราทหารน้อยอยู่แล้ว ยังจะเรียกท่านเจ้าคุณไปอีก ก็เท่ากับปล่อยให้เมืองตากตายเท่านั้นเอง"
ทหาร 1โมโห
"มันน่าน้อยใจนัก ชีวิตผู้ดีกรุงศรีมีค่า หรือชีวิตคนตากไม่มีค่าวะ"
พวกทหารคนอื่นๆเริ่มมีอารมณ์ร่วมไปตามๆกัน
พระยาตากรีบปราม
"ใจเย็นก่อนเถิดพวกเจ้า ฉันรู้ ว่าพวกเจ้าคิดอย่างไร แต่ขอให้ตรองดูเถิด ว่าถ้าอโยธยาเสียแก่ข้าศึก เมืองตากเองก็ใช่จะอยู่รอดต่อไปได้ แต่ถ้าอโยธยายังอยู่ ถึงเสียเมืองตาก ก็ยังฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้ ฉะนั้น เราจึงจำเป็นต้องปกป้องอโยธยาไว้ก่อน"
พระยาตากพูดมีเหตุผล พวกทหารก็เลยเงียบๆไป แม้ว่าจะยังไม่พอใจอยู่
" แต่ท่านเจ้าคุณขอรับ หากทหารอังวะเป็นเพียงแต่พวกลาดตระเวนหาเสบียงเหมือนวันนี้ กระผมก็พอจะรับมือได้อยู่ แต่ถ้าอังวะยกทัพใหญ่มา เห็นจะเหลือปัญญาของกระผม"
"คุณหลวงอย่ากลัวเลย ก่อนไป ฉันจะวางทางหนีทีไล่ไว้ให้ ถ้าคุณหลวงเห็นว่าเหลือกำลัง ก็ให้พาคนหนีไป แล้วให้พวก ชาวบ้านเปิดประตูออกไปยอมแพ้ พวกอังวะไม่ทำร้ายผู้สวามิภักดิ์ คงจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียไปได้ ส่วนหลวงพิชัย คงต้องขอให้ตามฉันไปด้วย"
"สุดแต่ท่านเจ้าคุณเถิดขอรับ กระผมสาบาน ว่าชาตินี้จะรับใช้ท่านเจ้าคุณอยู่แล้ว แต่กระผมรบเพื่อท่านเจ้าคุณนะขอรับ หาใช่รบเพื่อคนเห็นแก่ตัวในกรุงศรีไม่"
พระยาตากหนักใจ เพราะการกระทำของกรุงศรีอยุธยา ทำให้เกิดรอยร้าวในหมู่ประชาชนมากขึ้นทุกที
คืนเพ็ญเดือนสิบสอง
บรรยากาศริมแม่น้ำ คืนวันลอยพระประทีป แสงไฟจากกระทงจำนวนมากลอยตามแม่น้ำไปอย่างสวยงาม
ชาวบ้านต่างมาลอยกระทงกันคึกคัก สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีร้านค้าเล็กๆขายของกินตลอดทาง รวมถึงมีการละเล่นพื้นบ้านให้คนเลือกชมเต็มไปหมด
ขันทองเดินมาคนเดียวอย่างเบื่อหน่าย แม้บรรยากาศจะคึกคัก แต่มีศึกสงครามแบบนี้ ขันทองก็สนุกไม่ออก
ขณะนั้นเอง แน่นก็ถือกระทงสองกระทง เดินตรงมาที่ขันทอง
อยู่ต่อหน้าคนอื่น ขันทอง กับแน่น จะพูดแบบเป็นทางการ
" มาอยู่ที่นี่เองออกพระ ฉันนึกว่าจะตามฝ่ายในกลับเข้าวังไปแล้วเสียอีก"
"กรมขุนวิมลทรงเมตตาให้ฉันมาเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาน่ะ แต่ใจจริง ฉันก็ไม่ได้อยากมาดอก เพลาอย่างนี้ ฉันรื่นเริงไม่ออกจริงๆ"
"อย่ากลุ้มใจไปเลยออกพระ ฉันเคยรู้มาว่าสมัยสมเด็จพระนเรศ ก็ทรงจัดงานลอยพระประทีปเป็นที่ใหญ่โต เพื่อเรียก ขวัญกำลังใจให้อาณาประชาราษฎร์ ก่อนรับศึกพระเจ้าเชียงใหม่กับพญาพสิม นึกเสียว่า ครานี้ก็เป็นเช่นเดียวกันเถิด"
ขันทองยิ้มรับบางๆ รู้ว่าเพื่อนพยายามปลอบใจให้หายเครียด
"นั่นทำกระทงมาเผื่อฉันรึ ถ้าอย่างนั้นก็ไปลอยกันเถิด"
แน่นหน้าเสีย "เอ่อ ไม่ใช่ของออกพระดอก"
ขันทองแปลกใจ
"อ้าว แล้วของผู้ใดเล่า"
ขณะนั้นเอง เป้าก็เดินเข้ามาหาแน่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เป้ายิ้มแย้ม
"ท่านขุนจิต ... อ้าว ออกพระศรีก็อยู่ด้วย พอดีเลย มาลอยกระทงด้วยกันนะเจ้าคะ"
ขันทองหันไปมองเพื่อนแบบจับผิด
แน่นอึกๆอักๆ ไม่รู้จะตอบยังไง
ขันทองกระซิบเบาๆกับแน่น
"เอ็งรู้ตัวนะ ว่าตอนนี้เอ็งคือใคร"
แน่นกระซิบตอบ
"เอ็งอย่าห่วงเลย ข้าไม่ทำให้เสียแผนดอก"
ขันทองหันมาตอบเป้า ยิ้มบางๆ
"ขอบน้ำใจแม่เป้านัก แต่แม่เป้าไปลอยกับขุนจิตใจภักดิ์เถิด ฉันยังมีธุระต้องสะสางอีกมาก"
"ถ้ากระนั้น ฉันไปก่อนนะเจ้าคะ"
แน่นรีบยื่นกระทงให้แม่เป้า "นี่จ้ะ แม่เป้า"
เป้ารับกระทงมา ยิ้มแย้ม
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านขุน"
เป้า และแน่น เดินถือกระทงคุยกันไป สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สนิทสนมกัน
ขันทองมองตาม ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
แต่พอเบือนหน้าไป ก็เห็นเยื้อนเดินถือกระทงสองกระทง เข้ามาหาตน
ขันทองมองเยื้อนด้วยความระแวง
"อย่าเพิ่งมองบ่าวอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ ที่บ่าวมา เพราะทำกระทงมาให้คุณพระ เพื่อหวังไถ่โทษที่ล่วงเกิน
คุณพระไปเท่านั้น ไม่มีความคิดอย่างอื่นเลยเจ้าค่ะ"
ขันทองสีหน้าเย็นชา
"ขอบน้ำใจ แต่เจ้าเอาไปลอยเองเถิด ฉันมีงานอื่นต้องทำ"
ขันทองจะเดินเลี่ยงไป
เยื้อนรีบคุกเข่าลงทันที ตีหน้าเศร้า
"คุณพระเจ้าขา บ่าวผิดนัก ที่ทำให้คุณพระรำคาญใจ เท่าที่คุณพระเมตตาไม่ไล่ส่งบ่าว ก็เป็นพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้แล้วเจ้าค่ะ หากคุณพระจะไม่ให้อภัย บ่าวก็พร้อมน้อมรับเจ้าค่ะ"
ขันทองชะงักไป มองไปรอบๆ เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาเริ่มเหล่มองตนที่มีผู้หญิงมาคุกเข่าต่อหน้า
ขันทองกระอักกระอ่วนที่มีคนมอง "ลุกขึ้น"
เยื้อนลุกขึ้น หน้าจ๋อยๆ
ขันทองรับกระทงจากมือเยื้อนมา
"อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด ฉันเพียงแต่เห็นแก่เจ้ามีใจจริง จึงให้อภัยเท่านั้น"
" เจ้าค่ะ บ่าวบอกแล้ว ว่าไม่ได้คิดกระไรเจ้าค่ะ"
ขันทองถือกระทงเดินนำเยื้อนไป
เยื้อนรีบเดินตามไปด้วยความดีใจ
อีกมุมหนึ่งของริมแม่น้ำกรุงศรีอยุธยา แมงเม่าถือกระทงมาพร้อมกับพระยากำแหง โดยมีม่วง อิน มิ่ง ชื่น ติ่น และผลตามหลังกันมาเป็นพรวนแบบกระหยิ่มยิ้มย่องพยายามจับคู่ให้ทั้งสองคน
แมงเม่าเหล่มองไปทางพวกของพ่อ
พวกมิ่งรีบมองไปทางอื่นพร้อมๆกัน ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง
"ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะเจ้าคะ ว่าท่านเจ้าคุณจะมาลอยกระทงกับพวกฉันด้วย"
" ฉันก็ไม่นึก ว่าพ่อท่านจะเมตตาให้ฉันมาด้วย"
แมงเม่าหน้าหงิก พระยากำแหงถึงกับเรียกพ่อตนว่า “พ่อท่าน” รุกคืบเข้ามาเรื่อยๆแล้ว
มิ่งแกล้งพูดลอยๆ
"แหม แม่ชื่น งานปีนี้มันคึกคักดีเหลือเกิน เราไปลอยกระทงทางด้านโน้นกันเถิดนะ"
"เจ้าค่ะ"
ทั้งคู่จะเดินเลี่ยงไป กะเปิดโอกาสให้พระยากำแหงกับแมงเม่า แต่ติ่น และ ผลกลับเดินตามหลัง
แมงเม่าต่อ
ชื่นหันไปเห็นติ่นกับผลเดินตามแมงเม่า
"อ้ายติ่น อ้ายผล ทำกระไร"
ผลตอบซื่อๆ "ตามไปรับใช้แม่หญิงขอรับ"
ชื่นส่งสายตาแบบมีนัยยะ "อ้ายติ่น เอ็งรู้ใช่หรือไม่ ว่าต้องทำอย่างไร"
ติ่นฉุกคิดขึ้นได้ แล้วหันไปตบหัวผล
ผลเจ็บหัว งงๆ "โอ๊ย ตบข้าทำไมวะอ้ายติ่น"
"ตบให้หายโง่อย่างไรเล่าวะ เราไม่ต้องรับใช้แม่หญิงแล้ว ไป ไปรับใช้ท่านเศรษฐี"
ติ่นผลักหลังเพื่อนให้เดินตามมิ่ง และชื่นไป
อินพูดเบาๆกับม่วง
"เราก็ต้องไปเหมือนกันใช่หรือไม่จ๊ะ"
ม่วงหน้าบึ้งตึง พูดเบาๆ
"ถ้าไม่อยากไปกับข้า ค่อยแยกกันทีหลังก็ได้"
ม่วงเดินนำอินไป อินตามไปแบบแหยๆ
แมงเม่าหันไปมองพระยากำแหง พระยากำแหงก็ยิ้มให้
แมงเม่าเซ็งสุดๆ ทุกคนพยายามเปิดโอกาสเต็มที่โดยไม่สนใจตนเลย
"ไปกันเถิดเจ้าค่ะ"
แมงเม่าเดินนำพระยากำแหงไป
พระยากำแหงยิ้มแย้มดีใจที่ได้อยู่กับแมงเม่าสองต่อสอง รีบตามไปทันที
กล้ากับพวกลูกน้องกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่เพิงขายเหล้า
กล้าเหลือบเห็นแมงเม่าไปกับพระยากำแหง
"นั่นนังแมงเม่านี่หว่า มาลอยกระทงกับผู้ใดวะ"
ลูกน้อง 1มองตาม
"แต่งตัวราวกับขุนนาง สงสัย จะเป็นคนที่พ่อนังแมงเม่าหมายมั่นจะให้เป็นลูกเขยกระมัง"
"นังแมงเม่าไม่แผลงฤทธิ์ด้วยโว้ย เห็นท่าจะสมยอม"
พวกลูกน้องหัวเราะกันยกใหญ่
กล้าโมโหเลยหันไปถีบลูกน้อง 2 จนตกแคร่ เล่นเอาพวกลูกน้องตกใจกันเป็นแถว
กล้าโมโหหึง
"ข้าหมายตานังแมงเม่า ตั้งแต่มันยังแก้ผ้าอาบน้ำคลอง จู่ๆจะให้คนอื่นคาบไปได้อย่างไรวะ" หันไปมองตามแมงเม่า "ดูทีรึ ว่าถ้าได้กูเป็นผัวแล้ว ยังจะระริกระรี้กับชายอื่นได้อีกหรือไม่"
กล้ามองตามแมงเม่าไป ด้วยสีหน้าแววตามีแผนการไม่น่าไว้ใจ
บรรยากาศริมน้ำ มีผู้คนมาลอยกระทงจำนวนมาก ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หนุ่มสาว และคนแก่
แมงเม่าเดินถือกระทงมากับพระยากำแหง
พระยากาจกำแหงมองไปรอบๆบอก
"ไม่เห็นต้องเดินไปไกลเลย"
แมงเม่าไม่อยากลอยกระทงกับพระยากำแหงเลยพยายามถ่วงให้นานที่สุด
"ตรงนี้คนพลุกพล่านนัก เดินไปอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ฉันชอบที่คนไม่มาก"
แมงเม่าเร่งฝีเท้าเดินนำไป พระยากำแหงก็รีบเดินตาม
แต่ขณะนั้นเอง แมงเม่าก็เจอเข้ากับขันทอง กับเยื้อน ที่เดินถือกระทงสวนมาพอดี
ขันทองเห็นแมงเม่ามาลอยกระทงกับพระยากำแหงก็หน้าบึ้งตึงขึ้นมา เริ่มหึงหวง แต่แสดงออกมากไม่ได้
แมงเม่าดีใจมาก มีคนมาช่วยแล้ว
"ออกพระศรี มาลอยกระทงเหมือนกันหรือเจ้าคะ ฉันนึกว่าต้องอยู่รับใช้ฝ่ายในเสียอีก"
" ฝ่ายในลอยพระประทีปเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจึงได้รับอนุญาตให้ออกมาเปิดหูเปิดตา"
" ถ้ากระนั้น มาลอยกระทงกับฉันนะเจ้าคะ อย่างไร ก็ได้พบกันแล้ว ลอยพร้อมกันเสียเลย"
พระยากำแหง และเยื้อน หน้าเสีย อุตส่าห์อยากมาลอยกระทงกับคนที่ตนหมายปอง อย่างนี้ก็เสีย
แผนหมด
เยื้อนรีบพูดแย้งกับขันทอง
"ไม่ดีดอกเจ้าค่ะคุณพระ แม่หญิงแมงเม่ามากับท่านเจ้าคุณกำแหงนะเจ้าคะ จะเป็นการไม่บังควร"
ขันทองยิ้มอารมณ์ดีทันทีที่รู้ว่าแมงเม่าไม่ได้อยากลอยกระทงกับพระยากำแหง แต่แกล้งปั้นหน้าขรึมๆ "จริงอย่างที่เยื้อนว่า อย่าเลยเจ้า"
"จะไม่บังควรอย่างไรเจ้าคะ เพียงแค่ลอยกระทงเท่านั้น ออกญาท่านเป็นคนใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยดอกเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงหน้าเจื่อน แมงเม่าเล่นดักคออย่างงี้ ตนก็ต้องเลยตามเลย
"เอ่อ ลอยด้วยกันเถิดคุณพระ วันนี้อย่าถือยศถือศักดิ์เลย"
ขันทองค้อมศีรษะเล็กน้อย "เป็นพระคุณเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงเดินเลี่ยงนำไปจ๋อยๆ
เยื้อนสะบัดหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วเดินตามไปอีกคน
แมงเม่ามองตามไปพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
"เจ้าเล่ห์เพทุบายนักนะเจ้า"
แมงเม่ายิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็ต้องขอบพระคุณออกพระน่ะล่ะเจ้าค่ะ ที่ทำให้อุบายฉันสำเร็จ"
แมงเม่าเดินตามพระยากำแหงไปอย่างอารมณ์ดีขึ้น
ขันทองยิ้มเอ็นดูก่อนจะเดินตามไปอีกคน
มุมหนึ่ง ม่วงกำลังถือกระทง ยืนมองไปรอบๆเหมือนมองหาใครซักคน
ขณะนั้นเอง อินก็เดินถือขนมที่ซื้อจากชาวบ้านที่ตั้งแผงขายอยู่เข้ามาให้ม่วง
อินยังถือกระทงของตนอยู่ด้วย
อินยื่นอาหารให้
"กินเสียหน่อยซีจ๊ะพี่ม่วง ของเค้าไม่เลวเลยนา"
"เอ็งกินเถิด ข้าไม่หิว"
ม่วงมองไปรอบๆ
" มองหาใครหรือจ๊ะพี่"
ม่วงหน้าเสีย อึกๆอักๆ
ขณะนั้นเอง ยี่สุ่นก็เดินยิ้มแย้ม ถือกระทงเข้ามาหาม่วง
" รอนานหรือไม่จ๊ะพี่ม่วง"
อินหันไปมองตาม ยี่สุ่นเห็นอินเข้าก็ตกใจ ถึงแม้ตนไม่เคยเห็นหน้าอินมาก่อน แต่เห็นถือกระทงอยู่ข้างๆม่วง ก็พอเดาได้ว่าเป็นใคร
อินหันไปมองสามีสลับกับมองยี่สุ่น ทั้งม่วงทั้งอินมีท่าทางกระอักกระอ่วนเหมือนกันขึ้นมาทันที
" ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะจ๊ะพี่ม่วง"
อินถือกระทงเดินเลี่ยงไป
ม่วงมองตามอินไป ไม่สบายใจ
" แม่อิน เมียพี่ใช่หรือไม่จ๊ะ"
ม่วงพยักหน้าจ๋อยๆ)
" แม่อินคงโกรธเคืองน่าดู ที่พี่นัดฉันมาลอยกระทง พี่ตามไปง้อแม่อินเถิดจ้ะ"
ม่วงยิ้มเยาะตัวเอง
"โกรธรึ รังเกียจข้าเหมือนจะตาย อย่างที่ข้าเคยเล่าให้เอ็งฟังน่ะล่ะสุ่นเอ๊ย"
ยี่สุ่นจับมือม่วงไว้
"ไม่จริงดอกพี่ ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันดูออก ถึงแม่อินจะไม่สำแดงทีท่า แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหน ชอบให้ผัวตัวเองอยู่กับหญิงอื่นดอก อย่าว่าแต่ หญิงงามเมืองอย่างฉันเลย"
" ไม่จริง แม่อินไม่สนใจข้าดอก ต่อให้ข้าเอาเอ็งไปอยู่ด้วยกันที่เรือน แม่อินก็ไม่แยแส"
" แต่พี่แยแสใช่หรือไม่จ๊ะ"
ม่วงหน้าเจื่อนไป ยี่สุ่นพูดแทงใจดำ เถียงไม่ออก
"ฉันรับใช้พี่มานานปี มีหรือไม่รู้ ว่าพี่คิดอย่างไรกับแม่อิน ไปเถิดพี่ ง้อเมียตัวเอง ไม่ได้ง้องอนหญิงอื่น ไม่เสียหน้าดอก"
ม่วงลังเล ไม่รู้จะเอายังไงดี
อินถือกระทงมาคนเดียวเพื่อจะกลับบ้านอย่างซึมๆ ขณะนั้นเอง อินก็เหลือบเห็นคบไฟ แ5-6 อัน จุดสว่างไปหมด
อินเหลือบมอง เห็นกล้ายืนอยู่กับลูกน้องกลุ่มหนึ่ง เดินไปเดินมาด้วยท่าทางกระวนกระวาย โดยพวกลูกน้องจุดคบไฟให้แสงสว่างไว้
" อ้ายกล้า"
อินสงสัย เลยรีบเข้าไปหลบอยู่หลังต้นไม้เพื่อแอบฟัง
กล้าหงุดหงิด
"เหตุใดช้านักวะ ประเดี๋ยวพวกมันก็กลับเสียก่อนดอก"
ลูกน้อง 1ประจบประแจง "ใจเย็นเถิดพี่กล้า คนดีมีฝีมือ ก็ต้องรอนานสักหน่อย"
" มีฝีมือแน่นะเอ็ง อย่าดีแต่คุยโวโอ้อวดล่ะ"
"แน่สิพี่ อ้ายดำผู้นี้ เป็นทหารอาสา ตำแหน่งหัวหมู่ทะลวงฟันเชียวนา ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ"
"ขอให้จริงอย่างเอ็งว่า ข้าจะได้นังแมงเม่ามาเป็นเมียสมใจเสียที"
อินตกใจมาก ต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ร้องออกมา เมื่อได้ยินว่ากล้าคิดจะฉุดแมงเม่า
อินรีบหันกลับไป กะจะไปเตือนแมงเม่า แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าจนกระทงในมือหล่นลงพื้น เมื่อเห็นดำยืนมองตนด้วยสายตาถมึงทึง น่าหวาดกลัว
ม่วงเดินตามหาอินมา มองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจออิน เพราะยังไง ถ้าอินจะกลับบ้าน ก็ต้องกลับทางนี้
แต่ตนกลับไม่เจอแม้แต่เงา
ม่วง บ่นพึมพำ
"จะกลับเรือนก็ต้องผ่านทางนี้ หรือจะยังไม่กลับเรือน"
ม่วงจะหันกลับ แต่ที่เท้ากลับเหยียบอะไรบางอย่างเข้า
ม่วงแปลกใจ เลยก้มลงหยิบขึ้นมาดู
พอเพ่งดูชัดๆก็ต้องตกใจ เมื่อของที่ตนเหยียบ ก็คือกระทงของอินนั่นเอง
ม่ว รู้สึกได้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ
ขันทอง แมงเม่า พระยากำแหง และเยื้อนกำลังลอยกระทงลงสู่แม่น้ำ
พระยากำแหงดีใจ หันไปยิ้มให้แมงเม่า แต่แมงเม่ากลับหันไปพูดกับขันทองแทน เล่นเอาพระยา
กำแหงหน้าเจื่อน
" ลอยกระทงเสร็จแล้ว ออกพระต้องรีบกลับเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ"
"ก็ไม่ถึงกับรีบ แต่ก็ไม่ควรเถลไถลนาน ทำไมรึ"
"ฉันอยากจะชวนออกพระไปที่เรือนเจ้าค่ะ จะได้รับกระไรร้อนๆ ก่อนนอนสักหน่อย ถือเป็นการขอบพระคุณที่มาลอยกระทงกับฉันน่ะเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงหน้าเสียขึ้นทันที เท่ากับหมดโอกาสอยู่กันสองต่อสองอีกแล้ว
เยื้อนสวนทันที
"ไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ คุณพระเป็นฝ่ายใน ออกมานานจะเป็นที่ครหาได้นะเจ้าคะ"
แมงเม่าหันไปมองขันทองด้วยสายตาอ้อนวอน "ไม่นานดอกเจ้าค่ะ นะเจ้าคะ"
เยื้อนพูดเบาๆกับขันทอง
"ออกหลวงศรีมะโนราช ไม่ชอบพอคุณพระอยู่นานแล้ว หากกลับช้าอีก จะเป็นช่องให้กล่าวโทษคุณพระได้นะเจ้าคะ"
ขันทองลังเล เพราะที่เยื้อนพูดก็มีเหตุผล
"คุณพระศรี ฉันอยากซื้อของสักหน่อย คุณพระไปช่วยฉันเลือกหน่อยเถิด"
"เจ้าค่ะ"
พระยากำแหงเดินนำขันทองไป
แมงเม่ามองตามด้วยสายตากังวล ไม่อยากกลับเรือนสองต่อสองกับพระยากำแหงเลย แต่พอหันมามองเยื้อน เยื้อนกลับทิ้งค้อนให้ตนแล้วลุกขึ้นเดินเลี่ยงไป แมงเม่าอดงงไม่ได้กับท่าทีของผู้หญิงคนนี้
ขันทองเดินตามพระยากำแหงมา
"ไกลพอแล้ว ท่านเจ้าคุณมีกระไรจะพูดกับดีฉันก็พูดมาเถิดเจ้าค่ะ"
" คุณพระช่างเฉลียวฉลาดนัก ก็ไม่มีกระไรมากดอก เอ่อ ฉันเพียงอยากจะอยู่ตามลำพังกับแม่แมงเม่าเท่านั้นเอง คุณพระช่วยสงเคราะห์ฉันหน่อยเถิดนะ"
ขันทองหน้าขรึมลง
"ท่านเจ้าคุณต้องการให้ดีฉันกลับไปก่อนหรือเจ้าคะ เอ่อแล้วบ่าวของดีฉันเล่าเจ้าคะ"
"ก็แค่นังทาสคนหนึ่ง มันกลับเองได้ดอก คุณพระอย่าห่วงเลย"
ขันทองลังเล ใจจริงไม่อยากให้แมงเม่าอยู่ตามลำพังกับพระยากำแหงมากกว่า
" ช่วยฉันหน่อยเถิดคุณพระ งานลอยพระประทีปครานี้ ฉันก็หวังจะได้ใกล้ชิดแม่แมงเม่า แต่จนป่านฉะนี้ ก็ยังไม่ได้โอกาสเลย"
ขันทองหน้าจ๋อยๆไป ไม่มีทางเลือกเอาซะเลย
ขันทองเดินเซ็งๆ กลับมาคนเดียว ในที่สุดก็ต้องยอมเปิดโอกาสให้พระยากำแหงจนได้
แต่ขณะนั้นเอง ขันทองก็เหลือบไปเห็นม่วง สุ่น มิ่ง ชื่น กำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ชื่นเหลือบไปเห็นขันทอง "ออกพระศรี"
ขันทองเดินเข้าไปหาพวกม่วง
ขันทองเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทุกคน แปลกใจ
"มีกระไรกันหรือ"
ม่วงหน้าเครียด
"แม่อิน เมียกระผมหายไปขอรับ กระผมตามมา ก็เห็นแต่กระทงของแม่อินตกอยู่ แต่ไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ใดขอรับ"
"แล้วเหตุใดจู่ๆถึงหายไปได้ ทะเลาะเบาะแว้งกันหรือพ่อม่วง"
ม่วงอึกๆอักๆหันไปมองยี่สุ่น
ยี่สุ่นก็กระอักกระอ่วนพอกัน พูดอะไรไม่ออก
ขณะนั้นเอง ติ่น กับผลก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
ติ่นบอก " ท่านเศรษฐีขอรับ ไม่เจอแม่นายเลยขอรับ"
ผลเหนื่อยหอบบอก
"ทางกระผมก็ไม่เจอเหมือนกันขอรับ ถามคนอื่นดู ก็ไม่มีใครเห็นขอรับ"
มิ่งไม่สบายใจ เป็นห่วงลูกสะใภ้
"ท่าไม่ดีเสียแล้ว คนทั้งคนจะหายไปได้อย่างไรวะ"
"เราให้ใครสักคนไปเฝ้าที่เรือน เผื่อแม่อินกลับไปจะได้รู้ ส่วนที่เหลือแยกกันค้นหาดีหรือไม่จ๊ะ" ยี่สุ่นบอก
"ก็ดี อีกชั่วยามไปเจอกันที่เรือนก็แล้วกัน" มิ่งบอก
"ฉันจะไปแจ้งกรมเวียง ให้เค้าช่วยส่งคนออกค้นหาอีกแรงก็แล้วกัน"
ม่วงไหว้ "เป็นพระคุณขอรับ"
ขันทองรับไหว้ สีหน้ากังวลกับพวกของม่วงไปด้วย
อินถูกกล้าผลักเข้าไปในกระท่อมจนล้มลง โดยมีดำ และลูกน้องกล้ายืนมองอยู่
" อย่าทำกระไรฉันเลยพ่อกล้า ปล่อยฉันไปเถิด"
กล้ายิ้มร้ายๆ
"ข้าปล่อยเอ็งแน่ แต่ต้องรอข้าได้ตัวนังแมงเม่ามาก่อน" แล้วเหล่พวกลูกน้อง "แล้วข้าจะปล่อยเอ็งให้กับอ้ายพวกนี้เอง"
พวกลูกน้องพากันหัวเราะชอบใจ ได้ลาภลอย
อินกลัวสุดๆจนร้องไห้ออกมา
กล้าหันไปพูดกับดำ
"อย่าให้พลาดล่ะ ข้าเตือนไว้ก่อน ว่าไม่ได้มีนังแมงเม่าคนเดียวนาโว้ย อ้ายผู้ชายที่อยู่กับมันเป็นผู้ใด ข้าก็ไม่รู้"
ดำยิ้มมั่นใจ "ไม่สำคัญดอก ขอเพียงพวกมัน ผ่านมาทางที่ซุ่มอยู่ก็พอ"
"ทางกลับเรือนมันมีทางเดียว ก็ทางที่เจอนังอินนี่อย่างไรเล่า อย่างไรมันก็ต้องผ่าน"
ดำยิ้มร้ายๆแล้วเดินออกไปจากกระท่อม
กล้ากับพวกลูกน้องหันมามองอินอย่างสะใจ แล้วพากันออกมาจากกระท่อม
อินหวาดกลัวสุดชีวิต แต่ก็ห่วงแมงเม่า จนไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
บรรยากาศภายในงาน ดูคึกคัก คนมาลอยกระทง ซื้อของที่มาวางขายมากมาย แต่ละคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
แมงเม่ากำลังดูของที่เอามาวางขาย โดยมีพระยากำแหงยืนยิ้มแย้มมีความสุขคอยเลือกของเป็นเพื่อนอยู่
ในขณะที่เยื้อนยืนหงุดหงิด คอยชะเง้อมองหาขันทองอยู่ตลอดเวลา
เยื้อนหงุดหงิด ไม่พอใจที่ขันทองหนีหายกลับไปก่อน
"ออกญาเจ้าคะ"
" มีกระไร"
"คุณพระบอกหรือไม่เจ้าคะ ว่าไปที่ใด"
"ไม่ได้บอก บอกแต่ว่ามีราชการต้องรีบไป เอ็งกลับไปที่เรือนเถิด คุณพระศรีเสร็จราชการก็คงกลับเรือนเลย ไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีกดอก"
" เหตุใดคุณพระถึงไม่บอกกันก่อน จู่ๆก็มาหายหน้าไปเช่นนี้"
เยื้อนสะบัดหน้าเดินกระทืบเท้าเลี่ยงไป
แมงเม่ามองตามเยื้อนด้วยความงุนงง
"พิกลนัก ฉันไม่เคยเห็นบ่าวคนใดเป็นอย่างแม่เยื้อนคนนี้เลย เรื่องเล็กเพียงเท่านี้ แต่ทำ กิริยาราวกับ
โกรธเคืองออกพระศรีผู้เป็นนายอย่างนั้น"
" นังเยื้อนมันเป็นลูกพระยา เคยมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาก่อน แต่พ่อมันต้องโทษฟันคอริบเรือน มันถึงต้องตกมาเป็นทาส แต่ถึงเป็นทาสแล้ว ก็ยังคงติดนิสัยเอาแต่ใจมา แม่แมงเม่าอย่าไปถือสามันเลย"
แมงเม่าคิดตาม พยักหน้ารับช้าๆ "มิน่าเล่า"
กำแหงยิ้มกรุ้มกริ่ม ชี้นิ้วให้ดู
"แม่แมงเม่า ฉันเห็นทางด้านโน้น มีของน่าดูหลายอย่าง แม่แมงเม่าไปดูด้วยกันนะ"
แมงเม่าหน้าเจื่อน รีบชิ่ง
"เอ่อ ฉันเหนื่อยแล้ว ออกญาไปเองเถิดนะเจ้าคะ"
"เหนื่อยรึ ถ้าอย่างนั้นก็กลับเรือนไปพักผ่อนเถิด ฉันจะไปส่งแม่แมงเม่าเอง"
แมงเม่าเสียงอ่อย หมดทางเลี่ยง "เจ้าค่ะ"
แมงเม่าเดินนำไป แล้วแอบทำหน้าบึ้งตึง ตื๊ออะไรขนาดนี้
ในขณะที่พระยากำแหงเดินตามไป สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ในที่สุดก็ได้อยู่กับแมงเม่าสองต่อสองสมใจจนได้
ลูกน้องกล้าคนหนึ่ง กำลังแกล้งทำเป็นเลือกของ แต่สายตาคอยมองอยู่ตลอด
พอแมงเม่ากับพระยากำแหงเดินเลี่ยงไป ก็รีบตามไปทันที
เป้า ที่ยืนอยู่ห่างออกไป สายตามองตามแมงเม่าไปด้วยความแปลกใจ เพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ทำท่าเหมือนสะกดรอยตามแมงเม่าไป
แน่นเดินดูของอยู่ใกล้ๆ อดสงสัยไม่ได้
" มีกระไรรึแม่เป้า"
"ฉันเห็นแม่แมงเม่ากับออกญาวังเจ้าค่ะ แต่ไม่ทันเข้าไปทักทาย ก็เดินไปเสียแล้ว แลยัง..."
เป้าลังเล ไม่รู้จะพูดยังไงดี
"ยังกระไรรึ"
"ช่างเถิดเจ้าค่ะ ฉันคงคิดมากไป"
เป้ามองตามแมงเม่าไป ด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
แน่นเดินคุยมากับเป้า เพื่อจะไปที่เรือของตนซึ่งผูกไว้ที่ท่า
" เพิ่งจะมาได้ไม่เท่าใดก็จะกลับเสียแล้ว ยังมีร้านรวงอีกมาก ที่ไม่ได้เดินดูเลยนะแม่เป้า"
" ท่านขุนก็เดินไปซีเจ้าคะ ฉันบอกแล้วว่ากลับเองได้ ไม่ต้องไปส่งดอกเจ้าค่ะ"
"ได้อย่างไร ฉันไม่มีวันให้แม่เป้ากลับคนเดียวดอก" ยิ้มกรุ้มกริ่ม "ฉันเป็นห่วง"
เป้าหัวเราะคิกๆ
"ท่านขุนก็พูดเสีย นี่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันต้องนึกว่าเกี้ยวฉันเป็นแน่"
แน่นสุดเซ็ง ทำอะไรไป เป้าก็ไม่เข้าใจซักที
ทั้งคู่เดินมาถึงท่าเรือ ก็เห็นขันทองกำลังแก้เชือกผูกเรือ เตรียมจะพายออกไป
"ออกพระศรี เจอกันอีกแล้วนะเจ้าคะ กำลังจะกลับหรือเจ้าคะ จะได้กลับพร้อมกัน"
เยื้อนกำลังเดินหงุดหงิดมา เพื่อจะพายเรือกลับวังเช่นกัน พอเหลือบเห็นขันทองเข้าก็ดีใจ
แต่พอเห็นขันทองกำลังยืนคุยกับแน่น และเป้า ก็ชักสงสัย เลยรีบแอบฟังทันที
"ไม่ใช่ดอก ฉันกำลังจะไปกรมเวียง แม่อินพี่สะใภ้ของเจ้าแมงเม่าหายตัวไป ฉันจึงจะไปให้คนของกรมเวียงช่วยค้นหา "
" อ้าว แล้วหายไปได้อย่างไร หรือมีคนจับตัวไป"
พอพูดว่ามีคนจับตัวไป เป้าก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมา
ขันทองบอก "ฉันไม่รู้ แต่เจ้าแมงเม่าก็เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่แน่ว่าแม่อิน..."
เป้าตกใจ พูดสวนขึ้น
"เมื่อครู่มีคนสะกดรอยตามแม่แมงเม่ากับออกญาวังไปเจ้าค่ะ"
ขันทองตกใจ "เจ้าเห็นรึ"
"เจ้าค่ะ แต่ฉันก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้ แต่คนผู้นั้นท่าทางพิกล พอแม่แมงเม่าเดินไป ก็รีบเดินตามหลังไปเลยเจ้าค่ะ"
ขันทองเป็น ห่วงแมงเม่าขึ้นมาทันที
เยื้อนที่ยืนแอบฟังอยู่ยิ้มสะใจ พูดกับตัวเองเบาๆ
"เจ้าประคู้น ขอให้โดนจับไปทีเถิด"
พระยากำแหงเดินคุยมากับแมงเม่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
" คืนนี้พระจันทร์สว่างเหลือเกินนะแม่แมงเม่า สุกสกาวเสียจน ไม่ต้องใช้คบไฟก็ยังมองเห็นทางชัดเจน"
"เจ้าค่ะ"
พระยากำแหงหน้าเจื่อน แมงเม่าเล่นถามคำตอบคำ พยายามจะหาเรื่องชวนคุย เพื่อไม่ให้เงียบมากไปกว่านี้
"แม่แมงเม่า เอ่อ แม่ชอบกินกระไรรึ ฉันจะได้หามาให้"
แมงเม่าเหล่ๆพระยากำแหง นี่ชวนคุยได้ดีเท่านี้รึไงเนี่ย
"กินได้ทุกอย่างเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงก็ยิ่งอึกๆอักๆ ไปไม่เป็นหนักกว่าเดิม
ทันใดนั้นเอง ลูกน้องของกล้าโพกผ้าปิดหน้าออกมาจากที่ซุ่มอยู่ ค่อยๆเดินล้อมกรอบคนทั้งสองเอาไว้ทันที
ทั้งคู่ตกใจที่จู่ๆก็โดนล้อม แต่พอตั้งสติได้ พระยากำแหงก็รีบเอาตัวบังแมงเม่าไว้ทันที
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายแม่แมงเม่าได้ดอก"
ลูกน้องกล้าคนหนึ่งก็ชักดาบฟันใส่พระยากำแหงทันที
พระยากำแหงระวังอยู่แล้ว เลยเตะสวนไป ก่อนจะจับแขนบิดแย่งดาบมา แล้วเข่าซ้ำเข้าไปอีก
จนลูกน้องคนนั้นหงายร่วงไป
ลูกน้องคนอื่นพากันชักดาบ แล้วบุกเข้าใส่ทันที แต่พระยากำแหงก็มีฝีมือไม่ใช่ย่อย แม้จะคนเดียวแต่ก็สู้กับพวกลูกน้องกล้าได้อย่างไม่เป็นรอง
ระหว่างสู้ไปก็พูดไป
"แม่แมงเม่า อย่าอยู่ห่างฉัน ฉันจะเปิดทางให้ แม่รีบหนีไปตามคนมาช่วย"
พระยากำแหงตะลุยรุกไล่ จนพวกลูกน้องแตกกระเจิง เปิดทางให้แมงเม่าหนี
แมงเม่าได้โอกาสรีบวิ่งหนีทันที แต่วิ่งไปได้หน่อยเดียว ดำก็ออกมาจากที่ซ่อนแล้วชกเข้าเต็มท้องแมงเม่า ทั้งเจ็บทั้งจุก "โอ๊ย"
แมงเม่าจุก ทรุดร่วงลงไป
" แม่แมงเม่า"
พระยากำแหงโมโห รีบโหมบุกจะไปช่วยแมงเม่า
ดำหยิบห่อผ้าห่อหนึ่งออกมา พอพระยากำแหงบุกเข้าจะถึงตัว ดำก็สะบัดห่อผ้าออก ฝุ่นสีขาวในห่อผ้ากระจายเข้าหน้าเข้าตาพระยากำแหงเต็มๆ
พระยากำแหงถูกฝุ่นซัดเข้าตา มองอะไรไม่เห็นก็ผงะออกไป
แมงเม่าจุกมาก แต่ก็ตกใจที่เห็นพระยากำแหงโดนลอบทำร้าย "ท่านเจ้าคุณ"
ดำหันไปมองแมงเม่า แมงเม่าเผลอเรียก “ท่านเจ้าคุณ” ออกมา ก่อนจะกลับมา
มองพระยากำแหง ยิ้มร้ายๆ "เป็นเจ้าคุณเสียด้วย"
กำแหงลืมตาไม่ได้ ฟันดาบมั่วไปหมด
"อ้ายหมาลอบกัด เข้ามาสิวะ"
ดำหันไปสั่งพวกลูกน้อง "เอานังนี่ไป ข้าจัดการมันเอง"
พวกลูกน้องกล้าเข้าไปดึงตัวแมงเม่าลุกขึ้นแล้วพาไป เหลือดำกับพระยากำแหงสองคน
" แม่แมงเม่า"
ดำเดินเข้าไปหาพระยากำแหงที่ฟันดาบมั่วไปหมด ก่อนจะเตะเข้าที่ขาพับจนพระยากำแหงทรุด
แล้วเตะเข้าเต็มหน้า จนพระยากำแหงหงายร่วงไปนอนกับพื้น
ดำหยิบดาบพระยากำแหงขึ้นมา อย่างไรก็ต้องฆ่าอยู่แล้ว ยิ่งเป็นถึงพระยา ยิ่งเอาไว้ไม่ได้
ดำเงื้อดาบจะปักลงที่หน้าอกพระยากำแหง
แต่ทันใดนั้นเอง ดำก็โดนถีบจากทางด้านหลังจนกระเด็นไป
ดำตกใจ หันกลับมา ปรากฏว่าคนที่ถีบตนคือขันทองนั่นเอง
ขันทองตรงเข้าสู้กับดำทันที โดยแน่น และเป้า รีบเข้าไปดูอาการของพระยากำแหง
"ท่านเจ้าคุณ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ฉันลืมตาไม่ได้ มันใช้ผงกระไรไม่รู้ ซัดเข้าตาฉัน"
พระยากำแหงพยายามขยี้ตา เป้าจับมือพระยากำแหงไว้ไม่ให้ปัด
"อย่าเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะลุกลามไปใหญ่ ท่านเจ้าคุณรอก่อนนะเจ้าคะ ฉันจะหาน้ำมาเช็ดออกให้"
ขันทองกำลังสู้กับดำอยู่ ดำใช้ดาบไล่ฟันขันทองที่มือเปล่า แต่ขันทองหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะศอกกลับเข้าเต็มหน้าดำ จนดำเลือดกลบปาก
ดำเห็นขันทองฝีมือร้ายกาจ เลยรีบวิ่งหนีทันที
ขันทองเลยรีบตามไป
แน่น และเป้า พยายามประคองพระยากำแหงลุกขึ้น
ขณะนั้นเอง เยื้อนก็รีบเดินเข้ามาหา
แน่นแปลกใจ
"นังเยื้อน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
"อย่าเพิ่งถามเลยเจ้าค่ะ" เป้าหันไปพูดกับเยื้อน "มาช่วยฉันประคองท่านเจ้าคุณหน่อย"
เยื้อนมองอย่างไม่แยแส ก่อนจะรีบตามขันทองไปอีกคน
แน่นหงุดหงิด
"นังนี่ กระไรของมัน"
แน่น และเป้าช่วยกันประคองพระยากำแหงไปรักษาก่อน
ดำวิ่งหนี ขันทองวิ่งไล่ตามไม่ลดละ
ดำหันกลับไปฟันอย่างไม่คาดหมาย แต่ขันทองก็ยังฉากหลบไปได้
ดำฟันดาบรุกไล่ แต่ขันทองหลบได้ ก่อนจะเข้าประชิดตัวดำแล้วเข่าเข้าที่ท้องอย่างแรง
ดำทั้งเจ็บทั้งจุก แต่ก็ผลักขันทองออก แล้วฟันดาบใส่ไม่ยั้ง ขันทองใช้วิชามวยไทย ทั้งหมัดเท้า
เข่าศอกเข้าสู้
ดำโดนเข้าไปหลายขนานจนดาบหลุดมือ ก่อนจะโดนขันทองจับบิดแขนแล้วกดตัวลงกับพื้น
ขันทองสีหน้าเหี้ยมเกรียม
"บอกข้ามา เอาผู้หญิงไปไว้ที่ใด"
ดำขบกรามแน่นไม่ยอมบอก
ขันทองหยิบดาบที่ตกอยู่ขึ้นมา แล้วปักลงตรงหัวไหล่ของดำ
ดำร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
"ไม่อยากตาย จงบอกมา"
ขันทองข่มขู่ด้วยสายตาดุดันเอาจริง
ดำมองขันทองด้วยความหวาดกลัว รู้ว่าขันทองฆ่าตนได้แน่
เยื้อนแอบมองขันทองอยู่ด้วยสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าขันทองจะมีฝีมือดีขนาดนี้
แมงเม่าถูกกล้าผลักเข้าไปข้างในกระท่อมชายป่าจนล้มลงกับพื้น
อินรีบเข้าไปดูอาการแมงเม่าทันที
" เจ้าแมงเม่า เป็นอย่างไรบ้าง"
แมงเม่าเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่เริ่มมีแรง ไม่จุกเท่าไหร่แล้ว แปลกใจ
"พี่อิน พี่ถูกจับมาได้อย่างไร"
กล้าเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มลูกน้อง
กล้าเหน็บมีดสั้นไว้ที่ข้างเอวด้วย
กล้าพูดสวนขึ้น
"ก็มันสาระแนเข้ามาเองน่ะซิ" กล้าเข้ามาเชยคางแมงเม่า ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"คนเค้ากำลังจะเข้าหอกัน สอดไม่เข้าเรื่อง"
ขาดคำ แมงเม่าก็กัดมือกล้าที่เชยคางตนอยู่ทันที
กล้าร้องลั่น รีบดึงมือออกทันที โมโห
"อีแมงเม่า ยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกรึ"
แมงเม่ายิ้มเยาะ
"ข้าไม่หมดฤทธิ์เพราะคนขลาดอย่างเอ็งดอก คราก่อนฉุดข้า ก็ต้องโพกผ้าปิดหน้าปิดตา ครานี้ไม่แม้แต่โผล่หัวไป เปลี่ยนจากชื่อกล้า เป็นชื่ออ้ายตาขาวเถิ๊ด"
พวกลูกน้องกล้าขำๆ กัน
กล้าหันไปถลึงตาใส่ พวกลูกน้องก็จ๋อยเป็นแถว
กล้ากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ
"ปากดีนักนะมึง ดูซิ ว่าเป็นเมียกูแล้วยังจะปากดีแบบนี้อีกหรือไม่"
แมงเม่าเบะปากดูถูก
"เป็นเมียเอ็งรึ ข้าสู้ เป็นเมียลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเอ็งยังจะดีเสียกว่า"
พวกลูกน้องหน้าตาเลิ่กลั่กกับคำพูดของแมงเม่า หันไปมองกันเองยกใหญ่
"ทำไม อ้ายพวกนี้มันดีกว่าข้าตรงไหนวะ"
แมงเม่าปรายหางตามองแบบเยาะเย้ย ไม่พูดอะไร
อินหน้าเสีย
"พูดกระไรอย่างนั้นเจ้าแมงเม่า เราเป็นหญิง พูดจาเช่นนี้มันไม่งามเลย"
แมงเม่าเซ็งพี่สะใภ้ จะหาทางเอาตัวรอดก็ดันไม่รับลูกอีก ปั้นยิ้ม
"ก็จริงนี่จ๊ะพี่อินจ๋า" แมงเม่าลุกขึ้นยืนจ้องหน้ากล้า
"ฉันชอบผู้ชายกล้าหาญ" พลางส่งตาหวานไปทางลูกน้องกล้า "คนที่ดีแต่สั่งคนอื่นแล้วคอยหลบอยู่ข้างหลัง ควรที่จะได้ฉันเป็นเมียรึ"
กล้าหึงหวง ดึงตัวแมงเม่าเข้ามา
"กูไม่คิดว่ามึงจะใฝ่ต่ำอย่างนี้เลย ข้าเป็นนายพวกมัน มีหรือจะสู้พวกมันไม่ได้"
แมงเม่ายิ้มยั่วยวน
"ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ฉันเห็นซี แล้วฉันจะยอมเป็นเมียพี่กล้าดีๆ ไม่ขัดขืนเลย"
อินตกใจมาก
"เจ้าแมงเม่า"
กล้านึกไม่ถึง
"จริงรึ มึงจะให้กูทำอย่างไร"
แมงเม่ายิ้มยั่วยวน "เอียงหูมาสิจ๊ะ"
กล้าเอียงหูเข้าไป
แมงเม่าทำท่าจะกระซิบ
แมงเม่ามองไปที่มีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวของกล้า
ทันใดนั้น แมงเม่าก็ดึงมีดของกล้าออกมา แล้วจ้วงแทงใส่กล้าทันที
ปลายมีดกำลังจะเสียบพุงกล้าแต่ก็ชะงักค้างไว้
ลูกน้องของกล้าคนหนึ่งจับข้อมือแมงเม่าไว้ได้ทัน ก่อนที่จะแทงใส่กล้า
กล้ายืนตะลึง หน้าซีดเผือด ทำอะไรไม่ถูก
ลูกน้องบิดมือแมงเม่า แล้วแย่งมีดมาจนได้
กล้าเพิ่งตั้งสติได้ โมโหมาก
"อีแมงเม่า มึงคิดจะฆ่ากูรึ"
กล้าตบหน้าแมงเม่าจนล้มคว่ำทันที
อินตกใจมาก รีบเข้าไปดูอาการแมงเม่า
"เจ้าแมงเม่า"
"เอานังอินออกไป กูยกให้พวกมึง"
พวกลูกน้องตรงเข้ามาดึงแขนอิน แล้วลากตัวออกไปทันที
อินพยายามขัดขืน
"ปล่อยนะ ฉันไม่ไป"
อินสู้แรงไม่ไหว ถูกลากออกไปจนได้
กล้ามองแมงเม่าด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
"นังสารเลว"
กล้าตรงเข้าปลุกปล้ำแมงเม่าทันที
แมงเม่าก็สู้สุดชีวิต แต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ไหวเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
พวกลูกน้องกล้าฉุดกระชากลากถูอินออกมาหน้ากระท่อม ลูกน้องคนหนึ่งเหวี่ยงอินล้มลงกับพื้น
อินกลัวสุดขีด "ช่วยฉันด้วย"
ลูกน้องคนนั้นจะเข้าไปปล้ำอิน แต่ทันใดนั้น ก็มีดาบเล่มหนึ่ง พุ่งเข้าปักกลางยอดอกจนลูกน้องสะดุ้งเฮือก ก่อนจะล้มลงขาดใจตายไป
อินเห็นคนตายคาตา ตกใจจนก็เป็นลมล้มพับไป
ขันทองเดินหน้าตาดุดันเข้ามา
พวกลูกน้องกลัวมาก แต่ก็เสี่ยงบุกเข้าทำร้ายขันทองทันที
ขันทองเตะต่อยสวน ก่อนจะดึงดาบออกมาจากศพแล้วฆ่าพวกลูกน้องที่เหลือจนตายหมดทุกคน
ขันทองคุกเข่าลงดูอาการอิน พอเห็นว่าแค่สลบก็มองไปที่กระท่อมด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
ขันทองถีบประตูกระท่อมเปิดออก เห็นแมงเม่านอนอยู่กับพื้น เจ็บระบมไปทั้งตัว
ขันทองจะเข้าไปหาแมงเม่า
แมงเม่าเจ็บไปทั้งตัว แต่ก็รวบรวมแรง
"ออกพระศรี ระวัง"
ขาดคำ กล้าที่หลบอยู่หลังประตูก็เอามีดแทงใส่ด้านหลังขันทองทันที
แต่ขันทองใช้ดาบปัดมีดออก แล้วต่อยเข้าเต็มหน้ากล้า จนกล้าเลือดกลบปากทรุดร่วงลงกับพื้น ก่อนที่ขันทองจะเตะเข้าเต็มหน้ากล้าเข้าไปอีกทีด้วยความแค้นจัด
กล้าล้มกลิ้งอยู่กับพื้น
กล้า หยิบดินบนพื้นขึ้นมากำหนึ่ง
ขันทองเงื้อดาบจะฟันซ้ำ แต่กล้ารีบหันมาขว้างดินใส่หน้าขันทอง จนขันทองต้องใช้มืออีกข้างบังเอาไว้ไม่ให้ดินเข้าตา
กล้าฉวยโอกาสนั้นรีบวิ่งหนีออกไปทันที
ขันทองจะตามไป แต่ห่วงแมงเม่ามากกว่า เลยรีบเข้าไปหาแมงเม่า
ขันทองประคองแมงเม่าลุกขึ้นนั่ง
"เจ้าแมงเม่า เป็นอย่าง..."
พูดไม่ทันจบ แมงเม่าก็โผเข้ากอดขันทอง แล้วร้องไห้ปล่อยโฮทันที เพราะจริงๆแมงเม่าก็กลัวสุดชีวิต แต่ต้องทำตัวเข้มแข็งไว้
ขันทองอึ้งไปครู่นึง ก่อนจะค่อยๆกอดแมงเม่าอย่างทะนุถนอม
แมงเม่าร้องไห้
"ฉันไม่เป็นกระไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ฉันกลัวเหลือเกิน ในใจนึกอยู่ตลอดว่าออกพระศรีต้องมาช่วยฉัน แล้วก็มาจริงๆ"
ขันทองยิ้มบางๆ
"แล้วทำไมถึงนึกว่าฉันจะมาช่วย ฉันแยกจากเจ้าไปแล้วนะ"
แมงเม่าสะอึกสะอื้น
"ก็ออกพระศรีเคยช่วยฉันหลายครา ครานี้ก็ต้องมาช่วยอีกสิเจ้าคะ"
ขันทองยิ้มขำๆ แมงเม่าอาจจะแสบ เจ้าเล่ห์ แต่ถึงที่สุดจริงๆก็ยังเป็นแค่เด็กสาวเท่านั้นเอง ค่อยๆดึงตัวแมงเม่าออก " เจ็บมากหรือไม่"
แมงเม่าสะอึกสะอื้น พยักหน้า "เจ้าค่ะ"
ขันทองมองแมงเม่าทั้งรักทั้งสงสาร เห็นที่มุมปากเป็นรอยช้ำจากการถูกกล้าตบ ก็ยิ่งสงสารจับใจ
เยื้อนตามมาถึง เห็นทั้งคู่นั่งกอดกันอยู่ในกระท่อม ก็รีบแอบดูทันที
ขันทองจับแผลที่มุมปากแมงเม่าเบาๆ เห็นแมงเม่ายังสะอึกสะอื้นไม่หยุด ก็หักห้ามใจไม่ไหว
เผลอตัวจูบซับน้ำตาแมงเม่าที่ไหลลงอาบแก้มเบาๆ
แมงเม่าตะลึง ที่จู่ๆขันทองก็จูบแก้มตน
ทั้งคู่ต่างมองสบตากันนิ่งในระยะประชิด
แมงเม่าตั้งสติได้ก่อน รีบดึงตัวออกมา สีหน้าแมงเม่าสับสนไปหมด ขันทองเป็นขันทีไม่น่าจะเสียหาย แต่ก็รู้สึกใจเต้นรัว อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ขันทองก็ตั้งสติได้ สีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เริ่มรู้สึกผิด เพราะตนอยู่ในฐานะขันที ทำแบบนี้ก็เท่ากับเสี่ยงเผยความลับ
เยื้อนตะลึงที่เห็นขันทองจูบแก้มแมงเม่า ก่อนที่เยื้อนจะกำหมัดแน่นด้วยความริษยาจับใจ
ขันทอง และแมงเม่า รีบขยับตัวห่างจากกัน ต่างกระอักกระอ่วน พูดอะไรไม่ออกทั้งคู่
ต่อมา แมงเม่า และอิน ต่างประคองซึ่งกันและกันขึ้นเรือนมา โดยมีขันทองเดินตามหลังมาอีกที
พอขึ้นมาบนเรือนก็เห็น พระยากำแหง เป้า แน่น ม่วง ยี่สุ่น ชื่น ติ่น และผล รอกันอยู่บนเรือน ทุกคนพอเห็นแมงเม่า และอิน ปลอดภัยกลับมาก็รีบเข้าไปหาด้วยความดีใจและเป็นห่วง
ทุกคนแย่งกันพูดจนมั่วไปหมด
"เจ้าแมงเม่า / แม่แมงเม่า / แม่อิน /แม่หญิง / แม่นาย / เป็นอย่างไรบ้าง / เจ็บตรงไหนหรือไม่"
แมงเม่าและ อินอึ้งไป ก่อนจะขำออกมา ทุกคนแย่งกันพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง
" ฉันไม่เป็นกระไรแล้ว แต่ถ้าพูดพร้อมๆกันเช่นนี้ ฉันคงปวดหัวเจียนตายเป็นแน่"
"แล้วตกลงมันเป็นอย่างไรวะ ทำไมถึงกลับมาพร้อมแม่อินกับออกพระศรีท่านได้" มิ่งถาม
" อ้ายกล้ามันฉุดฉัน แต่พี่อินไปรู้แผนการมันเข้าโดยบังเอิญ จึงถูกจับไปด้วย ดีแต่ว่า ออกพระศรีทำกล
ว่ามีพวกกรมเวียงมาช่วย อ้ายกล้ามันขลาด จึงรีบหนีไป"
แน่น และขันทองหันไปสบตากัน เป็นเชิงว่ารู้กันว่าซ้อมคำให้การไว้กับแมงเม่ามาดีแล้ว
พระยากำแหงแค้นมาก "อ้ายกล้าผู้นี้เป็นใคร เหตุใดถึงได้เหิมเกริมเช่นนี้"
ม่วงแค้นบอก " มันเป็นบุตรพันแกว่น เศรษฐีบ้านริมโรงฆ้องขอรับ มันกับกระผมเป็นคู่แค้นกันมานาน อ้ายกล้าจึงอยากได้แมงเม่าเพื่อหยามน้ำมะหน้ากระผม อ้ายสาร เลว ครานี้ไม่มีข้อต้องเกรงอีก ข้าไม่เอาเอ็งไว้เป็นแน่"
ชื่นแปลกใจ
"ข้อต้องเกรง ข้อกระไรรึพ่อม่วง พ่อม่วงพูดราวกับว่าเคยเกิดเหตุเช่นนี้มาก่อนอย่างนั้นล่ะ"
ม่วงหน้าเสีย เผลอตัวพลั้งปากไป
"ก็เคยน่ะซีขอรับ เมื่อคราที่... " ติ่นโดนผลเหยียบเท้าจนร้องลั่น "โอ๊ย" แล้วหันไปเล่นงานผล "เหยียบเท้าข้าทำไมวะอ้ายผล"
ผลทำปากบุ้ยใบไปทางแมงเม่า
ติ่นหันไปมอง เห็นแมงเม่าจ้องเขม็ง ก็สะดุ้งเฮือก ไม่กล้าพูดอะไรอีก
"กระไรของพวกเอ็งวะ ตกลง มันเคยเกิดกระไรขึ้น" มิ่งถาม
" ไม่มีกระไรดอกจ้ะ อ้ายติ่นมันหมายถึงคราที่อ้ายกล้ามันมาสู่ขอฉันน่ะ ครานั้น เล่นงานมันไปเพียงเล็กน้อย เพราะเกรงใจคุณท้าวโสภาน่ะจ้ะ" แมงเม่าบอก
ขันทองรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่อง
"เมื่อไม่มีกระไรแล้ว พวกดีฉันคงต้องขอกลับก่อน อยู่ฝ่ายใน ดึกดื่นเช่นนี้ยังไม่กลับเข้าไป นับว่าไม่บังควรเลยจริงๆ"
อินไหว้ขันทอง
"ขอบพระคุณออกพระมากนะเจ้าคะ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ตัวตอนที่ออกพระมาช่วย แต่พระคุณครั้งนี้ ฉันจะไม่มีวันลืมเลยเจ้าค่ะ"
ขันทองรับไหว้ พร้อมกับยิ้มรับ แต่ไม่พูดอะไร
"อีฉันก็ต้องขอกลับเช่นกัน" ยี่ส่นไหว้มิ่ง ชื่น และพระยากำแหง "กราบลาเจ้าค่ะ"
มิ่ง ชื่น และพระยากำแหงรับไหว้ตามมารยาท แต่ไม่พูดอะไรมาก เพราะรู้ดีว่ายี่สุ่นเป็นใคร
อินเหล่มองยี่สุ่นแล้วก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร
"อ้ายติ่น อ้ายผล ไปส่งแม่สุ่นแทนข้าที" ม่วงบอก
"ขอรับ"
ติ่น และผล เดินนำยี่สุ่นลงจากเรือนไป
"ฉันเอง ก็ต้องขอบน้ำใจคุณพระศรี ท่านขุนจิต แลแม่เป้าเช่นกัน ถ้าไม่ช่วยฉันไว้ ฉันคงตายไปแล้ว" พระยากำแหงบอก
"ไม่เป็นกระไรดอกเจ้าค่ะ เราเป็นพวกเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วนี่เจ้าคะ" แน่นว่า
"ท่านเจ้าคุณจะกลับเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ ถ้ากลับ จะได้ไปพร้อมกันเลย" เป้าถาม
กำแหงหน้าตาถมึงทึง
"ไม่ ฉันมีเรื่องต้องสะสางคืนนี้ให้จบ ไม่อยากทิ้งไว้ข้ามคืน"
" เรื่องกระไรหรือเจ้าคะ" เป้าถาม
พระยากำแหง สีหน้าดูดุดันน่ากลัว
ต่อมา ตำรวจจากกรมเวียงจำนวนมาก ถือคบไฟเข้ามาล้อมเรือนของกล้าไว้ ตำรวจอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธครบมือ เข้ามาตั้งแถว เตรียมบุก
พระยากำแหง และม่วง ถือดาบเดินเข้ามา พร้อมด้วยหัวหน้าตำรวจของกรมเวียง
พ่อกล้ากับลูกน้องจำนวนหนึ่ง ถือดาบลงมาจากเรือน
พ่อเห็นตำรวจมากมายก็ตกใจ
"นี่มันกระไรกัน จู่ๆถึงมาล้อมเรือนกันเช่นนี้"
หัวหน้าตำรวจถาม "พันแกว่นใช่หรือไม่"
"ใช่ ฉันเอง"
"พวกเรามาจับตัวอ้ายกล้าลูกชายเอ็ง ด้วยมันฉุดผู้หญิง แลทำร้ายท่านเจ้าคุณกำแหงผู้เป็นกรมวัง จงไปตามมันออกมา ให้ไปกับเราแต่โดยดี"
พ่อหน้าเสีย รู้ว่าลูกก่อเรื่องหนักแล้ว "กรมวังเชียวรึ เอ่อ อ้ายกล้าไม่อยู่ มันยังไม่กลับ ถ้ามันกลับมาเมื่อใด ฉันจะแจ้งไปเอง"
กำแหงตะคอก
"อ้ายมุสา ลูกเอ็งเพิ่งหนีตายมา แลตอนมันทำร้ายข้า ก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใด แล้วจะหนีไปที่อื่นได้อย่างไร ... ท่านขุน"
หัวหน้าตำรวจพูดเสียงดัง "ค้น"
พ่อกล้ากับลูกน้อง ชักดาบออกมา เตรียมต่อสู้ทันที
" อ้ายกล้ามันทำร้ายน้องกับเมียกระผม ขอกระผมไปจับมันด้วยตัวเองนะขอรับ" ม่วงบอก
"ตามใจเถิดพ่อม่วง"
ม่วงชักดาบ แล้วนำตำรวจบุกเข้าใส่พ่อกล้ากับลูกน้องทันที
ม่วงกับตำรวจฝีมือเหนือกว่าเยอะ สู้กันไม่เท่าไหร่ พ่อกล้ากับลูกน้องก็โดนจับเป็นได้ทั้งหมด
พระยากำแหงเดินขึ้นเรือนไป โดยมีม่วงตามไปอีกคน พร้อมกับตำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง
พระยากำแหง และม่วงนำตำรวจบุกขึ้นเรือนไป
"ค้นให้ทั่ว"
พวกตำรวจกระจายกำลังกันค้นทันที
พระยากำแหง ม่วง ก็เปิดประตูห้องโน้นห้องนี้ เพื่อค้นตัวกล้า
จนมาถึงห้องหนึ่ง พอเปิดออก ก็เห็นกล้ากำลังปีนหน้าต่างเตรียมกระโดดอยู่
" อ้ายกล้า" ม่วงถือดาบจะเข้าไปฟัน
กล้ากลัวสุดๆ รีบปีนหน้าต่าง แล้วกระโดดลงไปโดยไม่กลัวแข้งขาหัก
พระยากำแหง ม่วง รีบเข้ามาดู เห็นกล้าลงไปนอนกลิ้งกับพื้น แต่ก็ฝืนใจลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีไป
"มันหนีไปแล้ว รีบตาม" พระยากำแหงตะโกนลั่น
พระยากำแหง ม่วง รีบตามไปทันที
ตอนเช้า อินกำลังทายาให้ม่วงอยู่ในห้องนอน เป็นแผลนิดหน่อยจากการไล่จับกล้าเมื่อคืน
" โอ๊ย แสบ"
"แสบก็ทนเอาหน่อยซีพี่ ใครใช้ให้พี่ไปตามอ้ายกล้า จนถลอกปอกเปิกกลับมาเล่า ท่านเจ้าคุณก็นำตำรวจจากกรมเวียงไปแล้ว ยังจะตามไปอีก"
" ขนาดตามไปด้วย ยังจับมันไม่ได้เลย พูดแล้วก็น่าเจ็บใจ มันทำร้ายคนที่ข้ารักถึงสองคน แต่กลับเอาเลือดหัวมันมาล้างตีนให้สมแค้นไม่ได้"
อินได้ยินม่วงบอกว่าตนเป็นคนที่ม่วงรัก ก็ยิ้มเขินขึ้นมา
ม่วงเห็นสีหน้าอิน ก็ฉุกคิดขึ้น ว่าตนพูดบอกรักอินกลายๆ ก็ชักเขินๆเพราะไม่ได้พูดดีกันมานานแล้ว
ม่วงอึกๆอักๆ พอเห็นแผลฟกช้ำที่แขนอิน เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง "เอ่อ เอ็งทายาให้ข้า ข้านวดให้เอ็งบ้างก็แล้วกัน"
ม่วงหยิบตลับยาทาแก้ปวดเมื่อย ฟกช้ำมาทาให้อินบ้าง
อินมองสามีนวดยาให้ตนแล้วยิ้มอย่างสุขใจ ก่อนจะหน้าขรึมลง
"หญิงเมื่อคืนคือแม่สุ่นรึ"
ม่วงชะงักไป ก่อนจะพยักหน้ารับ
อินหน้าเศร้าลง
"ฉันผิดนัก ที่ทำหน้าที่เมียให้พี่ไม่ได้ หากพี่จะมีเมียน้อยฉันก็ไม่ว่าดอก แลชายอื่นที่มั่งมี ก็ล้วนมีเมียหลายคนทั้งสิ้น หาใช่เรื่องแปลกประหลาดกระไรไม่"
" อย่าพูดอีกเลย ถึงเอ็งยอม พ่อกับน้าชื่นก็คงไม่ยอมดอก คนเกิดมาทำอาชีพเช่นนั้น ก็ต้องถือเป็นเวรเป็นกรรม" ม่วงถอนใจเฮือกใหญ่ เปลี่ยนเรื่อง " เจ้าแมงเม่าเป็นอย่างไรบ้าง"
อินแปลกใจ
"แต่เช้ามา ฉันยังไม่เห็นเลยจ้ะ คงอยู่ในห้องกระมัง"
แมงเม่าเดินช้าๆมาที่ข้างหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไป สายตาเหม่อลอย คิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืนตลอดเวลา
ขันทองจับแผลที่มุมปากแมงเม่าเบาๆ เห็นแมงเม่ายังสะอึกสะอื้นไม่หยุด ก็หักห้ามใจไม่ไหว เผลอตัวจูบซับน้ำตาแมงเม่าที่ไหลลงอาบแก้มเบาๆ
แมงเม่าตะลึง ที่จู่ๆขันทองก็จูบแก้มตน
ทั้งคู่ต่างมองสบตากันนิ่งในระยะประชิด
แมงเม่าดึงสติกลับมา พยายามหักห้ามใจ พูดกับตัวเอง
" หยุดคิดได้แล้ว ออกพระเป็นขันที คงทำไปเพียงเพราะความสงสารเท่านั้น"
แมงเม่าพยายามไม่คิด แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งว้าวุ่นใจหนักขึ้นทุกที ได้แต่ทอดถอนใจออกมา
ขันทองเดินอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งในวัง ภายในหัวคิดแต่เรื่องของแมงเม่าเหมือนกัน เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา โกรธตัวเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ขันทองด่าตัวเองเบาๆ "อ้ายหน้าโง่ หน้าที่เอ็งยังทำไม่สำเร็จ ยังจะหาเรื่องใส่ตัวอีก"
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงเยื้อนดังขึ้น
" บ่นกระไรหรือเจ้าคะ คุณพระ"
ขันทองตกใจ รีบหันกลับไปมอง เยื้อนจ้องหน้าเขม็งอย่างจับผิด
"เจ้าเองรึ มีกระไร"
เยื้อนโมโหหึง พูดประชด
"ไม่มีกระไรดอกเจ้าค่ะ บ่าวก็แค่ได้ยินคุณพระรำพึงรำพันแต่ฟังไม่ใคร่ถนัด คาดว่าคงพร่ำบ่นถึงแม่ลูกสาวเศรษฐีโรงกระดาษอยู่กระมังเจ้าคะ"
ขันทองส่ายหน้าด้วยความรำคาญ แล้วจะเดินเลี่ยงไป
เยื้อนรีบเข้าไปขวางหน้าขันทอง
"ไม่ต้องหนีดอกเจ้าค่ะคุณพระ เมื่อคืน บ่าวเห็นหมดแล้ว"
" เห็นกระไร"
" คุณพระมัวแต่ห่วงใยแม่นั่น ถึงได้ไม่รู้ตัวเลยซีเจ้าคะ ว่าบ่าวแอบตามหลังไป ตั้งแต่ตอนที่คุณพระจะพายเรือไปแจ้งกรมเวียงแล้ว นี่ถ้าบ่าวไม่เห็นกับตา ก็คงไม่เชื่อว่า..."
ขันทองจับข้อมือเยื้อนแน่น สายตาเหี้ยมเกรียม จนเยื้อนเริ่มกลัว
"โอ๊ย คุณพระ บ่าวเจ็บเจ้าค่ะ"
ขันทองจ้องเยื้อนเขม็ง "เจ้าเห็นกระไรกับตาบ้าง"
" ก็เห็นที่คุณพระโอบกอดแลจูบหอมกับนังหญิงคนนั้นน่ะซีเจ้าคะ ทำไม ในเมื่อคุณพระรักผู้หญิงได้ แล้วเหตุใดไม่ชอบพอบ่าว หญิงเช่นนั้น ไม่มีวันเข้าใจชายเยี่ยงคุณพระแลให้ความสุขได้ดอกเจ้าค่ะ"
ขันทองมองเยื้อนนิ่งเพื่อจับผิด จนแน่ใจว่าเยื้อนไม่โกหก เลยยอมปล่อยมือ
" เยื้อน ที่ผ่านมา ฉันก็ดีกับเจ้าไม่น้อย เจ้าไม่เคยทำงานหนัก แลไม่เคยถูกทุบตีหรือบังคับใจจากฉัน ใช่หรือไม่"
เยื้อนชักหวั่น"เจ้าค่ะ"
"ก่อนเจ้าจะมาอยู่กับฉัน ชีวิตเจ้าเป็นเช่นไร เมื่อมาอยู่กับฉันแล้วเป็นเช่นไร เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ถ้าเจ้า ยังไม่เลิกคิดในสิ่งที่ ไม่ควรคิด ฉันก็จำต้องขายเจ้าออกไป เลือกเอาเถิดเยื้อน"
ขันทองเดินเลี่ยงไป โดยไม่แยแสเยื้อนอีก
เยื้อนมองตามด้วยความเจ็บใจ แต่ขันทองงัดไม้ตายออกมา ทำให้ตนทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าต้องไปเป็นทาสคนอื่น ก็คงไม่แคล้วตกนรกเหมือนที่ผ่านๆมา
แต่ทันใดนั้นเอง หลวงศรีมะโนราชก็เดินออกมาหาเยื้อน
หลวงศรีมะโนราชยิ้มเจ้าเล่ห์
"น่าสงสารเสียจริง อีนังทาสเอ๊ย"
" หลวงศรีมะโนราช"
"แต่ข้าช่วยให้เอ็งสมหวังได้ ต้องการหรือไม่เล่า"
เยื้อนตกใจกว่าเดิม ไม่คิดว่าหลวงศรีมะโนราชจะพูดอย่างนี้
ขุนเทพชำนาญตกใจ นึกไม่ถึง
"ชอบผู้หญิงหรือเจ้าคะ เป็นไปได้อย่างไร ที่คนอย่างพวกเราจะชอบพอผู้หญิง"
หลวงศรีมะโนราชกำลังคุยกับขุนเทพชำนาญ ขุนเทพรักษา โดยมีเยื้อนนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
"นั่นซีเจ้าคะ ที่ดีฉันเคยเห็น ถ้าไม่พึงใจในชาย ก็ไม่ชอบในเพศใดเลย แต่ที่ชอบพอหญิงนั้น ยังไม่เคยเห็นมาก่อน" ขุนเทพรักษาบอก
"นังเยื้อนมันเห็นกับตา คงไม่ผิดดอก แลที่ฉันให้นังเยื้อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ไม่ใช่เพราะเห็นว่าแปลกพิกล แต่เป็นเพราะที่มาของหญิงนั้นต่างหาก"
หลวงศรีมะโนราชยิ้มมีเลศนัย
"อีนัง... เอ่อ แม่หญิงผู้นั้น คือแม่หญิงแมงเม่า บุตรีเศรษฐีมิ่งโรงทำกระดาษเจ้าค่ะ เชื่อว่าท่านขุนทั้งสอง คงเคยได้ยินมาบ้าง"
ขุนเทพรักษาพยักหน้ารับ "คนที่แก้กลอักษรให้กรมขุนวิมลท่าน"
"เจ้าค่ะ แลยังเป็นคนที่ออกญาวังรักใคร่ชอบพออีกด้วย"
ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษานึกไม่ถึงกับเรื่องนี้
ขุนเทพชำนาญฉุกคิดขึ้น
"คุณหลวงจะใช้เหตุนี้ ยุให้อ้ายศรีขันทินผิดใจกับออกญาวังหรือเจ้าคะ"
หลวงศรีมะโนราชหัวเราะชอบใจ
"ใช่ ยิ่งถ้าผิดใจถึงขั้นถูกถอดจากหัวหน้าขันทีได้ก็ยิ่งดี"
" แต่คุณหลวงสัญญาแล้ว ว่าจะไม่ทำร้ายคุณพระศรีนะเจ้าคะ"
"ข้าจะไปทำได้อย่างไร แลถึงออกญาวังก็ทำไม่ได้ เพียงแต่เรื่องน่าอับอายนี้ คงทำให้นายเอ็งไม่ได้รับความไว้วางใจเหมือนเดิม ส่วนพ่อแม่ผู้หญิงก็คงต้องเร่งให้ลูกสาวตนออกเรือนกับออกญาวังเท่านั้นเอง เช่นนี้เอ็งกับข้าก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่"
เยื้อนยิ้มออกมาดีใจ ในที่สุดก็ขจัดแมงเม่าออกไปจากขันทองได้
หลวงศรีมะโนราชมองเยื้อน แล้วยิ้มหยันอย่างดูถูก หล่อนก็แค่ถูกเขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานขันทองเท่านั้นเอง
อ่านต่อตอนที่ 13